วันเวลาปัจจุบัน 27 เม.ย. 2024, 17:54  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 252 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8 ... 17  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ธ.ค. 2009, 20:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 124

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

รอบที่ 1 เดิน 90 นั่ง 25 เดินก็รู้เท้าและก็รู้คิด ไปคิดแล้วก็เกิดความทุกข์
เพราะความไม่พอใจ ที่หลงไปคิด เป็นอย่างนี้เนืองๆ

มีความทุกข์ไม่พอใจจากความอยากก้าวหน้า มีอกุศล 2 ครั้ง ก็ขอขมาไป มีอยากเลิกเดิน

พอมานั่ง ก็รูกายนั่ง แต่ไม่จับท้อง จิตลอยหลงไปคิด แล้วก็ม่ารู้น้ำหนักาย
แล้วก็หลงไปคิด แล้วก็มารูน้ำหนักายอีก

รอบ 2 เดิน 40 นั่ง 20 เดินก็รูเท้า และก็ลอยจากเท้าไปคิด
ก็ทุกข์เพราะความไม่พอใจที่มันคิดอยู่นั่น แล้วก็ความไม่พอใจก็เปลี่ยนไปอีก

สรุปรอบหลังนี้กเดินรู้เท้าแล้วก็คิดแบบรู้เท้า และมีคิดแบบหลงไป
มานั่งก่อนจะนั่งก็อกุศล ก็ขอขมา แล้วก็รู้ท้องขยับ ตามการวางมือ

สลับกับหลงไปคิดไร้สาระ เห็นจิตอกุศลเกิดขึ้นเอง ของมัน แล้วพอเห็นก็ดับไป
ตอนนั่งหลักๆก็ รู้กาย สลับหลงคิด กลับมารู้กายอีก แค่นี้ค่ะ จบแล้วค่ะพี่


สุขที่แท้จริง says:
ความคิด ... ใช้เวลานะคะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะ ทุกข์ทั้งวัน

สุขที่แท้จริง says:
ไม่ต้อง คือ จะบอกว่า พยายามกังวลกับมันให้น้อยลง คือ คิดให้รู้ว่าคิด อย่าเอาจิตไปจดจ้องมัน

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะ ก็พยายาม มารู้กาย มันก้รู้กายได้นะคะ แต่มันก็ยังคิดของมัน

สุขที่แท้จริง says:
พยายามรู้หลายๆจุด มันจะช่วยให้ผละจากความคิดได้ คือ รู้จุดนี้ สลับจุดนี้

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ ไว้จะลองดูนะคะ อ้อ

สุขที่แท้จริง says:
ทีละจุดน่ะ อย่าให้จิตมันไปนิ่งกับความคิด

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ลืมไปลยค่ะพี่ ตอนนั่งรอบสอง มีเวทนาเหมือนตัวอะไรมาไต่ๆที่คอตัวใหญ่ๆน่ะค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
รู้ในกายเราสามารถรู้ได้หลายๆจุด โดยเรารู้ลงไปทีละจุด
สภาวะของหมูตอนนี้จะเป็บแบบนี้แหละ เคยเกิดมาแล้วนี่ ตัวไต่ๆน่ะ เหมือนมดกัดน่ะ
สภาวะมันจะมาทดสอบตลอดเวลา แค่รู้ แต่อย่าไปใส่ใจมัน ถ้ารำคาญก็เอามือลูบไปได้ แต่อย่าลืมตานะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่น้ำ

สุขที่แท้จริง says:
สติมันจะเพิ่มไปเรื่อยๆตามสภาวะที่มาทดสอบ จิ๊บๆน่ะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
แหะ แหะ แหะ ความไม่พอใจนี่ มันมีกันตลอด เวลาเลยนะคะ หมูน่ะค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
จ้ะ เป็นทั้งนั้นแหละ เมื่อก่อนพี่ก็เป็น

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 21 ธ.ค. 2009, 23:52, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ธ.ค. 2009, 20:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 125


งไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เสร็จแล้วค่ะพี่น้ำ เดิน 90 นั่ง 25 ตอนเดินก็รู้เท้าค่ะ แล้วก็มันมีความคิดความเห็น
ตลอดการเดิน แล้วก็

คือมันเห็นความอวดดี ความยึดกับความคิดเห็นในการปฎิบัติ
ระหว่างเดินน่ะค่ะมันจะคิดเห็นเกี่ยวกับการปฎิบัติแล้วก็ไปยึด

ไปจำมัน คู่กะเดิน รู้เท้า แล้วก็หลงไป แวบหนึ่งน่ะค่ะ พอหลงไปก็จะกลับมารู้ตัว
เมื่อเมื่อกี้หลง พร้อมกับเกิดสภาวะใหม่

คือทิ้งไอ้ความคิดความอ่านตัวเดิมไปแล้ว อารมณ์เดิมๆที่หมายมั่นว่าอย่างนั้นอย่างนี้ก็หายไปด้วย
แล้วก็เดินๆไป

ก็เป็นอีกค่ะ มีความคิดความมอ่านอีก แล้วก็จิตจะวุ่นตามความคิดความอ่าน
แล้วเด๋วก็หลงไปอีก เปลี่ยนอีกละ มีอกุศล

ก็กำหนดรู้หนอ 3 ครั้ง แล้วขอขมา ก็มีเสียใจ ไม่พอใจ แต่ก็คิดว่าเด๋วมันก็เปลี่ยนอีก
ก็เลยปล่อยมันไป มาดูเท้าเดินค่ะ

พอมานั่ง ก็มีอกุศลแวบมาอีก ก็คิดเหมือนเดิมว่าเดี๋ยวมันก็เปลี่ยนอีก แล้วมารูนั่งแทน
การรู้นั่งก็ รู้กายนั่ง แล้วก็หลงลอยไปคิด

เคลิ้มๆ หน่อย แล้วก็กลับมารู้กายอีก เป็นช่วงมือ น้ำหนักกาย ช่วงล่าง
แล้วก็หลงไปคิดเคลิ้มๆไร้สาระอีก แล้วก็กลับมาอีก

มารู้ท้องขยับได้ แล้วก็หลงไป แล้วก็มารู้กายอีก จบแล้วค่ะพี่


สุขที่แท้จริง says:
จ้ะ คิดว่าจะต้องลดนั่งสะละ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
แหม อีกหน่อย เหลือ 1 นาที

ง่ะ เอาจริงหรือคะ

สุขที่แท้จริง says:
ไม่หรอกกก

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
พอดี ถ้าหนึ่ง 1 ทีจริง ก็มารายงานว่า พี่น้ำคะ หลง 1 นาทีเลยค่ะ พอจะกลับมารู้สึกตัวหมดเวลาแย้ว

สุขที่แท้จริง says:
ทำไปเดิมๆซ้ำๆนี่แหละหมู สะสมหน่วยกิตไปเรื่อยๆ สมาธิมันมากไปน่ะจ้ะ ไม่มีอะไร
พอสติมากขึ้นอาการเคลิ้มจะหายไป


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ วันนี้ก็อยากเยอะเหมือนกัน กิเลสเยอะอะค่ะ เล่าไม่หมด เห็นมันทับซ้อนๆ กัน
แล้วก็๋ หายไปหมดพอเปลี่ยนสภาวะ

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ จะเห็นกิเลสชัดขึ้นค่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
วันนี้มันรู้สึกว่า คิดอะไรเป็นกิเลสดักหน้าดักหลังไปหมดเลยค่ะ ยึดอะไรในความคิด
เชื่ออะไรในความคิดไม่ได้เลย ต้อนหน้าต้อนหลัง

สุขที่แท้จริง says:
ถึงบอกไงคะ ว่า ดูตามความเป้นจริง อย่าไปยึดมัน คิดว่าดีก็กิเลส คิดว่าไม่ดีก็กิเลส

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
มันยังหลงไป น่ะค่ะพี่ พอนึกขึ้นมาได้ คำสอนพี่น้ำ ก็มาละ มาสนใจเท้าก้าวเดินให้มากสุด
แล้วก็หลงไปอีก

สุขที่แท้จริง says:
อดทนนะคะ ทำต่อเนื่องไปนะคะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 21 ธ.ค. 2009, 23:52, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ธ.ค. 2009, 00:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 121

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เดินวันนี้ตอนต้นก็ มีความตั้งใจเดิน จนมันอยาก ก็พอรู้สักว่าชักจะตั้งจเกินไป ก็เลยค่อยปล่อยๆค่ะ

ก็รุ้เท้า ขณะที่รู้วามคิด มีช่วงที่จมกับความคิดและรู้เท้าแตะๆ ช่วงนั้นก็จะ จิตหมอง ๆ ช้ำๆ
บางช่วง ละจะความคิด มาได้

คือจะรู้สีกเหมือนไม่ได้อยู่ที่กายแบบจับกายอย่างเดียว แต่จะ รู้กายด้วย ความคิดด้วย
แต่ไม่ลงไปที่ความคิด

และก็ไม่ได้ลงไปที่กาย ไม่หนักข้างใดข้างหนึ่งน่ะค่ะ ก็เป็นแบบนี้สักพักนึง แล้วก็มีอาการเดินอยู่ดีๆก็วูบ

เหมือนพืนมันต่างระดับแล้วก็เซ ก็กังวล แต่ก็เดินไปอีกก็ปกติค่ะ มีเจ็บเท้า
เหมือนเจ็บปลายกะดูกเท้า จะแตก

และก็มีเจ็บจี๊ดๆเหมือนมดกัด อาการจิตอกุศลมีจะขึ้นมาก็กำหนดไป พอมานั่งก่อนนั่งจิตก็สบถ
แต่ไม่ได้รู้ว่าเป็นคำอะไร

แล้วก็พอนั่งไป ช่วงต้นก็รู้กายได้ พอนั่งไป ไปหลับค่ะพี่ เห็นจิตไปหลับชัดเจนเลย ว่านี้หลับอยู่
แต่ไม่ได้หลับแบบนอนหลับ คร่อกๆ

แล้วก็มีออกมาจากหลับ แล้วก็มารู้กาย ว่ามีกาย รู้สึกถึงน้ำหนักาย ที่มือที่ช่วงล่าง
แต่ไม่ถึงขั้นเห็นกายเป็นก้อนค่ะ แล้วก็ไปหลับอีก

แล้วก็หลุดออกมากายนั่งอีก แต่คราวนี้เป็นเอาจิตมารู้กายนั่ง ที่มันมีการขยับหายใจค่ะ จบแล้วค่ะพี่


สุขที่แท้จริง says:
สติมากเมื่อไหร่ สภาวะมดกัดนี่จะหายไป มันจะเป็นไปตามลำดับ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
อื้อหือ มันกัดไม่เลิกสะที

สุขที่แท้จริง says:
มันเป็นสภาวะ ถ้าถูกกัดจริงๆ ต้องมีตัวสิคะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
พี่คะ แล้วไอ้ที่วูบลงไปวันนี้นี่ มันสภาวะหรือร่างกายไม่แข็งแรงคะ

สุขที่แท้จริง says:
สภาวะค่ะ สมาธิมากเกินไป สติมันไม่ทัน เท่านั้นเองค่ะ ไม่มีอะไร

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
แล้วไอ้ที่โดนอะไรไชๆ ก้ใช่ด้วยใช่ไหมคะ มาตะละอย่าง หมูนึกว่าพยาธิ

สุขที่แท้จริง says:
มันเป็นสภาวะค่ะ ทุกขังแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
มันขึ้นกะอะไรคะพี่

สุขที่แท้จริง says:
มันก็คือสภาวะ แค่นั้นเอง ทำไปแล้วรู้ด้วยตัวเองดีกว่านะ วันหน้าน่ะหมูจะโดนคำถามแบบนี้แหละ
พอเรารู้ด้วยตัวเอง มันไม่ต้องมานั่งคิด ไม่มาสงสัย


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ได้ค่ะพี่ อ่า อีกหน่อยหมูก็อาจโดนถาม แบบนี้ กำเลย

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ เวลาพี่เขียนบล็อกเห็นไหมพี่จะเขียนว่า เออมันเกิดแบบนี้ก็สงสัยนะ
แต่ไม่ไปหาคำตอบ เพราะรู้ว่า สักวันจะได้คำตอบเอง


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่น้ำ จำได้ค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
นั่นแหละ ก็ได้ทุกครั้งไม่เคยพลาด มันก็เลยไม่รู้ว่าจะสงสัยไปทำไม
แต่ก้จะเขียนเอาไว้นะว่า สงสัย เพียงแต่ ไม่ไปหาคำตอบ หัดบันทึกความคิดของตัวเองไว้บ้างหมู
วันๆคิดอะไรบ้าง มีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้นบ้าง


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
อืมม ค่ะพี่ คงต้องค่อยๆลองทำ เพราะมันจะลืมๆน่ะค่ะ ส่วนใหญ่จะลงที่มันบีบคั้นมากๆ
แต่ก็ ทำตามพี่น้ำบอกดีกว่า จะได้เห็นอะไรชัดขึ้น


สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ มันจะเห็นชัดขึ้น

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
เด่วลองดูค่ะพี่

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ธ.ค. 2009, 20:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


หมู วันที่ 126


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
เดิน 80 นั่ง 25 เดินรู้เท้า แล้วก็รู้ความคิด พยายามไม่จมไปกะความคิดโดยมารู้สึกที่การเดิน
วันนี้ไม่จมลงไปในความคิดมาก

แต่บางช่วงก็รู้สึกได้ว่าชักจะไปอยู่กะความคิดมากแล้ว เพราะจิตมันจะช้ำๆ หมองๆ
ก็หยุดแล้วหายใจยาวๆ 3 ครั้ง

เพื่อตั้งสติใหม่ มีความง่วง ความทุกข์ ความไม่พอใจ ก็ตั้งใจรู้สึกถึงมันไปตรงๆ
ตั้งใจว่าจะไม่ถอย จะรู้มันไป

ตรงๆ ว่าทุกความรู้สึกนั้นมันเป็นยังไง มีลักษณะยังไง ก็รู้ไปๆ ทีละอย่างที่เข้ามา
แล้วพยายามตั้งสติให้รู้การเดินไปด้วยก็

ยังรู้การเดินได้อยู่ มีช่วงที่จิตเผลอหลงไปคิดแล้วอกุศลปรามาสขึ้นมา
ขอขมาไป 2 รอบ รอบหลังๆจะขึ้นแวบมาอีก

3-4 ครั้ง มีความทุกข์ไม่พอใจจิตที่ปรามาส เกิดความเสียใจ ความขมขื่น
ความเครียดตามหลัง ก็รู้ลงไปในความทุกข์

ความขมขื่นนั้น แล้วก็จงใจละมาอยู่ที่กายเดิน พอมานั่ง ก็รู้กายนั่งได้ไม่นาน
จิตก็หลงไปเคลิ้มหลับใน แล้วก็ออกมาจากหลับในวอบๆแวบๆ

ยังไม่จับที่กายชัดก็ไปหลับในอยู่อีก พอหมดเวลาก็ง่วงๆ ลอยๆ เกิดความขี้เกียจ
ตอนอุทิศส่วนกุศล อันนี้จบรอบแรกค่ะ

ต่อไปรอบที่ 2 นะคะ เดิน 50 นั่ง 20 เดินรู้เท้า เห็นความคิดว่าลักษณะความคิด
ที่เกิดมาก่อให้เกิดความคับข้องใจ ความทุกข์ตามมา

มีความรู้สึกทุกข์ไม่พอใจ มีการปฎิเสธไม่ยอมรับความคิดอกุศล เ
ห็นกิเลสว่ามีการการยินดี ยิ้มเยาะกับอุปสรรคความติดขัดของผู้อื่น เกิดความไม่พอใจ
รับไม่ได้ตามมา พยายามดูลงไปในความรู้สึกนั้น

ก็จางลง แล้วขึ้นมา จางลง แล้วขึ้นมา สักพักพอมาสนใจการเดินๆ ไปเรื่อยๆก็หายไป
มีจิตอกุศลจะปรามาส ชึ้นมา 2 ครั้งแรก กำหนดคิดหนอและรู้หนอได้ทัน ครั้งต่อๆไปอีก 2 - 3 ครั้ง
จะขึ้นยังไม่ขึ้นแต่จิตใจก็ทุกข์ ก็รู้ แล้วไปดูกายเดินต่อ จบแล้วค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
กำลังคิดอยู่ จะลดนั่งลงไปอีก หมูนอนดึกหรือเปล่าคะ หรือว่าเหนื่อย


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
หมูวันนี้มีสอนน่ะค่ะ พูดทั้งวัน
แต่สังเกตุตัวเอง หลายวันแล้ว นั่งไม่ค่อยมีสติเลย

สุขที่แท้จริง says:
รอบสองไม่เห็นมีขียนเรื่องนั่ง ว่าเป็นยังไง


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ก็อป ไม่หมดค่ะ พอมานั่งก็ รู้ท้องขยับตรงที่นำมือทาบ แล้วหลงไปลอยไปคิด
แล้วก็กลับมาที่กายใหม่
มารู้กาย น้ำหนักกายช่วงล่างและมือ รอบนี้ไม่ง่วง มีแรง มีแค่นี้ค่ะ รอบสอง


สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ ก็ว่าไม่เห็นมีเขียน


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ลืมดูเลยค่ะ นึกว่าหมดแล้ว ช่วงหลังๆนี้ นั่งแล้ว มันไม่ค่อยมีสติเลยค่ะพี่ ขนาดเพิ่มเดินแล้ว

สุขที่แท้จริง says:
ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องไปกังวล หมู สังเกตุสิ บางวันหมูเหนื่อยมาก้จริง แต่ทำได้ไม่มีง่วง
ไม่มีเคลิ้ม มันไม่เที่ยงน่ะ ยิ่งถ้าเราไปยึดมัน คนที่ทุกข์ก็คือเรา ให้ดูตามความเป็นจริงค่ะ
ได้ทำความเพียร นับว่ายังดีกว่าคนที่ไม่ได้ทำค่ะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่น้ำ

สุขที่แท้จริง says:
อย่าไปกังวลอีกนะคะ อาจจะสามวันไม่ดี วันที่ 4 อาจจะดี ดูดีๆสิคะ
มันไม่เคยเที่ยงแท้แน่นอนเลยสักอย่างเดียว


ยิ่งเราไปให้ค่าให้ความหมายต่อทุกๆสิ่งที่เกิดขึ้น มันยิ่งมีตัวตนยึดมั่นถือมั่นมากขึ้น
คนที่เหนื่อยก้คือเราค่ะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
จะพยายามดูตามความเป็นจริงค่ะพี่

สุขที่แท้จริง says:
หน้าที่เราคือ เจริญสติ เอาสติรู้อยู่กับปัจจุบัน ดุตามความเป็นจริงไป


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ตอนนี้เวลาเดิน แล้วคิด เห็นลักษณะความคิด ที่ก่อให้เกิดทุกข์ และความหมองของจิต
พอมันทุกข์ขึ้นมา ขมขื่นขึ้นมา

หมูก็รู้ลงไปที่ความรูสึกนั้นเลย ทำแบบนี้ทีละความรู้สึกๆ แล้วก็ยังรู้กายเดินด้วย
อันนี้ ถูกแล้วใช่ไหมคะ

สุขที่แท้จริง says:
ถูกค่ะ ไม่ถอยหนีมัน รู้ลงไปแล้วพิจรณาออกมาทุกข์เพราะอะไร แล้วเราจะได้คำตอบ
ถอดๆออกมาทีละข้อ ไล่มันออกมาทีละขั้น


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
อ่า ถ้าเบื้องต้นสติยังไม่กล้า หมูดูเหตุมัน

สุขที่แท้จริง says:
ถ้าเป็นฟุ้งให้หยุดค่ะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ หมูดูเหตุมัน ว่าแบบนี้ ได้ผลแบบนี้ แล้วมันค่อยๆจับได้เอง ไปก่อนน่ะค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ ถนัดแบบไหนทำไป พอสติมากขึ้น มันจะเห็นรายละเอียดมากขึ้น


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ธ.ค. 2009, 20:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 127

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
เดิน 60 นั่ง 27 ค่ะ เดินรู้เท้า จิตคิดแล้วเกิดความทุกข์ คิดแวบๆ วอบๆ น่ะค่ะ
แล้ว มีตัวที่ไม่พอใจ ก็เลยทุกข์ ความเครียด ตีขึ้นมา

ช่วงต้นยังลอกแล่ก ยังหนีความทุกข์ค่ะ นี่คืออาการของจิตที่ไปรู้น่ะค่ะ รู้แบบเฉๆ
ไปมาไม่กล้ารู้ไปตรงๆ แต่ตอนนั้นเท้าก็ยังรู้นะคะ

แล้วก็ มีจิตที่จะคิดอกุศล แต่ยังไม่ขึ้นค่ะ คือรู้มันแล้วมันก็เนียนไปเปลี่ยนไป
เป็นความรู้สึกว่ารู้มัน แล้วก็ตามด้วยไม่พอใจ ก็รู้ไปอีก

พอมานั่ง ก็ช่วงต้นก็รู้ท้องขยับได้ตามมือที่วางครั้ง แล้วไปหลับค่ะ หลับใน
หลังๆ ออกมารู้กายได้อีกค่ะ มารู้น้ำหนักกายแล้ว คล้ายรู้แบบกายเป็นก้อนน่ะค่ะ แต่

ยังไม่วางเฉย ยังมีความสงสัยว่ามันเป็นก้อนจริงไหม คือปล่อยมันน่ะค่ะ
ค่ะ มีตัวแอบมองน่ะค่ะ แล้วก็ตอนเดิน น่ะค่ะลืมเล่าไปว่า

ตอนเดินมันก็มีช่วงที่รู้การเดินเด่นขึ้นมา ความคิดเงียบไป ก็มีไอ้ตัวนี้อีกค่ะ
มาแล้วสภาวะนี้ สงบแล้ว ก็เห็นมัน แล้วก็มีความคิดขึ้นมาว่า

ไม่เที่ยง ก็เลยปล่อยมันไปค่ะ มีมัว แต่ว่า มัวแตข้างนอกข้างในไม่มัวค่ะ จบแล้วค่ะพี่ รอบแรก


สุขที่แท้จริง says:
ดีแล้วค่ะ สติมันไวขึ้น แต่ทุกอย่างมันไม่เที่ยงจริงๆ พี่ถึงบอกว่ามันจะแบบนี้แหละ
สภาวะมันจะสอนจนหมูเห็นได้จากจิตเองว่ามันไม่เที่ยงแล้วหมูจะปล่อยวางได้เอง


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะแต่คำว่าไม่เที่ยงนี้ มันคิด แบบคิด ไม่ได้แบบรู้ขึ้นมานะคะ เหมือน เออ หมูชินน่ะค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
เข้าใจค่ะ เมื่อก่อนพี่ก็เคยเป็น


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะ พี่น้ำ เด๋วขึ้นรอบต่อไป ไปละค่ะ เสร็จแล้วค่ะพี่ รอบสอง
รอบนี้ เดิน 29 นั่ง 20 ตอนเดินมีสภาวะทุกข์บับคั้นจิตใจมาก
รู้เท้าค่ะ แต่ จะคิด ถูกบีบคั้น ความเครียด และขมขื่นตีขึ้นมา เรื่อยๆ
ตามหลังจิตที่ไปคิด การคิดไม่ได้ปรามาส แต่สังเกตุแล้วว่า

เป็น ความคิด ที่มันแบบคิดวิธการปฎิบัติ เช่น สมมติมีไม่พอใจขึ้น
แล้วจิตไปคิดว่าดูเท้าสิ ไปจมกะความไม่พอใจอยู่ได้ ก็ทุกข์ขึ้นมาบีบเค้น

มันไวมากน่ะค่ะ ขึ้นมาเป็นรอบๆ จนเหมือนหายใจไม่ออกและปวดหัวตามมา
แล้วก็ มีทุกขอันเกิดจากเวทนา ตอนเดินมัน เจ็บในกาย

บอกไม่ถูกว่าเจ็บส่วนใน มันแปลบ ๆ ขึ้นมาในกาย เป็นระยะๆ ก็ทุกข์ ตามมา
ขมขื่นตามมา เลยไม่ไหวไปนั่งแทนค่ะ

ตอนนั่งก็ดีขึ้นค่ะ มันสงบช่วงต้น คือรู้กาย ท้องที่ขยับตรงมือที่วางรู้ได้สักพักนึง
นานระดับหนึ่งค่ะ จิตก็เริ่มออกจากกายไป

ไปแบบ ไม่มีจุดหมาย แล้วก็กลับมารู้ตัวใหม่ เป็นแบบนี้สลับกันค่ะ จบค่ะพี่


สุขที่แท้จริง says:
จะบอกว่า สงสัยอะไรมัยคะ จะถามอะไรพี่หรือป่ะ วันนี้ คือ สติหมูเริ่มจะทันความคิด
เพียงแต่เรื่องพอใจกับไม่พอใจต้องใช้เวลา


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
คือ ความทุกข์ที่ตีขึ้นมา ความเครียดและขมขื่นนี่ ปกติจะเกิดขึ้นตอนหมู
ปรามาสหนักและรู้สึกผิดมากๆ แต่อันนี้ไม่มีเลยค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
แล้วไงหรือคะ ดีหรือไม่ดีล่ะคะ หมูมองว่าไง


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
คือหมูมองว่ามันเป็นสภาวะใหม่ค่ะ ไม่ได้มองว่ามันไม่ดี แต่เหมือนหมูเจอทุกข์ที่เข้มข้นขึ้น
โดยที่เหมือนยังจับสาเหตุไม่ชัดมากว่าทำไมมันขนาดนี้
รู้แต่ มันตามหลัง กลุ่มความคิดประเภท หนึ่ง แต่ยังจับไม่ชัดมาก

สุขที่แท้จริง says:
ดูมันไปค่ะ ยิ่งสติดีมากขึ้น รายละเอียดจะชัดขึ้น


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
พี่น้ำคะ นี่ใช่ที่พี่น้ำเคยบอกว่า ปฎิบัติแล้ว บางทีทุกข์จนไม่ตื่น อันนี้ปะคะ

สุขที่แท้จริง says:
มันจะเป็นช่วงๆน่ะหมู เราจะรู้ตัวเราเองดี แล้วมันก็จะหายไป แล้วก้จะเกิดแล้วก้จะหาย
มันจะแบบนี้แหละ จนกว่าหมูจะวางมันได้

เจริญสติไปค่ะ เรามันพวกทุกขัง

งไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่น้ำ เคยได้ยินเหมือนกันค่ะ ว่าบางคนปฎิบัติแล้วไปดูทุกข์ บางคนอนิจจัง บางคนอนัตตา

สุขที่แท้จริง says:
จริงค่ะ แต่ละคนไม่เหมือนกัน แล้วแต่เหตุที่ทำมา


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
เจ็บแสบ แซ่บแหลาย

สุขที่แท้จริง says:
ฉะนั้นปล่อยมัน แค่รู้พอ อย่าไปเปรียบเทียบ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ธ.ค. 2009, 20:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ปัญญาพิจรณาเห็นรูปนามเป็นทุกข์ เป็นโทษ เกิดความเบื่อหน่าย
อยากออก อยากหนี อยากหลุด อยากพ้นจากรูปและนาม

๑. มีอาการคันตามตัว เหมือนมดกัด เหมือนมีสัตว์ตัวบุ้ง ตัวโตๆ ไต่ตามใบหน้า ไต่ตามร่างกาย
บางทีถึงกับ สลัดเสื้อผ้า สลัดสบงจีวรก็มี

๒. ลุกลี้ลุกลนผุดลุกผุดนั่ง จะยืนกำหนด เดินกำหนด นั่งกำหนด นอนกำหนดก็ไม่ได้ดี

๓. จะกำหนดตามอริยบทน้อยใหญ่ก็ไม่ได้ดี

๔. ใจคอหงุดหงิด เอือมๆเบื่อๆ อยากเลิก อยากหยุด คล้ายขี้เกียจ

๕. อยากออก อยากหนี อยากเลิก ไม่อยากทำ

๖. มีเวทนารบกวนมาก เช่น ขบเมื่อย ปวดขา จุกเสียด คัน เป็นต้น แต่ครั้นกำหนดแล้ว จะเห็น
เวทนาขาดหายเป็นท่อนๆ เป็นชิ้นๆ เป็นเสี่ยงๆ คล้ายๆกับเราได้หยิบเอาเวทนานั้นออกไปทิ้งเสีย

๗. ทำให้รู้สึกคันยุบๆยิบๆ ที่โน้นบ้าง ที่นี้บ้าง จนเหลือที่จะอดกลั้น เหมือนกับคนเอาหมามุ้ย
หรือตำแยมาโรยบนที่นอนฉะนั้น บางคนก้รีบเปลื้องผ้าออกสลัดกันเป็นโกลาหนทีเดียว
เพราะนึกว่ามีตัวบุ้ง ตัวหนอนไต่อยู่ข้างใน บางคนก็เก็บที่นอน หมอนมุ้ง เสื่อ อาสนะ
ออกไปตากแดดก็มี เพราะเข้าใจว่า มีเรือด มีไรอยู่ข้างในนั้น

๘. บางคนคิดจะเปลี่ยนการกำหนดอยู่ร่ำไป โดยคิดว่า ถ้ากำหนดที่นั่นคงจะดีแน่
แล้วก็เปลี่ยนความคิดอีก ดูไม่มีความแน่นอนเอาเสียเลย

๙. กำหนดครั้งไร พบแต่ความเสื่อมอยู่เสมอ ซ้ำยังต้องเผชิญกับจิตที่ไม่แน่นอน และเวทนาที่หมั่น
เข้ามาแทรกแซงอยู่อีก การอยากหลุดพ้นไปจากรูปนาม ย่อมเกิดมีขึ้นและรุนแรงยิ่งๆ ขึ้นไปทุกทีไป
โดยคิดว่า ถ้าไม่มีอาการเหล่านี้รบกวนแล้ว คงจะดีมากทีเดียว อยากไปเสียให้พ้นๆจากการถูกทรมาณ

๑๐. อยากพบกับธรรมที่ไม่มีความเสื่อม และไม่มีความทุกข์มาคอยก่อกวน จิตที่อยากออก อยากหนี
อยากหลุด อยากพ้นนี้ จะเกิดขึ้นมาโดยมิได้คาดคำนึงล่วงหน้ามาก่อนแต่ประการใดๆเลย

๑๑. เพราะได้เห็นความเสื่อม และผจญกับเวทนา อันเป็นสังขารทุกข์อย่างนี้ จึงเป็นเหตุให้จิตของโยคี
เริ่มน้อมไป โน้มไป เอียงไป สู่พระนิพพานทันที พระนิพพานเท่านั้นจึงจะหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้
การน้อมไปในจิตขณะนี้ เป็นจิตที่ปรารถนาจริงๆ ไม่ใช่เป็นการปรารถนาหรืออธิษฐาน
เพื่อให้ได้ยินกันทั่วๆไป ไปว่า คนนี้หวังพระนิพพานเป็นที่พึ่ง

๑๒. เห็นแต่ความเสื่อม ความทุกข์ในขณะกำหนด จนเกิดความอยากออก อยากหนี อยากหลุด อยากพ้น อย่างจริงๆจังๆ

อาการคัน อาการเสียดยอกเหมือนเข็มหรือหนามเสียบแทง ความปวด ความร้อน
และทุกขเวทนาดังกล่าว เป็นสภาวะช่วยผลักดันให้โยคีมีจิตใจใคร่ที่จะไปพ้น
ปรารถนาที่จะหนีไปเสียจากสภาวะนั้นๆ ซึ่งมีอยู่ในรูปนามสังขารยิ่งๆขึ้น

ซึ่งผู้ที่ประสบอาการอย่างนี้ด้วยตนเองจึงจะทราบซึ้งว่าเป็นการทรมาณจิตใจเพียงไร
ทำให้ได้รับความลำบากใจในการที่จะต้องกำหนดเวทนาเหล่านี้ป็นอย่างยิ่ง
มาถึงขั้นนี้แล้ว สติของโยคีจะดีขึ้นมาก โดยที่ได้สั่งสมมานาน
เมื่อสติดีขึ้น การกำหนดก็ละเอียดไม่ค่อยบกพร้อง

โดยปกติ เมื่อเกิดอาการเจ็บคันขึ้นมาก็ อยากเกาให้สมกับความคัน
กำหนดไม่ค่อยสะดวกเพราะ เกิดอาการเจ้บคันไปหมด ตามหน้าตาก็ดี
สรุปได้ว่า เวทนาเหล่านี้ถึงจะไม่รุนแรง แต่ว่าทำให้เกิดความรำคาญทรมาณความรู้สึกของโยคียิ่งนัก
ไม่สงบ ไม่พ้นไปสักที ทั้งๆที่ปรารถนาจะพ้นจากเวทนาเหล่านี้เป็นอย่างที่สุด

ในทางปฏิบัติ จึงจำต้องพากเพียรโดยไม่หยุดยั้ง เพื่อพ้นทุกขเวทนาในเบื้องสูง เหล่านั้น
เพื่อบรรลุญาณขั้นสูงต่อไป

สทฺธาย ตรติ โอฆํ อปฺปมาเทน อณฺณวํ
วีริเยน ทุกฺขมจฺเจติ ปญฺญาย ปริสุชฺฌติ

คนมีศรัทธา ก็ข้ามโอฆะ ( ห้วงน้ำ คือ ทิฏฐิ ) ได้
คนไม่ประมาท ก็ข้ามห้วงน้ำ ( คือ ภพสงสาร ) ได้
คนมีความเพียร ก็ผ่านพ้นความทุกข์ ( ในกามภพ ) ได้
คนมีปัญญา ก็ทำตนเองให้บริสุทธิ์ ( จากอวิชชา ) ได้



การที่สอบอารมณ์โดยไม่บอกโยคีว่าอะไรเป็นอะไร
แต่ให้โยคีดูสภาวะที่เกิดขึ้นของตัวเองตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้นขณะนั้นๆ

การที่เรียกว่า สภาวะ เพื่อต้องการให้โยคี ไม่ไปยึดติดกับบัญญัติ ยึดติดกับคำเรียกต่าง
ซึ่งผลตรงนี้ทำให้ก่อให้เกิดตัณหาความทะยานอยากลดน้อยลงไป
และทำให้ไม่ไปให้ค่าให้ความหมายต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
เพียงดูตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้นเท่านั้น

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 24 ธ.ค. 2009, 02:02, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ธ.ค. 2009, 18:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 128

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เดิน 90 นั่ง 25 รอบนี้เดินก็ รู้เท้าค่ะ มีหลายสภาวะเกิดขึ้น ก็รู้เท้า
แล้วก็มีทั้ง รู้ชัด การเดินเด่นชัด ก็มีหลงไป รู้แบบแตะๆๆและจมอยู่กะความคิด
แล้วกลับมารู้ตัวใหม่ ถอนจากความคิดมา

คือมันรู้ทั้งเดินและคิด แต่จะจมอยู่กับความคิดมากกว่า แล้วก็พอรู้สึกว่าอยู่กะคิดมากไปก็
ออกมารู้กายมากขึ้น แล้วก็ไปอีก ก็คิดเกี่ยวกะอกุศลที่ทำวันนี้หลายอย่าง ที่ทำไปด้วยโทสะ
แล้วมันก็ทุกข์น่ะค่ะ

แล้วก็คิดว่าไม่เอาแล้ว ต้องระวัง รักษาศีลให้ดีกว่านี้ มีความรู้สึกเหมือนมดกัด
มีอาการแปลบๆ ที่เท้ามีเจ็บจี้ดๆ บางจุดของกาย ตอนนั่งก็ มีอกุศล 1 ครั้ง ขอขมาไป
แล้วก็ รู้กายนั่ง ท้องขยับ แล้วก็หลงไป หลับใน

แล้วก็มารู้กายนั่ง คือรู้แบบรู้สึกถึงน้ำหนักกาย กึ่งๆกะรู้สึกเหมือนมันเป็นก้อน ช่วงล่างน่ะค่ะ
แล้วก็เจ็บแบบทั้งมดกัด

ผสมกะ เจ็บหลายๆจุดเล็กๆคล้ายเข็มตำ แต่ไม่แหลมเท่าเข็มค่ะ จี๊ดๆ จบแล้วค่ะพี่


สุขที่แท้จริง says:

ค่ะ สภาวะทบทวนน่ะหมู เจริญสติต่อไปค่ะ ดูตามความเป็นจริงไป

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2009, 18:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 129

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะ วันนี้หมู 2 รอบค่ะ เด๋วไปจัดการตัวเองแล้วมาส่งการบ้านค่ะพี่

เสร็จรอบแรกค่ะ 90/25 เดินรอบแรกก็ มีหลายอย่างค่ะ หลักๆก็เดินรู้เท้า
แล้วก็มีความคิดว่าการปฎิบัตินี้ทำไปทำไม

มรรคผลมีเหรอ ได้อะไรเนี่ย แล้วก็มีอีกตัวหนึ่งคิดว่า อย่างน้อย
คนเราก็ต้องรู้จัก ตัวเอง ก็เลยเหมือนกลับมาตั้งใจดู

ก็ค่อยๆเห็น อารมณ์ ความรู้สึกต่างๆ ที่เกิดขึ้น ในแต่ละขณะ มันจะเปลี่ยนไป
ความคิดดับ อารมณ์เปลี่ยน ก็ยังรู้เท้าอยู่ค่ะ

แล้วก็ มันไป จำว่าเออความรู้ใหม่ ความคิดกะอะรมณ์ เปลี่ยนไป ตลอด
เป็นขณะ ทีละจุด แล้วก็จำๆ เดินๆ แล้วก็มาระลึกได้ว่า

ยึดตัวรู้รู้ จะเอาตัวนี้ไป บรรลุ ก็ปล่อยไป แล้วก็มีเดินๆไปฟุ้งซ่าน นึกได้
ก็มารู้กายรู้เท้าเหมือนเดิม แล้วก็อยาก มีโน่นนี้

อยากโทรชวนเพื่อนไปดูหนัง แล้วนึกได้ก็มารู้กายเหมือนเดิม มีมดกัด มีเจ็บแปลบๆ ในกาย

ตรงท้องแต่ไม่ใช่ส่วนใดส่วนหนึ่งแล้วอยู่ข้างใน 1 ครั้ง แล้วหายไป
แล้วมีแปลบๆเย็นๆที่เท้า แล้วก็หายไป

พอมานั่ง ก็รูกายนั่ง ท้องขยับตามมือที่วาง แล้วหลงไป แล้วก็มารู้กายใหม่
แล้วก็หลง ส่วนอกุศลนั้น มันก็มีค่ะ

แต่มันไม่ได้เป็นชินเป็นอัน แล้วก็ปล่อยไปเลยค่ะ จบแล้วค่ะ


สุขที่แท้จริง says:
ความอยากที่เกิดขึ้น กำหนดทันมั๊ยคะ รู้หนอทันมั๊ย

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
คือมันดูไปเรื่อยๆน่ะค่ะ ไม่ได้กำหนดรู้หนอ เหมือนมันเห็น
ก็รู้ว่าอยากแล้วเด๋วมันก็เปลี่ยน อีกค่ะ มันก็ไปวุ่นๆ

สุขที่แท้จริง says:
อ่อ ... ค่ะ ต่อรอบสองเลยค่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ เสร็จค่ะพี่ 40/20 เดินรอบนี้ก็เบื่อ หงุดหงิด ฟุ้งซ่านค่ะ คัน ก็ไปเกา
แล้วก็หายใจยาวๆ ลึกๆ 3 ครั้ง แล้วเดินต่อ ก็หงุดหงิดอีกค่ะ

เห็นจิตมันหยาบค่ะ เวลาหงุดหงิดมันจะไม่ค่อยอม แล้วก็ มีกิเลส
เห็นกิเลสความพอใจในความเสื่อมของชาวบ้าน

มันแวบบางๆ ตอนที่ระลึกถึงความเสื่อมของผู้อื่นน่ะค่ะ แล้วก็พอมานั่ง
ก็มีเวทนา มดกัด อ้อตอนเดินมีเวทนา

เจ็บจี้ดๆ ที่นิ้วเท้า 1 ครั้งแล้วหายไป แต่แรงค่ะ แล้วก็พอนั่ง มีเวทนามดกัด
ก็รู้กายนั่งได้ รู้ท้องขยับได้ แล้วก็หลงลอยไป ค่ะ

จิตมันก็ยังไม่ความไม่ยอมอยู่ค่ะ แบบอย่ามายุ่งกะชั้น ชั้นจะลอย แล้วมันก็กลับมา
ที่กาย รู้มือ น้ำหนักมือที่วางท้อง รู้น้ำหนักายช่วงล่าง

เห็นเหมือนกายเป็นก้อนน้ำหนัก แล้วก็ลอย แล้วก็กลับมาเป็นแบบนี้อีกค่ะกลับมาเป็นน้ำหนัก
ก้อน แล้วก็มีใจไปอยากรู้ว่ามันเป็นก้อนจริงเหรอ

แล้วก็มีจิตคิดว่าเป็นก้อน ก็ใช่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น แล้วก็หลงไป
นี่ก็ตอนจบจิตกำลังลอยไปคิดค่ะ จบแล้วค่ะ


สุขที่แท้จริง says:
จ้ะ ดีแล้วที่กลับมากายได้ เบื่อล่ะสิท่า

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ เบื่อ อะค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
อดทนนะคะ เจริญสติไป สภาวะมันจะบีบบให้เราแบบเบื่อสุดๆน่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
คือมันหงุดงงิด

สุขที่แท้จริง says:
เบื่อจนเรียกว่า ไม่รู้จะเบื่อยังไง แบบสุดๆเลย แล้วจิตมันจะปล่อยวางไปเองค่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
แล้วตอนช่วงเบื่อแรกๆ

สุขที่แท้จริง says:
แค่นี้ยังไม่เท่าไหร่หรอกหมู

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
มันหงุดหงิดด้วยไหมคะพี่

[size=50]สุขที่แท้จริง says: [/size]
ใช่ค่ะ เดินก็ไม่อยากเดิน นั่งก็ไม่อยากนั่ง
บางทีอยากเดินมากๆ ไม่อยากนั่ง มันแล้วแต่น่ะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ ก็อดทนไป ใช่ไหมคะ

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ มีแค่นั้นจริงๆ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ตอนบอกอดทนนี่

สุขที่แท้จริง says:
เจริญสติต่อไป ทำให้ต่อเนื่อง

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
จิตมันแยกเขี้ยวเลย

สุขที่แท้จริง says:
เข้าใจค่ะ มันสแยะยิ้ม

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
อ่อของมันมันแบบ ยังจะอดทนอีกเหรอ ไม่เอาโว้ย

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ กิเลสอยากให้เราเลิก พอเราเลิก ชีวิตเราก็จบ
เพราะเราจะต้องเป็นขี้ข้ากิเลสมันต่อไป


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
เฮ้อ ค่ะพี่

สุขที่แท้จริง says:
วันนี้เจอน้องคนนึงมาขอส่งอารมณื

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะเป็นไงคะพี่

สุขที่แท้จริง says:
คนนี้ชอบทำทานเป็นชีวิตจิตใจ ก็เวลากุศลจะส่งผลก็พรวดๆเลยนะ
แค่เขาจับถูกทาง เดิมเขาใช้พุทโธ

แต่ตอนนี้เขาใช้ทั้งพุทโธแล้วมาจับพองยุบต่อเวลาลมหายใจหาย
เขามันพวกอนิจจัง ไม่ต้องมาทุกข์แบบเรา


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ดีจัง

สุขที่แท้จริง says:
คือ ทุกข์แต่ไม่มาทุกข์มาก เขาวางได้ไว

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
โห

สุขที่แท้จริง says:
เขาบอกว่า พี่มันเห็นแต่ไตรลักษณ์ จิตมันเลยไม่เอาอะไรเลย

เขามาขอส่งอารมณ์กับพี่ คนนี้ พี่แนะเขาไป ไม่มากนะ
แค่บอกว่าเวลาจิตนิ่งต้องทำยังไงบ้าง

นี่ขอเมล์ไปแล้ว เขากลัวหลง ช่วงนี้เขาเจอแต่นิมิตน่ะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
เอ แบบไหนคะ

สุขที่แท้จริง says:
แล้วก็ไปรู้เรื่องคนโน้นคนนี้เขา นี่แหละสติไม่ทัน

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
พี่น้ำผ่านมาแล้ว

สุขที่แท้จริง says:
ใช่จ้ะ เจอมาหมดแล้ว

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
คนไม่รู้จะคิดว่าหูยยย ดีจัง นี่แหละน้า ผลของการปฎิบัติ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ จริงๆแล้วกิเลส

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
รู้เรื่องคนอื่นๆ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ แต่ไม่รู้กิเลสในใจตัวเอง

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
แต่เขาดีนะคะ เขากลัวหลง

สุขที่แท้จริง says:
สนิทกันค่ะ ทำงานด้วยกัน เขาฟังเรื่องนี้จากพี่น้ำบ่อย

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
อนุโมทนากะเขา ไวดีนะคะ แปปเดียว วางได้ละ

สุขที่แท้จริง says:
แล้วแต่เหตุที่สร้างมาค่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
เราต้องสร้างเหตุยังไงให้วางไวๆได้อะคะ แหะๆ

สุขที่แท้จริง says:
พี่ถึงบอกว่าอย่าไปเปรียบเทียบกัน
เหตุแต่ละคนสร้างมาแตกต่างกันไป มีอะไรจะถามอีกมั๊ยคะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ไม่ค่ะพี่

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 02 ม.ค. 2010, 15:37, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ธ.ค. 2009, 19:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


หมู วันที่ 130

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
เดิน 90 นั่ง 25 ค่ะ ก็ฟุ้งซ่านน่ะค่ะ รู้เท้า ได้ แต่ว่าจะหลงไปคิด ลืมการเดิน
แล้วก็ค่อยมารู้การเดินใหม่ แล้วก็หลงไปอีก

แล้วก็มารู้การเดินใหม่อีกค่ะ มีบางช่วงที่เดินแล้ว รู้สึกถึงแขน เป็นความมีอยู่ของแขน

เป็นน้ำหนัก ที่เหมือนตอนเห็นมันเป็นก้อนตอนนั่งสมาธิน่ค่ะ
แล้วก็ คิดสงสัยว่าจริงเหรอ แล้วตอนหลังก็ดีใจด้วย

แล้วก็นึกได้ว่าหลงดีใจไปแล้ว ก็ปล่อยไป แล้วมาพยายามอยู่กะเดินต่อค่ะ

พอมานั่งก็ มีหลับในค่ะ ไม่ค่อยรู้กายค่ะ จบแล้วค่ะพี่ จำตอนนั่งไม่ค่อยได้น่ะค่ะ


สุขที่แท้จริง says:
ธรรมดาค่ะ เพิ่งไปชักดิ้นชักงอมา ร่างกายมันเลยเพลีย

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
แหะๆ ชักดิ้นชักงอ

สุขที่แท้จริง says:
เอานะ ยังดีที่ได้ทำ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
เห็นภาพดีแท้ ค่ะพี่ หมูเทโค้กผสมสไปซ์แหม สีไปกันกะเหล้าได้
แล้วยกชนแก้วกะเขา ดูเข้าพวก

สุขที่แท้จริง says:
เข้าใจเล่นน่ะ หวานน่ะ ทำให้เมาได้เหมือนกัน พี่เคยเมาโค้ก

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
จิงอะพี่

สุขที่แท้จริง says:
โค้ก จริงสิ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
มันไม่มีแอกอฮอลนะคะ

สุขที่แท้จริง says:
เมาจริงๆ กินคนเดียวเกือบสองลิตร

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

หมูลืมอีกแล้วค่ะ ตอนเดินกะนั่ง มีคิดอกุศลแล้วมันขี้เกียวจสอนใจ
แต่ก็ขอขมาไปแล้วปล่อยน่ะค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ จิตมันจะค่อยๆปล่อยวางไปเอง เจริญสติต่อไป แล้วเราจะผ่านทุกอย่างไปได้
เพราะเจริญสติน่ะค่ะ เลยทำให้เราเป็นคนขึ้นมาจริงๆ
อภัยและอโหสิกรรมให้แก่กันดีกว่าค่ะ โกรธเขา เราก็ทุกข์ เกลียดเขา เราก็ทุกข์


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
มันก้ใช่นะคะ

สุขที่แท้จริง says:
ให้เขาทำเรา ดีกว่าเราทำเขาค่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ก็ต้องเจริญสติจนกว่ามันจะยอมปล่อยจริงๆ

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ ต้องให้ปล่อยจากใจจริงๆ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ถ้าสังจิตได้ก้ดี สั่งให้พ้นทุกข์ซะเลย
ค่ะพี่ พี่น้ำ คะ ที่หมุยังปรามาสๆ นี่ แต่จิตมัน ขีเกียจไป เอาเรื่องเอาราวอะไร

สุขที่แท้จริง says:
มันเบื่อไงคะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
มันไม่อยาก ไปรับรู้ แบบมันจะปล่อยไปเหมือนสภาวะอื่นๆ
อันนี้ มันคือความก้าวหน้า หรือว่า มันคือกิเลสคะ

สุขที่แท้จริง says:
ดูไปสิคะ จะได้คำตอบด้วยตัวเอง บางสภาวะต้องรู้ด้วยตัวเอง มันถึงจะเข้าใจ
เหมือนเรื่องการกำหนดที่หมูถามในตอนแรกๆน่ะแหละ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ ตอนนี้ไม่สงสัย คือไม่ได้คิดว่าเข้าใจ แต่ก้ไม่สงสัย อะไร

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ สภาวะเขาจะสอนเราเอง คนอื่นบอกไปก็เท่านั้น เหมือนสภาวะนี้ก็เหมือนกัน
หมุต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง แล้วมันจะมีคำตอบมาเอง
แต่บางสภาวะเช่นสมาธิ ปีติหรืออะไรพวกนี้พี่จะบอก เพราะพวกนี้เป็นบัญญัติใช้เรียก


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
อืมม ได้ค่ะพี่ คืนนี้ดึกแล้ว หมูกราบลาให้พี่น้ำพักผ่อนดีกว่านะคะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2009, 21:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 131


ไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
เดิน 40 นั่ง 20 ตอนเดินก็มีฟุ้ง รู้เท้า แล้วพอไปนั่งก็ รู้การนั่งได้ ท้องขยับ
แล้วก็มีหลงไปลอยๆไปคิดแล้วก็รู้สึกตัว แล้วก็ลอยไปอีก จบรอบหลังค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
ทำไมไม่ส่งรอบแรกก่อนล่ะค่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
กลัวลืมค่ะ รอบหลังไม่ได้จดน่ะค่ะพี่

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ ต่อเลยค่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
แล้วก็มีหลงไป หลงไปคิด แลล้วก็มารู้ตัว ก็มีเวทนา เจ็บจี้ๆที่เท้า คัน
ปวดโน่นนี่ค่ะ มีอกุศล ก็กำหนดรู้หนอ

มีความไม่พอใจ ที่อกุศล ตอนเดินก็รู้เท้าเดิน ช่วงต้นฟุ้งเพราะปีติจากการนวดให้แม่
แล้วพอเดินไปหลายรอบเข้าก็เปลี่ยนอารมณ์อีก

เห็นความรู้สึกบางอย่าองอยู่กลางอก ขณะรู้เท้าไปด้วย ดูๆไปแล้วเห็นว่ามันเป็นตัวไม่ยอม
ไม่ยอมให้การปฎิบัติธรรมเป็นเรื่องธรรมดา

ตัวนี้จะขึ้นมาเป็นตัวไม่พอใจบ้าง เป็นตัวอยากบ้าง ดูๆไปก็คิดพิจารณาเกี่ยวกะมัน
ก็คิดขึ้นมาว่าปล่อยไปดีกว่า ไปยึดความรู้อีกแล้ว

จากนั้นเดินๆไปก็มีหลงไปคิด สลับกับกลับมารูตัว เหห็นอารมที่เปลี่ยนแปลงไป
ทิ้งอารมเก่าๆ ความรู้สึกเก่าๆก็เปลี่ยนไป เรื่อยๆ

เมื่อหลงไป และกลับมารูสึกตัว พอมานั่งก็รู้ท้องขยับ รู้กายนั่ง แล้วหลงไปคิด
แล้วก็กลับมารู้ตัว มันจะยังไม่จับที่ท้อง

เหมือนกลับมารู้ตัวอยู่ที่จิต แล้วเราค่อยใช้จิต ไปรู้ท้องอีกที ก็รู้ได้
แล้วก็หลงไปอีกแล้วก็กลับมาอีก มีความคิดอกุษศล ปรามาสหลายครั้ง

มีทั้งแบบ กำหนดก่อนขึ้นมาเป็นความคิด ทัน กำหนดตามหลัง
ก็ขอขมาไป แล้วก็ยังเห็นว่ามีความไม่พอใจอยู่ จบแล้วค่ะพี่

สุขที่แท้จริง says:

ค่ะ จะบอกว่า ไม่ต้องไปวิตกกังกวลเรื่องการปฏิบัติ จะทำให้เราเครียด
ถ้าเราทำได้รอบเดียวก้รอบเดียวไม่เป็นไรค่ะ:
เวลาเกิดความเบื่อมากๆ ก็หาที่นั่งที่เราคิดว่านั่งสบายๆน่ะ แล้วนั่งจับพองยุบแทน


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
จริงๆหมูไม่ได้เครียด หรือเบื่อมากน่ะค่ะ วันนี้

สุขที่แท้จริง says:
พี่บอกเฉยๆน่ะค่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ได้ค่ะพี่น้ำ ถ้าวันไหนเบือมากๆ จะทำอย่างที่บอกนะคะ

สุขที่แท้จริง says:
คือ พอถึงจุดๆหนึ่ง หมูจะเป็นธรรมชาติ พี่ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี แบบอารมณ์ต่างๆ
ที่เกิดขึ้นกับหมูน่ะ คือมันไม่ได้ดั่งใจที่หมูต้องการ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่น้ำ คือว่า วันนี้ คือมีแวบๆเรื่องนี้ค่ะ

วันนี้ตอนตื่นนอน สายๆหน่อยนอนต่อไม่หลับ ก็เลยปปฎิบัติ เดิน 1ชม. นั่ง 25
แล้วมันก็ คือมันก็คิดๆ ตอนเดิน ปนรู้สึก ว่า จริงๆไอ้อารมเหล่านี้มัน ไม่สำคัญกว่ากันเท่าไร
จะสภาวะไหนก็ตาม มันก็เปลี่ยนไป หลักๆคือรู้ตัว

แล้วเห็นมันเปลี่ยนไป แต่หมูยังไม่ได้รู้สึกจริงจังมากน่ะค่ะ ก็เลยคิดว่าดูไปเรื่อยๆ
ถ้านี่คือของจริงๆ ที่หมูจะรู้จริงๆ

มันก็คงจะเข้าใจชัดเจนขึ้นเอง เลยไม่ได้เล่าเพราะไม่อยากไปยึดมัน

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ ถ้ามันเห็นความไม่เที่ยงจริงๆเมื่อไหร่ จะมากหรือน้อยก็ตาม
อาการพอใจหรือไม่พอใจที่เกิดขึ้น มันจะค่อยๆเบาบางลงไปค่ะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ คือหมูเห็น ตัวอยาก ตามมาด้วยไม่พอใจ แล้วมันก็หายไป
ตอนนั้นมันก็เกิดความรู้สึกนี้น่ะค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ เจริญสติต่อไปค่ะ มีอะไรจะถามเพิ่มมั๊ยคะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ไม่มีค่ะพี่

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 27 ธ.ค. 2009, 21:21, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2009, 23:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


September 28

เดินจงกรม 1


การเดินจงกรม ส่วนมากจะก่อปัญหาเกิดขึ้นให้กับผู้ปฏิบัติ นำสภาวะของผู้ปฏิบัติมาให้อ่าน
น่าจะช่วยคลี่คลายเรื่องการจงกรมได้ดี ทั้งเรื่องระหว่างการใช้กำหนดหนอเข้ามาช่วย
กับ การรู้ลงไปในอริยาบท






กระต่ายขนฟ says
เดิน 60 นั่ง 50 ตอนเดินวันนี้ ช่วงต้น มีแต่ความอยาก

และความคิดเรื่องการปฎิบัติค่ะ มีความรู้สึกว่าปฎิบัติไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะกำหนดแบบไหน
ถึงจะมีสติ ก็พยายามหายใจยาวๆ

แล้วเดินไป แต่ก็ยังเป็นตลอด ระหว่างที่เกิดความรู้สึกเหล่านี้
ก็ยังพอรู้การเดินได้ คือจะรู้ตอนยก เท้า เท้ากระทบพื้น

ตอนก้าวเท้าไปด้านหน้า ส่วนใหญ่จะรู้ได้เล็กน้อยแล้วก็จะหลง
ไปเกิดอารมณืที่บอกมาค่ะ ก็พยายามรู้ลงไปที่อารมณื กำหนดรู้หนอ หายใจยาวๆ

มันก็ยังไม่หายยังมีบทบาทอยู่ ก็เดินๆต่อไป แล้วอีกสักพักใหญ่
สภาวะก็เปลี่ยนเป็น มีแน่นที่จมูก

แล้วจิตก็นิ่งขึ้น ความว้า วุ่นความอยากยังมีอยู่ แต่ขึ้นมาสั้นๆ
แต่ความคิด ยังมีมาตลอด แต่ ก็ไม่ยาวมาก ก็กลับมากำหนดรู้ที่เท้าได้ดีขึ้นค่ะ

แล้วก็เดินๆไป เด๋วก็กลับมาอยากใหม่แต่ไม่แรงมาก คราวหลังนี้กำหนดแล้วมันจางลง
ได้บ้างน่ะค่ะ แล้วพอมานั่งครั้งนี้ก้อลองพยายามหายใจยาวๆ จริงจัง ตอนต้น

สังเกตเห็นว่าลมมันสั้นมันจะไม่เข้าไป จะติดที่อก ก็ลองหายใจต่อ
พบว่าคราวนี้ลมจะละเอียดมากเย็นๆ แต่เป็นการใช้พลังจากอกหายใจ
ทำแบบนี้อยู่ 5 ครั้ง สังเกตุเห็นลมเด่นชัด เลยจับที่ลม

ความร้อนที่กระทบ การหายใจเข้า - ออก แล้วก็ จิตมันลอยไปคิดไวมาก
คือถ้าดูลมแล้วจิตจะลอยไว

ก็มาดูใหม่ว่าเห้นกายไหม ก็เห็นกายคลื่อนไหว เลยจับที่กาย กายเคลื่อนไหว นิดเดียว
สักพักก็มีหลงไปคิด คราวนี้ไม่ไปหลับในค่ะแต่ลอยไปคิดเบาๆ ไม่รู้คิดอะไร
แล้วก็พอรู้ว่าลอย ก็จะพยามๆกลับมารูกายใหม่แบบนี้ค่ะ ช่วงหลังๆของการนั่ง

เห็นจิตมมันลอย แล้วกำลังจะดึงกลับมาโดยหายใจยาวๆ ตอนนั้นึกว่ารู้สึกตัวอยู่
อยู่ๆมันงุบลงไปเลยทั้งๆที่กำลังจะตั้งต้นหายใจ ยาวๆ ก็งุบลงไปต่อหน้าเลยค่ะ
แล้วก็หายใจยาวๆ อีก แล้วดูต่อ

ก็มีรู้สึก ตัวบ้าง แต่ส่วนใหญมันจะลอยไปค่ะ
รู้ว่าลอยก็พยายามอีก แบบนี้จนจบค่ะพี่

สุขที่แท้จริง says
พี่ถามนะคะ หมูเข้าใจคำว่า แค่รู้มั๊ยคะ

กระต่ายขนฟ says
แต่ก่อนก็คิดว่าเข้าใจ แต่ตอนนี้ชักไม่แน่ใจแล้วค่ะ

สุขที่แท้จริง says
เป็นยังไงคะ เมื่อก่อนเข้าใจว่ายังไง

กระต่ายขนฟ says
ก็ช่วงแรกๆของการปปฎิบัติ เวลามีอารมณือะไรเด่นก็แค่รู้ว่ามันมี
แล้วมันจเปลี่นให้เราเห็นน่ะค่ะพี่ แล้วก็เปลี่ยนการรู้ไปเรื่อยๆ
ไม่ต้องไป สนใจว่ามันจะเป็นอย่างไร แค่รู้ว่ามันมี แล้วเด๋วมันก็เปลี่ยน

สุขที่แท้จริง says
แล้วตอนนี้ล่ะคะ

กระต่ายขนฟ says
ตอนนี้มัน ไม่เปลี่ยนให้เห็นแบบแต่ก่อนค่ะ มันยากขึ้น
แล้วก็ ต้องเดินนานๆ ถึงจะเห็นความเปลี่ยนแปลงแบบเป็นกลลุ่มก้อนค่ะพี่

สุขที่แท้จริง says
คืออะไรคะเป็นกลุ่มเป็นก้อน

กระต่ายขนฟ says
คือ อย่างตอนแรก ที่หมูอยาก ปฎิบัติ น่ะค่ะ
เจ้าความอยาก ความฟุ้งซ่านมาทยอยมาเป็นระลอก ดูแล้วมันยังไม่หายไป
หลายๆ ครั้งจนผ่านไปนานๆ ถึงเปลี่ยนเป็นความนิ่ง

แล้วเห็นว่าจิตมันเปลี่ยนไป สภาวะเปลี่ยนน่ค่ะ แต่สมัยก่อน
จะเห็นว่ามันเปลี่ยนแปลงแทบจะ ไม่มีกก้าวแบบนี้น่ค่ะ

สุขที่แท้จริง says
รู้มั๊ยว่ามันนิ่งเพราะอะไร

กระต่ายขนฟ says
สมาธิ...น่าจะนะคะ

สุขที่แท้จริง says
เข้าใจถูกนี่คะ แล้วหมูไปสงสัยอะไรล่ะนั่น

กระต่ายขนฟ says
คือ บอกไม่ถูกเหมือนกันค่ะ แต่รู้สึก ว่ามัน จะพยายามปฎิบัติให้ถูก

สุขที่แท้จริง says
ความอยากไงหมู

กระต่ายขนฟ says
ค่ะพี่ คือมันรู้สึกว่า ถ้าปฎิบัติถูฏแล้วสภาวะจะต้องดับให้เห็น

สุขที่แท้จริง says
พี่เคยบอกแล้ว การเจริญสติ เมื่อสติเริ่มดีขึ้น
เราจะได้สมาธิเป็นของแถม อะไรล่ะสภาวะดับน่ะค่ะ


กระต่ายขนฟ says
คือ เห็นว่ามันขึ้นมาแล้วคลลายลงไป ไม่ไปติดกับสภาวะเดิมๆ น่ะค่ะ
อันนั้นหมูจะรู้สึกว่าทำถูก

สุขที่แท้จริง says
ก็สติหมูยังไม่มากพอนี่ จะไปเห็นรายละเอียดแบบนั้นได้ไงล่ะคะ

กระต่ายขนฟ says
ค่ะพี่ แบบว่ามันเคยทำได้ แหะๆ

สุขที่แท้จริง says
มันเที่ยงมั๊ย

กระต่ายขนฟ says
ไม่เที่ยงค่ะ

สุขที่แท้จริง says
นั่นสิ แล้วหมูไปยึดอะไรล่ะนั่น

กระต่ายขนฟ says
คือพอมันเคยทำได้แล้วอยู่ไมใได้เราก็จะคิดว่าเราทำผิดหรือเปล่าน่ะค่

สุขที่แท้จริง says
ก็สติของหมูยังไม่มากพอ แล้วสมาธิยังไม่ตั้งมั่น แค่นั้นเองจะมีอะไร
มันต้องมีทั้งสติและสมาธิที่ตั้งมั่นประกอบกันค่ะ


กระต่ายขนฟ says
บางครั้งมันก็ตั้งมั่น บางครั้งมันก็ไม่ตั้ง

สุขที่แท้จริง says
นั่นสิ แล้วหมูจะไปคาดหวังอะไรกับมัน เหมือนแค่รู้ ที่พี่น้ำถามไปเมื่อกี้

เวลาหมูเดิน แค่รู้ว่ากำลังเดิน ความคิดเราไปห้ามมันไม่ได้
มีใครบ้างห้ามความคิดได้ มีห้ามได้เหมือนกัน

แค่สั้นๆ คิดหนอๆๆๆ พอความคิดนี่ดับไปได้ แป๊บนึง ตัวใหม่เกิดอีกแล้ว

พี่ถึงบอกไงคะว่า ให้แค่รู้ว่ากำลังเดิน ให้มารู้อยู่กับการเดิน
มันอยากคิดอะไรก็เรื่องของมัน แต่เราเอาจิตเรารู้อยู่กับการเดิน

บางครั้งมันลอย ให้หยุดเดิน กำหนดรู้หนอๆๆๆ แล้วก็เดินต่อ

การเดินจงกรมนี่จริงๆแล้วไม่มีอะไรเลย พอเราเดินมากๆ เดินบ่อยๆ
เรารู้ลงไปในการเดินได้ตลอด สติมันก็เกิดขึ้น

แต่ถ้ากำหนดตามรูปแบบ ขวาย่างหนอ ซ้ายย่างหนอ อันนั้นเหมาะกับคนที่ชอบฟุ้งไปเรื่อย
คิดไปเรื่อย เอาจิตมาผูกกับกริยานี้ซะ มันก็จะฟุ้งน้อยลง

เวลาความคิดเกิด ขณะที่เดิน หมูก็แค่รู้ว่ามันมีเท่านั้นเอง
จะไปสนใจอะไรกับมัน แต่ถ้ามันคิดอกุศล เรารู้นี่

เราก็หยุดเดิน หายใจยาวๆ กำหนดคิดหนอๆๆๆ รู้หนอๆๆๆ รู้อะไร
รู้ว่ามันเป็นอกุศล มันมีเท่านี้เองเดินจงกรม

พอเราเดินมากๆ เมื่อเราไปนั่ง ก็เหมือนกับเราได้ผ่อนคลายอริยาบท
ที่เราเดินมา นอกนั้นมันไม่ได้มีอะไรเลย แต่เราทำเพื่อฝึกสติ

ทุกวันนี้เวลาพี่เดินจงกรมก็ยังมีความคิด ไม่ใช่ไม่มี มันมีบ้าง ไม่มีบ้าง
พี่ก็แค่รู้ว่ามันมี ไม่เคยใส่ใจกับมัน

พี่ก็รู้ที่เท้าก้าว ย่าง เหยียบ รู้ที่กาย รู้ที่เท้ากระทบพื้น เดินจนครบเวลา 1 ชม.
ที่ตั้งไว้ พี่ไม่เคยไปใส่ใจกับความคิดว่า

เมื่อไหร่มันจะหยุดคิด เพราะมันไม่ใช่อกุศล เลยแค่รู้ว่ามันคิด มันก็เท่านั้นเอง
หน้าที่คือ เดินให้ครบเวลาที่กำหนดไว้ รู้ที่กาย รู้ที่เท้ากระทบพื้น บางช่วงมันลอย
มันเบาไม่มีน้ำหนักเท้าหรือนน.ตัว เราก็เอาการกำหนดเข้ามาช่วย
มันมีเท่านี้จริงๆเดินจงกรมน่ะค่ะ

เหมือนเวลาพี่ถูกสอบอารมณ์ เวลาครูบาฯถาม เดินจงกรมเป็นไงมั่ง
พี่ก็ตอบว่า มันมีความคิดมันก็แค่คิด ตัวนี้หายไปตัวใหม่มา

รู้ตัวตลอดเวลาเดิน รู้ที่กายเคลื่อนไหว รู้ที่เท้ากระทบพื้น
เนี่ย คำตอบพี่มีเท่านี้เองเวลาสอบอารมณ์

อื่มมม ... เรื่องความสงสัยที่หมูเป็นอยู่นั้น เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับผู้ปฏิบัติทุกๆคน
แม้กระทั่งความอยากก็เป็นไปตามกิเลสของแต่ละคน อยากมากอยากน้อย

พี่ไม่ค่อยมีเรื่องพวกนี้เลยนะบอกตามตรง คือ ทำอย่างเดียว
ครูบาฯให้ทำยังไง ก้ทำ ไม่เคยสงสัยว่ามันถูกหรือผิด

แล้วอีกอย่าง หมูดูตัวเองได้นี่ ว่า สติเดี๋ยวนี้เป็นไง โดยที่พี่ไม่ต้องบอกอะไรเลยก็ได้
แค่นี้ก็เป็นคำตอบให้กับหมูได้ พี่ถึงบอกไง ดูสติเป็นหลัก


กระต่ายขนฟ says
ค่ะพี่น้ำ

สุขที่แท้จริง says
หมูพอจะมองภาพออกมั๊ย เดินจงกรมน่ะ

กระต่ายขนฟ says
มองออกค่ะ แล้วพวก อารมณอยาก อารมซ่านๆ
ที่มันตีขึ้นมาหลังจากความคิดนี่เราก็ ไม่ต้องสนใจมันเหมือนกัน กำหนดว่ามี
ถึงไม่หายก็กลับมารู้กายต่อ ใช่ไหมคะ

สุขที่แท้จริง says
ใช่ค่ะ ทำแค่นั้นเอง แต่ถ้าเป็นอกุศลนี่ ต้องกำหนดคิดหนอๆๆๆก่อน
จึงรู้หนอๆๆทับไปอีกที

มันไม่มีอะไรเลยจริงๆนะ เพียงแต่ว่าหมูไปยึดติดมันน่ะ
ว่าเมื่อทำได้แบบนี้แล้ว จะต้องเป็นแบบนี้ตลอดไป


กระต่ายขนฟ says
ใช่ค่ะพี่ พอไม่ได้ก็ รู้สึกว่าทำไม่ถูก แต่ว่า หมูจะทำแบบที่พี่น้ำบอก

สุขที่แท้จริง says
ค่ะ เดิน 60 นั่ง 35 ค่ะ

กระต่ายขนฟ says
ได้ค่ะพี่

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ธ.ค. 2009, 00:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


September 28

การเดินจงกรม 2

หลังจากได้คำแนะนำเรื่องการเดินจงกรม และเรื่องความคิด


กระต่ายขนฟ says
รอบนี้เดิน ก็รู้เท้าได้ดีขึ้น มีช่วงที่พอรู้ได้ต่อเนื่อง ทั้งยกย่าง วาง
ตอนกลับตัวจะ ไม่ค่อยรู้สึกตัว

จะใจลอยตอิอนสุดทาง และกลับตัว เลยค่อยๆกลับ ค่อยๆกำหนด ก็ดีขึ้นค่ะ
ส่วนความคิดทำแบบพี่น้ำบอก คือไม่สนใจมัน

ก็ไม่คิดยาวขึ้นมาแทรก ตอนเดินแล้วเราสนใจการเดินมากกว่า
ส่วนนั่ง ช่วงแรกไม่ยอมรู้กาย หลงไป สมาธิ แล้วก็สะดุ้งออกมา
พอหลุดออกมาก็พยายามรู้กายต่อ รู้ไม่ไหว ก็หลงไปใหม่ เข้าไป อยู่ในสมาธิใหม่น่ค่ะ
แล้วก็ ช่วงหลังมันกลับมารู้กายได้ อีก แล้วก็ไปใหม่อีก จบแล้วอะค่ะ

สุขที่แท้จริง says
รู้สึกว่า พอตัดความคิดไปได้ หมูว่าเดินจงกรมเป็นยังไงบ้างคะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says
ก็ รู้กายได้ดีขึ้นค่ะ แล้วก็ช่วงที่มีความคิดขึ้นมา มันก็รู้กายได้ด้วย มันจะรู้คู่กัน
จะไม่หลงไปในโลกความคิดมาก ความฟุ้งซ่านในอกมีบ้างแต่ไม่เยอะ
หลังๆก็ไม่ค่อยมีค่ะ


สุขที่แท้จริง says
นี่แหละเดินจงกรมแหละ คนส่วนมากจะไม่รู้ตรงนี้ เพราะไปติดอยู่
ที่ความคิดกันซะส่วนมากแล้วหาวิธีการที่จะหยุดคิดกัน

แต่เขาลืมกันไปว่า ความคิดมันจะแปรเปลี่ยนตลอดเวลา ตัวนี้หายไป
ตัวนี้โผล่มา พอเกิดสมาธิขึ้นมา

ความคิดก็สงบลงไปได้ชั่วครู่ แป๊บเดียวมาอีกแล้ว มัวแต่ไปปล้ำไปตามความคิดกัน
ก็เลยเดินจงกรมแบบเลื่อนลอย คือ แทบจะไม่ได้อะไรเลย ได้อยู่แต่มันได้น้อย

ยิ่งเรารู้อยู่กับกาย รู้อยู่กับการเดินได้มากเท่าไหร่ สติมันก็เกิดขึ้นมากตามตัว
สมาธิก็จะเกิดง่าย

เหมือนที่หมูบอกน่ะ มันจะรู้ทั้งความคิดและรู้กายด้วย
อีกหน่อยพอสติดีมากกว่านี้ ความคิดมันจะรู้แผ่วๆแค่รู้
แต่จะมารู้ชัดที่กายเคลื่อนไหว ที่อริยบททุกย่างก้าวมากขึ้น


กระต่ายขนฟ says
อืมๆค่ะ หมูจะจำหลักนี้ไว้ค่ะ

สุขที่แท้จริง says
หมูเห็นข้อเปรียบเทียบมั๊ยล่ะ ทั้งๆที่เวลาเดินทั้งสองรอบเท่ากัน
แต่ดูสิ่งที่หมูพูดมารอบแรกระหว่างเดิน กับรอบสองแตกต่างกันลิบลับ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says
ใช่ค่ะ รอบสอง ความคิดเล็กๆน้อยๆ ปล่อยไปเลยค่ะ
มันขึ้นมาเรารู้อยู่แล้ว แต่เราดูกาย

สุขที่แท้จริง says
รู้มั๊ย ว่าทำไมพี่ไม่พูดเรื่องนี้ตั้งแต่แรก ทำไมถึงปล่อยมานานขนาดนี้

กระต่ายขนฟ says
สงสัยเหมือนกันค่ะ แหะๆ เพราะหมูทำเหมียนเดิมเรย
พี่น้ำอยากให้เห็นความแตกต่าง หรือเปล่า คะ

สุขที่แท้จริง says
เพราะว่าพี่ต้องการให้หมูเรียนรู้สภาวะด้วยตัวเองก่อน
พี่รอจนกระทั่งเห็นแล้วว่า หมูไม่ไหวแล้ว

ชักสงสัยแล้วว่ามันถูกหรือผิด เพราะหมูอาจจะเคยอ่านมา
หรืออาจจะไปได้ยินใครเขาคุยกัน


กระต่ายขนฟ says

ค่ะพี่ หมูได้ยินมาว่า การที่เรารูกายต่อเนื่อง ตลอดเวลา มัน เป็นสมาถะ
ขอโทษนะคะ เขาบอกมันจะเพ่ง

เขาบอกว่ารู้ทุกย่างก้าว มันคือการเพ่งกายอะค่ะ
นี่ก่อนหมูจะเลิกฟัง มันยังติดอยู่ในใจ

สุขที่แท้จริง says
แล้วตอนนี้เข้าใจคำว่าแค่รู้ชัดขึ้นหรือยัง

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says
หมูว่าดีขึ้นค่ะ

สุขที่แท้จริง says
แล้วหมูว่าเพ่งมั๊ยล่ะ รอบบนี้น่ะ

กระต่ายขนฟ says
มันก็ไม่เพ่งนะคะ เพราะถ้าเพ่ง มันคงจะเครียดๆ
แต่ว่ามันก้มีความอึดอัด ที่ใบหน้าบางเกน้อย บางครั้งน่ะค่ะ

สุขที่แท้จริง says
ที่ใบหน้าเป็นอะไรหรือคะ

กระต่ายขนฟ says
ก็มันจะแน่นๆ บางครั้ง ตรงกราม ตรงจมูก

สุขที่แท้จริง says
ใช่ นั่นแหละอาการเพ่ง

กระต่ายขนฟ says
ถ้างั้นหมูก็เพ่งอะค่ะ แก้ยังไงคะพี่

สุขที่แท้จริง says
ครั้งนี้ก็ยังเป็นหรือคะ

กระต่ายขนฟ says
เป็นค่ะ แต่ว่าไม่ได้เป็นมาก

สุขที่แท้จริง says
วันนี้หมูเพิ่งลองทำตามที่พี่บอกวันแรก รอดูวันต่อไปละกันค่ะ
หมูเดิน ... ไม่ต้องไปเกร็ง ไปเครียด ไปคาดหวังว่าดีหรือไม่ดี หรือได้อะไร
เดินแล้วรู้ลงไป แบบเท้ากระทบเราก็รู้

แต่ไม่ใช่ไปเพ่งให้มันรู้ชัดขนาดนั้น อันนั้นมันเจาะจงมันจะกลายเป็นเพ่ง ทำให้เราเครียด
แค่รู้ว่าอ้อเท้าสัมผัสพื้น กายเคลือ่นไหว พอวันใดสติมากขึ้น มันจะชัดเองค่ะ
โดยเราไม่ต้องไปเจาะจงอะไรเลย

แม้แต่เดินปกติทำงานนี่แหละ มันจะชัดมากๆ รู้อยู่กับการเดิน รู้อยู่กับกายเคลื่อนไหว


กระต่ายขนฟ says
ค่ะพี่ อย่างนั้น หมูไม่จงใจรู้นะคะ ถ้ามันจะรู้แค่ไหนก็แค่นั้น

สุขที่แท้จริง says
แค่รู้พอแล้ว

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says
ได้ค่ะพี่ ไว้จะลองทำดูค่ะพี่

สุขที่แท้จริง says
เมื่อก่อนพี่ติดนะ ติดอยู่นานมากเดินจงกรม ไม่มีใครแนะนำหรือบอกเลย
พี่เรียนรู้จากสภาวะเอง ว่าต้องทำแบบนี้ๆแล้วมันจะไม่มึนหัว แล้วมันจะมีสติ


กระต่ายขนฟ says
พี่น้ำเคยติดเพ่งด้วย

สุขที่แท้จริง says
ใช่ค่ะ ขวาย่างหนอ ซ้ายย่างหนอนี่แหละ ยิ่งมากำหนดยืนหนอนี่มึนไปเลย

กระต่ายขนฟ says
ค่ะหมูก็เป็น แต่สมัยก่อนนะคะ วันนี้ไม่ขนาดนั้น มีกรามแน่นๆ บ้าง
ขอบคุณพี่น้ำมากๆ นะคะ สำหรับววันนี้ ที่ช่วยชี้ทาง

สุขที่แท้จริง says
ยืนหนอน่ะ เราแค่คิดว่าเหมือนน้ำขึ้นน้ำลงน่ะค่ะ ไม่ต้องไปตามลมหายใจ
คือหายใจปกตินี่แหละ แต่เวลากำหนดยืนหนอน่ะ

ให้คิดถึงเวลาน้ำขึ้น น้ำลงเท่านั้นเอง แล้วมันจะไม่ไปเพ่ง ไม่ทำให้มึน


กระต่ายขนฟ says
ค่ะ หมูตอนกำหนดยืนหนอ จะระลึกถึงการยืน
รู้เท้ายืน น่ะค่ะ ไม่ได้ไล่ขึ้นลง

สุขที่แท้จริง says
ไล่ขึ้นลงเหมือนน้ำขึ้นน้ำลงค่ะ แล้วจะทำให้หมูไม่ไปติดเพ่ง
มันจะเหลือแค่รู้เองเวลายืน เหมือนกับเดินจงกรมน่ะแหละค่ะ
นี่แหละ การไม่บอกอะไรเลยของพี่เพราะเหตุนี้ ไม่งั้นมันง่ายเกินไป
ความเคลือบแคลงใจย่อมเกิดอีก


กระต่ายขนฟ says
อ่อ เคลื่อนไหว งั้นพรุ่งนี้ลองใหม่ ค่ะพี่ วันนี้ก็งงๆเหมือนกัน

สุขที่แท้จริง says
ให้เรียนรู้ด้วยตัวเองทุกๆอย่าง จนพี่ดูน่ะ ไปไม่ไหวแล้ว ถึงจะบอก
พอบอกทำทันที ผู้ปฏิบัติก็จะเห็นความแตกต่างได้ทันที งงอะไรหรือคะ


กระต่ายขนฟ says
อ่อก็อย่างที่น้ำถามว่าสงสัยไหมทำไมเพิ่งบอกไงคะ
ก็คิดว่า เอ๋ ที่ผ่านมาทำเหมือนเดิม เอ ทำไมพี่น้ำเพิ่งบอกละเอีดด แต่ว่าจริงๆ
ก็คิดอยู่ว่า ต้องมาถึงจุดนี้ก่อน สมัยก่อนถ้าเริ่มทำเลย สติไม่ดีมากๆ ยิ่งกว่านี้

กระต่ายขนฟ says
หมูจะมองไม่เห็นข้อแตกต่างมากค่ะ

สุขที่แท้จริง says
ค่ะ เหตุนี้แหละค่ะ พี่ถึงพูดกับหมูบ่อยๆว่า พี่ดูสติ พี่ไม่ได้ดูเรื่องอื่นๆ

ไม่งั้นข้อสงสัยไม่จบสิ้น แยกความแตกต่างก็แยกไม่ได้
เพราะไม่มีตัวเปรียบเทียบ จะไปเปรียบเทียบกับอะไรล่ะ

ต้องให้เรียนรู้ด้วยตัวเองก่อน ทำเหมือนคนทั่วๆไปทำกัน พอเห็นว่าเอาละ
ควรบอกก็บอก

พอได้ทำมันก็แยกภาพออกได้ชัดเจนว่าเพ่งกับไม่เพ่งแตกต่างตรงไหน
เอาความรู้สึกตรงไหนมาวัด แล้วแค่รู้มันเป็นยังไง ดูตรงไหน
รู้สึกอย่างไรถึงเรียกว่า แค่รู้


กระต่ายขนฟ says
ค่ะพี่ แต่ก่อนนึกว่า รู้นี่ต้องลงไปในมัน
อย่างความคิด ต้องกำหนดลงไป ที่ความคิด ความรูสึก
แต่อย่างวันนี้เดินแล้วความคิดมันลอยขึ้นมา เราไม่ต้องลงไปหามัน
พอมันลอย ก็ปล่อยไป นี่ คือ ความหมายของคำว่า แค่ รู้ ใช่ไหมคะ


สุขที่แท้จริง says
ใช่ค่ะ รู้ว่ามันมีเท่านั้นเอง

กระต่ายขนฟ says
พี่น้ำคะ มันเหมือนกับว่าเรามีจุดยืน ของเรา เรายืนจุดเดิม
อะไรมากระทบเรารู เราไม่ตามลงไป

สุขที่แท้จริง says
มันมีของมันอยู่อย่างนั้นอยู่แล้ว เพียงแต่เราไม่เอาจิตเราไปข้องกับมัน
เราก็เป็นอิสระจากความคิด

เราก็จะรู้ชัดที่กายมากขึ้น รู้ชัดในอริยาบทยามเคลื่อนไหวมากขึ้น
สติก็เกิดมากขึ้นตามตัว


กระต่ายขนฟ says
ไม่ต้องตามลงไปดูมันเปล่าคะ

สุขที่แท้จริง says
ใช่ค่ะ เหมือนต่างคนต่างอยู่ หมูเข้าใจคำพูดนี้มั๊ยคะ

กระต่ายขนฟ says
อย่างอารมณืฟุ้งซ่านหรือทรมานกลางอก นี่จริงๆเราอยู่เฉยๆมันก็มากระทบเราเอง
เราไม่ต้องไปจีกำหนดจี้ลงไปที่มันชัดๆ วันนี้หมูเพิ่ง ได้หลักนี้

สุขที่แท้จริง says
เราไม่ต้องเอาจิตไปเกาะเกี่ยวอารมณ์เหล่านั้นมา เราแค่รู้ว่ามันมีเท่านั้นเอง

กระต่ายขนฟ says
ไว้หมูลองทำสะสมไปเรื่อยๆ หมูน่าจะเข้าใจคำที่พี่น้ำบอกได้ด้วยตัวเอง
แล้วหมูจะมารายงานว่าหมูรู้สึกแบบไหน ถูกตามจริงหรือยังนะคะ
เราไม่รู้จริงๆนะคะ ว่าแค่รู้ เป็นยังไง

สุขที่แท้จริง says
ใช่ค่ะ สภาวะนี่สำคัญมากๆ มันอธิบายเป็นรูปธรรมหรือตัวหนังสือได้ยากมากๆ
ต้องคุยกันตัวต่อตัวแบบนี้ แล้วต้องปฏิบัติจริงๆ


กระต่ายขนฟ
ช่วงสมัยแรกๆบางครั้งที่หมูมีสติดีๆ ตอนนั้นเข้าใจคำว่าแค่รู้แบบพี่น้ำพูดค่ะ
แต่ไม่ได้สรุปออกมาเป็นองค์ความรู้แบบนี้ มันเข้าใจในการปฎิบัติตอนนั้นๆ
ว่าแค่รู้นี่หว่า แต่ว่า มันก้ลืมน่ะค่ะ เพราะมันไม่ได้เห็นบ่อยๆ

สุขที่แท้จริง says
ทำไปเรื่อยๆ เดี๋ยวได้รู้อะไรมากมาย มีอีกหลายอย่างที่พี่ไม่บอก
แต่ให้หมูเรียนรู้สภาวะด้วยตัวเอง หมูจะได้ประโยชน์


กระต่ายขนฟ says
ค่ะพี่ งั้นวันนี้หมูกราบลาก่อนนะคะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ธ.ค. 2009, 01:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 132

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

90/25 วันนี้เดินก็ มันก็รู้เท้า สลับกะ คัน ก็มีความคิดวุ่นวาย
แต่ไม่ได้ขึ้นมาคิดดังๆ มันก็คิดเหมือนเดิมน่ะค่ะ

แล้วก็มีอารมณ์ วุ่นๆ ตามปกติ ในความวุ่นๆ หลากหลายอารมณ์นั้น
มันมีนิ่งๆ มันก็วุ่นในๆ ไม่เคลื่อนไหวรุนแรงมาก

ก็ยังรู้เท้าได้ มีปวดขา มีความอยาก ความไม่พอใจ
ไม่ได้ขึ้นมารุนแรงมาก อย่างที่บอกคือมันเคลื่อนอยู่แต่มีนิ่งๆด้วย

แล้วก็ตอนนั่งก็รู้กายนั่ง แล้วหลงไป แล้วก็มีเสียยงเปิดประตู ก็หลุดออกมา
คราวนี้มาอยู่กะท้องพองยุบได้พักหนึ่ง

แล้วก็หลงไป แล้วก็ออกมา ก็เอาจิต มารู้กายนั่งอีก
แล้วก็หนาวหยิบผ้าห่มมาห่ม ก็หมดเวลาค่ะ จบแล้วค่ะพี่

สุขที่แท้จริง says:
ทำแบบเดิม .... เจริญสติ แต่สภาวะจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
สภาวะมดกัดเริ่มน้อยลง


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
อืมมๆๆ ก็จิงค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
สภาวะเคลิ้มเริ่มน้อยลง กลับมารู้ที่กายได้มากขึ้น

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
อืม ก็ใช่ค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
เท่าเดิมไปก่อนนะคะ ยังไม่เพิ่มยังให้นั่ง

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ วันนี้เดินขาดไป 2 นาที มันปวดขาน่ะค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ นน.หมูเยอะด้วยน่ะ: ได้มาเจริญสตินี่นับว่ากุศลแล้ว
เดินจงกรมได้แบบนี้ถือว่ากุศลแล้วแหละ

บางวันดีบ้าง ทุกขเวทนาบ้าง สุขเวทนาบ้าง ฟุ้งบ้าง
สภาวะมันแสดงถึงความไม่เที่ยงตลอดเวลา

เพียงแต่มันยังไม่แจ้งออกมาจากจิตของหมูน่ะ มันเลยยังวางลงไปไม่ได้


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ ช่วงนี้จะไปทางทุกข์

สุขที่แท้จริง says:
มันจะแบบนี้แหละ เจอทุกข์น่ะดีแล้ว เวลาเจอสุขจะได้ไม่ไปติดมัน

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะ เมื่อวานซืนฝันแปลกๆ ฝันว่า เบาะนอนหมู มันมีแมงเม่า มุดเข้าไป
ตัวแรก มุดเข้าไปแล้ว ตัวที่สองพยายามมุดเข้าไปครึ่งตัว
จะดึงมันออกก็กลัวมันตาย ขยะแขยงมาก ว่าในนั้นคงเต็มไปด้วยแมงเม่า
แล้วก็เบาะนอนหมูเยอะๆมากๆ ในฝัน สงสัยจิตมันเตือนให้เร่งความเพียร


สุขที่แท้จริง says:
อุปมามันคือ กิเลสที่ซุกซ่อนอยู่ในจิต

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
แถมมีทั้ง เบาะ 6 ฟุต 3 ฟุต แบบเยอะมาก

สุขที่แท้จริง says:
มันชวนนอน

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
กิเลสเพียบ นอนไม่ลงน่ะพี่ อึ๋ย

สุขที่แท้จริง say
ค่ะ นิมิตที่ดีค่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะ หมูทำระหว่างวันด้วย แปปนะคะ วันนี้อยู่บ้านไปตักบาตรตอนเช้า
แล้วก็ทำงานบ้านทำโน่นี่ทั้งวัน
ก็พยายามมีสติอยู่กับการกระทำ ช่วงกวาดบ้านค่อยๆกวาด ลมพัดมาวูบจิตใจก็รู้
มันไม่วุ่นวายดี กวาดบ้านแบบสบายๆ อยู่กับการกวาดบ้าน แล้วมาฟังธรรมเทศนา
ของหลวงพ่อชา ท่านเทศน์เรื่องความอยากก็เดินจงกรมไปด้วย สังเกตุจิตใจไปด้วย
ฟังไปด้วยๆ คอยดูตัวเอง ก็รูเท้าได้ บางช่วงก็ไปฟังแล้วขำ

ที่ท่านเล่าว่าตรงกับกิเลสตัวเองเลย แล้วก็สังเกตใจไป ก็เห็นมีทุกข์ขึ้นมาบ้าง
ตามหลังความคิด เป็นความคิดเถียงกันระหว่างอกุศลกะกุศล

ไออกุศลมันขึ้นมา นังกุศลมันก็ไปเถียงว่าคิดแบบนี้ทำแบบนี้ได้ไง
สิ่งที่ตามมาคือความวุ่นวาย ความทุกข์ ก็ปล่อยมัน

มันเกิดก็ปล่อยไป ก็หายไป แล้วเด๋วก็มาใหม่ มันก็มีตัวโน่นตัวนี้มาเรื่อยๆ
ทั้งปวดนั่น นี่ ไปตั้งใจฟังบ้าง มารู้สึกถึงการเดินบ้าง

มีความอยากบ้าง วุ่นบ้าง ก็ทำไปเรื่อยๆ วันนี้ตอนเช้าทุกข์มากแต่ไม่รู้ตัว
ทุกข์เพราะมันวุ่นวายเรื่องกิน กินมันไม่เลิกอยู๋นั่นแหละ

ยิ่งทุกข์ยิ่งกิน กินจนทุกข์ มาหยุดได้ตอนที่รู้สึกว่าเออมันอยากไปแล้ว
กินไม่ทันความอยากมัน มันอยากมีความสุขน่ะ มันเลยคิดแต่เรื่องกิน

กินอันหนึ่ง หมดก็อยากกินอันอื่นที่อร่อยๆอีกจะได้มีความสุข
สุดท้ายมันเลยทุกข์กระวนกระวายว่าจะเอาอะไรมากินต่อดี เลยหยุดกินเลย

กลับสบายใจซะงั้น แล้วพอมากินอีกทีคราวนี้รู้สึกอยู่กะการกินได้
โดยไม่ต้องจงใจกำหนด กินซุปโวโน่น่ะ ผสมนมสดใส่ซุปข้าวโพดลงไป อร่อยดี

ตอนกินก็ยังรสชาติเหมือนเดิมทุกๆครั้งนะ แต่ว่าใจมันไม่ไปเสพรสมาก
มันรูรสแต่มันไม่ลงไปเขาเรียกอะไรดี เรียกดูดดื่มแล้วกัน

มันไม่ไปดูดดื่มกับรสชาติ มันก็เลยไม่ไดรู้สึกอร่อยเหมือนทุกครั้ง แต่ต้องคอยสังกต
อยู่ตลอดแหละ ต้องมีสติมันถึงเป็นแบบนั้น ก็ฟังที่หลวงพ่อชาเทศน์


สุขที่แท้จริง says:
เมื่อก่อนพี่เคยเป็นนะ เรื่องกิน มันคิดจนฟุ้งซ่านไปเลย

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ จิงๆ

สุขที่แท้จริง says:
ไปอ่านเรื่องเดินจงกรมของหมู ย้อนหลังมาน่ะ
หมูตอนนี้กับหมูตอนนั้นเปลี่ยนไปเยอะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะ หมูวันนี้ไปอ่านมาบ้างเมือนกันค่ะ ก็ฟังที่หลวงพ่อชาท่านเทศน์แล้วก็รู้สึกคิดถึงพี่น้ำ
พี่เค้าคอยช่วยประคับประคองเราตลอด ให้กำลังใจในการปฎิบัติ
ตอนที่เราแรกเร่มแบบไม่มีความอดทน มีความอยากเต็มอก
แต่ไม่รู้จักความอยาก พี่เขาก็คอยบอกว่าเราก้าวหน้าแล้ว

ทำไปเถอะจะพ้นได้ ตอนนั้นก็ดีอกดีใจ มีกำลังใจทำต่อ
มาตอนนี้มองย้อนกลับไป มันกิเลสทั้งนั้นเลย

แต่เป็นกิเลสที่ช่วยประคับประคองให้เราทำต่อน่ะ เป็นครูกรรมฐานนี้ยากนะ
ต้องคอยตบๆ ลูกศิษย์ให้เข้าที่เข้าทาง

มันอวดดีก็ต้องตีกระบาล มันอยากจนน้ำลายยืดแล้วก็ต้องให้อมยิ้มมันสักหน่อย
เด็กมันจะได้ยอมทำต่อ ...

จริงไหมคะ ต้องถือไม้ตะพด กะอมยิ้ม มีแค่นี้แหละค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
ดีแล้วแหละ เจริญสติไป มีเวลาก็หมั่นกำหนดไป

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ จะพยายามต่อไปค่ะ ยิ่งอยู่กะตัวเองมากเท่าไร ทุกข์ก็ยิ่งน้อยลง สั้นลง

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ จิตมันจะรู้อยู่กับกาย พอมันไม่ส่งออกนอก ทุกข์มันย่อมเกิดได้ยาก
การเกิดของทุกขืคือ เราเอาจิตไปส่งออกนอกเอง เสียงเขาด่ามา
เงี่ยหูฟังละ ด่าใคร ด่าเราป่ะ ปรุงไปแล้ว


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ ปรุงไวนะคะ

สุขที่แท้จริง says:
การเจริญสตินี่แหละค่ะ ยิ่งสติมีกำลังมากขึ้นเท่าไหร่ จิตจะรู้อยู่กับกายมากขึ้นเท่านั้น

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
อืมม หมูรู้สึกว่าจิตมันกลัวทุกข์น่ะค่ะ ไม่กล้าหลงมาก มันก็ยังหลงปกติ
แต่ถ้าเป็นตัวของตัวเองเมื่อไร ก็จะรีบมาดูกายต่อ

สุขที่แท้จริง says:
จ้ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ธ.ค. 2009, 19:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 133

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

90/25 เสร็จแล้วค่ะพี่ เดินก็รู้เท้า แล้วก็มีฟุ้งซ่านตั้งแต่เริ่ม
มันก็มีไอ้ตัวที่ชอบเทศน์น่ะค่ะ มันขึ้นมาพูดๆๆ ก็มีอารมณ์เกิดขึ้น เรื่อยๆ

การรู้เท้าก็ มันจะรู้แบบแตะๆ ตอนที่ไปอยู่กะอารมณ์หรือความคิดมากๆ
ก็จำได้นะคะว่า เคยเกิดเหตุการนี้แล้ว

จะต้องแก้ด้วยการ ไม่สนความคิดหรือความรู้สึก พยายามจับที่การเดิน
แต่มันก็ยัง ทำไม่ได้น่ะค่ะ แต่ถามว่ารู้เดินไหม


สุขที่แท้จริง says:
ค่อยๆเรียนรู้ไปค่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ คือหมูก็รู้เดินได้ค่ะ บางช่วงก็มัว มีง่วงแทรก แต่ไม่มาก
แล้วก็มาชัด แล้วก็ไปมัวใหม่ มีไม่พอใจ เมื่อเห้นสภาวะที่มันฟุ้ง
ความทุกข์ก็มีขึ้นมา แต่มันไม่ขึ้นมาทุกข์มากค่ะ มันมีตื้อๆ ไม่ขึ้นมามาก
การเดินนี่ สังเกตว่า มันมีอารมณ์กะความคิดแวบ วอบ ขึ้นมา

แทรกระหว่างก้าวเดินน่ะค่ะ ส่วนอกุศลก็มีค่ะ มาแบบเนียนๆ เป็นควมเห็น
เป็นความเห็น เมื่อเราเผลอคิดน่ะค่ะ เป็นมิจฉาทิฐถิน่ะค่ะ

ก็รู้แล้วก็รีบหยุด แล้วก็ขอขมา แล้วก็เดินต่อ แล้วมันก็ มีมาบอกว่า
เดินไปทำไม เดินแล้วได้อะไร เบื่อ หงุดหงิด มีเจ็บจี๊ดๆ ที่นิ้ว มีคัน

พอมานั่งก็ไม่ค่อยรู้กายค่ะ ก็หลงไป ไม่กลับมานะคะ คือไม่จับกายน่ะค่ะ
หมดแล้วค่ะพี่ ไปละค่ะ เด๋วมาส่งค่ะ

รอบนี้ 40 / 20 เสร็จแล้วค่ะพี่ เดินรอบนี้ก็ ฟุ้งน่ะคะ ก็รู้เท้า แล้วก็ฟุ้งซ่าน ไม่พอใจ มีเจ็บคล้ายๆ กึ่งๆ มดกัด กึ่งจี๊ดๆ ที่ข้อมือ ขึ้นมาซ้ำๆ

3-4ครั้งได้ค่ะแล้วหายไป แล้วก็ มีตัวที่ชอบพูด ตัวที่มีความคิดเห็น
ให้ทำแบบนโน้นแบบนี้ ตัวที่ชอบสอนน่ะค่ะ ขึ้นมา

มีมาด่าด้วย เดินทนมันแบบนี้ เหมือน วัว เหมือน ควาย แบบนี้น่ะค่ะ
แล้วก็ เวลาจิตมันคิดไม่ดีแล้วเห้น ก็ไม่พอใจน่ะค่ะ มีความคัน

ตอนเห็นความคันนี่ เหมือนเห็นกาย และ ความคัน แต่เราไม่คันมาก 2 ครั้งน่ะค่ะ
ที่เห็นความคัน แบบเราไม่ได้ไปคัน แล้วก็

ต่อไปก็กลายเป็นเราเป็นคนคัน ก็ไปเกา หงุดหงิด เลิกอีกค่ะ
แล้วพอมานั่ง ก็รู้กายได้ต้นๆ แปปเดียวก็หลงไปค่ะ

ตอนที่หมดเวลานี่จิตก้อล่องลอยไป หมดเวลาก็ตกใจ แล้วก็หงุดหงิด
แบบมันจะ ลอยอะไรนักหนา แบบนี้น่ะค่ะ หมดแล้วค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
หงุดหงิดกับจิตตัวเองน่ะดีแล้วค่ะ ดีกว่าไปหงุดหงิดกับกิเลสของชาวบ้านเขา
อันนั้นจะมีแต่เหตุใหม่ที่ไม่คอยจะดีเท่าไหร่นัก เป้นการก่อภพก่อชาติขึ้นไปเรื่อยๆอีก

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
อืมม ค่ะพี่ ลืมเล่าว่ามีจิตคิดอกุศล ในรูปบแบบของมิจฉาทิฐิ
คือไม่ได้สบถ มานียนๆ แต่ไม่สมควรแบบนี้น่ะค่ะ ก็ไม่ชอบมัน ค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
เจริญสติไปค่ะ ทำแบบไม่ต้องไปมุ่งหวังอะไร
ทำเพราะรู้ว่ามันจะทำให้ชีวิตเราดีขึ้น


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
เขกหัวตัวเองไปหนึ่งทีแล้วบอกว่ามีปัยญาเสียที่สิ เฟร้ย ลำบากนะเว้ย
ตูละเบื่อ ลำบากจะตายอยู่แล้ว แบบนี้น่ะค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
ไม่งั้นนะ พอหวังจะให้ได้ดังใจ พอไม่ได้มันก็จะหงุดหงิด

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
คะพี่ ก็รู้นะคะ แต่แหม มัน ทำอะไรไม่ได้

สุขที่แท้จริง says:
หายใจยาวๆกำหนดรู้หนอๆช่วยค่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะ ก็มีทำด้วยค่ะ หายใจยาวๆ แต่ไม่ได้ใช้คำว่ารู้หนอ
คือกะตั้งอารมณ์ใหม่ แต่วันนี้มันเอาไม่อยู่

สุขที่แท้จริง says:
ว่างๆตอนไหนก้จับพองยุบไป จะทำอะไรก็พยายามรู้อยู่กับกายให้ทัน
ดูพี่นี่จากไม่มีสมาธิเลย จำได้ไหม 3 เดือนแล้ว ตอนนี้เริ่มมีกำลังสมาธิมากขึ้น

สภาวะเริ่มไปต่อได้ ทางก็โล่งสะดวกมากขึ้น เพราะจิตมันไปเกาะเกี่ยว
ไปเที่ยวข้างนอกน้อยลง เรารู้แล้วนี่ เกาะเกี่ยวข้างนอกมากเท่าไหร่

มันก้มีแต่เหตุให้ปรุงแต่งมากขึ้นเท่านั้น บางทีรู้ไม่ทันมัน เอาจิตมารู้กับกายก็ได้
ส่วนไหนของกายก็ได้ มันจะได้ไม่ไหลไปตามความคิด

เทคนิดวิธีการเยอะแยะยะหมู กับการที่จะให้จิตกลับมารู้อยู่กับกาย
สภาวะเขากำลังสอนหมูนะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
เหรอคะ วันนี้ก็ ลองชูแขนชึ้น แล้วเดิน แหม ของใหม่ มันมาสนใจ

รู้แขนที่เคลื่อนไว ดีค่ะ ตะว่ามันเมื่อย เลยเอาลง จะให้ไปรู้ที่อ่น
เหมือนมันชิน แบบตูรู้แกว โอ้ย มันสอนยากสอนเยน

สุขที่แท้จริง says:
สภาวะมันจะสอนให้เราปรับเปลี่ยนตัวเองให้เข้ากับสภาวะอารมณ์นั้นๆ
ให้เรายอมรับตามความเป็นจริง ฉะนั้นเราต้องเอาสติตั้งรับมือมัน

เหมือนที่หมูบอกว่านั่งแล้วหลงน่ะ เวลารู้ว่าหลง ให้จับส่วนไหนของกายก็ได้
ให้มันรู้ลงไป มันจะได้กลับมาอยู่ที่กายได้ทันมากขึ้น


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
สมมติว่า นั่งหลับตาแล้งมันหลงง่าย หมูลืมตาจับพองยุบได้ไหมคะ

สุขที่แท้จริง says:
ถ้าลืมตา หมูก็ไปกับรอบตัวสิคะ ก็เอาแบบนี้ละกัน
ลองทำดูค่ะจะได้ๆคำตอบด้วยตัวเอง ไม่ผิดหรอก มันไม่มีรูปแบบตายตัว


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะ เด๋วลองดูว่า อะไรทำให้ จิตมันอยู่กะกายได้

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ สำหรับพี่น่ะก็อย่างที่หมูอ่านๆ พอดีพี่ไม่ค่อยมีความอยากอะไรมากมาย
ไม่สนใจว่าทำแล้วจะต้องเป็นอะไร อย่างไร

พี่ทำเพราะว่า พี่มองว่า เออทำแล้วสภาพจิตเราดีขึ้น ชีวิตเราดีขึ้น
ความพอใจหรือไม่พอใจกับสภาวะพวกนี้ พี่เลยค่อนข้างจะมีน้อย

แต่สภาวะที่พี่ไม่ชอบใจน่ะ มีนะคือที่เพิ่งผ่านมา รู้เลยนะ
การที่เราจะพยายามขับไสมันออกไป สิ่งที่เราไม่ชอบบนี่ มันบีบคั้นเรานะ

ทำให้เราทุกข์ ตอนหลังพี่เลยปล่อย อะไรเกิดก็ดู ไม่ไปคิดกดดันกับตัวเองว่า
จะต้องอย่างงั้นอย่างงี้ สุดท้ายสภาวะเขาก็จบด้วยตัวเขาเอง

พี่ไม่ต้องไปทำอะไร แค่มีสติตั้งรับ ไม่ปล่อยใจให้ไหลไปตามกิเลสที่มากระทบเท่านั้นเอง

ทางแต่ละคนไม่เหมือนกันหรอกหมู แต่พอทำแล้วผลมันได้รับเหมือนๆกันจ้ะ
คือ สติ สัมปชญญะที่เพิ่มมากขึ้น


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ คือหมู ก็คิดว่า ดูอย่างเดียวๆ แต่มันกลับยิ่งวุ่น ก็รู้น่ะค่ะ
ว่า ไอ้คำว่าดูอย่างเดียวนี่ มันไม่ดูแล้ว มัน ไป
หมูคงยังทำไม่ถึงจุด ที่จะปล่อยวางได้

สุขที่แท้จริง says:
ไม่ต้องไปคิดว่า ทำแล้วจะถึงจุดหรือคำบัญญัติอะไรพวกนั้น
สติมากพอมันจะทันเองค่ะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
เมื่อกี้เดินๆก็นึกขึ้นมาได้ ว่าพี่น้ำจะไป ตจว. แล้วนี่หว่า ก็คิดอีก จ๊าก
ไม่มีคนมากระตุ้น

ก็คิดต่อ ไม่ได้เฟร้ย งั้นต้องทำอย่างน้อย 2 รอบ แล้วก็คิดอีกว่าเฮ้ย
มันไม่เที่ยง วุ่นดีแท้จริงๆ

สันโดษนี่สบายนะคะ
ใครอยู่กะตัวเองได้ ไม่ต้องพึ่งพาอะไรนี่ มันสบายจิงง

สุขที่แท้จริง says:
จ้ะ เรื่องกรรมนี่น่ากลัวนะ มีส่วนตัดภพตัดชาตกับสร้างภพชาติไม่รู้จบ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
คะ แบบถ้าเราผิดศีล 5 มันก็จะรั้งเราไว้

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ ศิลแค่ 5 ข้อนี่ ล้ำลึกนะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ยากนะคะ คือถ้ามองจิงๆ ทุกแง่ทุกมุม ลงไปในระดับ ความคิดน่ะค่ะ
ขาดสติ ก็ผิดง่ายๆเลยอะค่ะ
ดูจากตัวเองน่ะค่ะ ที่บอกมีมิจฉาทิ มาเนียน เพราะขาดสติ หลงไป

สุขที่แท้จริง says:
จ้ะ สตินี่สำคัญมากๆ



ตราบใดที่ยังไม่รู้จักคำว่า " พอใจ "
ตราบใดที่ยังชอบนำตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นๆ ตราบนั้นทุกข์ไปตลอดชีวิตนั่นเอง "

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 30 ธ.ค. 2009, 19:18, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ม.ค. 2010, 03:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 134

งไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เดิน 60 นั่ง 20 ค่ะ

ก็ วันนี้มันจะ มีความชาๆ เหมือนมันเบื่อ ตอนเดินก็รู้เท้า
เห็นความอยากตอนที่จะก้าว เห็นจิตอยากไปรู้เท้าให้ชัด
แต่จิตมันเบื่อ มันอยากไม่ไปวุ่นวาย

มันก็เลยไม่ลงไปอยาก หรือคิดมาก มันปล่อย ก็รู้เท้าแตะๆ เบาๆ
ความคิด ที่มักจะขึ้นมาพูดๆ ก็มีเข้ามาแต่ ก็ความชาของจิต มันไม่ไปเอา
มันเหนื่อยก็เลยไม่ไปคิดมาก แต่ก็มีไหลๆอยู่ในๆ นะค่ะ แล้วก็มียอมรับไม่ได้

มีสภาวะเหมือนมดกัด มีเจ็บๆ แบบคล้ายอาการปลาอดคือเจ็บเป็นจังหวะ
ที่เท้าแล้วหายไป

ตอนที่เห็นมด จิตมันรับไม่ได้ ที่สภาวะนี้ยังไม่หมดไป
แล้วก็เดินๆไปต่อ

พอมานั่ง ก็รู้ตอนนต้นนิดดียวค่ะ แล้วก็หลงไป
เวลาหลุดจากหลง ไม่ได้กลับมาจับกาย แต่หลุดมารู้อยู่ที่จิต
แล้วไปใหม่ จบค่ะ

อืม ยังงมีคิดอกุสล แบบปรามาสนะคะ ก็กำหนดรู้หนอตามหลัง
ก็ปล่อยไปค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ ต่ออีกรอบป่ะคะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ พักแปปนะคะ

สุขที่แท้จริง says:
จ้ะ ให้ดูตามความเป็นจริงนะ
เวลาไม่ชอบไปยึดติดมัน ใจน่ะดูด้วย ทำไมถึงไม่ชอบใจ
แล้วเวลาชอบใจหรือเกิดความอยากดูมัน ทำไมเป็นแบบนั้น
แล้วจะเห็นความไม่เที่ยง ดูมันบ่อยๆ ทุกอย่างมันแค่ความคิดที่เราไปยึดติดมัน


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เสร็จแล้วค่ะพี่ 60/20

รอบนี้ก็ฟุ้งน่ะค่ะ มันไป ปรุงคิด ว่าดูความไม่เที่ยงไม่เป็น
แบบโจทย์ยากจังเรายังไม่พร้อมหลอก แล้วก็หงุดหงิด

ไม่พอใจ ทุกข์ มีคิดอกุศล ก็เบื่อไม่อยากกำหนด บางช่วงก็
คือช่วงที่ไม่ปรุง มันก็มีเห็นว่า ไม่พอใจตามหลังจากคิดน่ะค่ะ
แล้วก็มีเห็นมันเปลี่ยนไป
แต่ใจก็ไม่ได้รู้สึกว่าไม่เที่ยง แล้วก็ปรุงยาวน่ะค่ะ

พอมานั่ง ก็รู้นั่งแปปเดียวก็หลง มีสภาวะเหมือนมดกัด
แล้วมันเบื่อ ไม่อยากสน ก็ไม่รับรู้มดกัดแล้ว ก็หลงไป
ตอนสุด้าย ที่หมดเวลาจิตก็กำลังลอยพอดีค่ะ จบแล้วค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
ก็ไมีมีอะไรนะหมู ในชวงนี้ มันทบทวนสภาวะ จนกว่าสติหมูจะทันมัน
แล้วสภาวะจะเปลี่ยนไปเอง มีอะไรจะถามป่ะคะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ไม่มีค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
ทำเดิมๆซ้ำๆไปนี่แหละค่ะ ตราบใดที่ความทะยานอยากยังมีอยู่เยอะ
ความพอใจ กับไม่พอใจก็ยังคงจะเป็นแบบนี้แหละค่ะ
ทำได้ จนมันเบื่อสุดๆน่ะ มันจะคลายความยึดมั่นถือมั่นในอุปทานนั้นไปเอง

พี่เองทุกวันนี้ก็ยังทำเหมือนที่หมูทำนี่แหละ ไม่ได้ไปเหาะเหินเดินอากาศ
วิเศษๆอะไรแต่อย่างใด ยังคงเจริญสติอยู่น่ะค่ะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ เหาะเหินเดินอากาศวิเศษๆอะไร..พูดซะเห็นภาพเลยค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
มันมีแค่นี้แหละ เบื่อสุดๆเมื่อไหร่น่ะ มันจะเบาบางลงไปเอง
ไม่รู้จะอยากรู้ อยากดู อยากเห็น ไปทำไม

พอเรารู้มัน สภาวะเปลี่ยนไปอีกแล้ว พอเราลืมมันสภาวะตัวเดิม
กลับมาทดสอบเราอีกแล้ว กิเลสทั้งนั้นแหละหมู


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
อืมม ยากจังนะคะ กิเลสนี่

สุขที่แท้จริง says:
ก็มันอยู่กับเรามากี่กัปป์กี่กัลป์ล่ะ
เข้าใจมันได้ง่ายๆมันก็เรื่องเหลือเชื่อแล้ว

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ พี่น้ำคะ สมมติว่า เราอยู่กะกายได้ดีแค่ไหน ก็ยังมีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเหรอคะ

สุขที่แท้จริง says:
มีค่ะ แต่เราแค่รู้ แค่ดูมากขึ้น จิตเราจะไม่ไปข้องแวะกับมัน ไม่ไปปรุงแต่งตามมัน
แต่ตรงของหมูนี่ มันสภาวะนะ คนละอย่างกัน จะอธิบายยังไงดีล่ะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
หมูก็ยังงงๆ น่ะค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
สภาวะมันมีสองแบบคือทางโลกกับทางธรรม

สภาวะทางโลกที่หมูเจอการกระทบต่างๆกิเลสชาวบ้านน่ะ นั่นคือสภาวะ
เราจะทุกข์ก็ต่อเมื่อเราเอาจิตไปเกาะเกี่ยวกับสิ่งที่มากระทบแล้วไปปรุงแต่งกับมัน
เลยทำให้เราคิดว่ามันคือสุขหรือทุกข์


ส่วนสภาวะทางธรรมคือ สิ่งที่หมูเจออยู่ตอนนี้มันอยุ่ในสภาวะของวิปัสสนาญาณ
หรือที่เขาเรียกว่าญาณ 16 น่ะค่ะ
แต่อย่าไปรู้เลยว่ามันเรียกว่าอะไรหรือคืออะไร มันก็แค่สภาวะ

เป็นตัวทดสอบสติ สัมปชัญญะเรา เหมือนสภาวะทางโลกน่ะแหละค่ะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
จริงหลักการมันมีอันเดียวคือ รุ้กายให้มากๆ ใช่ไหมคะ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
อย่าง วันนี้หมูเห็นว่าความไม่พอใจเกิดเพราะต้นตอคือ ความคิดปรุงไม่ดี

สุขที่แท้จริง says:
รู้กายทางโลกคือ สำรวมอายตนะ
รู้กายทางธรรมคือ ให้จิตรู้อยู่กับองค์กรรมฐาน
ที่เหมือนๆกันคือ การไม่ส่งจิตออกนอกกาย


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
อืม คือวันนี้รอบแรกน่ะค่ะ พี่น้ำ มันเบื่อ มันเหนื่อย
มันไม่อยากเอาความคิด พอเกิดอะไร มันก็ทิ้ง
พอเห็นจิตไปอยากมันก็เห็นแล้วมันก็ไม่ลงไปอยากร่วม

สุขที่แท้จริง says:
กำหนดก็เหนื่อย นั่งก็เหนื่อย เบื่อไปหมด

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
แต่รอบสอง พอคิดว่าต้องดู ความไม่เที่ยงก็พยายามดู ก็ทุกข์ จริงๆแล้ว

พอมันเกิดทุกข์หมูทิ้ง แล้วมาอยู่กะกายเลย นี่ก็คืออยู่กะองค์กรรมฐาน
แต่ว่ามันไม่ได้ทำแบบนี้ได้ทุกครั้ง

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ สติยังไม่ตั้งมั่นพอ คือยังไม่มีกำลังมากพอที่จะกลับมาได้

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
การที่เราจะเห้นความไม่เที่ยง มันก็ทำแบบเดิมแล้วเราก็เห็นเอง

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ เดิมๆซ้ำๆ ตอกย้ำอยู่อย่างนั้น เหมือนเรากินข้าวน่ะ ก็กินแบบเดิมนี่แหละ
กินเดิมๆซ้ำๆ จนมันไม่อยากกิน มันเบื่อ

จนสุดท้ายเราถึงเข้าใจมันเอง อ้อ .. มันก็แค่กิน ..
เหมือนคนมีโลภะทางอาหารน่ะ ชอบกินแบบนี้ ปล่อยเลยให้กินทุกๆวัน


สุดท้ายเป็นไง เบื่อแล้ว ไม่เอาแล้ว สงบไปพักหนึ่ง
นั่นน่ะทางโลก แต่ทางธรรมมันละเอียดกว่านั้นท้ายเป็นไง


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ก็มันเบื่อ เหนื่อย ไม่อยากยุ่งกะอารมณ์

สุขที่แท้จริง says:
ใช่นั่นแหละ ถ้ามีคำว่าไม่อยาก มันก้ยังจะดันทุรังที่จะดูให้เห็นชัดเจน

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ประมาน ของอภัยนะคะ หยาบหน่อย ประมาณ "ชั่งแม่ม"

สุขที่แท้จริง says:
สังเกตุนะ ช่างแม่มมน่ะ พอเผลอมันก็แอบดู มันยังเบื่อไม่จริง

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ก็ใช่ค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
มันยังเห็นไม่จริง

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
พี่น้ำก็เคยชังแม่มม ใช่ไหมคะ

สุขที่แท้จริง says:
บ่อยจะตายไป พี่น่ะเลิกนั่งเลยเมื่อก่อน ลุกเดินเลยนะ
แล้วค่อยกลับมานั่งใหม่ ช่วงไม่มีสมาธิน่ะโหดสุดๆ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
อืมม ค่ะพี่ นี่หมูก็ผุดลุกผุดนั่ง กระโดดคลุกเตียง ลุกขึ้นมาเดินต่อ กระโดดดุนาลิกา

สุขที่แท้จริง says:
มันฟุ้ง อีกหน่อยสติมากขึ้น มันจะสงบลงไปเรื่อยๆค่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะกว่าจะ ค่อยๆงอก นะคะ สตินี่ ไม่ทันกิเลสเลย

สุขที่แท้จริง says:
ทำไปค่ะทำไปเดิมๆซ้ำๆนี่แหละ
ทุกอย่างต้องใช้เวลา แต่ไม่ใช่การคาดหวัง

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะ คงต้องพยายามไปเรื่อยๆ


สุขที่แท้จริง says:
พี่ถึงบอกหมูไง ทำเดิมๆซ้ำๆนี่แหละ ไม่ต้องไปอยากรู้
อยากเห็น อยากมี อยากเป็น อยากได้


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
เอิ่มม ก็แบบว่า มันก็พยายามอยู่น่ะค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
เข้าใจค่ะ ไม่เป็นไร รู้แค่ว่า ต้องทำ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ อันนี้โอเชค่ะ แบบให้ปฎิบัตินี่ ทำ น่ะค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
ไม่อยากทำก็ต้องทำ ถ้าไม่อยากมีชีวิตที่เต็มไปด้วยกิเลสแบบนี้
มันชอบสร้างปัญหาให้ชีวิตเราไม่รู้จบ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ใช่ค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
สายรุ้งของแต่ละคน จะงดงามหรือไม่ จะแจ่มใสหรือไม่ก็อยู่ที่กิเลสปกคลุมเอาไว้
แค่รู้มากขึ้น ดูมันมากขึ้น จะรู้สึกปลอดภัยจากสิ่งที่มากระทบมากขึ้น
เจริญสตินี่แหละค่ะ ไม่ได้ไปออกนอกลู่ทางอะไรเลย
เพียงเอาจิตให้อยู่กับกายให้ทัน


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 02 ม.ค. 2010, 15:41, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 252 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8 ... 17  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 40 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร