วันเวลาปัจจุบัน 27 เม.ย. 2024, 11:30  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.พ. 2011, 10:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 ต.ค. 2008, 13:20
โพสต์: 821


 ข้อมูลส่วนตัว


หลวงพ่อปราโมทย์ : หรือพวกเราสังเกตให้ดี ช่วงไหนราคะมากนะ อีกช่วงหนึ่งโทสะจะแรง ลองดูสิจริงหรือเปล่า? มันจะเหวี่ยงเหมือนลูกตุ้นนาฬิกานะ ถ้าเหวี่ยงซ้ายแรงก็เหวี่ยงขวาแรง กลับข้างแรง นี่มันคือความไม่แน่นอน แปรปรวน

การที่สิ่งทั้งหลายเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงไปนี่ เราบังคับไม่ได้จริงนะ คำว่าบังคับไม่ได้คือคำว่า “อนัตตา” การที่ทุกอย่างมันเคลื่อนไหว มันเปลี่ยนแปลงนะ มันเป็น “อนิจจัง” มันทนอยู่กับที่ไม่ได้เรียกว่า “ทุกขัง” มันถูกบีบคั้นอยู่กับที่ไม่ได้ แล้วมันบังคับไม่ได้

สิ่งทั้งหลายนะ จะมีอยู่ก็เพราะเหตุ ถ้าเหตุมันดับไป มันก็ดับไป สิ่งทั้งหลายเกิดจากเหตุ ถ้าเหตุดับตัวมันก็ดับ เป็นอย่างนี้ตลอด ไม่มีใครบังคับได้ นี้เรียกว่าอนัตตา

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๖ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๓
http://www.dhammada.net/page/8/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 มี.ค. 2011, 09:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 เม.ย. 2009, 22:00
โพสต์: 406

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


wincha เขียน:
หลวงพ่อปราโมทย์ : หรือพวกเราสังเกตให้ดี ช่วงไหนราคะมากนะ อีกช่วงหนึ่งโทสะจะแรง ลองดูสิจริงหรือเปล่า? มันจะเหวี่ยงเหมือนลูกตุ้นนาฬิกานะ ถ้าเหวี่ยงซ้ายแรงก็เหวี่ยงขวาแรง กลับข้างแรง นี่มันคือความไม่แน่นอน แปรปรวน

การที่สิ่งทั้งหลายเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงไปนี่ เราบังคับไม่ได้จริงนะ คำว่าบังคับไม่ได้คือคำว่า “อนัตตา” การที่ทุกอย่างมันเคลื่อนไหว มันเปลี่ยนแปลงนะ มันเป็น “อนิจจัง” มันทนอยู่กับที่ไม่ได้เรียกว่า “ทุกขัง” มันถูกบีบคั้นอยู่กับที่ไม่ได้ แล้วมันบังคับไม่ได้

สิ่งทั้งหลายนะ จะมีอยู่ก็เพราะเหตุ ถ้าเหตุมันดับไป มันก็ดับไป สิ่งทั้งหลายเกิดจากเหตุ ถ้าเหตุดับตัวมันก็ดับ เป็นอย่างนี้ตลอด ไม่มีใครบังคับได้ นี้เรียกว่าอนัตตา



กิเลส เกิดขึ้นก็ต้องฝีน ต้องข่ม ไม่ใช่ปล่อยให้ไหลตามมันไป แล้วตีความเข้าข้างตัวเองว่า
มันเป็น อนิจจัง ทุกขัง ฯ
ต้องใช้ สติ ข่มกิเลสซิครับ โดยใช้คำภาวนาจากกรรมฐานกองใดกองหนึ่ง เช่น พุทโธ เมตตา อสุภะ
พยายามผูกจิตไว้กับอารมกรรมฐาน
ถ้ารอให้กิเลสเกิด แล้วตามดูกิเลส หรือจะเรียกว่าดูจิตก็แล้วแต่ เด๋วก็ได้ไปทำผิดศีลผิดธรรมจนได้เพราะมันเอาไม่ทัน ประคองจิตให้อยู่ในอารมณ์กรรมฐานซะ กิเลสก็จะเข้าได้ยากนะครับ

อ้างคำพูด:
สิ่งทั้งหลายนะ จะมีอยู่ก็เพราะเหตุ ถ้าเหตุมันดับไป มันก็ดับไป สิ่งทั้งหลายเกิดจากเหตุ ถ้าเหตุดับตัวมันก็ดับ เป็นอย่างนี้ตลอด ไม่มีใครบังคับได้ นี้เรียกว่าอนัตตา


หรงพ่อน่าจะสอนให้ญาติโยมเขาพยายาม ระงับ ข่ม กิเลส มิใช่ตามกิเลสนะครับ หรงพ่อ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 มี.ค. 2011, 17:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


นักธรรมต้องตีความให้แจ้ง ความถูกต้องของอภิธรรมคือสิ่งทั้งหลายทั้งปวงล้วนตกอยู่ในกฎของพระไตรลักษณ์ เราไม่สามารถผืนความแก่ความเปลี่ยนแปลงรูปได้แต่เราฝืนนามได้ด้วยปัญญา ไม่ว่าโทษะ โมหะจะเกิดขึ้น เราควรจะเป็นคนที่อดทน อดกลั้นให้ถึงที่สุดอย่าระบายออกทางทวารทั้ง5

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มี.ค. 2011, 01:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


น้ำใส ด้วย ตาดีด้วย

แล้วก็ตามจริตด้วย

แต่สุดท้ายก็ต้องเห็นไตรลักษณ์ เห็นอริยสัจ ตัดกิเลสใช่มั้ยครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มี.ค. 2011, 08:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


wincha เขียน:
หลวงพ่อปราโมทย์ : หรือพวกเราสังเกตให้ดี ช่วงไหนราคะมากนะ อีกช่วงหนึ่งโทสะจะแรง ลองดูสิจริงหรือเปล่า? มันจะเหวี่ยงเหมือนลูกตุ้นนาฬิกานะ ถ้าเหวี่ยงซ้ายแรงก็เหวี่ยงขวาแรง กลับข้างแรง นี่มันคือความไม่แน่นอน แปรปรวน

การที่สิ่งทั้งหลายเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงไปนี่ เราบังคับไม่ได้จริงนะ คำว่าบังคับไม่ได้คือคำว่า “อนัตตา” การที่ทุกอย่างมันเคลื่อนไหว มันเปลี่ยนแปลงนะ มันเป็น “อนิจจัง” มันทนอยู่กับที่ไม่ได้เรียกว่า “ทุกขัง” มันถูกบีบคั้นอยู่กับที่ไม่ได้ แล้วมันบังคับไม่ได้

สิ่งทั้งหลายนะ จะมีอยู่ก็เพราะเหตุ ถ้าเหตุมันดับไป มันก็ดับไป สิ่งทั้งหลายเกิดจากเหตุ ถ้าเหตุดับตัวมันก็ดับ เป็นอย่างนี้ตลอด ไม่มีใครบังคับได้ นี้เรียกว่าอนัตตา

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๖ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๓
http://www.dhammada.net/page/8/


ปฏิจจสมุปบาท อิทัปปัจจยตา ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้มาสั่งสอน แจ่มแจ้ง ละเอียด ลึกซึ้ง กว้างขวาง เป็นจริงที่สุดแล้ว

ใครก็ไม่ต้องยกเรื่องนี้มาอธิบายทับพระพุทธเจ้า

ไม่ใช่เรื่องใหม่เลย

ที่ยกตัวอย่างมาก็ไม่เห็นจะลึกซึ้ง สร้างความเข้าใจได้ดีแต่อย่างไร

สู้ให้พระพุทธธรรมอยู่อย่างบริสุทธิ์เช่นเดิมจะดีกว่า

เตี้ยแล้วอย่าสอดตาเห็นทำตัวสูงรู้เรื่องนอกกำแพงที่สูงกว่าตาตน



.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มี.ค. 2012, 22:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 มี.ค. 2012, 17:36
โพสต์: 210


 ข้อมูลส่วนตัว


อายะ เขียน:
wincha เขียน:
หลวงพ่อปราโมทย์ : หรือพวกเราสังเกตให้ดี ช่วงไหนราคะมากนะ อีกช่วงหนึ่งโทสะจะแรง ลองดูสิจริงหรือเปล่า? มันจะเหวี่ยงเหมือนลูกตุ้นนาฬิกานะ ถ้าเหวี่ยงซ้ายแรงก็เหวี่ยงขวาแรง กลับข้างแรง นี่มันคือความไม่แน่นอน แปรปรวน

การที่สิ่งทั้งหลายเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงไปนี่ เราบังคับไม่ได้จริงนะ คำว่าบังคับไม่ได้คือคำว่า “อนัตตา” การที่ทุกอย่างมันเคลื่อนไหว มันเปลี่ยนแปลงนะ มันเป็น “อนิจจัง” มันทนอยู่กับที่ไม่ได้เรียกว่า “ทุกขัง” มันถูกบีบคั้นอยู่กับที่ไม่ได้ แล้วมันบังคับไม่ได้

สิ่งทั้งหลายนะ จะมีอยู่ก็เพราะเหตุ ถ้าเหตุมันดับไป มันก็ดับไป สิ่งทั้งหลายเกิดจากเหตุ ถ้าเหตุดับตัวมันก็ดับ เป็นอย่างนี้ตลอด ไม่มีใครบังคับได้ นี้เรียกว่าอนัตตา



กิเลส เกิดขึ้นก็ต้องฝีน ต้องข่ม ไม่ใช่ปล่อยให้ไหลตามมันไป แล้วตีความเข้าข้างตัวเองว่า
มันเป็น อนิจจัง ทุกขัง ฯ
ต้องใช้ สติ ข่มกิเลสซิครับ โดยใช้คำภาวนาจากกรรมฐานกองใดกองหนึ่ง เช่น พุทโธ เมตตา อสุภะ
พยายามผูกจิตไว้กับอารมกรรมฐาน
ถ้ารอให้กิเลสเกิด แล้วตามดูกิเลส หรือจะเรียกว่าดูจิตก็แล้วแต่ เด๋วก็ได้ไปทำผิดศีลผิดธรรมจนได้เพราะมันเอาไม่ทัน ประคองจิตให้อยู่ในอารมณ์กรรมฐานซะ กิเลสก็จะเข้าได้ยากนะครับ

อ้างคำพูด:
สิ่งทั้งหลายนะ จะมีอยู่ก็เพราะเหตุ ถ้าเหตุมันดับไป มันก็ดับไป สิ่งทั้งหลายเกิดจากเหตุ ถ้าเหตุดับตัวมันก็ดับ เป็นอย่างนี้ตลอด ไม่มีใครบังคับได้ นี้เรียกว่าอนัตตา


หรงพ่อน่าจะสอนให้ญาติโยมเขาพยายาม ระงับ ข่ม กิเลส มิใช่ตามกิเลสนะครับ หรงพ่อ



:b8: :b8: :b8: :b8: :b8:

.....................................................
กระบี่อยู่ที่ใจ : เมตตาธรรมค้ำจุนโลก


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 39 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร