วันเวลาปัจจุบัน 22 ก.ค. 2025, 11:44  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 284 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 7, 8, 9, 10, 11, 12, 13 ... 19  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ค. 2014, 13:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


idea เขียน:
วันนี้ตั้งแต่เริ่มหลับตากำหนดลมหายใจ ไม่ฟุ้งซ่าน ตั้งมั่นได้ไปเรื่อยๆ
รู้ลมละเอียดมากขึ้นๆ ไม่มีความกลัวแวบเข้ามาเลย
สักพักลมเบาลงมากๆเกิดความสุขเด่นชัด จนรู้สึกว่ากายยิ้ม ยิ้มกว้างผ่อนคลายมากๆ
รู้สึกคลอเคลียอยู่ในอารมณ์นี้นานมาก กายเริ่มโคลงเคลงเบาๆไปทางซ้ายบ้างขวาบ้าง
แสงสว่างจ้าขึ้นเรื่อยๆ สลับกับอาการเหมือนทุกอย่างมันหยุดแบบนิ่งไม่ขยับเขยื้อน แต่เป็นแบบสัมผัสแล้วหลุด
แวบไปแวบมา
สรุปการทำสมาธิวันนี้แม้ออกมาแล้วตอนนี้ ยังรู้สึกสบาย ลมหายใจเบา อิ่มใจ
ถามนะคะ ทำไมช่วงหลังทำสมาธิแล้วไม่เกิดปิติ ไม่เป็นไรหรือคะ

ไม่เป็นไรครับ. ถูกต้องแล้วครับ
ไว้ตอนทำบทศึกษาเกี่ยวกับปิติ ค่อยสนทนากันในเรื่องนี้ต่อ

ตอนนี้ คุณ Idea เรียนรู้จัก การประคองจิต สติ สัมปชัญญะ อยู่ครับ.
อย่าเพิ่งใส่ใจต่อความรู้สึกอื่นใด นอกจากรู้ลมครับ
ไม่ใช่ว่าไม่รู้ความรู้สึกอื่นใดนะครับ รู้แต่ยังไม่ใส่ใจครับ แล้วความรู้สึกอื่นนั้นก็คลายไปเอง
เพราะ คุณ Idea ทำความรู้สึกที่ลมเข้าลมออกอย่างแน่วแน่อยู่ครับ.

ยินดีด้วยครับที่ผ่านได้วันหนึ่งแล้ว
พอมั่นคง สติสัมปชัญญะ สมาธิมั่นคงจริงๆ แล้ว จิตก็จะมีกำลังเพียงพอในการทำความศึกษาต่อไป

เจริญธรรม

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ค. 2014, 14:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ย. 2010, 09:07
โพสต์: 761

แนวปฏิบัติ: อานาปาฯ
งานอดิเรก: ศึกษาพุทธธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม
ชื่อเล่น: ปลีกวิเวก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ยินดีเป็นอย่างยิ่งค่ะ..คุณ Idea

ถ้าเป็นสิ่งที่ปลีกวิเวกรู้ก็สามารถแนะนำได้ค่ะ...
ดูจากข้อมูลพื้นฐานที่คุณให้มาคุณก็เป็นคนที่มีสมาธิดีอยู่แล้วดังนั้นก็เอาจากจุดนี้มาพัฒนาต่อ
ฝึกให้มีสติและสัมปชัญญะ(สติคือระลึกได้สัมปชัญญะคือรู้ชัดในกิจที่ทำ) หลังจากนั้นก็พัฒนา
ต่อด้านปัญญา...
มีข้อแนะนำนิดหน่อย
-คุณต้องศึกษาปริยัติ(หลักการ) ควบคู่ไปกับการปฏิบัติ การต่อยอดด้านปัญญา
นั้นเป็นเรื่องที่ยาก คุณต้องเข้าใจในหลักการหรือเรียกว่ามีความรู้ในเรื่องจะที่ทำก่อนแล้วจึงค่อยเอาไปลงมือปฏิบัติ...
-ภาคปฏิบัติเกี่ยวกับเรื่องวิปัสสนาและสมถะต้องเข้าใจในหลักการปฏิบัติถ้าไม่เข้าใจพอลงมือปฏิบัติจริงจะเกิดความสับสนเนื่องจากแต่ละสำนักปฏิบัติไม่เหมือนกัน เช่นบางสำนักเน้นเอาสมาธิก่อนแล้วค่อยฝึกสติ บางสำนักเน้นฝึกสตินำไม่เน้นสมาธิ บางสำนักฝึกทั้งสติและสมาธิไปพร้อมกันเลยก็มี ดังนั้นถ้าเราเข้าใจก็จะไม่เป็นปัญหา

เจริญในธรรมค่ะ

.....................................................
วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน โส เสฏฺโฐ เทวมานุสเส
ผู้ถึงพร้อมด้วยความรู้คู่ความดี คือผู้ที่ประเสริฐสุดในหมู่มนุษย์และเทวดา
วรรคทอง วรรคธรรม โดยท่าน ว.วชิรเมธี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ค. 2014, 14:14 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:
ขอบคุณค่ะ อย่าเพิ่งทิ้งกันนะคะ ตอนนี้พร้อมทำความศึกษา น้อมใจรับฟัง
ส่วนหนึ่งของความเพียรครั้งนี้ คุณเช่นนั้นมีส่วนอยู่ด้วยนะคะ
วันนี้ทำบุญพระธาตุประจำปีเกิด กำลังครบวัดที่3 ขอน้อมนำบุญฝากทุกท่านด้วยนะคะ
tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ค. 2014, 14:26 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณปลีกวิเวก
ไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหนดีค่ะ มันก็สมควรอย่างยิ่งที่คุณปลีกวิเวกแนะนำ
แต่ความอยากลงมือปฏิบัติมันมากกว่ามากๆเลยค่ะ
เวลามีน้อยด้วย นี่แค่อยากจะทำสมาธิวันละรอบ ยังต้องคอยระวังรักษาให้ได้ มีลูกเล็กด้วยค่ะ
มีเรื่องยุ่งๆมากพอสมควร
และเคยอ่านดู เข้าใจยากค่ะ ควรเริ่มต้นตรงไหนคะ มีหนังสือขายเหรอ ศึกษายังไง s006


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ค. 2014, 17:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปลีกวิเวก เขียน:
-ภาคปฏิบัติเกี่ยวกับเรื่องวิปัสสนาและสมถะต้องเข้าใจในหลักการปฏิบัติถ้าไม่เข้าใจพอลงมือปฏิบัติจริงจะเกิดความสับสนเนื่องจากแต่ละสำนักปฏิบัติไม่เหมือนกัน เช่นบางสำนักเน้นเอาสมาธิก่อนแล้วค่อยฝึกสติ บางสำนักเน้นฝึกสตินำไม่เน้นสมาธิ บางสำนักฝึกทั้งสติและสมาธิไปพร้อมกันเลยก็มี ดังนั้นถ้าเราเข้าใจก็จะไม่เป็นปัญหา

เจริญในธรรมค่ะ

ภาคปฏิบัติในพรหมจรรย์คือพระศาสนานี้ คือสมถะและวิปัสสนา
หมายความว่า สมถะเด่นกว่าวิปัสสนา วิปัสสนาเด่นกว่าสมถะ หรือสมถะและวิปัสสนามีน้ำหนักเท่ากัน
เช่น :

ตั้งใจฟังธรรมเทศนาเพื่อให้เกิดปัญญา อย่างนี้ คือ สมถะเด่นกว่าวิปัสสนา
ด้วยเหตุว่าต้องมีสติตั้งใจมั่นเพื่อสดับธรรมเทศนา พิจารณาส่งจิตไปตามธรรมให้เกิดสุตตมยปัญญา

เมื่อมีสุตตมยปัญญา จิตน้อมไปในพระธรรมเทศนานำมาพิจารณาปฏิบัติเป็นสติ เป็นสมาธิ รักษาความเป็นปรกติของกายวาจา วิปัสสนาเด่นกว่าสมถะ.

มีความเพียร มีสติ มีสัมปชัญญะ จิตเป็นสัมมาสมาธิเพราะตั้งสงบอยู่ในภายใน ........
สมถะและวิปัสสนา มีกำลังเสมอกัน.
เพราะ ความเพียร สติ สมาธิ เป็นองค์ธรรมในสมาธิขันธ์ ส่วน สัมปชัญญะเป็นองค์ธรรมในปัญญาขันธ์.

สามตัวอย่างคร่าวๆ พอทำความเข้าใจ.
การแบ่งแต่ละสำนักนั้นเกิดขึ้นเอง เข้าใจเอาเอง โดยผู้ปฏิบัติไม่ได้วินิจฉัยถึงสภาพธรรม
สมถะและวิปัสสนา จึงเป็นมรรคสมังคีธรรม ที่ต่างก็เกื้อกูลกันส่งเสริมกันในพรหมจรรย์นี้.

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ค. 2014, 18:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ย. 2010, 09:07
โพสต์: 761

แนวปฏิบัติ: อานาปาฯ
งานอดิเรก: ศึกษาพุทธธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม
ชื่อเล่น: ปลีกวิเวก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
ปลีกวิเวก เขียน:
-ภาคปฏิบัติเกี่ยวกับเรื่องวิปัสสนาและสมถะต้องเข้าใจในหลักการปฏิบัติถ้าไม่เข้าใจพอลงมือปฏิบัติจริงจะเกิดความสับสนเนื่องจากแต่ละสำนักปฏิบัติไม่เหมือนกัน เช่นบางสำนักเน้นเอาสมาธิก่อนแล้วค่อยฝึกสติ บางสำนักเน้นฝึกสตินำไม่เน้นสมาธิ บางสำนักฝึกทั้งสติและสมาธิไปพร้อมกันเลยก็มี ดังนั้นถ้าเราเข้าใจก็จะไม่เป็นปัญหา

เจริญในธรรมค่ะ

ภาคปฏิบัติในพรหมจรรย์คือพระศาสนานี้ คือสมถะและวิปัสสนา
หมายความว่า สมถะเด่นกว่าวิปัสสนา วิปัสสนาเด่นกว่าสมถะ หรือสมถะและวิปัสสนามีน้ำหนักเท่ากัน
เช่น :

ตั้งใจฟังธรรมเทศนาเพื่อให้เกิดปัญญา อย่างนี้ คือ สมถะเด่นกว่าวิปัสสนา
ด้วยเหตุว่าต้องมีสติตั้งใจมั่นเพื่อสดับธรรมเทศนา พิจารณาส่งจิตไปตามธรรมให้เกิดสุตตมยปัญญา

เมื่อมีสุตตมยปัญญา จิตน้อมไปในพระธรรมเทศนานำมาพิจารณาปฏิบัติเป็นสติ เป็นสมาธิ รักษาความเป็นปรกติของกายวาจา วิปัสสนาเด่นกว่าสมถะ.

มีความเพียร มีสติ มีสัมปชัญญะ จิตเป็นสัมมาสมาธิเพราะตั้งสงบอยู่ในภายใน ........
สมถะและวิปัสสนา มีกำลังเสมอกัน.
เพราะ ความเพียร สติ สมาธิ เป็นองค์ธรรมในสมาธิขันธ์ ส่วน สัมปชัญญะเป็นองค์ธรรมในปัญญาขันธ์.

สามตัวอย่างคร่าวๆ พอทำความเข้าใจ.
การแบ่งแต่ละสำนักนั้นเกิดขึ้นเอง เข้าใจเอาเอง โดยผู้ปฏิบัติไม่ได้วินิจฉัยถึงสภาพธรรม
สมถะและวิปัสสนา จึงเป็นมรรคสมังคีธรรม ที่ต่างก็เกื้อกูลกันส่งเสริมกันในพรหมจรรย์นี้.



:b8: อนุโมทนาค่ะ ที่ช่วยอธิบายธรรม..ให้เข้าใจมากขึ้น

.....................................................
วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน โส เสฏฺโฐ เทวมานุสเส
ผู้ถึงพร้อมด้วยความรู้คู่ความดี คือผู้ที่ประเสริฐสุดในหมู่มนุษย์และเทวดา
วรรคทอง วรรคธรรม โดยท่าน ว.วชิรเมธี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ค. 2014, 19:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เย็นนี้นั่งหลับตาเริ่มกำหนดลมพร้อมกับนึกถึงคำที่คุณเช่นนั้นเอ่ยถึงเรื่องหลักของความกลัว เหมือนเตือนตัวเอง
พอรู้สึกเริ่มนึกวนไปวนมาก็ปล่อย จับแต่ลมหายใจ
เป็นไปได้คล่องดีมาก ไม่อึดอัด ไม่บังคับ ไม่กังวล เรื่องใดเลยในระหว่างนั้น
มีบ้างที่มีเรื่องใดๆแวบขึ้นมา แต่ก็ดับไปทันที ไม่ทำให้หวั่นไหว ที่สำคัญความกลัว ไม่มี
รู้แต่ลมที่ละเอียดมากขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกถึงร่างกายโปร่งโล่ง เหมือนไม่มีก็ไม่ใช่ เพราะเหมือนถูกยึดตึงไม่อยากเคลื่อนไหวขยับไปไหน มีความสบายจนอยากจะอยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆ
มีแต่รู้ลมเข้าออกเรื่อยๆ และทำต่อเนื่องได้เรื่อยๆแม้ว่าลมจะแผ่วลงมากๆจนจะไม่รู้สึก รวมเวลาปฏิบัติประมาณ30นาที ปกติไม่ได้ลงไว้ก็จะใช้เวลาประมาณนี้30-50นาที ต่อไปจะอธิษฐานด้วยค่ะ
:b1: :b1: :b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ค. 2014, 20:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


idea เขียน:
เย็นนี้นั่งหลับตาเริ่มกำหนดลมพร้อมกับนึกถึงคำที่คุณเช่นนั้นเอ่ยถึงเรื่องหลักของความกลัว เหมือนเตือนตัวเอง
พอรู้สึกเริ่มนึกวนไปวนมาก็ปล่อย จับแต่ลมหายใจ
เป็นไปได้คล่องดีมาก ไม่อึดอัด ไม่บังคับ ไม่กังวล เรื่องใดเลยในระหว่างนั้น
มีบ้างที่มีเรื่องใดๆแวบขึ้นมา แต่ก็ดับไปทันที ไม่ทำให้หวั่นไหว ที่สำคัญความกลัว ไม่มี
รู้แต่ลมที่ละเอียดมากขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกถึงร่างกายโปร่งโล่ง เหมือนไม่มีก็ไม่ใช่ เพราะเหมือนถูกยึดตึงไม่อยากเคลื่อนไหวขยับไปไหน มีความสบายจนอยากจะอยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆ
มีแต่รู้ลมเข้าออกเรื่อยๆ และทำต่อเนื่องได้เรื่อยๆแม้ว่าลมจะแผ่วลงมากๆจนจะไม่รู้สึก รวมเวลาปฏิบัติประมาณ30นาที ปกติไม่ได้ลงไว้ก็จะใช้เวลาประมาณนี้30-50นาที ต่อไปจะอธิษฐานด้วยค่ะ
:b1: :b1: :b1:

อนุโมทนา..... :b8:
อีกสักสองสามวัน ค่อยไปต่อในอานาปานสติสมาธิภาวนา ชั้นที่ 3 ครับ

รอให้คุณ idea ชำนิชำนาญ ในชั้นที่ 1-2 ไม่วอกแวกแน่แท้แล้วค่อยไปต่อนะครับ.

rolleyes rolleyes

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2014, 18:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


วันนี้ได้มีโอกาสนั่งสมาธิเกือบ6โมงเย็น
ทั้งหมดรวม30นาที รู้อยู่กับลม
ท้ายๆมีอาการรู้สึกคล้ายตัวขยายพองขี้นเรื่อยๆ เหมือนร่างกายจะปริ จนมือที่วางซ้อนกันอยู่ค่อยผละออกด้วย
แต่ก็ยังรู้ลมไม่ตามอาการ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2014, 19:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


idea เขียน:
วันนี้ได้มีโอกาสนั่งสมาธิเกือบ6โมงเย็น
ทั้งหมดรวม30นาที รู้อยู่กับลม
ท้ายๆมีอาการรู้สึกคล้ายตัวขยายพองขี้นเรื่อยๆ เหมือนร่างกายจะปริ จนมือที่วางซ้อนกันอยู่ค่อยผละออกด้วย
แต่ก็ยังรู้ลมไม่ตามอาการ

ดีแล้วครับ เป็นอาการปรกติที่จิตมีจิตเป็นอารมณ์ ถึงแม้ว่าจะรู้สึกว่ารู้ลมอยู่ก็ตาม
เพราะจิตหน่วงเอาองค์ฌาน เข้าเป็นอารมณ์ของจิตเต็มที่แล้วครับ

อาการตัวพองตัวแน่น ตัวลอย แขนขาเบา แขนลอย เป็นอาการของปิติสุข เนื่องด้วยกาย มีความรู้สึกร่วมกับทางกายปรากฏ

ให้ตามรู้ลมต่อไปครับ แต่เลื่อนองค์ฌาน โดยพิจารณาว่า อาการที่ปรากฏทางกายนั้นเป็นของหยาบ
มีความสุขอันละเอียดกว่านี้อยู่ โดยทำความไม่ใส่ใจต่ออาการทางกายนั้น ตามรู้ลมต่อไปด้วยความสุขทางใจครับ อาการตัวคับตัวพองก็จะคลายไปเอง.

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2014, 20:01 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:
ขอบคุณที่คอยติดตามชี้แนะค่ะ คุณเช่นนั้น
วันนี้เริ่มรู้สึกสบายกาย สบายใจ เวลาหยุดคิด หยุดพูด หยุดทำ เรื่องต่างๆประจำวัน
เริ่มจะระลึกรู้ลม เป็นอัตโนมัติ มีความพอใจที่จะทำอย่างนี้ เลยรู้สึกว่าอยู่อย่าง สุขใจค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2014, 22:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


idea เขียน:
:b8: :b8: :b8:
ขอบคุณที่คอยติดตามชี้แนะค่ะ คุณเช่นนั้น
วันนี้เริ่มรู้สึกสบายกาย สบายใจ เวลาหยุดคิด หยุดพูด หยุดทำ เรื่องต่างๆประจำวัน
เริ่มจะระลึกรู้ลม เป็นอัตโนมัติ มีความพอใจที่จะทำอย่างนี้ เลยรู้สึกว่าอยู่อย่าง สุขใจค่ะ

:b8:

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2014, 09:08 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อคืนลูกชายไม่สบาย ต้องตื่นหลายรอบ
รู้สึกได้ชัดเจน เหมือนว่าเราออกจากความสงบ ด้วยความตื่นพร้อม ไม่มีอาการงัวเงียเหมือนคนถูกปลุกให้ตื่น
พร้อมรับรู้ด้วยใจสงบ เบาสบาย
การกำหนดเข้าสมาธิก่อนนอน ยังไม่ค่อยทัน รู้ลมไม่นานก็หลับไปซะละ
แต่ก่อนที่เคยปฏิบัติ จะกำหนดทำสมาธิได้นานรู้ลมไปเรื่อยหากใจกายเบาสบาย ก็กำหนดแผ่เมตตาจึงหลับ
ต่างจากตอนนั่งสมาธิเกิดอารมหรืออาการใดก็ฟุ้งไปเรื่อย(ตอนนี้พอแยกแยะได้บ้างแล้วค่ะคุณเช่นนั้น :b12: )
มีอยู่คืนหนึ่งตื่นมากลางดึก ลุกมาเข้าห้องน้ำ สักพักถึงเริ่มสังเกตุได้ว่าไม่มีลมหายใจ
เป็นครั้งแรกครั้งเดียวที่สัมผัสได้ขนาดนั้น ไม่มีจริงๆนะ ก็เริ่มจากพยายสมสูดลมเข้า ก็ไม่ปรากฏว่าจะมี
ทำ3-4ครั้งเริ่มตกใจกลัว ก็เลยเหมือนจะดิ้นรนเอามากๆ เลย ถึงเริ่มรู้สึกมาทีละนิด จากละเอียดมาจนปกติ
อธิบายได้ใหมคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2014, 11:32 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


วันนี้ทำสมาธิ40นาที
รู้ลมได้สม่ำเสมอ
มีเรื่องอยากถามค่ะ
ตอนท้ายๆ รู้สึกถึงปิติ ตัวพองขยาย ก็พิจารณาว่าเป็นอาการทางกาย สักพักก็หยุดพร้อมอาการที่เหมือนนิ่งขึงทั้งลมด้วย แล้วก็ผ่อนคลายลมหายใจก็กลับมา ติดฟุ้งซ่านตัวไหนรึเปล่าคะ
ที่ทำก็รู้ลมไปเรื่อยมันหยุดก็หยุด มาก็มา รู้ที่ตรงนั้น
แต่ว่าจะวนเวียนแบบนี้ สงบไปสักพัก ปิติมาตัวสูงใหญ่บ้าง ร่างกายโคลงเคลง บ้าง ก็จะสังเกตุพิจารณาอาการทางกายไป ก็จะเกิดอาการนิ่งหยุด แต่ตรงนั้นสงบ สบายดีนะคะ วนไปมาอย่างนี้ นี่1ข้อนะคะ
อีกข้อหนึ่งมีอาการทางกายตรงท้องบิดเกร็งอย่างแรง ร่างกายเหมือนขยับดิ้นเวลาถูกมัดไว้หนะค่ะ
ตอนนี้พยายามรู้ลมไปด้วยไม่ถนัดดี ก็เลยปล่อยดูอาการทางกาย สักเดี๋ยวเดียวก็หายไป จึงกลับมารู้ตัวต่อ
Kiss


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2014, 12:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


idea เขียน:
เมื่อคืนลูกชายไม่สบาย ต้องตื่นหลายรอบ
รู้สึกได้ชัดเจน เหมือนว่าเราออกจากความสงบ ด้วยความตื่นพร้อม ไม่มีอาการงัวเงียเหมือนคนถูกปลุกให้ตื่น
พร้อมรับรู้ด้วยใจสงบ เบาสบาย
การกำหนดเข้าสมาธิก่อนนอน ยังไม่ค่อยทัน รู้ลมไม่นานก็หลับไปซะละ
แต่ก่อนที่เคยปฏิบัติ จะกำหนดทำสมาธิได้นานรู้ลมไปเรื่อยหากใจกายเบาสบาย ก็กำหนดแผ่เมตตาจึงหลับ
ต่างจากตอนนั่งสมาธิเกิดอารมหรืออาการใดก็ฟุ้งไปเรื่อย(ตอนนี้พอแยกแยะได้บ้างแล้วค่ะคุณเช่นนั้น :b12: )
มีอยู่คืนหนึ่งตื่นมากลางดึก ลุกมาเข้าห้องน้ำ สักพักถึงเริ่มสังเกตุได้ว่าไม่มีลมหายใจ
เป็นครั้งแรกครั้งเดียวที่สัมผัสได้ขนาดนั้น ไม่มีจริงๆนะ ก็เริ่มจากพยายสมสูดลมเข้า ก็ไม่ปรากฏว่าจะมี
ทำ3-4ครั้งเริ่มตกใจกลัว ก็เลยเหมือนจะดิ้นรนเอามากๆ เลย ถึงเริ่มรู้สึกมาทีละนิด จากละเอียดมาจนปกติ
อธิบายได้ใหมคะ

จิตฟลุ๊ค ละสุขทางใจได้ รู้ที่ตัวรู้เพียงอย่างเดียวได้ครับ
ไม่มีอะไรหรอกครับ เพียงแต่เราไม่ได้เข้าอัปนาได้โดยการกำหนดครับ
เลยตกใจสะดุ้งหลุดจากอัปนาแบบฟลุ๊คๆ กลับมาที่ปฐมฌานใหม่ครับ...
idea เขียน:
วันนี้ทำสมาธิ40นาที
รู้ลมได้สม่ำเสมอ
มีเรื่องอยากถามค่ะ
ตอนท้ายๆ รู้สึกถึงปิติ ตัวพองขยาย ก็พิจารณาว่าเป็นอาการทางกาย สักพักก็หยุดพร้อมอาการที่เหมือนนิ่งขึงทั้งลมด้วย แล้วก็ผ่อนคลายลมหายใจก็กลับมา ติดฟุ้งซ่านตัวไหนรึเปล่าคะ
ที่ทำก็รู้ลมไปเรื่อยมันหยุดก็หยุด มาก็มา รู้ที่ตรงนั้น
แต่ว่าจะวนเวียนแบบนี้ สงบไปสักพัก ปิติมาตัวสูงใหญ่บ้าง ร่างกายโคลงเคลง บ้าง ก็จะสังเกตุพิจารณาอาการทางกายไป ก็จะเกิดอาการนิ่งหยุด แต่ตรงนั้นสงบ สบายดีนะคะ วนไปมาอย่างนี้ นี่1ข้อนะคะ
อีกข้อหนึ่งมีอาการทางกายตรงท้องบิดเกร็งอย่างแรง ร่างกายเหมือนขยับดิ้นเวลาถูกมัดไว้หนะค่ะ
ตอนนี้พยายามรู้ลมไปด้วยไม่ถนัดดี ก็เลยปล่อยดูอาการทางกาย สักเดี๋ยวเดียวก็หายไป จึงกลับมารู้ตัวต่อ
Kiss

จิตมีจิตเป็นอารมณ์กลับไปกลับมาระหว่าง
จิตในทุติยฌาน กับ จิตในตติยฌานครับ
เพราะไม่รู้สึกตัวว่า จิตหน่วงจิตใดเป็นอารมณ์ จึงวิ่งกลับไปกลับมาครับ

ต่อไป คุณ idea พอจิตละปิติสุขทางกาย
ก็หน่วงเอาเฉพาะสุขทางใจไว้
แล้วจากนั้น หน่วงด้วยความรู้สึกที่สุขนั้น ลมหายใจจะยังคงปรากฏอยู่ครับ
กายจะแน่นจะหนักในความรู้สึก เพราะสุขทุกข์ทางกายไม่ปรากฏ
รู้ไปเรื่อยๆ แล้ววางเฉยในความรู้สุขทางใจ
จิตจะมีจิตรู้อยู่อย่างนั้นเพราะอุเบกขา เพราะไม่ใส่ใจความสุขทางใจแล้วครับ
อะไรเกิดขึ้นก็ไม่ต้องตกใจ ให้รู้สึกว่ารู้เฉยๆ อย่างนั้นครับ ลมหายใจไม่ปรากฏก็ไม่แปลกแล้วครับตอนนี้
เพราะจิตมีจิตเป็นอารมณ์เต็มที่แล้วครับ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 284 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 7, 8, 9, 10, 11, 12, 13 ... 19  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร