วันเวลาปัจจุบัน 27 เม.ย. 2024, 17:18  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 252 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 ... 17  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ธ.ค. 2009, 12:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 พ.ย. 2008, 12:29
โพสต์: 814

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


เป็นการสอนแบบ step by step จริงๆ ครับ ซึ่งหาอ่านหาฟังได้ยาก.....


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ธ.ค. 2009, 01:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 23

สุขที่แท้จริง says (8:08 PM):

เดิน 60 นั่ง 50 ค่ะ
felling says (8:08 PM):

ได้ค่ะ
felling says (10:05 PM):

เรียบร้อยแล้วค่ะพี่นำ
สุขที่แท้จริง says (10:05 PM):

เดินค่ะ
felling says (10:06 PM):

เดินรอบนี้ ช่วงต้นเห็น 2 อย่างค่ะ คือ ความอยาก และ ความไม่อยาก พอเดินแล้ว
มันจะสรุปสภาวะ ทำให้ถูก อีกอย่างคือ ความไม่พอใจ แต่ทั้งความพอใจและไม่พอใจ
ทั้งสองอย่างไม่รุนแรง ความไม่พอใจมั้นจะอั้นๆ ในอกเบาๆ หลังจากเราเดินแล้ว
มันไปสังเกตแล้วมัน ตัดสินว่าไม่ดี แต่การตัดสินว่าไม่ดีไม่ได้ออกมาเป็นคำพูดค่ะ เป็นความรู้สึก
จิตมันรู้ว่าแบบนี้ไม่ดี มัน ไปมองว่ามันไม่ดีของมันเอง ส่วน มันจะมีอาการรนๆนิดๆ

สุขที่แท้จริง says (10:08 PM):

เข้าใจค่ะ
felling says (10:09 PM):

ที่เห็นอีกคือ เดินโคลงค่ะ มึนหัว มีช่วงหนึ่งที่เหมือนเมาเลย แต่ครั้งนี้หมู กำหนด
หยุดเดินแล้ว หายใจลึกๆกำหนด เพราะรู้สึกว่าต้องทำแบบนี้ แล้วค่อยๆก้าวเท้า เดินจังหวะสั้นๆ
โดยกำหนด ทั้งขวา ย่าง หนอ ค่อยๆรู้สึกไป ทีละก้าว ก็ชัดขึ้น ทีนี้เดินๆไป ตอนที่มึนๆวูบๆนะคะ
มันไม่หายขาด แต่ระหว่างที่มึนๆวูบ หมูเห็นอารมณืโน่นนี่เคลื่อนไหวในอก ก็ไปดู แล้วมารู้สึกอีกทีว่า
ทำไมไม่กำหนดอาการ วูบๆ อาการวูบก็ต้องรู้เหมือนกัน ก็เลยกำหนดอาการวูบด้วย แล้วคราวนี้

ช่วงที่เดิน มันมีช่วงหนึ่งที่ รู้สึกว่า จิตมันคิด ซึ่งมันก็คิดของมันปกติ แต่เรา รู้สึกว่ามัน ปกติน่ะค่ะ
คือเรารู้ทั้งเดินรู้ทั้งคิด และมันไม่ตีกัน คิดก็ได้ แล้วเด๋วมันก็หยุดคิดเรื่องนั้นไปเอง แล้วก็
หมูรู้สึกว่า พอเราเห็นสภาวะ จิงๆสภาวะนั้นจบแล้ว แต่เรากำหนดตามหลังมัน แล้วจากกำหนดตามหลัง

เราก็ไปคิดสรุปความเข้าใจ สภาวะนั้นๆย้อนหลัง ซึ่งทำให้เราคลาดเคลื่อนจากสภาวะนั้นไป
มีช่วงหนึ่งรู้สึกว่า การคิดสรุปความเข้าใจ นั้นเราดูไม่ออก เราคิดว่ามันคือส่วนหนึ่งของการปฎิบัติ
แต่จริงๆแล้ว มันไม่ใช่ มันแยกกัน ส่วนของการปฎิบัติ จบไปแล้ว

แต่อาการสรุปคิด นั่นคือปัจจุบันอีกสภาวะหนึ่ง พอสังเกตจุดนี้ เห็นมัน แยกมันออกมา
อาการเบลอๆจากสมาธิลดลงมากค่ะ มีช่วงที่ชัดขึ้น จบเดินนะคะ มานั่งบ้าง
ตอนนั่ง เห็นลมหายใจน้อยค่ะ หลง แต่หลงหมูเห็นรายละเอียด สังเกตว่าหลงคราวนี้ เป็นหลงแบบ
ที่ อยู่ในหลง รู้สึกว่าในหลงคือโลกจริงๆ แล้วจิตมันจะสะดุ้ง วูบๆ วูบ แล้วค่อยมารู้สึกว่า
เมื่อกี้โลกปลอม เป็นแบบนี้ บ่อยๆค่ะ พอจิตวูบขึ้นมา ว่ามันไม่ช่โลกจริง

ก็หายใจยาวๆ ช่วงที่หายใจยาวๆ จะรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของกายได้ แต่สักพักจิตก็จะอ่อนลง
บางครั้งพอรู้ว่าอ่อนลงก็ดักทัน หายใจยาวๆทัน
แต่บางครั้งมองไม่ทัน ก็หลงเข้าไปคิดว่านั่นคือโลกจริงอีก แล้วก็วูบ ขึ้นมาอีก
สุขที่แท้จริง says (10:20 PM):

สติ เริ่มดีขึ้น
felling says (10:20 PM):

พอวูบขึ้นมาก็หายใจยาวๆ รู้สึกถึงการเคลื่อนไหว สั้นๆของกายอีก แล้วก็ลงไปหลงใหม่ นี่ค่ะพี่ จนจบ
สุขที่แท้จริง says (10:21 PM):

เริ่มต่อเลยนะคะ เดิน 60 นั่ง 50
felling says (10:21 PM):

เรียบร้อยค่ะพี่ ขอรายงานเลยนะคะ ค่ะพี่ ตอนเดินรอบหลังนี้ โทสะหนักค่ะ
จิตมันปรุง ภาพ และ คำปรามาส ความกังวล ความเครียดเกิด
หายใจลึกๆ ยาวๆ มันก็ยังกังวลอยู่ ก็มีหยุดขอขมา แต่มันก็เกิดเวทนา ทางกาย เป็นความเครียด
และมีความมึนเข้าแทรก หงุดหงิดก็แทรก เลิกปฎิบัติ ก็พยายามอดทนดูไป
สุขที่แท้จริง says (12:36 AM):

หมู กินข้าวเย้นไปเยอะหรือเปล่าคะ
felling says (12:36 AM):

ไม่นะคะ กินปกติลยค่ะ คือไม่ได้กินเยอะ
สุขที่แท้จริง says (12:36 AM):

แล้วกังวลอะไรในใจอยู่หรือคะ
felling says (12:36 AM):

เรื่องปรามาสน่ะค่ะ มันขึ้นมาอีก แล้วก็เลย พยายามดูมัน หลังๆ เริ่มเห็นอารมณ์ แยกอาการได้บ้าง
เช่น จิตมันคิดขึ้นเอง แล้วเราเป็นผู้ทุกข์ แล้วมีอาการกลัว แล้วมีเวทนา ทางกาย พอจะมีแรงบ้างแล้ว
แต่หลังๆ ความง่วงเข้าแทรกอีก ทนดูจนจบค่ะ

ช่วงที่ทนดู มันขาดสมาธิในการปฎิบัติ เลยกำหนด รู้หนอไม่ได้ แก้ด้วยวิธี เกิดอะไรขึ้นก็รู้ๆๆ
จะดีจะร้ายก็รู้ลงไปอย่างเดียว แล้วพอมานั่ง ก็ ขาดสติน่ะค่ะ มันมีช่วงที่รู้ว่าจิตอ่อนแรง
แล้วก็ช่วงที่หลงไป เหมือนก่อนหน้า แต่เห็นแป๊ปเดียว คอก็พับ ง่า หลับอะค่ะ จนหมดเวลาเลยค่ะ
สุขที่แท้จริง says (12:41 AM):

วันนี้เหนื่อยหรือคะ
felling says (12:41 AM):

ค่ะเพิ่งเหนื่อยรอบสองนี่แหละค่ะ รอบแรกยังรู้สึกว่าเอาละวุ้ยวันนี้จะทำเยอะ
แต่พอเจอทุกข์จากการเดินรอบ 2 จิตมันเครียดค่ะ
สุขที่แท้จริง says (12:41 AM):

อ่อ ..... ความอยาก หมูต้องทันกิเลสมันนะ มันเลยทำให้ฟุ้ง เพราะเราไปมุ่งหวัง
felling says (12:42 AM):

หมูเสร็จความอยากเหรอคะ
สุขที่แท้จริง says (12:42 AM):

ใช่ค่ะ
felling says (12:42 AM):

อ่าหมูนึกว่าโทสะ เรื่องปรามาส
สุขที่แท้จริง says (12:42 AM):

พอไม่ได้ดั่งใจเลยฟุ้ง ไม่ใช่ค่ะ หมูต้องการทำให้ได้มากๆ
felling says (12:43 AM):

ค่ะพี่
สุขที่แท้จริง says (12:43 AM):

ความอยาก มันเล่นงานเอา เมื่อไม่ได้ดั่งใจที่ต้องการ เวลาทำ อย่าไปคิดว่าทำเพื่ออะไร ให้คิดว่า
เรากำลังสร้างมหากุศล อะไรจะเกิดขึ้น ยอมรับมัน ทุกอย่างคือบททดสอบ อย่าไปคาดหวังผล
felling says (12:44 AM):

อะไรเกิดขึ้นให้ยอมรับ
สุขที่แท้จริง says (12:44 AM):

ใช่ค่ะ ไม่ว่าอะไรจะเกิด ให้ยอมรับมัน
felling says (12:44 AM):

อ่าเรื่องที่จิตมันไปคิดไม่ดี ก้ด้วยเหรอคะ
สุขที่แท้จริง says (12:44 AM):

เพราะอะไรรู้มั๊ย ใช่ค่ะ จิตคิดไม่ดี เพราะเนื่องจากเราเคยคิด เราต้องค่อยๆฝึกสติไปเรื่อยๆ
ดูสิ คิดไม่ดี สุดท้ายมันก็ดับของมันเอง มันไม่ได้มาค้างคาอะไรทั้งวัน มันเลยเป้นเหตุให้ฟุ้ง
felling says (12:46 AM):

หมูกลัววิบาก อะค่ะ
สุขที่แท้จริง says (12:46 AM):

เข้าใจค่ะ แต่หมูต้องยอมรับมัน เลิกแล้วค่อยมาขอขมาก็ได้นี่คะ ถ้ากลัว พอมันคิดนะ ดูมัน
แล้วก้บอกตัวเองว่า เอาอีกละ แต่ไม่เป้นไร เราไม่ได้ตั้งใจ สุดท้ายมันก็ดับไปเอง

felling says (12:47 AM):

ไม่ต้องกด ไมต้องห้าม ใช่ไหมคะ ดูเฉยๆ
สุขที่แท้จริง says (12:47 AM):

ยิ่งหมูพยายามหยุดคิดมากเท่าไหร่ ยิ่งไปกดมันไว้ ใช่ค่ะ เฝ้าดูมันไป
felling says (12:48 AM):

ยิ่งกดมันยิ่งเปน
สุขที่แท้จริง says (12:48 AM):

ความคิดบางตัว กำหนดได้ ให้กำหนด บางตัวกำหนดไม่ได้ ให้เฝ้าดุมันไป
พอฟุ้งตอนเดิน มานั่งมันก็เลยเกิดผลกระทบ
felling says (12:49 AM):

โดนตัวนีเข้าไป สุดๆเลยค่ะ ขมขื่นที่คอ
สุขที่แท้จริง says (12:49 AM):

พี่เข้าใจความรู้สึกค่ะ แต่ละคนจะเจอบททดสอบที่แตกต่างกันไป เราต้องอดทน
felling says (12:50 AM):

มันเป็นปัญหาที่หนักสุดของคนๆนั้น ใช่ไหมคะ เรื่องที่ยากและเป็นจุดอ่อน
สุขที่แท้จริง says (12:50 AM):

มันมีหนักกว่านี้อีก เพียงแต่ตัวนี้มันเห็นชัดมันเลยเกิดก่อน
กิเลสมันมีเยอะมากๆในใจเราน่ะ ตัวหยาบๆมันจะเกิดก่อน ตัวละเอียดจะเกิดทีหลัง
กำหนดไม่ให้ ให้รู้ลงไป รู้มันลุกเดียว อย่าไปกดอย่าไปวิตกกังวล เอาใหม่นะ ครั้งต่อไปน่ะค่ะ

felling says (12:52 AM):

ค่ะพี่ ครั้งต่อไป หมูจะทำตามที่พี่น้ำบอก จะอดทน ต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
สุขที่แท้จริง says (12:52 AM):

ค่อยๆปรับไป ไม่มีอะไรที่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ
felling says (12:52 AM):

ได้ค่ะ พี่น้ำคะ เรื่องคำอธิษฐาน ที่หมูเคยขอปรึกษา
สุขที่แท้จริง says (12:53 AM):

อ่อ ... พี่ขอโทษวันนี้ลืมลงให้ ค่ะ
felling says (12:53 AM):

ไม่เป็นไรค่ะ งั้นไว้หมูค่อยรอพี่น้ำลง ผื่อจะได้มีประโยชน์ต่อคนอื่นๆที่เข้าไปอ่านด้วย
สุขที่แท้จริง says (12:53 AM):

แผ่เมตตาให้กับตัวเองเป็นหรือยังคะ
felling says (12:54 AM):

ยังไม่เคยทำเลยค่ะ
สุขที่แท้จริง says (12:54 AM):

อหังสุขิโตโหมิ ค่ะ เด๋วพี่ลงให้
felling says (12:54 AM):

ค่ะพี่ อีกเรื่องคือ หมูขอถามเรื่องการเดินน่ะค่ะ
ถ้าเราเดินแล้วรู้สึกที่ขา เท้ากระทบพื้นรู้สึกๆๆๆ อันนี้ได้สติไหมคะ หรือได้สมาธิ
สุขที่แท้จริง says (12:55 AM):

ใช่ค่ะ ทั้งสติ ทั้งสัมปชัญญะ สมาธิมันจะอีกแบบค่ะ
felling says (12:56 AM):

แต่ปกติ คนเราจะไม่รู้สึกที่ขาอยู่ตลอดเวลาใช่ไหมคะ
สุขที่แท้จริง says (12:56 AM):

ใช่ค่ะ
felling says (12:56 AM):

มันจะหมุนไปจุดอื่นๆ พอมันไปหมุนที่จุดอื่นเช่นมือแล้วเรารู้สึกก็เป็นการสะสมสติเหมือนกัน
สุขที่แท้จริง says (12:56 AM):

ไปตามความคิดแต่ละขณะที่เกิดขึ้น อริยาบทย่อยค่ะ มันสามารถรู้ได้ทุกอริยาบท
says (12:57 AM):

ค่ะพี่ เวลาที่เรากำหนดอิริยาบท
คือหมู ถามเพราะว่า บางครางรู้สึกว่าเดินแล้วได้สมาธิ บางครั้งได้สติ
ทั้งที่เดินเหมือนกันแต่บางครางหนักไปทางสมาธิ บางครางไปทางสติ

สุขที่แท้จริง says (12:59 AM):

ให้เรารู้สึกตัวว่ากำลังเดิน ส่วนจะได้อะไร ไม่ต้องไปสนใจในคำเรียกค่ะ ฟุ้งเปล่าๆ
กระทบแล้วก้รู้ ไม่ต้องไปสนใจว่าอะไรเป็นอะไร
felling says (1:00 AM):

อืมๆค่ะพี่ คงเพราะความคิด ครอบงำอีกแล้ว
สุขที่แท้จริง says (1:00 AM):

ให้รู้สึกตัวในอริยาบทนั้นให้ชัดที่สุด กิเลสมันไวน่ะหมู
felling says (1:00 AM):

เลยถามคำถามแบบนี้ พี่น้ำพูดเลย เข้าใจ
สุขที่แท้จริง says (1:01 AM):

ถามได้ค่ะ ดีกว่าปล่อยคาใจไว้ ทำให้ฟุ้งไม่รู้จบ
felling says (1:01 AM):

ค่ะ ที่หมูสงสัยมานานแต่ไม่กล้าถาม ก็เรื่องการกำหนดนี่แหละค่ะ

สุขที่แท้จริง says (1:01 AM):

ครั้งต่อไป สงสัยอะไร ถามก่อนปฏิบัติ หรือ ถามหลังปฏิบัติได้ทันทีนะคะ
ไม่งั้นมันทำให้มีผลต่อการปฏิบัติค่ะ
felling says (1:02 AM):

ค่ะพี่ งั้นหมูขออนุญาติ ถามต่อนะคะ คือหมู เวลาฟังมา จะได้ยินว่า การกำหนด
มันแทรกแซงสภาวะ ดัดแปลง และสติที่ได้จากการกำหนด
ค่ะ สติที่ได้จากการกำหนด ไม่ใช่สติตัวจริง เป็นสติที่เกิดจากความตั้งใจ
ซึ่งมักจะเกิดจากความอยาก และไปกำหนด สติก็ไม่เกิด
เพราะ ว่าสติจะไม่เกิดร่วมกับความอยาก ซึ่งเป็นอกุศล ดังนั้น เราควรที่จะรู้ไปตรงๆ
ระหว่างที่รู้ไม่ถลำลงไปรู้ ก่อนรู้อย่ารู้ หมูเลยสงสัย

1. ที่กำหนดๆ เป็นการดัดแปลงหรือเปล่า

2. การกำหนดรุ้ลงไปแบบจดจ่อ มันคือการถลำไหม

3. อย่างนี้ถ้าเราทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ เราจะ เกิดภาวะรู้จริงๆได้ไหม

นี่อะค่ะที่คาใจมานาน
สุขที่แท้จริง says (1:06 AM):

มีเท่านี้ใช่มัยคะ
felling says (1:06 AM):

ตอนนี้ นึกได้เท่านี้นะคะ
สุขที่แท้จริง says (1:06 AM):

ค่ะ อันนี้พี่พูดก่อนนะ ว่ากันในแง่ของการปฏิบัติ
ล้วนมีหลากหลายวิธีการ หลายสำนัก แต่ละสำนักสอนแตกต่างกันไป
ตามแต่ละครูบาฯประจำสำนักนั้นๆท่านปฏิบัติได้
ฉะนั้น ท่านจะไม่สามารถไปรู้ถึงวิธีการทำของสำนักอื่นๆที่แตกต่างไปจากท่านได้
การเจริญสติปัฏฐาน 4 มีกาย เวทนา จิต ธรรม
แม้แตคำว่า รู้สึกตัวน่ะ มันคืออะไรล่ะ หมูรู้มัยล่ะว่ามันคืออะไร
felling says (1:10 AM):

บัญญัตยากอะค่ะ คือเป็นความรูสึกถึงสิงที่เกิดขึ้น
สุขที่แท้จริง says (1:10 AM):

ใช่ มันแค่บัญญัติ รู้สึกตัว คือ ความรู้ชัดในการกระทำนั้นๆ มันคือสัมปชัญญะ
พูดให้มันยุ่งยากซะอย่างนั้น สติคือตัวระลึก อย่างก่อนที่หมูจะเดิน หมูระลึกถึงเท้าที่ก้าวเดิน ถูกมั๊ย
felling says (1:12 AM):

ค่ะพี่
สุขที่แท้จริง says (1:12 AM):

พอเท้าที่ก้าวออกไป หมูก็รู้ ถูกมั๊ย
felling says (1:12 AM):

รู้ค่ะพี่
สุขที่แท้จริง says (1:12 AM):

พอเท้ากระทบพื้น หมูก็รู้ชัด ถูกมั๊ย
felling says (1:13 AM):

ค่ะพี่รู้สึกอยู่
สุขที่แท้จริง says (1:13 AM):

ที่แค่รู้สึก แต่ยังไม่ชัด เพราะสัมปชัญญะยังทำงานไม่ชัดเจน เหมือนคนเราเดินนี่แหละ
ถ้าเราเดินไปเรื่อยๆสักพัก เราถึงจะรู้ชัดในขณะที่เดิน
felling says (1:14 AM):

บางครั้งก็ไม่รุ้ค่ะ
สุขที่แท้จริง says (1:14 AM):

ใช่ค่ะ
felling says (1:14 AM):

แต่ถ้าจะดูต้องใช้เวลานานๆ
สุขที่แท้จริง says (1:14 AM):

แต่ถ้าเรากำหนดรู้ลงไปล่ะ เอาจิตรู้ลงไป กับการมีคำกำหนด
felling says (1:15 AM):

มันก็จะชัดขึ้นน่ะค่ะ
สุขที่แท้จริง says (1:16 AM):

แต่ละสำนัก ย่อมสอนในแนวทางของตัวเอง มันคือบัญญัติกันอยู่ทั้งนั้น คำทั้งที่เป็นคำเดียวกัน
แต่เรียกให้ดูแตกต่าง ถ้าพูดว่า ให้มีสติ สัมปชัญญะเวลาเดินนะ ทุกคนต้องถามอีกว่าเดินยังไง
felling says (1:18 AM):

ค่ะเดินยังไง ก็เดินให้รู้สึกตัว
สุขที่แท้จริง says (1:19 AM):

มีคำถามอีก แล้วเดินให้รู้สึกตัวเดินยังไง
felling says (1:19 AM):

อ่า จากประสบการณืทีได้ยินมา
สุขที่แท้จริง says (1:20 AM):

พูดเถอะหมู ไม่ต้องเกรงใจ
felling says (1:20 AM):

ก็ประมาณว่ามีอะไรเกิดขึ้น ก็ให้รู้สึก เท้ากระทบพื้นรู้สึก จิตเผลอไปคิดรู้สึก นี่อะค่ะ
สุขที่แท้จริง says (1:20 AM):

รู้สึกตัวก้คือ สัมปชัญญะ ถูกมั๊ย
felling says (1:21 AM):

ใช่ค่ะพี่
สุขที่แท้จริง says (1:21 AM):

เรามาฝึกเจริญสติปัฏฐาน นี่เพื่ออะไรล่ะ
felling says (1:21 AM):

ก็เพื่อให้มีสติเรียนรู้กายกับใจ หมูก้อไม่แน่ใจหรอกค่ะ
สุขที่แท้จริง says (1:22 AM):

หลักจริงๆเลย คือ เพื่อฝึกสติ สัมปชัญญะ ให้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น
ส่วนสมาธิ และอื่นๆที่ได้ตามมาคือของแถม พี่มองแบบนี้
เราจะได้ไม่มีความอยากได้อะไร เรารู้แค่ว่า นี่เรากำลังฝึกเจริญสตินะ
ทีนี้ ไม่ว่าจะสมาธิเกิด หรืออะไรเกิด เราจะแค่รู้ แต่จะไม่ไปยินดียินร้ายกับสิ่งเหล่านั้น
เมื่อเรารุ้แล้วว่ามันคือผลพลอยได้ เหมือนหมูให้ทาน ให้คนกินข้าว ต่อมาวันนหนึ่ง
มีคนให้ข้าวแก่หมู หมูเริ่มมองละ อ้อ ... เกิดจากเราเคยให้คนอื่นๆไว้ ผลมันเลยสนองกลับมา
felling says (1:25 AM):

อืมๆค่ะ
สุขที่แท้จริง says (1:25 AM):

มันเลยไม่มีความอยากได้อะไร เพราะรู้แล้วนี่
ให้อะไรก้จะได้กลับมา แต่เราไม่ไปคาดหวังว่าจะได้กลับมา มันคือผลพลอยได้

สุขที่แท้จริง says (1:26 AM):

พี่จะตอบคำถามทีละข้อนะ ไม่เข้าใจตรงไหนถามเลยนะคะ
felling says (1:26 AM):

ค่ะพี่ การกำหนด ไม่ได้เป็นการแทรกแซงสภาวะ ใช่ไหมคะ
อ่าหมูค่อนข้างหัวช้า อย่าลำาญเลยนะคะ
คือหมู ได้ยินว่า การกำหนด มันแทรกแซงสภาวะ ดัดแปลง และสติที่ได้จากการกำหนด
สุขที่แท้จริง says (1:03 AM):

เล่าต่อค่ะ เด๋วอธิบายให้ฟังทีเดียว นี่คือที่หมูถามมา พี่ต้องไปลอกมาก่อน
felling says (1:28 AM):

ค่ะพี่
สุขที่แท้จริง says (1:28 AM):

ถ้าถามว่า การกำหนดเป็นการแทรกแซงสภาวะมั๊ย
ถ้าว่าโดยสภาวะ การเกิดขึ้น เด๋วนะ อธิบายตรงนี้มันมีรายละเอียดเรื่องของสภาวะ
ถ้าพูดถึงการกำหนดคืออะไร ในภาษาบัญญัติ เช่น การใช้หนอ
หนอ ... ไม่มีความหมายในสภาวะนั้นๆ เหมือนเวลาคนอุทานว่าคุณพระช่วย
การใช้หนอ เขามีจุดประสงค์แค่ว่า เพื่อเป้นตัวเหนี่ยวรั้งการทำงานจองจิตให้ช้าลง
เพื่อสติ สัมปชัญญะจะได้เกิดไวขึ้น เช่น คิด ความคิดบางทีมันไวมากๆ สติ มันไม่ทัน
บางครั้ง พี่ใช้คำว่าบางครั้ง เพราะมันไม่ใช่ทุกครั้ง บางครั้ง เราต้องหาอะไรสักอย่าง
เพื่อผูกจิตเอาไว้ ไม่ให้มันซัดส่าย เราจึงใช้หนอเข้ามาช่วยชั่วคราว
felling says (1:34 AM):

ชั่วคราว
สุขที่แท้จริง says (1:35 AM):

เพื่อเหนี่ยวรั้งจิตเอาไว้ ใช่ค่ะ ชั่วคราว
เพราะต่อไปพอสติ มากพอ หนอก็ไม่มีแล้ว การแทรกแซงสภาวะคืออะไร
การเปลี่ยนแปลง การมีความชอบ ความชัง การคิดแก้ไข ใช่มั๊ย
felling says (1:36 AM):

ค่ะ ใช่ค่ะ
สุขที่แท้จริง says (1:36 AM):

แล้วคำว่า หนอ มันมีความหมายมั๊ย หมูพูดแบบที่เข้าใจน่ะ
มันมีความชอบ มีความชังมั๊ย ในคำว่าหนอน่ะ
felling says (1:37 AM):

คือมันเป้นการหน่วงอารม ทำให้จิตมันไม่ทำงาน ตามปกติหรือเปล่าคะ
สุขที่แท้จริง says (1:38 AM):

ใช่ค่ะ ถ้าว่าตามหลัก ทำให้จิตทำงานช้าลง แต่ไม่มีผลกระทบต่อสิ่งนั้นๆ
เพราะพี่ไม่ได้บอกว่า ต้องเอาจิตจดจ่ออยู่กับหนอให้ได้ตลอดเวลานะ
นี่เปลี่ยนแปลงสภาวะแล้ว เอาจิตจดจ่อ ข้อนี้นะ เขาถกกันมานานแล้ว
felling says (1:40 AM):

ถกว่ายังไงคะ
สุขที่แท้จริง says (1:40 AM):

ถกว่าหนอน่ะ ไปเปลี่ยนแปลงสภาวะ
felling says (1:40 AM):

อืมมๆ แล้วมีผล ตัดสินไหมคะ หรือต่างแง่มุม
สุขที่แท้จริง says (1:41 AM):

แล้วครูบาฯที่ใช้หนอล่ะ ท่านผ่านมาได้ยังไง ทะเลาะกันน่ะสิ เพราะอะไรรู้มั๊ย
เหตุเพราะผู้พูด ไม่ว่างจิตให้เป็นกลาง เอาแต่ความคิดของตัวเองเป็นตัวตัดสิน

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ธ.ค. 2009, 20:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 23



สุขที่แท้จริง says (1:42 AM):

หลวงพ่อนี่ ไม่เคยว่ากล่าวติติงถึงการปฏิบัติของสำนักไหนๆเลย
นิดเดียวก็ไม่มี บางทีมีคนมาถามหลวงพ่อ บางคนมาว่าพระกัน
หลวงพ่อจะบอกเลย ชั่วช่างชี ดีช่างสงฆ์ หน้าที่เราคือเจริญสติ
สุขที่แท้จริง says (1:44 AM):

ทำให้เห็น ทำให้เข้าใจ แล้วจะได้คำตอบเอง ว่าที่เขาพูดมานั้นมันจริงมั๊ย
felling says (1:45 AM):

ให้หนักแน่นเหมือนแผ่นดิน
สุขที่แท้จริง says (1:45 AM):

ใช่ ให้ทำเอง จนกว่าจะรู้เอง
felling says (1:48 AM):

อ่าหมู ต้องขอออกตัว
สุขที่แท้จริง says (1:48 AM):

ไม่เป็นไร พี่เข้าใจหมู ให้พี่พูดคนเดียว
ตรงไหนหมูต้องการพูด พูดได้ ตรงไหนไม่ควร ก็อย่าพูด
felling says (1:48 AM):

ค่ะพี่ ขอบคุณมากนะคะ
สุขที่แท้จริง says (1:49 AM):

ไม่เป็นไรค่ะ
felling says (1:49 AM):

คือจริงๆหมูคิดว่า แนวทาง หรือหัวใจท่านสอนเหมือนกันหมด
แต่จิตคนฟัง ที่ยังขาดการอบรม ทำให้ มีการปรุง เปรียบเทียบ ตีความ
แต่ที่หมุเรียนกับพี่น้ำ และฟังจากหลักการปฎิบัติของหลวงพ่อ เหมือนกันทุกอย่าง
เพียงแต่วิธีการไม่เหมือนกัน ผลที่หมูได้จากการฝึกกับพี่น้ำ
ก็เหมือนกับ สิ่งที่หมูฟังมาว่าปฎิบัตแล้วจะเห็นอะไร คือตรงกันน่ะค่ะ แต่หมูติดไปยึด
สุขที่แท้จริง says (1:51 AM):

ถ้าตรงกัน แล้วทำไมหมูยังมีความคลางแคลงใจในเรื่องการกำหนดล่ะคะ
felling says (1:51 AM):

คือ ผลตรงกันค่ะ แต่ความแคลงใจ เพราะ ได้ยินมาแบบ นั้น ว่ามันคือการแทรกแซง หมูเลย งงๆ
สุขที่แท้จริง says (1:52 AM):


อ้าว ... แล้วผลที่หมูได้รับนั้น หมูว่ามันแทรกแซงมั๊ยล่ะ
felling says (1:53 AM):

คือ หมูเห็นว่าสติหมูดีขึ้นน่ะค่ะ
สุขที่แท้จริง says (1:54 AM):

การแทรกแซง คือ มีการคิดแก้ไข มีการคิดเปลี่ยนแปลง มีความชอบหรือชัง
การใช้หนอ หมูก็เห็นว่า พี่ไม่ได้แนะนำแบบคนอื่นๆ
felling says (1:55 AM):

ใช่ค่ะพี่ พี่ไม่ได้บังคับ ดูตามสถานะการ
สุขที่แท้จริง says (1:55 AM):

เราสามารถปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา เหมือนหนึ่งในชีวิตของเรา
แล้วทำให้เราเริ่มมีสติ สัมปชัญญะมากขึ้น
ถ้ามีการแทรกแซงสภาวะ มันต้องมีผลเสียเกิดขึ้น แล้วนี่มันมีมั๊ยล่ะผลเสีย หมูไปเพ่งหรือก็เปล่า
felling says (1:57 AM):

ค่ะไม่ได้เพ่ง แต่ก่อนไม่รู้หลักก็เลยเพ่งอะค่ะ
สุขที่แท้จริง says (1:57 AM):

หมูไปเอาจิตจดจ่อกับหนออยู่ตลอดเวลาหรือก็เปล่า
felling says (1:57 AM):

คำกำหนด เดียวกันนี่แหละค่ะ แต่จิตเดินไม่เหมือนกัน
สุขที่แท้จริง says (1:58 AM):

นี่ไง หมูสามารถพิสูจน์ด้วยตัวเองได้ เริ่มแยกความแตกต่างออกมาได้
felling says (1:58 AM):

ค่ะพี่ พี่น้ำคะ หมูเข้าใจแล้วค่ะ การใช้คำกำหนด ถ้าหมูสรุปเท่าที่เรียนมานะคะ
หมูรู้สึกว่า การกำหนดจะช่วยให้เราแยกสภาวะได้ ในกรณีที่จิตเรามันฟุ้ง ช่วยให้เรามีแรง
เหมาะสำหรับคนที่เริ่มต้น และยังไม่มีสติหรืแรงพอที่จะ เห็นความจริงได้เลย

ทีนี้ถ้าเรามีแรงพอ เราก็จะเห็นได้เอง โดยที่คำกำหนดนั้นๆ มันไม่มีความหมาย
เพราะจิตเรา จะไปรู้ที่สภาวะ คำกำหนด มันก็แค่ลอยๆ ทีนี้ถ้าเราทำผิดวิธี คือไปถือว่าคำหนดเป็น
สิ่งที่ต้องอยู่ตลอด อันนั้นจะกลายเป็นเพ่ง ไปบังคับมันให้มีอยู่น่ะค่ะ คือจริงๆแล้ว
สุขที่แท้จริง says (2:03 AM):

ใช่ค่ะ หมูแยกแยะสภาวะได้ชัดนะ
felling says (2:04 AM):

ขอบคุณค่ะ คือหมูรู้สึกว่า ที่เราทำผิดเพราะไม่รู้ เป้าหมายของการใช้คำกำหนดช่วย
มันช่วยให้เรามีแรง พอเรามีแรง จิตเราทัน มันก้อหมดหน้าที่
แต่ถ้าเราไปยึดรูปแบบ บังคับว่าต้องมี มันก็ผิดไป เหมือนธรรมมะ

หัวใจคือมีสติเพื่อเป็นเครื่องมือในการศึกษา ตัวเองถากถางกิเลส
แต่ถ้าเรายึด ว่าต้องใช้หลัการนั้นนี้ บางทีจิตเราพลิกเป็นอีกแบบ
หลักการเดิมๆ อาจไม่เหมาะกับ สภาวะที่เปลี่ยนไป เนี่ยค่ะ
สุขที่แท้จริง says (2:06 AM):

โมทนา สาธุค่ะ หมูเองก็ได้คำตอบด้วยตัวเองแล้วนี่
felling says (2:07 AM):

ค่ะพี่ อันนี้คือส่งที่หมูรู้สึกตอนที่หลวงพ่อท่านเทศ
เพราะท่านเทศตามจิตผู้เข้าเรียน บางคนกำหนดตายตัวไม่ได้แนะนำหมูเหมือนพี่น้ำน่ะค่ะ
แต่บางครั้ง ท่านก็พูดเหมือนพี่น้ำทุกอย่างเลย หมูเลยรู้สึกว่าที่ฟังมากับพี่น้ำสอนเหมือนกันค่ะ
สภาวะจิตของผู้เข้าเรียนพลิกเแพลงแบบไหน ธรรมมะ ที่มาแก้ไขก็พลิกไปตามนั้นมันไม่มีอะไรตายตัว
สุขที่แท้จริง says (2:08 AM):

ใช่ค่ะ ไม่มีอะไรตายตัว
สุขที่แท้จริง says (2:09 AM):

สภาวะแปรเปลี่ยนตลอดเวลา
felling says (2:09 AM):

แต่คนที่อ่อนๆอย่างหมู คนที่เพิ่งเริ่มต้น ยังมีทิฐิ
ยังไม่เข้าใจการปฎิบัติ ทำให้ไป จำคำสอนแล้วมาตีความผิดๆไปน่ะค่ะ
ก็เลยเกิดการแบ่งแยก ทั้งที่ คือหัวใจเดียงกัน เดียวกัน
ขอบคุณพี่น้ำมากๆ เลยค่ะที่ทำให้หมูได้คำตอบด้วยตัวเอง
สุขที่แท้จริง says (2:11 AM):

เพราะตัวหมูทำแล้วได้ผล เลยได้คำตอบเอง ไม่ต้องวิ่งไปถามใครๆ
พี่เพียงฟังในสิ่งที่หมูกำลังหาคำตอบด้วยตัวเอง ไม่ค่ะ หมูจำได้มั๊ย ว่าพี่น้ำเคยพูดไว้ว่ายัง
felling says (2:12 AM):

เรื่องอะไรคะ
สุขที่แท้จริง says (2:13 AM):

พี่เคยพูดไว้ว่า ให้หมูเรียนรู้สภาวะด้วยตัวเอง แล้วตัวสภาวะเขาจะสอนหมู
คำตอบนี้ก็เช่นเดียวกัน ที่หมูไม่มั่นใจในคำตอบ เพราะหมูยังไม่ได้ถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูด
พอหมูได้ถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูด แต่มันก้คือสภาวะที่หมูได้เรียนรู้ผ่านๆมาใน 22 วันนี้
ทุกอย่างมันอยู่ในตัวหมูหมดเลย ไม่ต้องไปวิ่งถามใครๆ เหตุที่มีข้อถกเถียงกัน
เพราะคนที่ถกเถียงนั้น เขาไม่เข้าใจในเรื่องของสภาวะ เขาไม่ได้มาเรียนรู้แบบที่หมูได้เรียนรู้
felling says (2:16 AM):

แล้วเขาก็มีทิฐิ ปิดกั้นตัวเอง ก่อนที่จะได้ทดลอง
สุขที่แท้จริง says (2:16 AM):

มันไม่ใช่แค่นั้น พี่ถามหมูว่า เท่าๆที่หมูได้ศึกษามาบ้างนั้น มีแนะนำแบบสภาวะบ้างไหม
การกำหนด ใช้ได้ทั้งกำหนดทั้งสองแบบ เพราะพี่น้ำเรียนรู้จากสภาวะเหมือนกัน
felling says (2:18 AM):

อ่า คือ เอาแบบชัดๆ ก็ไม่ ยืดหยุ่นเท่าพี่น้ำนะคะ
แต่ว่า ก็มีพูดว่า เริ่มต้น ต้องให้จิตมีที่เกาะ หลังๆ ก็ปล่อย มีเหมือนกันค่ะ
แต่จะไม่ แบบว่าเอาเลย ตามสบาย แบบพี่น้ำ ที่พูดเต็มปากเต็มคำน่ะค่ะ
เนี่ยค่ะ ส่วนใหญ่คนกำหนดก้กำหนดสุดๆ แบบว่า กำหนดเป็นชีวิตจิตใจ
สุขที่แท้จริง says (2:20 AM):

ค่ะ เข้าใจค่ะ นี่แหละ สภาวะ คำพูดนี่สำคัญมากๆ
felling says (2:22 AM):

ความรู้ที่ได้จากการเรียน มันคือความเข้าใจ ที่เรามาประติดประต่อกันน่ะค่ะ มันไม่ได้ประดิดเป็นคำพูด ก่อนหมุจะสรุปออกมาหมูต้องทบทวนก่อน ถึงจะออกมาได้ บางครั้งบางครา หมูยังต้องสังเกตดีๆว่า
มันคิดไปเอง หรือเรารู้สึกจิงๆ เพราะคิดไปเอง มันจะไม่ใช่ความจริง
felling says (2:23 AM):

หมูเลย "จับ" ที่ตัว " เข้าใจ" ซึ่งจะเห็นเป็นจุดๆ ไป ในแต่ละครั้งๆ ที่รู้สึกสภาวะ
สุขที่แท้จริง says (2:23 AM):

ถูกค่ะ
felling says (2:24 AM):

พี่น้ำมีอะไรจะแนะนำหมูไหมคะ เหมือนพี่น้ำมีอะไรบอก
สุขที่แท้จริง says (2:24 AM):

ไม่ค่ะ คราวนี้หมูเข้าใจยัง เวลาที่พี่สอบอารมณ์หมู พี่จะไม่ค่อยมีคำพูดมากมาย แต่จะฟังในสิ่งที่หมูพูด
felling says (2:25 AM):

เข้าใจค่ะ
สุขที่แท้จริง says (2:25 AM):

โมทนาค่ะ ดีใจน่ะค่ะ หมูก้าวกน้ามากๆ แยกแยะสภาวะเป็น
felling says (2:25 AM):

อ่าปกติเราต้องตอบว่าสาธุหรือเปล่าคะ แหะๆ
สุขที่แท้จริง says (2:26 AM):

ใช่ค่ะ
felling says (2:26 AM):

สาธุค่ะ แปลว่าดีแล้ว ใช่ไหมคะ
สุขที่แท้จริง says (2:26 AM):

ใช่ค่ะ หรือกล่าวโดยชอบแล้วอะไรประมาณนี้

คำว่า "สาธุ" ในภาษาไทยก็แปลว่า ดีแล้ว เห็นชอบแล้ว เท่ากับเป็นการทำบุญข้อหนึ่ง
ในบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ประการ มีอยู่ข้อหนึ่งในจำนวน ๑๐ ข้อคือ ปัตตานุโมทนามัย
แปลว่าบุญสำเร็จด้วยการอนุโมทนาส่วนบุญ ดังนี้

วันหนึ่ง ๆ ได้คิดดี ได้พูดดี ได้ทำดี "สาธุ" ให้ตัวเองและให้คนอื่นได้สาธุในการคิด การพูด
การกระทำ ของเราเท่ากับได้ทำชีวิตนี้ให้มีกำไรมหาศาล จะได้ชื่อว่า ได้อยู่ในโลกใบนี้มีแต่ความหอม
felling says (2:27 AM):

อ้อๆ เรียนกะพี่น้ำ นี่รู้เยอะขึ้น มากเลยค่ะ
สุขที่แท้จริง says (2:28 AM):

ค่ะ เพราะหมูเรียนรู้สภาวะด้วยตัวเองน่ะ ไม่ใช่พี่ไปตั้งกฏเกณฑ์
felling says (2:28 AM):

พี่น้ำสอนแบบนี้ หมดทุกคนหรือเปล่าคะ
สุขที่แท้จริง says (2:28 AM):

ทุกคนค่ะ พี่แนะนำให้ทุกคนเรียนรู้สภาวะ บัญญัติต่างๆไม่เอา ทิ้งให้หมด
แล้วให้เขารู้จักช่วยตัวเอง ในการปรับเปลี่ยนตามสภาวะที่เกิดขึ้น
felling says (2:29 AM):

หมูคุ้นๆวิธีนี้ตอนเด็กๆน่ะค่ะ ที่หมูเคยเล่าให้พี่น้ำฟัง ตอน ม.4 ไปปฎิบัติ
หลวงพอ่ก็ให้เดินจงกรมแล้วมานั่งพุธโธ ท่านก็สอนแค่ ขวาย่างหนอ ซ้ายย่างหนอ
ให้รู้สึกตัว ให้ทัน แล้วก็มานั่ง แล้วหมูก็จับแค่ทำแบบไหนก็ได้ ให้รู้สึกตัวชัดที่สุด
ไม่มีกฎเกนอะไร จะยกยังไงก็ได้ แต่ว่า มันจะรู้เองว่า ต้องเดินแบบนี้ชัด
ตรงนี้ต้องช้า ตรงนี้เบลอแล้วต้องกำหนด อย่างนี้น่ะค่ะ
สุขที่แท้จริง says (2:31 AM):

ค่ะ ท่าแนะนำดีนะคะ ไม่ให้ไปยึดอะไร
felling says (2:32 AM):

ค่ะคือ ท่านไม่ได้บอกรายละเอียด แค่บอกหลัก
สุขที่แท้จริง says (2:32 AM):

ที่พี่ไม่เจาะจงบอกหมูว่าต้องทำอย่างโน้น อย่างนี้ เพราะอะไรรู้มั๊ยคะ
felling says (2:33 AM):

ด้วยเหตุผลเดียวกัน คือมันจะกลายเปนว่าหมูจะทำเพื่อให้เกิสภาวะนั้น
แทนที่จะเห็นสภาวะจริง ไปสร้างสภาวะหรือเปล่าคะ
สุขที่แท้จริง says (2:33 AM):

ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวหมู มันคือสภาวะของหมู
felling says (2:33 AM):

แล้วก้อเครียด
สุขที่แท้จริง says (2:34 AM):

แล้วถ้าพี่ทำแบบนั้น เท่ากับพี่ไปแทรกแซงสภาวะของหมู ทำให้มีผลคือสภาวะเปลี่ยนไปนั่นเองค่ะ
ฉะนั้น พี่จะไม่ไปแทรกแซงสภาวะของใครๆ แต่พี่จะให้หมูปรับเปลี่ยนเอง ตัดสินใจเอง
เพื่อรับมือกับสภาวะนั้นๆ นั่นคือ สติ สัมปชัญญะที่หมูกำลังฝึกอยู่
felling says (2:35 AM):

มิน่าพี่น้ำไม่เคยพูดว่าผิดเลย หมูจะฟรีสไตแบบไหนก้ได้
เพราะสิ่งนั้นหมูกำลังรู้อยู่ด้วยวิธีการของหมูเอง รู้ในแบบของหมู
สุขที่แท้จริง says (2:36 AM):

ใช่ค่ะ เพราะคือ สภาวะของหมู
felling says (2:36 AM):

มันไม่มี การรู้ผิดๆ หรือคะ ถ้าเราปล่อยให้เขาทำตามใจชอบ
สุขที่แท้จริง says (2:37 AM):

ไม่ค่ะ เพราะพี่ผ่านมาแล้วนี่คะ พี่ผ่านมาพี่ย่อมเข้าใจในสภาวะที่เกิดขึ้นกับเขา
พี่แค่ชี้ให้ดูบางครั้งเท่านั้นเองว่าควรทำอย่างไร
felling says (2:38 AM):

เพราะมันพลิกแพลง
สุขที่แท้จริง says (2:38 AM):

ถ้าคนนั้นไม่เข้าใจสภาวะ แล้วเขาจะไปอ่านสภาวะคนอื่นๆออกได้ยังไง จริงมั๊ยคะ
felling says (2:38 AM):

จริงค่ะ สภาวะแต่บะคนไม่เหมือนกัน ตามอนุสัย
แต่ว่า สภาวะของเรา ในฐานะของ คนที่มีกิเลสมันก็คือสภาวะเดียวกัน
สุขที่แท้จริง says (2:39 AM):

ใช่ค่ะ แต่ละคนไม่เหมือนกัน เริ่มชัดขึ้นใช่มั๊ยคะ กิเลส ตัวละคร เริ่มชัดขึ้นหรือยังคะ
felling says (2:40 AM):

โอ้ว .. ค่ะ แต่หมู ต้องหยุด วิเคราห์ก่อน เพราะมันจะล้ำเกินสิ่ง ที่หมุเห็น
สุขที่แท้จริง says (2:41 AM):

ค่ะ ค่อยๆเรียนรู้ไป
felling says (2:41 AM):

บางอย่างที่พี่น้ำพูดน่ะค่ะ หมูเพิ่งมาเข้าใจ ตอนปฎิบัติหลังๆ เช่น ที่พี่น้ำเคยพูดประมาณว่า
ความคิดทั้งนั้น จริงๆ มันก็แค่เกิด กับดับ หมูน่ะยังไม่ได้เห้นแค่เกิดกับดับ
แต่หมูเห็นว่านี้ตอนที่มันสรุป สภาวะ ว่าจริงๆมันก็คือตัวสภาวะ
ของเก่าที่มันไปสรุปน่ะดับไปแล้ว ถ้าหมูเห็นมากขึ้นเรื่อยๆ บางช่วงหมูรู้สึกว่จิตมันจะไม่สรุป สั้นๆ
สุขที่แท้จริง says (2:44 AM

จิตมันไว กิเลสก็ไว มันประกบหาช่องว่างที่จะแทรกเข้าอยู่ตลอดเวลา
สุดแต่ว่าเราจะมีสติทันไหม ถ้าทัน มันจะแค่รู้ ไม่มาสรุปอะไร
เพราะมันก็คือความคิด คิดไปอดีต คิดไปอนาคต เลยลืมหน้าที่ไปว่า กำลังทำอะไรอยู่
felling says (2:45 AM):

ใช่เลยค่ะ ตอนนั้นรู้สึกแบบนั้นเลย ลืมดูสภาวะ
สุขที่แท้จริง says (2:46 AM):

พอมีสติรู้ตัว ก็ความคิดดับ กลับมารู้ในสิ่งที่กำลังกระทำอยู่ สำหรับพี่นะ
ในแง่การสอบอารมณ์โดยสภาวะนี่ พี่มองว่า ผู้ปฏิบัติจะได้ประโยชน์เต้มที่
จะไม่ไปยึดติดกับบัญญติต่างๆ ไม่ต้องไปแทรกแซงสภาวะที่เกิดขึ้น
felling says (2:47 AM):

โชคดีจริงๆแหะๆ หมูอะค่ะ
สุขที่แท้จริง says (2:48 AM):

ประโยชน์ตอนนี้ที่หมูเห็นได้ชัดๆคือ ทิฏฐิมานะ มันจะลดลง
felling says (2:49 AM):

เห็นมันมากขึ้นน่ะค่ะ พอแยกได้ว่า อันไหน คือส่วนเกิน
สุขที่แท้จริง says (2:49 AM):

เพราะเห็น มันจึงลด มันคือกิเลส ที่เขาชอบบ่นว่า ความหลงตัวเอง
felling says (2:50 AM):

เขา เป็นไงบ้างคะ ไม่ได้เจอเลย
สุขที่แท้จริง says (2:50 AM):

เขาเห็นกิเลสตัวนี้ชัดมากๆ เขาก็เป็นแบบเขาน่ะค่ะ
felling says (2:50 AM):

ต้องเป็นเด็กดื้อหรือเปล่า ตัวนี้ถึงเยอะ หมูเห็นพี่น้ำหัวเราะ คือปรับ ตามเขาน่ะค่ะ
สุขที่แท้จริง says (2:52 AM):

คืออะไรคะ
felling says (2:52 AM):

คือ พี่น้ำปรับ วิธีการ ให้เข้ากับนิสัยเขาอะค่ะ วิธีการพุดเหมือนกัน เวลาอยู่กับคะน้า
หมูยังเคยแซวว่าพูดเหมือนกันเลย
สุขที่แท้จริง says (2:53 AM):

จะพูดยังไงดีล่ะหมู มันเหมือนกับว่า หมูสังเกตุนะ
ถ้าเวลาพี่พูดกับหมู สภาวะจะอีกอย่าง เวลาพูดกับคะน้า สภาวะจะอีกอย่าง
felling says (2:54 AM):

ใช่ค่ะ กะหมูจะนิ่งๆ กะเขา จะโลดโผน
สุขที่แท้จริง says (2:54 AM):

พี่บอกตามตรงนะ พี่ไม่ได้ปรับเปลี่ยนอะไรเลย
felling says (2:54 AM):

อ้อ เป็นไปตามสภาวะที่มากระทบใช่ไหมคะ อืมๆ ค่ะ หมูกำลังคิดว่า งั้นพี่น้ำจริงๆ
อยู่ที่ไหนคะ ความเป็นพี่น้ำ หมูถามอะไรแปลกๆไหมคะ
สุขที่แท้จริง says (2:57 AM):

แปลกสิ เพราะหมูถามแบบนี้ แสดงว่าหมูเริ่มเข้าใจสภาวะขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง
ไม่เคยมีใครถามพี่แบบนี้มาก่อนเลยนะ
ความเป็นพี่น้ำ คือไม่ได้เป็นอะไรเลย ไม่ได้มีอะไรเลยสักอย่างเดียว
จะอยู่ตรงไหนก็ได้ แต่จะให้ไปเป็นอะไรนั้นมันไม่มี ตัวตนแท้จริงของพี่
คือพอใจชีวิตที่เรียบง่าย ไม่ขวนขวาย ไม่ใฝ่คว้า มีความสุขในโลกของตัวเอง
แต่ก็ยินดีแบ่งปัน ช่วยเหลือคนอื่นๆเท่าที่จะช่วยได้
นี่แหละคือพี่ ไม่มีความหมายใดๆ ไม่มีความแตกต่างใดๆ แค่รู้สึกพอใจกับตัวเองเท่านั้นเอง
felling says (3:02 AM):

เหมือนๆกับชีวิตที่หมูวาดไว้ หมูไม่ได้ เป็น "อะไร" ค่ะ แต่ว่า หมูไม่อยาก ที่จะ ให้ตัวเอง
ต้องมีความหมาย คือ พอเราอยาก ที่จะมีความหมาย มันทุกข์
ในขณะเดียวกัน สภาวะที่พอใจกับอะไรก็ได้ หมูว่ามันไม่เหนื่อยเหมือนทุกวันนี้
สุขที่แท้จริง says (3:05 AM):

หมู เริ่มเข้าใจมากขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่ตอบหมูไปนั้นคือ สภาวะ
แต่สิ่งที่พี่ถามกลับไปหาหมูคือบัญญัติ แล้วหมูสามารถตอบพี่น้ำโดยสภาวะได้นี่ ดีนะคะ
felling says (3:06 AM):

หมูยังไม่ค่อยรู้ตัวอะค่ะ คือตอบตามความรู้สึก
สุขที่แท้จริง says (3:06 AM):

หมูตอบโดยความรู้สึก ความรู้สึกของหมูเป็นตัวบ่งบอกสภาวะของหมู
felling says (3:07 AM):

อ่อ ค่ะ หรือเพราะหมูเป็นนักเขียนสมัครเล่น มันเลยใช้คำเป็น
สุขที่แท้จริง says (3:07 AM):

คำที่ว่า หมูไม่อยาก ที่จะ ให้ตัวเอง ต้อง อยากมีความหมาย .....
felling says (3:07 AM):

ค่ะนั่นแหละค่ะ
สุขที่แท้จริง says (3:08 AM):

นี่แหละกิเลส กิเลสทำให้เกิดความทุกข์หรือสุขก็ได้ แค่เราพลิกมัน
เอานะ ทำความเพียรต่อไป หมูเริ่มเข้าใจอะไรมากขึ้นด้วยตัวเอง
คำตอบก็ได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องไปวิ่งถามใคร ถามมากคนก้มากความ
felling says (3:09 AM):

อืมๆ ค่ะ ใช่ค่ะ
สุขที่แท้จริง says (3:10 AM):

ทำเอง เห็นเอง พี่แค่ยืนยันให้กับหมูตามสภาวะเท่านั้นเอง คงเข้าใจแล้วนะ การกำหนด
felling says (3:10 AM):

เข้าใจแล้วค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ธ.ค. 2009, 01:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 24


สุขที่แท้จริง says (8:52 PM):

จ้ะ แล้วทำเลยนะ เดิน 60 นั่ง 50 จ้ะ
felling says (8:52 PM):

ได้ค่ะพี่ เรียบร้อยแล้วค่ะ ตอนเดิน วันนี้ เห็น การกำหนดที่ไม่เป็นกลางค่ะ
เช่นพอเกิดสภาวะอะไร ที่เราไม่ชอบ จิตผุดคำกำหนด แต่เห็นลักษะของการผลักไส
ระหว่างที่กำหนด พอเห็นมัน มันก็จะใจคลาย สบายนิดๆค่ะ
แล้วก็ ตอนเดินโมหะเยอะมาก ง่วง ง่วงที่ตาน่ะค่ะ
สังเกตว่ามันเข้ามา เยอะๆ ช่วงที่เราเดินสุดทางจงกรม ที่นี้พอง่วงมากๆ
ก็เลยหายใจยาวๆช่วย แล้วค่อยๆเดิน มีช่วงหนึ่งที่ ง่วงมากๆ แล้วลงเท้า มีความรู้สึกว่า
การลงเท้า มันกระทบที่ส้นเท้าก่อน แล้วปลายค่อยลงตาม
ตรงเนื้องที่อูมๆลงก่อนน่ะค่ะ แล้วปลายส่วนบนลงตามแต่ไม่ได้เห็นแบบชัดเจนมาก

พอเห็น จิตมันเหมือนมีแรง ความง่วง มันคลายออกไป
เหมือนฝ้าบางๆ ที่เริ่มแตกตัวน่ะค่ะ แต่ยังติดอยู่มุมโน้นมุมนี้
แล้วก็ชัดขึ้นๆ ชัดแบบนั้นประมาณ 1 ขาไป และคตรึ่งขากลับจงกรม
จากนั้นไม่นานมันก็เข้ามครอบใหม่ ตอนเดิน บางครั้งเวลาเราเห็นสภาวะใด
คือไปเห็นความเผลอละหว่างเดินน่ะค่ะ จิตมันลอยไปจากการย่างเท้า มันเอียงๆ ไปคิด
เห็นความคิดทัน เบาๆ จิตมันรีบไป สรุปทบทวนเป็นความรู้ทันที
วิเคราะห็สภาวะที่เห็น แต่ยังไม่ได้วิเคราห์เป็นคำพูด เราไปเห็นมันก่อน

แล้วก็เลยเดินต่อไป บางครั้ง ตอนนี่มันเบลอๆ รู้สึกว่าใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ใช้คำกำหนดรู้หนอๆ หลายรอบหายใจลึก ก็มาอยู๋กับตัวได้แล้วค่อยเคลื่อนไหวต่อ
บางครั้งเดินๆ อยู่เห็นความง่วงเข้ามาแทรก เป็้นจังหวะ เช่นก้าวขาลง แทรกช่วงนั้น
แต่มันไม่แน่นอนน่ะค่ะ ว่าจังหวะไหน แต่พออมันเข้ามาก็รู้ตัวว่าเนี่ยมันกำลังมาแล้ว อาการแบบนี้
สุขที่แท้จริง says (11:17 PM):

ค่ะ กำหนดทันมั๊ยคะ หายใจยาวๆ
felling says (11:17 PM):

หายใจยาวๆ ค่ะ แต่มันไม่ได้หายไป
สุขที่แท้จริง says (11:17 PM):

ไม่เป็นไรค่ะ ดีกว่าไม่ได้ทำ อีกหน่อยสติจะมากขึ้นเอง
felling says (11:17 PM):

ค่ะพี่ แล้วตอนนั่ง อ้ออีกนิดค่ะตอนเดิน การรู้สึกตัว ตอนเดินวันนี้ มันจะรู้สึกแบบใหม่เพิ่มเข้ามา
คิอรู้สึกถึงการมีอยู่ของ กาย คือรูสึกว่ามีกาย ใจอยู๋กับกายน่ะค่ะ
แต่ก่อนจะรู้สึกถึงการเคลื่อนไหว มากกว่า คราวนี้ไปนั่งนะคะ
นั่งวันนี้ก็ ไม่ได้รู้สึกถึงท้องพองยุบค่ะ และไม่ได้สงบค่ะ เป็นหลงไป
สุขที่แท้จริง says (11:20 PM):

ค่ะ ดูตามความเป็นจริง ดีแล้วค่ะ
felling says (11:20 PM):

คือมันหลง แต่ไม่เห็นรายละเอียดที่ชัดเจน ของอาการหลงเหมือนแต่ก่อน
ค่ะพี่ แต่พอมันหลงแล้วสักพัก มันจะวูบสะดุ้งน่ะค่ะ บางครั้งก็เอียง
ก็กลับมาหายใจยาวๆนั่งต่อ ก็เป็นอีก ทีนี้ มันมีบางครั้ง ที่จิตมันกลับมาที่เวทนา
สุขที่แท้จริง says (11:21 PM):

รู้หนอทันมั๊ย
felling says (11:21 PM):

เอียงไปแล้ว ค่อยมารู้หนอค่ะ
สุขที่แท้จริง says (11:22 PM):

ค่ะ ดีแล้ว แล้วค่อยๆปรับตัวหรือเปล่าคะ
felling says (11:22 PM):

ทำค่ะ ค่อยๆ ยืดตัว หายใจยาวๆกำหนด หลังจากเรารู้สึกตัว
ในระหว่างที่หลง บางครั้งมันก็กลับมารู้เวทนา เช่นเจ็บจี๊ดคล้ายอะไรกัด
ประมาณ 2 - 3 ครั้ง ก็ดูมัน ไม่ได้กำหนด ว่ารู้หนอ เพราะเราดูอยู่
มันหายไปเอง แต่จิตไม่ได้แจ่มชัดนะคะ พอมันหาย
มันก็ไปภาวะของการหลงต่อ ถ้าจำไม่ผิด มันมีบางช่วงรู้สึกถึงลมหายใจ
แต่ไม่ได้จ่อที่จมูก แต่เป็นบริเวณ นั้น บริเวนจมูก แต่ไม่ได้จ่อที่อวัยวะ
ไม่นานค่ะ ก็หลง ไป แล้วก็วูบ จิตกระดกเบาๆ ประมาณนี้ค่ะ
สุขที่แท้จริง says (11:25 PM):

ถ้ารู้ที่กายได้ก้รู้ที่กายนั่งได้นะคะ
felling says (11:25 PM):

ค่ะเหมือนมันมีรู้กายด้วย แต่มันบางมาก จำไม่ได้ ว่ารู้จริง หรือคิดไปเอง
สุขที่แท้จริง says (11:26 PM):

ค่ะ ถ้าจับกายได้ ส่วนไหนก้จับไปเลย
felling says (11:26 PM):

ค่ะพี่ จบแล้วอะค่ะ อ้อมันมีเวทนาสั่นๆด้วยค่ะ ตอนนั่งนะคะ
รู้สึกชัดมากช่วงหนึ่งหลังจากหลงมาพักใหม่ สั่นที่หัว
ที่ตัวบ้าง ก็รู้ไป พอมันหาย มันก็ไปหลงอีก วันนี้ระหว่างวัน
เห็นกิเลสแต่มันไม่ได้ เหมือนตอนเราปฎิบัติตอนเดินกับนั่งน่ะค่ะ
ตอนเดินกับนั่งมันจเห็นการเกิด และบางครั้งก็เห้นการดับ
แต่ในชีวิตประจำวัน มันเห็นเกิด แต่ว่าไม่ได้เห็นดับ มาอีกทีมันก็ไปเกิดอย่างอื่นอีก
อันนี้เริ่มต้นจะเป็นแบบนี้ไหมคะ
สุขที่แท้จริง says (11:29 PM):

ค่ะ สมาธิหมูมากไป รอบนี้ เดิน 60 นั่ง 40 พอค่ะ
felling says (11:30 PM):

เดินนะคะ รอบนี้ มันมีแต่มึนๆ ง่วงๆเบลอๆค่ะ เท้ารู้สึกนะคะ แต่คู่กับอาการเบลอ ก็กำหนดรู้หนอๆ
หายใจลึกๆ มันก็ไม่หายค่ะ อาการมึนๆ เป็นเวทนาที่หัวเป็นส่วนมากค่ะ
เวลากำหนดรู้ เห็นว่ามันมีอยู่ไม่หายแต่มันแปรเปลี่ยนค่ะ
คือลักษณะ วูบวาบผิดกัน มีการเคลื่อนไหวของเวทนา แต่ไม่หาย ก็ไม่รู้ทำไง
กำหนดพอรู้ว่ามันมีก็เดินต่อ ทีนี้ระหว่างเดินๆอยู่ก็มีความคิดเกิดค่ะ คราวนี้เราไปคิดเองค่ะ
เป็นอารมณืไม่พอใจ ระหว่างวันที่ เราไม่ได้คิดในช่วงกลางวัน มันเกิดเราพยายามไม่สนใจในระหว่างวัน

ตอนปฎิบัติพอมันแวบขึ้นมา เราไปใส่ใจกับมัน เลยคิดเป็นจิรงเป็นจัง
โดยลืมกำหนดค่ะ พอมารู้สึกอีกทีมันหาย ทีนี้หลังๆ มันเหมือนระลึกไม่ได้น่ะค่ะว่าต้องกำหนด
อาการคือเกิดแล้วอินกับมัน พอมาอีกทีอ้าวมันเปลี่ยนเรื่องอินแล้ว
แต่เห็นความแตกต่างของใจค่ะ ใจที่ในมีอารมณืโกรธ ไม่พอใจ กับใจที่อารมณืนั้นมันไม่มี
มันเป็นใจที่ตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง และก็เลยสงสัยว่า
ใจที่แตกต่างนี้ทำไมมันแตกต่างมันเริ่มแตกต่างตอนไหน เลยสังเกต
เวลาเดินๆไปก็พยายามเผ้าดูมัน เห็นว่า พออารมณืหนึ่งเกิดขึ้นเราไปรู้มัน มันยังไม่จบ
แต่อีกอารมณืหนึ่งจะเริ่มมีบทบาทขึ้นมา จิตเราไปอยู่ที่อารมใหม่มากกว่า
อารมณืเก่าก็เลยค่อยๆเคลื่อนเปลี่ยนไปช้าๆ แต่ ในขณะที่อารมณืใหม่ชัดขึ้น
ประมาณนี้ค่ะ พอมานั่งก็หลงอีกค่ะ เหมือนๆรอบแรกเลยแต่ตอนประมาณ 5 นาที สุดท้าย
พยายามตั้งสติ มีกำหนดทันค่ะ กำหนด ความคิดที่มันขึ้นมา เพื่อหลอกให้เราเคลิ้มไปน่ะค่ะ
ถ้ากำหนดทัน มันก็ไม่หลงไปหลับใน แต่มันทันไม่นานมันก็ไป
สุขที่แท้จริง says (1:21 AM):

นี่แหละ พี่ถึงให้เราเดินมากกว่านั่ง
felling says (1:22 AM):

ค่ะพี่ สติน้อย ช่วงที่ทัน พอจะเห็นกายได้
สุขที่แท้จริง says (1:22 AM):

เริ่มวิเคราะห์เองได้
felling says (1:22 AM):

สังเกตจากที่พี่น้ำสอนน่ะค่ะ
สุขที่แท้จริง says (1:22 AM):

ความคิด ค่ะ หมูเริ่มจับสภาวะได้ไวขึ้น ความคิดเก่าไป ใหม่มา
ธรรมดาที่เราจะจมอยู่กับความคิดใหม่ต่อ อาจเป็นไปได้ด้วยว่า หมูเหนื่อยกับการเดินทาง
felling says (1:24 AM):

อืมๆ ค่ะ อีกอย่างวันนี้มัน เวทนาเข้าแทรกเยอะ อาการมึนหัว เดินเหมือนคนเมา
สุขที่แท้จริง says (1:24 AM):

มันจะเป็นช่วงๆค่ะ
felling says (1:24 AM):

ค่ะมันหายไปสัก 2 วันได้ เริ่มกลับมาเมื่อวานกะวันนี้
สุขที่แท้จริง says (1:25 AM):

สภาวะมันมาทดสอบเรา สติทันจริงหรือเปล่า
felling says (1:25 AM):

ม่ายยทัน
สุขที่แท้จริง says (1:25 AM):

ค่ะ นี่แหละตัววัด สภาวะจะเป็นตัววัด
felling says (1:25 AM):

สติมันตกหรือคะ
สุขที่แท้จริง says (1:26 AM):

เปล่าค่ะ มันเพียงแต่ยังไม่เข้มแข็งพอ ทำบ่อยๆ เด๋วดีขึ้นเองค่ะ
พยามกำหนดให้ทัน ถ้าไม่ทัน ก้ให้รู้ลงไปให้ทัน
felling says (1:27 AM):

ค่ะพี่ โดยเฉพาะตอนนั่ง มันชัดมากเลยค่ะ ว่าสติ แข็งพอไหม ตอนเดิน เนื่องจากกายเคลื่อนไหว
ทำให้จิตเรายังมีความสนใจกับการเคลื่อนไหว จิตปล่อย อารมหนึ่งไปอีกอารมหนึ่งไว
มันไม่หลับง่ายๆ แต่นั่งมันนั่งๆ นิ่งๆ มันก็ไหลไว
สุขที่แท้จริง says (1:28 AM):

สติยังไม่ทัน ไม่เป็นไรค่ะ ทำให้ต่อเนื่อง
felling says (1:28 AM):

ระหว่างวัน อย่างวันนี้ มีเรียน เห็นความอยากเด่น อยากได้รับความสนใจ
ใจมันรนๆอยากพูดเพื่อดึงดูดความสนใจ
สุขที่แท้จริง says (1:29 AM):

กิเลสค่ะ
felling says (1:29 AM):

หมูก็รู้ แต่มันไม่ได้หายขาด อันนี้หมูทำถูกหรือเปล่าคะ หรือต้องเพิ่มอะไร
สุขที่แท้จริง says (1:30 AM):

ทำอะไรคะ ที่ถามมาน่ะค่ะ
felling says (1:30 AM):

หมูรู้ว่ามันเกิดอารมณือะไร อย่างนี้ถือว่า ปฎิบัติไหมคะ

สุขที่แท้จริง says (1:30 AM):

สติไงคะ สติมันเป็นตัวบอก ถ้าหมูไม่ได้มาฝึกตรงนี้ หมูจะจับอารมณ์ตรงนั้นไม่ทัน
felling says (1:31 AM):

งั้นต่อไป ถ้าหมูจับทันอีกหมูต้องเพิ่มอะไรลงไปหรือเปล่าคะ
อย่างนี้ถือว่าเป็นการรู้ลงไปแล้วหรือยัง
สุขที่แท้จริง says (1:31 AM):

รู้ค่ะ เพียงแต่ว่า ทุกอย่างต้องใช้เวลา พี่ถึงบอกว่า กำหนดทัน ให้กำหนด
ถ้าไม่ทัน ให้รู้ลงไป แต่ถ้าพลาดไปแล้ว ไม่เป็นไร เราแค่ดู
felling says (1:32 AM):

อย่างนี้ก้เท่ากับหมู " รู้ " ลงไป แล้วหรือเปล่าคะ
สุขที่แท้จริง says (1:32 AM):

ใช่ค่ะ เพียงแต่ว่า หมูยังจับได้ด้วยตัวเองยังไม่ชัด
felling says (1:33 AM):

งั้นแบบไหนที่เรียกว่าพลาดไป แล้ว อะคะ
สุขที่แท้จริง says (1:33 AM):

แบบที่ว่าพลาดคือ ใจลอย แล้วปล่อยให้ไหลไปเลย ไปติดกับอารมณ์นั้นๆ
สุขที่แท้จริง says (1:34 AM):

มีบางคนนี่แต่งเป้นเรื่องเป็นราวเลย
felling says (1:34 AM):

ถ้าใจไปติดกับอารมณืนั้นอยู่ เราก็ดูมันไม่ไเด้เพราะเรากำลังแสดง
แต่เราจะรู้ อีกทีตอนเราจบการแสดงแล้ว
สุขที่แท้จริง says (1:35 AM):

พี่ถึงเน้นไง หายใจยาวๆไว้ก่อน ไม่ว่าจะทันหรือไม่ทัน
อย่างน้อยมันยังช่วยกระตุ้นให้รู้สึกตัวได้บ้างไม่มากก็น้อย ไม่เป้นไรจ้ะ
felling says (1:36 AM):

คือเหมือนเรารู้ว่าเราหลงไปแต่เรา ออกมาไม่ได้ เราก็หายใจแรงๆ
สุขที่แท้จริง says (1:36 AM):

สภาวะจะแปรเปลี่ยนมาให้เราเรียนรู้เรื่อยๆ ค่ะ หายใจนี่สำคัญ
felling says (1:36 AM):

ค่ะพี่ หมูอะ เวลาหายใจยาวๆ มักจะกลายเป็นหายใจแรงๆ หมือนหายใจยาวๆ แต่เงียบๆไม่ค่อยเป็น
สุขที่แท้จริง says (1:37 AM):

หมูต้องฝึกค่ะ ทำบ่อยๆมันจะชินไปเอง พี่เองเมื่อก่อนเป้นคนหายใจสั้น เป้นคนขี้หงุดหงิดง่าย
felling says (1:38 AM):

นึกวาหมูเป็นอยู่คนเดียว
สุขที่แท้จริง says (1:38 AM):

พี่มาฝึกเอง ฝึกหายใจยาวๆ จำจากหลวงพ่อเทศน์ ถ้าสมาธิเกิด เราไปหายใจแรงๆ สมาธิมันก็หลุด
ค่อยๆเรียนรู้ไปนะหมู วันนี้แบบนี้
felling says (1:39 AM):

ค่ะ วันนี้เห็นกิเลสเยอะมากค่ะ
สุขที่แท้จริง says (1:39 AM):

แต่ละวันจะไม่เหมือนกัน
felling says (1:40 AM):

เห็น ความอยาก โน่น อยากนี้ล้นหัวอก ส่งการบ้านพี่น้ำ ก็อยากได้ คำพูดประมาณว่าก้าวหน้า
สุขที่แท้จริง says (1:40 AM):

ทำมากเท่าไหร่ ก้ยิ่งเห้นแต่กิเลส
says (1:40 AM):

ใจมันจ่อรอฟัง ทุกครั้งที่หมูรู้ ถึงจะไม่ดับไป แต่เป็นการฝึกสติใช่ไหมคะ
สุขที่แท้จริง says (1:41 AM):

ใช่ค่ะ ฝึกไปเรื่อยๆ มันจะเพิ่มระดับความเข้มแข็งของสติมากขึ้นเรื่อยๆ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ธ.ค. 2009, 19:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 25

felling says (10:38 PM):
เดิน 80 นั่ง 40 ค่ะ ตอนเดินวันนี้เดินช้าๆ ค่ะ ค่อยๆทำ ใจเย็นๆ กำหนดถี่ยิบ
พยายามไม่ปล่ยความรู้สึกเล็กๆน้อยๆ กำหนดหมดค่ะ อันไหนหลุด

ก็เริ่มใหม่ แต่ไม่เครียด ทีนี้ข้อแตกต่าง เห็นว่า ความง่วง
จะเกิดขึ้นนิดเดียวก่อน พอเราไม่ละเลยว่าเล็กๆ ดูเฉยๆก็ได้ แต่หันมากำหนดสนใจมัน
มันก็ไม่โตค่ะ มันก็ลดลงไป ไม่ใหญ่ขึ้น การเดินครั้งนี้เลยไม่ง่วงค่ะ

แต่เห็นอาการเล็กๆของความง่วงมาตลอดนะคะ รีบกำหนดก็เลยไม่ลาม
ความคิดด้วยค่ะ ความคิดกำหนด ถี่ค่ะ

เป็นคนละเรื่องกัน กำหนดแล้วมันดับลง เรื่องใหม่ขึ้น ก้กำหนดแล้วดับอีก
แต่ละอันเลยอยุ่ไม่นานค่ะ แต่เกิดตลอด

ลมหายใจ เบาๆสั้นๆระหว่างเดินค่ะ และตอนสุดทางจงกรม
พอกำหนดรุ้หนอหายใจยาวๆ มันเผลอไปจะหายใจแรงๆ

นึกขึ้นได้ก่อน เลยหายใจยาวๆทัน
ทีนี้ตอนที่หายใจยาวๆ ในว่าช่วงที่เราหายใจเข้ายาวๆ จิตมันก็เกิดขึ้นหลายสภาวะค่ะ

เช่น หลงไปคิด เรื่องที่หนึ่ง -รู้การหายใจยาวๆ-เบลอ-รู้
ทั้งหมดนี้เกิดในชั่วแค่เพียงลากลมหายใจเข้า

สุขที่แท้จริง says (10:46 PM):
ค่ะ สติไวขึ้น

felling says (10:46 PM):
ทีนี้ กำลังได้ที่เลยค่ะ -*- โทรศัพท์ดัง
โทรศัพท์ที่ห้องน่ะค่ะ ปกติปิดมือถือ จะไม่รับ ก็กลัวที่บ้านมีปัยหา
เลยโทรกลับไปเช็ค สรุปที่บ้านไม่มีเรื่องอะไร เลยดึงสายออกเลย มาเริ่มเดินใหม่

เห็นว่า มันจะไม่สามารถกำหนดละเอียดๆแบบเดิมได้ ต้องค่อยๆปรับ
เดินไปอีกระยะ ค่อยดีขึ้น เริ่มปรับได้ค่ะ ตอนเดิน วันนี้ เห็นกิเลส น่าเกลียดๆ ค่ะ

สุขที่แท้จริง says (10:48 PM):
ค่ะ ดีค่ะเห็นกิเลส

felling says (10:48 PM):
มันเกิดเบาๆ แต่รู้ว่ามันคือตัวไหน
เดินๆไปอีก ปรามาสซึ่งเป็นอีกตัวขึ้นมาแล้ว ทำตามพี่น้ำบอก

ก็มีกังวลบ้างแต่น้อย ดูมันไป มันก็ละได้ค่ะ
แล้ว จิตมันก็ไปคิดว่า เรากำลังขูดกิเลส ตัวนี้ก็คือกิเลส

สุขที่แท้จริง says (10:50 PM):
ค่ะ ความคิด

felling says (10:50 PM):
ใช่ค่ะ มันคิดดีให้เห็นค่ะ จากที่ตอนแรกคิดร้าย
มันคิดดีว่า เรากำลังขูดกิเลส ก็ถ้าเราไม่ปรามาส ดีทุกอย่าง จะมาปฎิบัติทำไม

มันก็หลงไปรู้สึกดีแวบหนึ่งนะคะ ใจสงบขึ้น แล้วก็มารู้สึกได้ ว่าเมื่อกี้คิดร้าย
ตอนนี้กลับมาคิดดี แล้วก็เดินต่อสังเกตสภาวะอื่นต่อไปค่ะ

มานั่งนะคะ ตอนนั่งใช้หลักเดียวกับเดินค่ะ อะไรเกิดเล็กๆน้อยกำหนดเท่าที่ทำได้
ทีนี้ ก็เลยกำหนดเยอะเลย โดยเฉพาะความคิด เพราะมันเข้ามาถี่ๆ

ก็เลยไปไม่หลงไปน่ะค่ะ ช่วงต้นๆ นานเหมือนกัน
และระหว่างนั้นเห็นอาการที่จิตมันจะเข้าไปหลงน่ะค่ะ

มันจะค่อยๆจมลงไปในความคิด ความคิดจะชัดขึ้นๆ แล้วมันก็ค่อยๆ ถลำลงไป
พอรู้มันก้อไม่ถลำ มีรู้เวทนาสลับไป่ะ

และก็มีรู้ท้องพองยุบ แต่คราวนี้ไม่รุ้สึกถึงพองอะค่ะ
คือรู้ว่ามันพองยุบ แต่ไปเห็นยุบค่ะ ยุบสั้นๆ แล้วก็รู้สึกว่ายุบสั้นเพราะตัวงอ
ก็เลยค่อยๆ ขยับตัวขึ้นกำหนด รู้หนอๆช้า จากนั้นก็กำหนดความคิดอีกค่ะ

ช่วงหลังๆ เหมือนสติมันเริ่มตก เริ่มจะเฉียดๆหลง
ก็เห็น ว่า จิตมันรู้ตัวนะคะ แต่มันมีเหมือนหลงไป แล้ววูบเบาๆ แต่ตอนนั้นมันรู้สึกตัว ตลอด
ยังงงว่ารู้สึกแล้วทำไมยังหลงเข้าไปได้ เลยหายใจยาวๆ หลังๆ มีสะดุ้งวูบออกมา

ทั้งๆ ที่มันก็ยังรู้สึกตัวตลอดค่ะ
แต่ว่าจิตมันจะไม่เข้มแข็งเท่ากับช่วงแรกของการนั่ง มันจะอ่อนกว่า แล้วก็สะดุ้งออกมา

สุขที่แท้จริง says (10:58 PM):
เข้าใจค่ะ

felling says (10:58 PM):
เนี่ยค่ะจบแล้วค่ะพี่ งงๆเหมือนกันค่ะ

สุขที่แท้จริง says (10:59 PM):
เดิน 80 นั่ง 40 ค่ะ

felling says (10:59 PM):
เดินรอบนี้ กำหนดยากค่ะ มีแต่เวทนา เจ็บ ปวดไปทั้งตัว
สลับกับความคิดขึ้นเร็วมาก เหมือนมันมาไวกว่าปกติ
เวลากำหนด อารมณืมันเด่นกว่าคำกำหนด

สุขที่แท้จริง says (1:02 AM):
ค่ะ ดูทันใช่มั๊ยคะ

felling says (1:02 AM):
ทันค่ะ แต่ว่าไม่ทั้งหมดอะค่ะ

สุขที่แท้จริง says (1:03 AM):
ค่ะ ดีค่ะ กำหนดไม่ทันไม่เป็นไร แค่รู้พอ

felling says (1:03 AM):
คือเท่าที่จะทำได้น่ะค่ะ

สุขที่แท้จริง says (1:03 AM):
ค่ะ แบบนั้นแหละค่ะ จะได้ไม่ไปกดดันตัวเอง

felling says (1:03 AM):
คะพี่ แล้วก็สังเกตนะคะ
รอบนี้จะหลงไปคิดนานหน่อยตอนเดิน เดินไปคิดไปน่ะค่ะ
มารู้สึกอีกทีก็ 1รอบขาไป ตอนหลงไป สภาวะเจ็บปวดไม่มี ไม่มีเวทนา
แต่พอกลับมารู้สึก เวทนามาอีกแล้ว เวทนามีหลายอย่างอะค่ะ
ปวดท้องบ้าง เมื่อยหัว เมื่อยใจ ใจรอนๆ เหมือนถูกกด เจ็บขา

สุขที่แท้จริง says (1:05 AM):

รู้หนอหรือเปล่าคะ

felling says (1:05 AM):

แต่ก็เห็นว่า มันสับเปลี่ยน รู้หนอ มันไม่ค่อยได้ค่ะ
กำหนดแล้ว แต่ว่ามันไม่สัมพันกับสภาวะเท่าไร

สุขที่แท้จริง says (1:06 AM):

ค่ะ งั้นแค่รู้ลงไป ทำเท่าที่ทำได้

felling says (1:06 AM):

ค่ะพี่ รอบนี้สภาวะมันแรงกว่าคำกำหนด มันโดดขึ้นมาเลย

สุขที่แท้จริง says (1:07 AM):

ค่ะ ถ้าสภาวะชัด คำกำหนดมันจะหาย ให้เราแค่รู้ลงไป

felling says (1:07 AM):

อ้อ แล้วเหมือนมันเร่งสปีดด้วยอะค่ะ ทั้งเวทนา ความคิด มาเร็ว แรง

สุขที่แท้จริง says (1:08 AM):

ค่ะ ค่อยๆเรียนรู้สภาวะไป มันจะเปลี่ยนสลับไปมา ไม่แน่นอน

felling says (1:08 AM):

ค่ะพี่ ก็มีความหงุดหงิด ความเลิกด้วย

สุขที่แท้จริง says (1:08 AM):

เข้าใจค่ะ พี่ก็เคยเป็น

felling says (1:08 AM):

ค่ะพี่ ความหงุดหงิดนี่ยังพอกำหนดง่ายหน่อย แต่มันลืมกำหนดไปช่วงแรกๆ
มาช่วงท้ายๆ ถึงพึ่งนึกได้ มานั่งนะคะ รอบนี้ หลงไปอะค่ะ
หลงไปไม่ค่อยรับรู้มันเงียบๆ แต่เหมือนไม่ได้หลับนะคะ แต่ไม่รู้สึกตัวข้างใน

มารูสึกอีกทีก็ หายใจลึกๆ กำหนดรู้หนอๆ นั่งต่อแล้วก็ดูกาย เห็นแป๊ปเดียวค่ะ
ไม่เห็นท้องพองยุบ และลมหายใจ มันเห็นกายได้แน่ มันไม่ชัดเจน ไม่จับที่กาย
เห็นแล้วมันก็ไปรู้สึกถึงเวทนา ก็รู้เวทนาได้

ดูๆเวทนาอยู่ดีๆ อ้าวรู้สึกตัวอีกทีเมื่อกี้หลงไปแล้ว ไม่รู้สึกตัวเมื่อครู่ หายไป
หลังๆก็หลงไปไม่รู้สึกตัว อะค่ะ จบแล้วค่ะ

สุขที่แท้จริง says (1:14 AM):

สภาวะมันมาสอน หมูพอจะได้อะไรจากสภาวะที่ผ่านๆมาทั้งหมดบ้างคะ

felling says (1:14 AM):

ได้ความไม่แน่นอนค่ะ แหะๆ คือรอบแรกดี

สุขที่แท้จริง says (1:14 AM):

เป็นทุกข์มั๊ยคะ

felling says (1:15 AM):

เป็นค่ะ รอบหลังทุกขื รอบแรกสุข แล้วบทจะหลง มันก็หลงคาตา

สุขที่แท้จริง says (1:15 AM):

แต่สุดท้าย ไม่ว่าจะกำหนดทันหรือไม่ทัน มันก็หายของมันไปเอง

felling says (1:15 AM):

มันหายค่ะ

สุขที่แท้จริง says (1:16 AM):

ค่ะ นี่แหละไตรลักษณ์ เพียงแต่ว่ามันยังไม่แจ้งออกมาจากจิตของหมูเอง

felling says (1:16 AM):

ใช่ค่ะหมูจะบอกอย่างนั้น

สุขที่แท้จริง says (1:16 AM):

วันใดมันแจ้งออกมาเอง หมูจะเห็นสภาวะที่ชัดเจนกว่านี้มากๆ
felling says (1:16 AM):
จิตมันยังไม่เชื่อว่านี่คือสภาวะที่แท้จริงของมันน่ะค่ะ

สุขที่แท้จริง says (1:17 AM):
เข้าใจค่ะ พี่ถึงบอกไงว่ามันยังไม่แจ้งออกมาเอง
ถ้าแจ้งแล้วมันจะยอมกันเลย มันปล่อยวางได้ไวขึ้น
มันจะแค่รู้ โดยไม่ต้องกำหนดหนอ


felling says (1:18 AM):
อืมๆๆ หมูรู้สึกว่าเดินนี่ ช่วยหมูได้เยอะเลย

สุขที่แท้จริง says (1:18 AM):
ใช่ค่ะ การเดินจงกรมมีประโยชน์มากๆ

felling says (1:19 AM):
แล้วก็รู้สึกว่าสำหรับหมูต้องเดินนาน เพื่อเก็บเกี่ยวสติ

สุขที่แท้จริง says (1:19 AM):
ค่ะ พี่เลยเพิ่มเวลาเดินให้
เพราะว่ามันเดินนานจริงแต่ เวลาที่จะถุกสภาวะ มันน้อย
คือเหมือนเอาปริมาณมากๆ เพื่อได้คุณภาพ บ้าง
สภาวะมันสอนเราเองแหละค่ะ ถ้าเดินน้อย สภาวะก็น้อย บางทีมีแต่ความคิด


felling says (1:20 AM):
อย่างนี้เราเดินอย่างเดียวไม่นั่งจะเป็นอย่างไรคะ

สุขที่แท้จริง says (1:21 AM):
ไม่สนับสุนนค่ะ เพราะเราต้องใช้สมาธิด้วย จริงอยู่ เดินก้มีสมาธิ
แต่กำลังมันน้อย ต้องสะสมนาน


felling says (1:21 AM):
ต้องเดินเป็นกิโล อิ อิ

สุขที่แท้จริง says (1:21 AM):
เป็น 100ๆ โลมากกว่าค่ะ ก็กี่ปีล่ะพี่น้ำทำมา เดินกับนั่ง มีอยู่แค่นี้

felling says (1:23 AM):
เห็นกิเลสกับทุกข์ มันมาเรื่อยๆนะคะ

สุขที่แท้จริง says (1:23 AM):
นี่แหละค่ะถูก ไม่ใช่ทำแล้วสบาย

felling says (1:23 AM):
แต่ก่อนเวลาทุกข์หมูก็รุ้นะคะ แต่ทำไม ไม่มีสติละคะ

สุขที่แท้จริง says (1:24 AM):
สติมีค่ะ แต่ยังไม่มากพอ มันคนละระดับกันค่ะ

felling says (1:24 AM):
อืมๆ วันนี้ตอนทำงาน มันก็มีทุกข์จากสังคม ก็รู้ว่าใจมันร้อนรน
แต่ว่ามันไม่ทรมานมาก รู้อาการมัน มากกว่าที่จะไปทรมานกับมันเหมือนในอดีต
ที่รู้อาการแล้วเกลียดมันหลุดจากมันไม่ได้

ตอนนี้มันรู้แล้วพอแก้ปัญหา มันก็ละไปได้ไวไม่เก็บมาคิดมาก
แต่ก่อนเหตุการณืจบแล้วยังเก็บมาคิดปรุงต่ออีกยาว

สุขที่แท้จริง says (1:26 AM):
เข้าใจค่ะ ทำไปเรื่อยๆค่ะ ยังมีอะไรอีกมากมายที่มันซุกซ่อนอยู่ในจิตของเรา

felling says (1:27 AM):
ธรรมมะ นี่ เหนือคำบรรยาย ขนาดหมูเพ่งเตาะแตะยังไม่ได้ตั้งไข่

ขที่แท้จริง says (1:27 AM):
ใช่ค่ะ ไม่ลงมือทำอย่างต่อเนื่องไม่มีทางรู้ได้อย่างเด็ดขาด
เอานะ มีอะไรจะถามเพิ่มมั๊ยคะ


felling says (1:28 AM):
ไม่มีอะค่ะ

สุขที่แท้จริง says (1:28 AM):
เพราะรู้สึกว่าหมูเองก็ได้คำตอบไปหลายๆคำตอบที่เคยสงสัยด้วยตัวเองแล้วนี่
ไม่ต้องไปถามใครเลยเห็นป่ะ

felling says (1:29 AM):
อืมม ค่ะ บางครั้งถึงเรามีคำตอบแล้ว จิตมันก็ยังหลงไปค้นคว้านะคะ ตลกจัง

สุขที่แท้จริง says (1:29 AM):
ธรรมดาค่ะ เพราะจิตมันยังไม่ปลงใจเชื่อ

felling says (1:30 AM):
ตอนที่หมูนั่งรอบแรก ที่หมูรู้กตัว รู้สึกตัวอยู่ แต่จิตมันก็หลงไป หมูเห็นความหลง
ชัดๆ เห็นการออกจากหลง เห้นการสะดุ้งตลอดเวลา ทำไมมันเป็นยังงั้นอะคะ
ปกติถ้ารู้เราก็ไม่น่าจะหลงนีคะ

สุขที่แท้จริง says (1:31 AM):
มันเป็นสภาวะค่ะ พี่บอกได้แค่นี้
แล้วอีกหน่อยหมูจะได้คำตอบเอง สติ มันยังไม่ทันน่ะค่ะไม่มีอะไร


felling says (1:31 AM):
อ่าค่ะ นึกว่าตอนนั้นมีสติอยู่ งงเลย

สุขที่แท้จริง says (1:32 AM):
มีค่ะ แต่ยังไม่พอ ถ้ามีพอมันจะไม่สะดุ้ง

fellig says (1:32 AM):
ไอ้ที่สะดุ้งอะค่ะ มันคือจิตรู้สึกตัวใช่ไหมคะ

สุขที่แท้จริง says (1:33 AM):
เคยเห็นคนสัปปะหงกมั๊ย

felling says (1:33 AM):
เคยค่ะแบบนั้นเลย

สุขที่แท้จริง says (1:33 AM):
ค่ะ สติไม่พอ

felling says (1:33 AM):
แต่หมูไม่ได้หลับง่ะพี่

สุขที่แท้จริง says (1:33 AM):
พี่เปรียบเทียบให้เห็นภาพค่ะ

felling says (1:33 AM):
อ้อ รู้สึกตัวแบบไม่ค่อยมีแรง

สุขที่แท้จริง says (1:33 AM):
สมาธิมันยังล้ำอยู่ มันโหวงๆ

felling says (1:34 AM):
อืมๆค่ะ เหมือนเวลามีเวทนามา แล้วจิตมันจะไม่ค่อยยอมรับรู้เลยนะคะ
ที่หมูบอกว่าหลงไป ไม่ได้หลับแต่ไม่ได้ตื่นข้างใน เมือนมันหนีๆ

สุขที่แท้จริง says (1:35 AM):
ค่ะ เข้าใจค่ะ พักนะคะ พรุ่งนี้เจอกันใหม่ ยังมีอีกเยอะสภาวะ



อ่านต่อที่นี่ค่ะ
viewtopic.php?f=7&t=28216&st=0&sk=t&sd=a

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 13 ก.พ. 2010, 23:33, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ธ.ค. 2009, 18:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 116

nuchree says:
เดิน 90 นั่ง 30 ต้นๆก็สงบค่ะ มันจะไม่ค่อยคิด รู้เท้า แล้วพอเดินๆไป ก็เริ่มมีโน่นนี่เกิด
ความกังวลใจ ความเครียดทั้งหลาย ก็สักพัก ก็ลืมไป เปลี่ยนไปเรื่องอื่นอีกแล้ว ขณะนั้น
ก็รู้การเดินไปด้วยน่ะค่ะ แล้วก็ความคิดอกุศลนั้น มันจะไปเห็น ว่ามี กำลังจะทำงาน
จะทำงานแบบไหน แล้วดับไป ด้วยความเข้าใจ มันเข้าใจ น่ะค่ะ ก็เลยหยุดไป ไม่ได้ใช้บริกรรมกำหนด

นี่คือตอนที่คอยสำรวมให้มีสติอยู่กับตัวน่ะค่ะ ทีนี่ มันก้มีอีกค่ะ คราวนี้มีตอนเผลอไปคิดอดีต
ก็เห็นจิตมัน สบถ ลอยไปสบถขึ้นมา ก็พอรู้ก็ตกใจแล้วก้หายไปค่ะ แล้วก็มาดูกายต่อ
เพราะรู้ว่าเผลอไปค่ะ แล้วก็ตอนเดิน เวลามีอารมณ์ ทุกข์ เกิดขึ้นมา ก้อรู้แล้วมันก็จะหายไป
มันจะไม่ฟูขึ้นมาทุกข์มากน่ะค่ะ ก็จิตมันก็ กลัวความยินดีน่ะค่ะ มันมีคำเตือน ในความคิดน่ะค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
เท้ารู้ได้ทันไม๊คะ

nuchree says:
ทันค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
ต่อค่ะ

nuchree says:
ค่ะพี่ พวกอารมณ์ทั้งหลายเหล่านี้ เกิดขึ้น พร้อมๆกับ การรู้เท้าเดินน่ะค่ะ พอมานั่ง ก็จับกายนั่ง
มันก็จะรู้สลับๆกันไปค่ะ ก้นที่นั่ง ไปรุ้สึกผิวกาย ตามจุดต่างๆ แขน ขา ไหล่ แล้วก็มีเวทนา ตุบๆ ที่ขา

มันเต้นน่ะค่ะ แล้วก็มีลอยไปคิด แล้ววก็มีเหมือนไปอยู่ในสมาธิ แต่ไม่รู้ตัวว่าไปแยู่ค่ะ มารุ้อีกที มีอารมณ์เหมือนไปสมาธิ ก้จบแล้วค่ะพี่

สุขที่แท้จริง says:
ต่อรอบสองหรือป่ะคะ

nuchree says:
ค่ะพี่ เด๋วมาค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
จ้ะ เดิน 40 นั่ง 20

nuchree says:
เสร็จแล้วค่ะพี่ รอบนี้ก็เดินยังรู้เท้าเหมือนเดิม แต่จะฟุ้งและเบื่อน่ะค่ะ ส่วนอกุศล ก็มีค่ะ
ขึ้นมาแล้วกำหนดก็หายไปค่ะ

พอมานั่งก็รู้ตรงก้นที่นั่ง กะมีรู้กายขยับตามการหายใจ นิดหน่อย มีเรู้เวทนาเจ็บๆ เวทนาเจ็บๆ
นี่มีทั้งนั่งและเดินค่ะ มันขึ้นมาแล้วก้อหายไป แล้วก็มีหลงไปค่ะ เผลอคิดแล้วลืมตัวน่ะค่ะ จบแล้วค่ะพี่

สุขที่แท้จริง says:
ใช้เบาะรองนั่งหรือว่านั่งบนที่นอนคะ

nuchree says:
นั่งบนที่นอนค่ะพี่

สุขที่แท้จริง says:
นี่หมูลาพักร้อนใช่ไหม

nuchree says:
ใช่ค่ะพี่

สุขที่แท้จริง says:
แล้วกลางวันทำบ้างหรือป่ะ

nuchree says:
กลางวันทำงานค่ะ เอางานมาทำ แต่ก็กำหนดนะคะ เวลาเข้าห้องน้ำ เดิน

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ คิดว่าลาเฉยๆ ไม่มีงาน

nuchree says:
อืมๆ ค่ะ อยากเป็นแบบนั้นเหมือกัน งานเยอะกว่าไปทำที่บริษัทอีก

สุขที่แท้จริง says:
จ้ะ เอานะทำไป ตอนนี้ก็สภาวะมันจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆน่ะ มันจะทำให้เราเห็นความไม่เที่ยงมากขึ้น
พอเห็นมากขึ้น มันจะไม่มียึดติดมากเหมือนเมื่อก่อน คือ ทำใจได้มากขึ้นว่า เด๋วมันก็เปลี่ยนไปแล้ว

nuchree says:
อืมๆค่ะพี่

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ธ.ค. 2009, 19:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว



นั่งอยู่กลางฝน นั่งจมอยู่ในคราบน้ำตา
ใจเธอยิงอ่อนล้า มัวเสียเวลารอ ให้ฝนซา
รอฟ้าถึงเมือไหร่ กว่าจะเห็นรุ้งสวยใจคงใกล้
ตายไปทุกนาที กลับมาเถิดคนดี อย่ารอฝนซา

รุ้งที่สุขสดใสเธอวาดเองได้ในใจ อยู่ที่ตัวของเธอ
เขียนไปทีละนิด เติมสีไปวันละหน่อย อย่างน้อยก็ยังได้ทำ
จากหนึ่งเป็นสองค่อย ๆ วาดไป วันละสี
เจ็ดวันสายรุ้งของเธอนี้ จะสวยดี

ไม่มีใครไหนจะให้กำลังใจเธอ ได้เท่าตัวเอง
รีบดึงชีวิตของเธอคนเก่ง กลับมาเพราะชีวิตจริง ต้องเดินอีกไกล

ฝนตกจนสาย อย่ายอมให้ใจเธอสายไป
เชื่อสิเธอทำได้ ปล่อยไว้มันทำลายหัวใจเธอ
ชีวิตที่มีค่า จะกลับมาเหมือนเดิมไม่นานหรอก
บอกกับใจตัวเอง เธอต้องเลือกเอาเอง จะสุขหรือเศร้าใจ


http://music.siamza.com/music.php?k=64K&id=4233

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ธ.ค. 2009, 19:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 เม.ย. 2007, 15:22
โพสต์: 603

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ยาวมากมาย แต่สุดยอดจริงๆ ><~~~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ธ.ค. 2009, 21:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


หมู วันที่ 119

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
เดิน 90 นั่ง 30 เสร็จแล้วค่ะ ก็เดินวันนี้มันก็ฟุ้งน่ะค่ะ มันก็ รู้เท้าได้
แล้วพอมานั่ง ก็รู้กายได้ต้นๆ แล้วก็หลงไปหลับ
มารู้อีกทีก็ตัวงอแล้วอะค่ะ แล้วก็มารู้สึกตัวได้หลังๆ จากนั้นก็หลงไปอีกค่ะ วันนี้มีแค่นี้น่ะค่ะพี่


สุขที่แท้จริง says:
ฟุ้งก็รู้มันฟุ้ง .... เริ่มเข้าใจแล้วสินะคะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ก็ค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
ก็ค่ะ ... แสดงว่ายังไม่มั่นใจเท่าไหร่

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
คือก็รู้ว่า ฟุ้งก็รู้ว่าฟุ้งน่ะค่ะพี่

สุขที่แท้จริง says:
อีกหน่อยจะชิน

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะ วันนี้มันก็ทรมานเหมือนกัน

สุขที่แท้จริง says:
เรื่องปรามาสหรือคะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
อ่อ เปล่าค่ะ วันนี้มันทุกข์

สุขที่แท้จริง says:
เจริญสติค่ะ มีทางเดียว

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ปนๆกันค่ะ งานร่างกาย ค่ะพี่

สุขที่แท้จริง says:
สภาวะจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ พอสติทันตรงนี้ สภาวะจะเปลี่ยนต่อไปอีก
จนกว่าโทสะและกิเลสต่างๆเบาบางลงไปเรื่อยๆ

สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ตัวทดสอบสติของเรา มีมากน้อยแค่ไหน ถ้าสติยังไม่ทันสภาวะ
สภาวะจะเปลี่ยนรูปแบบมาแสดงแต่คือสภาวะเดิม

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
อ่อ แบบทบทวนไปมา

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ จนกว่าสติหมูจะทัน แล้วรู้อยู่กับมันได้ โดยไม่ไปทุกข์แบบเมื่อก่อน สภาวะก็จะเปลี่ยนต่อไปอีก

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
อืมค่ะ งั้นตอนนี้ คล้ายๆกะหมูมีทั้งสภาวะหม่ กะเก่าปนๆกัน

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ มันจะคาบเกี่ยวกัน

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะ จริงๆแล้ว ก็ทุกข์น่ะค่ะ แต่ก็มันไม่ดิ้นเท่าแต่ก่อน แต่ก็ยังไม่ชอบอยู่แหละค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
เข้าใจค่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ก็ศึกษาต่อไปน่ะค่ะพี่

สุขที่แท้จริง says:
มันจะรู้สึกจิ๊กจั๊ก แต่ไม่ใช่แบบไม่ชอบมากๆเหมือนเมื่อก่อน

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ แล้วก็ ระหว่างวัน บางครั้ง ความทุกข์บีบๆ มันขึ้นมา เราก็รู้ แล้ว...
เหมือนกับว่า ความทุกข์มันก็มีของมัน
แต่เราไม่ได้สัมผัสกะมันโดยตรง มันก็หายไป แล้วก็มาใหม่ แต่เราไม่ได้ทุกข์ กะมันโดยตรงค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ สภาวะเขาจะมาให้หมูเรียนรู้อยู่เรื่อยๆ หมูเลิกดิ้นกับสภาวะตรงนี้ได้เมื่อไหร่
สภาวะตัวใหม่จะมาทดสอบต่อ

ถ้าหมูรับมือสภาวะใหม่ได้ ทีนี้ สภาวะจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ สุดท้ายจะมาถึงจุดสงบ
ตรงนี้แหละ ที่ยากกว่ารบกับกิเลสตัวเล็กๆ

เพราะใครๆก็ชอบความสงบ แต่ไม่รู้ว่าคือกิเลส มันไม่ใช่สงบเพราะสมาธิ
แต่มันสงบเพราะสติมันเริ่มทันต่อสิ่งที่มากระทบมากขึ้น

ความคิดมันจะไม่ค่อยมี ทุกๆสิ่งมันดูสงบไปหมด

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
อืมมค่ะ แล้วเราผ่านไปยังไงคะ

สุขที่แท้จริง says:
เจริญสติเหมือนเดิมแหละค่ะ ไม่มีทำอะไรพิเศษเพิ่ม

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
แต่มันก็จะเห็นว่าตัวเองสงบ แต่ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่ามันไม่ได้สงบตลอด

สุขที่แท้จริง says:
มันจะทำให้เราขี้เกียจมากกกก

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
อ่อออ โห น่ากลัวนะเนี่ย นี่ก็ขี้เกียจมากกกก วันนี้น่ะค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ น่ากลัวกว่ากิเลสตัวอื่นๆ ความสงบมันมีหลายระดับ หลายอย่าง หลายรูปแบบ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
อืมม ค่ะ มันทำให้เราเบื่อด้วยปะคะ

สุขที่แท้จริง says:
เบื่อไหม .... มันไม่ใช่ความเบื่อ เหมือนคนไร้จิตวิญญาณน่ะหมู
มันไม่อยากทำอะไร แต่ไม่ใช่ความเบื่อ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
โอ้โห น่ากลัวจัง

สุขที่แท้จริง says:
บอกให้รู้ไว้ ว่าจากทุกข์ๆ แล้วจะมาเจอสภาวะนี้ จะได้ไม่หลงมัน

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
หมูใกล้แล้วเหรอคะ พี่น้ำเลยบอกอะ

สุขที่แท้จริง says:
ทุกข์ทางโลกน่ะจิ๊บๆ เราไปอุปทานเกาะเกี่ยวสิ่งต่างๆเข้ามาหาตัวเราเอง
ความสงบมีหลายแบบ บอกให้รู้ไว้ค่ะ อย่าไปยึดติดว่าอยู่ตรงไหนหรืออะไร

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ ทุกข์ทางโลก จิ๊บ อ่า ยิ่งทำต่อไปเรื่อยๆ จะเป็นทุกข์อีกรูปแบบ ...ที่หมูไม่เคยเจอมาก่อน

สุขที่แท้จริง says:
มันคือสภาวะ เราไปให้ค่ามันว่าเป็นความทุกข์ มันก็จะทุกข์ตามที่เราให้ค่ากับมัน
แต่ถ้าเรามองว่า มันคือสภาวะ จะทำให้เราหมั่นทำความเพียร หมั่นเจริญสติ ไม่ทอดทิ้งองค์กรรมฐาน

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ ก็คงทำไปเรื่อยๆ น่ะค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
ใครๆก็ช่วยเราไม่ได้ นอกจากตัวเราเอง ต่อให้สุดยอดของสุดยอด ถ้าเราไม่ลงมือทำด้วยตัวเอง
ใครๆก็เสกสติ สัมปชัญญะให้เกิดขึ้นในตัวเราไม่ได้ 7-11 มีขายมั๊ย สติน่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะ ถ้ามีนี่ สงสัยขายดีอันดับหนึ่ ไปนิพพานกันหมด

สุขที่แท้จริง says:
มันไม่เหมือนสมาธิ มันสามารถถ่ายเทสู่กันได้ สามารถให้กันได้ แต่มันก็มีเสื่อม
การเจริญสติ ตราบใดที่ทำอย่างต่อเนื่อง นับวัน สติ สัมปชัญญะจะเข้มแข็งขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่มีวันเสื่อม

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ยกเว้นเราเลิกทำ มันถึงถอยหลัง

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ ของอะไรที่ไม่ได้ทำย่อมถอยหลัง ส่วนจะมากหรือน้อย อย่าไปให้ค่าความหมายกันดีกว่า

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ ก็ทำสะสมไปเรื่อยๆ ตามกำลัง ได้นิดๆหน่อยๆ ก็ยังดี เวลาทุกข์เพราะได้เยอะแล้วไม่พอใจ
ก็ดูไป ว่าเออ ไม่พอใจแล้วมันเป็นแบบนี้ มันก็ค่อยๆ ปรับนะหมูว่า เหมือนแบบเข็ดนะค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
มันจะเรียนรู้ไปเรื่อยๆค่ะ ถ้ายังสอบไม่ผ่านก้ต้องซ่อมจนกว่าจะผ่าน

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ บางที เราก็รู้นะคะว่า เนี่ยคือผลของการปฎิบัติแล้วก็อิ่มอกอิ่มใจ แต่พอมาอีกที
หลักของการปฎิบัติ คืออะไรหว่า ลืมไปแระ พี่น้ำเลยให้จด เปลียนไปและ ไม่ได้จดก็ลืม


สุขที่แท้จริง says:
จดตรงไหนหรือคะ จดว่าอะไรคะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ความรู้สึก ต่าง ๆ ความเข้าใจต่อสภาวะ นะค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
พี่จะพูดตามสภาวะ ไม่ค่อยจำหรอกค่ะ ต้องเอามาให้อ่าน

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะ หมายถึงบางครั้ง ก็เกิดความเข้าใจ ต่อสภาวะขึ้นมา รูว่าตอนนี้เราอยู่จุดไหน
สาเหตุเพราะอะไรถึงอยู่ตรงนี้ แต่พอผ่านไปก็ลืมน่ะค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
อ่อ .... เหมือนเรียนแล้วทิ้ง จริงๆแล้วไม่ใช่หรอกค่ะ ไม่ได้ทิ้งหรอกค่ะ เดี๋ยวสภาวะเขาจะมา
ให้เราทบทวนเอง พอทบทวนบ่อยๆเข้า ทีนี้ จำแม่นค่ะ มีอะไรจะถามพี่น้ำอีกมั๊ยคะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ก็ไม่มีนะคะพี่น้ำ ขอบคุณพี่น้ำมากๆค่ะพี่

สุขที่แท้จริง says:
ทุกคนมีค่ามีความหมายเท่ากันหมดไม่มีใครพิเศษหรอกหมูตอนนี้ความพิเศษไม่มีแล้ว
เป้นไปตามวิบากกรมของแต่ละคน หน้าที่เรามี เราควรทำหน้าที่ของเราไป

พรุ่งนี้เจอกันค่ะ จำไว้นะคะ ทุกลมหายใจทุกวินาที เอาจิตอยู่กับองค์กรรมฐาน
อย่าให้มันเพ่นพ่านออกนอกตัว กิเลสคนอื่นๆเขาเข้ามากระทบ ตั้งสติรับมัน

อย่าเอากิเลสเราลงไปเล่นกับกิเลสของเขา แล้วเราจะผ่านทุกๆอย่างไปได้เอง
ไม่ต้องไปคิดว่าเป็นอะไร ได้อะไร ให้รู้ว่า เรามาเจริญสติเท่านั้นพอ

การที่เราให้ค่าให้ความหมายต่อทุกๆสิ่ง นั่นคือ กิเลส แต่ถ้าเราแค่รู้มันหรือดูมัน
นั่นคือสภาวะ บางครั้งเราอาจจะลงไปเล่นกับมันก้ให้เล่นพอประมาณ

พยายามอย่าก่อเหตุอันเป็นอกุศล เพราะทุกๆการกระทำมันส่งผลต่อการปฏิบัติของเราทุกๆอย่าง

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่น้ำ หมูจะจำไว้ และยึดเป็นแนวทางการปฎิบัติค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
โมทนาค่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
สาธุ ขอบคุณค่ะพี่

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ธ.ค. 2009, 21:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 120

งไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
วันนี้ก็เห็นกิเลสเลวๆ จิตมันมีสองตัวน่ะค่ะ ตัวหนึ่งดีเป็นคนดี อีกตัวหนึ่งชอบเหนคนอื่นเดือดร้อน
เหมือนคนบ้าเลย มันขึ้นมาคู่กันน่ะค่ะพี่

สุขที่แท้จริง says:
ดีแล้วค่ะ จิตไงหมู สภาวะเขาจะมาเรื่อยๆน่ะ ดูมันไปอย่าลงไปเล่น

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
คำว่าลงไปเล่นนี่ หมายถึงไปกังวล ไปห้ามมันใช่ไหมคะ คือดูเฉยๆ

สุขที่แท้จริง says:
ก็เอาเราเข้าไปเกี่ยวไง ไอ้นี่ดี ไอ้นี่ไม่ดี
เหมือนคราวที่แล้วไง ลืมแล้วหรือ แต่มันเปลี่ยนรูปแบบมาทดสอบหมูน่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
อ่อค่ะพี่ แหะๆ ลืม

สุขที่แท้จริง says:
สภาวะจะแบบนี้แหละ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ เด๋วหมูมาส่งการบ้านเลยทีเดียวนะคะ
เดินวันนี้ ก็รู้เท้าได้ ค่อนข้างตลอดนะคะ แต่ก็จะมี ไปอยู่กะความคิดมากเกินไปด้วยค่ะ
ทำให้รุ้สึกเหนื่อย และช้ำๆ บ้างน่ะค่ะ แล้วก็ มีอาการเครียดเกิดขึ้น
เป็นอารมณ์ + ความรู้สึก ที่ปกติเวลากังวล หรือกลัว อะไรมากๆ ถึงจะเกิดขึ้น
แต่อันนี้อยู่ๆเดินก้ขึ้นมาโดยไม่ได้ไปกังวลอะไร หรือคิดอะไรที่จะทำให้มันเกิ
ช่วงแรกๆก็ดูลงไปแล้วก็แวบๆ จางๆ หาย วิบๆ ริบหรี่ขึ้นๆ ลงๆ พอช่วงท้ายของการเดินมันเพิ่มขึ้น
เพราะมีความไม่พอใจ อยากเลิกเดินด้วยน่ะค่ะ

พอมานั่ง ก็รู้ก้นสัมฟัสที่นั่งได้แปปหนึ่ง มีเวทนาเหมือนมดกัดแต่แรงมาก ตั้งแต่ก่อนจะหลับตา
พอมาหลับตาไม่นานก็หลงไปหลับในค่ะ ออกมารู้ท้องขยับ ได้แต่ยังไม่ลงไปจับท้อง ก้ไปหลับในอีก

ครั้งนี้จำไม่ได้ ถึงรายละเอียดระหว่างการหลับในนะคะ แต่มีบางช่วงที่เห็นเหมือนจิตมัน เปลี่ยนสภาพ
จากที่เราดูๆอยู่ค่ะ แล้วก็หายไป อ้อตอนเดินก็ มีเวทนาร้อนผ่าวๆ ที่ปลายเท้าค่ะ ลืมเล่า จบแล้วค่ะพี่

สุขที่แท้จริง says:
งานยุ่งหรือคะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่

สุขที่แท้จริง says:
งานยุ่งเลยทำให้อารมณ์แบบนี้แหละหมู ก็เลยมีผลต่อการปฏิบัติ
มันไม่เที่ยงรมณ์ดีมั่ง ไม่ดีมั่ง ดูมันไป จะได้ไม่ไปยึดติด
อาจจะทำได้ไม่ดีสักสี่วัน พอวันที่ 5 ดีสุดๆ มันไม่แน่นอนหรอก สภาวะมันมาสอนไม่ให้เราไปยึดติด
กับสิ่งที่เราคิดว่าดีและไม่ดี เพราะมันก็แค่ความคิด ซึ่งเกิดจากสิ่งภายนอกมากระทบ ทำให้ส่งผลตรงนี้น่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่น้ำ มิน่าล่ะ

สุขที่แท้จริง says:
เมื่อเราเข้าใจถึงความไม่เครียด เราจะวางมันลงไปได้ จะไม่ไปเครียดเรื่องการปฏิบัติ
ถ้าวันไหนเหนื่อยนะ ให้ลดนั่งลง มันจะได้ไม่หลับ หรือจะลดเดินลงก็ได้เหลือ 60 นั่งเหลือ 20 พอ
ร่างกายจะได้ไม่ล้า ปรับเอานะ สังเกตุดู อารมณ์ไม่ดีหงุดหงิด ลดเลย ถ้าอารมณ์ดี ไม่เหนื่อยไม่เพลีย
ทำปกติ ไม่ต้องไปคร่ำเคร่งเรื่องเวลา เรื่องจะทำได้มั๊ยได้ เอาแบบให้ร่างกายมันผ่อนคลายพอแล้ว

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ได้ค่ะพี่ ถ้าเราฝืนมัน มันก็จะเครียดไป แล้วไม่ค่อยได้ประโยชน์ ใช่ไหมคะ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ ไม่มีประโยชน์ ให้ปรับร่างกายตามสภาวะที่เกิดขึ้น
ปรับขึ้นปรับลงไปมาแบบนี้แหละ มันจะได้ไม่ไปยึดติดในสิ่งที่กำลังทำ ไม่งั้นมันจะหวังผล

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ หมูจะลองปรับดูค่ะ ถ้าไม่ได้เดินหรือนั่งเพราะเหนื่อย ก็กำหนด ระหว่างทำโน่นนี่ไปแทน

สุขที่แท้จริง says:
ได้ค่ะ อย่าปล่อยโอกาส เล็กๆน้อยทำเท่าที่ทำได้ เห็นไหม รายละเอียดเริ่มเยอะขึ้น

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ อืมๆ ลืมเล่าเรื่องจิตอกุศล มันก็มีจะขึ้นมาอีกค่ะ ก็กำหนดตั้งแต่เริ่มเรย 2 - 3 ครั้ง
ปกติจะกำหนดตอนรู้รายละเอียดว่ามันจะขึ้นอะไรแต่ยังไม่ขึ้นๆดังๆ อันนี้กำหนดก่อนรู้รายละเอียดที่จะขึ้น

สุขที่แท้จริง says:
ดีแล้วค่ะ สติทันมากขึ้น สภาวะมันจะมาให้บทเรียนตลอดเวลา ถ้าเรารู้ไม่ทัน เราจะมองว่า
มันคืออุปสรรค มันคือปัญหา จริงๆแล้ว มันคือกิเลสของเราเอง สิ่งที่เราไปให้ค่าให้ความหมายมัน

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
สิ่งที่เราไปให้ค่าให้ความหมายมัน... อะไรที่เรายึดอยู่

สุขที่แท้จริง says:
ถูกหรือผิดไง พอใจกับไม่พอใจ แล้วแต่ศัพท์จะเรียก

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ตัวนี้นี่ เป็นตัวหลักเลยใช่ไมคะ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ คนเรามีแค่นี้แหละ พอใจกับไม่พอใจ ถูกผิด ใช่ ไม่ใช่

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
วันนี้ก็เห็นไอ้ตัว ที่พอรู้สภาวะ แล้วมันยิ้มน่ะค่ะ ยิ้มแบบบางๆ มาก ละเอียดน่ะค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
ดีแล้วที่เห้นมัน

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ช่วงนี้ เป้นแบบพี่น้ำเล่า อีกละ 2 วันนี้ จิตมัน มาเถียงกัน

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ มันมาทดสอบ ลืมยางงง

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะก่อนแรกๆก็คิดว่าเอาไงกันวุ้ย หลังๆก็เออ อย่าไปสนมัน คิดถึงประโยคที่พี่น้ำบอกว่า
อย่าไปอยากรู้เรื่องชาวบ้าน ชอบฟังชาวบ้านเขาคุยกันนั่นน่ะค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
พี่พอดีไม่ชอบฟังคนเขาคุยกัน เลยเล่นหลายตัว

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
แล้วก็ วันนี้ที่เห้นจิตมัน ตัวหนึ่งดี ตัวหนึ่งเลว แล้วเห็นจิตอีกตัวมันปฎิเสธความเลว
มันจะปัด ก็เลยนึกขึ้นมาว่า แต่ก่อนเราไม่เห็นมันเพราะแบบนี้ พอปัดแล้วเราก็แกล้งลืม
แล้วเลือกจะเชื่อว่าเราคือจิตตัวที่ดีน่ะค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ธ.ค. 2009, 02:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 122

piggy3080@hotmail.com says:

พี่น้ำคะ เสร็จแล้วค่ะ เดิน 60 นั่ง 25
ตอนเดิน ก็รู้เท้า มีความไม่พอจเกิดขึ้นเป็นระยะ มาเรื่อยๆ นะค่ะ ไม่ได้มีสาเหตุอะไรที่ชัดเจน
แล้วก็รู้ลงไป ทั้งความรู้สึกั้นและก็ดุเท้าไปด้วย บ้างช่วงรู้เท้าได้ดี จิตมันสนใจเท้า
แล้วก็มีกิเลสดูสภาวะดีๆ มีเวทนาเจ็บๆ ทั้งแบบจี๊ดๆ และมีเหมือนอะไรไต่ที่หน้าตอนเดินแวบๆ
แล้วก็มีเวทนาปวดกระดูก เป็นจังหวะแล้วก้หายไปมาเป็นระยะ

พอมานั่งก็ รู้กายได้สลับกับลอยหลงไป แล้วก็มาที่กายใหม่แล้วก็หลงไป
มีความไม่พอใจ ไม่รายงานสภาวะ ที่มันยังไม่ก้าวหน้า มีอกุศลจิต ก็ขอขมาไป 2 - 3 ครั้งค่ะพี่
จบแล้วค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
ทำแบบเดิมนี่แหละค่ะ ยังไม่มีอะไรเพิ่ม จะถามอะไรจ๊ะ

piggy3080@hotmail.com says:
ก็ไม่มีหรอกค่ะ ก็ตอนเดิน รอบนี้ 40 นั่ง 20 ค่ะ ก็เดินแล้วมีแต่ทุกข์ค่ะ เจ็บๆ คันๆ
ปวด เจ็บจี๊ดๆ ที่แขนที่ขา
มันก็มีความไม่พอใจ ขึ้นมาตามความทุกข์ที่เจอค่ะ แต่ว่า ไม่ลงไปคลุกกะความไม่พอใจมาก
ก็มีทุกข์แต่ไม่ทุกข์แบบแนบแน่นน่ะค่ะ มาๆ หายๆ มาเรื่อยๆ แล้วก็มีจิตปรามาสขึ้นมาอีก
เป็นอาการสบถ
ก็ขอขมา แล้วก็มีจิตปฎิเสธไม่ยอมรับน่ะค่ะ มันรับไม่ได้ว่าเป็นแบบนี้ ก็ตอนแรก จะไปเป็นมันค่ะ
แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าต้องยอมรับ ก็เลยไม่ต้านแล้ว ดูกายต่อค่ะ ก็หายไป พอมานั่ง ก้อมีรู้กายด้วย
มีหลงไป ไม่มีแรงเหมือนจะหลงไปหลับ แล้วก็จิตสะดุ้งออกมา ตกใจแต่ไม่แรงมาก
กลับมาที่กายต่อ แล้วไปอีก
หลุดออกมาคล้ายตกใจอีก มากาย กลับมารู้น้ำหนักาย จับที่มือกะ ช่วงล่างค่ะ จบแล้วค่ะพี่

สุขที่แท้จริง says:
แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าต้องยอมรับ ก็เลยไม่ต้านแล้ว ดูกายต่อค่ะ สติเป็นตัวบอกค่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ ค่ะ มันระลึกถึงคำสอนพี่น้ำน่ะค่ะ ว่าต้อยอมรับความจริง

สุขที่แท้จริง says:
ถูกเลยหมู

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
เวลามันไม่ยอมรับ นี่มันไม่ยอมรับจริงๆเลยนะคะ เด๋วนี้ไอ้ตัวไม่ยอมรับ
มาให้เห็นถี่ขึ้นน่ะค่ะพี่ กลางวันก็เห็นค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
ถ้าสติทันมากขึ้นจะเห็นชัดขึ้นค่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
มันสวนทางจริงๆ กลับๆที่เคยคิดก่อนเจริญสติหมดเลย

สุขที่แท้จริง says:
ใช่หมู มันจะสวนทางกัน

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ขอบคุณค่ะพี่น้ำ

สุขที่แท้จริง says:
จ้ะ ถ้าไม่มาเจริญสติ เราไม่มีวันยอมรับความจริงได้หรอก
มันทนไม่ได้ที่คนอื่นๆจะมาเกินหน้าเกินตาเราในบางครั้ง

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ ก็งงเหมือนกันน่ะค่ะ ที่เห็นไอ้ตัวไม่ยอมรับเยอะขึ้น คิดว่ายิ่งทำยิ่งน่า
จะยอมรับ กลายเป็นยิ่งทำยิ่งเห็นว่ามันไม่ยอมรับ
งงเรย ต้องแยกออกมา แยกออกมาจากเรา หมูยังไม่ถึงขนาดว่า ไม่มีเราน่ะค่ะพี่น้ำ


สุขที่แท้จริง says:
เข้าใจค่ะ เจริญสติไปค่ะ แล้วเราจะเห็นคำว่าไร้ตัวตนแต่ไม่ได้ไร้ตัวตน
จะบางอ้อเลย แล้วชีวิตเราจะปลอดภัยมากขึ้น

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ ทำไปเรื่อยๆ ก่อน

สุขที่แท้จริง says:
ต้องใช้คำว่า สภาวะนะ ไม่ใช่คำว่า พี่เขียนผิด

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ไม่ใช่คำว่า อะไรคะ อ่อ เข้าใจละ เห็นสภาวะไร้ตัวตน แต่ไม่ได้ไร้ตัวตน

สุขที่แท้จริง says:
อ่านได้นะ หนังสือหลวงพ่อโชดกที่ซื้อไปน่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ ไม่ได้จับเลยหลายวันแล้ว นี่ช่วงสิ้นปี กะว่าจะไม่แตะงานเลย
แล้วจะอ่านหนังสือ และทำความเพียรเท่าที่จะทำได้

สุขที่แท้จริง says:
โมทนาค่ะ อย่าเบียนเบียนผู้อื่นนะคะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
เอ ทำไม พี่น้ำ ทักเรื่องนี้หรือคะ อย่าเบียนเบียนผู้อื่น...มีอะไรหรือเปล่าคะ

สุขที่แท้จริง says:
หมายถึงเรื่องงานน่ะค่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
อ่อ ไม่หรอกค่ะ งานส่วนของตัวเอง ไม่กระทบคนอื่นน่ะค่ะ คงต้องเครียร์ก่อนน่ะค่ะ
ค่อยทำตามที่วางแผนไว้

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 21 ธ.ค. 2009, 23:53, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ธ.ค. 2009, 19:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 123

งไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
เสร็จแล้วค่ะพี่น้ำ รอบแรก เดิน 60 นั่ง 25 นะคะ
ตอนเดิน ก็รู้เท้า แล้วก็เห็นจิตมัน จะหลงเป็นระยะ มันจะหลงไป คิดแบบ
แบบที่มันคิดว่าตัวเองดี ก็พอรู้ก็ กลับมารู้ตัวใหม่

แล้วก็ไปอีกเป็นระยะ อารมณ์ที่เกิดขึ้น เป็นเหมือนคลื่น วอบแวบๆ เป็นทุกข์
ที่เหมือนคลื่น โดยความรู้สึกคือ สัมผัสกับคลื่น

ตรงยอดๆ สลับกะรู้สึกตัว คือรู้การเดิน แล้วก็ มีเวทนาคือเจ็บจี้ๆ ตรงเท้า
ต่างที่คัน 2 ครั้ง แล้วหายไป และมีเหมือนมดกัด ตอนเดิน เจ็บมาก

แล้วก็มีแขนสั่นสะเทือน เหมือนเซลลสั่นน่ะค่ะ พอมานั่ง ก็รู้กายนั่ง
จิตก็ยังไม่มีแรง หลงไป แล้วก็มีกลับมาที่รู้กายใหม่

มีเห็นจิตมัน เข้าไปหลับใน แวบๆ เป็นระยะ จบแล้วค่ะ อ้อ ตอนออกจาสมาธิมดกัดเจ็บมาก
ทั้งขาสองข้างน่ะค่ะ จบละค่ะพี่

สุขที่แท้จริง says:
หลงแล้วรู้ยังดีค่ะ ดีกว่าหลงแล้วไม่รู้ นี่แหละ ผลของการเจริญสติ
ทำให้เห็นกิเลส ทำให้เห็นความจริง ทำให้ยอมรับตามความเป็นจริง

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ก็ เห็นความคิด รู้ว่าคิดอะไร แบบคิดแนวไหนน่ะค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่หมู เมื่อก่อนนะเห็น แต่ไม่รู้หรอก

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะ วันนี้ ตอนเดินข้ามถนนไปทำงาน ก็รอรปภ ช่วยกันรถให้ มันรีบก็ รู้สึกนานมาก
ในใจจะด่า รปภ ก็หยุดชะงักเลย แบบนี้ 2 ครั้งนะคะ วันนี้ที่เบรก ไป

สุขที่แท้จริง says:
สติมันทันมันจะระงับโดยอัตโนมัติ บางทีช้าหน่อย แต่ระงับทันมากขึ้น

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
แต่จำไม่ได้ว่าเรื่องไรอีกเรื่องค่ะ งั้นหมู ขึ้นรอบ 2 ก่อนนะคะ
เดิน 60 นั่ง 20 เดินรอบนี้ทุกข์ค่ะ อารมณ์ไม่พอจและเครียด ตีขึ้นมา ยังไม่ถึงกะจมกับมันมาก

มันเกิดหลังจากเห็นกิเลสค่ะ ตั้งแต่ต้นๆ ที่คิดไม่ดีกะ คนที่เรารักน่ะค่ะ
แต่ยังไม่ได้คิดเป็นคำพูด เป็นอาการของจิตมันน่ะค่ะ

แล้วก็ เดินไปก็ปวดท้อง เข้าห้องน้ำไป ก็พยายามรู้ตัวไป ก็ออกมาเดินต่อ
ก็มีจิตที่คิดอกุศล มันรู้ว่าจะออกมาอกุศลมากๆ

ก็ไม่พอใจ ขอขมาไป แล้วมาดูกายต่อ ท้ายๆก็มีจิตที่คิดจะปรามาส มันมาจุกที่คอ พร้อมจะขึ้นมาค่ะ ตัวนี้ยากปกติจะพรวดขึ้นมาเลย

ก็พยายามมารู้กาย แต่ก็ทุกข์มันรู้สึกว่าตัวนี้ร้ายแรงมาก แล้วก็ คิดว่าต้องยอมรับ
มันก็สงบลง เป็นแบบนี้สองครั้ง

คือมันยังไม่ขึ้นมาเป็นคำปรามาสค่ะแต่จิตมันมาแล้ว แล้วก็เดินๆไปจนจบอีก
ระหว่างเดินก็มีเวทนามดกัดอีกค่ะ

พอมานั่งก็มีรู้ท้อง มีจิตลอยหลงไป เห็นจิตมันขาดสติ มีความรู้สึกอิ่มๆนิด
ไม่รู้ว่าไปสมาธิตอนไหน

ยังอยู่กะกายไม่ได้ตลอดน่ะค่ะ จบแล้วค่ะพี่ อ้อออกจาสมาธิมดก็กัดต่อตอนแผ่ส่วนกุศล

สุขที่แท้จริง says:
แล้วมีมดจริงๆมั๊ยคะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ไม่มีค่ะ ทั้ง 2 รอบน่ะค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
ทำไมเราจะถึงกล้ายอมรับความจริง ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
อืมม มันก็ ไม่รู้สิคะ บอกไม่ถูกอะค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
มันเป็นเองตามสภาวะโดยเราไม่ต้องไปกดข่มหรือฝืนใจแบบเมื่อก่อน
เมื่อก่อนต้องพยามกดมันเอาไว้

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ก็ มันก็แบบนั้นน่ะค่ะ ค่ะ แต่ก็ลุ่มๆดอนๆน่ะค่ะ ไม่ได้เก่ง

สุขที่แท้จริง says:
อย่าเผยอหน้ามานะเจ้าอกุศล เมื่อก่อนพี่เป็นปบบนี้นะ กดมันเอาไว้ เด๋วนี้ไม่ต้องแล้ว มันไม่ทันโผล่

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
อืมๆ มันก็หายไป

สุขที่แท้จริง says:
ใช่จ้ะ เหมือนที่ให้อ่านเมื่อกี้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนนี้จะรู้สึกอาย ถ้าคนอื่นมาจับได้ว่าเราเขียนถึงเขา
แต่นี่ไม่อาย เพราะมันคือความจริงที่เกิดขึ้นกับตัวเราในตัวนั้น

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
หมุก็อายนา ถ้าคนมาอ่านเจอ ยอมรับได้ใช่ไหมคะ

สุขที่แท้จริง says:
ถึงเขาจะว่ามายังไงก็ยอมรับเพราะมันคือเรื่องจริง แต่นั่นมันนานมาแล้ว
เราไม่มีตะกอนเรื่องของเขาอยู่ในใจเราแล้ว
แต่เขามี เขาจึงเก็บมันเอาไว้ รอโอกาส พอได้โอกาสก็เลยเอามาพูด

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ เห็นแล้วละค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
พี่ไม่กลัวหรอกหมู กล้าทำ กล้ารับ มันคือกิเลสของเรา แล้วมันไม่มีแล้วด้วย

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
คือหมูเข้าใจนะคะ ที่พี่น้ำพูด แต่ก่อนคงไม่เข้าใจ ก็นั่นเป็นสภาวะเก่า

สุขที่แท้จริง says:
ใช่จ้ะ อดีตมันผ่านไปแล้ว แต่เขามองไม่เห็นกิเลสในใจของเขา เขาเลยเก็บมันเอาไว้

เวลาเขาเกิดการกระทบเมื่อเห็นเรา เขาอาจจะคิดก็ได้ว่า ฉันเกลียดมัน ใครทุกข์ล่ะ
เขาน่ะแหละทุกข์ เราน่ะไม่รู้สึกอะไรเพราะไม่คิดอะไรกับเขาแล้ว

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ถ้าไม่ได้ฝึก ก็ไม่เข้าใจ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่หมู ไม่มีทางเข้าใจหรอก นี่การเจริญสติมันดีตรงนี้ อยู่กับปัจจุบัน

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ตอนนี้หมู จะแบบ มันไม่ค่อยจะไปคิดพิจารณา คือเวลาปฎิบัติ ปกติ
จะคิดน่ะค่ะเป็นแบบนี้ๆ แต่ช่วงนี้ มันไม่คิด
แต่แบบ ว่าอืมรู้สึกว่าใช่เบาๆ น่ะค่ะ ไม่ลงน้ำหนักกะคำว่าใช่ด้วย พี่น้ำงงภาษาหมูไหมคะ

สุขที่แท้จริง says:
ไม่ค่ะ เข้าใจค่ะ ว่าเราเริ่มไม่ไปให้ค่าต่อสิ่งที่เราคิดมากขึ้น

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
อืมๆค่ะ แต่พอเริ่มเดินมันจะเข้ามาป่วนมากวน แล้วก็มีหลงไป
ที่ไปครุ่นคิด แล้วก็ออกมา เพราะมันรุ้ว่าแตะแล้ว ทุกข์ ก็เลยกลายเป็นแบบนี้ค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
เข้าใจค่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
แปลกดีนะคะพี่ หมูเลยรู้สึกเหมือนแตะกับยอดคลื่น คืออารมณืทุกข์ แปลกจิงๆ อืมแล้วก็
ช่วงนี้โดนกระทบว่าโง่ ก็ไม่พอใจ แต่ไม่พูดอะไร โดยที่ ไม่ต้องพยายามที่จะห้ามตัวเองไม่ให้พูด

สุขที่แท้จริง says:
เข้าใจค่ะ กิเลสในใจเราน่ะแหละ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะ คนชมก็ทุกข์ค่ะ มันฟูขึ้นมา ผยอง น่ะค่ะ ชมอีก ชมชั้นอีก ทุกข์เพราะอาการมัน
เหมือนโทสะ ทั้งๆที่ โดนชม มันแข็งๆเหมือนกัน

สุขที่แท้จริง says:
ดีแล้วค่ะที่มองเห้นมัน จะได้ไม่ยึดติดทั้งฝั่งโดนเขาว่าและโดนเขาชม แต่เรายังมีความไม่ชอบใจอยู่

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ ยังมีอยู่ค่ะ ความไม่ชอบใจนี่ ไม่ได้ละกันง่ายๆ ใช่ไหมคะ

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ เพราะกลัวว่าสิ่งที่มากระทบจะทำให้กิเลสเราเกิดขึ้นมากกว่าเดิมแล้วเราจะเอามันไม่อยู่
ไม่ง่ายหรอกหมู เจริญสติต่อไป

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ เวลาทุกข์แล้ว แบบถ้าลงไปคลุกกับมันนี่ มันสุดๆเลย ถ้าพอรู้มัน ยังหายใจหายคอได้

สุขที่แท้จริง says:
จ้ะ เมื่อสติดีมากขึ้นเราจึงเห้นมันชัดขึ้น

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 21 ธ.ค. 2009, 23:53, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ธ.ค. 2009, 20:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 117

uchree says:
เดินวันนี้ก็พยายามอยู่กับกายกะเท้าที่เดิน ก็รู้ได้ แต่ตอนต้นๆ จะยังฟุ้งๆ ค่ะ
มันจะไม่สงบ แล้วพอเดินๆไปสักพัก ก็สงบขึ้น

จากนั้น ก็เริ่มมีความกังวล ขึ้นมา ในเรื่องต่างๆ ที่เราเคยกังวล มาก่อน
มันขึ้นมาค่ะ ก็รู้ๆไป แล้วคอยสังเกต

ก้เห้นว่าอารมเหล่านั้นมันจางเลือนไปค่ะ ก็ระหว่างนั้นก็จะรู้เท้าไปด้วยน่ะค่ะ
แล้วก็เปลียนไป คิดเรื่องโน้นเรื่องนี้อีก พร้อมๆกะรู้เท้าค่ะ

สิ่งที่เจอวันนี้ คือความอวดดี ความเอาดี และตัวรู้ค่ะ พอมีความคิดเห็นหลังดูสภาวะ
ก็เหนื่อยค่ะ แล้วมันก็เปลี่ยนไปอีกค่ะ ตัวพวกนี้ก็หายไปค่ะ

ก็กลับไปวนๆ คิดๆ รู้เท้าเหมือนเดิมค่ะ เวทนาที่เกิดก็มีเจ็บเท้าแปล๊บๆ แล้วหายไป
พอมานั่งค่ะ ก็จับกายนั่งค่ะ ก็รู้สึกถึงก้นที่สัมผัสที่นั่ง

แล้วก็มารู้เวทนาที่เกิดกะกายตามจุดต่างๆ จะเป็นความรู้สึกเจ็บจี๊ดๆ หลายๆจุดค่ะ
สลับไป แล้วก็พวกความร้อน ขา ตามเข่า แบบผ่าวๆค่ะ

แล้วก็จะรู้ว่าคิดด้วยค่ะ นั่งไปสักพักจิตก็เริ่มนิ่งขึ้น ลงไป อีกชึ้นน่ะค่ะ
บอกไม่ถูกคือมันนิ่งแบบลงไปอีกระดับข้างในน่ะค่ะ แต่ก็ยังรู้กายได้ด้วยค่ะ

ไม่หลับ มันยังไม่นิ่งมาก มีจิตที่จะฟุ้งและคิดไม่ดีจะขึ้นมา ก็กำหนดรู้เบาๆ
ตอนท้ายจะหมดเวลาก็ขึ้นมาจะอกุศลอีก ก็กำหนดไป

วันนี้ทั้งนั่งและเดิน ไอ้ตัวนี้มันจะพยายามขึ้นมาบ่อยๆค่ะ ไอ้ตัวฟุ้งซ่านและจะไปอกุศล
ก็ส่วนใหญ่รู้ทันยังไม่ชัดเจนค่ะ มันก็เลยไม่ขึ้นมามาก หมดแล้วค่ะพี่

สุขที่แท้จริง says:
ต่ออีกรอบป่ะคะ


nuchree says:
ค่ะพี่

nuchree says:
เสร็จแล้วค่ะพี่ ตอนเดินก็ รอบหลังนี้ตั้งแต่ต้น มันจะฟุ้งหน่อยค่ะ เริ่มต้นมา
จะมีเวทนา เหมือนโดนอะไรสากๆ เหมือนเนื้ออ่อนๆที่ถูกสีและเจ็บๆ น่ะค่ะ
แล้วก็อยู่นานพอควร เดินไปๆ อ้าวมาระลึกได้ว่าหายไปล้ว
แล้วก็ หลังๆก็คิดไปรู้เท้าไปน่ะค่ะ มีภาพแวบๆ ขึ้นมา แล้วหาย หลายๆครั้ง

เป็นภาพ ทีเห็นตอนกลางวันน่ะค่ะ แล้วก็พอมานั่ง ก็รู้กายนั่ง แบบเห็นกายในภาพรวม
โดยจะรู้สึกเห็น กายตรงโน้นตรงนี้มีเวทนาอ่อนๆ

ตามจุดต่างๆของกายที่นั่งอยู่น่ะค่ะ แล้วจากนั้นก็มีไป สงบลงแล้วก็มีปรามาสขึ้นมา
แต่ยังไม่แรง หรือชัดมาก แต่มี

แล้วก็กำหนดข้างในอันโนมัติค่ะ มันไม่ด้ขึ้นมาเป็นคำแต่จิตมันรู้ว่าคิดหนอ
แล้วก็หายไ ก็มีความทุกข์อ่อนๆ กะการปรามาส แล้วก้ละไป

แล้วก็ลืมสภาวะทุกข์ไป หลงไปค่ะ มารู้ว่าหลงไปคิดลอยๆ อีกที
เพราะอยู่ๆมันก็มารู้สึกที่พองยุบ เหมือนพองยุบเรียกกลับมาจากหลงน่ะค่ะ

แล้วก็มารู้ที่น้ำหนักายเป็นก้อนค่ะ แขน และกายช่วงร่างเหมือนมันจะรวมกัน
ใจมันก็ก็ดูแล้วก็มีคิดด้วย คิด ถึงสภาวะนี้แหละค่ะว่าทำไมมีความคิดอยู่
แล้วก็ยังเห็นเป็นก้อน ก็ปล่อยมันน่ะค่ะ แล้วมันก็หายไปอีกลืมไปอีก หมดแล้วค่ะพี่

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
พี่คะ สภาวะมีโอกาสถอยไหมคะ หมูนึกว่าพอเราไม่ปฎิบัติ มันจะถดถอย

สุขที่แท้จริง says:
ก็ถดถอยนะหมู ถ้าพูดตรงๆนะ แต่พี่ไม่อยากให้เสียกำลังใจกันเวลาที่ไม่ได้ทำ
ถ้าไม่ได้ทำวันหรือสองวันนี่ ยังพอไหว แต่ทางที่ดี ไม่ควรหยุดเลยสักวันเดียว
แค่หยุดวันเดียวนี่ยังพอลุ้นนะ
เพราะเรากำหนดเวลานอนเข้ามาช่วยได้ แต่บางคนหยุดแล้วไม่เอาอะไรเลยนี่สิ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ อืมม พูดถึงกิเลส ไอ้ตัวอวดดีนี่ สมัยก่อน เรียกว่า ศักดิ์ศรี
จริงสิเมื่อกี้เห็นพี่น้ำถามว่า หมูยังหยุด ก็หมูหยุด ถึงวันอาทิตย์ค่ะ แต่ว่าเดินทาง คืนนี้ ตี 5.30

ส่วนคืนวันเสาร์หมูปฎิบัติ ที่ตจว. แล้วจะจดบันทึกไว้ค่ะ แล้วมาอัพ แล้วก็วัน อาทิตย์ถึงกลับหอ ค่ะพี่ แล้วมาส่งการบ้านอีกทีวันอาทิตย์นะคะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 22 ธ.ค. 2009, 20:27, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ธ.ค. 2009, 21:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 118

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
เสร็จแล้วค่ะพี่ วันนี้ตอนเดินก็ฟุ้งซ่านน่ะค่ะ แต่ก็ยังจับความรู้สึกที่เท้าได้ค่ะ แล้วก็มีหลงไปด้วย
ไม่นานค่ะ ก็กลับมาอยู่ที่การเดินได้ มีความคิดอกุศล แต่มันไม่ได้ปรามาสโต้งๆ
มันมาเนียนๆเป็นความคิดเห็น แต่เป็นความคิดที่ไม่สมควร แล้วจิตอีกดวงมันก็บอกว่าไม่เห็นจะไม่สมควร

ประมาณเรื่องไม่ใหญ่มาก ก็กำหนดรู้หนอ ขอขมาแล้วเดินต่อ แล้วก็
บางช่วงก็อยู่กะกายได้ดีค่ะ แต่แวบเดียวค่ะ

ความไม่พอใจก็ขึ้นมาเนืองๆตามความฟุ้งซ่านค่ะ บางช่วงก็ เห็นจิตมันช้ำๆ และเหนื่อยๆ
พอมันฟุ้ง พอรู้แล้วความเหนื่อยความช้ำก็หายไปค่ะ

พอเดินไปบางช่วง ก็คิดถึงสภาวะที่เราเคยได้พบเจอมาค่ะ แล้วก็เกิดความพอใจ แล้วก็ดับหายไปค่ะ
พอมานั่ง ก็รู้ที่ก้นที่สัมฟัสกะพื้น รู้ท้องพองยุบได้ไม่นาน ก็หลงไปค่ะ ไปคิด ๆ
ลอยๆ แล้วก็งุบลงไป ทั้งที่คิดๆลอยๆอยู่ค่ะ

2 ครั้งได้ แล้วก็มีมารูกายได้ใหม่ค่ะ แล้วก็ไปอีกค่ะ หลงไปอีกจบแล้วค่ะพี่ อ้อ

สุขที่แท้จริง says:
ต่ออีกรอบไหมคะ หรือว่าเหนื่อย


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
โทษทีค่ะ ลืมอีก วันนี้ขอรอบเดียวค่ะเด๋วทำงานต่อ ที่บอกลืมคือ
มีเวทนาความเจ็บปวดด้วยค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
จ้ะ ถึงถามก่อน


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ ขึ้นมาเจ็บๆเป็นระยะนานหน่อยแล้วหายไปค่ะ จบละค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
ก็หลงไปค่ะ ไปคิด ๆ ลอยๆ แล้วก็งุบลงไป ทั้งที่คิดๆลอยๆอยู่ค่ะ ................ ตรงนี้น่ะ รุ้ตัวมัยคะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
รู้ตัวค่ะพี่ รู้ว่างุบลง ก่อนงุบก็รู้อะค่ะ เพียงแต่เหมือนมันไม่มีกำลัง

สุขที่แท้จริง says:
งั้นไม่มีอะไร คิดว่าไม่รู้ตัว จะได้ลดนั่งลงไปอีก


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะ ดีนะเนี่ย ทีรู้ ไม่งั้นอีกหน่อยเหลือ 5 นาที

สุขที่แท้จริง says:
สติน่ะสำคัญค่ะ สำคัญกว่สิ่งอื่นใดๆ สมาธิน่ะ สะสมไปได้ วันใดสติมีกำลังดี สมาธิก็จะแข็งแกร่งขึ้นค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 22 ธ.ค. 2009, 20:25, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ธ.ค. 2009, 19:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


สร้างเหตุอย่างไร ย่อมได้รับผลเช่นนั้น

อตฺตนาว กตํ ปาป อตฺตนา สงฺกิลิสฺสติ

อตฺตนา อกตํ ปาป อตฺตนา ว วิสุชฺฌติ

สุทฺธิ อสุทฺธิ ปจฺจตฺตํ นาญฺโญ อญฺญํ วิโสธเย.

ทำบาปเอง ย่อมเศร้าหมองเอง ไม่ทำบาปเอง ย่อมหมดจดเอง

ความหมดจดและความเศร้าหมองเป็นของเฉพาะตัว คนอื่นทำคนอื่นให้หมดจดหาได้ไม่


บาปเมื่อทำแล้ว ย่อมตกเป็นนมรดกแก่ผู้ทำนั่นเอง จะไปยื่นโยนโอนมอบให้แก่ผู้อื่นหาได้ไม่

หรือจะปัดเป่าชำระล้างโดยวิธีใดๆ ย่อมทำให้หมดไปไม่ได้เช่นเดียวกัน

เพราะบาปไม่ใช่มลทินของร่างกายหรือสิ่งโสโครก จะได้ชำระล้างให้หมดจดไปได้

เอถ ปสฺสถิมํ โลกํ จิตฺตํ ราชรถถูปมํ

ยตฺถ พาลา วิสีทนฺติ นตฺถิ สงฺโค วิชานตํ

สูเจ้าทั้งหลาย จงมาดูโลกนี้ อันตระการตาดุจราชรถที่พวกคนเขลาหมกอยู่ แต่ผู้รู้หาข้องไม่


คำว่า " โลก " ในอรรถกถาหมายถึง อัตตภาพร่างกายอันเป็นที่ประชุมแห่งขันธ์ ๕ คือ

รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อันวิจิตร งดงามด้วยเครื่องประดับมีผ้านุ่งห่มเป็นต้น

ส่วนพระมติของสมเด็จพระพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส หทรงอธิบายว่า โลก ในที่นี้

โดยตรงได้แก่แผ่นดินเป็นที่อาศัย โดยอ้อมได้แก่หมู่สัตว์ผู้อาศัย คนเขลาผู้ไม่รู้สัจธรรม

ย่อมหมกมุ่นอยู่กับโลก โดยหลงใหลว่า เป็นเรา เป็นของเรา เป็นต้น

ส่วนบัณฑิตผู้ฉลาดรู้เท่าทันในคติของธรรมดาแล้ว จึงไม่ข้องอยู่ในโลก

คลายความยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นตัวเป็นตนเสียได้


เย จิตฺตํ สญฺญเมสฺสนฺติ โมกฺขนฺติ มารพนฺธนา.

ผู้ใดจักระวังจิต ผู้นั้นจักพ้นจากบ่วงแห่งมาร

อาการสำรวมจิตมี ๓ อย่าง


๑. สำรวมอินทรีย์ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กายใจ มิให้ความยินดีครอบงำในเมื่อเห็นรูป

ฟังเสียง ดมกลิ่น ลิ้มรส ถูกต้องโผฏฐัพพะอันน่าปรารถนา

๒. มนสิการกัมมัฏฐานอันเป็นปฏิปักษ์ต่อกามฉันทะ คือ ..

อสุภะ และกายคตาสติ หรืออันยังใจให้สลดคือ มรณสติ

๓. เจริญวิปัสสนา คือ พิจรณาสังขารแยกออกเป็นขันธ์

สันนิษฐานให้เห็นเป็นสภาพไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา

กิเลสกาม คือ เจตสิกอันเศร้าหมอง ชักให้ใคร่ ให้รัก ให้อยากได้ กล่าวคือ ตัณหา

ความทะยานอยาก ราคะ ความกำหนัด อรติ ความขึ้งเคียดเป็นอาทิ จัดว่าเป็นมาร

เพราะเป็นโทษล้างผลาญคุณความดีและทำให้เสียคน

วัตถุกาม คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ อันเป็นของน่าชอบใจ จัดเป็นบ่วงแห่งมาร ..

เพราะเป็นอารมณ์เครื่องผูกใจให้ติดแห่งมาร

บ่วงแห่งมารนี้ ผู้ที่สำรวมระวังจิตด้วยวิธีทั้ง ๓ วิธีดังกล่าวแล้ว

จึงจะสามารถหลุดพ้นจากอำนาจของมันได้


คำว่า พวกคนเขลาหมกอยู่ แต่ผู้รู้หาข้องไม่ นั้นมีลักษณะอาการ และคุณโทษต่างกันอย่างไร?

พวกคนเขลาไม่เพียรพยายามพิจรณาให้เห็นจริงโดยถ่องแท้ ย่อมเพลิดเพลินในสิ่งอันให้โทษ

ย่อมระเริงจนเกินพอดีในสิ่งอันอาจให้โทษ ย่อมติดอยู่ในสิ่งอันเป็นอุปการะทั้งภายใน ภายนอก

เช่นนี้ชื่อว่า หมกอยู่ในโลกมีโทษคือ ย่อมเสวยสุขบ้าง ทุกข์บ้างตามสิ่งนั้นๆจะพึงอำนวย

เหมือนปลาที่หลงกินเหยื่อที่เกียวติดอยู่กับเบ็ด ย่อมหาอิสระมิได้

ฝ่ายผู้รู้พิจรณารู้เห็นตามความเป็นจริงแห่งสิ่งนั้นๆ ว่าฉันใดแล้ว

ไม่ข้องไม่พอใจหรือพัวพันในสิ่งอันล่อใจ อันใครๆและอะไรๆ

ไม่อาจยั่วให้ติดด้วยประการใดๆ มีคุณ คือ ย่อมมีอิสระแก่ตนเอง ย่อมได้สุขที่ประณีต

สุขภายในอันยั่งยืน ไม่ต้องทุกข์เพราะเหตุไรๆ


ใครเข้ามาอ่านแล้วจะมองเป็นเรื่องลวงโลก ใครจะมองเป็นเรื่องตลก
ใครจะมองอะไรยังไง นั่นคือ กิเลสของแต่ละคน
แล้วเขาก็จะได้รับผลตามที่เขามอง

ไม่ไปคิดแทนใครๆทั้งสิ้น มันคือ วิบากกรรมของแต่ละคนที่เคยกระทำร่วมกันมา
คนบางคนก็มีวิบากกรรมที่ยากจะไปช่วยอะไรเขาด้วย หากคนๆนั้นไม่รู้จักการเจริญสติ
สิ่งเหล่านี้ต้องเรียนรู้ด้วยการเจริญสติ

ไม่ว่าจะจริงหรือไม่จริง เราไม่ควรจะไปว่าใครๆเขา
ผู้ที่มีสติ สัมปชัญญะ จะไม่มีไปว่าใคร
เพราะเขาเข้าใจถึงเหตุที่กระทำ และผลที่ได้รับ
ฉะนั้น ... เหตุอันเป็นก่อให้เกิดอกุศลเขาจึงไม่สร้างมันขึ้นมา

การที่เราว่าเขาเท่ากับเรานั้นว่าตัวเอง
การพูดจะเกิดได้จากการคิด
ถ้าไม่คิดจะพูดออกมาไม่ได้
ทุกอย่างมันมีเหตุ ผลมีรองรับ

นี่แหละผลของความไม่รู้ ความประมาท
อย่าประมาท 1 คำพูด ถ้าพูดผิดล้วนก่อให้เกิดวจีกรรมและกลายเป็นกรรมส่งผลให้ผู้กระทำ

ตราบใดที่ยังส่งจิตออกนอก วิ่งส่ายหาแต่กิเลสชาวบ้าน
ตราบนั้น ย่อมไม่มีวันจะเห็นกิเลสที่มีอยู่ในใจของตัวเอง
ภพชาติจึงเกิดไม่รู้จักจบสิ้น เพราะความไม่รู้ จึงทำให้ก่อเหตุใหม่ที่เป็นอกุศลจิตขึ้นไปเรื่อยๆ
อยู่ก็ร้อน นอนก็ทุกข์ ใครทำให้ล่ะ ล้วนเกิดจากเหตุที่กระทำไว้กันเองทั้งนั้น
ไม่มีใครทำให้เลยนะ ตัวเองทำกันเองทั้งนั้น

เวลาเกิดผลที่ต้องรับ โวยวายแล้ว ว่าทำไมต้องเป็นแบบนี้
พิจรณาสิ เหตุเกิดขึ้นเพราะใครล่ะ
เราทุกรูปทุกนาม ล้วนเคยสร้างเหตุมาร่วมกัน ผลเลยเป็นเช่นนี้
ใครที่รู้แล้ว คนนั้นย่อมหยุดเหตุใหม่ที่จะก่อให้เกิดขึ้นมาได้
เขาจบแค่นั้น และเขาก็รับผลจากการกระทำของเขาแค่นั้น
แต่ผู้ที่ไม่รู้ ยังขยันสร้างก่อใหตุใหม่ไม่รู้จักจบสิ้น
ก็เวียนว่ายต่อไปนะ ..... กองกิเลส .....

สติปัฏฐาน 4 ทางสายเอกมีให้เดิน ใยจึงไม่รู้จักพิจรณา
ทำไมยิ่งปฏิบัติ จิตยิ่งตกต่ำ มีแต่คอยคิดละเมิดผู้อื่นเพราะเหตุใด
ทุกอย่างมันมีเหตุนะ ควรพิจรณา ไม่ใช่สักแต่ว่าบอกว่า เจริญสติ
แต่ขาดเมตตา เมตตาที่จะรู้จักให้อภัย ให้การอโหสิกรรมต่อผู้อื่นนั้นไม่มี
มีแต่โทสะ แฝงไปด้วยความพยาบาท ไม่รู้จักปล่อยวาง

พฤติกรรมทางจิตที่ถูกต้องคือ " สละออก " ซึ่งอาการเป็นมนุษย์
ส่วนใหญ่ไม่คุ้นเคย เนื่องจากเคยชิน
ที่จะเอา " เข้าตัว " กันทั้งนั้น ซึ่งนั่นแหละ
คือการชำนิสัยหวงทุกข์ หวงยางเหนียว
ยึดติดกับปฏิกูลทางอารมณ์โดยแท้

ทำดี ดีส่ง ให้เห็นผล
ทำชั่ว ชั่วก็ดล ชั่วให้
ชั่ว ดี ดุจ บาป บุญ ตีบอก ไว้นา
ใครชั่ว ใครดีไซร้ สืบได้ ด้วยกรรม

มวลมนุษย์ ในโลกนี้ .....
เกิดมา ต่างมี ผลกรรม ประจำตน
ไพร่ผู้ดี มีหรือจน มนุษย์ปถุชน
ไม่อาจ หลุดพ้น ด้วยตัณหา

คอยเบียดเบียน ต่อกัน เรื่อยมา
ใช้เล่ห์ ต่างๆนาๆ ไม่นำพา ผลกรรมความดี

มนุษย์เอย .....
อย่าเห็นกงจักร เป็น ดอกบัว
กลัวเวรกรรม กันเถิดหนา
แผ่ความเมตตา ให้กัน ด้วยไมตรี

โปรดได้คิด ....
ชีวิตคน ไม่เห็นใคร จะพ้นหลีก
ไม่พ้น เป็นผี

ควรเร่งคิด สร้างสรรค์ สิ่งดี
เพิ่มบุญ เพิ่มบารมี
เพราะความดี เหมือนเงา ติดตามติดตัว

รอยโค รอยเกวียน ....
วงเวียน แห่งกรรม
ดี - ชั่ว ตัวเราทำ
เป็นกฏแห่งกรรม ของปถุชน


ใครเข้ามาอ่านแล้ว จะคิดอะไรยังไงหรืออย่างไร
นั่นคือความคิดของแต่ละคน ไม่ขอคิดแทนใครๆ
ความคิดก็คือเหตุ ย่อมส่งผลไปที่ตัวผู้คิด
ใครทำอะไร ย่อมได้รับผลเช่นนั้น

แต่เรายอมรับในสิ่งที่เรามี ยอมรับในสิ่งที่เราเป็น
ไม่ใช่แบบแอบๆซ่อนเร้น เลยไม่ยอมรับกิเลสที่มีในใจของตัวเอง
จะไปยอมรับได้ยังไงล่ะ เพราะยังมองไม่เห็น
มัวแต่ไปจ้องมองกิเลสของชาวบ้านเขา
แล้วลงไปเล่นกับกิเลสชาวบ้านเขา แค่นั้นเอง

เราเป็นพวกที่กล้ายอมรับความจริงในสิ่งที่ตัวเองกระทำ
ไม่ใช่คนที่ชอบแปลงร่างแล้วเล่นบทโน้นบทนี้
แต่ไม่ยอมรับตัวตนที่ตัวเองเป็นจริงๆ
หญิงไม่ใช่ชาย ชายไม่ใช่หญิง
จะเป็นอะไรก็ได้ ตามกิเลสของแต่ละคน
เป็นหญิง เป็นชาย สลับกันไปมา คนเดียวเล่นเป็นหลายคน
หลายบุคคลิก นั่นคือ กิเลสที่มีอยู่ในใจของแต่ละคน
เพียงแต่ว่า ใครล่ะ จะเห็นกิเลสในใจของตัวเองที่แท้จริงได้ก่อนกัน
คนไหนเห็นแล้ว เขาย่อมเห็นเหตุทีกำลังจะกระทำ และผลที่เขาจะต้องได้รับมัน


" ขี้นะคะ มันเหม็นค่ะ อย่าเอานิ้วมาจิ้มไปนะคะ เดี่ยวจะเหม็นติดนิ้ว "

กิเลส มันก็คือ ขี้ ที่ไม่มีใครอยากได้มัน
ทุกคนมองว่ามันเหม็น มันสกปรก มันไม่สะอาด
แต่ของสกปรกคนก็ต้องอยู่กับมัน ต้องคลุกเคล้าไปกับมัน

กิเลส ไม่มีการแบ่งชั้นวรรณะ
กิเลสสามารถเข้าแทรกได้ทุกอณูทุกลมหายใจเข้าออก
แต่ทว่า ...
เราจะเห็นกันบ้างหรือเปล่าเท่านั้นเอง
บางคนเห็น แต่เหมือนไม่เห็น
บางคนเหมือนไม่เห็น แต่เห็น
บางคนเห็น แล้วเข้าใจมัน

ที่ทดสอบกิเลสดีที่สุด คือ วัด
บางคนมองว่า วัด คือ สถานที่เราไปสร้างกุศล
แต่อาจจะไม่เห็นว่า นี่แหละที่วัดกิเลส
วัดจิต วัดใจของตัวเอง ว่ากิเลสมีมากน้อยเท่าไร

เมื่อย่างเท้าเข้าสู่เขตวัด
เราจะพบผู้คนมากมาย หลากชั้นวรรณะ
หลากผิวพรรณ หลากหลายศาสนา
บ้างเปิดเผยในสิ่งที่ตัวเองเป็น
บ้างปิดบังซ่อนเร้นในสิ่งที่ตัวเองเป็น
แล้วตัวเราเองเคยสำรวจจิตตัวเองบ้างไหม
ว่าเป็นพวกปิดบังหรือเปิดเผย

ปิดบังคือ ปิดบังอะไร
เปิดเผยคือ เปิดเผยอะไร

จะมีอะไรล่ะ นอกจากใจของเราเอง
หากเรายังปิดบังใจตัวเอง
เราย่อมไม่สามารถยอมรับกิเลสที่มีซุกซ่อนอยู่ในใจ
แต่หากเราเปิดเผย ยอมรับกิเลสที่มีอยู่ตามที่เราเห็นมัน
เราย่อมเห็นตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้นได้

นี่นะประโยชน์ของ " วัด "
ที่ไม่ใช่แค่ " วัด " แบบที่เราพูดๆกันมา

ติสฺโส อิมา ภิกฺขเว วิปตฺติโย, กตมา ติสฺโส กมฺมนฺตวิปตฺติ อาชีววิปตฺติ

ดูกรท่านผู้เห็นภัยในวัฏสงสารทั้งหลาย วิบัติมีอยู่ ๓ ประการดังนี้คือ

๑. กมฺมนฺตวิปฺติ วิบัติเพราะการกระทำ

๒. อาชีววิปฺติ วิบัติเพราะอาชีพ

๓. ทิฏฺฐิวิปฺติ วิบัติเพราะทิฏฐิ

ส่วนดีของแต่ละคนมี เรามองส่วนดีของเขา
ส่วนที่เรามองว่าเขาไม่ดีนั้น เขาเป็นผู้รับผลนะคะไม่ใช่เราอย่าลืมข้อนี้
ไม่งั้นจะก่อวิบากกรรมกันไม่รู้จบสิ้น

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 252 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 ... 17  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 41 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร