วันเวลาปัจจุบัน 27 เม.ย. 2024, 02:35  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 22 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2009, 21:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หลังการ connect ก็มานั่งพิจารณาและมีคำถามค่อนข้างเยอะจึงได้สอบถามเพื่อน
เช่น
- มีการพูดถึงการ connect จริงๆเหรอในทางพุทธศาสนา
เพื่อนตอบว่ามีจริงๆ แต่ไม่ค่อยมีใครรู้
- แล้วแค่ connect แล้วไม่ต้องมีความเพียรในการปฏิบัติจะเพียงพอเหรอ
เพื่อนตอบว่า ถ้าเราลองทำไปแล้วเราจะรู้เองว่า มันไม่จำเป็นที่ต้องมานั่งปฏิบัติธรรม
และ เพื่อนยังบอกว่าอีกว่า อาจารย์เคยบอกเพื่อนว่า สิ่งที่เพื่อนเคยปฏิบัติตามหลัก
คุณแม่สิริ เกือบถูก แต่ไม่ถูก เพราะเป็นการฝืน บังคับ ไม่เป็นไปตามธรรมชาติ
เราก็เลยบอกว่า บางทีเราก็ควรจะต้องมีการปฏิบัติบ้างเพื่อสร้างจิตตัวเองให้เข้มแข็ง
คำตอบที่ได้คือ ลองไป connect บ่อยๆแล้วจะรู้เองว่า ไม่จำเป็น
- อาจารย์รู้ได้ยังไงว่าต้อง connect ยังไง ในเมื่อไม่มีใครรู้ถึงวิธีการนี้เท่าไหร่
อันนี้ก็ตอบแบบที่อาจารย์บอกว่า มีคนจากต่างประเทศมาบอก
- แล้วเราก็ถามต่อว่า แล้วคนจากต่างประเทศรู้ได้อย่างไร ว่าต้องมาบอกอาจารย์
อันนี้เพื่อนตอบไม่ได้
- แล้วทำไมในเมื่อเป็นวิธีการที่ดีทำไม ไม่ค่อยมีใครรู้ทั้งๆที่คนศีกษาพระไตรปิฎก
ก็มีไม่ใช่น้อย
เพื่อนตอบว่า เนื่องจากศาสนาพุทธในประเทศไทยเป็นแบบหินยาน ซึ่งเน้นการ
ปฏิบัติธรรมมากกว่าการ connect ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีใครรู้ และการ connect จะเป็นแบบ มหายานและขอให้เราเปิดใจ

เพื่อนบอกว่า ลองเปิดใจรับของใหม่ดู ในเมื่อของเก่าที่เรารู้มามันผิด ทำไมในเมื่อมีคนมาบอกวิธีการที่ถูกต้องแล้วไม่เปิดใจรับ เราจึงบอกเพื่อนว่าเราเปิดใจรับ แต่ก็อยาก ยอมรับอย่างมีเหตุ มีผล เข้าใจที่มาที่ไป เพื่อนบอกว่าเราว่าเราไม่ได้ connect เพื่อไปเป็นอาจารย์
บางครั้งถ้าเรานำผลมาใช้ได้ แล้วมีความสุขจะไปรู้ที่มาที่ไปทำไม

อันนี้เป็นเรื่องคร่าวๆที่ได้คุยกับเพื่อนหลังจากไป connect ครั้งแรกมา แต่ยังไม่ได้ไป
ครั้งที่สองนะคะ เนื่องจากไม่แน่ใจว่าแนวทางนี้เป็นทางที่ถูกต้องรึเปล่า แล้วทำไมเพื่อนเราเชื่อและศรัทธาได้มากๆขนาดนั้น เราเองไม่อยากไปหักหาญเพื่อนบอกว่าเราเชื่อ หรือไม่เชื่ออย่างไร แค่บอกว่าถ้าจะเชื่ออะไรก็ต้องมีเหตุผลที่มาที่ไปที่เราเข้าใจได้

เคยบอกเพื่อนด้วยว่าอยากเข้ามาสอบถามในลานธรรม เพราะมีผู้รู้มากมาย อาจจะทำให้เราคลายความสงสัยก็ได้ เพื่อนบอกว่าไม่อยากให้มาถามเพราะคิดว่าคงไม่มีใครตอบ
เราได้เนื่องจากเรื่องการ connect ไม่ค่อยมีใครรู้ มีอะไรสงสัยถามอาจารย์ดีกว่าแต่เราก็คิดว่าไม่เสียหายอะไรที่จะเข้ามาสอบถามผู้รู้ในนี้ และ แชร์ประสบการณ์ที่ได้พบมา

ไม่ทราบว่าพอจะมีใครทราบถึงวิธีการ connect นี้บ้างรึเปล่าคะ แล้วมันดีจริงๆหรือ

ยอมรับว่าตัวเองค่อนข้างไม่ค่อยเชื่อมากนัก แต่ก็ยังไม่อยากไม่เชื่อ 100% เนื่องจากมีความรู้เท่าหางอึ่ง จึงอยากสอบถามเพื่อนดูค่ะ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ค. 2009, 20:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




yenta4-emoticon-0021.gif
yenta4-emoticon-0021.gif [ 25.93 KiB | เปิดดู 2152 ครั้ง ]
คำโน้มน้าวชักชวนชักแม่น้ำทั้ง ๕ ของเจ้าลัทธิ ดังเช่น ตัวอย่าง ๒ คห.

ที่ผ่านมา เป็นการกล่าวตู่พระพุทธเจ้า เพื่อผลประโยชน์ทางวัตถุที่จะพึงได้จากศรัทธา

พุทธศาสนิกชน ผู้ห่างหลักธรรมคำสอน ดังนั้นขอเตือนสติศรัทธาสาธุชนผู้ใฝ่ธรรมปฏิบัติ ดังนี้



สัจธรรมเป็นกฎธรรมชาติ หรือ หลักความจริงที่มีอยู่โดยธรรมดา

พระพุทธเจ้า หรือ ศาสดามีฐานะเป็นผู้ค้นพบหลักความจริงนั้น แล้วนำมาเปิดเผยแก่ผู้อื่น

การได้รับผลจากการปฏิบัติ เป็นเรื่องของความเป็นไปอันเที่ยงธรรม ตามเหตุปัจจัยในธรรมชาติ

ศาสดามิใช่ผู้บันดาล เมื่อเป็นเช่นนี้ ทุกคนจึงจำเป็นต้องเพียรพยายามสร้างผลสำเร็จด้วยเรี่ยวแรง

ของตน ไม่ควรคิดหวังผลและอ้อนวอนขอผลที่ต้องการโดยไม่กระทำ

และพึงมองเข้ามาที่กายใจตนเอง

ดังหลักที่ว่า

“ตุมฺเหหิ กิจฺจํ อาตปฺปํ อกฺขาตาโร ตถาคตา -

ความเพียร ท่านทั้งหลายต้องทำเอง ตถาคตทั้งหลายเป็นแต่ผู้บอกทางให้”


ขุ.ธ. 25/30/51

:b43: :b43: :b43: :b43: :b43: :b43: :b43: :b43: :b43: :b43: :b43:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 08 ต.ค. 2009, 21:29, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2009, 12:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


อาการดังกล่าวเป็นสภาวะธรรมที่มาปรากฏ...มีวิตก มีวิจารณ์ แต่ผู้ปฏิบัติไม่กำหนดรู้เหตุ จึงติดเป็นตัณหาอุปปาทาน

วิธีแก้ก็หยุดทำซะบ้างก็ได้ครับ...เวทนามันมากนักก็เพลาๆลงบ้าง เปลี่ยนมาทำทาน รักษาศีล แล้วก็ทำใจสบายๆดูศีลให้บริสุทธิ์ก็พอครับ....แล้วเดี๋ยวศีลจะส่งเสริมเองครับ :b1:

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ค. 2009, 14:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 เม.ย. 2009, 13:23
โพสต์: 607


 ข้อมูลส่วนตัว




374.jpg
374.jpg [ 42.7 KiB | เปิดดู 2262 ครั้ง ]
กรัชกาย เขียน:
ที่บอร์ดหนึ่ง มีผู้ตั้งกระทู้ถาม อ่านแล้วจับความได้ว่า ไปปฏิบัติกรรมฐานจากสำนักมีชื่อแห่งหนึ่งแล้ว
มีอาการร้อนตามร่างกาย มีปวดหัวเป็นต้นร่วมด้วยนับเวลาเป็นปีๆ แล้ว
ที่สำคัญยังขาดอุบายวิธีปฏิบัติเพื่อให้ล่วงพ้นจากทุกขเวทนาเช่นว่านั้น :b7:

ติดตามอ่านคำบอกเล่าจากเจ้าของเรื่องเอง :b42:

:b1:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ค. 2009, 19:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ
:b44: ขอศึกษาก่อนนะคะ ไม่มีคำถามค่ะ :b44:

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ค. 2009, 17:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว



ผู้เข้าใจการการปฏิบัติผิด นอกจากไม่ประสบผลสำเร็จแล้ว ยังก่อทุกข์สร้างโทษให้แก่ตนเอง

เพราะเป็นอัตตกิลมถานุโยค

รายนี้ก็แนะนำเขาผิด สอนให้เขานั่งกรรมฐาน ๖ ชม. ติดต่อกัน โดยไม่เปลี่ยนอิริยาบถ เพื่อต้องการดู

เวทนา

ดูที่เขาแนะนำไว้ตอนหนึ่ง





เมื่อปีที่แล้ว มีพระอาจารย์จากเมืองไทย ท่านเมตตามาสอนและชักชวนญาติโยม
ที่วัดไทยที่นี่ มานั่งสมาธิภาวนาติดต่อกัน ๖ ชม เพื่อดูเวทนา

ส่วนตัวเอง ได้มีโอกาสไปร่วมนั่งภาวนาด้วยหลายครั้งอยู่ เพราะทนท่านชักชวนไม่ไหว
แม้รู้ว่า ตัวเองยังไม่เกร่งพอ ที่จะเจริญกรรมฐานแนวเวทนา
ฯลฯ
แล้วในครั้งสุดท้าย หลังจากรายงานผลท่าน
ท่านก็กำชับว่า ให้ไปปฎิบัติต่อ ให้ลองนั่งโดยไม่เปลี่ยนท่าทางให้ได้ ๖ ชม.
ตัวเองก็อิดออด
ท่านเลยเทศนาสอนสั่งโดนจิตโตนใจตัวเอง เรื่องความเหลาะแหละโลเล ไม่สู้ของตัวเอง
แล้วเตือนว่า อย่าประมาท ให้ไปภาวนาต่อ เอาให้ได้ภายใน ๓ เดือน

http://larndham.net/index.php?showtopic=35464

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ค. 2009, 18:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




m208037.jpg
m208037.jpg [ 68.98 KiB | เปิดดู 2151 ครั้ง ]
ท่านเจ้าคุณพระพรหมคุณาภรณ์ปรารภว่า การเจริญวิปัสสนา ตามแนวปฏิบัติปัฏฐาน

เป็นที่รู้จักและเป็นที่นิยมกันมาก แต่ก็มีความเข้าใจไขว่เขวกันอยู่มากเช่นกัน

viewtopic.php?f=2&t=21861


การปฏิบัติธรรมแนวสติปัฏฐาน มิใช่แยกทำทีละข้อๆ หรือ เลือกเอาข้อใดที่ตนพอใจไปทำ

ท้ายๆ ลิงค์นั้นมีแนะนำวิธีไว้

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 08 ต.ค. 2009, 21:31, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 22 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 48 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร