ข้อเตือนใจเพื่ออนาคต


“หญิง ชาย คฤหัสถ์ บรรพชิต ควรพิจารณาเนืองๆว่า เรามีกรรมเป็นของตน เป็นผู้รับผลของกรรม

มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่อาศัย เราทำกรรมอันไว้ ดีก็ตาม ชั่วก็ตาม

เราจักได้รับผลของกรรมนั้น”

(องฺ.ปญูจก.22/57/82)

“ถ้าท่านกลัวทุกข์ ก็อย่าทำกรรมชั่วทั้งในที่ลับที่แจ้ง ถ้าท่านจักทำ หรือทำอยู่ ซึ่งกรรมชั่ว

ถึงแม้จะเหาะหนีไป ก็ย่อมไม่พ้นจากความทุกข์ได้เลย”

(ขุ.อุ.25/115/150)

“ธัญชาติ ทรัพย์สิน เงินทอง หรือสิ่งของที่หวงแหนอย่างใดอย่างหนึ่งที่มีอยู่ ทาส กรรมกร คนงาน

คนอาศัย พึ่งพาเอาไปไม่ได้ทั้งสิ้น จะต้องถูกละทิ้งไว้ทั้งหมด”

“แต่บุคคลทำกรรมใด ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ กรรมนั้นแหละเป็นของของเขาและเขาย่อมพา

เอากรรมนั้นไป อนึ่งกรรมนั้น ย่อมติดตามเขาไปเหมือนเงาติดตามตนฉะนั้น”


“ฉะนั้น บุคคลควรทำความดี สั่งสมสิ่งที่จะเป็นประโยชน์ภายหน้า ความดีทั้งหลายย่อมเป็นที่พึ่งของสัตว์

ในปรโลก”

(สํ.ส.15/392/134)

หยิบมาปัดฝุ่นหรือ....เจ้าคะ

ของลายคราม...

ลงค้างไว้หลายกระทู้นี่ก็หนึ่งในนั้น เพราะตอนนั้นนึกท้อว่า โอ้ยากๆ เข้าใจยากๆ ก็หมดแรงหยุดทิ้งร้างไป

ต่อๆมามีการโต้แย้งกันพาดพิงถึงข้อนั้นๆ หรือ ได้น้ำเลี้ยง คือ มีคนสนใจถามไถ่ก็มีแรงพิมพ์อีก

แต่จบตอนแล้วล่ะครับ

กรรมนั้นเป็นอนัตตา วิบากกรรมก็เป็นอนัตตา แม้แต่กฎแห่งกรรมก็เป็นอนัตตา

ผมหมายความว่า กรรม, วิบากกรรม และกฎแห่งกรรม เป็นอนัตตา เพราะมันไม่เที่ยง และแปรปรวนเป็นธรรมดา ถ้ามันเที่ยง และไม่แปรปรวนเป็นธรรมดา มันก็กลายเป็นพรหมลิขิต เป็นพระเจ้าลิขิต เราจะลิขิตชีวิตของตนเองไม่ได้

ขงจื๊อ กล่าวว่า แม้ฟ้าจะกำหนดชะตาชีวิตของเรายังไงก็ตาม แต่เราก็สามารถเปลี่นแปลงลิขิตฟ้านั้นได้ด้วยตัวเอง..ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน

ก็เหมือนโลกเรามีแรงโน้มถ่วง..แรงโน้มถ่วงกระทำกับทุกวัตถุในรัศมีที่มันมีอิทธิพลไปถึง..ยึดสิ่งนั้น ๆ ให้อยู่กับโลก

หากวัตถุธาตุใดพ้นจากรัศมีโลก..แรงโน้มถ่วงแม้ยังมีอยู่..แต่ก็ไม่มีผลกับวัตถุธาตุนั้น ๆ อีก

ดังนั้นการจะมองว่าแรงโน้มถ่วงเป็น..อัตตา..หรือ..อนัตตา..จึงอยู่ที่ว่า..เรามองมันจากตำแหน่งไหน?

เรื่องกรรมก็เช่นเดียวกัน

ต่อ (10)

viewtopic.php?f=4&t=29676&p=179296#p179296