วันเวลาปัจจุบัน 27 เม.ย. 2024, 00:44  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 170 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6 ... 12  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ส.ค. 2009, 14:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แค่การใช้สรรพนามเป็นหนังเรื่องยาวได้ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ส.ค. 2009, 14:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2008, 10:00
โพสต์: 724

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: ปฏิบัติวิปัสสนา
อายุ: 0
ที่อยู่: เกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


นั่นซิ
คุณกรัชกาย ช่วยทำความเข้าใจเขาหน่อย

.....................................................
เอกายโน อยํ ภิกฺขเว มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา โสกปริเทวานํ สมติกฺกมาย
ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาย ญายสฺส อธิคมาย นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย ยทิทํ
จตฺตาโร สติปฏฺฺฐานา ฯ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ส.ค. 2009, 14:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 21:22
โพสต์: 264

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
แค่การใช้สรรพนามเป็นหนังเรื่องยาวได้ :b32:


ที่เขียนไป

รินรส เขียน:
ถ้าทำให้ไม่พอใจก็ต้องขอโทษด้วยนะคะ

ต่อไปจะไม่พูดสั้น ๆ แล้วกลับมาอธิบายทีหลังแล้ว เพราะเหมือนไม่ยอมจบซะที


ก็เขียนตามที่คิดนะคะ ไม่มีอารมณ์อะไรแอบแฝงค่ะ และจะได้ปรับปรุงตัวเองด้วย เพราะชอบพูด/เขียนอะไรสั้น ๆ แล้วคนอื่นมักเข้าใจผิด เลยต้องไปตามอธิบายอยู่ตลอด ทั้งในเว็บบอร์ดและในชีวิตจริง คิดอยู่ว่าถ้าเป็นตัวเองคงรำคาญเหมือนกัน

ทิ้งเรื่องนี้เสียดีไหมคะ คุณกรัชกาย

.....................................................
"เราไม่สรรเสริญแม้แต่ความตั้งอยู่ได้ในกุศลธรรมทั้งหลาย ไม่ต้องพูดถึงความเสื่อมถอยจากกุศลธรรมทั้งหลาย
เรายกย่องสรรเสริญอย่างเดียว แต่ความก้าวหน้าต่อไปในกุศลธรรมทั้งหลาย"

(องฺ. ทสก. ๒๔/๕๓/๑๐๑)


แก้ไขล่าสุดโดย รินรส เมื่อ 11 ส.ค. 2009, 15:43, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ส.ค. 2009, 15:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 21:22
โพสต์: 264

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบพระคุณคุณกามโภคีที่ให้คำแนะนำค่ะ :b8:


คุณกามโภคีและคุณกรัชกายช่วยพิจารณาด้วยค่ะ

สำหรับการเดินจงกรม จริง ๆ แล้วไม่มีปัญหาว่าเดินสะดวกหรือไม่สะดวกนะคะ แต่หาเวลาและสถานที่ที่เหมาะสมไม่ได้ค่ะ ถ้าเดินในห้องตอนกลางคืนก็เกรงใจรูมเมท เลยไม่ค่อยได้เดิน อยากปรึกษาว่าถ้าเดินตอนกลางวัน แต่นั่งสมาธิตอนกลางคืนจะได้ไหมคะ (และเพิ่งคิดได้ว่าน่าจะทั้งเดินและนั่งตอนกลางวันไปเลย ตอนนี้มีแต่ทำรายงาน เลยไม่ได้ไปเรียนค่ะ)

ส่วนการนั่ง ตอนนี้นั่งเรียงขาเหมือนอย่างที่คุณกามโภคีแนะนำค่ะ แต่นั่ง 20 นาที รู้สึกว่าเป็นเวลาที่พอเหมาะนะคะ ส่วนมากจะปวดขาตอนใกล้ ๆ หมดเวลาค่ะ แต่บางวันถ้าจดจ่ออยู่กับลมหายใจหรือสภาวะอื่นจริง ๆ จะไม่รู้สึกปวดขาค่ะ พูดง่าย ๆ คือชืนกับเวลา 20 นาทีค่ะ แต่ถ้านั่ง 10 นาที ดูเหมือนเวลาน้อยไป และถ้าต้องลดเหลือ 10 นาทีจริง ๆ ต้องปรับตัวใหม่ไหมคะ

ความจริงสุขภาพอย่างอื่นก็ปกติดีค่ะ ถ้าไม่เป็นหวัดหรือประสบอุบัติเหตุ

เมื่อคืนอาการปวดหัวนี่กำหนดยากกว่าอาการอื่น ๆ เลยค่ะ คือปวดแล้วไปกำหนดก็ยิ่งปวดมากขึ้นอีก เลยกำนดอาการอื่นแทนทั้งพอง ยุบ หนาว นอน เคยทราบมาแค่ว่าถ้าไม่สบายก็ปฏิบัติกรรมฐานได้ (ไม่ใช่เพิ่งรู้จากคุณกรัชกายนะคะ) แต่ไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วต้องทำยังไง เลยกำหนดพองยุบเป็นหลัก ระหว่างปฏิบัติมีขากระตุกงอขึ้นมาด้วยค่ะ คือกระตุกเสร็จแล้ว อีก 2-3 นาทีก็กระตุกอีก เป็นอย่างนี้ 4-5 ครั้งค่ะ

.....................................................
"เราไม่สรรเสริญแม้แต่ความตั้งอยู่ได้ในกุศลธรรมทั้งหลาย ไม่ต้องพูดถึงความเสื่อมถอยจากกุศลธรรมทั้งหลาย
เรายกย่องสรรเสริญอย่างเดียว แต่ความก้าวหน้าต่อไปในกุศลธรรมทั้งหลาย"

(องฺ. ทสก. ๒๔/๕๓/๑๐๑)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ส.ค. 2009, 16:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2008, 10:00
โพสต์: 724

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: ปฏิบัติวิปัสสนา
อายุ: 0
ที่อยู่: เกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


รินรส เขียน:
คุณกามโภคีและคุณกรัชกายช่วยพิจารณาด้วยค่ะ


ควรทำเวลาเดียวกันครับ ติดต่อไปเลยจะดีกว่า เลือกเวลาตอนไหนก็ได้ที่สะดวก
แต่ขอให้ติดต่อกัน

ปรับเวลานั่งเป็น ๒๐ ก็ได้ครับ แต่เวลาเดินจงกรม อย่าน้อยกว่านั่งเท่านั้นเอง เพราะจากที่
อ่านๆ สมาธิมากล้ำหน้าสติไปครับ เลยแก้เวลาให้อยู่ภายใน ๓๐ นาที แต่ถ้าคุณจะนั่ง ๒๐ ก็ได้
คือเดินอย่าน้อยกว่านั่งก็แล้วกัน

รินรส เขียน:
เมื่อคืนอาการปวดหัวนี่กำหนดยากกว่าอาการอื่น ๆ เลยค่ะ คือปวดแล้วไปกำหนดก็ยิ่งปวดมากขึ้นอีก เลยกำนดอาการอื่นแทนทั้งพอง ยุบ หนาว นอน เคยทราบมาแค่ว่าถ้าไม่สบายก็ปฏิบัติกรรมฐานได้ (ไม่ใช่เพิ่งรู้จากคุณกรัชกายนะคะ) แต่ไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วต้องทำยังไง เลยกำหนดพองยุบเป็นหลัก ระหว่างปฏิบัติมีขากระตุกงอขึ้นมาด้วยค่ะ คือกระตุกเสร็จแล้ว อีก 2-3 นาทีก็กระตุกอีก เป็นอย่างนี้ 4-5 ครั้งค่ะ


เวทนาที่เรากำหนดรู้อยู่ บางอย่างก็หายไป บางอย่างก็ชัดขึ้น กรณีของคุณชัดขึ้น
เป็นด้วยสติที่กำหนดรู้อยู่อาการนั้น และสมาธิขณะนั้นชัดเจน ก็เลยเหมือนว่าเพิ่มขึ้น
จริงๆเท่าเดิม เหมือนน้ำไม่ขุน น้ำใส ก็มองเห็นง่าย ชัดเจนไปหมด

วิธีสู้กับเวทนามีหลายวิธี อย่างที่คุณทำถูกแล้ว(ที่ผมขีดไว้) เพียงแต่เพิ่มหน่อยว่า เมื่อไปกำหนดที่อื่นแล้ว
เวทนายังอยู่ ก็กลับมากำหนดใหม่ เมื่อไม่ไหวก็ละไปกำหนดที่อื่นอีกครับ

ในเวลาที่เราเจ็บป่วย เวทนาจะปรากฏชัดครับ ผมแนะนำให้กำหนดที่เวทนาก่อนเป็นหลัก
เพราะเวลาเรานอนไม่สบายพักผ่อน อิริยาบถการเดินนั่งเราน้อย เรากำหนดเวทนาดีกว่า แล้ว
สลับไปดูอาการพองยุบของท้องครับ

อาการกระตุก ผมยังไม่รู้แนวทางของคุณมาก ต้องขอสงวนเรื่องความคิดเห็นครับ
เพราะสาเหตุมีหลายอย่างครับ

อย่างไรก็ตาม รอความเห็นคุณกรัชกายก่อนนะครับ จะได้มีวิธีปฏิบัติที่หลากหลายขึ้น

.....................................................
เอกายโน อยํ ภิกฺขเว มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา โสกปริเทวานํ สมติกฺกมาย
ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาย ญายสฺส อธิคมาย นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย ยทิทํ
จตฺตาโร สติปฏฺฺฐานา ฯ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ส.ค. 2009, 17:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หากคุณรินสังเกตอุบายแก้อารมณ์หรือจะเรียกว่าอุบายการปฏิบัติก็ได้ ตั้งแต่ คห.แรกของคุณที่กระทู้ก่อนหน้า

viewtopic.php?f=2&t=24320

อุบายสั้นๆ คือ กำหนดรู้ ตามเป็นจริง หรือ ตามที่มันเป็น







สิ่งที่เห็น ที่ได้ยิน ที่ได้กลิ่น ฯลฯ ที่ปรากฏขณะปฏิบัติกรรมฐาน ให้กำหนดตามนั้น เป็นกายหรือทางใจ
ก็ตาม กระทบสิ่งใด รู้สึกก็จับสิ่งนั้นกำหนดตามนั้นทุกๆขณะ

เมื่อกำหนดจิตไปตามนั้นแล้ว ก็เท่ากับตัดวงจรความคิดนั้นๆขาด จบเท่านี้ แต่ภาวะบ้างอย่างแรง อาจต้อง
กำหนดหลายรอบหลายครั้ง




แต่ที่ดูเหมือนมีอารมณ์มากมาย จนเกิดความสับสน เพราะเราไม่กำหนดตามนั้น ปล่อยให้คิดปรุงแต่งฟุ้งซ่านไป จึงดูเหมือนไม่จบแต่ละเรื่อง แต่ละสภาวะที่กำลังประสบอยู่ ขณะน้นๆ

มีนิดเดียวหากกำหนดจิตตามนั้นเสีย ก็จบกระบวนปฏิจจสมุปบาทแต่ละรอบๆ ทุกข์ดับไปขณะหนึ่ง
พูดให้เข้าหลักก็ว่าแบบนี้

ตัวอย่างที่ผ่านมา เรากำหนดตามนั้น จึงจบลงทีละเปลาะๆ แต่ก็ยังมีอีกมากที่จะต้องฟันฝ่าต่อไป

หากจะเปรียบก็เหมือนการเดินทาง พบเห็นสิ่งนี้ๆ พอรู้ผ่านไป เดินต่อไปอีกก็ประสบพบเห็นสิ่งอื่นอีก
ซึงไม่เหมือนเดิม อาจยากกว่าเดิม อาจงง แต่เมื่อกำหนดรู้ตามที่เห็นที่เป็นแล้ว สุดท้ายก็ผ่าน แต่อาจต้องกำหนดหลายหนก็เป็นได้

คห.นี้พูดคลุมภาคปฏิบัติ หรือ ภาคจิตภาวนาทั้งหมดแล้ว

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2009, 21:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 21:22
โพสต์: 264

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณกรัชกายคะ

วันนี้ตอนเย็นนั่งสมาธิ กำหนดพองหนอ ยุบหนอ นั่งหนอ ต่อมาลมหายใจสั้นขึ้นก็กำหนดเฉพาะพอง ยุบ นั่ง แต่ช่วงที่ไม่รู้สึกว่าหายใจก็กำหนดเฉพาะนั่งหนอพร้อมกับสังเกตดูพองยุบด้วย ตามคำแนะนำของคุณกรัชกายเมื่อหลายวันก่อน ช่วงที่ไม่รู้สึกว่าหายใจจึงกำหนดนั่งหนอและสังเกตดูพองยุบนั้น เพิ่งรู้วันนี้เองว่าพองยุบกลับมาจริง ๆ (เพราะก่อนหน้านี้มักลืมสังเกตพองยุบ) จึงกำหนดพองหนอ ยุบหนอ นั่งหนอต่อประมาณ 5-6-7 ครั้ง ก็รู้สึกว่าไม่หายใจอีก ก็กำหนดนั่งหนออย่างเดียวอีกจนพองยุบกลับมา เป็นอย่างนี้ประมาณ 4-5 รอบ แล้วมีแว้บขึ้นมาเองว่า "เออ มันก็คืน ๆ หาย ๆ" แล้วแว้บหายไปอย่างเร็วเลยค่ะ หลังจากนั้นก็คิดต่อเองว่า มิน่าล่ะ! ตรงกับที่คุณกรัชกายแนะนำเลย แล้วก็หมดเวลานั่งพอดี


tongue

.....................................................
"เราไม่สรรเสริญแม้แต่ความตั้งอยู่ได้ในกุศลธรรมทั้งหลาย ไม่ต้องพูดถึงความเสื่อมถอยจากกุศลธรรมทั้งหลาย
เรายกย่องสรรเสริญอย่างเดียว แต่ความก้าวหน้าต่อไปในกุศลธรรมทั้งหลาย"

(องฺ. ทสก. ๒๔/๕๓/๑๐๑)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ส.ค. 2009, 14:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ส.ค. 2009, 14:30
โพสต์: 13

แนวปฏิบัติ: ดูจิต และ ดูลม
สิ่งที่ชื่นชอบ: เสียดาย..คนตายไม่ได้อ่าน ของ คุณดังตฤณ
ชื่อเล่น: แมงปอ
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พระบอกว่า เป็นอะไรก็ให้รู้ รู้สึกอะไรก็ให้รู้ค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ส.ค. 2009, 15:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 21:22
โพสต์: 264

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณกรัชกายไม่สบายหรือเปล่าคะ :b5: ปกติเห็นทุกวันเลย

.....................................................
"เราไม่สรรเสริญแม้แต่ความตั้งอยู่ได้ในกุศลธรรมทั้งหลาย ไม่ต้องพูดถึงความเสื่อมถอยจากกุศลธรรมทั้งหลาย
เรายกย่องสรรเสริญอย่างเดียว แต่ความก้าวหน้าต่อไปในกุศลธรรมทั้งหลาย"

(องฺ. ทสก. ๒๔/๕๓/๑๐๑)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ส.ค. 2009, 15:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b4: :b5: :b6:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ส.ค. 2009, 16:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รินรส เขียน:
คุณกรัชกายไม่สบายหรือเปล่าคะ :b5: ปกติเห็นทุกวันเลย


มีไข้นิดหน่อยครับ


อ้างคำพูด:
วันนี้ตอนเย็นนั่งสมาธิ กำหนดพองหนอ ยุบหนอ นั่งหนอ ต่อมาลมหายใจสั้นขึ้นก็กำหนดเฉพาะพอง ยุบ นั่ง แต่ช่วงที่ไม่รู้สึกว่าหายใจก็กำหนดเฉพาะ
นั่งหนอ พร้อมกับสังเกตดูพองยุบด้วย ตามคำแนะนำของคุณกรัชกายเมื่อหลายวันก่อน ช่วงที่ไม่รู้สึกว่าหายใจจึงกำหนดนั่งหนอและสังเกตดูพองยุบนั้น เพิ่งรู้วันนี้เองว่าพองยุบกลับมาจริง ๆ (เพราะก่อนหน้านี้มักลืมสังเกตพองยุบ) จึงกำหนดพองหนอ ยุบหนอ นั่งหนอ ต่อประมาณ 5-6-7 ครั้ง
ก็รู้สึกว่าไม่หายใจอีก ก็กำหนดนั่งหนออย่างเดียวอีก จนพองยุบกลับมา เป็นอย่างนี้ประมาณ 4-5 รอบ



ระยะนี้ไม่มีไฟล์ขยะ พึงตามดูรู้ทันนามรูปตามวิธีนั้นต่อไป


อ้างคำพูด:

แล้วมีแว้บขึ้นมาเองว่า "เออ มันก็คืน ๆ หาย ๆ" แล้วแว้บหายไปอย่างเร็วเลยค่ะ หลังจากนั้นก็คิดต่อเองว่า มิน่าล่ะ! ตรงกับที่คุณกรัชกายแนะนำเลย แล้วก็หมดเวลานั่งพอดี



กำหนดความคิดแว้บเสียด้วย เมื่อเกิดเร็ว ดับเร็ว กำหนดเพียง “รู้” แว้บเดียว (คือ รู้ ที่คิดอย่างนั้น)
หรือ “รู้หนอ” แล้วกำหนดนาม กับ รูป ตามที่มันเป็นต่อไป


ก่อนหน้าคุณรินว่า กำหนด นั่งหนอ ไม่ได้ ตอนนี้ได้แล้วหรือครับ
แล้วที่ว่า ปวดหัว กำหนดแล้วเหมือนมากขึ้น ตอนนี้เป็นไงบ้าง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ส.ค. 2009, 18:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 21:22
โพสต์: 264

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบพระคุณค่ะคุณกรัชกาย :b8:


กรัชกาย เขียน:
ก่อนหน้าคุณรินว่า กำหนด นั่งหนอ ไม่ได้ ตอนนี้ได้แล้วหรือครับ
แล้วที่ว่า ปวดหัว กำหนดแล้วเหมือนมากขึ้น ตอนนี้เป็นไงบ้าง[/color]




กำหนดนั่งหนอได้แล้วค่ะ แบบพองหนอ+ยุบหนอ+นั่งหนอ การกำหนดนั่งหนอแบบนี้ไม่ได้หายใจใหม่ แต่นึกแว้บหนึ่ง+กำหนดตามที่คุณกรัชกายเคยแนะนำ และลองกำหนดดูตอนที่ยังไม่ได้ปฏิบัติ ส่วนกำหนดนั่งหนออย่างเดียวเพราะไม่มีพองยุบก็คอยสังเกตดูพองยุบ เมื่อพองยุบคืนพองหนอ+ยุบหนอ+นั่งหนอต่อ

ส่วนเรื่องปวดหัว ปวดแค่วันแรกวันเดียวค่ะ วันต่อมาจากที่เคยไม่สบายก็เกือบหายเป็นปกติ มีแรงมากขึ้นแต่ยังไม่เท่ากับปกติ และมีไข้ แต่ไม่ปวดหัว เลยไม่รู้ว่าถ้ากำหนดปวดหนออีกจะเป็นยังไงค่ะ ที่หายไป 2 วันนี่ฟุ้งซ่านมากเลยเหมือนตอนเริ่มปฏิบัติใหม่ ๆ กว่าจะสงบได้ก็เกือบหมดเวลา ฟุ้งซ่านเฉย ๆ ไม่มีอย่างอื่นค่ะ (มีเรื่องให้กังวลค่ะ)


ขออนุญาตเพิ่มเรื่องนะคะ :b16: :b10:

เมื่อวานตอนที่กำหนดนั่งหนออย่างเดียวและคอยสังเกตพองยุบ ตอนที่พองยุบยังไม่คืน ก็กำหนดจิตที่ท้อง เห็นในท้องตัวเองเป็นโพรงมืดและอวัยวะภายใน กำหนดเห็นหนอประมาณ 3 ครั้ง แล้วส่วนที่ถูกเห็นก็ขยายขึ้นมาจนถึงไหล่ จากนั้นส่วนที่ถูกเห็นก็ขยายจากท้องลงไปยังขา ไม่ได้เห็นอวัยวะภายในชัดเจนเลยอธิบายไม่ได้ว่าอวัยวะใดเป็นยังไง บางทีก็เหมือนเห็นแค่ทะลุเสื้อผ้าเท่านั้นเอง คือเห็นเนื้อหนังตรงส่วนท้อง และเห็นว่าตอนนี้ขาเรียงกันคล้ายนั่งขัดสมาธิ (ใส่กระโปรงค่ะ) ทุกครั้งที่พองยุบหายจะเป็นอย่างงี้ แต่ครั้งหลัง ๆ เห็นชัดน้อยกว่าครั้งแรกค่ะ

เรื่องแว้บความคิด วันที่คุณกรัชกายปิดกระทู้ "อิริยาบถนั่งสำหรับฝึกอบรมจิต" ขณะที่หนูกำลังพิมพ์ขอบคุณคุณกรัชกายกับคุณวลัยพรอยู่ รู้สึกใจหายและคิดว่ากระทู้ก็มีวันปิดเนาะ ก็มีแว้บขึ้นมาว่า "เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป" รู้สึกว่าไม่ใช่แบบการปิ๊งไอเดียตอนคิดหาทางแก้ปัญหา แต่ไม่รู้จะอธิบายยังไงค่ะ แบบนี้ (ไม่ได้อยู่ในระหว่างการปฏิบัติ) มีหลายครั้งแต่นึกไม่ออกค่ะ และในชีวิตประจำวันถ้าเผลอไม่กำหนดจิตตามการกระทำ ความคิด อารมณ์ เดี๋ยวนี้จะนึกได้เร็วขึ้นว่าเผลอ หรือบางครั้งจะมีแว้บขึ้นมาว่า "ซ้าย" ทั้งที่ยังไม่ได้ยกเท้าเลย เรื่องแว้บนี่ ทั้งที่เกิดในสมาธิและชีวิตประจำวันคืออย่างเดียวกันไหมคะ

.....................................................
"เราไม่สรรเสริญแม้แต่ความตั้งอยู่ได้ในกุศลธรรมทั้งหลาย ไม่ต้องพูดถึงความเสื่อมถอยจากกุศลธรรมทั้งหลาย
เรายกย่องสรรเสริญอย่างเดียว แต่ความก้าวหน้าต่อไปในกุศลธรรมทั้งหลาย"

(องฺ. ทสก. ๒๔/๕๓/๑๐๑)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ส.ค. 2009, 19:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


รินรส เขียน:
ขอบพระคุณค่ะคุณกรัชกาย :b8:
เรื่องแว้บความคิด วันที่คุณกรัชกายปิดกระทู้ "อิริยาบถนั่งสำหรับฝึกอบรมจิต" ขณะที่หนูกำลังพิมพ์ขอบคุณคุณกรัชกายกับคุณวลัยพรอยู่ รู้สึกใจหายและคิดว่ากระทู้ก็มีวันปิดเนาะ





ไม่มีอะไรหรอกค่ะคุณริน ส่วนมากพอกระทู้ยาวเกิน คุณกรัชกายก็จะปิดกระทู้นั้นๆค่ะ

ที่มาช่วยตอบให้แบบนี้ เพราะส่วนมากจะเห็นคุณกรัชกายทำแบบนั้นจริงๆ :b9:

หากคุณรินยังมีข้อสงสัยตรงไหนอยู่ คุณก็เพียงตั้งกระทู้ขึ้นมาใหม่ได้ค่ะ

ว่าสนทนากับคุณกรัชกาย เท่านี้เองค่ะ :b12:

เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปค่ะ :b8:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ส.ค. 2009, 20:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
เมื่อวานตอนที่กำหนดนั่งหนออย่างเดียวและคอยสังเกตพองยุบ ตอนที่พองยุบยังไม่คืน ก็กำหนดจิตที่ท้อง เห็นในท้องตัวเองเป็นโพรงมืดและอวัยวะภายใน กำหนดเห็นหนอประมาณ 3 ครั้ง
แล้วส่วนที่ถูกเห็นก็ขยายขึ้นมาจนถึงไหล่ จากนั้นส่วนที่ถูกเห็นก็ขยายจากท้องลงไปยังขา ไม่ได้เห็นอวัยวะภายในชัดเจนเลยอธิบายไม่ได้ว่าอวัยวะใดเป็นยังไง บางทีก็เหมือนเห็นแค่ทะลุเสื้อผ้าเท่านั้นเอง คือเห็นเนื้อหนังตรงส่วนท้อง และเห็นว่าตอนนี้ขาเรียงกันคล้ายนั่งขัดสมาธิ (ใส่กระโปรงค่ะ) ทุกครั้งที่พองยุบหายจะเป็นอย่างงี้ แต่ครั้งหลัง ๆ เห็นชัดน้อยกว่าครั้งแรกค่ะ



ตอนที่พองยุบยังไม่คืน ก็กำหนดจิตที่ท้อง เห็นในท้องตัวเองเป็นโพรงมืดและอวัยวะภายใน กำหนดเห็นหนอประมาณ 3 ครั้ง แล้วส่วนที่ถูกเห็นก็ขยายขึ้นมาจนถึงไหล่ จากนั้นส่วนที่ถูกเห็นก็ขยายจากท้องลงไปยังขา



ไม่เสียหายอะไรขอรับ -(ยังมีอารมณ์สมถะอยู่บ้าง (พูดให้ฟังเฉยๆ อย่าคิดมากเรื่องศัพท์) กำหนดเห็นหนอ นั่งหนอ แล้วจะเลื่อนขึ้นสู่วิปัสสนาได้ ที่ขีดเส้นใต้ กำลังจะคืนเป็นอารมณ์ปกติ)


อ้างคำพูด:
เรื่องแว้บความคิด วันที่คุณกรัชกายปิดกระทู้ "อิริยาบถนั่งสำหรับฝึกอบรมจิต" ขณะที่หนูกำลังพิมพ์ขอบคุณคุณกรัชกายกับคุณวลัยพรอยู่ รู้สึกใจหาย และ คิดว่า กระทู้ก็มีวันปิดเนาะ ก็มีแว้บขึ้นมาว่า "เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป" รู้สึกว่า ไม่ใช่แบบการปิ๊งไอเดียตอนคิดหาทางแก้ปัญหา แต่ไม่รู้จะอธิบายยังไงค่ะ แบบนี้ (ไม่ได้อยู่ในระหว่างการปฏิบัติ) มีหลายครั้ง แต่นึกไม่ออกค่ะ

และในชีวิตประจำวัน ถ้าเผลอไม่กำหนดจิตตามการกระทำ ความคิด อารมณ์ เดี๋ยวนี้จะนึกได้เร็วขึ้นว่าเผลอ หรือบางครั้งจะมีแว้บขึ้นมาว่า "ซ้าย" ทั้งที่ยังไม่ได้ยกเท้าเลย เรื่องแว้บนี่ ทั้งที่เกิดในสมาธิและชีวิตประจำวันคืออย่างเดียวกันไหมคะ



เมื่อกุศลธรรมมีสติปัญญา เป็นต้น เจริญขึ้นก็เป็นอย่างนั้นเองไม่แปลกอะไร
อีกทั้งคุณเริ่มได้รับผลจากการฝึกจิตหรือจากการปฏิบัติบ้างแล้ว

กำลังปฏิบัติก็ดี เลิกปฏิบัติแล้วมาใช้ชีวิตประจำวันก็ดี ก็คือคนๆ เดียวกัน ชีวิตเดียวกันครับ ใครฝึกคนนั้น
ก็รับผลจากการฝึกเองทั้งยามหลับยามตื่น ธรรมะคือสติปัญญาจะรักษา (จะช่วย) ผู้ฝึกผู้ปฏิบัติเอง

ต่อๆไปคุณสังเกต เมื่อมีปัญหาให้คิดให้แก้ สติปัญญาจะเกิดแวบทำหน้าที่ของมัน จนตนเองคิดไม่ถึง
ไม่มีอะไรเสียหายขอรับ ไม่ต้องตกใจ

กำหนดนามรูปแต่ละขณะๆต่อไป :b8:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ส.ค. 2009, 07:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ส่วนเรื่องปวดหัว ปวดแค่วันแรกวันเดียวค่ะ วันต่อมาจากที่เคยไม่สบายก็เกือบหายเป็นปกติ มีแรงมากขึ้นแต่ยังไม่เท่ากับปกติ และมีไข้ แต่ไม่ปวดหัว เลยไม่รู้ว่าถ้ากำหนดปวดหนออีกจะเป็นยังไงค่ะ ที่หายไป 2 วันนี่ฟุ้งซ่านมากเลยเหมือนตอนเริ่มปฏิบัติใหม่ ๆ กว่าจะสงบได้ก็เกือบหมดเวลา ฟุ้งซ่านเฉย ๆ ไม่มีอย่างอื่นค่ะ (มีเรื่องให้กังวลค่ะ)



และมีไข้ แต่ไม่ปวดหัว เลยไม่รู้ว่า ถ้ากำหนดปวดหนออีกจะเป็นยังไงค่ะ



ขั้นแรกต้องรู้ก่อนว่า ปวดนี้เกิดจากเหตุใด เกิดจากไข้ก็ต้องกินยาก่อน
เมื่อกินยาแล้ว หากต้องการภาวนาต่อ เมื่อไม่รู้สึกปวดก็ไม่ต้องทำอะไร
เมื่อรู้สึกปวดจึง กำหนด “ปวดหนอๆๆ” (= เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน)
กำหนดรู้ตามนั้นแล้วปล่อย ดึงสติสัมปชัญญะเป็นต้น มาเกาะจับที่ท้องพองท้องยุบ ซึ่งเป็นองค์กรรมฐาน
ภาวนา พองหนอ ยุบหนอ ต่อไป
และแล้ววันหนึ่ง เมื่อสติปัญญาสมาธิ เป็นต้น กล้าแข็งขึ้น ใจจะคุมกายได้


ฟุ้งซ่านก็เช่นกัน “ฟุ้งซ่านหนอๆ” กำหนดแล้วปล่อย เอาสติเกาะจับพองยุบภาวนาไป
ฟุ้งอีกกำหนด “ฟุ้งซ่านหนอ” อีก

เรื่องกังวลในชีวิตประจำวันหรือครับ ถ้าประเด็นนี้ มีด้วยกันทุกคน เมื่อรู้ดังนี้แล้ว พึงฝึกจิตให้เหมือนลิ้นชัก
ต้องการเปิด-ปิดชั้นไหนก็สามารถเปิด-ปิดตามต้องการ คือว่า เมื่อต้องการกำหนดรู้นามรูปแล้ว ก็มีแต่นามกับรูป ขณะนั้นๆ เป็นอารมณ์กำหนดไปตามนั้น คือ ตามที่มันเป็น ปิดชั้นที่กังวล (งานประจำ)ก่อน

หลังจากเลิกปฏิบัติแล้ว ค่อยขบคิดหาทางออกเรื่องที่กังวลนั้นด้วยสติปัญญาตามวิถีของมัน
ยากพอสมควร แต่ก็ค่อยฝึกค่อยหัดทำไป อยู่ที่การฝึกครับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 170 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6 ... 12  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 43 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron