วันเวลาปัจจุบัน 28 เม.ย. 2024, 20:09  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 426 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 18, 19, 20, 21, 22, 23, 24 ... 29  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ม.ค. 2014, 01:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


suttiyan เขียน:
จากสภาพธรรมของ คุณstudent

การหายใจเข้าออก ผมเองนั้นกำหนดรู้ การหายใจเข้าที่ลิ้นปี่ ลงไปที่ท้อง พอหายใจออกกำหนดรู้ที่ลิ้นปี่กินบริเวณที่ท้องและหน้าอก แต่กำหนดรู้ต่อจนสุดลมหายใจ จนกระทั่งธรรมที่ในใจกลางอกผุดขึ้นมาชัดเจน ธรรมที่ผุดขึ้นมานี้ผมเองไม่รู้ว่าเป็นอะไร แต่เขียนอยู่เสมอว่า ธรรมส่วนหทัย เพราะอิงอารมณ์เมื่อเกิดขึ้นในเวลาปกติ เช่นโมโหปุ๊บ แล้วคิดตำหนิ ตรงกลางในหน้าอกจะวาบฟูขึ้นมา เหมือนความคิดตำหนิ ทำสำเร็จแล้ว(กิเลส)มีผลเป็นอกุศลธรรม กลางหน้าอกก็วาบขึ้นมา ผมคิดว่าน่าจะเป็นฐานของอารมณ์ ในกรณีที่หายใจออกสุด แล้วกำหนดรู้ต่อว่าสุดแล้วไปไหน ก็สังเกตุว่าธรรมตรงกลางหน้าผุดขึ้นมา เป็นลักษณะผ่อนคลาย รู้สึกดี เหมือนความเคลียดที่ค้างอยู่โดนตัดตรงขั่ว จึงคิดไปเองว่าเป็นฐานอารมณ์แน่ๆ

เมื่อผู้ปฏิบัติได้สังเกตความเป็นไปของกายและใจ ก็จะเห็นถึงความสัมพันธ์ของปรากฏการณ์ ดั่งนัยะพระพุทธองค์ได้กล่าวว่า เพราะสิ่งนี้มี จึงมีสิ่งนี้ สิ่งนี้(แรก) เป็นเหตุ สิ่งนี้(หลัง)เป็นผล แต่เมื่อผู้ปฏิบัติเห็นจะไปเห็นผลก่อน เช่น เมื่อโมโหแล้วคิดตำหนิ(อารมณ์)เป็นผล และเมื่อรู้เท่าทัน ความโมโหดับลง ตรงกลางหน้าอก(ฐานอารมณ์)เป็นเหตุ จะวาบดับตาม จิตจะฟูขึ้นมา (ผลของตทังคนิพพาน)


:b8: :b8: :b8:

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ม.ค. 2014, 22:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


วันนี้ขอพูดเรื่องสติสำหรับการฝึก สติคือเครื่องกั้นกระแสแห่งโลก หากเราตั้งใจกำหนดรู้นอกเหนือจากที่เรานั่งสมาธิ ในเวลาปกติ ก็ใช้สติอยู่กับอริยบท และผัสสะที่เกิดเพราะปสาทรูป5ให้เป็นนิสัยครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.พ. 2014, 03:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


วันนี้ก็คงเป็นอีกวันที่ดำเนินไปเหมือนเช่นทุกวัน มีหลายอารมณ์ที่ผุดขึ้นมา ต่อจากนี้ไปก็ต้องคอยลุ้นว่า ลูกจะติดหรือปล่าว เพราะว่าแฟนได้ไปติดต่อทำ IVF อีกครั้ง ครั้งนี้ได้เริ่มมาได้ 2 อาทิตย์แล้ว ขั้นตอนก็มี การฉีดยาเพื่อกระตุ้นให้ใข่ในรังไข่โต โดยการฉีดเช้าเย็น และทุกวัน ต้องไปเจาะเลือด และทำอุลตร้าซาวด์ดูการเจริญของใข่ในรังไข่ เมื่อวานนี้ หมอได้ให้ข้อมูลว่าไข่โต4ใบพร้อมที่จะใช้ในการทำขั้นตอนต่อไป โดยการฉีดยากระตุ้นค่า HCG คือค่าที่ตัวเลขจะสูงขึ้นทุกวันเพื่อแสดงให้เห็นถึงการที่ผู้หญิงตั้งท้องอยู่ โดยการฉีดยาทุกครั้งต้องฉีดด้วยตัวเองที่บ้าน เพราะต้องฉีดเวลา 6 โมงเช้า และ 4 ทุ่ม โดยที่ค่ายาตกอยู่ประมาณ 3 แสนบาทไม่รวมค่าหมอ ค่าหมออีก 4 แสนบาท ซึ่งจ่ายไปครบทั้ง2อย่างแล้ว ถ้าถามว่าเสียดายไหม ไม่เสียดายครับ เพราะเราจะไม่เสียใจหากย้อนกลับมาคิดทีหลัง แต่จะโทษตัวเองหากว่าเราไม่คิดจะทำอะไรเลย

ขั้นตอนต่อไปก็จะต้องเอาผสมกับเชื้อ และฟักให้ไข่มีการปฏิสนธิ 3 ถึง 4 วัน จากนั้นก็นำเอาไข่ที่ค่าปฏิสนธิอยู่ในระดับที่เจริญเติบโต แล้วเอาไปฝังในมดลูกของแฟนอีกครั้ง และจากนั้นก็ต้องคอยตรวจดูค่า HCG ว่าค่าต้องสูงขึ้นทุกวัน นี่แหละครับ ที่จากวันนี้ไปก็ต้องคอยลุ้น
ส่วนตัวก็มีความเห็นว่า อยากจะแชร์ถึงความรู้ในเรื่อง IVF หากท่านใดที่มีปัญหาเรื่องมีลูกยาก พอจะเห็นเป็นไอเดียว่า เขาทำอะไรกันบ้าง เป็นวิทยาทานครับผม

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.พ. 2014, 00:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ตอนนี้กำลังนั่งอยู่ข้างแฟน เข้าสู่ขั้นตอนการนำไข่ออกจากรังไข่ เห็นการฉีดยาสลบ และเข้าห้องน้ำเพื่อปัสสวะให้เหลือในร่างกายให้น้อยทีสุดและงดน้ำงดอาหารตั้งแต่เมื่อคืน จากนั้นผมก็ออกมานั่งรอข้างนอกห้อง พยาบาลถามผมว่าเล่นเกมส์อยู่เหรอ ผมบอกว่าปล่าว! กำลังพิมพ์อัพเดจ เวปธรรมจักรครับ (ฮา)

เมื่อคืนก็นั่งสมาธิ และสังเกตุธรรมที่ปรากฎ เพราะเมื่อวานสนทนาเรื่องนิวรณ์ทั้ง5

อ้อ เห็นพยาบาลบอกว่ามีไข่ที่โต 20 ใบ ข้างละ10 ใบ ถือว่าค่อนข้างเยอะดีครับผม

ต่อขั้นตอนต่อไปนะครับ วันหลัง

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.พ. 2014, 02:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


แฟนพื้นจากยาสลบแล้วครับ ได้ไข่18 ใบ บ่นปวดท้อง พยาบาลให้กินยา2 เม็ด แต่เนื่องจากว่าเป็นยาดูดซึมช้า อาการปวดจึงยังไม่หาย จนต้องขอยาฉีดแก้ปวด ครึ่งโด๊ต (25 micrograms) แบบแรง อาการปวดจึงทุเลาลง ตกลงได้ไข่18 ใบ มี1 ใบที่ใช้งานไม่ได้
ต่อโอกาสหน้าครับผม

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.พ. 2014, 08:19 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


:b1:

....


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.พ. 2014, 15:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อคืนนั่งสมาธิ รู้สึกถึงความหนักไปทางกำหนดรู้เวทนาของกาย ความปวดตามส่วนต่างๆของร่างกาย ความมีสติอยู่ที่กาย

พอตอนเช้าก็ครบวันที่3 ที่ต้องเอาเอมเบียลเข้าสู่มดลูก ต้องขับรถพาแฟนไปโรงพยาบาล เอมเบียลที่สมบูรณ์ต้องมีการแตกเซล6 เซล ขึ้นไป ทีนี้หมอเลือกเอา8 เซล มา3 เอมเบียล และฉีดเข้ามดลูกเป็นอันเสร็จขบวนการ ทีนี้เหลือแต่การฉีดยาทุกวันเข้าสู่กล้ามเนื้อ และควบคุมการกินอาหารที่ต้องมีโปรตีนเยอะๆ มีข้องดเว้นเช่น งดกินปลาใหญ่ เพราะมี mercury สูง งดเว้นถั่วงอก เป็นต้น

ทีนี้ก็รอ 2 อาทิตย์เพื่อไปตรวจว่าท้องหรือไม่ ต่อโอกาสหน้าครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.พ. 2014, 01:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


วันนี้มาฆบูชา ก็ตั้งใจที่จะปฎิบัติให้ดีที่สุด เมื่อเช้าก็เริ่มต้นวันใหม่ด้วยการนั่งสมาธิ

ก็ดูลมหายใจเช่นปกติ ดูให้เห็นจังหวะหายใจ พิจารณาว่าถ้าเราไม่หายใจ เราตายแน่นอน ช่วงลมหายใจออกสุด ร่างกายก็มีปฏิกิริยาทันทีว่า ต้องการอากาศด่วน ก็ดูไปเรื่อยๆ สลับกับ เมื่อมีเสียงดังก็เอาจิตมาจับดูที่โสต ดูจนเสียงเงียบไปแล้วสังเกตุว่าจิตเข้าสู่ความสนิท คือไม่มีที่จับ เพราะที่จับดับลงไปแล้ว ต่อโอกาสหน้าครับผม

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.พ. 2014, 22:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


รู้สึกตัวว่ากลับมาเป็นstudentคนเดิมอีกครั้ง เพราะเริ่มตั้งคำถาม มีข้อสงสัยในธรรมว่าจากนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้น อยากรู้อยากเห็น หลังจากติดอยู่เป็นเดือนๆ ธรรมอันลึกซึ้งยังมีอยู่ คำถามต้องตามมา เพื่อหาอุบายในการเข้าไปรู้ธรรมครับ

ตอนนี้เป็นแค่คำถาม มีความคืบหน้าจะเข้ามารายงานผลการปฎิบัติครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.พ. 2014, 01:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อคืนนั่งสมาธินานกว่าปกติ รู้สึกถึงความตั้งใจ ความตั้งใจที่ว่าไม่ใช่ความขี้เกียจไม่ขี้เกียจ แต่เป็นการเข้าไปรู้สภาวะธรรมเช่น ร้อน หนาว แข็ง อ่อน สภาวะธรรมตามจุดต่างๆ บางคนอาจจะถนัดกำหนดลมหายใจเข้าออก สำหรับผมนั้นชอบทุกอย่างครับ ชอบทุกอย่างในที่นี้คือ จิตอยู่ที่ไหน ก็รู้ที่นั่น บางทีธรรมเยอะแยะไปหมด ไม่รู้จะกำหนดรู้อะไรก่อนดี เช่นจิตอยู่ที่มือ กำหนดอาการก็ได้ ปวดเมื่อย (นาม-เวทนา)อุณหภูมิก็ได้(ธาตุไฟ) ธาตดินก็ได้ (ความนุ่มของมือ) เกี่ยวอะไรกับการเกิดดับของนามรูป เกี่ยวครับ สมมุติจิตจับที่อุณหภูมิ (ธาตุไฟ)รูปนามตัวอื่นดับลงแล้วครับ ธาตุดินดับลง(ความนุ่มของมือ) เจตสิกดับลง(เวทนา-ความปวดเมื่อย)

ถ้ากำหนดลมหายใจ จะกำหนดได้เช่น ธาตุดิน(ความปรากฏเป็นของแข็ง-เป็นก้อน-เป็นสัดส่วน)
เจตสิก (อาการ-เวทนา)เช่นความอึดอัด ความผ่อนคลาย (ความผ่อนคลายไม่ใช่ธาตุดิน หรือ ธาตุไฟนะครับ แต่เป็น นาม เป็นเวทนาขันธ์)

บางคนจิตนิ่งจนลมหายใจละเอียด เป็นญาณขึ้นมา เป็นสมาธิ

ที่ผมติดตามอยู่ตอนนี้ก็จะเป็น นามรูปดับลงแล้วจิตตั้งอยู่ตรงไหน คำถามนี้ผมตั้งคำถามตัวเองนานแล้วครับ ถ้าไปเปิดหนังสือดู ก็จะได้คำตอบ แต่เป็นคำตอบที่เรายังไม่แจ้งแก่ตัว จึงต้องเข้าไปค้นหาคำตอบด้วยตนเอง

หลังจากพิจารณา จะพบว่าเกิดผัสสะ- กำหนดรู้นามรูป- ธรรมดับลง(อะไรก็ได้ ธาตุดิน-น้ำ-ลม-ไฟ-เวทนา-จิต ตัวใดตัวหนึ่ง เพราะว่าธรรมเกิดดับต่างสภาวะกัน และไม่พร้อมกัน เช่น จะกำหนดจิตให้รู้ธาตุทั้ง4พร้อมกัน ในเวลาเดียวกันนั้น ความเห็นผมนั้น เป็นฐานะที่เป็นไปไม่ได้ ถ้านักปฎิบัติมท่านใดทำได้ โปรดเมตตาสั่งสอนด้วยครับว่าทำอย่างไร

ก็จะพบว่า จิตวกกลับมาอยู่บริเวณหน้าผาก ความกับความตั้งมั่น(ผัสสะกลับมาอยู่ที่หน้าผาก)

ต่อวันหลังครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.พ. 2014, 08:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
เมื่อคืนนั่งสมาธินานกว่าปกติ รู้สึกถึงความตั้งใจ ความตั้งใจที่ว่าไม่ใช่ความขี้เกียจไม่ขี้เกียจ แต่เป็นการเข้าไปรู้สภาวะธรรมเช่น ร้อน หนาว แข็ง อ่อน สภาวะธรรมตามจุดต่างๆ บางคนอาจจะถนัดกำหนดลมหายใจเข้าออก สำหรับผมนั้นชอบทุกอย่างครับ ชอบทุกอย่างในที่นี้คือ จิตอยู่ที่ไหน ก็รู้ที่นั่น บางทีธรรมเยอะแยะไปหมด ไม่รู้จะกำหนดรู้อะไรก่อนดี เช่นจิตอยู่ที่มือ กำหนดอาการก็ได้ ปวดเมื่อย (นาม-เวทนา)อุณหภูมิก็ได้(ธาตุไฟ) ธาตดินก็ได้ (ความนุ่มของมือ) เกี่ยวอะไรกับการเกิดดับของนามรูป เกี่ยวครับ สมมุติจิตจับที่อุณหภูมิ (ธาตุไฟ)รูปนามตัวอื่นดับลงแล้วครับ ธาตุดินดับลง(ความนุ่มของมือ) เจตสิกดับลง(เวทนา-ความปวดเมื่อย)

ถ้ากำหนดลมหายใจ จะกำหนดได้เช่น ธาตุดิน(ความปรากฏเป็นของแข็ง-เป็นก้อน-เป็นสัดส่วน)
เจตสิก (อาการ-เวทนา)เช่นความอึดอัด ความผ่อนคลาย (ความผ่อนคลายไม่ใช่ธาตุดิน หรือ ธาตุไฟนะครับ แต่เป็น นาม เป็นเวทนาขันธ์)

บางคนจิตนิ่งจนลมหายใจละเอียด เป็นญาณขึ้นมา เป็นสมาธิ

ที่ผมติดตามอยู่ตอนนี้ก็จะเป็น นามรูปดับลงแล้วจิตตั้งอยู่ตรงไหน คำถามนี้ผมตั้งคำถามตัวเองนานแล้วครับ ถ้าไปเปิดหนังสือดู ก็จะได้คำตอบ แต่เป็นคำตอบที่เรายังไม่แจ้งแก่ตัว จึงต้องเข้าไปค้นหาคำตอบด้วยตนเอง

หลังจากพิจารณา จะพบว่าเกิดผัสสะ- กำหนดรู้นามรูป- ธรรมดับลง(อะไรก็ได้ ธาตุดิน-น้ำ-ลม-ไฟ-เวทนา-จิต ตัวใดตัวหนึ่ง เพราะว่าธรรมเกิดดับต่างสภาวะกัน และไม่พร้อมกัน เช่น จะกำหนดจิตให้รู้ธาตุทั้ง4พร้อมกัน ในเวลาเดียวกันนั้น ความเห็นผมนั้น เป็นฐานะที่เป็นไปไม่ได้ ถ้านักปฎิบัติมท่านใดทำได้ โปรดเมตตาสั่งสอนด้วยครับว่าทำอย่างไร

ก็จะพบว่า จิตวกกลับมาอยู่บริเวณหน้าผาก ความกับความตั้งมั่น(ผัสสะกลับมาอยู่ที่หน้าผาก)

ต่อวันหลังครับ




จะรู้การเกิด-ดับ ของสภาวะที่เกิดขึ้น แต่ละขณะ
ขึ้นอยู่กับกำลังของ สมาธิ สติ สัปชัญญะ ที่เกิดขึ้น ขณะนั้นๆ
การรู้ชัด จะรู้ในแต่ละขณะๆๆๆๆ ของแต่ละสภาวะที่เกิดขึ้น(เกิด-ดับ)

ถ้ากำลังสมาธิ ไม่ล้ำหน้าสติ เป็นเหตุให้ สัมปชัญญะ เกิดขึ้น
เป็นเหตุให้ เกิดความรู้สึกตัวทั่วพร้อม ขณะจิตเป็นสมาธิอยู่
เป็นเหตุให้รู้ชัด การเกิด-ดับ ของสภาวะที่เกิดขึ้น ในแต่ละขณะ
ความคิดจะน้อย(จิตคิดพิจรณา)

ถ้ากำลังสติ ล้ำหน้าสมาธิ เป็นเหตุให้ สัมปชัญญะ เกิดขึ้น
เป็นเหตุให้ เกิดความรู้สึกตัวทั่วพร้อม ขณะจิตเป็นสมาธิอยู่

เหตุของ กำลังสติ มีมากกว่า สมาธิที่เกิดขึ้น
เป็นเหตุให้ จิตเกิดการคิดพิจรณา พร้อมทั้ง รู้ชัดอยู่ที่กายด้วย ขณะเป็นสมาธิอยู่


ถ้ากำลังสมาธิ ล้ำหน้าสติ เป็นเหตุให้ สัมปชัญญะ อ่อนกำลังลง
ขณะจิตเป็นสมาธิอยู่ อาจจะจมแช่อยู่กับความนิ่ง หรือ ดับอย่างเดียว
ขาดความรู้ชัด ของสภาวะที่เกิดขึ้น ในแต่ละขณะๆๆๆ


หากมีโอภาส ความสว่าง จะเกิดขึ้นมากหรือน้อย
ขึ้นอยู่กับ กำลังสมาธิ ที่เกิดขึ้น ขณะนั้นๆ

หากกำลังสมาธิ ไม่ล้ำหน้าสติ ถึงแม้มีโอภาสเกิดขึ้น
ก็ยังมีจิตคิดพิจรณาเกิดขึ้นได้ และรู้ชัดของการเกิด-ดับ ในสภาวะที่เกิดขึ้น แต่ละขณะ

หากกำลังสมาธิล้ำหน้าสติ จะรู้แค่ว่ามีโอภาสเกิดขึ้น
แต่จะไม่รู้กาย ไม่รู้ชัดในสภาวะอื่นๆ ส่วนจะเกิดขึ้นนานหรือไม่ ขึ้นอยู่กับกำลังสมาธิ


ไม่ว่าสภาวะใดๆเกิดขึ้น ขณะจิตเป็นสมาธิ
จะเกิดการรู้ชัดสภาวะต่างๆที่เกิดขึ้น ขึ้นอยู่กับ กำลังสมาธิ และสติ ที่เกิดขึ้น ขณะนั้นๆ

เรื่องการรู้ชัด สภาวะแต่ละขณะๆๆๆ เห็นการเกิด-ดับ สภาวะที่เกิดขึ้น แต่ละขณะๆๆๆ
เป็นความปกติของ สภาวะ สัมมาสมาธิ (ความรู้สึกตัวทั่วพร้อม ขณะจิตเป็นสมาธิอยู่)

คำเรียกต่างๆ ที่ใส่ลงในสภาวะที่เกิดขึ้น
ขึ้นอยู่กับ เหตุปัจจัยที่มีอยู่ และที่ทำให้เกิดขึ้นใหม่

บางคนติดอุปกิเลส จมแช่กับสภาวะนี้อยู่นาน
จนกว่า จิตเกิดการปล่อยวาง ต่อสภาวะที่เกิดขึ้น
หลุดจากคำเรียกตามสมมุติบัญญัติที่มีอยู่ สภาวะจะดำเนินต่อไป ตามเหตุปัจจัย

หากแม้ ใส่คำเรียกต่างๆลงในสภาวะที่เกิดขึ้น(เหตุปัจจัยที่มีอยู่และที่ทำให้เกิดขึ้นใหม่) ด้วยความเคยชิน
แต่ไม่ได้มีความสำคัญหมายมั่นในคำเรียกนั้นๆ กับสภาวะที่เรียกว่านั่น ว่านี่(ไม่นำไปสร้างเหตุนอกตัว และ ไม่ยึดติดกับสภาวะที่เกิดขึ้น)

อุปกิเลส ย่อมไม่เกิด
ความชอบใจ(อยากให้เกิด)
ไม่ชอบใจ(ผลักไส/ไม่อยากให้เกิด) ย่อมไม่มีเกิดขึ้น

บางคน อาจจมแช่สภาวะนี้ เป็นเวลา นานมาก หรือ น้อยแค่ไหน
ขึ้นอยู่กับ การสร้างเหตุนอกตัว(ตามความรู้สึกนึกคิดที่เกิดขึ้น)
ที่เกิดจากผัสสะ ในแต่ละขณะๆๆๆๆ ที่เกิดขึ้นด้วย


สรุป การรู้ชัดในสภาวะที่เกิด-ดับ แต่ละขณะ ที่เกิดขึ้น ขณะจิตเป็นสมาธิอยู่
เป็นความปกติของสภาวะที่เกิดขึ้น เหตุจาก กำลังสมาธิ และ สติ ที่เกิดขึ้น

ไม่ใช่เรื่องผิดวิสัย หรือ มีความวิเศษใดๆ หรือ ได้อะไร เป็นอะไร
คำเรียกต่างๆ เป็นเพียงใช้ ในการสื่อสาร เรื่องราวของสภาวะที่เกิดขึ้น

สิ่งที่สำคัญ ที่ส่งผลกระทบต่อ สภาวะที่เกิดขึ้น ในการปฏิบัติ(ทำความเพียร)
คือ การสร้างเหตุนอกตัว ที่เกิดจาก ผัสสะ เป็นเหตุปัจจัย



เหตุของความเกิดขึ้น

ความยึดมั่นถือมั่น กับสภาวะที่เกิดขึ้น ขณะจิตเป็นสมาธิอยู่
เป็นเหตุให้ อุปกิเลสเกิด

การสร้างเหตุนอกตัว(ตามความรู้สึกนึกคิดที่เกิดขึ้น) เกิดจาก ผัสสะ เป็นเหตุปัจจัย
เมื่อมีเหตุ ย่อมมีผล(ภพชาติปัจจุบัน ที่เกิดขึ้นใหม่)


เป็นการแบ่งปันกัน เกี่ยวกับเรื่องราวของสภาวะต่างๆ
ที่เกิดขึ้น ทั้งภายนอก และ ภายใน

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.พ. 2014, 02:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณ Walaiporn ครับ ที่เข้ามาแบ่งปันความรู้ เป็นประโยชน์และตรงจุดกับการปฎิบัติที่พิจารณาสภาวะธรรมที่มีสมาธิ สติ กำลังของการกำหนดรู้ ก็ฝากให้ทุกท่านที่เข้ามาอ่านย้อนกลับขึ้นไปอ่านอีกครั้งครับผม

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.พ. 2014, 08:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
student เขียน:
เมื่อคืนนั่งสมาธินานกว่าปกติ รู้สึกถึงความตั้งใจ ความตั้งใจที่ว่าไม่ใช่ความขี้เกียจไม่ขี้เกียจ แต่เป็นการเข้าไปรู้สภาวะธรรมเช่น ร้อน หนาว แข็ง อ่อน สภาวะธรรมตามจุดต่างๆ บางคนอาจจะถนัดกำหนดลมหายใจเข้าออก สำหรับผมนั้นชอบทุกอย่างครับ ชอบทุกอย่างในที่นี้คือ จิตอยู่ที่ไหน ก็รู้ที่นั่น บางทีธรรมเยอะแยะไปหมด ไม่รู้จะกำหนดรู้อะไรก่อนดี เช่นจิตอยู่ที่มือ กำหนดอาการก็ได้ ปวดเมื่อย (นาม-เวทนา)อุณหภูมิก็ได้(ธาตุไฟ) ธาตดินก็ได้ (ความนุ่มของมือ) เกี่ยวอะไรกับการเกิดดับของนามรูป เกี่ยวครับ สมมุติจิตจับที่อุณหภูมิ (ธาตุไฟ)รูปนามตัวอื่นดับลงแล้วครับ ธาตุดินดับลง(ความนุ่มของมือ) เจตสิกดับลง(เวทนา-ความปวดเมื่อย)

ถ้ากำหนดลมหายใจ จะกำหนดได้เช่น ธาตุดิน(ความปรากฏเป็นของแข็ง-เป็นก้อน-เป็นสัดส่วน)
เจตสิก (อาการ-เวทนา)เช่นความอึดอัด ความผ่อนคลาย (ความผ่อนคลายไม่ใช่ธาตุดิน หรือ ธาตุไฟนะครับ แต่เป็น นาม เป็นเวทนาขันธ์)

บางคนจิตนิ่งจนลมหายใจละเอียด เป็นญาณขึ้นมา เป็นสมาธิ

ที่ผมติดตามอยู่ตอนนี้ก็จะเป็น นามรูปดับลงแล้วจิตตั้งอยู่ตรงไหน คำถามนี้ผมตั้งคำถามตัวเองนานแล้วครับ ถ้าไปเปิดหนังสือดู ก็จะได้คำตอบ แต่เป็นคำตอบที่เรายังไม่แจ้งแก่ตัว จึงต้องเข้าไปค้นหาคำตอบด้วยตนเอง

หลังจากพิจารณา จะพบว่าเกิดผัสสะ- กำหนดรู้นามรูป- ธรรมดับลง(อะไรก็ได้ ธาตุดิน-น้ำ-ลม-ไฟ-เวทนา-จิต ตัวใดตัวหนึ่ง เพราะว่าธรรมเกิดดับต่างสภาวะกัน และไม่พร้อมกัน เช่น จะกำหนดจิตให้รู้ธาตุทั้ง4พร้อมกัน ในเวลาเดียวกันนั้น ความเห็นผมนั้น เป็นฐานะที่เป็นไปไม่ได้ ถ้านักปฎิบัติมท่านใดทำได้ โปรดเมตตาสั่งสอนด้วยครับว่าทำอย่างไร

ก็จะพบว่า จิตวกกลับมาอยู่บริเวณหน้าผาก ความกับความตั้งมั่น(ผัสสะกลับมาอยู่ที่หน้าผาก)

ต่อวันหลังครับ




จะรู้การเกิด-ดับ ของสภาวะที่เกิดขึ้น แต่ละขณะ
ขึ้นอยู่กับกำลังของ สมาธิ สติ สัปชัญญะ ที่เกิดขึ้น ขณะนั้นๆ
การรู้ชัด จะรู้ในแต่ละขณะๆๆๆๆ ของแต่ละสภาวะที่เกิดขึ้น(เกิด-ดับ)

ถ้ากำลังสมาธิ ไม่ล้ำหน้าสติ เป็นเหตุให้ สัมปชัญญะ เกิดขึ้น
เป็นเหตุให้ เกิดความรู้สึกตัวทั่วพร้อม ขณะจิตเป็นสมาธิอยู่
เป็นเหตุให้รู้ชัด การเกิด-ดับ ของสภาวะที่เกิดขึ้น ในแต่ละขณะ
ความคิดจะน้อย(จิตคิดพิจรณา)

ถ้ากำลังสติ ล้ำหน้าสมาธิ เป็นเหตุให้ สัมปชัญญะ เกิดขึ้น
เป็นเหตุให้ เกิดความรู้สึกตัวทั่วพร้อม ขณะจิตเป็นสมาธิอยู่

เหตุของ กำลังสติ มีมากกว่า สมาธิที่เกิดขึ้น
เป็นเหตุให้ จิตเกิดการคิดพิจรณา พร้อมทั้ง รู้ชัดอยู่ที่กายด้วย ขณะเป็นสมาธิอยู่


ถ้ากำลังสมาธิ ล้ำหน้าสติ เป็นเหตุให้ สัมปชัญญะ อ่อนกำลังลง
ขณะจิตเป็นสมาธิอยู่ อาจจะจมแช่อยู่กับความนิ่ง หรือ ดับอย่างเดียว
ขาดความรู้ชัด ของสภาวะที่เกิดขึ้น ในแต่ละขณะๆๆๆ


หากมีโอภาส ความสว่าง จะเกิดขึ้นมากหรือน้อย
ขึ้นอยู่กับ กำลังสมาธิ ที่เกิดขึ้น ขณะนั้นๆ

หากกำลังสมาธิ ไม่ล้ำหน้าสติ ถึงแม้มีโอภาสเกิดขึ้น
ก็ยังมีจิตคิดพิจรณาเกิดขึ้นได้ และรู้ชัดของการเกิด-ดับ ในสภาวะที่เกิดขึ้น แต่ละขณะ

หากกำลังสมาธิล้ำหน้าสติ จะรู้แค่ว่ามีโอภาสเกิดขึ้น
แต่จะไม่รู้กาย ไม่รู้ชัดในสภาวะอื่นๆ ส่วนจะเกิดขึ้นนานหรือไม่ ขึ้นอยู่กับกำลังสมาธิ


ไม่ว่าสภาวะใดๆเกิดขึ้น ขณะจิตเป็นสมาธิ
จะเกิดการรู้ชัดสภาวะต่างๆที่เกิดขึ้น ขึ้นอยู่กับ กำลังสมาธิ และสติ ที่เกิดขึ้น ขณะนั้นๆ

เรื่องการรู้ชัด สภาวะแต่ละขณะๆๆๆ เห็นการเกิด-ดับ สภาวะที่เกิดขึ้น แต่ละขณะๆๆๆ
เป็นความปกติของ สภาวะ สัมมาสมาธิ (ความรู้สึกตัวทั่วพร้อม ขณะจิตเป็นสมาธิอยู่)

คำเรียกต่างๆ ที่ใส่ลงในสภาวะที่เกิดขึ้น
ขึ้นอยู่กับ เหตุปัจจัยที่มีอยู่ และที่ทำให้เกิดขึ้นใหม่

บางคนติดอุปกิเลส จมแช่กับสภาวะนี้อยู่นาน
จนกว่า จิตเกิดการปล่อยวาง ต่อสภาวะที่เกิดขึ้น
หลุดจากคำเรียกตามสมมุติบัญญัติที่มีอยู่ สภาวะจะดำเนินต่อไป ตามเหตุปัจจัย

หากแม้ ใส่คำเรียกต่างๆลงในสภาวะที่เกิดขึ้น(เหตุปัจจัยที่มีอยู่และที่ทำให้เกิดขึ้นใหม่) ด้วยความเคยชิน
แต่ไม่ได้มีความสำคัญหมายมั่นในคำเรียกนั้นๆ กับสภาวะที่เรียกว่านั่น ว่านี่(ไม่นำไปสร้างเหตุนอกตัว และ ไม่ยึดติดกับสภาวะที่เกิดขึ้น)

อุปกิเลส ย่อมไม่เกิด
ความชอบใจ(อยากให้เกิด)
ไม่ชอบใจ(ผลักไส/ไม่อยากให้เกิด) ย่อมไม่มีเกิดขึ้น

บางคน อาจจมแช่สภาวะนี้ เป็นเวลา นานมาก หรือ น้อยแค่ไหน
ขึ้นอยู่กับ การสร้างเหตุนอกตัว(ตามความรู้สึกนึกคิดที่เกิดขึ้น)
ที่เกิดจากผัสสะ ในแต่ละขณะๆๆๆๆ ที่เกิดขึ้นด้วย


สรุป การรู้ชัดในสภาวะที่เกิด-ดับ แต่ละขณะ ที่เกิดขึ้น ขณะจิตเป็นสมาธิอยู่
เป็นความปกติของสภาวะที่เกิดขึ้น เหตุจาก กำลังสมาธิ และ สติ ที่เกิดขึ้น

ไม่ใช่เรื่องผิดวิสัย หรือ มีความวิเศษใดๆ หรือ ได้อะไร เป็นอะไร
คำเรียกต่างๆ เป็นเพียงใช้ ในการสื่อสาร เรื่องราวของสภาวะที่เกิดขึ้น

สิ่งที่สำคัญ ที่ส่งผลกระทบต่อ สภาวะที่เกิดขึ้น ในการปฏิบัติ(ทำความเพียร)
คือ การสร้างเหตุนอกตัว ที่เกิดจาก ผัสสะ เป็นเหตุปัจจัย



เหตุของความเกิดขึ้น

ความยึดมั่นถือมั่น กับสภาวะที่เกิดขึ้น ขณะจิตเป็นสมาธิอยู่
เป็นเหตุให้ อุปกิเลสเกิด

การสร้างเหตุนอกตัว(ตามความรู้สึกนึกคิดที่เกิดขึ้น) เกิดจาก ผัสสะ เป็นเหตุปัจจัย
เมื่อมีเหตุ ย่อมมีผล(ภพชาติปัจจุบัน ที่เกิดขึ้นใหม่)


เป็นการแบ่งปันกัน เกี่ยวกับเรื่องราวของสภาวะต่างๆ
ที่เกิดขึ้น ทั้งภายนอก และ ภายใน



วิปัสสนูปกิเลส เกิดขึ้นได้อย่างไร

วิปัสสนูปกิเลส แปลว่า สิ่งที่ทำให้วิปัสสนาญาณเศร้าหมอง

๑. กำลังของปัญญาเกิดจาก ๓ ญาณรวมกัน เป็นเหตุให้ "คาหธรรม" ที่อยู่ในขันธสันดานมาปรากฏในระหว่างการเจริญวิปัสสนา

๒. กำลังสมาธิมากเกินกำลังปัญญา เป็นเหตุให้ ตกกระแสวิปัสสนาชั่วขณะหนึ่ง

๓. เพราะกำลังสมาธิมาก เป็นเหตุให้ตัณหาเข้ามาอาศัย ตัณหาเป็นปัจจัยให้มานะ ทิฏฐิ เกิดขึ้น

๔. เกิดจากผู้ปฏิบัติต้องการให้ได้มรรคเร็ว เป็นเหตุให้ ศรัทธา วิริยะ สมาธิ มากไป อินทรีย์ทั้ง๕ จึงไม่เสมอกัน

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.พ. 2014, 04:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนาครับ

ตอนนี้ หากใครที่ใช้ iPad o.s.7 อยู่ และรู้สึกว่า เหมือนพิมพ์ช้า และการตอบสนองของการพิมพ์ หรือ การเปิดใช้งาน ช้า หรือ ต้องรอนานกว่าจะพิมพ์ได้แต่ละคำ ก็ขออนุญาติแบ่งปัน เพราะว่าผมได้downlosd โปรแกรมจาก App store เป็นโปรแกรมเปิด web browsing ครับ แต่ความสามารถของโปรแกรมนี้คือ ลด และ compress page ลง จาก data transfer ที่มีความจุหลาย MB rates. สู่ rates ที่ต่ำลงมา ทำให้ page ปรากฎขึ้นมาเร็วขึ้น และ สามารถ พิมพ์ได้ สะดวก ไม่ติดขัดครับ โปรแกรมนี้ชื่อว่า Opera Mini ครับ และไม่ต้องเสียเงินอะไร ผมลองใช้แล้วรู้สึกว่าเร็วขึ้นมาก

ก็นั่งสมาธิตามปกติ ประมาณวันละ2 เวลา และกำหนดรู้ในเวลาปกติ สังเกตุนิวรณ์ ความขี้เกียจ ความเอาใจใส่ อารมณ์ แต่ที่ดีที่สุดคือการมีสติ ระลึกได้ครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.พ. 2014, 02:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อเช้านั่งสมาธิ จิตกำหนดรู้สภาวะธรรมต่างๆที่ปรากฎขึ้นเพราะผัสสะ ก็เกิดการพิจารณาว่า เราเห็นผัสสะที่ปรากฎขึ้นนั้นเป็นอย่างไร

ก็เริ่มที่จะรู้ว่า ผัสสะที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องปกติ หากสาวไปหาเหตุก็จะพบว่าเหตุเกิดของผัสสะนั้นเพราะเจตจำนง อายตนะภายใน + อายตนะภายนอก + จิต

มีความเห็นตรงนี้ว่า เป็นเรื่องปกติ หากผัสสะที่เกิดจะเป็นแบบนี้

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 426 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 18, 19, 20, 21, 22, 23, 24 ... 29  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 43 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร