วันเวลาปัจจุบัน 14 มิ.ย. 2025, 03:56  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 252 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 5, 6, 7, 8, 9, 10, 11 ... 17  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2010, 18:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 162


งไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เสร็จแล้วค่ะพี่ 60/30 ค่ะ
ตอนเดินก็ มันก็วันนี้จะหนีไปวนคิดแต่เรื่องาน เรื่อง คนที่ทำงาน
มันจะไม่ค่อยอยากสนใจการเดิน หรือการปฎิบัติ จิตน่ะค่ะ

แต่ก็ยังรู้เท้ารู้การเดินได้แต่จะไม่ให้ความสนใจกับกายทั้งกาย รู้แค่ส่วนเท้า
และก้อไปคิดเรื่อง คน เรื่องงาน คู่กันไป มีความมัวเกือบตลอดการเดิน มัวนอก ข้างในไม่มัว

ตอนเดินเห็นความไม่ได้ดั่งใจ เวลาเดิน เวลาเราเดินและดูว่าตรงกับการบริกรรมไหม
จะมีตัวที่เหมือนรีบร้อน หรือลุ้น ฮึดๆ ขึ้นมาบ่อยๆ
ถ้าเปรียบก็เหมือนเวลาที่เราคลับคล้ายคลับคลาว่าจะคิดอะไรออก พอคิดไม่ออกแล้ว
พยายจะคิดให้มันออก ความรู้สึกมันจะแบบนั้นค่ะ ลักษณะของอารมณฺ์
เหมือนใจมันล่วงหน้าไปก่อน เป็นบ่อยค่ะเกือบตลอดการเดิน

แต่ช่วงท้ายๆของการเดินก็เริ่มหายไป ไปอยู่กะการวนคิดเรื่องคนเรื่องงานมากว่า
จะลืมบ่อยๆว่าเดินรอบไหนแล้ว ในหรือนอกรูปแบบค่ะ
ตอนหลังๆก็ไปดูความมัว ก็หายมัวไปตอนจะเลิกพอดี มีความไม่พอใจ ว่าทำได้ไม่ดี

แล้วก็ตอนนั่งก็รู้กายนั่งได้เกือบตลอดค่ะ มีบางช่วงที่ไปคิดมากหน่อย
แต่ว่าส่วนใหญ่รู้ตลอด มันเริ่มจาก

นั่งแล้วหายใจแล้ว สังเกตอาการของกายว่าขยับเป็นคลื่น ไม่ได้ขยับ พองยุบตามการหายใจปกติ
แต่ขยับเป็น ขยักๆ แล้วดูไปเรื่อยๆไปจับลมลมหายใจเข้าออก พร้อมกับรู้กายที่ขยับจากลมเบาๆ
ก็รู้ละเอียดค่ะ แต่รู้แบบไม่ได้จดจ่อที่ก่ายส่วนใดส่วนหนึ่ง แบบรู้ภาพรวม

แล้วก็จากที่กายขยับแบบ ขยักๆ ก็เริ่มขยับแบบเงียบๆไม่ขยักแล้ว เนียนๆ แผ่วๆ
ช่วงนั้นก็รู้ชัดค่ะ ทั้งลมที่แผ่วเป็นจังหวะสั้นๆ ทั้งกายขยับเบาๆ ตลอดเวลา
รู้แบบนี้ไปเรื่อยแล้วก็ค่อย เปลี่ยนไป

คิด ก็รู้น่ะค่ะ แล้วก็มารู้กายอีก สักพักขยับตัวหยิบผ้าห่มแต่ยังหลับตาอยู่
แล้วนั่งต่อก้รู้กายได้เหมือนเดิม แต่ไม่ได้ละเอียดเท่าช่วงแรก มีเวทนา เหมือนเข็มเล็กๆตำ
แล้วก็นั่งไปเรื่อยๆ มีลอยไปคิดตอนท้ายๆ แล้วก็หมดเวลาพอดีค่ะ

อ้อตอนเดินมีคิดอกุศล คือรู้ก่อนจะไปคิด แต่มันรู้แล้วว่าจะปรุงอะไร ก็ทุกข์ขอขมาไป
แล้วเดินต่อ ยังมีมดกัดบ้างค่ะแต่น้อย

สุขที่แท้จริง says:
ต่ออีกรอบป่ะคะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ เด๋วมาค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
นั่งเพิ่มอีก 5 นาทีค่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ก็นั่ง 35 หรือคะ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ นั่ง 35 ส่วนเดิน เอาเป็นว่า หมูเดินแบบที่ถนัดได้เลยค่ะ
ปรับเปลี่ยนเองได้เลย ไม่ต้องไปมองที่รูปแบบหรือไม่รูปแบบ


แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
เสร็จแล้วค่ะพี่60/35 ค่ะ
รอบนี้ก็ ส่วนใหญ่เดินไม่บริกรรม มันไป คิด คือรู้เท้านะค่ะ แต่ไม่ได้รู้แบบมีสมาธิอยู่ที่เท้า
แค่รู้ว่าเดินอยู่ จิตมันไปรื้อเกี่ยวกับคนที่เรา ขุ่นข้องอยู่

มันก็ไปคิดถึงสิ่งที่เขาทำกะเราว่า ทำไมทำกับเรา แบบระบาย หรือเห็นเราเป็นที่รองรับอารม
แล้วมันก็อึดอัดที่จิต แน่น เจ็บที่ใจ แต่ไม่ได้ไปอาฆาต แต่มันไม่ไปคบด้วย ไม่เกี่ยวข้องด้วย
โมโห คือก็ไม่ถึงกะโมโห แต่เลิกคบ แล้วก็ถาม สามเหตุว่าทำไม ถึงทำแบบนั้นกะเรา

มีบางช่วงมีพยาบาท ก็กำหนดรู้หนอไป แล้วก็มันกวนกลับมาคิดเรื่องพวกนี้อีก
ก็คิดว่าจะถามพี่น้ำว่าควร ไปามเขาตรงๆไหม สาเหตที่เขาไม่พอใจเรา
ทำไมต้องพูดกะเราไม่ดี เราไปทำอะไรให้หนักหนา ติดอยู่นานมากเลยค่ะ
แล้วก็มันไประลึกได้ว่าตั้งใจว่าจะไม่ทำให้ใครเสียใจด้วยคำพูดของเราอีกแล้ว มันก็เลยจบเลย

สุขที่แท้จริง says:
โมทนาค่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

คือมันเหมือนหยุด รู้คำตอบแล้ว

สุขที่แท้จริง says:
ยอมแค่นี้ไม่ตายหรอกค่ะ ภพชาติน่ากลัวมากกว่า

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ แล้วมันก็พอคิดอย่างนั้นคำถามต่างๆมันก็จบแล้ว
แต่ใจก็ยังไม่ยอมหลอกค่ะ แต่มันได้คำตอบว่าจะทำยังไง
คือพอรู้คำตอบแล้ว

สุขที่แท้จริง says:
ทุกข์คือสิ่งที่ทนได้ยาก

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ ใช่ค่ะ มันอึดอัดขึ้นมา แต่พอหมูได้คำตอบแล้ว มันก็เกิดอาการ
จิต วิบ วิบ วิบ 3 ครั้งติดกัน ก็ดูมัน แล้วก็งงๆเหมือนกันว่าทำไม
แต่ก็ไม่รู้ก็ปล่อยไป สักพักก็มีแน่นๆเรื่องพวกนี้ขึ้นมาอีก
แต่มันไม่ไป คิดมากเท่าตอนแรกแล้ว แต่ก็ยังมีค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
ถูกแล้วค่ะ

พิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
แล้วพอมานั่ง ก็ รู้กาย รู้ลม รู้กายขยับ แต่มันก็มีปนความคิด
คือเหมือนลักษณะ เราเดินจงกรมน่ะค่ะ คือเรานั่งรู้ว่านั่ง หายใจ กายขยับ
แล้วก็รู้ว่าคิดด้วย รู้ว่ามีปรุงแต่งด้วย แต่ก็ไม่ได้ทิ้งกาย

สักพักก็เบื่อ คัน มีเจ็บๆคล้ายมดกัด แต่มันไม่ชัดว่าเป็นมดกัด แล้วก็ไม่มีอีก
ก็เกา ขยับตัว แต่ก็ไม่ลืมตา ก็แล้วนั่งไปจนจบค่ะ หมดแล้วค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

โดนกระทบบ่อยๆ สติมันจะทันมากขึ้นค่ะ
เมื่อก่อนพี่เคยคิดแบบหมูนะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

แบบไหนคะ

สุขsays:ที่แท้จริง
อยากอธิบาย อยากถามเขา ว่าทำไมเขาต้องทำกับเราแบบนี้

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ใช่ค่ะ ก็ไม่เข้าใจ ว่าทำไม เห็นเราเป้นอะไร ถ้าเกิด ติดต่อกะเราแล้วมันไม่พอใจมาก
เราไม่ยุงกะเขาดีไหม รู้จักแบบคนทั่วไป ไม่ต้องสนิทอะไรกัน

สุขที่แท้จริง says:
นั่นแหละ แบบนั้นเลย

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

แต่ว่า หมูว่ามันเสี่ยง พูดไป เขาก็ไม่พอใจหรอก ใครมันชอบให้จี้ใจดำ

สุขที่แท้จริง says:
สนิทแล้วมาทำร้ายกันแบบนี้ ทางใครทางมันดีกว่า เราก็คนนะเฟ๊ยยย

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ใช่ค่ะ แบบนั้นเลย ชั้นไม่ใช่ที่รองรับอารมใครนะยะ
100 เปอเซน ว่าเขาจะต้องเกิดความไม่พอใจ แล้วปัญหาไม่จบแน่นอน

สุขที่แท้จริง says:
แล้วก็จะมีการจองเวรกันลึกๆ ความคิด ความรู้สึก เราไปคาดเดาเขาไม่ได้หรอกหมู
บางทีปากเขาพูดกับเราอีกอย่าง แต่ใจเขามันเป็นอีกอย่างหนึ่ง
สู้เราเงียบดีกว่า อยากว่าปล่อยให้ว่าไป


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เพราะถ้าเราคิดจะคุยกันด้วยเหตุผล กับเรื่องที่เขาไม่พอใจเราแบบไม่มีเหตุผล
คือเป็นเหตุผลแค่เขาไม่พอใจ แต่เราจะเอาเหตุและผล
ไปคุยกันโดยไม่อ้างความไม่พอใจ มันไม่ได้อยู่แล้ว

สุขที่แท้จริง says:
เงียบดีที่สุดค่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ หมูก็คิดแบบนั้น เหตุ และผลตอนนี้ ที่หมูคิดคือ ทำอะไร แล้วผลจะเป็นไง
ไม่มองระหว่างกลาง ของมัน ต้น และท้ายเลย น่ะค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
เข้าใจค่ะ มองแค่นั้นจบ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ แค่นั้น

สุขที่แท้จริง says:
เดี๋ยวนี้ บางที มันมีนะอารมณ์ที่เกิดในขณะกระทบ พี่ฟัง แต่ไม่พูดอะไร
มาเขียนๆๆๆใส่สมุดตัวเอง พออารมณ์สงบ สติมา
กลับมาอ่านในสิ่งที่เขียน นั่นคนโง่นี่หว่า เกือบไปแล้ว


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ ตอนอารมณ์พวกนี้เกิดนี่ หมูต้องเตือนตัวเองให้เงียบไว้ก่อน ถ้าทันนะคะ
ไว้เบาบางแล้ว เราจะรู้เองว่าควรทำอะไร

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ ต้องทำแบบนั้น ถ้าไม่ทัน อย่างมากออกที่หน้า แต่ไม่พูดอะไร
คือบอกตามตรงเลยนะ ยิ่งทำยิ่งเอือม ไม่อยากสร้างเหตุใหม่ให้เกิดขึ้นกับใครๆอีก


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะ ก็ขนาด หมูเคยแค้นเขาให้เขารู้สึกเหมือนที่เขาทำกับมูบ้าง สมัยก่อนเจริญสติ
แล้วทีนี้พอวนกลับมา ถึงคราวที่ เขารับกรรม เขาต้องเสียใจเพราะหมู มันก็มีการกระทบกันอีก

กลายเป็นหมูมีส่วนรู้เห็น บนความเสียใจของเขาเหมือนที่หมูพยาบาทเขาไว้
แต่ตัวหมูเองก็ติดบ่วงด้วย ก็คือถูกล่ามให้ทุกข์ไปด้วย

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ เหมือนเพื่อนพี่ ที่พี่เขียนถึงในบล็อก ที่เขาเคยทำร้ายพี่ เพื่อนสนิทกันมากๆ
อันนี้เรื่องในอดีต วันนี้สภาวะมันทบทวนขึ้นมา


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่เป็นยังไงคะ

สุขที่แท้จริง says:
เมื่อก่อนโกรธเขา แค้นใจมากๆ ว่าเขาทำกับเราได้ยังไง เราจริงใจกับเขา
ตลอดเวลาระยะ 10 กว่าปีที่ผ่านมา กิเลสนะหมู มันไม่เข้าใครออกใคร


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อืมๆค่ะ งั้นหมูจะได้ว่างๆไปอ่าน
ว่าจะบอกพี่น้ำ ช่วงนี้ หมูพูดหยาบคายย่อยๆ งงเหมือนกัน
ปกติจะไม่พูดที่ทำงาน จะพูดแต่เพื่อนสนิทมากๆ จนมีแต่คนไปคุยกันแล้ว
ว่าทำไมหมูพูด หยาบคายมากขึ้น

สุขที่แท้จริง says:
นั่นแหละ มันจะออกมาเรื่อยๆเรื่องแปลกๆ หมู สติไม่ทันเหรอ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะ หลุดไปแล้ว บางที เช่น สมมติต้องให้คะแนนโหวต แล้วไม่รู้จะให้ใคร
ก็หลุดพูดว่า ขอโทษก่อนนะคะพี่ ให้ แ_' ง ทุกคนแล้วกันโว้ย ฮ่า ฮ่า ฮ่า พี่น้ำเงียบเลย

สุขที่แท้จริง says:
เปล่าค่ะ กำลังมอง พี่มีแต่จะระบายกันเองแบบอยากพูดวะโว๊ย คือเคยเป็นแบบที่หมูกำลังเป็น

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อืม มันมีอะไรหรือเปล่าคะ

สุขที่แท้จริง says:
จิตน่ะหมู จิตใต้สำนึกที่มันมีความหยาบคายฝังอยู่ มันอยากแสดง มันอยากพูด

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ กูก็มี ตบด้วย ติน ก็มี T T

สุขที่แท้จริง says:

นั่นแหละ บางทีพี่บอกตัวเอง อยากพูดมากเลย

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

รุนแรง เป็นนานหรือยังคะ

สุขที่แท้จริง says:
ตอนหลังมันหายนะ คือ มันเกิดความละอาย เกิดความอายในตัวเอง
คือจะเม้มปาก ไม่พูดออกไป


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

หมูยังไม่เกิดตรงนั้นเท่าไรค่ะ มันเลยไม่มีตัวจิตที่คอยระวัง
แต่ก็มีคิดขึ้นมา ว่าไม่ควร ทำไมเป็นแบบนี้

สุขที่แท้จริง says:
นั่นแหละ ช่วงนั้นพี่มีความคิดแบบนั้นว่าไม่ควรทำ
ถ้าเขามาได้ยินสิ่งที่เราคิดจะว่าไง


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ แปลกจังนะคะ

สุขที่แท้จริง says:
หายนะหมู

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ดีที่พี่น้ำบอกว่า เคยเจอมาก่อน หมูนึกว่าหมู ผิดปกติ

สุขที่แท้จริง says:
เปล่าค่ะ มันเป็นเอง มันอยากพูดหยาบๆ แบบรู้สึกสะใจ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะเหมือนมันสะใจ ระบาย ปลดปล่อย

สุขที่แท้จริง says:
เจริญสติ มันจะเจอแต่กิเลส จริงๆแล้วเราน่ะหยาบคาย แต่เราซุกมันเอาไว้
ทีนี้จิตมันถูดกขุดค้ยออกมา มันเลยเผยตัวตนออกมาให้เห็น ว่าจริงๆแล้ว
ลึกๆความหยาบคาเรามี เราอยากพูด แต่ด้วยหน้าที่การงาน เราทำแบบนั้นไม่ได้
หายไปนานแล้วนะ ตั้งสติให้ทัน ให้คิดมุมกลับ ถ้าเราได้ยินเขาพูดแบบนั้นจะรู้สึกยังไง


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ ต้องพยายามต่อไป ก็โดนตำหนิจากคนรอบตัว บางทีเผลอไปจริงๆ

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ พี่ก็โดนเพื่อนว่า พูดจาหยาบคาย
ต้องกำหนดช่วย น่ะ ในช่วงนั้น แบบเวลามันอยากพูดน่ะ อยากพูดหนอๆๆๆ มันไม่ดีหนอๆๆๆ
แล้วก็จะ แง่มๆ งื่มๆ ง่ำๆ ไปตามเรื่องตามราว


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ต้องพยายามตั้งสติก่อนพูดแล้ว ด่าในใจได้ไหมคะ

สุขที่แท้จริง says:
ไม่อ่ะ ด่าเขา เท่ากับเราด่าตัวเอง ไม่เอาดีกว่า

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ม.ค. 2010, 22:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 163


งไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เสร็จแล้วค่ะพี่ 60/35 ตอนเดินก็ คิดเยอะค่ะ รู้เท้าด้วย แต่ไม่ได้รู้แบบมีสมาธิ
หลักๆก็มีความไม่พอใจ คือว่า มันจะมีตัวที่ไม่พอใจการปฎิบัติขึ้นมาเอง ก็รู้มัน

ขึ้นมาบ่อยๆค่ะ มาเป็นฮึดๆ ไม่ได้อยู่ตลอด แต่มาเรื่อยๆ มีกิเลส โอ้อวด
เวลาหลง มันไปคิดว่าเนี่ยชั้นกำลังเดินไปสู่การเป็นอริยะ ก็เห็นแล้ว ก็มีไม่พอใจ
แต่ไม่ได้ไม่พอใจแบบจิงจังมันด้วย แล้วก็เดินๆไป ก็มีจิตที่มันขึ้นมาพอใจกะสภาวะ
แล้วก็เห็นความพอใจนั้น แล้วดับไป แล้วก็ไม่พอใจ ซ้อนขึ้นมา แล้วก็รู้อีก

เดินๆไปอีก ก็รู้สึกว่า มันนึกเบื่อเบาๆ ว่าก็มีแค่นี้ พอใจ ไม่พอใจ ไม่ถูกใจ
แต่ไม่ได้เบื่ออะไรมากค่ะ มันก็วนๆไม่พอบใจแบบนี้เรื่อยๆ

มีความ ไม่ได้ดังใจ เหมือนตัวใจร้อน แล้วก็มัน คอยแต่จะจ้องดู เหมือนมีหน้าทีว่า
ต้องเห็นกิเลสนะ แล้วก็เหนื่อย

ก็ นึกขึ้นมาได้ ว่าพี่น้ำแค่ให้รู้กายเดินเท่านั้น ก็เลยทิ้งไป
ทีนี้เดินไปจนใกล้ๆจบ ก็เริ่มรู้สึกว่าตลอดการเดินนี่ มันไม่ได้ ธรรมดาเลย

หมายถึงมันไม่ได้แค่รู้ธรรมดา แต่มันมีตัว ที่ ทำให้ไม่ธรรมดา
ที่มาซ้อนเอาไว้ ไม่ให้ถึงความธรรมดา

อาการของตัวนี้ คือ ไม่รู้จะอธิบาย ยังไง เหมือนมันควรจะรู้เท้าธรรมดาๆ
แต่มันไม่ยอมธรรมดา เหมือนมันไม่ปล่อยสบาย แบบคอยดู คอยตัดสิน แบบนี้มั้งคะ
แต่มันมากกว่านั้น แต่ใต้มันลงไปม ีความธรรมดาอยู่ด้วย คือความรู้สึกกาย
มันจะอยู่เหนือความรู้สึกายธรรมดา ขึ้นมาอีกชั้น

สุขที่แท้จริง says:
เขาเรียกตัววิพากย์วิจารณ์

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

บางทีมันไม่ได้เป้นคำพูด นะคะ

สุขที่แท้จริง says:
เข้าใจค่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ ตัวนี้แหละค่ะ มันไม่ยอมให้เรารู้ธรรมดา ทั้งๆ ที่เราก็รู้ธรรมดา ก็ได้
มันซ้อนขึ้นมาชั้นหนึ่งค่ะ ตลอดเวลา ก็จบการเดิน

พอมานั่งก็ คือมันก็ จะหลงก็ไม่ได้หลง แต่จะรู้กายเลยก็ไม่ใช่ มันรู้ว่านั่งอยู่
แต่ไม่ได้มารู้กายขยับ รู้ว่าทำไรอยู่น่ะค่ะ ในนั้นมีความ คล้ายง่วง แต่ไม่ได้ง่วง
ตลอดแหละค่ะ มีแค่นี้น่ะค่ะ คือไม่ได้รู้ที่กายที่สัมผัสพื้น แต่รู้ว่ากำลังนั่งปฎิบัติธรรม

เกิดเนื่องจาก กำลังของสมาธิมีมากกว่าสติ แต่ไม่มากจนเกินที่สติจะรู้กายได้

สุขที่แท้จริง says:

ใช้ได้ค่ะ รู้กายส่วนไหน แบบไหนก็ได้ ขอให้รู้

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

มันไมได้จับที่กาย นะค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
เข้าใจค่ะ หมูนี่

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ทำไมคะ พูดมากเหรอคะ

สุขที่แท้จริง says:
เปล่าจ้ะ จะบอกว่า แค่พูดมาว่า คือไม่ได้รู้ที่กายที่สัมผัสพื้น แต่รู้ว่ากำลังนั่งปฎิบัติธรรม ........
นี่พี่ก็รู้แล้ว ถ้าสภาวะไม่ชัดพี่ก็จะถามต่อ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อ่อค่ะพี่ งั้น หมูไปทำอีกรอบค่ะ เสร็จแล้วค่ะพี่ 40/20 ค่ะ
ก็รอบนี้ก็เดินไป คิดเยอะแยะเหมือนเดิม ก็รู้เท้า และรู้ว่ามันฟุ้ง

ก็มีตัววิพากษ์วิจารณ เหมือนเดิมค่ะ ก็มีความทุกข์เพราะไม่พอใจการปฎิบัติด้วย
มันตัดสินว่าไม่ดี มี ตัวอยาก อยากเห็นว่าปฎิบัติ

เป็นได้พักหนึ่ง พักใหญ่แล้วมันก็เปลี่ยน เป็น คิดโน่น คิดนี่
ทั่วไป แล้วก็รู้เท้าไปด้วย ปรามาส จะขึ้นมา รีบกำหนดไว้ก่อน 2 ครั้ง
ในช่วงปฎิบัติตอนเดิน 1 และออกจากการปฎิบัติอีก 1
มีเวทนา เจ็บแปล๊บๆ เป็นจังหวะนานเหมือนกันค่ะ

พอนั่ง รู้อกขยับ จากการหายใจค่ะ ไปจับที่อก จับเรื่อยๆ แล้วก็คิดด้วย
มีไปคิดถึง เรื่องที่ลืมไปนานแล้ว เป็นเหตุการณ์ตอนวัยรุ่น ก็รู้ไปค่ะ

แล้วหลังๆ มันก็ชักจะลืมกาย ไปคิด แต่มันไม่ได้ไปเต็มตัวค่ะ มีแวบมารู้แตะ แตะๆ
จนจบค่ะ หมดแล้วค่ะพี่ มดกัด เหมือนจะมีแต่ไม่ชัดค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
มันจะย้อนรอยอดีต วันนี้พี่ก็เจอ
สิ่งที่พี่เคยทำผิดพลาดเอาไว้ พี่ลืมไปแล้วนะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ แปลกดีค่ะ มันก้อขึ้นมาเป็นเรื่องๆเลย แล้วเราก็นั่งดู
ของหมู ไม่ได้ไปนึกถึงเหตการณ์ผิด แต่ ไปนึกถึงคนที่เคยสนิทด้วย เคยรักกันเหมือนน้องสาว

ก็เป็นคนที่เคยรัก เคยแคร์ แล้วเลิกติดต่อไป มันคงเป็นเรื่องที่จิตใจมัน ติดอยู่
แล้วรื้อขึ้นมา มั้งคะ

สุขที่แท้จริง says:

กิเลสมันจะขุดขึ้นมาเรื่อยๆ ทำให้เราเห็นภาพต่างๆชัดเจนมากขึ้น เจริญสติต่อไปค่ะ
เห็นไหม บอกแล้วว่า มันไม่มีอะไรจริงๆ ยิ่งทำ มันจะยิ่งเห็นแต่กิลส แล้ว นับวัน
สติ สัมปชัญญะเราจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มทันกับสิ่งที่มากระทบ เริ่มรับมือต่อหลายๆสิ่งมากขึ้น


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะก็เบาขึ้น มันก็แปลกดีนะคะ

สุขที่แท้จริง says:
สังเกตุนะ ที่เคยคิดว่า มันทุกข์ๆแบบเมื่อก่อน มันมีแต่เบาลงไปเร่อยๆ
แล้วบางวันจะมีแต่ความอิ่มอกอิ่มใจทั้งวัน มันไม่แน่นไม่นอน


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อืมๆค่ะ ก็มีบางวันมันจะสบายใจ แต่ที่สังเกตชัดๆคือ ไม่ค่อยติดเพื่อน
ไม่ค่อยเหงาเหมือนแต่ก่อน

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ มันจะไม่ไปติดกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อืม แล้วก็ความไม่พอใจพวกนี้ มองเหมือนมัน เป็นอีกส่วน ไม่ได้คิดว่ามันเป็นเรา
แต่ก็รู้ว่าทุกข์ คือได้รับผลกระทบจากมัน ก็เข้าใจว่ามันต้องทุกข์

สุขที่แท้จริง says:
ถ้าสติไม่มากพอ มองไม่เห็นได้แบบนี้หรอกค่ะ มันจะมองรวมๆไปหมด
ไม่สามารถที่จะแยกแยะรายละเอียดแบบนี้ได้ และก็อีกหน่อย เจ้าตัวที่คอยวิพากย์วิจารน่ะ
เขาจะหายไปเอง อย่าไปใส่ใจนะคะ ยิ่งใส่ใจกับสิ่งที่มันคอยวิพากย์วิจาร นั่นคือ
หมูไปทำให้มันเกิดมีตัวตนขึ้นมาจริงๆ หมูเองก็เคยผ่านสภาวะนี้มาแล้ว
แรกๆที่เจอจิตมันเถียงกัน จำได้ไหม


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ จำได้ค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
นี่แหละ คือบททดสอบ คือข้อสอบที่หมูต้องทำ
กิเลสตัวเดิม สนใจเรื่องชาวบ้าน แต่มาในรูปแบบใหม่


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

นั่นสิคะ มาแบบไม่ได้เถียงกัน แต่มาคอยจ้องการปฎิบัติ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ กิเลสหรือสภาวะนี่เขาจะเปลี่ยนรูปแบบ แบบเนียนมากๆจนหมูคิดไม่ถึง

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

จริงๆตัว นี้มีมานานแล้วน่ะค่ะพี่ ตั้งแต่เริ่มทำเลย แต่มันมั่วๆ
ตอนนั้น เลยไม่รู้จะจับมันเป็นตัวเป็นตนมาอธิบาย ยังไง

สุขที่แท้จริง says:
จำได้ไหมว่า การเจอครั้งนี้ เป็นครั้งที่เท่าไหร่

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

โอ๋ย จำไม่ได้ค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
ครั้งที่ 3 ค่ะ ครั้งแรกที่หมูเจอ ตอนนั้นหมูทุกข์มาก
พอพี่อธิบายให้ฟัง หมูไม่สนใจมัน มันหายไป แล้วหมูก็ลืมไปสนิท
มาเจอครั้งที่สอง หมูจำไม่ได้ว่าเคยผ่านมาแล้ว สุดท้ายหมูแค่ดูมัน
ไม่สนใจไปมีส่วนร่วม มันก็หายไป


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

โอ้โห เหรอคะ หมูจำไม่ได้เลย มันกลับมาอีกแล้ว

สุขที่แท้จริง says:
ครั้งแรกมาในรูปแบบจิตคุยกัน
ครั้งที่สองมาแนะนำมาเถียงกัน ของข้าถูก ของเอ็งผิด
มาครั้งนี้ มาจอจ้องคอยวิพากย์วิจารณ์


พี่ถึงบอกไง หมูไปสนใจมัก็เหมือนคนที่ชอบไปสนใจฟังเรื่องชาวบ้านเขาพูดคุยกัน
คอยแต่จะเงี่ยหูฟังว่าเขาคุยอะไรบ้าง มีว่าเรามั่งไหม


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อืมๆค่ะ มาเนียนมาก

สุขที่แท้จริง says:
เนียนค่ะ ไม่งั้นข้อสอบก็ง่ายสิคะ
สภาวะเขามาสอบหมูนะคะ ถือว่ายังไม่ผ่านนะคะ ยังสนใจเรื่องชาวบ้านอยู่
กิเลสในใจเราทั้งนั้นแหละค่ะ ไม่ใช่ไปรู้อะไรที่ไหนหรอก ตั้งสติค่ะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ใช่ค่ะ หน้าที่เราคือรู้ ตัว แค่เดินแค่เนี่ย
ทำไม มัน วุ่นวายจังเลยนะคะ ก็แค่เดินไป กลับ นั่งให้รู้ตัว แต่เหมือนพายุเลย

สุขที่แท้จริง says:
ก็กิเลสเราสะสมมาตั้งเท่าไหร่ล่ะคะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ รู้สึกมันแปลกดีน่ะค่ะ กิเลสัมนเป็นแบบนี้ การเรียนรู้ตัวเองมันเป็นแบบนี้

สุขที่แท้จริง says:
ไม่ทำเองไม่รู้หรอกค่ะ เรารู้แค่เร่องสมาธิๆ สมัยก่อนรู้แค่นั้นจริงๆ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ใช่ค่ะ เป็นรูปธรรมที่สุดแล้ว ทีมองเห็นได้ แต่กิเลสเป็นนามธรรม

สุขที่แท้จริง says:
ไม่มารู้หรอกว่า เออ กิเลสที่แท้จริงมันเป็นยังไง ไม่เคยมีใครพูดให้ฟังว่า
ทำที่ถูกจริงๆ ต้องเจอกิเลสก่อนนะ กิเลสในใจเรานี่แหละ แล้วต้องเห็นมันนะ
ถ้าทำแล้วไม่เห็นกิลสนี่ถือว่าผิดทาง เราก็หลงงมเล่นแต่นั่งสมาธิๆๆๆ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

มี 2 ท่าน คือพี่น้ำ และ หลวงพ่อที่หมูเคารพ ที่พูดเรื่องนี้น่ะค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
หลวงพ่อที่ว่าหมูเจอท่านมัยเรียนใช่ไหมคะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ไม่ใช่ค่ะ หลวงพ่อที่ กำลังถุกโจมตี

สุขที่แท้จริง says:
อ๋อ .. ค่ะ ก็ท่านเองก็โตมาด้วยสภาวะนี่คะ ท่านเลยรู้จักกิเลส

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ เวลามีคนถาม ว่าทำถูกไหม
ท่านก็จะถามกลับว่า เห็นกิเลสไหมละ ถ้าเห็นกิเลสก็ถูกแล้ว

สุขที่แท้จริง says:
นั่นแหละค่ะ ใช่เลยคำตอบ
ถูกหรือผิดไม่มีหรอก มันมีแต่กิเลส ต้องเห็นกิเลสในใจเรานี่แหละ ไม่ใช่ไปเห็นนอกตัว


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

โหยพี่คะ พูดคำเดียวกันเลย ธรรมมะนี่ เหมือนกันหมด

สุขที่แท้จริง says:
ธรรมะเป็นหนึ่งกับทุกสรรพสิ่งค่ะ แต่คนไปแยกกันเอง

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ ยิ่งอ่านที่พี่น้ำพูด ยิ่งระลึกถึงท่าน
พีน้ำสอนสภาวะ ท่านก็สอนสภาวะ คือเวลาเรียนกับพี่น้ำ
หมูก็รู้สึกว่าได้เรียนกะหลวงพ่อด้วย เวลาฟังหลวงพ่อ ก็ระลึกถึงพี่น้ำ
แล้วเวลาทำ แล้วเห็นเอง ก็คิดถึง ทั้งสองท่านเลย

สุขที่แท้จริง says:
พอรู้แล้ว มันจะเหมือนกันแหละหมู ไปทางเดียวกันหมด ไม่มีความแตกต่างหรอก
ไม่ว่าจะฆราวาสหรือพระ ที่แตกต่างเพราะเราไปยึดติดกัน จนมองไม่เห็นกิเลส


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ ต้องฝ่าด่าน หลายๆอย่างเลยนะคะ
หมายถึง ทิฐิบ้าง ความสงสัยบ้าง เพราะไม่ค่อยได้ยินคำสอนแบบนี้

สุขที่แท้จริง says:
เห็นไหมว่า ไม่ได้มีการทำอะไรพิเศษเลย เพียงแค่เราปรับตัวเราเอง ทำตามที่เราถนัด
ทำตามสภาวะที่เกิดขึ้น คอยปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ไม่มีรูปแบบ ไม่ต้องคาดหวังว่า
ทำแล้วจะออกมาดีหรือไม่ดี ทำแล้วจะเป็นยังไงไม่ต้องไปคิด สิ่งใดสงสัยก็ให้รู้ว่าสงสัย
ทำไปๆก็ได้คำตอบทุกๆคำตอบด้วยตัวเอง คนเมื่อไม่รู้ สภาวะเกิดขึ้น ไปขัดขืนสภาวะ
แล้วจะเห็นกิเลสได้ยังไง พี่ถึงบอกว่า การปรับอินทรียนี่สำคัญมากๆ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

งืมๆ ค่ะ สมาธิมาก ก็เดินเพิ่ม ฟุ้งซ่านเกินก็นั่งเพิ่ม

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ ดูสมาธิด้วย

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

มีแค่นี้ถูกไหมคะปรับอินทรีญ

สุขที่แท้จริง says:
เรื่องปัญญากับศรัทธาไม่ต้องพูดถึง

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

มาเอง

สุขที่แท้จริง says:
มาเจริญสติแล้ว ไม่มีไปหลงงมงงายอะไร

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

จริงค่ะ เลิกดูดวงเลย

สุขที่แท้จริง says:
เพราะดูตามความเป็นจริง จะไปหลงได้ไง
นั่นแหละใช่เลย พอมาเจริญสติ เลิกดูดวง เราดูตัวเองได้
เราอ่านตัวเราได้ เราก็เริ่มอ่านคนอื่นๆออก
อ่านกิเลส

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ใช่ค่ะ รู้ว่าทำแบบนี้เขาจะรู้สึกยังไง

สุขที่แท้จริง says:
ไม่ได้ไปรู้วาระจิตอะไรหรอก รู้กิเลสต่างหาก
แรกๆใบบางครั้งอาจจะดูออกได้ทันทีหรือดูไม่ออก เพราะบางคนแสดงได้เนียนมาก
แต่พอสักพัก จะรู้เองเพราะว่าจิตคนๆนั้นจะไหลไปหาในสิ่งที่ชอบทำ ( กิเลส )

คนเราโกหกคนอื่นๆได้ แต่ไม่สามารถโกหกกิเลสที่มีอยู่ในใจของตัวเองไปได้หรอก
ยังไงๆสักวัน ต้องเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา ต่อให้ซุกซ่อนไว้ลึกขนาดไหนก็ตาม

ทุกอย่างมันมีเหตุมาก่อนนะนะ ไม่ใช่จู่ๆจะเกิดขึ้นมาเอง
เหตุเกิดขึ้นเพราะความไม่รู้ ถ้ารู้แล้ว จะไม่ทำอย่างเด็ดขาด

เพราะมันคือการสร้างเหตุใหม่ให้เกิดขึ้น เป็นการก่อภพก่อชาติไม่รู้จบ
จนกว่าจะเห็นตามความเป็นจริง เห็นกิเลสที่มีอยู่ในจิตของตัวเอง


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ก็เพราะเราเองก็รู้สึกแบบนั้นแหละ

สุขที่แท้จริง says:

นั่นแหละ แล้วเราจะไปอยู่ที่ไหนก็จะเย็นใจ ใครๆก็อยากอยู่กับเรา
เพราะเราอยู่ มีประโยชน์ให้กับเขา


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

วันนี้ติดดิลเบรก นั่งทำงานอยู่นเดียว ก็จะสบถเป็นระยะ ก็ติดดิสเบรก
ไปลายรอบเหมือนกัน

สุขที่แท้จริง says:
นั่นแหละกิเลส สติมากขึ้น จะผ่านไปได้ เหมือนเรื่องสนใจชาวบ้านน่ะแหละ
พอผ่านตรงนี้ไปได้ ในชีวิตจริง หมูจะเลิกสนใจชาวบ้านคุยกัน


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อ่อค่ะ ยังมีอีกเยอะแยะเลยใช่ไหมคะ บทเรียน

สุขที่แท้จริง says:
ตัวเดิมๆ เปลี่ยนรูปแบบมา
ขอเพียงมีสติเท่านั้นแหละ สภาวะก็จบลงด้วยตัวของมันเอง

แล้วหมูจะไม่มายึดติดอะไรเลย ใครจะดี ชั่วก้ตัวเขา ใครจะพูดหรือทำอะไร
นั่นคือผลที่เขารับ เราน่ะมุ่งทำแต่สิ่งดีๆ สร้างเหตุดี เพื่อนอนาคตของเราเอง

ไม่มาแบ่งหรอกว่า นี่พระอรหันต์นะ นี่อริยะนะ นี่คนธรรมดา
เพียงแต่เราให้ความเคารพตามสมมุมติ เคารพตามฐานะ ( ครูบาฯ )


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ แค่รู้ เองนะคะ มันก็ดับไป ดีที่ไม่หนักนะคะ อิสระ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ เราจะอิสระ ไม่ต้องไปวิพากย์วิจารใครๆ ไม่ไปละเมิดพระสงฆ์ว่าท่านดีหรือไม่ดี
ว่าท่านสอนถูกหรือผิด ถูกผิดน่ะ เหตุเกิดจากอะไรล่ะ เกิดจากเราเคยสร้างเหตุเอาไว้ทั้งนั้น
แทนที่จะกล่าวโทษตัวเอง กลับไปกล่าวโทษ โยนความผิดในคนอื่นๆเขา มันถูกอยู่หรือ

แม้แต่ตำรา ยังไม่ยึดติดเลยหมู ถ้ารู้โดยสภาวะ เวลาไปอ่านตำรานี่ สบายมากๆ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

มันจะรู้เอง

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ มันเข้าใจทะลุปรุโปร่ง

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

แต่ก่อนไม่เข้าใจ คำสอนของหลวงพ่อจรัลนะคะ

สุขที่แท้จริง says:
คนไม่ทำ ไม่มีทางรู้หรอก ได้แตาคาดเดาเอาเองว่า อารมณ์ต้องแบบนี้ๆ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ที่ท่านบอกจดทุกวัน คืออารมณ์ เนี่ยตอนนี้บางอ้อเลย สมัยก่อนก็งง

สุขที่แท้จริง says:
หลวงพ่อน่ะล้ำลึกมากๆ พี่น่ะมาถึงบางอ้อ ไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง
อ่านตัวออก บอกตัวได้ ใช้ตัวเป็น


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

หนูอ้อเดียว

สุขที่แท้จริง says:
มันมีหลายระดับนะหมู สิ่งที่หลวงพ่อพูดไว้นะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ที่ท่านพูดมานี่ ความเข้าใจ ในสภาวะที่เพิ่มขึ้น เป็นลำดับทั้งนั้นเลยจิคะ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ อย่างอ่านตัวออกน่ะ เมื่อก่อนน่ะ มองแค่ว่า ถ้าเรารู้เราแล้ว
เราย่อมรู้ว่าควรจะทำยังไงกับคนอื่นๆ แต่ยิ่งทำ มันยิ่งรู้เพิ่มมากขึ้น

กิเลสนะหมู จำไว้เลย อ่านกิเลสตัวเองได้ เห็นกิเลสทุกซอกทุกมุมในใจเราได้
ยอมรับสภาพทุกสิ่งที่เกิดขึ้นได้ นั่นแหละ หมูจะอ่านคนอื่นๆออก เพราะกิเลสเขากับเรา
มันตัวเดียวกัน ไม่มีความแตกต่าง ไม่มาแบ่งแยก เพียงแต่ มีมากน้อยตามเหตุที่กระทำกันมาเท่านั้นเอง


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อื้อหือ ค่ะพี่ ทุกซอกทุกมุม ก็มหาศาล

สุขที่แท้จริง says:
พระพุทธเจ้าทรงสัพพัญญูเพราะอะไรล่ะ พระองค์ทรงรู้ด้วยพระองค์เอง
รู้ด้วยสภาวะในตัวของพระองค์ที่เกิดขึ้น ไม่ได้มีครูที่ไหนมาสอนเลย


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ท่านอัจริยะจริงๆ กิเลส วกวน มากๆ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ พระองค์เมื่อทรงรู้แล้ว ทรงทิ้งวิชาสติปัฏฐาน 4 ไว้ให้
อยากได้ไหม อยากได้ต้องทำเอง ทำแล้ว เห็นไหม เห็นอะไร เห็นกิเลสตัวเอง
ไม่งั้นเรื่องขันธ์ 5 จะมีขึ้นมาได้ไง


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

มีอีกหลายเรื่องเลย ที่นักศึกษาใหม่ต้องเรียนรู้ แต่ก็เริ่มจับทางได้แล้วค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
เรียนรู้มีตัวเดียว คือ กิเลส แต่มันไม่ใช่แค่ตัวเดียว
เรามีหน้าที่คือเจริญสติ มีสติรู้อยู่เวลาอะไรมากระทบ

สภาวะมาแสดงแล้ว นั่นแหละ สิ่งที่เราเคยสร้างเอาไว้ในอดีต
มีสติสัมปชัญญะมากขึ้น มันมีแต่ดับ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

พอรู้แล้วมันก็หายไป หมู ไม่รู้จะพูดออกมายังไง แต่เป็น ของมีค่าที่สุดเลยในชีวิต
กัลยาณมิตร เนี่ยค่ะ ธรรมมะ

สุขที่แท้จริง says:
พระองค์ ทรงเป็นต้นแบบที่ไม่มีที่ไหนนำมาเปรียบเทียบได้
สติปักฐาน 4 สมกับที่ทรงตรัสไว้ ทางสายเอกจริงๆ

เพราะอะไร เพราะเมื่อรู้จักกิเลสแล้ว สภาวะมันจะบีบเราเอง
บีบให้เราเดินตรงทาง ไปไหนไม่รอด


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

หมูจะทำให้มันบีบหมูเยอะๆเลย เจ็บก็เถอะ

สุขที่แท้จริง says:
นั่นแหละ เจ็บเพราะอะไรล่ะ เพราะเคยเคยทำคนอื่นเขาเจ็บเอาไว้
พอเข้าใจมัน ยอมรับตามความเป้นจริง คนที่สบายขึ้นคือเรา


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ ใช่ค่ะ ดูจาก ใจ ตัวเอง ก็รู้ว่ามีกิเลส ตัวนั้นอยู่ ก็เคยทำกรรมประเภทนั้น

สุขที่แท้จริง says:

มันจะรู้เองเห็นเอง จากจิตนี่แหละ กฏแห่งกรรม ไม่ต้องไปให้ใครสแกนกรรมอะไรหรอก

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เกือบไปต่อคิวดูและ

สุขที่แท้จริง says:

โง่นะนั่น

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

โง่มาหลายครั้งแล้วค่ะ อดหลับอดนอนดูดวงก็เคย

สุขที่แท้จริง says:
แหม่ๆๆๆ คิดตอนไหนเนี่ย ถามหน่อย ตอนเจริญสติยังคะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ยังค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

นึกถึงหมอดู พี่น่ะโง่โคดๆเลยก็ว่าได้ในสมัยก่อนน่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อ่าว พี่น้ำก็ชอบดูเหรอคะแต่ก่อน

สุขที่แท้จริง says:
จริงๆนะ เมื่อก่อนงมงาย ก็ยังไม่ได้มาเจริญสติหรอก

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะเข้าใจค่ะ พูดเรื่องดวง ใครๆก็ชอบ อยากรู้

สุขที่แท้จริง says:
ขูดต้นไม้ขอหวยยังเอาเลย โง่ขนาดไหน

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

พี่น้ำอะนะคะ

สุขที่แท้จริง says:
จับคางคกหงายท้องเอาแป้งโรยหาตัวเลขงี้ จริงๆ โง่มากๆเมื่อก่อนน่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

แสดงว่าต้องเคยถูก

สุขที่แท้จริง says:
ถูกสิ ได้เป็นแสน

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

มิน่า ถ้าไม่มีดวงอย่างหมู อาจไม่เล่นนะคะ หมูอะ เล่นการพนันไม่ได้เลย จน

สุขที่แท้จริง says:
แล้วเจ๊งมากกว่าแสน เลยให้สัจจะ ไม่ขอแตะต้องหวยตลอดชีวิต
ความเชื่อไงหมู เพราะเรามีความเชื่อ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เขาว่าเงินที่ได้มาจากการพยัน มันอยู่ไม่นาน จริงไหมคะ

สุขที่แท้จริง says:
ใช้แหลกลาน จริงๆค่ะ ตอนนั้นพี่รับหวยด้วย เพื่อนชวนนะ ตอนแรกเล่นหวยไม่เป็นเลย
เดือนๆได้เงินจากรับหวยเป็นหมื่น


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

โห รับหวยนี่รวยนะคะ

สุขที่แท้จริง says:
รวยสิ เลยเอามาเล่น

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

จริงสิคนรับ ก็ชอบเล่นเองส่วนใหญ่

สุขที่แท้จริง says:
เล่นหวยงวดนึง 2 หมื่น จริงๆนะ เมื่อยังไม่ได้มาเจริญสติ เราจะพึ่งสิ่งต่างๆนอกตัว
แต่พอมาเจริญสติแล้ว เลิกเลยนะหมู จิตมันไม่เอาเลย
มันจะเห็นแต่เหตุและผลทันทีแบบไม่ต้องคิดเลย


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ดีจังค่ะ คือมันไม่ต้องรอ มีหลักฐาน ไม่เลื่อนลอย พิสูจน์ได้

สุขที่แท้จริง says:
ใช่หมู ธรรมะ สามารถพิสูจน์ได้
รู้เห็นได้ไม่จำกัดกาลคือ เหนือกาลเวลา เหนือทั้ง 3 โลก
ถ้าเรายังไม่เห็นด้วยตัวเอง ไม่มีวันจะเข้าใจเลยว่า ไม่จำกัดกาลคืออะไร


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ก็ ดูตัวเองเมื่อไร ก็เห็นเมื่อนั้น

สุขที่แท้จริง says:
นี่ขนาดเราเจริญสติมาแค่นี้เองนะ แล้วลองคิดถึงครูบาฯทั้งหลายสิ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ วันนี้นะคะ ตอนเดิน ก็ขี้เกียจมาก คิดว่าเออนะ ทำสองชั่วโมงต่อวันนี่ก็พอแล้วเนอะ
เหมือนพี่น้ำไง พี่น้ำบอกว่าอย่างต่ำ พี่น้ำทำสอง ชั่วโมง
แล้วก็คิดว่าเฮ้ย

สุขที่แท้จริง says:
กิเลสมันเนียน หาข้ออ้างอีก

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

คือก็คิดว่า เฮ้ย พี่น้ำเขารวยแล้ว เราจนแล้วยัง ไม่ทำมาหากิน ก็ยิ่งแย่
ตลกนะคะ มันคิดสารพัด

สุขที่แท้จริง says:
กิเลสน่ะ ต้องดูให้ทัน จิตคนเรานี่สุดยอดเลยนะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ทำไมหรือคะ

สุขที่แท้จริง says:
ทั้งซุก ทั้งซ่อน อะไรๆต่อมิอะไรไว้สารพัด
ถ้าไม่มาเจริญสติ พี่คงยังโง่ดักดานเหมือนเดิม คงจะใช้ชีวิตแบบโง่ๆ แบบที่เคยทำมา
ไม่เคยมีใครมานำทาง ไม่เคยมีใครบอกอะไร


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ก็ ยังทึ่งทุกครั้ง

สุขที่แท้จริง says:
เหตุนี่จริงๆเลยนะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เรื่องนี้น่ะค่ะ พี่น้ำ ลงมือทำ ทำคนเดียวเนี่ย
ไม่มีใครมายืนยัน สภาวะด้วย ไม่มีใครบอกว่าแยกนี้ๆ อันนี้แหละ มันเป็นแบบนี

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ ไม่เคย

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ทำได้ยังไง หมูล้มไปหลายรอบ เพราะเหตุนี้น่ะค่ะ
ก่อนหน้านี้ ที่สมัยเรียน ก็กิเลส ปรามาส ตกใจมาก เลิกเลย ไม่กล้าไหว้พระ เข้าวัด

สุขที่แท้จริง says:

เข้าใจความรู้สึกนะคะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ มันไม่รู้จะจัดการยังไง นึกแต่ว่าเราเป้นคบาปน่ะค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ นับว่ากุศลยังมีค่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ อธิษฐานกับหลวงพ่อจรัลบ่อยมาก ขอให้หาย

สุขที่แท้จริง says:
หลวงพ่อนี่สุดยอด ยอมรับนะ ตอนนี้ไม่โง่เหมือนเมื่อก่อนล่ะ
ชีวิตพี่ นับว่าเป็นชีวิตใหม่ เลือดใหม่ ตั้งแต่ได้มาเจริญสติแล้วแหละหมู
ตอนนี้ก็เหมือนอยู่ในจุดที่ปลอดภัย มีความสุขใจตามอัตภาพ
ไม่ต้องไปอาศัยสิ่งข้างนอกมาปรุงแต่งให้เกิดความสุข มันจะรู้อยู่ในใจน่ะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ เราผ่านกันมาตั้งกี่ภพชาติแล้ว อดีตก็คือความฝัน

สุขที่แท้จริง says:
ก็มีแต่คอยดูจิตตัวเองนะ อ่อ ... กิเลสตัวนี้ยังมีอยู่นะ มากน้อยพี่บันทึกไว้หมด ไม่โกหกตัวเอง



เกิดความผิดพลาด คือเรานึกว่าวันนี้ไม่มีสอน เพราะรู้สึกว่ายังไม่ถึงวันสอน มันแป๊ปๆเอง
เหมือนเวลามันหดเร็วมาก วันนี้ปาไปวันพฤหัสแล้ว ทั้งที่เรายังรู้สึกว่าเมื่อ วานซืนเป็นวันจันทร์เอง
แล้วก็ วันนี้พอรู้ว่าผิดพลาด รีบนั่งรถมาที่อีกตึกเพื่อสอน ก็นะ รู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ คือไม่รู้สึกว่าผิด
คือก็รู้ว่าตัวเองสะเพร่า บกพร่องต่อหน้าที่ แต่ว่ามันไปไปเกิด "ความรู้สึกผิด" ก็ใจมันเบาๆ
ปกติเจอแบบนี้เราจะเครียดมากๆ เลยนะ แล้วจะวนเวียนแต่นั่งโทษตัวเอง

ตอนนี้ที่พิมพ์มันก็กังวลผุดขึ้นมา ทีละนิดแล้วหายไป ว่า นี่เราจะกลายเป็นคนไม่รู้จักความผิด
หรือเปล่า หมายถึงผิดชอบชั่วดีน่ะ ทำไม ทำผิดต่อหน้าที่แล้ว กลับไม่กังวล ไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องใหญ่

เหมือนที่เพื่อนเราว่าๆ "ทำไมหมูทำเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็ก " ก็เป็นคำพูดที่จริงๆ
แล้วมันก็คือคำตำหนิน่ะนะ แต่ก็จริงของเขา แล้วก็ไม่ได้โกรธอะไร แต่พอเขียนนี่
มันถึงเห็นว่ามีกรุ่นๆ เพราะมันไปปรุงว่า หมายถึงคำตำหนิ ตอนนั้นที่ฟังหัวเราะไม่รู้สึกไรหรอก

แล้วก็ที่เห็นคือใจมันจะอิ่มนิดๆ เบาๆ เรื่อยๆ ช่วง 2-3 วันนี้นะ เหมือนจะเพลินๆ
แต่ไม่ได้เพลินอย่างเห็นได้ชัด

พี่น้ำบอกมันเป็นสุขประเภทหนึ่ง เป็นสุขทางธรรม ทำให้เรารู้สึกว่าเวลาผ่านไปไว
นั่นหมายถึงเราขาดสติ นั้นเอง ต้องระวังตัวเองให้มากกว่านี้

พอคิดเรื่องนี้ความไม่พอใจก็ผุดขึ้นมา แบบผลุบๆโผล่ๆ
ชักเข้าใจแล้วว่า ทำไมการเอาดีทางโลก กับทางธรรมถึงไปกันไม่ได้




เมื่อเจริญสติมาถึงจุดๆหนึ่ง จะรู้สึกว่า เวลาผ่านไปเร็วมากๆ จนบางครั้งจำวันไม่ได้
มีหลายครั้งต่อหลายครั้งที่จะไปทำงานในวันอาทิตย์ พอดีน้องเขาทักมาว่า พี่พรุ่งนี้วันอาทิตย์
ทำงานด้วยเหรอ

ถ้าเป็นทางโลก จะบอกว่า คนที่กำลังมีความสุข จะรู้สึกว่า เวลาผ่านไปเร็วมากๆ
ส่วนคนที่กำลังมีความทุกข์ จะบอกว่า ทำไมเวลาช่างเนิ่นนานเสียเหลือเกินกว่าจะหมดไปวันๆ

จริงๆแล้ว เวลายังคงเที่ยงตรงสม่ำเสมอ ไม่มีแปรเปลี่ยน ถึงแม้ว่าจะไม่มีเราเกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ก็ตาม
แต่เพราะความคิดของเรา จึงทำให้ดูเหมือน เวลานั้นเดินเร็วขึ้นหรือเดินช้าลง

ยิ่งเจริญสติมากขึ้นเมื่อไหร่ จะเห็นเวลาผ่านไปเร็วมากๆ เพราะว่ามีความสุขที่เกิดจาก
การเจริญสติเกิดขึ้น เพียงแต่เราตอนนั้นยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร ทำไมเราจึงมีความรู้สึกเช่นนั้น

พอมีสติมากขึ้นเรื่อยๆ ก็ยังมีนะ ความรู้สึกว่า เวลามันผ่านไปเร็วมาก จิตมันจะรู้สึกอิ่มๆอยู่ข้างใน
เพียงแต่ไม่หลงวันแบบเมื่อก่อน เดี๋ยวนี้ละเอียดมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน เลยไม่เคยลืมวันและเวลา

ส่วน ตอนนี้ ที่น้องเขาเข้าใจว่า " ทำไมการเอาดีทางโลก กับทางธรรมถึงไปกันไม่ได้ "
อันนี้เขาเพียงแต่รู้ เข้าใจ ตามสภาวะของเขา เมื่อเขาเจริญสติต่อไป
เขาจะเห็นเองว่า ไม่ว่าทางโลกหรือทางธรรม ล้วนไม่มีความแตกต่าง
เพราะมันเป็นหนึ่งเดียวกัน มันเป็นของมันแบบนั้น มันมีอยู่แบบนั้น
เพียงแต่ว่า ตอนนี้เขายังไม่เข้าใจเท่านั้นเอง

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ม.ค. 2010, 22:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 164


ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เสร็จแล้วค่ะพี่ 60/32 ค่ะ
ตอนเดินก็ รูเท้า ก็มีความรู้สึกทุกข์ แบบวอบๆแวบๆ คือขึ้นมาแล้วก็หายไป
ก็ยังมีตัววิพากวิจารย์อยู่ แต่ว่ามันไม่ได้เยอะ ก็ไม่ได้ไปสนใจมัน
แต่ก็มีบ้างบางช่วง ที่ไปสนใจมัน แต่ไม่นาน

มีเหมือนมดกัด คือเหมือนเจ็บยิบๆ มีคิดไม่ดี เริ่มต้นไป 1ครั้ง ขอขมาไป แล้วเดินต่อ
มีเผลอหลงไปคิด สรรเสริญตัวเอง

พอมานั่งก็รู้ตัว ช่วงแรกๆ สักพักใหญ่ก็ตกใจว่าอ้าวหลงไป ตอนนั้นจิตมันมเพิ่งถอนจากคิดพอดี
แล้วเห็นว่ามันลืมไปว่ากำลังทำอะไรอยู่ ก็มารู้กายใหม่ แล้วก็ไปอีกรู้สึกว่านั่งนานมาก

คันก้เกา และลืมตาก่อนเวลา 3 นาทีค่ะ หมดแล้วค่ะ วันนี้ทำรอบเดียวนะคะพี่
พอดีพรุ่งนี้ จะออกเช้าหน่อยนะค่ะ แล้วมันเหนื่อย

อ้อ มีหัวมันตึงๆ คือเหมือนมันโดนกดด้วยนะคะ

สุขที่แท้จริง says:
สมาธิน่ะหมู ตอนนี้สมาธิเริ่มดีขึ้น พี่ถึงให้เพิ่มนั่ง เพราะเห็นว่า สติเริ่มทัน

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อ่อ ค่ะพี่ ตอนเดินนึกขึ้นมาได้ว่าจะถามอะไรพี่น้ำ แต่จำไม่ได้ ลืมไปและ

สุขที่แท้จริง says:
ไม่เป็นไรค่ะ คราวต่อไปก็จดไว้ก่อนสิคะ
พี่จะชอบเขียนนะเวลาเดินจงกรม บางทีมันมีความคิดดีๆ เห็นสภาวะชัดเจนก็จะไปเขียนก่อน
เดี๋ยวมันลืม เขียนเสร็จก็มาเดินต่อ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อ๋อ ค่ะ ไว้คราวหน้าจะลองจดไว้ค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
แต่ถ้าเวลานั่ง เกิดความคิดที่พี่คิดว่าดีๆ ก็ช่าง ไม่มาลืมตาจดหรอกค่ะ
แต่จะกลับมารู้กาย ไม่งั้นมันจะไหลไปกับความคิด เหมือนแต่งกลอนที่เล่าให้ฟังไง
ถ้าเราไปสนใจมัน มันจะขึ้นมาเป็นขบวนรถด่วนเลย


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อ่อ จำได้ค่ะพี่ อ่อพี่คะ แหมะ เขิลจัง มีราคะด้วยนะคะ
หมูคิดว่า เฮ้ย ทำไมมีเนี่ย หมูว่ามันตกผลึก จากเรดเอ็ก 2 วันที่แล้ว

สุขที่แท้จริง says:
มีได้ค่ะ ก็พี่บอกแล้วว่า กิเลสมันจะถูกขุดออกมาหมด ทะยอยออกมาเรื่อยๆ
ก็เหมือนที่หมูบอกว่า เวลาเห็นคนหล่อๆแล้วจะอู้ฮูๆน่ะแหละ

พี่เองก็เป็นค่ะ แต่ไม่ได้มองแบบภาพหนุ่มหล่อ แต่เป็นความรู้สึก มันเกิดขึ้นเอง
พี่ก็นั่งดูมัน ไม่ไปวิพากย์วิจาร แต่นานมากๆ กว่ามันจะเกิดสักครั้ง


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ ปกติมันต้องมี สาเหตุเช่นเดินผ่านแผงหนังสือ สาวตู้มๆ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ มันเป็นเรื่องปกติ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

แต่นี่ ไม่ได้คิดภาพนั้นด้วยซ้ำนะคะ แต่ก้อลืมไปละค่ะ ไม่ได้อยู่นาน เกิดในใจน่ค่ะ
เฮ้อ เสียดาย งั้นเด๋วหมูไปทำอีกหน่อย แล้วมาส่งนะคะ
เสร็จแล้วค่ะ 20/10

ตอนเดินก็ มีความง่วง ง่วงข้างใน หนักๆ เพราะเผลอหลับตอนเสร็จแรอบที่แล้ว
ก่อนส่งการบ้านน่ะค่ะ แล้วมันก็มีติดมารอบนี้ ก็มีความไม่ชอบใจ ไม่อยากทำมันขึ้นมา
แล้วมันก็ขมขื่น แล้วลดลง แล้วขึ้นมาอีกบ่อยๆค่ะ

ก็มีความไม่พอใจ เวลาไปนึกถึงสภาวะที่ผ่านมาที่มันหลง ก็ทุกข์ใจขมขื่นขึ้นมาด้วย
แล้วก็ลดลง พอมานั่งก็รู้กายนั่งได้ แต่รู้แบบ ไม่จับกายส่วนใดเป็นพิเศษ
รู้ว่ากายขยับ แล้วก็มีคิดด้วย แต่จำไม่ได้คิดอะไร คือ คิดไปด้วยรู้กายไปด้วยความยินดี
ว่าเห้นสภาวะก็มีค่ะ ตอนเดิน ก็รู้ไป

สุขที่แท้จริง says:

แล้วคิดยังไงถึงทำต่อล่ะคะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

คิดเสียดายค่ะ เสียดายเวลา

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ อันนี้เรื่องจริงค่ะ พอสติดีแล้วนี่ เล็กๆน้อยๆเอาหมด ขอให้ได้ทำ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ นี่ขอลาพักร้อนไว้ ไม่รู้อนุมัติหรือเปล่า ช่วงนี้ ทำงานไม่เป็นโล้เป้นพาย

สุขที่แท้จริง says:
ทำไมล่ะคะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

คืองานสอนก็สอนเต็มที่น่ะและค่ะ แต่งานยุบยิบๆ
มันเยอะปกติหมูจะใช้เวลาที่เหลือ ทั้งหมดนอกเวลางานมาทำ มันถึงจะสำเร็จ หมด

แต่ตอนนี้เอามาเจริญสติ งานหลักยังทำ ทำให้งานเล็กๆ ที่คนสั่งใทำมันช้าน่ะค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
มิน่าหมูถึงเหนื่อย อีกหน่อยมันจะคล่องตัวค่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ หมูก็ต้องเลือกน่ะค่ะ คือสมมติหมูทำงานทุกชิ้นออกมาดีหมด นั่นคือหมูไม่มีเวลาเจริญสติ
และถ้าทุกชิ้นดีหมด งานหมูก็จะยิ่งเยอะขึนอีก เพราะใครทำได้ ทำดี ก็จะยิ่งได้งาน
หมูเลยต้องปฎิเสธไปบ้าง

สุขที่แท้จริง says:
อ่าใช่เลยย สังคมมันเป็นแบบนั้นจริงๆ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

แต่ก่อนไม่กล้าหลอกค่ะ ทุกวันนี้ Project หมูเยอะมากกกกกกกก
เวรกรรมของหมูแหละ ก่อนหน้านี้ชอบบังคับเพื่อน ให้ทำงานเยอะเพราะตัวเองบ้างาน

สุขที่แท้จริง says:
เจอเลยย

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะ โอ้ยตอนนั้นบ้ามาก พี่คิดดูนะคะ เงินเดือน 6000 แต่ทำงานถึง 4 ทุ่ม บ้าไหมคะ
ไม่ได้โอทีด้วย อาสาเอง ทำให้ดี ทำให้ได้ บ้าบอจริงๆ
กดดันเพือน เพื่อนขอเปลี่ยนตำแหน่งเลย ตอนนั้นไม่เข้าใจเพื่อน ว่าทำไมฟระ

สุขที่แท้จริง says:
เพราะความไม่รู้นี่จริงๆเลยนะ เลยไปเบียดเบียนทั้งตัวเองและผู้อื่น

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ ไม่แปลกใจเลย ว่าเพื่อนขอเปลี่ยนงาน เนี่ยเจอกะตัวเอง
มันจะเยอะไปถึงไหนฟร่ะ เสียสมดุลย์ชีวิตหมด ถ้าลาพักร้อนสำเร็จ จะได้ใช้ชีวิต ช้าๆบ้าง

สุขที่แท้จริง says:
ตอนนี้เรามาสร้างเหตุดีแล้วหมู ขอให้อดทนเจริญสติไป เพราะผลในอนาคต ดีแน่นอน
ช่วงที่ไม่ดี คือการชดใช้และเป็นการทำข้อสอบด้วย


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่น้ำ ไอ้ใจเบาๆ นี่ หมูชักลัวติดใจ

สุขที่แท้จริง says:
เรื่องธรรมดาค่ะ มันไม่ได้มีตลอดเวลาหรอก มันเหมือนการให้รางวัล แล้วก็โดนทดสอบต่อ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อ่อ นี่เอง ที่พี่น้ำบอก สภาวะจะใรางวัล ที่เคยอ่าน

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ ฉะนั้นไม่ต้องกลัวว่าจะติดใจ ถ้าเจอสภาวะสงบและใจเบาไเกิดขึ้นเมื่อไหร่
เตรียมตัวได้เลย เจอแน่ๆ สติดีกลัวอะไรล่ะคะ
สติไม่ทันก้สอบไม่ผ่าน เด๋วโดนทำข้อสอบใหม่ สติก็ทันสักวันค่ะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อืมๆค่ะ อ่อนึกออกแล้ว ตอนเดินนะค่ะ คิดขึ้นมาเรื่องส่งการบ้าน
ว่า นี่ถ้าไม่มีพี่น้ำให้ส่งการบ้านนะแย่เลย ดูตัวเองไม่ค่อยออก

แล้วมาคิดว่า แล้วพี่น้ำทำ ได้ส่งการบ้านบ้างไหม จำได้ว่าพี่น้ำบอกทำเองหมด
ไม่ได้ส่งการบ้านเลยเหรอคะ

สุขที่แท้จริง says:
เขียนใส่สมุดเอง แล้วจะไปส่งกับใครล่ะ แต่เขียนตลอด เขียนทุกวัน
แล้วมันก็ได้คำตอบในสิ่งที่สงสัย คือเวลาสงสัยอะไรเกี่ยวกับสภาวะจะทำหมายเหตุเอาไว้
มันจะรู้ มันรู้เอง เพียงแต่ติดนานมาก ติดสมาธิเป็นหลายปีมั๊งง


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อึ้ง อยู่ค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
นั่งแล้วไปเลย ขาดความรู้สึกตัว

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

แล้วพี่น้ำรู้ได้ไงละคะ ว่าต้องทำไง

สุขที่แท้จริง says:
กลับไปวัดอัมพวันใหม่ ทีนี้ไปที 7 วัน 3 วันไม่ได้อะไร

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะหมูเคยไปแต่ 3วัน

สุขที่แท้จริง says:
ก็เป็นปีนะ กุศลคงมีน่ะ วันนั้นปฏิบัติที่ศาลาสุธรรมภาวนา
อจ. หรือพี่เลี้ยงที่คุม จะเดินดูทั่ว คนไหนดิ่งเขาจะรู้ พวกนี้จะไหล่ห่อ คอตก หลังโก่ง

ทีนี้พอเดินมาถึงตรงพี่เขาก็พูดว่า เสียงหนอๆๆๆ พอได้ยินเสียงหนอ พี่ก็เริ่มรู้สึกตัว
เขาก็บอกว่า ให้เรากำหนดรู้หนอ อย่าเพิ่งตั้งตัวพรวดพราด กำหนดรู้หนอๆๆๆ
แล้วค่อยๆขยับตัวนั่งให้ตรง สมาธิจะได้คงที่ไม่หายไปไหน พี่ก็กำหนดตามเสียงที่บอก

ทีนี้เป็นอีก ครั้งที่สอง ก็เริ่มกำหนดตามเสียงที่บอก ยังรู้ตัวเองไม่ได้น่ะ
มันยังคงดิ่งเหมือนเดิม

มหัศจรรย์ครั้งต่อไป
ครั้งนี้ โดนฟาดหลังดังป้าบ เหมือนคนตีหลังช่วงไหล่เราน่ะ พี่ก็ตกใจลืมตามอง


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

โอ้โห ใครคะ

สุขที่แท้จริง says:
ก็ตอนแรกคิดว่าพี่เลี้ยง มองหา พี่เลี้ยงอยู่ท้ายศาลา พี่นั่งอยู่ด้านหน้า คนอื่นๆนั่งห่าง
โอกาสที่จะเอื้อมมือมาถึงมันยาก ตั้งแต่นั้นมา หายดิ่งเลย
ทีนี้เข้าออกสมาธิได้คล่องแคล่วกว่าเดิม คือ จะเข้าออกตอนไหนก็ได้


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เป็นจุดเปลี่ยนเลยนะคะ กลับบ้านก็ไม่ดิ่งแล้วใช่ไหมคะ

สุขที่แท้จริง says:
เรียกว่า ยังไม่ทันจะนั่งจิตมันก็รวมตัวแล้ว บางครั้งนั่งลงไปหายใจเขายังไม่ทันออก
จิตก็เป็นสมาธิแล้ว หายสนิทเลยหมู

ก็เลยได้เทคนิดในการแก้คนดิ่งตรงนี้มา ให้กำหนดรู้หนอๆๆๆ
แล้วควรจะมีคนคุมอยู่ด้วย ให้เขาสะกิด


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะเหมือนเวลา พี่น้ำสอนหมู แต่ถ้าไม่มีคนฟาด เราก้เพิ่มเดินลดนั่ง

สุขที่แท้จริง says:
อ่าา ใช่แล้วนั่นแหละ เมื่อก่อนพี่ไม่มีความรู้ตรงนี้เลย พี่เลยปรับไม่เป้น

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ แตงกวาสมาธิเยอะ ไว้จะค่อยๆตะล่อมเดินเพิ่มทีละนิด

สุขที่แท้จริง says:
กุศลของแตงกวาน่ะ เคยสร้างเหตุมาร่วมกัน

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

แสบมากค่ะ เจ้านี่ ล่าสุด นั่งรถไปด้วยกัน แม่บ่นน้องว่า แตงกวาอย่าโมโหสิ
เขาบอกว่า คนทุกๆคนก็มีความโมโหทั้งนั้นแหละ สุดๆน่ะค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
เขาฉลาดน่ะ เด็กพวกนี้จะมีพรสวคค์ชดเชยในปมด้อยของเขา

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เขา ฉลาด มีไหวพริบน่ะค่ะ ตาเจ้าเล่ห์มาก
อ้อวันนี้ได้ข่าวมาว่า รู้สึกจะมีโบนัสนะคะ แต่คงไม่เยอะ ตื่นเต้นกันใหญ๋

สุขที่แท้จริง says:
ธรรมดาน่ะ ของฟรี ใครก็อยากได้
ลองให้เลิกระหว่างมีงานทำ กับไม่มีโบนัส แล้ว ไม่มีงานทำ จะเอาอย่างไหน


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เอางานค่ะ ดีกว่าอด

สุขที่แท้จริง says:
พี่เฉยๆนะ มีไม่มี ไม่เดือดร้อนอะไร เพราะมันไม่ใช่เงินของเรา มันเป็นเงินเมตตา

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ใช้คำดีจังค่ะพี่ เงินเมตตา เงินเมตตาจริงๆนะคะ

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ ถ้าเขาไม่เมตตา เขาจะเอากำไรแต่ฝ่ายเดียวก็สิทธิของเขา ทำไม่ทำเขาไม่สน
เขาถือว่าเงินเดือนนั่นคือค่าตอบแทนแล้ว


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ใช่ค่ะพี่ เจ้าของบริษัทหมูเขาใจดีนะคะ ขาดทุนจะแย่ ยังให้

สุขที่แท้จริง says:
จิตส่วนลึกเขาเราไม่รู้หรอก
เขาอาจจะให้เราทั้งๆที่เขาทุกข์ แต่เขาต้องให้เพื่อรักษาหน้าเอาไว้


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อืมม ก็จริงค่ะ เราไม่รู้

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ ฉะนั้นได้หรือไม่ได้ ไม่ควรยินดีหรือเสียใจหรือไปรู้สึกอะไรกับมัน

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

แหะๆ ยังดีใจอยู่บ้าง

สุขที่แท้จริง says:
ถ้าเขาให้แล้วจริงๆเขาทุกข์ พอสักวันหนึ่ง เหตุนั้นเกิดกับเรา เราเข้าใจเลย
ธรรมดาน่ะหมู ของฟรี เงินฟรี ใครๆย่อมอยากได้


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

กำค่ะ ถ้าเขาให้เรา เขาทุกข์ เราก็จะเจอด้วยเหรอคะ

สุขที่แท้จริง says:
เจอค่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เราไม่ได้บังคับเขา ...อ่า

สุขที่แท้จริง says:
ทุกอย่างมีเหตุค่ะ เพราะเรายินดีในสิ่งที่เขาให้มา

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เพราะเรายินดีเหรอคะ โอ้ว ถ้าเราเฉยๆละคะ

สุขที่แท้จริง says:
เราเฉยๆก็ไม่ส่งผลอะไร แต่หาเจอเหรอคนเฉยน่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ม่ายยยเจอ

สุขที่แท้จริง says:
ไม่มาเจริญสติ ไม่มีทางหรอก

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อืมพี่คะ วันนี้มันเก็ทขึ้นมา คำพูดพี่น้ำ ที่บอกว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันมีของมันอยู่แล้ว
ถึงไม่มีเราก็มีอยู๋แล้ว คือทุกครั้งที่อ่านก็ไม่เข้าใจ

ไม่เข้าใจว่าไม่มีเรา จะมีไอ้พวกนี้ได้ไง เราตายมันก้อหายไปกะเรา
แล้วมาคิดว่า มันแหมือนรู้สึกว่าอันนี้หรือเปล่า

คือ อารมณต่างๆ มันมีของมันอยู่อย่างนั้น ในอารมนั้น ไม่มีความเป็นเรา
ถึงเราจะไม่รู้สึกว่าเป็นเรา มันก็ยังมีอยู่

สุขที่แท้จริง says:
อารมณ์เกิดจากอะไรคะ เอ้าา หมูพูดให้จบก่อน ตามที่ต้องการพูดน่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อืมค่ะ คือหมูเห็นว่า มันมักจะเกิดจากการไป ระลึกถึงเรื่องที่พอใจบ้าง ไม่พอใจบ้างน่ะค่ะ
ก็จะตามมาด้วยอารม มันไปนึกก่อน แล้วเป็นพอใจไม่พอใจ
หรือโดนกระทบก่อน มีแค่นี้ค่ะ


สิ่งที่เขาถามมานั้น หมายถึงตัวของเขาเอง อัตตาตัวตน ( ตัวผู้รู้ )


สุขที่แท้จริง says:
หมูไล่สภาวะดูนะ ไล่ทีละขั้น อารมณ์เกิดจากอะไร
เกิดการจากกระทบ ถูกไหม


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ใช่ค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
ถ้าไม่มีเรา จะมีการเกิดกระทบไหม

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อืม มันก็ยังมี ไม่แน่ใจค่ะ มีกายนี่ค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
ตราบใด ที่ยังมี " เรา " หรือ ไม่มี " เรา " การกระทบมันมีเกิดขึ้นตลอดเวลา
แต่เราตัวหน้า กับเรา ตัวหลัง มันคนละสภาวะกันนะคะ

จิตเกิดดับตลอดเวลาค่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

คือ การกระทบกัน แล้วเกิดความพอใจ ไม่พอใจ

สุขที่แท้จริง says:
นั่นคือ เราตัวแรก

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เราก็ดูความพอใจไม่พอใจ ก็เห็นว่าความพอใจ นั้นดับไป
ความพอใจเป็นแค่ อารม ไม่ใช่เรา

เรียกว่า จิตเห็นจิต จิตตานุปัสสนา

สุขที่แท้จริง says:
นี่คือมีสติ สัมปชัญญะในระดับหนึ่ง เพราะยังมีการพิจรณา
ยังมีการเกิดผลของการกระทบคือ ความพอใจ และไม่พอใจกับสิ่งที่มากระทบ

ถ้าไม่มี มันจะอุเบกขาค่อ คือ นิ่ง ไม่มีทั้งพอใจและไม่พอใจ

ผู้ดู ผู้รู้ ตัวผู้รู้ คือใคร

มีคนอีกจำนวนมากที่พยายามหาว่า " ผู้รู้ " ครูบาฯกล่าวถึงนี่คือใคร .. บ้างก็นำมาถกเถียงกัน
บ้างก็นำมาเอ่ยอ้างกัน แต่ไม่มีใครขยายใจความเลยสักคนเดียว แล้วผู้รู้คือใครกันล่ะ
ผู้รู้นี่ก็คือ จิตเรานี่เอง แต่มีหลายสภาวะ ตามกำลังของสติ สัมปชัญญะ

ตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมา จนกระทั่งปิดเปลือกตาลง จะมีสองสิ่งที่เกิดขึ้น ...
เมื่อเราลืมตาขึ้น .. จะมี ผู้ดู เกิดขึ้น ... และ สิ่งที่เกิดขึ้น
ซึ่งมันมี มันเป็นของมันแบบนั้นอยู่แล้ว ไม่ว่าจะมีผู้ดูหรือไม่มีผู้ดูก็ตาม
พอลืมตาได้สักพัก ... เริ่มมองเห็นสภาพรอบๆตัวชัดเจน

ตอนนี้เริ่มมี ผู้รู้ เกิดขึ้น กับ สิ่งที่ถูกรู้
ทำไมถึงเรียกว่าผู้รู้ เพราะเขารู้ และ สิ่งที่เขาเห็นแล้วเรียกนั้น เป็น สิ่งที่ถูกรู้

ต่อมา มี ตัวผู้รู้ เกิดขึ้น .. ตัวผู้รู้ เกิดขึ้นจากอะไร เกิดจากเอาตัวตน
ที่ตัวเองคิดว่าตัวเองมีตัวตน เข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ถูกเห็น

แล้วสิ่งที่ถูกรู้จะเปลี่ยนสภาพเป็น ใช่ และ ไม่ใช่ ถูก และ ผิด พอใจ และ ไม่พอใจ
เลยเป็นการก่อภพก่อชาติ ก่อเหตุขึ้นมาใหม่ ไม่รู้จักจบจักสิ้น

เมื่อคนๆนี้ ได้เจริญสติปัฏฐาน 4 ย่อมมีสติ สัมปชัญญะมากขึ้น ...
ตัวผู้รู้ ที่มีอยู่ ย่อมลดน้อยลงไป สุดท้ายเหลือเป็นเพียงแค่ ผู้รู้
ส่วนสิ่งที่มีคำว่า ใช่ และ ไม่ใช่ ถูก และ ผิด พอใจ และ ไม่พอใจ ย่อมแปรสภาพกลับมา เป็น สิ่งที่ถูกรู้

ต่อมาเมื่อ มีสติ สัมปชัญญะมากขึ้น ผู้รู้ ย่อมหายไป จะเปลี่ยนเป็น ผู้ดู และ
สิ่งที่ถูกรู้จะเปลี่ยนเป็นสิ่งที่เกิดขึ้น

และสิ่งที่เกิดขึ้นจะแสดงเป็นไตรลักษณ์ให้เห็น ซึ่งมันมีของมันอยู่แล้ว
เพียงแต่เรายังมองไม่เห็นเท่านั้นเอง เพราะตราบใด ที่ยังมีเราเขา( ตัวผู้รู้ )เข้าไปเกี่ยวข้อง
ไม่สามารถมองเห็นตามความเป็นจริงได้เลย

ผู้ดู (มี สติ สัมปชัญญะดี ) สิ่งที่มากระทบ คงสภาพตามที่เป็นคือสิ่งที่เกิดขึ้น ..
ไม่มีเหตุ ( ไม่มีการกระทำ ) ย่อมไม่มีผล ( ผลที่ได้รับจากการกระทำ )

ผู้รู้ (เริ่มมีตัวตน )สิ่งที่มากระทบกลายเป็น สิ่งที่ถูกรู้ ... มีเหตุนิดๆคือความคิด ผลย่อมมีแน่นอน
( กรรมคือการกระทำ วิบากคือผล ถึงจะเป็นเพียงความคิด ก็ต้องรับผลแน่นอน มากน้อยอยู่ที่คิด )

ตัวผู้รู้ ( สิ่งที่มากระทบ + ตัวกู ) ... สภาวะเปลี่ยนไป เป็น ชอบใจ ไม่ชอบใจ ถูก ผิด ทุกข์ สุข
ตามความคิดของตัวเอง ตัวนี้แหละสำคัญก่อภพก่อชาติไม่รู้จบ



ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

กระทบแล้วนิ่งเลยเหรอคะ

สุขที่แท้จริง says:
มันไม่ปรุงเลย อย่างเสียงที่มากระทบ เรารู้แค่ว่าเสียง รู้ว่ามันมี แต่ไม่ไปรู้กับมัน
ไม่เลยไปถึงตัวบัญญัติว่าเสียงอะไร


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อื้อหือ

สุขที่แท้จริง says:
การปรุงแต่งเลยไม่เกิดขึ้น

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ทำต่อไปอะค่ะ พี่น้ำอธิบายเห็นภาพ ไว้หมูทำไปเรื่อยๆ

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ เหมือนที่หมูได้ยินเสียงเขาร้องคาราโอเกะน่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่

สุขที่แท้จริง says:
ถ้าสติหมูดี หมูจะนั่งสมาธิท่ามกลางเสียงดังๆเหล่านั้นได้ มันจะรู้อยู่ในกายตลอด
เสียงได้ยินไหม ได้ยิน แต่สักแต่ว่าเสียง ไม่ไปปรุงว่าเสียงดังเสียงเบา มันแค่เสียง


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ เคยเป้นค่ะ ตอนหลบไปนั่งในห้องน้ำ เสียงกดน้ำดัง
ก็มันก็นั่งได้ แล้วก้รู้กาย ไม่หงุดหงิด

สุขที่แท้จริง says:
นั่นแหละ มันจะไม่มีอารมณ์ใดๆเกิดขึ้นเลยสักนิดเดียว

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

แต่ยังไม่ถึงขนาดไม่มีอารมค่ะ เพียรต่อไป

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ ถูกต้องค่ะ พอเจอสภาวะ จะบ้างอ้อเลย แบบนี้นี่เอง




กิเลสรายวัน คิดกะคนอื่นในแง่ลบ คือคิดว่าเขาคิดไม่ดีกะเรา เพราะดูจากสีหน้าเขา
แล้วเลยเกิดความรู้สึกไม่ชอบใจเขา

ตัวที่ชอบว่าชาวบ้าน วันนี้มันเห็นบ่อยๆ ทั้งวัน มันไม่ไดขึ้นเป็นคำว่า แต่เป็นความรู้สึกที่เรารู้ในใจ
ก็มีกำหนดในใจ เพื่อเลี่ยงไม่ให้มันขึ้นเป็นคำ หรือก่อตัวชัดเจน และเราก็กลัวมัน พอเห็นแล้วเราก็กลัว
กลัวว่าจะต้องรับผลกรรมจากจิตตัวนี้ แล้วก็จินตนาการต่อว่า ถ้าเกิดอีก แล้วเราอาจต้องเป็นแบบนั้น
แต่จิตเป็นของห้ามยาก มันเกิดขึ้นไปแล้วเราถึงได้รู้ รู้สึกว่าต้องรับกรรมไปก่อน

มีความอยากเอาชนะ ต้องดีกว่าคนอื่น เหนือกว่าคนอื่น ต้องได้รับคำชม ต้องเปรียบเทียบ
ถ้าดีกว่าก็พอใจ พอใจแบบทุกข์ๆ ร้อนๆ ถ้าไม่ดีกว่าเขาก็ไม่พอใจ

ระหว่างเขียน กิเลสพยายามจะให้เกลาเป็นข้อความดีๆ มันไม่ชอบให้ว่าตัวเอง มันไม่ยอมรับ
ขอให้ได้ดัดแปลงๆ นิดๆหน่อยๆ ให้ดูดีขึ้นก็เอา

ความคิด ที่ชอบพอก ให้ตัวเองดี มีมาให้เห็นเรื่อยๆ แทรกซึม ทีละเล็ก ละน้อย ยิบๆ
อยากให้คนอื่นชมตัวเอง

เมื่อเช้านึกออกจำไม่ได้ว่าอะไร อ้อนึกออกแล้ว นึกขึ้นได้ว่า ความพอใจเกิดขึ้นได้ง่ายโดยไม่มีเหตุผล
ที่สมควร เช่น ถ้าเราคุยกะใครแล้วความเห็นลงรอยกันเราก็พอใจแล้ว ถึงแม้เรื่องนั้นจะถูกหรือเปล่า
ก็ไม่มีใครรู้


ช่วงนี้เป็นสภาวะทบทวนกิเลสของโยคีเอง กิเลสที่มีอยู่ในจิตจะถูกขุดคุ้ยขึ้นมา
และเป็นช่วงที่โยคีจะต้องใช้สติ สัปชัญญะอย่างมากในการระงับตัวเอง
ที่จะไปตอบโต้ผู้อื่น ซึ่งเป็นการสร้างเหตุใหม่ให้เกิดขึ้น

เหตุมี ผลย่อมมี การกระทบที่เกิดขึ้น ล้วนมีเหตุมาก่อน ผลที่ได้รับจงเป็นเช่นนี้
ให้มีสติ สัมปชัญญะ รู้ลงไปกับสิ่งที่เกิดขึ้น โดยไม่ไปคิดเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขใดๆทั้งสิ้น
แล้วทุกอย่างจะจบลงด้วยตัวของเหตุและผล หรือ ตัวของสภาวะเอง

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ม.ค. 2010, 21:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 165


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ

เสร็จแล้วค่ะพี่ 60/35 ค่ะ
ก็รู้เท้า แต่มันคิดเยอะ คือ ความไม่พอใจ มีหลายตัวน่ะค่ะ พอเราไปคิด ปรุง
มันก้อมีความไม่พอใจ ตามประเภทของการปรุง ก็ยังรู้เท้าด้วย ก็มีคิดอคติกะแม่
มันไปปรุงแล้วนึกขึ้นมาได้ ก็กำหนดรู้หนอ แล้วไปต่อ

ก็มีความตระหนี่ ใจมันไม่ยอม ที่เคยเบ่นให้ฟังว่า จะชำระหนี้สงฆ์น่ะค่ะ มันก็ไม่อยากชำระเยอะ
ใจมันก็เถียงกัน ดิ้น อึดอัด ไม่พอใจ งก เยอะอะค่ะ สักพักก็เบาบางลง
แล้วก็ไปมีกิเลสเรื่องอื่นต่ออีก แต่ลืมไปแล้วว่าเรื่องอะไร ตอนนั้นก็รุ้ทันมันนะคะ

ส่วนความไม่พอใจ ที่เล่าให้ฟังก่อนการคิดปรุงตะหนี่ มันมาเป็นระยะ แต่ไม่นาน ก็มีตัวที่คอยดู
ว่าวันนี้ปฎิบัติเป็นไงอยู่ด้วย คอยดูว่า ดีไหม นั่นแหละคะ

แล้วก็ไม่อยากเล่าให้พี่น้ำฟัง ไอ้กิเลสความตะหนี่น่ะค่ะ แล้วก็มีตัวที่มันยึด ว่า ต้องไม่ปรามาส
ขึ้นมา แล้วหายไป ปกติตัวนี้จะมาก่อน แล้วตามมาด้วยการปรามาส แต่ก่อนนึกว่ามันเป็น
ความกลัว แต่วันนี้เห็นว่ามันเป็น ตัวไม่ยอม ยึดถือว่าห้ามทำ แล้ววันนี้ตอนเดินเข้าห้องน้ำออกมา

เดินจงกรมต่อ เห็นตัวเองในกระจก ก็ รู้สึกว่านั้นไม่ใช่เรา ไม่ชิน เนี่นเหรอหน้าตาเรา
สักพักความรู้สึกนั้นก็หายไป มีกิเลส คิดว่าตัวเองอยู่เหนอคนอื่นแล้วไปยิ้มเยอะเขาด้วย
เยาะ อันนี้เห็นระหว่างกลับบ้านน่ะค่ะ จำได้เลยบอกมาด้วยเลย

พอมานั่ง ก็รุ้กายแรกๆ แล้วนึกว่ารู้กาย ปรากฎว่า มารู้สึกอีกทีอ้าว เมื่อกี้หลง มันไม่มาจับกายค่ะ
แล้วก็ไปอีก แล้วค่อยกลับมารู้ว่าไปอีก ที่จิตช่วงหลังๆ ก็ใกล้หมดเวลา ตอนหมดเวลาก็ สะดุ้ง
ขาดสติค่ะ กำลังใจลอยคิดพอดี จบแล้วค่ะ มีขยับตัว ยืดขาตอนนั่งด้วย อ้ออีกนิดค่ะ
ยังมีเวทนาเหมือนตัวอะไรกัด แต่มันเจ็บจี๊ดๆ น่ะค่ะ แหลมๆ

1/30/2010 12:30:58 AM (L)สุขที่แท้จริง(L)
ช่วงนี้ก้ขุดกิเลสตัวเองอ่ะนะหมู สภาวะมันจะให้เรายอมรับในสิ่งที่เราเป็น ที่เรามี

1/30/2010 12:31:12 AM ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ
ค่ะพี่ ก็ยังยึดถือการปฎิบติค่ะ

1/30/2010 12:31:20 AM (L)สุขที่แท้จริง(L)
ยอมได้เมื่อไหร่ มันก็สงบลงไป ตัวอื่นมาต่อ

1/30/2010 12:31:26 AM ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ
ยังไม่พอใจ

1/30/2010 12:31:26 AM (L)สุขที่แท้จริง(L)
เพราะยังยอมไม่ได้ไง

1/30/2010 12:31:48 AM ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ
ค่ะพี่ หมูก้อ ดูมันไปต่อน่ะค่ะ

1/30/2010 12:32:02 AM (L)สุขที่แท้จริง(L)
เอานะ พี่ตั้งกี่ปีล่ะ

1/30/2010 12:32:08 AM ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ
มันขึ้นมาเป็นพักๆ

1/30/2010 12:32:13 AM (L)สุขที่แท้จริง(L)
ฟัดกับกิเลสตัวเอง

1/30/2010 12:32:14 AM ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ
รู้แล้วเด๋วก็ ไป ค่ะพี่

1/30/2010 12:32:27 AM (L)สุขที่แท้จริง(L)
ตั้งสติ ดูมันค่ะ เราทำมาทั้งนั้นแหละ

1/30/2010 12:32:45 AM ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ
ช่วงนี้มันกลับมาอีกแล้ว ไอ้ตัวทีเที่ยวปรามาส คนไปทั่วน่ะค่ะ

1/30/2010 12:33:11 AM (L)สุขที่แท้จริง(L)
นั่นแหละ บอกแล้ว สภาวะมันจะมาให้หมูทำข้อสอบตลอด

1/30/2010 12:33:32 AM ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ
จิตอิมๆหายไปแย้ว มิน่า นี่หมูลาพักร้อนได้ละ

1/30/2010 1:18:25 AM (L)สุขที่แท้จริง(L)
ทุกคนมีกรรมเป็นของๆตน

1/30/2010 1:18:26 AM ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ
ค่ะ 2 วัน จะอยู่กับตัวเอง

1/30/2010 1:19:05 AM (L)สุขที่แท้จริง(L)
ดีค่ะ นั่งทบทวนกิเลส

1/30/2010 1:19:29 AM ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ
กะจะทำอะไรช้า ไม่เร่งรีบ

1/30/2010 1:20:09 AM (L)สุขที่แท้จริง(L)
ดีแล้วค่ะ เจริญสติไป ดูจิตไปด้วย

1/30/2010 1:20:27 AM ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ
ค่ะพี่ วันนนี้เจออีกดอก นึกขึ้นได้ตอนอาบน้ำ แล้วขำเลยค่ะ ทุกคนในทีมหมูจะมีโปรเจก
แล้วทุกคนต้องให้ความร่วมมือกับโปรเจกคนอื่นด้วย ไม่งั้นโปรเจกที่ตัวเองถืออยู่จะไม่สำเร็จ
หมูก็เผลอไปคิด ว่าเออนะ ถ้าไม่ให้ความร่วมมือชั้น ชั้นจะไม่ทำโปรเจกธเธอ

คิดแผ่วๆเอง กิเลสน่ะค่ะ มันฮึดฮัด หมูตามงานชาวบ้านไม่เก่งหรอกค่ะ มักไม่สำเร็จแล้วมัน
จะรู้สึกว่าเออทีของชั้นยังไม่ทำเลย ทีนี้ วันนี้คุยโทรศัพท์กะรุ่นพี่คนนั้น เขาตามงานโปรเจกเขา
แล้วหมูก้อทำผิดทำถูก เขาก็พูดประโยคหมูเลย แซ่บหลาย

1/30/2010 1:23:30 AM (L)สุขที่แท้จริง(L)
อยัมภะทันตา

1/30/2010 1:23:41 AM ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ
อะไรคะ อยัมภะทันตา

1/30/2010 1:23:47 AM (L)สุขที่แท้จริง(L)
กรรมทันตาเห็น

1/30/2010 1:23:53 AM ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ
อ้ออ นี่คิดไปแค่ 2 วัน กลับมาเร็วมาก

1/30/2010 1:24:11 AM (L)สุขที่แท้จริง(L)
มาถูกทางแล้วค่ะ

1/30/2010 1:24:14 AM ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ
แล้วที่หลงตึก น่ะค่ะ ที่ลืมวันเทรน นึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้ มีเหตการคล้ายกะแบบนี้กิดขึ้นกับคนอื่น
ตอนนั้นก็พยายามห้ามใจนะคะ แต่มันก็อดรู้สึก ในแง่ลบกะเขาไม่ได้ เจอเองเลย นึกขึ้นมาได้

1/30/2010 1:25:50 AM (L)สุขที่แท้จริง(L)
มาถูกทาง จะถูกชดใช้ทันตาเห็น ทำให้เราสำรวมกาย วาจา ใจ มากกกก

1/30/2010 1:26:00 AM ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ
ค่ะพี่ ตอนนี้ หด หมด ใจก็หด กำลังจะคิดก้อรีบหด ยินดีมากค่ะพี่ ถึงจะยาก

1/30/2010 1:26:45 AM (L)สุขที่แท้จริง(L)
แบบสติมันจะสวนขึ้นทันตา พอจะคิดนะ

1/30/2010 1:26:52 AM ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ
มันกลัว

1/30/2010 1:27:23 AM (L)สุขที่แท้จริง
ใช่กลัว มันแบบว่า เราคิดยังไง คนอื่นเขาก้คิดกับเราแบบนั้น
เราไม่อยากให้ใครมาว่าเรา เราก้ต้องไม่ว่าเขา


1/30/2010 1:27:35 AM ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ
กลัวจิงๆ

1/30/2010 1:27:42 AM (L)สุขที่แท้จริง(L)
กลัวปัญหาที่ตามมา

1/30/2010 1:27:52 AM ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ
แต่อย่างที่หมูเขียนำเลสประจำวันหน่ะค่ะ จิตหมูมันเทียวมองเขาในแง่ลบ หน้ายิ้ม แต่ใจคด
คดไปแล้ว มันขึ้นมาแล้วรู้ แล้วก็กลัว ต้องรีบสะสม สติให้ทันกิเลส

1/30/2010 1:29:41 AM (L)สุขที่แท้จริง(L)
เจอไวก็ชดใช้ไว ชดใช้ไว ก็หมดไว ทางก้สะดวกขึ้น
ทำไปค่ะ นี่แหละ ดีที่สุดที่จะหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว ในชาตินี้

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ม.ค. 2010, 14:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 166



งไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เสร็จแล้วค่ะพี่ 60/35 ตอนเดินก็รู้เท้าค่ะ รู้ได้ชัดเหมือนกันนะคะ
แต่ว่ามันจะไม่ได้จับอยยู่แต่ที่เท้า ไม่ได้รู้แต่ท้า

ความคิดก็มีตลอด เห็นว่าเหมือนจิตมันคิดตลอด ทั้งที่รู้เท้าชัดเป็นธรรมชาติ
แล้วก็มีอาการเหมือนมดกัด มี เจ็บที่ท้อง เจ็บข้างในหลายๆครั้งค่ะ มุมโน้นมุมนี้

มันไม่ได้ติดกันแต่เจ็บเป็นจังหวะ พอหายไปสักพัก ก็มีมาใหม่ ก็มีตัววิพากวิจาร
มีความอยาก มีความกลัว กลัว ไม่ได้เจริญสติกลัวมาก แต่มันไม่ได้กลัวติดกัน
กลัวฮึดๆ แล้วหาย แล้วฮึดขึ้นมาใหม่ อารมณ์ขึ้นมาตลอด เพราะจิตมันคิดตลอด
แต่มันแปรแปรวน ไม่นิ่งนาน บางช่วงก็ความคิดเบา รู้เท้า กาย ชัด
แต่ไม่ได้ลงไปจับแต่กาย เหมือนเรารู้รวมๆ

พอมานั่งก็รู้กาย แล้วก็ไม่ได้จับกาย แต่รู้ว่ากำลังปฎิบัติ ตัวโน้มไปข้างหน้า ก็รู้
ก็เอาตัวขึ้นมาใหม่ มันก็เงียบๆ ไม่รู้สึกว่าคิดนะคะ แต่มันไม่ได้ลงไปจับกาย
แล้วก็ไม่ได้ถึงกะหลงไป มีบางช่วงที่หายไป แต่ก็แวบๆเนียนๆ
ไม่ได้ไปตลอด ภาพรวมคือรู้ว่ากำลังนั่งปฎิบัติธรรมจบแล้วค่ะพี่
นี่คือรอบ 2 นะคะ เพิ่งเสร็จ

ส่วนรอบแรก เดิน 40 /20
ก็จำไม่ค่อยได้มากเพราะทำแล้วทิ้งช่วงไปนวดให้แม่
แต่ที่จำได้คือมดกัดเจ็บมาก 2-3 ครั้ง ที่ขา ที่ต้นคอ
แล้วก็ เท้าก็รู้และคิดเยอะ ฟุ้งซ่านน่ะค่ะ มีหลงไปด้วย แล้วค่อยมารู้การเดินใหม่

พอนั่งก็รู้ท้อง กะการหายใจ มันก็เงียบๆ หลังๆก็นิ่งๆไม่จับกายขยับ
แต่รู้สึกว่ามีการโยก กายไม่โยก แต่เหมือนจิตมันโยกนิดๆจนหมดเวลาค่ะ
จบแล้วค่ะ อ๋อ ลืมไปค่ะ รอบแรก มีความทุกข์ตอนเดิน เรื่องที่เราถูกกระทำเหมือนไม่มีความสำคัญ

สุsays: ขที่แท้จริง

หมู ถ้าเพิ่มนั่งอีก 5 นาที ไหวไหม

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ง่า ขยับตัวได้ไหมคะพี่

สุขที่แท้จริง says:
ตอบตามความจริงน่ะค่ะ ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

คือ 35 นาที หมูก็ขยับตัวแล้วอะค่ะ แต่ไม่ลืมตา
ถ้า 40 นาที ขยับตัวไม่ลืมตาก็ได้ค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
ขัยบเพราะเมื่อยหรือเพราะอะไรคะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เบื่อ อะค่ะ รู้สึกนาน

สุขที่แท้จริง says:
อ่อ ... ถ้างั้นไม่ต้องค่ะ เวลาเท่าเดิมพอค่ะ สติยังไม่มากพอ แต่ไม่เป็นไร

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ แต่เวลาอยู่เฉยๆก็จับพองยุบค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ ดีแล้วค่ะ จับบ่อยๆ เท่าที่จับได้ จับไม่ได้ก็ไม่ต้องไปกังวลหรือบังคับอะไร

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ ส่วนใหญ่เด๋วนี้มันจับได้ค่ะ เวลาเบื่อๆนั่งอ่านหนังสือแก้เซ็งก็ยังพอรู้พองยุบได้
ค่ะ เด๋วก็ฌปลี่ยนอีก เวลาเซ็งๆ

สุขที่แท้จริง says:
มันเปลี่ยนไปเรื่อยแหละหมู เบื่อบ้าง ขยันบ้าง ขี้เกียจบ้าง สารพัดแหละ จะไปเอาอะไรล่ะ
ที่เที่ยงแท้แน่นอน ไม่มีหรอก เรามีหน้าที่คือ รู้ พอแล้ว และทำต่อเนื่องมีแค่นี้เอง
การปรุงปต่งมันเกิดขึ้นตลอดเวลา สติทันทันก็จบ สติไม่ทัน ปรุงมากน้อยก้ตามกำลังของสติที่มีอยู่


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

วันนี้ตอนเดินๆอยู่ ก็เกิดสงสัยขึ้นมาว่าต้องทำยังไงหว่า

สุขที่แท้จริง says:
ทำอะไรหรือคะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เหมือนมันไม่รู้ว่าต้องเดินแบบไหนค่ะ คือเท้าก็รู้ คิดก็คิด อารมณ์ก็มี รู้ตรงไหน ยังไงดี
แบบนี้น่ะค่ะ ก็เปนช่วงต้นๆ แล้วก็เออ รู้ไปแบบนี้ละกัน แต่ก่อนมันจะ หลงไปแเลย

ไม่ก็มารู้ชัดแต่เท้าเลย ไม่ก็รู้กลางอกเลยและเท้าแตะๆมันจะ focus ที่ใดที่หนึ่งมากกว่าน่ะค่ะ
แต่วันนี้มัน ก็เอ้ยเท้าก็รู้ อารมในใจก็แปรปรวน ใจก็วอบๆแวบๆ

สุขที่แท้จริง says:
ไม่เป็นไรนี่คะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะ มันไม่รู้จะจับตรงไหน ก็เลย รู้ไปทั้งแบบนั้น

สุขที่แท้จริง says:
จับเท้าค่ะ อารมณ์หลัก

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ จับเท้าๆ

สุขที่แท้จริง says:
มันแว่บก้ให้รู้ว่าแว่บ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ก็ไปจับเท้า เหมือนที่พี่น้ำบอกน่ะค่ะ แต่มันไม่ได้จับเท้าอย่างเดียว
ก็เป็นแบบไหนก็เป็นไป

สุขที่แท้จริง says:
ก็ไม่เป้นไรนี่คะ ดูความคิด ถ้าไม่มีอกุศล ก็ปล่อยไป

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะ ไม่มีค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

นั่นแหละปล่อยไป รู้เท้าเป้นหลักไว้ มันจะกระทบขึ้นมารู้อยู่ในใจ เราก็แค่รู้
อารมณืต่างๆเกิดขึ้นก็แค่รู้ คือ มันชัดที่เท้า
แต่อารมร์ความคิดอื่นๆก็มีด้วย เราแค่รู้ว่ามันมี


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะ แค่รู้ๆ แล้วไม่ต้องสนใจมัน

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ ถ้าไม่มีอกุศล จบเลย มันจะเปลี่ยนไปเรื่อยแหละ ถ้ารู้เท้าได้อย่างอื่นจบ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ ได้ค่ะ มันก็ไม่นานหลอกค่ะ ที่สงสัยแบบนั้น
มันก็เปลี่ยน อย่างพี่น้ำบอกจิงๆ

สุขที่แท้จริง says:
สภาวะมันจะซ้ำๆ หมูคงจำไม่ได้ พี่พูดบ่อยๆนะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ง่าา จำไม่ได้ ลืมอีกแล้ว

สุขที่แท้จริง says:
ว่าเมื่อถึงจุดๆหนึ่ง เท้าก้รู้ ความคิดก็เกิด ความรู้สึกต่างๆก็เกิด แต่มันจะแยกๆกัน แต่เราจะรู้เท้าชัด

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อ่ออันนี้จำได้ค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
นี่แหละ แต่ตอนนี้สติหมูยังไม่ถึงไง มันเลยยังดูรวมมๆ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

แต่ไม่ได้รู้สึกว่ามันแยกกัน ใช่ค่ะพี่

สุขที่แท้จริง says:
พี่ถึงบอกว่า จับอารมณ์หลัก คือ เท้า

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ เท้าๆๆๆ ท่องไว้

สุขที่แท้จริง says:
ถ้าความคิดมีไปเพ่งโทษหรืออกุศล ต้องกำหนดความคิด

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ ตอนนี้กำหนด บ่อยเลยค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
ถ้าไม่มี แค่รู้ เพราะมันจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

มันเลวบ่อย ระหว่างวันน่ะค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
จ้ะ ยิ่งเอากิเลสออกมาจะเห้นแต่ความน่ารังเกียจ ความไม่ดี ของตัวเองชัดแจ๋วเลย

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เอาเปนว่าแค่หมูเห็น ใคร ก็พร้อมจะมีไอ้ตัวว่าเขาขึ้นมาแล้ว ตาเห็นปับ มันดีดเลย
พอเห็นแล้ว รู้ว่ามันจะขึ้นอะไร เลยกำหนด รู้หนอๆถี่ไปก่อน

สุขที่แท้จริง says:
นั่นแหละดีแล้ว สติยังไม่ทัน อาศัยกำหนดไปก่อน
สติทัน การกำหนดมันหาย กิเลสก็ไม่โผล่ มันดับทันทีพอกระทบ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

มันกลัว ตั้งแต่โดน ความคิดเรา พูดมาจากปากคนอื่นน่ะค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
จ้ะ มันมีผลสะท้อนกลับหมดแหละ จะมากจะน้อยอยู่ที่เราคิดหรือเราทำ
มันสมเหตุสมผลนะหมู ตอนนี้ทั้งกดทั้งข่มก็ช่างมันนะ
วันหน้ามันจะเบาสบาย


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เฮ้อ .... ค่ะพี่

สุขที่แท้จริง says:
อดทนทำความเพียรต่อไป พอวันข้างหน้ามันจะไม่ใช้คำว่าอดทนละ
แต่ใช้คำว่า ไม่ทำไม่ได้ กลัว กลัวอะไร กลัวการเกิดไม่ได้กลัวอื่นๆนะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะ กลัวเกิดมาแล้วไม่ได้ปฎิบัติ ด้วยความไม่รู้ กลัวเดินทางไม่จบ

สุขที่แท้จริง says:
เจ้าความไม่รู้นี่แหละ ถึงต้องมาเจริญสติ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะ ตอนเดินมันอยากให้จบๆไปในชาตินี้ กลัวจิงๆ ชาติหน้าไม่รู้ ไม่มีกัลยาณมิตร

สุขที่แท้จริง says:
จ้ะ ไม่ประมาทดีที่สุด วันนี้เจออุบัติเหตุ ดีนะที่สติดี

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

หาาาาาาา เจออะไรคะ เจ็บตรงไหน หรือเปล่าคะ

สุขที่แท้จริง says:
ทางมันสี่แยก ฝนตก รถสิบล้อมาทางซ้าย หกล้อตามหลังสิบล้อ พี่อยู่เส้นตรง
ส่วนทางขวามีมอไซค์รับจ้างมีคนนั่งมาด้วย ทีนี้พี่วิ่งช้า ไม่เร็วหรอก มองขวาเห้นมอไซค์แล้ว
คือ คิดว่าเขาจะหยุดน่ะ ส่วนตัวพี่ยังคงวิ่ง แต่ชะลอช้าๆอยู่ รอให้สิบล้อวิ่งเลี้ยวซ้ายไปก่อน

คือ ไม่ทันจะกลับไปมองขวา ไม่คิดว่า มอไซค์ไม่ยอมหยุด พี่ก็วิ่งต่อน่ะ แต่มันช้า
เขาวิ่งพุ่งออกมาเลยชนล้อหน้าของพี่ เคาระห์ดี ที่ยางเพิ่งสูบมา แล้วพี่มีสติรู้อยู่น่ะ
มันเลยจับหน้ารถแน่นมากๆ ไม่เซ แต่มอไซค์รับจ้างเซ แต่ไม่เล้ม เขาวิ่งไปเลย
ไม่ยอมจอด พี่เลยตะโกนตามหลัง ดมโหน่ะ ตะโกนว่า ทำไมขับรถแบบนี้ ทำไมไม่หยุด

ทีนี้รถหกล้อน่ะ เขากลับมาว่าพี่ หาว่าพี่ผิด เขาบอกว่า พี่น่ะแหละ วิ่งไม่ยอมดู
ถ้าเป้นเมื่อก่อนนะหมู คำว่า ไอ้ฟายยยเดย์ ออกมาแน่ๆเลย พี่น่ะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อืม ค่ะ น่าโมโห

สุขที่แท้จริง says:
เราเป้นทางตรง เขาทางซอย ทางซอยก่อนจะออกมา
ต้องให้ทางตรงไปก่อน เพราะพี่อยู่กึ่งกลางถนนแล้ว


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ เขาต้องมองเราก่อน แต่ไม่เจ็บนะคะ

สุขที่แท้จริง says:
ทีนี้พอหกล้อเขาว่ามาปั๊บ พี่กลับมาดูจิตตัวเอง
ใจมันคิดนะ อ้อ ... เขามาทวง เลยโดนซ้ำ เพราะไม่ยอมใช้ดีๆ แถมไปตะโกนว่าเขาอีก
คนที่มีวิบากร่วม เลยต่อยอดแทน เห็นไหม กรรมมันตกเป็นทอดๆเลย
คือ นึกภาพออกเลยนะพี่น่ะ ว่าสองคนนั้นจะไปเจออะไรต่อ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

จะเจออะไรคะ

สุขที่แท้จริง says:
พี่เลยอโหสิไป พร้อมกับบอกตัวเองว่า ครั้งต่อไปจะพยายามยอมรับให้มากขึ้นกว่านี้
ก็เจอแบบที่พี่เจอนี่แหละ มันเป็นห่วงโซ่


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ยังดีที่พี่ไม่เป้นอะไรมาก

สุขที่แท้จริง says:

สติ สัมปชัญญะรักษาน่ะหมู ถ้าขาดสติเจ็บแล้ว
เห้นไหมการเจริญสติน่ะ รักษาทั้งชีวิต รักษาทั้งใจ ทุกๆด้านเลย
ทุกอย่างมันมีเหตุมาก่อน ผลเลยต้องรับไปตามวาระ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ แบบนี้ หนาวๆร้อนๆ

สุขที่แท้จริง says:
ไม่ต้องไปกลัวหรอก ขอให้มีสติรู้อยู่กับจิตละกัน
จะได้ไม่ไปสร้างเหตุใหม่ให้เกิดขึ้นอีก


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ฮือ ๆ จิตมันไว ปานวอก ก็รู้ตามหลังอยู่ค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
ไม่เป็นไรค่ะ วันนี้รู้ทีหลัง ทำต่อเนื่อง มันจะรู้ทันมากขึ้น

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ จะทำต่อเนื่องเนี่ย แหละ กลัวจริงๆ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.พ. 2010, 20:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 167


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เสร็จแล้วค่ะพี่ 60/35
ก็เดินรู้เท้าแต่ไม่ได้รู้ดีๆตลอดค่ะ คือตอนเดิน มันก็มีความคิด แวบขึ้นมา พอรู้ว่ามีความคิด
มันก็จะไปวิพากษวิจาร หรือเอาความคิดนั้นมาขยายต่อ ออกความคิดเกี่ยวกับความคิดนั้น
ก็คือรู้ แล้วก็มาอยู่กะเท้าเดินต่อ บางครั้งก็รู้แล้วมันก็ไม่ไปขยายต่อ มารู้เท้าชัดกว่าความคิด
แต่ก็แป๊ปเดียวก็แวบๆ อีก ก็จะไปคิดขยายต่ออีก ออกความเห็นเกียวกะเรื่องนั้นอีก

ก็มีหลงไป คิดขยายความต่อ แล้วเกิอารมณ์แน่นบ้าง อึดอัดบ้าง อยากบ้าง ไม่พอใจบ้างตามมา

ตอนนั้นเท้าก็รู้ค่ะ แต่ว่ามันจะ ไม่ได้รู้ชัด มันจะมีความมัวร่วมด้วย แล้วก็ไปอยู่ที่อารมมากกว่าเท้า
แล้วก็รู้ว่าต้องมาอยู่ที่เท้า แต่ว่า เหมือนมันไหลไป ไม่ยอมกลับมา ก็ดูไป
สักพักก็กลับมา รู้เท้ามากกว่าความคิดได้อีก สลับๆไปค่ะ

มีเวทนามดกัดที่แขนและเจ็บที่เท้า มีหลงไปคิดเรื่องหนัง แล้วก็กลับมารู้กายใหม่
มัว สลับกับชัด แล้วมันไปนึกได้ว่าสภาวะนี้ผ่านมาแล้ว การเดินรอบนี้ก็มีความอยาก
ก็เห็นค่ะ หลังจากคิด มันก็แน่นๆ มีความอยาก ขึ้นมา

พอมานั่งก็รู้กายขยับ เบาๆ ไม่จับท้อง จิตก็คิด รู้ว่าคิดแล้ก็รู้กายนั่งด้วย ประคองได้เรื่อยๆ
จนช่วงท้ายขยับตัวไม่ลืมตาห่มผ้า ก็มีรู้กายได้ต่อ แต่เริ่มมีหลงไป
แต่ก็เรียกกลับมาได้ที่กาย บางทีไม่รู้กายขยับก็จับที่กายนั่ง ก็จนจบค่ะ
ตอนจบกำลังหลงไปคิดพอดีเลยตกใจเสียงนาลิกา จบแล้วค่ะพี่

กลางวันทำไปแล้ว 1 รอบค่ะ
เดิน 60 แต่ไม่ต่อเนื่องเท่าไร ไปทำธุระให้แม่ ก็กำหนดรู้ไปด้วย
ตอนเดิน มดกัดที่แก้มค่ะ เวทนาเยอะ เจ็บโน่นนี่ มีร้อนผ่าวๆ ที่เท้า และก็มีเท้าสั่นๆ
รู้เท้าได้แต่ก็ฟุ้งซ่านค่ะ ใจมันซ่านๆ แล้วก็ มีความไม่พอใจเยอะ มีความตะหนี่

แล้วก็พอมานั่ง นั่งได้ ประมาณ 25 ไม่เกินนี้ค่ะ มันเงียบก็จริง แต่นิ่ง กายค้อมลง
เหมือนหัวงุบลง และบางทีเอียงซ้าย ก็ตั้งขึ้นมาใหม่ ไม่ได้จับกายเคลื่อนไหว แค่นี้ค่ะพี่

สุขที่แท้จริง says:

หมูหัดสังเกตุการปรับอินทรีตัวเองไว้บ้างก็ดีนะคะ
ถ้านั่งแล้วเคลิ้ม อันนี้จะเพิ่มเดินหรือไม่เพิ่มก็ได้
ถ้านั่งแล้วฟุ้ง ให้เดินเพิ่ม ลดนั่งลง ถ้าเดินแล้วฟุ้ง ให้นั่งเพิ่ม ลดเดินลง
ถ้านั่งแล้วดิ่งไม่รู้กาย ให้เพิ่มเดิน มันมีหลายข้อสังเกตุน่ะ ลองปรับๆดู
ลองเรียนรู้สภาวะด้วยตัวเอง


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ถ้านั่งเคลิ้มนี่ เราไมเพิ่มเดินก็ต้องลดนั่งใช่ไหมตคะ

สุขที่แท้จริง says:
ถ้านั่งแล้วเคลิ้ม แต่ยังรู้กายได้บ้าง จะเพิ่มเดินก็ได้ แต่ถ้าจะเพิ่มนั่ง ต้องลองดู
ถ้านั่งแล้วยังเคลิ้มไม่ถึงกับดิ่ง คือ รุ้กายได้น่ะ เพิ่มนั่งได้ แต่ถ้าไม่สามารถรู้กายได้เลย
อย่าเพิ่มนั่ง ให้เพิ่มเดิน อาการเคลิ้มนี่เกิดสมาธิล้ำหน้า แต่ยังไม่มากเกินคุมได้

การปฏิบัติน่ะ แค่ให้กลับมารู้กายและจิตได้ก็พอแล้ว ที่เหลือน่ะมันจะมีแต่เวทนา
ความพอใจ ความไม่พอใจ ความอยากสะส่วนใหญ่ นอกนั้นไม่มีอะไรหรอก

พยายามเอาจิตอยู่กับองค์กรรมฐานให้ได้ คือกลับมารู้ที่กาย ส่วนไหนก็ได้
แต่เดินจงกรมให้ยึดเท้าเป็นหลัก เผื่อช่วงไหนพี่ไปวัดหลายวัน หมูจะต้องทำเอง แล้วจดบันทึกไว้


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ได้ค่ะ พี่คะ หมูสังเกตตัวเอง เวลาเดินข้างนอก มันชอบไปสนใจคนอื่นๆจิงๆด้วย
มันจะลอกๆแลกๆ มองโน่นนี่ แล้วเที่ยวคิด

สุขที่แท้จริง says:
นั่นแหหละกิเลส ถ้าสติดี มันจะรู้อยู่กับกาย

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ ชอบฟังชาวบ้านพูดด้วย คือมันเหมืนอถูกดูดไปสนใจอัตโนมัติ

สุขที่แท้จริง says:
เรื่องธรรมดาค่ะ อีกหน่อยมันจะลดลงไปเรื่อยๆ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะ เฮ้อ วันนี้ทุกข์ทีเดียว การเสียสละ ความสุขเพื่อคนอื่นนี่
ขมขื่นจริงๆ ยากจริงๆ ทุกข์จิงๆนะคะ

สุขที่แท้จริง says:
มีอะไรหรือคะหมู

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ก็สิ่งที่ กังวลมาตลอด เรื่องภาระที่บ้านน่ะค่ะ แม่อยู่กะน้องสองคน
พี่กลับบ้าน วันพฤหัสกะศึกร์เสาอาทิตย์ หมูไม่ได้กลับเลยช่วงนี้
เพราะก่อนหน้านี้ติดพักทำงานดึก ถ้ากลับก็จะดึกมากหารถยาก นาน
ถ้ากลับเร็วงานก็ไม่เสร็จ ถ้าอยู่บ้านเลยก็กลัวมาทำงานไม่ไหว
แล้วกลัวไม่มีเวลาส่วตัวที่เป็นอิสระจะทำอะไรๆ หรือแม้แต่ปฎิบัติธรรม เพราะจะโดนเรียก

สุขที่แท้จริง says:

หมู.... เห็นกิเลสไหม ความอยากของตัวเองน่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เห็น ว่า เห็นแก่ตัวแล้วไม่ยอมค่ะ มันมากกว่าความอยากอีกค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
เห็นแก่ตัวเพราะอะไร หมูไล่สภาวะดูสิคะ ความอยากในใจจะได้ทุเลาลง ไม่ทุรนทุรายแบบนี้
ทำแบบนี้เท่ากับเป็นการปฏิเสธตัวเอง ในสิ่งที่เคยกระทำมา เมื่อเข้าใจถึงเหตุและผลแล้ว
เวลาเกิดความคิด ถอดมันออกมาสิคะ นั่งพิจรณามัน


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
เพราะไปคิดค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
ชีวิตเราเป็นแบบนี้เพราะใครทำ เราทำมาเองทั้งนั้นเลย ไหงร้องไห้อีกล่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ยังไม่ได้ร้องจริงค่ะแต่มัน อยู่ข้างใน แบบอัดอั้น

สุขที่แท้จริง says:
ใช้วิธีพิจรณา ไม่ก็เขียนมันระบายออกมาสิคะ พี่น่ะเขียนจนชิน คิดปุ๊บมือไปปั๊บควานหาปากกา
เขียนๆมันออกมาให้หมด ไม่ให้มีตะกอนตกค้าง ไม่งั้นเราจะรู้สึกมันอัดแน่นอยู่ในใจ
ไม่มีทางออก ต้องการใครสักคนอยู่ข้างๆเรา


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ใช่ค่ะพี่ ถ้าหยุดคิดมันก็ หายไปเป็นแปป แล้วก็วนกลับมาใหท่

สุขที่แท้จริง says:
แล้วถ้าคนๆนั้นเขาเบื่อฟังในเรื่องที่เราพูดล่ะ เขาแอบทำหน้าเหม็นเบื่อแล้วเราไปเห็นเข้าล่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ ก็เศร้าค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
พี่เจอมาหมดแล้ว ถึงเข้าใจความรู้สึกนี้ดี
เพื่อนสนิทกันมาก เขายังแอบทำหน้าเบื่อหน่ายเราเลย
ตั้งแต่นั้นมา พี่หันมาเขียนใส่สมุดแทน พอกลับไปอ่านย้อนหลังนะ โหน่าอาย
กิเลสทั้งนั้นเลย ความขาดสติ ความอยากที่จะให้ทุกอย่างเป็นไปให้ได้ดั่งใจ

เหนื่อยงาน เบื่อคนไข้ เบื่อญาติคนไข้ แบบเจอพวกงี่เง่าน่ะ จะต้องอย่างโง้นอย่างนี้
ก่อนพี่ตัดสินใจลาออกจากงานน่ะ ช่วงนั้นสภาพพี่ถูกกดดันมากๆ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะ แล้วพี่น้ำ ผ่านมาได้

สุขที่แท้จริง says:

10 กว่าปีนะหมู สำหรับพี่เอง กว่าผลของการปฏิบัติจะส่งผลให้เก็บกินได้ในทุกวันนี้
ถ้าจำไม่ผิด ตั้งแต่ ปี 38 นะ นี่ปีอะไร คิดดูละกัน


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

14 ปี

สุขที่แท้จริง says:
แล้วก่อนหน้านี้อีกล่ะ คิดดูละกัน

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

หมูกลัว จัง กลัวจะไม่มีเวลาส่วนตัว

สุขที่แท้จริง says:
เหตุเราสร้างมาแตกต่างกันไป ตามกิเลสที่มันมีอยู่ในจิตของแต่ละคน
เราเลยมีชีวิตเป็นแบบนี้กัน

กลัวก็เขียนมันลงไป กลัวเพราะอะไร แล้วอะไรมาบอกเหตุให้เห็น เราถึงกลัว
สิ่งนั้นเกิดขึ้นหรือยัง มันแค่ความคิด


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ มันคิดกลัวไปก่อน ในใจมัน มีตัวที่ฮึดขึ้นมา แล้วตัวนี้มันเชื่อว่า จะต้องแย่อย่าง นั้น อย่างนี้
หมูจะนำคำแนะนำพี่น้ำไปใช้ค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

เข้าไปอ่านบล็อกพี่หรือยังล่ะ พี่มีเขียนไว้เรื่องในก่อนๆ ความกลัวสารพัดที่พี่เคยมี

งไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อ่านถึงแต่ กลัวความตายน่ะค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
ตอนนี้เราอยู่ในจุดของความปลอดภัย ปลอดภัยจากอะไร ปลอดภัยจากความกลัวที่ตัวเองเคยมี
เมื่อก่อนกลัวนะ กลัวตกงาน กลัวไม่มีกิน กลัวอุบัติเหตุ เรียกว่ากลัวสารพัดกลัวเลยแหละ
การเจริญสติ ทำให้เราคลายความหวาดกลัวต่อสิ่งเหล่านั้นลงไป นับวันมันเบาบางลงไปเรื่อยๆ
มันมีสติมากขึ้น เมื่อเกิดการกระทบ ใจวางได้ไว เหตุดับได้ไว ผลที่ไม่ดีเลยเริ่มน้อยลง
มีมาประปราย แต่ไม่เคยประมาท ตั้งสติตลอดเวลา


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ ดีจังนะคะ

สุขที่แท้จริง says:

สิ่งที่เราทุกรูปทุกนาม ไม่เว้นแต่ตัวเราเองทุกวันนี้ ที่กำลังเผชิญหน้ากันอยู่ กับสิ่งต่างๆที่มากกระทบ
ทำให้เกิดการปรุงแต่งแตกต่างกันไปตามแต่กิเลสในใจที่มีมากน้อยแตกต่างกันไป แต่ถ้าเรามาทบทวน
มานั่งพิจรณาดู สิ่งที่มากระทบที่เราไปคิดว่า มันสุขหรือทุกข์หรือไม่สุขไม่ทุกข์นั้น เกิดจากอะไรล่ะ
นี่คือ เหตุที่เกิดขึ้นในปัจจุบันในชีวิตของเรา แต่มันคือเหตุของการกระทำในอดีตของเรา
ที่กระทำลงไปเพราะความรู้ที่มีแตกต่างกันไป แต่ส่วนมากคือเกิดจากความไม่รู้เสียมากกว่า
ผลมันถึงส่งที่ปัจจุบัน คือ เหตุที่กำลังเกิดขึ้นกับเรา ณ ขณะนั้นๆ

เห็นไหม สิ่งที่หมูเจอ พี่เองก็เจอมาก่อน ไม่มีความแตกต่างกันเลย


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ความกลัว กับ ความจริงมันคนละเรื่องกันใช่ไหมคะ

สุขที่แท้จริง says:

ใช่จ้ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ขอบคุณมากค่ะ ซึ่งจัง

สุขที่แท้จริง says:
ความกลัวคือความคาดหวังที่เรามีอยู่ในจิตของเรา ความอยาก

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ความกลัวก็ความความอยาก พอไม่ได้ตามอยากก็ทุก มีความอยากก็เห็นก่ตัว

สุขที่แท้จริง says:
ชีวิตเรามีความสุขใจเกิดมากขึ้น มันสุขอยู่ภายใน โดยไม่ต้องไปอิงสุขจากภายนอก
เพราะมันเริ่มเห็นผลของความเพียรที่กระทำมาอย่างต่อเนื่อง อาจจะเคยท้อถอย แต่ไม่เคยหยุดก้าวเดิน
ถ้าใครไปอ่านย้อนหลังสภาวะเก่าๆหรือเรื่องราวเก่าๆของเราที่ผ่านมา จะเห้นว่า ชีวิตเรามีแต่ความทุกข์
ความเสียใจ ความขมขื่นใจ ความสุขใจหาได้น้อยมากๆ ยิ่งปีที่ผ่านมา ใบหน้าเรานี่ เรียกว่า
เต็มไปด้วยคราบน้ำตาตลอดเวลา

จะหาความสุขทางใจได้ยากมากๆ น้ำตาเต็มหน้า เต็มนัยน์ตาก็เดิน เบื่อก็เดิน ท้อก็เดิน ขี้เกียจสุดๆก็เดิน
เพราะเรารู้แล้ว สุขที่แท้จริงนั้น มันอยู่ไม่ไกลเลย เราอาจจะเห็นภาพนั้นยังไม่ชัด แต่เราดูจากผล
ที่เราได้รับในปัจจุบัน เรามีความสุขใจมากขึ้น สบายใจมากขึ้น มีแต่ให้กับให้ผู้อื่นมากยิ่งๆขึ้น
โดยไม่เคยหวังผลตอบแทนใดๆเลย นิดเดียวก็ไม่

เห็นไหม ไม่แตกต่างกันเลย พี่เองก็เคยกลัว ไม่ใช่ไม่เคยกลัว


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่น้ำ หมูจะขัดเกลา ตัวเอง ต่อไป

สุขที่แท้จริง says:
กว่าจะมาเป็นวันนี้ได้ ถูกทดสอบตลอดเวลา จากใคร จากกิเลส จากสภาวะหรือสิ่งที่เกิดขึ้นนั่นเอง
มันไม่ได้ยากหรือง่ายเลย แต่ อยู่ที่ความเพียร ความต่อเนื่อง ต้องเข็นตัวเองให้เดินในบางครั้ง
ใหม่ๆต้องความอดทนต่อความเจ็บช้ำน้ำใจ จะจากใครล่ะ ไปโทษใครล่ะ ตัวเรากระทำเองทั้งนั้นเลย
แล้วจะไปร้องหาความยุติธรรมที่ไหนล่ะ

ในเมื่อทำเองก็ต้องรับผลเอง ไปกล่าวโทษนอกตัว นั่นคือ โง่ เพราะอะไร เพราะนั่นคือ การขาดสติ
กำลังสร้างเหตุใหม่ ที่เป็นการก่อภพก่อชาติขึ้นมาใหม่อีกแล้ว วัฏฏสงสารถึงยาวนานออกไปไม่รู้จักจบ

เห็นไหมล่ะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เห็นค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
หายใจยาวๆ กำหนดคิดหนอๆๆๆ เขียนมันออกมา ปล่อยออกมาให้หมด ไม่งั้นมันจะเป็นตะกอน
ใครทุกข์ เราน่ะแลหะ ทุกข์เพราะอะไร ทุกข์เพราะคิด ไปคาดหวัง คาดเดาล่วงหน้า ทั้งๆที่
ยังไม่มีอะไรเลย คิดเอง เออเอง สุดท้าย ทุกข์เอง แล้วก้ทำให้เป็นเหตุมากดดันตัวเอง
ช้านนนต้องดีให้ได้ คำว่า " ต้องดี " บางทีเรามองไม่เห็นมันนะหมู กิเลสมันไว


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ หมู เป็นอย่างนี้ บ่อยค่ะ ต้องดีนี่ แล้วก็ชอบกดดันตัวเอง

สุขที่แท้จริง says:
พี่น่ะ ไม่มีคำว่าต้องดีในหัวหรอกนะ แต่เพราะไม่อยากกลับไปมีชีวิตแบบที่เคยเป็นมาก่อน
ไม่อยากเป็นแบบนั้น แต่เรามีเพื่อน มีสังคม มันอดที่จะทะยานตามเพื่อนไม่ได้

มีแต่คนมองเราในสายตาที่ไม่ดี เขาไม่พูดต่อหน้า แต่แอบไปนินทากันลับหลัง ทั้งๆที่
ความจริง เราแค่ไปเที่ยวกับเพื่อนๆ เราไม่ได้ไปทำอะไรอย่างที่เขาว่ามาสักนิดนึง

ชีวิตแต่ละคน ล้วนเกิดจากเหตุที่กระทำมา พี่เคยว่าพ่อ ตอนนั้นยังเด็ก พ่อกินเหล้าเมาทุกวัน
ไม่เคยให้เงินแม่ แม่ต้องรับจ้างซักผ้า พี่เป็นคนเดินส่งผ้า

นี่เห็นไหม ผลกรรมที่ว่าพ่อ ว่าเพราะไม่รู้นะ ยังเด็ก
เจอหมดนะหมู สิ่งที่เคยว่าพ่อไว้


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่น้ำเลยทานเหล้า

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ จากไม่เคยกิน เพื่อนให้ลอง
ลองมันทุกอย่างเพราะความอยากรู้ เมื่อก่อนนี่ ยี่ห้อไหน รู้หมด

เงินมีเท่าไหร่ ติดบัญชีแดงทุกเดือน เลี้ยงเพื่อน เห็นไหม ว่าพ่อไว้ กรรมทายาท
เราไม่มีความแตกต่างกันเลย ในเรื่องกิเลส ที่แตกต่างคือ เหตุที่กระทำมา
สภาวะที่เจอเราจึงไม่แตกต่าง

สิ่งที่หมูเจอคือสิ่งที่พี่เจอมาแล้ว สิ่งที่หลายๆคนเจอที่มาส่งอารมณ์กับพี่ พี่เจอมาหมดแล้ว
กิเลสทั้งนั้นแหละหมู กิเลสในใจเรา กับคนที่มีวิบากกรรมกับเรา ชดใช้เขาไป


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

พี่น้ำเคยไม่ค่อยมีเวลาปฎิบัติไมคะ

สุขที่แท้จริง says:
มี ลาพักร้อนยากมาก แล้วที่สำคัญเที่ยว

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

พอพี่น้ำเริ่มต้นปฎอบัติจริงๆจัง เคยโดนเหตุเก่าๆมาเบียดเบียนให้ไม่มีเวลาไหมคะ

สุขที่แท้จริง says:
มาปี 45 หรือปีไหนไม่แน่ใจนะ ที่กลับมาเส้นทางนี้ได้
พี่เหรอ โดนคนละแบบกับหมู มันยิ่งกว่าไม่มีเวลาอีก บัดซบเลยชีวิตน่ะ


จริงๆ พี่หันมาลองทำทุกอาชีพ ด้วยความอยากรู้
พี่ไปลองเป็นพี่เลี้ยงเด็กตามศุนย์ เขาจะส่งไปตามบ้าน
ตอนนั้นได้เงินเดือน 1 หมื่นนี่แหละเขาหักออกไว้ 2000 จะเหลือ 8 พัน
กินอยู่กับเจ้าของบ้าน หยุดวันอาทิตย์วันเดียว


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะ ยังงั้น ก็ไม่มีเวลาสิคะ อ่อมีวันอาทิต

สุขที่แท้จริง says:
ไมีมีเลยแม้แต่สักนิดเดียว เหนื่อยก็เหนื่อย หนักก็หนัก ทั้งตั้งแต่เด็กแรกเกิด
จนกระทั่งเด็กก่อนวัยเรียน เสื้อผ้าเด็ก อาหารเด็กเราต้องดูแลหมด เวลากินข้าวนี่แทบจะไม่มี


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

แล้วพี่น้ำ เจียดเวลาไหนมาปฎิบัติละคะเนี่ย

สุขที่แท้จริง says:
ไม่มีเลยสิ จะเอาเวลาที่ไหนล่ะ ได้แต่อาศัยอฐิษฐานเอา สุดท้าย หลุดออกมาได้
ก็หันมาลองค้าขาย เขาว่าทำแล้วดี คือ พี่เบื่ออาชีพเดิม ไม่อยากทำ มีแต่คนว่าพี่บ้า มีความรู้
แต่ไม่ยอมทำงานตามความรู้ ค้าขายนี่ ใหม่ๆเหมือนดูดี สนุก
ขายข้าวมันไก่ กับ ก๋วยเตี่ยวไก่ ลองผิดลองถูก บางทีข้าวเทให้หมากิน หุงข้าวมันยังไม่ค่อยเป็น

ตื่นตั้งแต่ ตี 1 ไปตลาด กว่าจะเก็บร้านเสร้จโน่นเกือบ 4 ทุ่ม อาบน้ำหัวถึงหมอนหลับสนิท
มันมีเหตุนะ ถึงได้กลับมาเส้นทางนี้ เชื่อไหม มาตอนหลังนี่ อุปทานมันเยอะ
เวลาเอาไก่ขึ้นแขวนในตู้ จะเห็นแต่ภาพคนถูกแขวนคอ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

โอ้โห น่ากลัวมาก

สุขที่แท้จริง says:
เห็นแบบนั้นจริงๆ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ทำไมละคะ พี่น้ำไม่ได้ ฆ่า นี่คะ

สุขที่แท้จริง says:
แล้วที่ร้านของพี่มันแปลกๆ ร้านอื่นๆไม่เป็น แลงวันหัวเขียวน่ะ ทั้งที่พี่เก็บทำความสะอาดทุกอย่างนะ
มันมาตอมแต่ร้านพี่ร้านเดียว แม่ค้าข้างๆเขาแนะนำให้เอากาวเขียวๆ เอาไม้ชุบลงไป แล้วตั้งในขวด
แมลงวันจะมาเกาะบินไปไม่ได้ ก็ไม่รู้อะไรดลใจให้พี่เป็นคนเลวได้ขนาดนั้น ศิลนี่หายหมด
ความกลัวบาปกรรมไม่รู้มันหายไปไหน ทำแบบที่เขาแนะนำ แมลงวันเกาะเต็มไปหมด
มันบินไปไหนไม่ได้

หมู ไก่น่ะ ถึงเราไม่ได้ฆ่า ก็ต้องมีคนฆ่ามันเพื่อมาขายให้เราถูกไหม
แล้วสภาพมันเป็นตัว ไม่ใช่ชิ้นส่วน ถ้าชิ้นส่วน ยังรุ้สึกผิดน้อยกว่า


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ มันก็ได้รับผลไปด้วย

สุขที่แท้จริง says:
มีแต่คนว่าพี่บ้า ช่วงที่เห็นแต่ภาพคนถูกแขวนคอน่ะ มองไปที่ไก่แขวนอยู่ทีไร ก็เห็นแบบนั้น
จนมันหลอนน่ะ หลับตาก็เห็นแบบนั้น


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อื้อหือ มันแบบ ทุกข์น่าดู

สุขที่แท้จริง says:
แล้วแมลงวันอีก มาเห็นมันพยายามดิ้นรนจะให้หลุดจากกาว บาปมากๆเลยหมูเอ๊ยย
ทำแบบนั้น 3 วันนะ มันคงมีเหตุน่ะ ที่ทำให้ต้องเลิกขาย


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เฮ้อ ดีแล้วนะคะ

สุขที่แท้จริง says:
ก็พอดีเพื่อนทิ้งเบอร์พี่ไว้ตามคนที่รู้จักกัน เวลาโรงงานไหนเขาขาดคนเข้าเวร เขาก็จะมาตามพี่
ซึ่งพี่เลิกทำตามโรงงานมานานแล้ว มันเบื่อน่ะ เบื่อพนักงาน เห็นไหม เมื่อก่อน มีแต่กล่าวโทษนอกตัว
ไม่เคยย้อนกลับมาดูตัวเองเลย ว่าเพราะอะไร ชีวิตถึงเป็นแบบนี้ มองแต่ข้างนอก
โทษแต่คนอื่น แต่กรูน่ะถูกม๊ดดด


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะ มันก็ จะคิดว่าคนอื่นเป็นสาเหตุ ให้เราเดือดร้อนทำให้เราต้องลำบาก
ไม่คิดหรอกค่ะว ่านี่คือสิ่งที่เราทำมา

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ แม้แต่เรื่องโบนัส ต้องแบ่งกัน พอได้ อยากได้ไว้คนเดียว
เห็นไหมความเห็นแก่ตัว


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะ ความเห็ฯแก่ตัวหมูมีมาก มากกกกกกก
นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ ทำให้ปฎบัติ

เพราะถ้าไม่ปฎบัติ หมูอาจจะเลวจน ทิ้งครอบครัว คนที่ เลวก็ไม่ได้ ดีก็ไม่ได้นี่
ทุกข์มากจริงๆ หมูเลว ก็ทุกข์เพราะมันจะรู้สึกผิด ตลอด
แต่จะทำเพื่อพวกเขาร้อยเปอร์เซ็นก็ทุกข์เพราะความเห็นแก่ตัว

สุขที่แท้จริง says:
พอกิเลสมันถูกขุดออกมา เรื่องราวในอดีตที่ลืมๆไปแล้ว มันจะผุดขึ้นมา ประจานความเลวของตัวเอง
เลวมาก โง่บัดซบเลยก็ว่าได้ ที่ใช้ชีวิตแบบนั้น ที่ไปว่าพ่อตอนเด็กๆด้วยความไม่รู้ สารพัดความเลวนะ
ทั้งเห็นแก่ตัว ทั้งเอาเปรียบเพื่อน แต่มองว่าเราถูก เราไม่ผิด ก็เพื่อนมันยังร้ายกับเรา เราไม่เอามัน
ไม่ใช่ความผิดอะไร ทั้งๆที่ยอมรับว่ารุ้สึกผิดในใจลึกๆ แต่เจ้าตัวความเลว ความเห็นแก่ตัว มันบังตา

การปฏิบัติน่ะ ช่วงก่อนๆโน้นกิเลสมันแรง ว่าเขานะ ต้องทางนี้เท่านั้น แบบอื่นๆน่ะทำมาแล้ว
ติดสมาธิโลด เห็นไหมหมู ปากมันหาเรื่องเพราะความขาดสติ
ย้อนอดีตนี่ บอกตามตรง เห็นคนเลวคนหนึ่งเท่านั้นเอง
เห็นไหมว่า ชีวิตแต่ละคนไม่เหมือนกัน ความผิดพลาดทุกๆความผิดพลาดคือครู


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ น่ากลัว ต่างกันไป

สุขที่แท้จริง says:
ความยากลำบากที่ผ่านมาคือบทเรียนสอนเรา ตอกย้ำเราตลอดเวลา เหตุเกิดเพราะความไม่รู้

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะ เจริญสติไปเรื่อย ๆ คงไม่หมดหนทาง

สุขที่แท้จริง says:
สบายใจหรือยัง หมูน่ะแค่จิ๊บๆ ความเลวในจิตแต่ละคนมาวัดไม่ได้หรอก
มันแล้วแต่ความรู้สึกผิดที่มันมีอยู่ กิเลสทั้งนั้นแหละหมู


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ ดีขึ้นมากค่ะ มีกำลังใจมากขึ้น คนที่เขาปฎิบัติก็คงเจออย่างนี้แต่เขาไม่ได้มาพูด

สุขที่แท้จริง says:

มันเป็นเรื่องน่าอายนะหมู เมื่อก่อนพี่อายนะ ไม่ยอมพูดให้ใครๆฟัง อายมาก

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เวลาเราฟังเรื่องของใครๆ เราจะเห็นตอนเขาประสบความสำเร็จแล้ว

ค่ะพี่พี่เข้าใจ จะให้หมูบอกแบบนี้กะคนอื่นๆ ไม่ได้หรอกค่ะ กะเพื่อนสักคนก็ไม่เล่า
เพราะเขาไม่ใช่เราเขาไม่รู้

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

มันก็โดดเดี่ยวน่ะค่ะ ที่ผ่านมา

สุขที่แท้จริง says:
ตอนนี้พี่ยอมรับทุกสิ่งที่เคยเป็น และเป็นอยู่ได้ ถึงกล้าเล่าให้ฟัง มันเป็นแบบให้เขาเห็นว่า
ของคุณที่เจอน่ะ ยังมีคนอื่นๆมากมายที่เขาเลว แต่เขาไม่มาพูดให้ฟังหรอก

เข้าใจนะความโดดเดี่ยว ใครจะมาเข้าใจเราล่ะ
เพราะธรรมชาติของคนนะ ความเห็นแก่ตัวนี่มาก่อน

ถึงบอกไง มาเจริญสตินี่ เลือดเก่าๆถูกล้างออกไปเรื่อยๆ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

พูดไม่ออก ขอบคุณมากนะคะพี่น้ำ

สุขที่แท้จริง says:
ทุกข์เพราะคิด จำไว้นะหมู กำหนดรู้หนอๆๆ ให้ทัน หมั่นหายใจยาวๆ พิจรณา ทบทวน เหตุคืออะไร
จ้ะ แบ่งปันกัน พี่เข้าใจในความรู้สึกน่ะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ได้ค่ะ พี่ หมูจะทำตามคำแนะนำ เพราะมันคิดจากทุกข์จริงๆ

สุขที่แท้จริง says:
เอามันออกมา เขียนออกมาให้หมด อย่าไปหมักหมมเอาไว้

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

พอพ้นความคิดแล้วก็ ชดใช้เขาไป ลงมือทำ

สุขที่แท้จริง says:
หมั่นเพ่งโทษตัวเอง ดูจิตให้ทัน เกิดการกระทบ ดูจิตเราก่อน รู้สึกยังไง กระเพื่อมมากน้อยแค่ไหน
ใหม่ๆอาจจะไม่ทำ อะไรที่ทำบ่อยๆมันจำชำนาญไปเอง
ทางโลกกับทางธรรมน่ะเป็นหนึ่งนะหมู แต่เราไปแบ่งแยกกันเอง
เพียงแต่ว่า เราเคยสร้างเหตุมายังไง เราต้องรับผลตามนั้น


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

หมายถึงการปฎิบัติ ใช่ไหมคะ

สุขที่แท้จริง says:
การทำงานก็คือการปฏิบัติ การใช้ชีวิตก็คือการปฏิบัติ เราทำงาน เราใช้ชีวิต เราปฏิบัติ
แตกต่างตรงไหนล่ะ แตกต่างแค่ว่า เวลาปฏิบัติคือเวลาที่เราสะดวก ได้ทำเต็มรูปแบบ
แต่อย่าลืมว่า การเจริญสติ มันใช้ทำได้ทุกอริยาบท ใหม่ๆจแยกลำบากหน่อย สติยังไม่ทัน

มันเลยมองเหมือนว่า นี่คือการปฏิบัติ นี่คือทำงาน นี่คือชีวิตส่วนตัว จริงๆแล้ว มันตัวเดียวกัน
แต่เกิดคนละขณะเท่านั้นเอง


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

มันจะไม่ทันเท่ากะ ทำเต็มๆ แต่ก็ เจริญสติได้ เมือนกัน

สุขที่แท้จริง says:
ใช่จ้ะ ถ้ามีเวลาทำเต็มรูปแบบ มันเห็นผลชัดเจน
พอเห็นผล ทางโลกกับทางธรรมเริ่มเป็นหนึ่งเดียวกัน


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ หมูจะเพียรต่อไป

สุขที่แท้จริง says:
มีความสุขใจนะหมู ต่อให้เขาด่าเรา เราก็ไม่ไปทุกข์แบบก่อนๆ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.พ. 2010, 22:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 168



งไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เสร็จแล้วค่ะพี่ 60/35 ค่ะ
ก็รู้เท้า และก็ไปคิดด้วยค่ะ ก็อัดๆ แน่นๆ ที่ใจ แล้วก็ตื้อๆ แมีบางช่วงมันก็ไม่ค่อยคิด
จากนั้นก็กลับมาปรุงๆแล้วก็ตื้ออีก เท้าก็รู้ ก็มีหยุดแล้วไปเขียน เขียนแล้วไม่รู้จะเขียนอะไรอีก
ก็มาเดินต่อก็ทุกข์แต่ไม่รู้จะทำไง ส่วนใหญ่มันจะอัดอั้น และตื้อๆ

พอมานั่งก็ รู้กายขยับ แต่ไม่จับกายชัดแล้วก็ไปงุบไม่ค่อยมาจับกายค่ะ แต่ก็ออกมาจากการงุบ
แล้วก็มารู้กายได้บ้าง แล้วก็ไป อยู่ในสมาธิอีกค่ะ

มีขยับตัวแต่ไม่ได้ลืมตา ก็นั่งจนจบค่ะ จบแล้วค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
ลดนั่งนะคะ นั่ง 30 เหนื่อยหรือคะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

มันเครียด น่ะค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
เครียดเรื่องอะไรหรือคะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ก็เรื่องที่เกริ่น น่ะค่ะ เรื่องที่บ้าน ทำผิด มันพอคิดว่าต้องกลับไปอยู่ แล้ว ต้องกิน นอน

สุขที่แท้จริง says:
ไม่เห็นต้องไปเครียดอะไรเลย อดีตไปแก้ไขอะไรไม่ได้ อยู่กับปัจจุบันสิ เวลาไปวัดน่ะ เอาตังค์ให้แม่
ให้น้อง ให้พี่ ร่วมกันจบ จะกี่บาทก็ได้ นำไปชำระหนี้สงฆ์ ทำทุกๆครั้งที่ไปวัดน่ะ


เพ่งโทษบุพพการีเราก็ร้อนสิ ไม่ต้องไปพูด อีกล่ะ บาปกรรมเปล่าๆ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เหรอคะ ไม่ควรพูดกะแม่อีกหรือคะ

สุขที่แท้จริง says:
ไม่ต้องค่ะ อ้างไปเลยว่าเช็คไฟ

สุขที่แท้จริง says:
ได้สิ นัดเขาวันอาทิตย์ได้ หมูจะได้อยู่ดูเอง ไม่ต้องไปคาดเดาอะไรล่วงหน้า
เลิกเพ่งโทษบุพพการีได้แล้วนะ ถ้าไม่อยากมีชีวิตเหมือนพี่


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ หมูจะพยายาม ค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
ถ้าเลิกไม่ได้ก้ทุกข์ไปแบบนี้แหละ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เข้าใจค่ะ ก็พยายามกำหนดรู้ให้ทันน่ะค่ะ เด๋วหมูไปทำรอบสองแล้วมาส่งค่ะพี่
เสร็จแล้วค่ะพี่ 30/20 ค่ะ

ก็รู้เท้า ยังมีอารมณ์อัดอั้น ใจอยู่ ก็รู้ไป แล้วก็หลักๆ ก็รู้เท้ากะรู้อารมณ์ค่ะ มีหลงคิด
ก็คิดเรื่องเพ่งโทษ หมายถึงคำเตือนของพี่น่ะค่ะ ก็คิดขึ้นมา แล้วก็มารู้เท้าต่อ

พอมานั่งก็รู้กายนั่งได้ค่ะ กายขยับแต่ไม่ได้จับแบบละเอียด มันขยับไม่สม่ำเสมอ
มีหลงไป แล้วก็รู้ว่าหลงไปคิดก็เอาจิตมาดูกายต่อ มีคันก็เกา ก็มีแค่นี้ค่ะ
อ้อมีอกุศล ก็กำหนดรู้หนอๆ หมดแล้วค่ะ ใจมันก็ยังเศร้าหมองอยู่ ก็รู้ค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
จ้ะ ไม่มีอะไรจะรักษาใจเราได้เท่ากับสติ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ พรุ่งนี้หยุด มีเวลาทำเยอะหน่อย

สุขที่แท้จริง says:
โมทนาจ้ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

สาธุค่ะ _/_


สุขที่แท้จริง says:
ทำไปนะ จะเกิดอะไรขึ้นที่มากระทบทั้งหลาย ขอให้อดทน นั่นคือเหตุที่เราเคยกระทำไปด้วยความไม่รู้
ชดใช้เขาไป มันเสียใจ หรือรู้สึกยังไง สุดท้ายนะ ทุกอย่างมันจบสิ้นหมด ไม่มีอะไรที่ต้องมาแบกกันต่อไป


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่น้ำ ตอนนี้หมูคงใช้การกำหนดไปก่อน สติยังเอาไม่อยู่

สุขที่แท้จริง says:
อดทนนะคะ ดูพี่ไว้ มาให้ถึงตรงนี้ แล้วหมูจะพบแต่สุขใจ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ก็เพราะมีพี่ เป็นตัวอย่าง หมูเลยยังมี กำลังใจ เมื่อกี้ก็คิดเยอะ ว่าถ้ามันยังไม่ได้ทำอะไรไม่ได้จริงๆ
หมูคงต้องปล่อย แล้วตั้งสติอะไรจะเกิด ก็เกิด เพราะพยายามเต็มที่แล้ว

สุขที่แท้จริง says:
ใช่หมู ตั้งสติ ยอมรับทุกอย่าง แล้วมันจบไปเอง
แล้วหมูจะสบาย เวลาอะไรมากระทบ เราจมองแค่ว่า ใครสร้างเหตุยังไง เขารับผลเอง
เราไม่ไปยุ่งด้วยหรอก อยู่แบบเราดีกว่า สบาย ช่วยคนเท่าที่เราช่วยได้ ช่วยตามกำลังทรัพย์
ตามปัจจัยที่พอจะช่วยเขาได้

เห็นไหมหมู ว่าหมูน่ะยังโชคดี นับว่ายังมีกุศล ที่ยังเดินต่อไปเรื่อยๆ
เริ่มเข้าใจถึงเหตุและผล ที่สำคัญคือ กลัวผลที่จะได้รับ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ กลัวมาก

สุขที่แท้จริง says:
นี่แหละถูกแล้ว คนเห็นแล้ว ต้องกลัว
ความกลัว ทำให้ไม่สร้างเหตุใหม่กับใครๆอีกต่อไป และยอมรับในทุกสิ่งที่เกิดขึ้น


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะ กิเลสหมู เริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ ออกมาให้เห็นน่ะค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
มันถูกขุดออกมา ประจานตัวเรา ให้เรายอมรับความจริง

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

และยังรู้สึกว่ามันยังมีอีกเยอะมากด้วย เหมือนจิตมันรู้สึกว่า ยังเด็กๆ อายเหมือนกันค่ะ
เป็นพวกหลง ตัวเอง...

สุขที่แท้จริง says:
ยอมรับได้เมื่อไหร่ ความอายจะหมดไป เพราะสิ่งเหล่านี้ มันเหมือนกระจกสะท้อน
ให้คนอื่นๆเห็นว่า เราเขาไม่แตกต่างกันเลย แต่ว่า เรายอมรับมันได้แล้ว
และเราจะไม่ไปสร้างเหตุใหม่ที่ไม่ดีให้เกิดอีกต่อไป ภพชาติเราย่อมสั้นลงไปเรื่อยๆ
เพราะหนี้เราก็ทะยอยใช้เขาไปเรื่อยๆ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ น่ากลัวจิงๆนะคะ ความดิบเถื่อน ที่ซ่อนอยู่ในจิต มันเถื่อนจริงๆ
พี่น้ำผ่านมาหมดแล้ว ตอนนั้นก็คงทรมานมากสิคะ

สุขที่แท้จริง says:
สุดๆเลย เข้าใจคำว่า อยากตายไหม อยากตาย แต่ไม่กล้าฆ่าตัวตาย กลัวบาป
ไม่อยากเกิดมาฆ่าตัวตาย 500 ชาติ ถ้าตอนนั้นฆ่าตัวตายได้ ฆ่าจริงๆ
ทรมาณมากๆ หลายๆด้าน รุมมาหมด สตินะ สำคัญมากๆ

สติมันจะย้ำเตือนตลอดเวลา มันบอกว่า ทำไป อดทน แล้วเราจะผ่านมันไปได้
เสียใจ ร้องไห้ ต่อให้น้ำตาเป็นสายเลือด มันก็ไม่ตายหรอก แต่ภพชาตินี่สิ มันน่ามากๆ
เกิดใหม่ก้ต้องสร้างเหตุใหม่อีก แล้วกว่าจะรู้ กว่าจะเข้าใจ กว่าจะได้พบเส้นทางนี้ล่ะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ใช่ค่ะ ตรงนี้แหละค่ะ ที่ทำให้ คิดแล้วรนมากเลย มันกลัว

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ มันจะฮึดฮัด มันจะทรมาณ มันจะดิ้นรน ให้มันดิ้นรนไปน่ะหมู
เพราะกิเลสมันไม่ยอม มันยิ่งกว่ายางเหนียวอีก


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
หมูจะจำไว้ค่ะ มันดิ้นจิงๆ

สุขที่แท้จริง says:
ไม่ตายหรอก ที่ตอนนี้จะต้องทิ้งความสุข ความสนุกทางโลกๆไป
ไม่ตายหรอกที่ต้องฟังคนอื่นมากร่นด่าเราหรือตำหนิติติงเรา หรือกลั่นแกล้งเรา

อดทน เจริญสติไป การเจริญสติทำให้เราเริ่มสร้างฐานะใหม่
เหมือนหมูบอกน่ะ ตอนนี้พี่น้ำรวยแล้ว

ใช่ พี่รู้สึกแบบนั้นจริงๆ ตอนนี้พี่มีความสุขใจทุกวัน ไม่ต้องไปนอกบ้าน
ไปต้องไปคบค้าสมาคมกับใครๆ ไม่ต้องมีเพื่อนสนิท
ไม่ต้องมีอะไรเลยแม้แต่สักอย่างเดียว แต่เรามีความสุข โดยไม่ต้องไปอาศัยใครๆ
ก็ไม่รู้นะว่า มันผ่านจุดนั้นจากตอนไหน ไม่รู้จริงๆ รู้แต่ว่า ตอนนีมันรู้อยู่ในกายและจิตน่ะหมู

เวลานั่งนะ แหมมม ... ต้องกำหนดรู้หนอ สุขมันพุ่งขึ้นมาตลอด ความว่างมันโผล่ขึ้นมา
ต้องกำหนด บางครั้งกำหนดไม่ได้ มันลอยๆ ก็ต้องเอาสติมาจับกายให้ได้
จิตพี่ตอนนี้นะ มันมีสมาธิตลอดเวลา แบบมันไม่แรงเหมือนเมื่อก่อน เลยทำให้เรารู้สึกสุขใจตลอดเวลา


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ขนาดหมู อิ่มๆเบาๆนิด

สุขที่แท้จริง says:
ตอนนี้สภาวะพี่เป้นอย่างงั้นจริงๆ จากที่บอกว่า รู้สึกมันสงบๆแปลกๆ เหมือนคนขี้เกียจ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ยัง Happy เลย ของพี่น้ำ พุ่งขึ้นมา ตะการตา

สุขที่แท้จริง says:
ยิ่งทำกรรมฐานนะหมู แหมมม มันอยากทำทั้งวันเลย จิตมันมีกำลังดี

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ก็ยิ่งขยันนะคะ หมูน่ะ มารู้สึกว่า

สุขที่แท้จริง says:
จะว่าขยันมันไม่ใช่นะ มันอิ่มใจมากกว่า มันเลยเหมือนกับว่า จิตมันทำได้ต่อเนื่อง ไม่เบื่อ ไม่เพลีย
หมูติดนิดเดียวเอง เรื่องแม่ ติดแค่ตรงนั้นจริงๆ สภาวะถึงได้จมๆอยู่แบบนี้
บุพพการีนี่ไม่ได้เลยนะ หมั่นขออโหสิกรรมกับแม่เขานะ กลับไปนี่ ขอเลยนะ
ขอทุกครั้งที่มีการคิดไม่ดีกับแม่ ไม่งั้นผ่านสภาวะนี้ไม่ได้นะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

คือว่า ขอในใจได้ไหมคะ

สุขที่แท้จริง says:

ไม่ได้ค่ะ คือ นั่นหมูยังไม่ยอมรับความจริง

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

คือเขาจะงง ว่าทำไมขอบ่อย

สุขที่แท้จริง says:
ขอในใจ คือระหว่างวันที่คิดขอได้

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เพราะเคยแล้วเขาบอกขออยู่ได้

สุขที่แท้จริง says:
ถ้าเขาพูดแบบนั้น บอกเขาสิ ว่า ก้รักแม่มากๆน่ะ เลยต้องขอบ่อยๆ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ต้องให้แม่เขาพูดอโหสิไหมคะ

สุขที่แท้จริง says:
ต้องสิ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
เขาไม่พูดน่ะค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
ต้องพูด หมูบอกกับแม่สิ แม่อโหสิให้หมูหน่อยสิคะ
แม่พี่น่ะ วันที่ขออโหสิต่อกัน ร้องไห้เลย แม่อโหสิให้หมด


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะจะพยายาม แม้แต่เผลอ จะขึ้น คิดไม่ได้
แล้วเรากำหนด ทัน ก้อต้องขอไหมคะ

สุขที่แท้จริง says:
เอาเป็นว่า ถ้าไม่ทัน เวลากลับบ้าน อาทิตย์นั้นต้องขอ ถ้าทันทั้งอาทิตย์ คือ ทันตลอด ก็ไม่ต้องค่ะ
กดเอาไว้ก้ต้องยอม แล้วมันจะออโต้เองนะ เพราะกลัว

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ถ้าขอเป็นรายอาทิตย์นี่ ยังพอจะอ้อมแอ้มได้ แต่ขอรายวันนี่

สุขที่แท้จริง says:
พี่น่ะ พอแว่บเรื่องแม่ปั๊บ ยังไม่ทันคิดอะไรหรอก จิตมันขึ้นทันที คิดหนอๆๆๆๆๆ
รู้หนอๆๆๆ จบเลย ไม่มีเรื่องแม่ เอาเป็นว่า พอรู้สึกถึงแม่ปั๊บบ คิดหนอๆๆเลย
ไม่ว่ามันจะคิดหรือไม่ก็ตาม


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ ได้ค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
อดทนนะ พี่ยังผ่านมาได้เลยเรื่องแม่
บางทีก็ขำๆตัวเองเหมือนกัน เวลาเจอกับแม่น่ะ จิตมันจะคิดหนอทันทีพอสบตา
หรือได้ยินแม่พูดเกี่ยวกับคนอื่นๆในทางที่ไม่ดี มันอัตโนมัติเลยน่ะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

พี่น้ำจะไม่ท้วงแม่ใช่ไหมคะ ว่าอย่าพูด

สุขที่แท้จริง says:
ไม่เลย นิดเดียวไม่มี พอเราไม่คุยด้วย แม่หยุดเอง

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
หมูก็นึกว่าการท้วง แม่จะหยุดแล้วเขาจะได้ไม่สร้างกรรม หมูเข้าใจผิด ใช่ไหมนี่

สุขที่แท้จริง says:
นั่นคือ หมูไปคิดแก้ไข ผิดค่ะ หมูเงียบสะ พอเขาไม่รู้จะคุยกับใคร เขาจบเอง
นั่นคือเหตุของแม่เขา วิบากของเขา วิธีช่วยแม่คือ แผ่เมตตา กรวดน้ำ ขอให้แม่มีความสุข
ทำให้ได้ทุกๆครั้ง เหมือนแม่พี่ พี่ทำให้ตลอด


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ยากจริงๆนะคะพี่ หมายถึง จิตมันไว

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ ใหม่ๆยากมาก ทำบ่อยๆ มันไม่ยาก

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

หมูจะทำค่ะ คิดว่า ตั้งใจแล้ว กุศลที่ปฎิบัติ คงช่วยให้การทำเรื่องเหล่านี้ ง่ายขึ้นเอง
รวมถึง ความรู้สึกที่แม่ มีต่อหมูด้วย เขาอาจยอมพูดอโหสิออกมา

สุขที่แท้จริง says:
ใช่จ้ะ ใช้เวลา ของพี่ตั้งกี่ปีล่ะ กิเลสน่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

หมูคงต้องทำดีกะเขาเยอะๆๆๆๆๆ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่เลยค่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เพื่อชดใช้เขา แล้วเขาอาจจะใจอ่อน เวลาหมูขอขมา จะได้ไม่หงุดหงิด

สุขที่แท้จริง says:
ตั้งใจปฏิบัตินะหมู จิตเบิกบาน ทำอะไรสำเร็จหมด

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ พี่น้ำด้วยนะคะ หมูยังมีแวบ จะปรามาสพี่น้ำ แต่ส่วนใหญ่จะกำหนดทัน ต้องขอขมาด้วยค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
อโหสิค่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ขอบคุณค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
จ้ะ กุศลแล้วที่ได้มาเจริญสติน่ะ พี่ทบทวนสภาวะตลอดเวลานะหมู กิเลส
มีมากแค่ไหน เหลือเท่าไหน กระทบแล้วเป็นยังไง จิตมันสรุปให้เลย


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อ้อจิงสิคะ หมูถามหน่อยนะคะ อย่างคนที่เขาพ่อแม่เสียแล้ว
เขาจะขออโหสิกรรมยังไงคะ กะความคิดไม่ดีในอดีต

สุขที่แท้จริง says:
ได้สิคะ ก็บทแผ่เมตตา ขออโหสิกรรมที่ให้ไปไง แต่จิตเขาต้องได้จริงๆนะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

มันให้ผลเหมือนกัน เหรอคะ

สุขที่แท้จริง says:

ถ้าจิตได้จริงๆ ผลถึงค่ะ เหมือนจิตหมูน่ะ ต้องได้จริงๆ
ใช้เวลานะคะ ไม่ต้องไปคาดหวัง ขอให้ตั้งใจทำต่อไป เวลากระทบมา คิดสะว่า
ทำกับเขาไว้เยอะ ผลก็เลยต้องเป็นแบบนี้ แล้วใจมันจะวางลงไปเรื่อยๆ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ เจอเรื่องยาก เข้าแล้ว

สุขที่แท้จริง says:
บอกแล้วว่า แต่ละสภาวะจะเจอยากขึ้นเรื่อยๆ จิตมันละเอียดมากขึ้น
แต่ไม่ยากเกินกำลังเราหรอกค่ะ ขอให้ทำจริงๆ ทำจริงได้ของจริง


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ ต้องสะสมสติเยอะ ถ้าสะสมสติเยอะ การไปล่วงเกินผู้มีพระคุณก็จะน้อยลง จนหายไป

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ สติมันจะทันมากขึ้น

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

แล้วเราจะได้ไม่ต้องขอขมาท่านเหล่านั้นบ่อย
ถึงสภาวะหมูจะวนๆ แต่สติก็เพิ่มขึ้นได้ ถูกไหมคะ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ งั้นหมูไปทำอีกรอบดีกว่า

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 03 ก.พ. 2010, 21:33, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.พ. 2010, 21:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ร้องไห้ไป เดินไป ความจริงมันเป็นเช่นนี้เอง ถ้าพลั้งเผลอเมื่อไรกลับมาย้อนอ่านแล้วจำไว้ให้ดี ...

เราจะบันทึกสภาวะนี้เอาไว้เพราะ เรารู้ว่าจะต้องลืมมันแน่ๆ เพราะกิเลส และอารมณ์ต่างๆมันจะครอบงำ
จนทำให้เราลืมหรือลังเล ไม่แน่ใจว่าเราเคยมองเห็นสิ่งเหล่านี้จริงๆ

มันจะทำให้เราคิดว่ามันแค่ความทรงจำที่เลือนลางและไม่แน่นอน ไม่ผิดกับความฝัน หรือการนึกเอาเอง
แต่วันนี้เราเห็นสิ่งเหล่านี้จริง และรู้สึกอย่างนี้จริงๆ หากวินาทีใดที่เราพลั้งเผลอจะก่อบาปกรรมหนัก
ขึ้นใหม่ เราจะได้กลับมาอ่านเตือนใจตัวเองและมุ่งหน้า
ปฎิบัติต่อไป ....

ตั้งแต่เมื่อคืน เราคุยกะพี่น้ำเรื่องการปฎิบัติและ ก็เกิดความกลัวมากมาย ความกลัวและความอยาก
อยากไปให้พ้นๆ จากการเกิด แก่ เจ็บตาย

พี่น้ำบอกว่า เรายังติดเรื่องการเพ่งโทษบุพการี ทำให้สภาวะไม่เดินต่อ ทางเดียวที่จะผ่านได้คือ
เจริญสติต่อไปและ คอยเฝ้าระวังจิตไม่ให้ไปก่อกรรมหนัก และหมั่นขอขมาต่อผู้มีพระคุณ
พี่น้ำบอกว่า ยิ่งทำไปเรื่อยกิเลสยิ่งละอียดเรื่อยๆ และยิ่งเจอด่านที่ยากขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่ยากเกินกว่า
ที่เราจะทำได้ ขอให้อดทนทำไป แล้ววันหนึ่งจะขอบคุณความพยายาม
และบททดสอบทั้งหมด รวมถึงกิเลสด้วย

เมื่อคุยจบเราก็มีแต่ความทุกข์ความอัดอั้นตันใจ ...เพราะอะไร เพราะมันเป็นเรื่องยากมากๆ สำหรับเรา
พอทำไปเรื่อยๆ เราเห็นว่าเราทำกรรมหนักตลอดมา สะสมโดยไม่รู้ตัว ไม่รู้ว่านั่นคือบาปกรรม
จนจิตเราไวต่อการคิดไม่ดีมากๆ มันแทบจะตลอดเวลาด้วยซ้ำ ถ้าเราต้องพบเจอกะท่าน
เราก็มักจะคิดอคติต่อท่านเสมอๆ

ทั้งที่เราขอขมามาแล้วไม่รู้กี่ครั้ง แต่ก็ยังก่อเหตุใหม่ๆ อยู่เสมอ และสติเราไม่ทันพอที่จะหยุดมัน
ก่อนการปรุงแต่งได้ ทำให้เรารู้สึกว่าเราอาจต้องขอขมาท่านทุกวันวันละหลายๆรอบ
ซึ่งมันทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะท่านคงสงสัย ...

แล้วเราจะผ่านด่านนี้ไปได้หรือ หรือว่าเราจะต้องอยู่ในสังสารวัฎชั่วกัปชั่วกัลป์
ความคิดเหล่านี้ทำให้เราทุกข์เพราะอารมณ์ไม่พอใจที่เกิดขึ้นอยู่ตลอด

แล้วพอเราหลับ เราก็ฝันประหลาด ฝันว่าเรากำลังถือไม้ม็อบถูพื้น และจะต้องชุบน้ำเพื่อนำมาถูพื้นต่อ ...
สุดปลายไม้ม๊อบ นั้นมีแมลงคล้ายแมงมุม ตัวมันมีสีแดงปนเป็นลายอ่อนๆ
เกาะติดอยู่ เราไม่ฆ่าสัตว์ แต่ก็กลัวมัน ก็เลยพยายามขยับๆไม้ม๊อบ จะไล่มันให้หนีไป
โดยตัวเองยืนอยู่ห่างๆที่สุด เพราะในฝันเรารู้สึกว่ามันมีพิษ แต่พอเราจะไล่มัน

มันรู้และอยู่ๆ มันก็แปลงกายเป็นคล้ายตัวต่อ บินมาจะทำร้ายเรา เราก้วิ่งหนีสุดกำลัง มันบินไวมาก
บินตามจะทำร้ายเราให้ได้ ในใจเราตอนนั้นอยากได้ไม้ หรือสมุด เอาไว้ปัดมัน เพื่อสู้ไม่ให้มันทำร้าย

แต่เราไม่มีอุปกรณ์อะไรเลย เลยต้องวิ่งอย่างเดียว ตอนนั้นเราคิดว่าหรือเราจะย่อตัวลงแล้ววิ่งกลับ
ไปทางเดิมเพื่อให้มันเสียหลัก แต่ปรากฎว่ามันตามเราได้ไวขึ้น เพราะเราเป็นฝ่ายช้าลง
เรารู้สึกว่าหนีไม่รอดแล้วแล้วก้มตัวลง แล้วก็จบ ความฝันเปลี่ยน ...

ตื่นขึ้นมา เราก็ยังคิดอยู่ว่าหมายถึงอะไร หมายถึงลางร้ายที่จะบอกว่าเราไม่มีวันจะผ่านมันไปได้ใช่ไหม

วันนี้พอตื่นมาเราเจ็บคอมาก อาการนี้บอกให้เร้ว่าปล่อยไปจะเป็นทอนซิลอักเสบซึ่งเป็นโรคประจำตัว
ถ้าเป็นแล้วไข้ขึ้นต้องนอนซม เรามีเวลา 2 วันนี้ที่คิดจะเจริญสติให้เต็มที่

แต่ก็กลับมาเจ็บคออีก เรารู้สึกว่านี่เป็นตัวมาขัดขวาง เพราะไม่อยากให้เราเพียร แต่เราก็ทำ
เราหาอะไรกินแล้วเริ่มเดินจงกรม เชื่อไหม ความคิดที่ว่า หยุดเพื่อปฎิบัติธรรมสบายๆ นั้นไม่ใช่เลย

เพราะการปฎิบัติธรรม ของเรามันมีแต่ความทุกข์ ระหว่างเดิน หรือทำกิจกรรมอะไร จิตมันก็จะไประลึกถึง
เรื่องในอดีตที่เราทำไม่ดี เอาไว้ แล้วก็เกิดความไม่พอใจ บางที่หยิบของบางชิ้นขึ้นมาก็ไประลึกว่า
เกี่ยวกับของชิ้นนั้น มีเหตุการณ์อะไรที่เราทำไม่ดีไว้บ้างแล้วก็ทุกข์อีกเกิดความกลัวบาปกรรม

เพราะเรารู้ว่ามันจะต้องย้อนกลับมาแน่นอน นี่เราเคยทำแบบนี้ไปจะโดนอะไรหนอ แล้วเด๋วจิตก็ไปคิดถึง
เรื่องที่เราเคยคิดไม่ดีกะที่บ้านอีก ก็ทุกข์อีก ...

พอเราเข้าสู่ทางจงกรม เรารู้เท้าและเห็นจิตมันปรุงแต่ง อารมต่างๆก็เกิดขึ้น...มีอารมณ์หลายแบบ
สิ่งเหล่านี้เรียกว่าเวทนา

แต่ก่อน เราไม่รู้ว่าเวทนาเหล่านี้จัดเป็นทุกข์เหมือนกัน นึกว่าต้องเป็นความไม่พอใจเท่านั้น
หรือขมขื่นใจที่ชัดเจนเท่านั้น แต่จริงๆแล้ว อารมที่เราเจออยู่มันก็เป็นความทุกข์เหมือนกัน
แต่เราไม่รู้จะบอกยังไงว่ามันเป็นแบบไหน อธิบายไม่ถูก มันอัดอั้น มันแปรปรวน
เมื่อเราเห็นว่ามันเกิดขึ้นมันก็เบาลงช่วงนั้นก็รู้สึกสบาย

แต่แค่แวบเดียว แล้วก็ปรุงต่อแล้วก็เกิดอารมณ์ต่อ รู้แล้วก็เบาต่อ เป็นอย่างนี้บ่อยๆ จนเรารู้สึกว่า
นี่เอง ที่พระพุทธเจ้าสอน นี่ใช่ไหมสิ่งที่ท่านนำมาบอกเรา มีแต่คำสอนของท่านเท่านั้น
ที่พูดถึงเรื่องเหล่านี้ และวันนี้เราได้เห็นตามที่ท่านสอน สิ่งที่เราเห็นคือ เมื่อขาดสติ
หรือแม้แต่มีสติแต่สติไม่พอ จิตก็เกิดการปรุงแต่ง แล้วเกิดความพอใจไม่พอใจ แล้วเกิดเวทนา
อารมณ์ ความรู้สึกสุขทุกข์ ครอบงำจิตใจ

พอเรารู้สิ่งเหล่านี้มันก็หยุดไป หายไป เบาไป แล้วก็เกิดขึ้นใหม่ เหมือนสายน้ำ สติเป็นเพียงเครื่องกั้น
แต่กันได้แค่สั้นๆ แล้วก็ปรุงอีก ...แล้ว มันก้อร้องให้หนักมากๆ สะอื้นขึ้นมา ระหว่างสะอื้น
เราสะอื้นตามจิตนะ จิตดวงที่มันร้องโผล่ขึ้นมาเราก็ร้องไห้ แต่มันไม่ต่อเนื่อง จิตอีกจิตมันขึ้นขำตัวเอง
ว่า บ้า ติงต้อง แล้วอีกดวงก็เงียบ มันก็เงียบตาม เราจึงเด๋วร้องเดียวไม่ร้อง
แล้วระหว่างนั้นเราก็รู้สึกว่าไอ้เวทนาอารมณ์เหล่านี้ ครอบงำเรามาตลอด

มันครอบงำให้เราทำพูดคิด และทำผิดต่อบุพการี และบุพการีเราเองก็มีความทุกข์ มีเวทนาเหล่านี้
ไม่ต่างกับเราเลย เราทุกข์ขนาดนี้ แล้วแม่เราจะทุกข์ขนาดไหน สังขารก็ร่วงโรยไปทุกวัน

แม่ไม่ได้ปฎิบัติแบบเรา แม่ย่อมไม่รู้วิธีสกัดมัน แม่เราจะต้องพึ่งแต่สิ่งต่างๆภายนอกเพื่ออำนวยความสุข
และหนึ่งในที่พึ่งพิงของท่านก็คือลูกที่ไม่เอาไหนอย่างเรา แล้วลูกที่ไม่เอาไหนอย่างเราก็คิดอคติ
ต่อท่าน ไม่ยอมดูแลท่านเสียสละเพื่อท่านอย่างจริงจัง เพราะพายแพ้ต่อกิเลสเห็นแก่ตัวนี้
มัวแต่แพ้กิเลส ทำให้ท่านไม่ได้รับการดูแลที่ดีพอ ...

เราร้องไห้ขอโทษท่านจากใจจริง เราสัญญาพร้อมร้องไห้ไปว่า ขอโทษนะแม่ เราจะพยายาม
จะพยายามเอาชนะกิเลสตัวเอง เพื่อจะได้ดีกับแม่มากกว่านี้ ทำเพื่อแม่ให้ได้มากขึ้นเรื่อยๆ

ระหว่างนี้ เราจะต้องสะสมสติให้มากที่สุดเท่าที่จะได้ หากคิดถึงแม่เมื่อไรเราจะต้องรีบกำหนด
เพื่อไม่ให้เกิดความคิดไม่ดีกับท่าน จนกว่าสติเราจะตั้งมั่นเพียงพอ ถึงตอนนั้นเราคงสามารถดีกับท่าน
ได้อย่างไม่ต้องฝืนกิเลสอีกต่อไป เราตัดสินใจแล้ว ว่าเราจะต้องกลับบ้าน ไปอยู่กะท่าน

แต่ว่าตอนนี้เรายังไม่พร้อม เราต้องเริ่มจากกลับบ้านบ่อยขึ้น ฝึกตัวเองมากขึ้น จนกระทั่งมั่นใจว่า
เราจะไม่กลับไปแล้วจะไม่ทำให้อะไรมันแย่ขึ้นกว่าเดิม ...

คำหนึ่งของพี่น้ำที่กระทบใจเราก็คือ การเสียสละความสุขทางโลกมันไม่ตายหลอก ชดใช้ไป
เราทำกับเขาไว้เยอะ ...แล้ววันหนึ่งเราจะเบาสบาย หนทางจะเปิดโล่งขึ้น
ภพชาติมันน่ากลัวจริงๆ ...

หมายเหตุ ความฝัน :
นี่อาจจะเป็นการบอกให้เรารู้ว่าสติที่เรามีอยู่ตอนนี้ยังไม่เพียงพอในการเอาชนะกิเลส
เราต้องวิ่งต่อไปเรื่อยๆ อย่าย้อนกลับหลัง อย่าคิดว่ากิเลสมันจะช้า เพราะมันย่ำยีเราอยู่ตลอดเวลา
เราไม่มีทางหนีนอกจากจะวิ่งต่อไปเรื่อยๆ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.พ. 2010, 23:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 169


รอบแรก 60/30 (หลังกินข้าวมื้อแรกจัดการซักผ้า ถูกห้อง อาบน้ำแล้ว เริ่มเดินจริงจัง)

ตอนเดินก็รู้เท้า แล้วก็ปรุงตลอด อารมณ์ทุกข์ไม่พอใจ กลัว หลังการปรุง มีความอยากพ้นทุกข์
อยากผ่านสภาวะ มีไปปรามาสก็ขอขมาไป แล้วทำต่อ ปรามาสแล้วขอขมา 2 ครั้ง

ตอนเดินมีความเห็นแก่ตัว ตามหลังการปรุงคิด รู้ก็บางไป มีหลงลืมเผลอไปคิดแล้วลืมตัว
แล้วก็กลับมาอยู่กะการเดินใหม่ พอจิตไปดึงความคิดหรือความรู้สึกตอนคิดอกุศลกะแม่ก็กำหนด
รู้หนอ 3 ครั้ง ก็หายไป แล้วเดินต่อ พอจะขึ้นไปคิดถึงอารมณ์อกุศลประเภทอื่นๆที่ทำให้จิตท้อแท้อีก
ก็กำหนดรู้หนอใหม่ดับไป แล้วเดินต่อ

ตอนนั่งรู้สึกกายได้ว่าท้องขยับแต่ไม่แนบกับกาย การขยับของท้องไม่สม่ำเสมอ มีคิดไปด้วย รู้ไปด้วย
และมีหลงไปแบบไม่รูกาย แล้วกลับมารู้กายใหม่ มีจะปรามาส 2 หน ก็กำหนดรู้หนอไปอีก

ระหว่างนั่งหลังๆการรู้กายไม่รู้ท้อง แต่จับได้ที่ลมหายใจเข้าออกแล้วอกขยับ ดูแบบนั้นไปเรื่อยๆ
ก็มีเบื่ออยากเลิกนั่ง นั่งไปจนครบ แล้วหมดเวลาตอนขาดสติไปคิด
เลยตกใจ คำว่าตกใจขึ้นมา แล้วก็รู้หนอขึ้นมา 1 ครั้ง

รอบที่สอง 60/30
ตอนเดินรู้เท้า มีอารมทุกข์ อัดอั้น รู้ไป พยายามจับที่เท้าเป็นหลัก เป็นแบบนี้ไปสักพัก
สภาวะทุกข์อัดอั้นก็หายไป

จากนั้น เวลาเดินแล้ว มีความทรงจำที่เป็นอดีต ที่ไม่ควรกะทำผุดขึ้นมา ตอนนั้นไม่รู้ว่าไม่ควร
พอเห็นวันนี้ แล้วรู้ว่าไม่ควรก็ทุกข์ ก็พอรู้ก็หายไป แล้วก็เดินใหม่

เวลาที่ทุกข์ หรือไม่พอใจ มีกำลังกล้า ทำให้หดหู่ หรือไม่อยากปฎิบัติ ก็กำหนดรู้หนอลงไป 3 ครั้ง
ก็อารมณ์ทุกข์ไม่พอใจก็เบาบางลง

แล้วเดินต่อ มีความสงสัย การปฎิบัติ ว่าควรกำหนด รู้หนอลงไปที่ความทุกข์ไหม หรือควรดูไป
ก็ปล่อยความสงสัยไป เพราะเคยสงสัยมาแล้ว

ดูเท้าต่อ มีจิตอกุศลหลายๆครั้ง เช่นไป ดูถูกลัทธิความเชื่ออื่นๆ ไม่ทัน รู้แล้วก็ตกใจ
กำหนด รู้หนอไป แล้วปล่อย มีจิตจะปรามาส ก็รีบกำหนดรู้หนอไปยังไม่ขึ้นคำปรามาส
แต่ก็ทุกข์เหล่านี้ยังรู้เท้าได้อยุ่

พอมานั่งก็รู้ท้องขยับ แล้วก็ไปรู้ลมหายใจเข้าออกและอกเคลื่อนไหว แล้วก็ลมสั้น
เห็นมันสักพัก ก็ไม่เห็นลมแต่รู้ว่ามีการหายใจ

มารู้ว่าจิต มีการขยับเหมือนโยกนิดๆ แล้วก็มารู้มือน้ำหนักมือที่รวมกันเป็นก้อนน้ำหนัก
แล้วก็มีคิดด้วยในระหว่างนั้น จะคิดปรามาสก็กำหนดรู้หนอไปในใจ 2-3 ครั้งที่เกิดแบบนี้
แต่ยังไม่ขึ้นปรามาส

มีเวทนาเหมือนอะไรไต่ แต่ไม่ชัดคล้ายๆจะมีเจ็บจี๊ดเหมือนเข็มตำ มีความอยาก
อยาก จะปฎิบัติพ้นสภาวะนี้ไป

ลืมเล่าไปค่ะ ว่า ระหว่างเดินรอบนี้ทุกข์มากเพราะความ กลายมาเป็นควาไม่พอใจ
อย่างรุนแรงต่อการปฎิบัติ รู้ลงไป ก็มีคลายไป แล้วเด๋วก็กลับมาอีก จบแล้วค่ะ

รอบที่ 3 60/30

ตอนเดินก็รู้เท้า มีความททุกอัดอั้นที่จิตเหมือนเดิม มีความคัน มีมดกัดก็มีความหงุดหงิดเกิดขึ้น
ก็มีอยากเลิกเดินก็ดูมันไปค่ะ

แล้วก็ความ ห ยาบ สบถด่าคนอื่น ไม่ทันก็กำหนดรู้หนอตาม
มีปรามาสจะขึ้นหลายรอบ กำหนดรู้หนอตาม

เดินๆรู้เท้าอยู่ มีจิตคิดไม่เห็นด้วยกะคำสอนพี่น้ำ มันกำลังจะขึ้น โดยไม่ได้ปรุงแต่งก่อนเลย
รู้เท้าเดินอยู่ดีๆนี่แหละค่ะ ก็รีบกำหนดรู้หนอไป 3 ครั้ง มันก็เลยยังไม่ขึ้นมา

แล้วก็เดินๆไปอีก ก็มีคราวนี้ไม่ทันไปปรุงคิดก่อนไม่ร้ตัว แล้วคราวนี้ขึ้นมาเป็นำพูดขัดแย้งกับคำสอน
พี่น้ำอีก ก็ตกใจ หายใจยาวๆ กำหนดรู้หนอไปอีก 3 ครั้ง

แล้วเดินๆไป ก็ไปหวนคิดเรื่องที่กังวลอยู่ ที่ปรึกษาไปเมื่อวานน่ะค่ะ
ก็ทุกข์ใจก็กำหนดรู้หนอก่อนปรุงไปมากกว่านี้ก็หายไป เดินต่อได้

เดี๋วก็ขึ้นมาอีก เป็นตัวจำได้ว่าเคยคิดไม่ดีอะไร ที่เป็นกรรมหนัก หรือความคิดปรุงไม่ดีอะไรที่เคยปรุง
มันทวนขึ้นมาก็ทุกข์ กำหนดรู้หนอไปอีก ก็หายไป แล้วเดินต่อ
มีหลงไปลืมการเดิน มัวไปปรุงอนาคต ก็ออกมารู้กายต่อ

พอมานั่ง ก็รู้กายได้ค่ะ มันเด๋วรู้ลมบ้างรู้ท้องขยับบ้าง รู้แขนบ้าง รู้โครงกายบ้าง
แล้วมีช่วงที่หลงไปปรุงลืมอีก ไปปรุงอคติ ไม่ค่อยดี กะแม่ไม่รู้ตัว พอรู้ก็ตกใจ
แล้วก็กำหนดรู้หนอไป 3 ครั้ง ก็ทุกข์ค่ะ แล้วก็นั่งต่อดูกายต่อ ก็ลืมความทุกข์ไป
แล้วก็มีจะปรามาสอีกถ้าจำไม่ผิดนะคะ ก็กำหนดรู้หนอไป แล้วนั่งดูกายต่ออีก จนจบค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
แล้วคราวนี้ขึ้นมาเป็นำพูดขัดแย้งกับคำสอน พี่น้ำอีก .................... คืออะไรหรือคะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ก็เดินๆอยู่ มันก็ไปคิดทวนว่า ห้ามแทรกแซงสภาวะ
เช่นเวลาแม่ พูดห้ามทักแม่ ที่บอกว่า อย่าให้แม่พูด ถึงใครในแง่ไม่ดี
เพราะนั้นเป็นการแทรกแซงสภาวะ

แล้วจิตมันก็บอกว่า อ้าวแล้วที่พี่น้ำบอกให้เราไม่ทักแม่ นี่ไม่แทรกแซงเหรอ
ขอโทษนะคะ ตกใจเหมือนกันค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
อ้าวแล้วที่พี่น้ำบอกให้เราไม่ทักแม่ นี่ไม่แทรกแซงเหรอ ...............
การไม่ทักนี่ มันไปแทรกแซงตรงไหนหรือคะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

หมายถึง หยุดหมูไว้ น่ะค่ะ ถ้าปล่อยไปหมูก็ทำ เหมือน ที่หมูหยุดแม่ไว้

สุขที่แท้จริง says:
เพราะสติหมูไม่ทันไง ถึงได้มีปัญหากับแม่ไม่รู้จบ
พี่เพียงบอกว่า หมูควรทำอย่างไรกับแม่ แต่หมูคิดว่า หมูไม่เห็นด้วย นี่ก็ไม่เป็นไรนะคะ
พี่พูดจริงๆนะ ลองสิ ลองพูดกับแม่แบบนั้นสิ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ไม่ใช่ค่ะ ไม่ได้ไม่เห็นด้วยกะพี่น้ำค่ะ แต่จิตมันโพล่งขึ้นมาค่ะ หมุก็ตกใจมัน

สุขที่แท้จริง says:
ตัวมานะน่ะทุกคนมีทั้งนั้นแหละ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ หมูก็กำหนดมันน่ะค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
แบบกรูรู้ กรูเก่ง กรูดี

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ ต้องขอขมาด้วยนะคะ

สุขที่แท้จริง says:
ไม่เป็นไร เรื่องปกติน่ะค่ะ เจอบ่อย
คือ พี่เข้าใจนะเรื่องพวกนี้ ความถือตัว ความอวดว่ารู้มาก บางคนศึกษามาก

ปริยัตินี่เปรีย๊ะๆๆ พอให้พูดสภาวะแบบภาษาชาวบ้าน ใบ้รับประทานเป็นแถบๆ เพราะอะไร
เพราะรู้จากการอ่าน รู้จากการฟัง แต่ไม่ได้ผ่านสภาวะด้วยตัวเอง


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ แต่หมู พอมันพูดขึ้นมาหเหมือนเป็น อีกตัวหนึ่งเลย หมูก็ร้องโอ้โหนะคะ แบบตกใจน่ะค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
พี่ถึงเฉยๆไง ใครอยากจะไปสอบอารมณ์กับใครก็ไปเลย ไม่สนใจหรอก กิเลสน่ะหมู
คนผ่านสภาวะน่ะหมู ดูเขาง่าย เวลาเขาพูดน่ะ พวกนี้ไม่มาอวดตัวหรอก
ไม่คุยด้วยจะไม่รู้เลยนะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อืมๆค่ะ รอบตัวหมู ไม่มีคนปฎิบัติ ในชีวิตจริงๆที่ต้องพบปะน่ะค่ะ เลย ไม่ค่อยเจอ

สุขที่แท้จริง says:
พี่น่ะนับว่ากุศลดี มีกัลยาณมิตร ที่มีทั้งปริยัติ เป็นมหาน่ะ มีทั้งปฏิบัติโดยสภาวะ
เหมือนเราได้แลกเปลี่ยนมุมมองกันตลอดเวลา

คนแม่นปริยัติ เขาฟังเราออก เราฟังเขา เราก็ฟังออก เพราะภาษากลางคือ สภาวะ
ไม่งั้นท่านมหาเปรียญ 8 ท่านนั้นจะมาหาพี่เรอะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะ พี่ แบบหมูอ่านแล้วยังไม่เข้าใจเลย

สุขที่แท้จริง says:
อีกหน่อยหมูจะเข้าใจ อย่างครูบาฯบางท่านน่ะ เขียนมีแบบเฉพาะตัว
แต่พอเรานำมาเทียบกัน สภาวะเดียวกัน


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่...อ่อหมู อัพสภาวะระหว่างวันไว้ เด๋วส่งให้พี่น้ำอ่านนะคะ

สุขที่แท้จริง says:
จ้ะ ได้เข้าไปอ่านในสิ่งที่หมูเขียนวันนี้นะ เข้าใจในความรู้สึกเลย

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ตอนเดินร้องไห้ ใช่ไหมคะ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ บอกแล้วไง น้ำตานองหน้าตลอดทั้งๆที่กำลังเดิน แต่ต้องเดิน

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

สิ่งที่พี่น้ำพูดมาหลายๆอย่าง หมูเริ่มทยอยเจอ อาจจะไม่เข้มข้น
แต่ก้อเริ่มๆ เข้าใจที่พี่น้ำ บอกว่ามันเป็นแบบไหน

สุขที่แท้จริง says:
กิเลสเหมือนๆกัน เจอสภาวะเหมือนๆกัน แตกต่างแค่สิ่งที่เราทำไว้น่ะหมู

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ หมูไปทำรอบต่อไปนะคะ 40/20 ค่ะ
รู้เท้า ความอัดอั้น ทุกข์ ขมขื่น มีเหมือนเดิม มีตัวมานะอวดดีหลายครั้ง กำหนดรู้หนอไป
แล้วพอมานั่ง ก็รู้กายนั่งได้ ท้องขยับ แต่ไม่ได้รู้แบบแนบแน่น มันก็ไปคิดด้วย มีจะปรามาส
ก็กำหนดรู้หนอไป ก็มารู้กายนั่งต่อ

หลังๆ ปวดหลัง ก็ขยับตัวแต่ไม่ลืมตา ดูท้องต่อ ดูไป ก็รู้ท้องด้วยรู้ว่าจิตมันคิดด้วย
มันไม่ได้แนบแน่นที่กาย แต่ก็ไม่ถึงกะทิ้งกายค่ะ จบแล้วค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

ตัวมานะนี่แหละ ที่ทุกคนจะต้องผ่านมัน นี่แหละอัตตาตัวตนที่คิดว่าตัวเองดีและเก่งกว่าคนอื่นๆ

piggy3080@hotmail.com says:

มันก็ตกใจน่ะค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
ก็แล้วแต่เหตุที่กระทำมาอ่ะนะหมู

piggy3080@hotmail.com says:

ค่ะพี่ มันด่าหมู ตอนเดิน มันบอกเชื่องจิงนะ
เพราะพอเริ่มคิดถึงแม่ ยังไม่ปรุงร้าย ก็กำหนดรู้หนอ ตามพี่น้ำบอก
แต่ว่า ดีกว่าให้มันด่าคนอื่น ด่าหมุก้อยังโอ

สุขที่แท้จริง says:
ร้ายจริงๆไอ้มานะเนี่ย ใช่เลยย ด่าเราดีกว่า

piggy3080@hotmail.com says:

มันแยกได้ชัดเจนว่ามันคือมานะ

สุขที่แท้จริง says:
พี่ไม่มีพวกนี้นะ เห็นไหมทุกข์คนละแบบ
piggy3080@hotmail.com says:

ค่ะพี่ แต่ทุกคนต้องผ่าน เพียงแต่จะออกมาในรูปแบบไหน ถูกไมคะ
ผ่านคือ ต้องเจอกิเลสตัวนี้ เพียงแต่จะรู้ตัวหรือไม่

สุขที่แท้จริง says:
ใช่จ้ะ คือ ตามเหตุที่ทำมา

piggy3080@hotmail.com says:

คิดถึงตอนเดิน แล้วร้องไห้ มันสงสารทุกคนเลย

สุขที่แท้จริง says
นั่นแหละ พี่ผ่านตรงนั้นมาแล้ว ถึงเข้าใจความรู้สึกและการกระทำของทุกๆคน
รู้ว่าเขาเหล่านั้นจะต้องเจอกับอะไรกัน


piggy3080@hotmail.com says:

หมุเลยรู้เลยว่า ทำไมพี่น้ำให้โอกาสคน วันนี้ตอนร้องไห้ รู้ว่าทำไมพี่น้ำให้โอกาส
พี่น้ำผ่านสภาวะมายิ่งกว่านี้มากมายความรู้สึกเหล่านี้คงยิ่งเข้มข้น

สุขที่แท้จริง says:
ทีนี้เข้าใจคำว่า พบธรรมอันน่าอัศจรรย์จนต้องหลั่งน้ำตาหรือยังล่ะ พบความน่าเกลียดของตัวเอง

piggy3080@hotmail.com says:

ค่ะ มันรุ้สึกว่านี่หรือคือสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงเห็นแล้วมาบอกเรา ความจริง แบบนี้หรือ

สุขที่แท้จริง says:
แล้วจะเห็นเพิ่มมากขึ้นไปเรื่อยๆ

piggy3080@hotmail.com says:

ค่ะพี่ รู้สึกเหมือนกิเลสจะเอาหมูให้ตายเลย

สุขที่แท้จริง says:
คนเข้าใจว่า หลังน้ำตาคือปลื้มปีติ เปล่าเลย นี่แหละธรรมตัวแรกที่ทุกคนต้องเจอ

piggy3080@hotmail.com says:
มันสะเทือนใจ อยู่บนความหวาดกลัว กับปัจจุบัน ว่าจะรอดไหม
อันนี้หมูนะคะ ไม่ทราบว่าคนอื่นจะยังไง

สุขที่แท้จริง says:
ไม่งั้นพี่จะบอกบ่อยๆเหรอ เสียใจแค่นี้ไม่ตายหรอก ภพชาติน่ะน่ากลัวกว่า

piggy3080@hotmail.com says:

ค่ะพี่ ใช่ค่ะ แต่ต้องมีสติ จะระลึกถึงสิ่งเหล่านี้ได้

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ นี่แหละผลของการเจริญสติ ทำให้เห็นตามความเป็นจริง
ไม่ใช่ถูกผิดตามความคิดของแต่ละคน

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.พ. 2010, 22:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 170

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
รอบแรก 60/30
ตอนเดินก็รู้เท้า แล้วก็มันปรุงตลอด ไม่รู้หรอกนะบางครั้งว่ามันปรุงอะไร รู้อีกทีมันไปเกิด
ความไม่พอใจแล้ว แล้วก็มีความอยาก อยากจะพ้นทุกข์

ก็ทุกข์ตลอดการเดิน อยากจะเดินสบายๆบ้าง ช่วงนี้จิตช้ำเหลือเกิน ความอยากทำให้เราทุกข์
ก็มีทั้งตัววิพากษ์วิจารณ์ มีตัวที่มันชอบเอาธรรมมะมาพูด

มีไปคิดถึงเรื่องที่ไม่ชอบใจ มีกลัวบาปกรรม อยากบรรลุธรรม ก็ยังรู้เท้าอยู่นะ รู้สึกความไม่พอใจ
ช่วงนี้เราแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ที่เป็นแบบนี้เพราะเรากลัว และอยากบรรลุ เราเริ่มรู้ว่ามันเป็นแบบนั้น
ทำให้เกิดความทุกข์ แต่ยังทำอะไรไม่ได้ เวลาเดินก็อยากชำแหละความอยาก
ว่ามันเกิดขึ้นในขั้นตอนไหน แต่ก็ยังพิจารณาไม่ได้


พอมานั่ง ก็รู้ท้อง แต่ไม่แนบท้อง บางทีก็รู้มือ บางทีก็ลมหายใจ แล้วก็มีไปอยู่กะความคิดแผ่วๆ
หลายครั้ง แต่มันไม่หลุดไปเลย มันยังรู้ว่ากำลังนั่งปฎิบัติธรรม

ก็เห็นว่าเวลามันไปแผ่วๆ คิด พอเรารู้ตัวจิตมันจะเปลียนสภาพ รู้ว่ามีการเปลี่ยน แต่ไม่รู้อธิบายยังไง
นั่งนี่รู้สึกสบายหน่อย ผ่อนคลายขึ้น มันไม่ไปไม่พอใจ เหมือนปล่อยมันไป ก็ค่อยยังชั่ว
ตอนท้ายก็เบื่อ เลยขยับตัว เอาหลังพิงหมอนแล้วดูจนจบ

รอบที่ 2 60/30
ก็ตอนแรก เดินอยู่มันก็รู้เท้าแล้วก็ทุกข์มาก มันมีความอยาก ไม่พอใจ อยากพ้นทุกข์
แล้วก็มีความอ้างว้าง คือผ่านไปสักพักก็เปลี่ยนเป็นความอ้างว้าง

ก่อนจะอ้างว้างก้ไปคิดว่าทำไมถึงทุกข์ขนาดนี้ แล้วมันก็ถึงขึ้นมาเป็นอ้างว้าง แวบๆบางๆ
จากนั้นขึ้นมาเป็นเพื่อน หน้าเพื่อน แล้วก็คิดถึง มันรู้สึกกลัวไม่มีใคร แล้วก็แวบๆ กลัวแวบๆแล้วก็หาย
แล้วก็สุดท้ายมันอยากคุยมาก อยากไขว่คว้าเพื่อนไว้ ก็ทนไม่ได้เลยโทรคุยกัน
ระหว่างคุยก็รู้เท้าไปด้วย ดูอารมไปด้วย เห็นว่ามีอารมกับเรื่องที่คุย

พอวางสายก็ตั้งเวลาใหม่ เดินเพิ่มอีก 60 นาที ก็พอเริ่มเดินใหม่ก็ฟุ้งซ้าน
แต่มันไม่ไปทุกข์มากเหมือนรอบแรก มันแค่ฟุ้งๆ ยังรู้เท้าได้

แล้วก็ไปคิดถึงเรื่องสภวะ สภาวะที่ต้องผ่าน ก็ทุกข์ คิดว่าคงไม่มีวันผ่านได้
ก้ปรุง ปรุงแล้วก็ กำหนดรู้หนอ ก็เห้นอคติในใจมากมาย แล้วก็ท้ออีก ว่าอคติแบบนี้จะผ่านได้หรือ
ก็รู้เท้าไปต่อ รู้อารมณ์ทุกไป จนจบ

พอมานั่งก็รู้กาย แล้วก็ไปแผ่วๆคิด พอหลุดจากแผ่วคิดมารู้กายนั่งอยู่
ช่วงที่นั่งรู้สึกสบายขึ้น ทิ้งมันไปความไม่สบายใจทั้งหลาย ความอยากทั้งหลาย ก็สบายขึ้น

ก็ไปแผ่วคิดแล้วลืมตัวบ้าง มันไม่ลืมไปแบบ ซะทีเดียว มันยังรู้ว่ากำลังทำอะไร
พอหลุดออกมาก็มารู้กาย กำลังนั่งต่อ มีรู้น้ำหนักาย จะไม่ไปจับพองยุบ มีรู้ลมหายใจ
ก็มีขยับตัว แล้วก็นั่งต่อจนจบ จบแล้วค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

หมูนี่ ความอยากเยอะนะ อะไรจะไปคิดวุ่นวายได้ขนาดนั้นน่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ ตอนเดินมันก็เอียนอารมณ์การปฎิบัติ กิเลสหนาน่ะค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

ก็บอกแล้วว่า สภาวะมันก็เป็นของมันแบบนี้ ดูสติ ไม่ได้ให้ไปดูอย่างอื่น
ทำแล้วอยากมากขนาดนี้ มันจะบีบคั้นตัวเอง ทุกข์น่ะ
ทำเพื่ออะไร ทำเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ใช่ให้ทำเพราะอยากพ้นๆสภาวะ พ้นจากสภาวะนี้ไป
ก็เจอสภาวะตัวใหม่ต่อ หมูกดดันตัวเองไปเพื่ออะไรน่ะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

หมูเห็นว่ามันทุกข์ หมูไม่อยากเจอบบนี้อีก

สุขที่แท้จริง says:

ก่อนมาทำ หมูก็ทุกข์ ไม่ใช่ไม่ทุกข์ นี่มันแค่ทุกข์สภาวะ พอเลิกทำ มันก็ไม่ได้ทุกข์แล้ว
มันไปเจอกิเลสรอบๆตัวต่อ

แล้วเวลาระหว่างวัน ก็เจอกิเลสรอบตัวที่ทำให้หมูทุกข์เหมือนกัน แต่ทำไมดับมันได้ไวล่ะ
ลองพิจรณาดูสิ เพราะหมูไปให้ค่าให้ความหมายในการปฏิบัติ หมูไปยึดติดมันเองว่า นี่กำลังปฏิบัติ

พี่บอกแล้ว ระวังกิเลสตัวนี้ให้ดีๆ อยากดีน่ะ ต้องระวัง
ไอ้ตัวอยากดีนี่แหละที่ทำให้ทุกข์


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อ่า ค่ะเรากำหนด ไปก่อน หมูยัง แพ้มัน คือต้องทำยังไงอะคะ

สุขที่แท้จริง says:

ทำยังไง คำตอบก็น่าจะรู้นะว่า ทำยังไง
เจริญสติไปแบบนี้แหละค่ะ ไม่เห็นจะต้องไปทำอะไร ยังไงเลย

ทำแบบเดิม เดิมๆซ้ำๆ ไม่ไปชอบหรือชังมัน เป็นเพียงผู้ดูมัน ตัวไหนมันเป็นอกุศล ให้กำหนด
ถ้าไม่ใช่อกุศลให้ดูมัน

พี่ยังมองๆนะ หมูไปกดดันตัวเองเพื่ออะไร ความอยากน่ะเห็นไหม
มันอยากนักก็รุ้หนอสิ หายใจยาวๆ รู้หนอๆๆๆ รู้อะไร รู้ว่ามันอยากดีให้ได้ มันอยากไปพ้นๆสภาวะนี้
แต่ขอโทษ ไอ้ตัวใหม่มีต่ออีก สติตรงนี้ยังไม่ทันเล๊ยย ความอยาก ต้องใช้สติอย่างมาก


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ยังไม่ทันจริงๆค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

พี่เข้าใจนะ มันทุรนทุราย

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ใช่ค่ะพี่

สุขที่แท้จริง says:

ครั้งต่อไป เวลาเดินจงกรม ห้ามโทรฯหาใครๆอีก เพราะสติยังไม่แข็งพอ ยิ่งคุย ยิ่งฟุ้ง ยิ่งฟุ้งก็ยิ่งปรุง
ให้เขียนระบายใส่สมุดลงไป มันคิดอะไร เขียนออกไป อย่าไปคุยกับใครๆอีกน่ะ ฟุ้งตายเลย


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ได้ค่ะพี่ ก็จิงค่ะ ครั้งต่อไปจะระบายลงบล็อกแทนค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

ทำแบบเดิม เดินจงกรม นั่งกำหนด มีแค่นี้

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ ขอบคุณมากค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

มันคิดอะไรยังไง เขียนมันลงไป จะได้ลดดีกรีความรู้สึกตรงนั้นลงไป ดีกว่าไปคุยกับคนอื่นๆ
ถ้าเพื่อนรู้ว่าปฏิบัติแล้วฟุ้งอย่างนี้ ถ้าคนไม่เข้าใจ ตายเลย

บางคนไม่รู้ พอมาอ่านที่เขียนๆถึงพูดกันว่า ปฏิบัติแล้วทำไมทุกข์กันขนาดนี้ หารู้ไม่
นี่แหละของดี กิเลสทั้งนั้น คนไม่เห็นกิเลสน่ะ ไม่มารู้อะไรหรอก สักแต่ว่าพูดๆกัน


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
เขาคงงงนะคะ ถ้าไม่ได้ทำเองหมูก็งงเหมือนกัน

สุขที่แท้จริง says:

พอเห็นกิเลส รู้จักกิเลสที่แท้จริงของตัวเองเท่านั้นแหละ ร้องจ๊ากกันทุกคน
ไม่เห็นมีใครสักคนบอกว่าปฏิบัติแล้วสบาย

สบายเพราะอะไร กิเลสเลี้ยงเอาไว้ทั้งนั้น
ช่วงนี้พี่เลยสะสมทุกทางที่ทำได้ ไม่สนใจเรื่องอื่นๆเหมือนเมื่อก่อน
ยิ่งทำ สติยิ่งดีขึ้น มันจะเกิดการระวังตัวตลอดเวลา ทำไป อย่าไปอยากให้มันทุกข์ไปเปล่าๆ


งไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ก็ถ้าอยาก จะกำหนดค่ะ ปกติหมูจะดูอย่างเดียวไม่กำหนด บริกรรม พวกความไม่พอใจ
กะความอยาก แต่พักนี้เอาไม่อยู่

สุขที่แท้จริง says:

สภาวะแปรเปลี่ยนตลอดเวลา พ้นจากตัวนี้ ไปเจอตัวอื่นต่อ ทำแบบนี้ตลอดชีวิตน่ะหมู
ฉะนั้น อย่าไปอยากให้เสียกำลังใจ เสียเวลาเปล่าๆ จิตตกอีกต่างหาก


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ จิตตก ใช่เลย
ปกติ คนที่เขาทำตามรูปแบบ นี่เจอความอยาก ความไม่พอใจ นี่ก็กำหนด รู้หนอๆ ใช่ไหมคะ
หมูไม่ได้ทำแบบนั้นเลย ไม่รู้เขากำหนดอะไรบ้าง จะเอามาใช้

สุขที่แท้จริง says:

ใช่ค่ะ ใช้รู้หนอตัวเดียวนี่แหละ ไม่ต้องไปทำอะไรมากมาย รู้หนอนี่ตรงสภาวะที่สุดแล้ว
คือ สักแต่ว่ารู้ ไม่มีการไปรุงต่อ หรือจะเอาแบบอื่นล่ะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ไม่ค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

เช่น เสียงดังก็ยินหนอๆๆๆ เอาไหม

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

รู้หนอพอแล้วค่ะ แบบอื่นไม่ถนัดค่ะ สังเกตว่าพอใช้รู้หนอแล้ว หายไว มันช่วยให้มีแรงทำต่อ

สุขที่แท้จริง says:

มันตรงสภาวะที่สุดแล้ว คือ สักแต่ว่ารู้ รู้ตรงๆกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ไปปรุงต่อว่าไปรู้อะไร
แล้วเป็นยังไง ยินหนอ บางคนปรุงต่อ ยินเสียงอะไร ไปยาวเลย รู้หนอนี่จบ
จะเสียง จะกลิ่น จะเห็น จะคิด ใช้ได้หมด
ยกเว้นถ้าฟุ้งมากๆนี่ ใช้คิดหนอๆๆๆ นำก่อนได้ แล้วสำทับด้วยรู้หนออีกที


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ ต้องปรับปลี่ยนแล้วค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

ปรับเปลี่ยนตลอดเวลาแหละหมู นิ่งก็กำหนด ไม่ใช่ปล่อยให้นิ่ง นั่นน่ะหลง
นิ่งก็ต้องกำหนดกลับมารู้ที่กาย ให้จิตอยู่กับองค์กรรมฐานไว้ จะได้มีสติ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ จะจำไว้ค่ะ



วิปัสสนากล้า ปัญญาจะเห็นบุญบาป

เมื่อวิปัสสนาแก่กล้าแล้ว ก็เหมือนสติปัญญาของเรานั้นขุดอารมณ์ลึกลงไปเรื่อยๆ
จึตใจก็คิดถึงบุญเก่าบาปเก่าที่ทำไว้นาน ที่นอนดองอยู่ในจิตมานานแล้ว


วิปัสสนากล้า อารมรณ์ฟุ้งเร็ว

อารมณ์เล็กๆน้อยๆ นึกถึงบาปไปเพียงนิดเดียวก้ฟุ้งแล้ว เพราะวิปัสสนาคมกล้ามากๆ

หลวงพ่อวิศาล เขมคุณ วัดพิชโสภาราม ต. เก้งเหนือ อ. เขมราฐ จ.อุบล

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.พ. 2010, 22:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 171


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เสร็จแล้วค่ะพี่ 60/30 ค่ะ
ก็รู้เท้า แล้วก็รู้ว่าจิตมันปรุงแต่ง ก็มีความคิด พอคิดแล้วก็มีความอยาก พอรู้แล้วก็บางลง
ความอยากมีเรื่อยๆ ก็บางลงไม่นานแต่มาถี่ๆ เวลาจิตไปปรุง แล้วมันไปมกมุ่นกะความคิด
ก่อความทุกข์ขึ้นมาก็หยุดแล้วกำหนดรู้หนอ 3 ครั้งก็หายไป

เดินต่อ แต่บางครั้งก็ยังไม่หาย ก็เดินไปอีกพักก็หาย มีอกุศลปรามาสกำหนดไม่ทัน 2 ครั้ง
กำหนดไม่ทันเพราะความไม่พอใจแทรก ไปกังวล แล้วทุกข์ ไม่ยอมรับมัน
ก็เลยขึ้นมาปรามาสเป็นรูปร่าง ก็เลยหยุดเดินขอขมาไป แล้วก็เดินต่อ

ตอนเดินพอเราดูความอยาก แล้วทิ้งความอยากไป มันมีตัวจิตที่คร่ำครวญผุดขึ้นมา
ตัวที่ต้องดีมันขึ้นมา อาลัยๆอาวรณ์ ไม่ยอม รู้แล้วก้หายไป

แล้วเกิความอยากเห็นกิเลสตัวอื่นๆต่อ อยากเห็นมากๆ อยากเห็นหลายๆตัว
ก็รู้มันลงไปอีก แล้วเดินต่อ

พอมานั่งก็ไม่ได้จับกาย แต่ยังรู้ว่ากำลังนั่งปฎบัติอยุ่ ไปอยู่ที่จิตบ้าง
ออกมาแล้วรู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่บ้าง มีจิตจะคิดอกุศลก็กำหนดรู้หนอไป แล้วก้อนั่งต่อ

มีมดกัด ก็เอามือลูบแล้วก้หายไป ไม่ได้ลืมตา มีแค่นี้ค่ะ จบแล้วค่ะ
ก็มีความกลัวด้วยค่ะ ส่วนใหญ่กลัวเรื่องการปฎิบัติ ก็กำหนดไปแล้วก็หาย

สุขที่แท้จริง says:

ค่ะ พยามกำหนด

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ หมูขออโหสิกรรมนะคะ รอบนี้เผลอไปปรามาส กำหนดไม่ทัน
มันไม่พอใจ เลยขาดสติ ตัวปรามาสมันแทรงขึ้นมา

สุขที่แท้จริง says:

อโหสิ เข้าใจค่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

กราบขอโหสิกรรม ค่ะ ขอบคุณค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

พี่ถึงบอกว่า ช่วงนี้มันหัวเลี้ยวหัวต่อ เราจะรู้สึกเหมือนกับว่า มันต้องทิ้งไปให้หมดทุกสิ่งทุกอย่าง
จิตมันเลยแบบ พูดตรงๆนะ กิเลสน่ะ จิตมันเคยมีกิเลสหล่อเลี้ยง ให้มีสุขบ้าง ทุกข์บ้าง
ตามแต่กิเลสจะพาไป แล้วจู่ๆเราจะมาสลัดมันออกไปนั้น มันเป็นเรื่องที่ยากจะยอมรับได้
จริงๆแล้ว มันไม่ได้ทิ้งอะไรเลย แม้แต่สักนิดเดียว

มันเป้นเรื่องของการปรุงแต่งในจิตของเรา พอสติเรามีมากขึ้น มันเลยรู้เท่าทันต่อการปรุงแต่งมากขึ้น
การปรุงแต่งมันก็ดับไปหรือหายไปไวมากขึ้น


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ หมูยังไม่ทันมันน่ะค่ะ ต้องอาศัยการบริกรรมกำหนดช่วย
ก็ถึงจะเห็นว่ามันดับ ไม่งั้นมันจะเป็นตัวเป้นตน

สุขที่แท้จริง says:

ใช้ไปเถอะค่ะ ไม่มีอะไรเสียหาย ทุกๆอย่างสามารถนำมาประยุกต์พลิกแพลงปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา
กิเลสในจิตเรามันไว รู้ไม่ทันก็ต้องบริกรรมกำหนดเข้ามาช่วย ถ้ารู้ทันมันก็ดับ กิเลสตัวใหม่เกิดอีกแล้ว


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ หมูชอบรายงาน โดยมองหาแต่ตัวดีๆ เพิ่งเห็นชัด
มันพยายามมองหา ทำให้ไม่สนใจปัจจุบัน รู้แบบแตะๆ จิตก็ปรุง แล้วก็ไม่พอใจ

สุขที่แท้จริง says:

เข้าใจค่ะ จิตมันยังไม่ยอมรับความจริงในสิ่งที่มีและเป็นอยู่

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ มันยังไม่ยอมรับค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

ไม่ต้องไปกังวลนะคะ ให้ดูตามความเป็นจริง ไม่ต้องไปบีบบังคับตัวเอง
วันใดสติมันมากขึ้น มันจะยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็นจริงๆมากขึ้นค่ะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่น้ำ ขอบคุณค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

อดทนนะคะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ หมูจะอดทน

สุขที่แท้จริง says:

หมั่นบอกกับตัวเองเสมอๆ นี่คือเราเปลี่ยนถ่ายเลือดใหม่ เรากำลังจะเป็นคนใหม่ มีชีวิตใหม่
แต่มันแค่อาศัยอยู่ในเปลือกเดิมแค่ภายนอกเท่านั้นเอง แต่ภายในกำลังชำระล้างจิตให้สะอาดยิ่งๆขึ้นไป
บอกแบบนี้บ่อยๆ ความอยากจะได้เล่นงานได้ยาก


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่

เสร็จแล้วค่ะ 30/20
ตอนเดินรอบนี้ ตัวปรามาสขึ้นเยอะมาก 2-3 ก้าวขึ้น กำหนดรู้หนอ มีทันและมีไม่ทัน
ก็ทุกข์ ก็ขอขมาไป แล้วเดินต่อ

มันก็ไปปรุง เป็นความไม่พอใจ มันมีตัวรับไม่ได้ ก็กำหนดรู้หนอไป 3 ครั้ง แล้วเดินต่อ
ทำแบบนี้ไปจนหมดการเดิน

ก็มานั่ง นั่งรู้กายขยับได้ ช่วงต้น รู้ช่วงท้อง แล้วก้อไปแผ่วๆคิด แล้วก็ออกมาจากแผ่วๆคิด
แต่ไม่จับกาย แล้วก้ไปแผ่วๆคิดใหม่ ก็มีปรุงเป็นภาพ ก็งง เพราะไม่เคยทำอะไรเกี่ยวกับภาพนั้น
ก็รู้มัน แล้วก็ออกจากภาพ มารู้ว่ากำลังนั่งต่อ แล้วก้อไปแผ่วๆคิดอีก จนจบค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

ภาพอะไรหรือคะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ภาพ เหมือนตะกร้าพลาสติกใส่น้ำแข็ง ในนั้นมีกุ้งสด
แล้วมีมือที่มีตัวคีบกุ้ง เหมือนจะเอาขึ้นเตาย่างค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

หมูเคยไปกินกับเพื่อนไม่ใช่เหรอ ที่เคยเล่าให้พี่ฟัง ใช่ป่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะแต่อันนั้นมันใส่จาน อันนี้เป็นะกร้า แล้วกุ้งคนละแบบ

สุขที่แท้จริง says:

เปลี่ยนอุปกรณ์
ว่าจะถาม หมูเคยไปโพสอะไรในบอร์ดธรรมจักรมั่งป่ะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

มีแต่บทความธรรมมะค่ะ ของหลวงพ่อปัญญา นานมากแล้ว

สุขที่แท้จริง says:

ไม่ใช่ในห้องสนทนาธรรมนะ เรื่อง กุ้ง

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ไม่เลยค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

อ่ออ .. จ้ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

มีอะไรหรือเปล่าคะ

สุขที่แท้จริง says:

อื่มมม ... เรื่องศิล ศิลต้องสะอาดนะหมู การแปลงร่างในบอร์ด คือไม่ใช้ชื่อเดียว
แต่ใช้หลายๆชื่อ หลายๆบุคคลิก แต่คือตัวเราคนเดียวน่ะ ถือว่าเข้าข่ายผิดศิลข้อมุสา


งไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

จะบอกว่าสภาวะนี่เปลี่ยนไวนะคะ

สุขที่แท้จริง says:

จ้ะ สภาวะจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ กิเลสมันไม่คงที่หรอกหมู

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะ ของหมูก็ตัวเดิมๆ แต่ยากขึ้นๆ

สุขที่แท้จริง says:

เอาเถอะ สักวันหนึ่งหมูจะขอบคุณสิ่งเหล่านี้

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ ช่วงนี้เจอตัวที่ยอมรับยากที่สุด ตัวปรามาส
แล้วก็แถมมาด้วยตัวมานะเห็นชัดขึ้น ตัวอยากด้วย

สุขที่แท้จริง says:

มันสะสมไว้ในจิตมานานเท่าไหร่แล้วล่ะ ใช่ว่ามันเพิ่งจะเกิดเสียเมื่อไหร่
เพียงแต่เมื่อก่อนหมูแค่รู้ แต่ไม่เห้นมันจะๆแบบนี้


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะมันไม่ชัดเท่านี้

สุขที่แท้จริง says:

สติไง

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

มานะมาเป็นความคิดเห็น

สุขที่แท้จริง says:

นี่แหละผลของการเจริญสติ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.พ. 2010, 18:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 172


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

60/30 ก็เดินรู้เท้า มันก็ไม่ได้อยู่กะเท้าชัดเจน ก็มีคิดนึกปรุงแต่ง
พอคิดนึกปรุงแต่ง ก็แรงต่างๆ เกิดขึ้นในจิต แล้วก็มีอารมณ์ทุกข์ ไม่พอใจ
คือมันเป็นเมื่อคิดนึกปรุงแต่ง แล้วก็เบาลงมาเรื่อยๆ แล้วก็เบาแล้วก็มา
ก็เวลาที่คิดแล้ว มีความเห็น คือจิตมันจะมีความเห็นโน่นเห็นนี่ของมันเอง

ในขณะที่เรารู้เท้า แล้วมันก็จะขัดแย้งของมันเอง ไม่พอใจของมันเอง คิดขึ้นมาเอง ไม่พอใจเอง
ก็พอมันเริ่มจะจริงจัง ก็มองลงไป แล้วเห็นว่ามัน คิดของมันเองทั้งนั้น
ความเป็นเรื่องจริงจังของมันก็หายไปก็จบไปครั้งหนึ่ง เดี๋ยวก็เป็นอีก

มีตัววิพากษ์วิจารย์ ก็มีไปอยู่กะมันก็ทุกข์ แต่ไม่ได้อยู่กะมันแบบเต็มตัว
มันยังรู้ว่า นี่ตัวเอะไร ไม่ได้หลงไปว่าเป็นตัวเรา ความพอใจ ก็ขึ้นมาบ้าง
ก็หายไปไม่สนใจมัน มาแวบๆ ความไม่พอใจก้อเหมือนกัน แต่มาถี่ๆเรื่อยๆ ตามการปรุง

ช่วงแรกๆมีสงสัย ในการปฎิบัติว่าที่ผ่านมา เราเห็นจริงหรือเปล่า หรือคิดไปเองทั้งหมด
สภาวะนั้นๆหรือเราคิดไปเอง มันอาจไม่มีอะไรจริงก้ได้

เดินๆไปก็รู้สึกว่าจิตๆใจริ่มคลายจากความศรัทธาในการปฎิบัติ แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่า
ความอยากทำให้เสือมศรัทธา ก็อึ้งเหมือนกันว่าจริง ก็เลยไม่สนใจ แล้วเดินไปต่อค่ะ

พอมานั่งก็รู้กายได้ เป็นกายขยับท้งขยับแต่เหมือนดูจากที่ห่างๆ ไม่ได้อยู่ใกล้
จิตจะลอยไปคิดๆ มันก็ไปเหมือนหลับในแต่ก็ไม่ได้ไปสุดตัว มันรู้ว่าต้องมาอยู่กะกาย
ก็เลยหลงไปคิดบ้าง แล้วก็เอามันมารู้ท้องบ้างเป็นแบบนี้สลับๆกัน
สุดท้ายก็หมดเวลา ตอนที่รู้สึกตัวอยู่ค่ะ จบแล้วค่ะ

อืมพี่คะ ความทุกข์ ของหมูเกิดจากความรู้สึกว่า จิตคิดแบบนี้ไม่ถูก

สุขที่แท้จริง says:

คิดอะไรหรือคะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อืม บางทีไม่ได้เป็นความคิด ค่ะ มันกระทบขึ้นมาในใจ

สุขที่แท้จริง says:

เอาตามสิ่งที่เกิดขึ้นน่ะค่ะ จะจากไหนไม่ต้องไปสนใจ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

แล้วมันรู้สึกว่านี่ไม่ดี

สุขที่แท้จริง says:

เช่นอะไรคะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เช่น สมมติเวลารายงานพี่น้ำ แล้วพอรายงานๆ อยู่ ก็รู้สึกว่ามีกิเลสขึ้นมา
ก็รู้สึกว่ามันไม่ดี อย่างความชอบใจเวลาเล่าสภาวะเป็นต้น

สุขที่แท้จริง says:

คำว่า ชอบใจเวลาเล่าสภาวะ ทำไมถึงชอบใจล่ะคะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

มันมีความพอใจ กูดี กูเก่ง แบบนั้นอะค่ะ ถ้าเผลอ

สุขที่แท้จริง says:

เรื่องปกติค่ะ ดีแล้วที่เห็น ถ้าไม่เห็นคือไม่ดี ขาดสติ การเพ่งโทษตัวเองเป็นสิ่งที่ดีค่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อืมม ค่ะ มันจะทุกข์ นะคะ

สุขที่แท้จริง says:

ทุกข์น่ะดีแล้ว เวลาเจอสุขจะได้ไม่ไปสุขจนหลง มันจะได้เตือนตัวเองว่า ทุกข์ยังมีอยู่นะ อย่าเผลอ

ไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เสร็จแล้วค่ะพี่น้ำ 30/20
รอบนี้ก็จะผุ้งกว่ารอบทีแล้วค่ะ ก็มีไปปรามาส มันเริ่มจะ หลงไปก่อน
คือเผลอคิด เรื่อยเปื่อยแต่ก็รู้เท้าค่ะ แต่ไปอยู่กะความคิดมากกว่า แล้วมันก็เฉไป

พอรู้ว่าเด๋วจะคิดไม่ดีอะไร มันก็ทุก แล้วก็ไม่ชอบ แล้วมันก็ขึ้นมา ก็ขอขมาไป
กำหนดรู้หนอ เพราะมันก็จะขึ้นมาไม่พอใจใหม่ พอกำหนดแล้ว ก็เดินต่อ
มันก็จะขึ้นมาหลายครั้ง ความไม่พอใจที่จิตมันไปปรามาสก็หยุดเดิน กำหนดรู้หนอ 3 ครั้ง
ความไม่พอใจหายไป จิตสบายขึ้นแล้วเดินต่อ ก็มาเรื่อยๆ ค่ะ กำหนดบ่อย

พอมานั่งก็ มีหลงไปหลับใน ตัวมันค้อมลง แต่ไม่ได้หลงตลอด
คือจะสับกัน ระหว่างไปหลับใน แล้วก็ออกมาเอาจิตรู้กาย ก็จับที่การเคลลื่อนไหวของท้องตามลมหายใจ
แต่ดูจากมุมข้างนอกไม่ได้เข้าไปแนบท้อง จนจบค่ะ
ก็กรรมใดที่เผลอล่วงเกิน พระ พุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และพี่น้ำ ด้วยความขาดสติ ขอขมาด้วยนะคะพี่

สุขที่แท้จริง says:

อโหสิค่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ขอบคุณค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

ดีแล้วหลับใน นานๆที ให้จิตพักบ้าง

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะ มันป่วย ก็เห็นว่ามันไปหลบนิดหนึ่ง แล้วพอมีแรงก็ออกมา

สุขที่แท้จริง says:

นั่นแหละ วิธีรักษาจิตของพวกสมถะจะเป็นแบบนี้จริงๆ ถ้าเขาไม่ไหว เขาจะหลบทันที
ถ้ายังไหว เขาจะไม่หลบ ช่วงนี้ จะบอกว่า ต้องใช้ความอดทนสูงนะคะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อืม ค่ะพี่ ก็ไม่อยากจะคิดอะไรมากน่ะค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

จิตจะวางได้ต่อเมื่อมันเบื่อสุดๆ จนมันเห็นความไม่เที่ยง มันจะทิ้งตัวนี้ไป ตัวใหม่เกิดต่อ
ตัวใหม่ก็คือตัวเก่าน่ะแหละ แต่มันมาทดสอบเรา มันไม่เที่ยงนะ อารมณ์ ความคิด


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ ไม่เที่ยงค่ะ เด๋วก็เปลี่ยนแล้ว จริงๆทนไปแป๊ปหนึ่งก็เปลี่ยน

สุขที่แท้จริง says:

ใช่ค่ะ เหมือนกันทุกคนแหละหมู ไม่มีความแตกต่างเลย
พี่ถึงทำได้ตลอดไง เพราะเข้าใจตรงนี้ เลยไม่ไปทุกข์เหมือนก่อนๆ
พอกระทบ เออ เดี๋ยวมันก็ผ่านไปแล้ว


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่แต่ตอนกระทบ ต้องพยายามตั้งสติมากเลย
เพราะตอนทุกข์ มันก็ทุกข์จริงๆจังๆมากเหมือนจะมืดมนไปตลอด
แต่พอพ้นมัน เหมือนความฝัน

สุขที่แท้จริง says:

นี่แหละ การเจริญสติจึงสำคัญมากๆ

งไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ ไม่งั้นเราก็ไปตามอารม แลวเราจะไม่มีวันเห็นเลย ว่ามัน เป้นแค่อารม
มันจะไหลไปเรื่อยๆ อันนี้หมูรู้สึกน่ะค่ะพี่

สุขที่แท้จริง says:

ค่ะ สติยังไม่ทันก็แบบนั้นแหละ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.พ. 2010, 18:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




CA45VKCG.jpg
CA45VKCG.jpg [ 3.9 KiB | เปิดดู 3694 ครั้ง ]
ด้วยใจแน่วแน่จะก้าวเดินต่อไป
ถนนสายนี้มีหลายคนเคยผ่านมา
(มีหลายคนเคยผ่านมา)
ย่ำไปเป็นเทือกแม้จะล้มลุกคลุกคลาน
แต่เขาเหล่านั้นก็ผ่านไปได้ดี
(ก็ผ่านไปได้ดี)

ถึงฉันจะโง่จะเขลา ถึงฉันจะเบาปัญญา
ฉันจึงมาหาความหมาย(ใน)ตัวเอง
(ความหมาย(ใน)ตัวเอง)
ไม่เคยท้อถอยไม่เคยคอยเวลา
หากใจอ่อนล้าไม่เคยเรียกหาความเห็นใจ
(ไม่เคยเรียกหาความเห็นใจ)

http://solno07.exteen.com/20090828/entry-5

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2010, 21:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 173

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เสร็จแล้วค่ะพี่ รอบแรก 60/30
ก็รู้เท้าค่ะ หลักๆวันนี้ก็ พยายามรู้ที่เท้า มีคัน ก็มีรู้ว่าคิด อารมณ์ก็มีเหมือนเดิม
เรื่องปรามาสก็กำหนดก่อนขึ้นค่ะ บางช่วงจิตก็คิดเรื่องทั่วไปไม่ได้มาคิดเรื่องนี้ ก็ปล่อยไป
พอกลับมากังวลเรื่องนี้ก็กำหนดก่อน แล้วก็มีหลงไปฟุ้ง สักไปกลับ 1 รอบ
นอกนั้นก็ยายามยามตบให้มาอยู่กะการเดิน
ตอนท้ายๆก็ลองเดิน แบบตามรูปแบบ ระยะ ที่ 1สลับกะ เดินไม่มีรูปแบบ ก็ถ้าเดินแบบมีรูปแบบ
จะรุ้เท้าได้ดีกว่า มันจะช้ากว่า และชัดกว่า เห็นทุกระยะ ยกเว้นช่วงไหนผลอไปอยู่กะความคิด
ถ้าเดินแบบไม่มีรูปแบบจะรู้ไม่ชัดทุกระยะ จะมารู้กึ่งระหว่างอารมณ์กะเท้า
และระยะทางดูเหมือนจะสั้นกว่า
พอมานั่ง ก็รู้ท้องขยับ และรู้กายขยับด้วย รู้อยู่ห่างๆไม่แนบชิด แล้วก็มาอกขยับสะท้อนขึ้นลง
ตามการหายใจ แล้วก็บางช่วงเหมือนไม่รู้วึกถึงลมหายใจหรือการหายใจ
ก็มาสังเกตที่กายว่ามีเคลื่อนไหวเล็กน้อย ก็มีการปรุงด้วยเห็นจิตมันไปคิดปรุง
ระหว่างนั้นก็ยังรู้อกสะท้อนแผ่วๆได้แต่ห่างๆ
ก็เห็นกิเลสเรื่องความตะหนี่หลังปรุง แล้วก็เปลี่ยนเป็นเรื่องในอดีต ที่เคยมีอคติกะผู้มีพระคุณ
พอมันย้อนเห็ตุการตอนนั้น และอารมณ์ความคิดในตอนนั้นมันกำลังทบทวนขึ้นมา
ก็มีจิตบอกว่า เหมือนให้ถอนออกจากความรู้สึกนั้นค่ะ แบบมันเป็นวิบากของเขา
เราอย่าไม่ยุ่งหรืออคติซ้ำ ก็เลยรู้ตัวและถอนนออกมาแล้วก็มาสนจกายต่อจนจบค่ะ หมดแล้วค่ะ

60/30
ก็รอบนี้จะฟุ้งนะคะ ตอนเริ่มเดินก็คิดเปะปะ แล้วไม่จับกาย ก็รู้กาย แต่ไม่ค่อยมีสมาธิ
ก็พอรู้ว่าฟุ้ง ก็สักพัก ก็มารู้กายได้ดีขึ้น รู้เท้า ชัดขึ้น แล้วเด๋วมันก็ไปคิดถึงเรื่องในอดีต
แล้วก็มีบ้าง ก็รู้แล้วก็พยายามมาอยู่กะกายใหม่ก็ได้อีกสักพัก ก็ไปคิดโน่นนี่อีก
ก็มารู้กายอีก รอบนี้ก้หลักๆคือฟุ้ง แล้วก็รู้แล้วกลับมาอยู่กะการเดินแล้วไปอีกค่ะ
พอมานั่งก็ มีคัน ก็เกา แล้วก็มีรู้ท้องนิดหน่อย ส่วนใหญ่ไปรู้กายเคลื่อนไหวเบาๆ
ไม่ต่อเนื่องเท่าไร เพราะมันไปนึกอดีตสะส่วนใหญ่ แต่ไม่ได้หลงลืมปัจจุบันสะทีเดียว
ก็ยังรู้ว่ามีกายเคลื่อนไหวบ้าง เหมือนเรานั่งดูเหตุการณ์ในอดีตมัน ฉายให้ดูน่ะค่ะ
แล้วก็ เราก็พยายามเอาจิตมาแตะกายรู้กายด้วย ก็รู้บ้าง ไปอยู่กะเหตุการณ์ในอดีตบ้าง
แล้วตอนหลังก็เกาอีก สักพักก็หมดเวลาค่ะ จบแล้วค่ะ
มีอกุศลจะขึ้นมาก็กำหนดค่ะตอนนั่งแล้วก็ปล่อยไป

สุขที่แท้จริง says:
เมื่อวาน กับวันนี้ เห็นไหมหมู แต่ละวันๆๆๆมันจะแตกต่างกันไป วันก่อนหมูฟุ้งสุดๆ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ ก็ต่างค่ะพี่ แบบว่ายึดอะไรมันไม่ได้ วันโน่นทุกข์มากๆ วันนี้ก็ไม่ได้ทุกข์ขนาดนั้น

สุขที่แท้จริง says:
เมื่อวานจิตมันได้พัก

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
อ่อออ แค่พักนิดๆหน่อย ก็มีผลแบบนี้เลยเหรอคะ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ มันเหมือนคนที่เดินทางแบบไม่ไหวแล้วน่ะ พอเจอแหล่งน้ำ แหล่งอาหาร ได้พัก
หมูอาจจะมองว่าแค่นิดเดียว ไม่นิดนะคะเวลาของจิตน่ะ
การที่จะทำให้จิตเกิดสภาวะแบบนั้นได้ พื้นฐานสมาธิต้องดีค่ะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
อืมๆค่ะ มันก็เหนือการควบคุม ของเราอยู่ดีนะคะ มันเป็นของมันเอง

สุขที่แท้จริง says:
อีกหน่อยหมูจะชำนาญ มันเป็นเอง
เหมือนที่พี่เคยเป็นในสมัยก่อนที่สมาธิแรงๆน่ะ เด๋วนี้แทบจะไม่ได้แอ้ม
คือได้ แต่น้อยมากๆ เพราะสมาธิยังไม่มีกำลังมากเท่าเมื่อก่อน


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
อืมๆค่ะ หมูนึกว่าเท่าแต่ก่อน พี่น้ำมีโอภาสนี่คะ

สุขที่แท้จริง says:
โอภาส สำหรับพี่มันเรื่องธรรมดาค่ะ สมาธิที่พี่เคยมีนั้น มันมีมากกว่านี้
นี่พี่เข้าสภาวะดับไม่ได้เลย เพราะกำลังของสมาธิไม่พอ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
แล้วยังงี้พี่น้ำเหนื่อยไหมคะนี่ แต่พี่น้ำไม่ค่อยส่งนอก คงไม่เหนื่อยมาก หรือเปล่าคะ

สุขที่แท้จริง says:
ไม่ค่ะ ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อน ถึงแม้จะนอนน้อย คือ พี่ใช้พักในสมาธิ ถึงแม้เวลาบางทีแค่ ชม. เดียว
ก็เหมือนได้หลับไปนานมากๆ เพราะมันลงไปสมาธิส่วนลึก มันจะไม่รับรู้อะไรภายนอกเลย
เพียงแต่ พี่ยังบังคับให้เกิดเองไม่ได้ ต้องปล่อยให้เขาเกิดเอง คลายตัวเอง


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
พี่น้ำ รู้เกี่ยวกะสมาธิเยอะจัง ฟังแล้วเหมือนแบบมันหลากหลาย มีหลายแบบ

สุขที่แท้จริง says:
ก็พี่ทำได้มาตั้งแต่เด็กๆ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
มันก็น่าตื่นตาตื่นใจดีนะคะ แบบเหมือนมีอะไรให้เล่น

สุขที่แท้จริง says:
แม่พี่น่ะระอามากๆเวลาปลุกพี่ตอนเช้า แม่บอกว่า พี่เป็นคนที่ปลุกให้ตื่นยากมากๆ
จำได้ไหมที่เล่าให้ฟังเรื่องพี่ยังแบเบาะ แม่ต้องเขย่าตัวให้ตื่นเพื่อกินนมน่ะ เพราะพี่ไม่ยอมตื่นเอง


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ หมูนึกว่าสมัยวัยรุ่น นี่ตั้งกะแบบเบาะเลย

สุขที่แท้จริง says:
ตั้งแต่เกิดเลย

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ยังงี้ก็ไม่งอแง เพราะหลับตลอด

สุขที่แท้จริง says:
ทุกวันนี้พี่หลับแล้วหลับเลย ไม่เคยตื่นเข้าห้องน้ำกลางคืนเหมือนคนอื่นๆเขา

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ยังงี้มันก็ดีในแง่สุขภาพนะคะ หมายถึงพักผ่อนแบบเต็มที่ แล้วแบบนี้ไม่ต้องนอนนานด้วย

สุขที่แท้จริง says:
มีคนถามเหมือนกัน แบบน้องที่บ้าน เขาจะเข้าห้องน้ำกลางดึกวันละหลายๆครั้ง เขาบอกว่า
เขากินน้ำเยอะ ไม่รู้สิหมู พี่เป็นแบบนี้มานานแล้ว คือ ถ้าได้หลับก็จะหลับแล้วหลับเลย
แล้วนอนท่าไหนจะอยู่ท่านั้นถึงเช้า ไม่มีการพลิกตัวหรือเปลี่ยนอริยาบท


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
โอ้โห ไม่เมื่อยแย่หรือคะ

สุขที่แท้จริง says:
ไม่เลย นี่พี่หันมานั่งกำหนดหลายคืนแล้ว ไม่ได้นอนยาว ก็กำลังฝึกเอาสมถะเพิ่มน่ะ
พักสองชม.พี่ถือว่าเต็มที่แล้วนะ สติมันจะอ่อนในช่วงท้ายๆสมาธิมันจะเอาไปกิน
ขนาดน้องเปิดประตูบ้านไปแต่เช้า พี่ยังไม่ได้ยินเลย ทั้งที่โซฟาที่พี่นั่งอยู่น่ะ อยู่ใกล้ประตู
พี่ไปซื้อหมอนรองต้นคอมา ของเด็กอ่อนน่ะ ถ้าไม่มีหมอน มันจะปวดต้นคอ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
กำลังคิดว่า นั่งสมาธิเวลาเรารู้กายนี่ก็มีสติ ค่ะ การนั่งสมาธินี่ แล้วรู้ท้องขยับหรือรู้กายนี่
มันสะสม สมาธิ หรือ สติมากกว่ากัน หรือเหมือนกันคะ

สุขที่แท้จริง says:
ทั้งสองอย่างค่ะ แต่จะหนักไปทางสติ คือ ถ้าสติทัน ถ้าสติไม่ทัน มันดิ่งขาดความรู้ตัว
นี่คือสมาธิเอาไปกิน เราถึงต้องคอยปรับอินทรียให้มันพอดีกัน ช่วงไหนควรให้พักเราก็ปล่อย
เหมือนที่พี่ปล่อยให้หมูพักโดยไม่ลดนั่ง
อย่างพี่นั่งกำหนดทั้งคืนน่ะ ถึงแม้จะรวมเวลาทั้งหมดก็ 3 ชม. ชม.แรกน่ะ พี่จะมีทั้งสติและสมาธิ
คือเห็นพองยุบ รู้ลมหายใจ รู้กายที่เคลื่อนไหวตามลมหายใจได้ตลอด สักพัก สมาธิแรงกว่ามันเหมือนเวลาหายไป
พอสติดี มารู้ตัวต่อ แล้วหลังจากนั้นที่ว่าไม่รู้สึกตัว นี่คือสมาธิเอาไปกินหมด
พี่ถึงไม่ต้องเข้าห้องน้ำกลางคืนไงค่ะ สมาธิมันกดเอาไว้ เหมือนร่างกายเรามันปิดสวิทช?การทำงานน่ะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ตื่นมาก็ปวด จิคะ

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ ตื่นมาเข้าห้องน้ำ อาบน้ำปกติ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
คุยกะพี่น้ำ มีความรู้ที่ ไม่เคยอ่านเจอเยอะ

สุขที่แท้จริง says:
นี่แหละพวกโตด้วยสภาวะแหละ มันจะเก็บรายละเอียดไว้ในจิตหมดแหละ คือจะจำได้หมด
ไม่ต้องจดเลยเรื่องพวกนี้


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
นี่ก็อีกเหมือนกันค่ะ นึกว่าเขาผ่านด้วยสภาวะกันหมด ตอนพี่บอก บางคนก็ผ่านโดยไม่รู้สภาวะ

สุขที่แท้จริง says:
เรื่องจริงค่ะ บางคนไม่รู้จริงๆ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
กุศลแท้ๆ หมายถึง แบบสภาวะมันเป็นเสต็ปๆ ไม่ได้หมายถึงสภาวะไม่ดีนะคะ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ แต่พวกสมถะแรงๆนะ คือได้ฌานน่ะ แล้วถ้าเขามีสติดีตามกำลังของฌานที่เรียกว่าสัมมาสมาธิน่ะ
พวกนี้จะไม่ไปติดอุปกิเลส จะเหมือนนักเรียนที่เรียนเก่งๆน่ะพาสชั้นได้เลย แต่ว่า สภาวะเขา
จะมาทบทวนใหม่อีกครั้ง ไม่ใช่ผ่านแล้วจบเลยนะ ไม่ใช่แบบนั้น มันไม่เหมือนพวกที่เป็นสเตปๆ พวกนี้
สภาวะจะละเอียด กิเลสแต่ละตัวจะถูกแงะออกมาจนไม่เหลือ แต่ถ้าไปเจอมานะกิเลสล่ะก็จอดเลยย


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
มานะกิเลส

สุขที่แท้จริง says:
กูรู้ กูเก่ง กูดีไง

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ไอ้มานะกิเลสที่หมูเจออยู่ เราจะไม่จอด ถ้าเรารู้ทันมันใช่ไหมคะ

สุขที่แท้จริง says:
ตัวนี้แหละ ถ้าสติไม่ดีนะเสร็จทุกราย ถ้ารู้ทัน มันจะไม่ไปแสดงตัวกับใครๆ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ถ้าไม่ทัน มันจะเป็นแบบไหนได้บ้างคะ

สุขที่แท้จริง says:
เยอะแยะไป แต่พวกนี้ศิลสะอาดนะ สะอาดตามลำดับศิล ยังไงๆก็ไม่ผิดศิล
แบบว่า หมายถึงเช่น ศิล 5 ข้อน่ะ เราดูตรงนั้นได้เลย พวกที่ไม่รู้สภาวะน่ะ
ถ้าใครมาพูดทำนองว่า เข้าถึงพระรัตนตรัย แต่อาชีพของเขายังนำสัตว์เป็นๆมาประกอบเป็นอาชีพ
หรือยังมีการขโมยทรัพย์ของผู้อื่น แม้แต่ทรัพย์ศิลทางปัญญาก็ถือว่าขโมยนะ
ถ้านำของคนอื่นๆมาโพสแล้วไม่ให้เครดิตเจ้าของเขาน่ะ หรือแม้แต่ใช้หลายชื่อในบอร์ด
แล้วขนาดคนรู้จักกันยังไม่ยอมบอกว่านี่คือตัวเอง ทำมาพูดคุยเหมือนคนไม่รู้จักกัน
นี่ก็เข้าข่ายผิดศิลข้อมุสา


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่

สุขที่แท้จริง says:
ศิลมันละเอียดนะหมู ทำแบบนี้เขาเรียกศิลลัพพตปรามาส คือ แค่ลูบคลำศิล แต่จิตไม่ได้ แถมบางคน
ชอบปรามาสพระอีก ไม่ว่าจะพระไหนๆ ไม่ควรแบ่งแยก เพราะท่านคือพระ นี่แหละหมู เราเช็คดูได้
เวลาใครมาพูดน่ะ ถ้าผ่านจริงๆศิลไม่มีพร่องเลย


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ มันจะละอายเอง จะตะขิดตะขวงใจ ว่าเรื่องนี้มันทะแม่ง ไม่ควรทำ

สุขที่แท้จริง says:
ยิ่งสติสัมปชัญญะดี หิริโอตัปปะทำงานเพิ่มมากขึ้นตามตัว
เล็กๆน้อยๆยังไม่เอาเลย มันกลัวและละอายจริงๆทั้งต่อหน้าและลับหลัง
การที่เรามาเจริญสติมันดีตรงนี้ กิเลสมันจะถูกชำแหละออกมา


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
คือว่า คนที่เห็นสภาวะจะเข้าใจ แต่ถ้าไม่รู้สภาวะ ก็ยังไม่เข้าใจ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่หมู

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
แค่คำว่าเห็นกิเลสนี่ ก็ไม่เข้าใจแล้วค่ะ มันจะถูกมองเป็นนามธรรมแล้วตีความต่อไปอีก
จริงๆ มันเป็นรูปธรรมได้เลย

สุขที่แท้จริง says:
เราทุกคนไม่มีแตกต่างหรอก ร่างกายนี้ประกอบด้วยธาตุทั้ง 4 แตกต่างตรงไหน
มีการทำงานของขันธ์ 5 อาตนะทั้งนอกและในกระทบกันตลอดเวลา
ทุกอย่างต้องเสื่อมสลายไปเหมือนกันหมด

พี่น่ะ ได้ทุกอย่างก็เพราะสภาวะเขาสอนน่ะหมู
กิเลสไง เขาสอนเราตลอดเวลา แม้แต่กิเลสชาวบ้านที่มากระทบก็คือครูนะ
ฉะนั้นต้องเคารพครู อย่าไปโต้เถียงกับครู ภพชาติมันไม่จบไม่สิ้น


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ แหะๆ เคารพครู ครูมาทีโห้ดโหด

สุขที่แท้จริง says:
หน้าที่เราคือ เจริญสติเอาไว้ เพื่อจะได้มีสติ สัมปชัญญะ ไว้รับมือเวลาเกิดการกระทบ
หนี้เก่าทะยอยเขาใช้ไป สักวันก็หมด หนี้ใหม่ไม่ทำเพิ่ม นับวันภพชาติมันก็สั้นลงไปเรื่อยๆ
จะช้าหรือเร็ว ไม่ตัวกำหนดตายตัว แต่ทั้งหลายทั้งปวงอยุ่ที่เรากระทำ

สภาวะมันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แต่สติหมูยังไม่มากพอที่จะมองเห็นมันได้
กิเลสมันเนียน ยิ่งสติมากขึ้น กิเลสยิ่งละเอียดมากขึ้น จับยากมากขึ้น


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ เจริญสติๆๆ อยาเป็นเต่าติดล้อจะได้แล่นปรื้ดๆ

สุขที่แท้จริง says:
ไม่ต้องไปคาดหวังใดๆ อีกหน่อยหมูจะสบาย เหมือนที่พี่สบายในตอนนี้ ถามว่ามีกิเลสไหม มี รู้อยู่
แต่ไม่ไปยุ่ง เพราะรู้ถึงผลที่จะตามมา แค่ดู แล้วเขียนมันออกมา ให้มองเห็นชัดๆ กิเลสนะ มันร้อน
รู้ว่าร้อนอย่าไปแตะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ขอบคุณค่ะ เวลาหมูมีกิเลสแล้ว คุยกะพี่น้ำ มันหดโม้ด
สังเกตหลายครั้ง เวลาตัวดีขึ้นน่ะค่ะหรือตัว ฉันดี ขึ้น
แล้วพูดออกไป พี่น้ำจะนิ่งๆ แล้วตอบเรียบๆ มันหดเลย ฝ่อ

สุขที่แท้จริง says:
จ้ะ คำว่า " ดี " ถ้าใช้ไม่ถูกที่ ไม่ถูกเวลา แทนที่จะลดกิเลสลงไป กลับกลายเป็นเพิ่มกิเลส
ไปโดยไม่รู้ตัว จำไว้ว่า คิดว่าตัวเองดีเมื่อไหร่ นั่นหมายถึง เรากำลังจะทำอะไรที่มันโง่ๆ
แล้วทำให้กลายเป็นเหตุก่อภพก่อชาติขึ้นมาใหม่


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ จะจำไว้ค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
กูดี กูรู้ กูเก่ง นี่คือสัญลักษณ์ของความโง่ในตัวเรานะหมู

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
งืมๆค่ะ มันชอบไป คิดแล้วส่งเสริม ไอ้พวกนี้นะคะ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ เหมือนวันนี้ที่พี่เขียนไง กิเลส เพราะมันคือกิเลสจริงๆ เพียงแต่ไอ้ตัวกูโง่
ไม่แสดงออกไปร่วมวงด้วยเท่านั้นเอง


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
กิเลสของสภาวะสูงๆ นี่เหมือนของสภาวะต้นๆ แต่มันเบาๆ
สังเกตุได้ยาก อย่างนั้นหรือเปล่าคะ

สุขที่แท้จริง says:
มันละเอียดกว่ากันค่ะ เพราะตัวกูรู้นี่มันจะคอยสร้างเหตุ สติต้องทันจริงๆถึงจบได้โดยไม่แสดงออกไป

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
อืมๆ ค่ะพี่ เพราะจะรู้เหตุรู้ผล แล้ว เห็นว่าคนรอบตัวกำลังเล่นกับอะไร ทำให้ ยาก ในการเป็นผู้ดู

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ ยากมาก กว่าจะหยุดได้เห็นไหม มันต้องเจอผล เจอแล้วถึงเข้าใจ
พอเข้าใจจิตมันเลยไม่เอา มันรู้นี่ เล่นแล้วร้อน แล้วจะไปเล่นทำไมให้เสียเวลา
แต่จิตอ่ะนะเรื่องธรรมดา แป๊บๆไหลตามกิเลสอีกแล้ว


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ถ้าเราเห็นมันตอนปรุงก็จบไปหนึงครั้งนะคะ

สุขที่แท้จริง says:
สตินี่ถ้าเทียบกับมือ พันมือไม่รู้จะพอหรือเปล่า

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
แล้วก็ปรุงใหม่อีก ปรุงตลอดเวลา

สุขที่แท้จริง says:
ใช่หมู เกิดการกระทบ ปรุงแล้ว แต่ว่าจะปรุงมากหรือน้อยเท่านั้นเอง กิเลสหนาก็ปรุงมากหน่อย
กิเลสน้อยก็ดับไวขึ้นเพราะสติมากกว่า มันเป็นไปตามสภาวะน่ะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะพี่ ที่พี่น้ำบอกเห็นความไม่เที่ยง ก็คือการเห็นว่ามีการปรุง ถึงมีกิเลส แล้วมันก็เปลี่ยนไป
สุขที่แท้จริง says:
อันนั้นอีกระดับ แต่ละระดับจะไม่เหมือนกัน แรกๆจะป็นแบบนั้น
เพราะไปเห็นการปรุง เห็นความไม่เที่ยง ยังเห็นไม่ชัด
แต่ถือว่าเห็น อย่างน้อยปล่อยวางลงไปได้ระดับหนึ่ง
ถ้าเห็นตามความเป็นจริง มันจะเห็นแต่เหตุและผล แล้วจะเห็นถึงความไม่เที่ยงชัดเจนมากๆ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.พ. 2010, 01:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 174

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

สวัสดีค่ะพี่ ส่งรอบแรกนะคะ 60/30
ก็รู้เท้าค่ะ ส่วนใหญ่ใช้คำบริกรรมสลับๆกันค่ะ แล้วก้อ มีเผลอหลงไปคิดปรุงแต่งอนาคต
พอรู้แล้วก็ กลับมาสนใจเท้าต่อ เป้นแบบนี้ 2-3 ครั้งได้ค่ะ แล้วก็มีระลึกหน้าคน แล้วจิตก็จะไปปรุง ก็รู้

ก็เลยมาสนใจเท้าต่อค่ะ มีความอยาก มันเป็น แรงอั้น อึดอัด และเหมือนใจมันจะไปข้างหน้า + รนๆ
ก็รู้ แล้วมันก็หายไป แล้วก็มีมาอีก แล้วก็หายไป แล้วก็เปลี่ยนไปเรื่องอื่นต่อค่ะ
มีอารมณ์ตามปกติ เกิดขึ้นในจิต แล้วเกิดความไม่พอใจ ก็รู้ไปแล้วมันก็ขึ้นมารู้สึกว่า
ความทุกข์เกิดจากการจะบังคับ ให้มันได้ดังใจแล้วก็ ใจมันก็คลายค่ะ

แล้วก้ไปขบคิดเรื่องที่รู้ มันมีตัวพอใจ ที่รู้ และมีกูรู้ แล้วไปขบคิดยึดถือ ก็รู้ค่ะ ก็เลยมาสนใจเท้าต่อ
ก็มีตัววิพากษ์วิจารย์ บางครั้งก็ดัง พอดังเราก็มาสนใจเท้ต่อ มันเปลี่ยนไปเรื่อยๆค่ะ

พอมานั่งก็รู้ว่ามีการเคลื่อนไหว การหายใจ อกขยับ รักษาไว้เรื่อยๆ มีตัวอะไรกัด คันๆเจ็บที่หน้า
2 ครั้ง เกามันแล้วกลัวจะเป็นแมลง เลยลืมตาดูไม่มี

แล้วหลับตาต่อก็จับร่างกายต่อได้ค่ะ แต่มันจะไม่ต่อเนื่องเพราะว่า ไอ หลายครั้ง
หลักๆ คือรู้กาย และไปคิด แต่ก็ยังรู้ได้ เพียงแต่ไม่ได้เห็นกายชัดค่ะ เห็นเบาๆ จบแล้วค่ะ
เด๋วบันทึกก่อนแล้วไปทำรอบต่อไปค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

ค่อยๆปรับเปลี่ยนไปนะคะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ปรับเปลี่ยน แบบเพิ่มเวลาเอาได้เอง เลยใช่ไหมคะ

สุขที่แท้จริง says:

ได้ค่ะ ตอนนี้หมูเริ่มปรับตรงนั้นได้แล้ว

ไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เสร็จแล้วค่ะพี่ 60/35 เดินรอบนี้ก็ ช่วงต้นๆก็ รู้เท้าได้ต่อเนื่องค่ะ ความคิดก็มีปกติ
มีความทุกข์คือจิตมันอัดแน่น ตอนนันก้อดูว่าเป็นอะไรเพราะไม่ได้มีความคิดที่ทำให้เครียด
ดูๆไปก็ไม่รู้ เหมือนจิตมันป่วย ก็พยายามมารู้เท้าต่อ อีกสักพักก็เผลอ ไปสบถว่าคนอื่นก็กำหนดรุ้หนอ

แล้วก็ทุกข์ ก็มีความคิดว่าเผลอไป ต้องคอยดูก่อนหลงไปปรุงให้ทัน จากนั้นเดินๆ ก็เริ่มเครียด
ก็รู้สึกว่า สงสัยจะ ไม่ทัน ต้องดีหรือเปล่า ก็หายใจยาวๆ เดินแบบไม่บริกรรม ปล่อยๆ สบายขึ้น
แต่ก็ยังมีเครียด ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนสักพักก็เลิกทำ แล้วมันก็เปลี่ยนไปอีก
หลังๆก็ฟุ้งคคิดโน่นนี่ ก็ยังรู้เท้าได้ค่ะ แต่บางครั้งไม่ได้ชัด

พอมานั่งก็รู้ท้องขยับแบบไม่เป็นจังหวะสม่ำเสมอ แรงเหมือนกัน แรง เบาไม่เท่ากัน
เด๋วก็เปลี่ยนไปจับที่แขน ที่สะเทือนตามท้อง เด๋วก็มาท้อง แล้วสักพักเผลอ ไปปรุง ไม่ทัน เลยปรามาส
ก็เสียใจ กำหนดรู้หนอไป แล้วก็ขอขมา แล้วปล่อยนั่งต่อ ก็รู้ท้องกะขยับไปเรื่อยๆๆๆ

จนช่วงท้ายๆ จิตมันเริ่มไป เหมือนจะไปหลับใน แต่ก็รู้ตัวว่าต้อรู้กาย ก็เลยเอามาแตะท้องด้วยก็
สลับกันไปค่ะ ไปแผ่วๆ คล้ายจะไปหลับใน แต่ไม่ลงไป พอมีแรงก็ออกมารู้ท้อง ก็รู้ท้องขยับต่อได้เลย
แล้วก็ไป แล้วก็มา แบบนี้จนจบค่ะ อ้อ ปรามาส 2 ครั้งนะคะ

สุขที่แท้จริง says:

กำหนดให้ทันค่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ตอนแรกนึกว่าจะไม่เป็นแล้วเพราะรอบแรกเอาอยู่ ค่ะพี่

สุขที่แท้จริง says:

ขออโหสิบ่อยๆ จิตมันจะเอือม สุดท้ายมันก็จะจำ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

จำอะไรหรือคะ

สุขที่แท้จริง says:

จำว่าถ้าปรามาสอีกต้อขออโหสิ จิตมันไม่อยากขอพร่ำเพรื่อน่ะค่ะ
วันนี้สติทันนะโดยรวม อาจจะเพราะได้พัก วันจันทร์เริ่มเหนื่อยใหม่


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ก็คงเพราะได้นอนเยอะด้วย นั่นสิคะ

สุขที่แท้จริง says:

อีกหน่อยหมูก็จะชินกับมัน

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 252 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 5, 6, 7, 8, 9, 10, 11 ... 17  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร