วันเวลาปัจจุบัน 18 พ.ค. 2025, 04:36  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ต.ค. 2011, 19:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ย. 2010, 20:29
โพสต์: 5113

แนวปฏิบัติ: พิจารณากาย
สิ่งที่ชื่นชอบ: มณีรัตน์,พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ร้วห่อทอง
อายุ: 39

 ข้อมูลส่วนตัว


ธรรมโอวาท
ของ
พระวิสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์
(ท่านพ่อลี ธมฺมธโร)

วัดอโศการาม อ.เมือง จ.สมุทรปราการ


รูปภาพ

การที่เรามานั่งภาวนา “พุทโธๆ”
โดยการกำหนดลมหายใจเข้าออกอย่างเดี๋ยวนี้
จัดว่าเป็นบ่อบุญถึง ๔ บ่อ เหมือนกับเรายิงนกทีเดียวแต่ได้นกตั้งหลายตัว
พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า การภาวนาเป็นมหากุศลอันเลิศ
ที่ว่าเราได้บุญถึง ๔ บ่อนั้น คืออะไรบ้าง

ประการที่ ๑ เป็น “พุทธานุสติ”

เพราะขณะที่เรากำหนดลมและบริกรรมว่า “พุทโธๆ” นั้น
เราได้น้อมเอา พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณ
เข้าไปไว้ภายในใจของเราด้วย

พุทธคุณ ธรรมคุณ และสังฆคุณนี้ เป็นสิ่งที่มีค่าสูงกว่าสิ่งอื่นใด
เมื่อได้น้อมเขาไปในตัวเราแล้วก็เกิดความปีติ อิ่มเต็ม เย็นอกเย็นใจ
ความเบิกบานสว่างไสวก็มีขึ้นในดวงจิตของเรา
นี่นับว่าเป็นกุศลส่วนหนึ่งที่เราได้รับจากบ่อบุญอันนี้

ประการที่ ๒ เป็น “อานาปานสติ”

เพราะลมหายใจที่เรากำหนดอยู่นี้
เป็นสิ่งที่ทำให้เรามีชีวิต และมีสติตื่นอยู่ ไม่ลืม ไม่เผลอ
ไม่ยื่นออกไปข้างหน้า ไม่เหลียวมาข้างหลัง
ไม่คิดไปในสัญญาอารมณ์อื่นนอกจากลมหายใจอย่างเดียว
มีความรู้อยู่แต่ในเรื่องของกองลมทั่วร่างกาย

วิตก ได้แก่ การกำหนดลม
วิจาร ได้แก่ การขยายลม


เมื่อลมเต็มอิ่มและมีสติสัมปชัญญะอยู่ตลอดเวลา
นิวรณ์ทั้งหลายที่เป็นข้าศึกของใจ
ก็ไม่สามารถแทรกซึมเข้ามาทำลายคุณความดีของเราได้
จิตก็จะมีความสงบนิ่ง ไม่ฟุ้งซ่าน กระสับกระส่าย
ไม่ตกไปอยู่ในบาปอกุศลอันใดได้
เป็นจิตที่มีอาการเที่ยงตรง ไม่มีอาการวอกแวกและไหลไปไหลมา
มีแต่ความสุขอยู่ในลมส่วนเดียว
นี้ก็เป็นกุศลส่วนหนึ่งที่เราได้รับจากบ่อบุญอันนี้

ประการที่ ๓ เป็น “กายคตาสติ”

เป็น “กาเย กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน” ด้วย
เพราะลมหายใจเป็นตัวชีวิต เป็นตัวกายใน
เรียกว่า พิจารณากายในกาย (ธาตุ ๔ เป็นตัวกายนอก)
คือเมื่อเราได้กำหนดลมเข้าไปในส่วนต่างๆ ของร่างกายทุกส่วนแล้ว
เราก็จะมีความรู้เท่าทันถึงสภาพอันแท้จริงของร่างกาย
อันประกอบด้วยธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม
ว่าเมื่อเกิดความกระเทือนระหว่างลมภายนอกกับธาตุเหล่านี้
แล้วได้มีอาการและความรู้สึกเป็นอย่างไร

ร่างกายเคลื่อนไหว แปรเปลี่ยน ทรุดโทรม และเกิดดับอย่างไร
เราก็จะวางใจเฉยเป็นปกติ เพราะรู้เท่าทันในสภาพธรรมดาเหล่านี้
ไม่หลงยึดถือในรูปร่างกายว่าเป็นตัวตน
เพราะแท้จริงมันก็เป็นเพียงธาตุแท้ ๔ อย่างที่ผสมกันขึ้น
และเมื่อพิจารณาแล้ว ก็ล้วนแต่เป็นสิ่งปฏิกูลตลอดทั่วร่างกาย
ตั้งแต่ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ฯลฯ ตลอดทั้งอวัยวะภายในทุกส่วน
เห็นดังนี้แล้ว ก็จะเกิดความเบื่อหน่าย สลดสังเวชขึ้น
ทำให้หมดความยินดียินร้ายในรูปร่างกาย ใจก็เป็นปกติ
นี่ก็เป็นกุศลส่วนหนึ่งที่เราได้รับจากบ่อบุญอันนี้

ประการที่ ๔ เป็น “มรณานุสติ”

ทำให้เรามองเห็นความตายได้อย่างแท้จริง
ด้วยการกำหนดลมหายใจ

เมื่อก่อนนี้เรานึกว่าความตายนั้นจะต้องมีอยู่กับคนไข้อย่างนั้น
โรคอย่างนี้ แต่หาใช่ความตายอันแท้จริงไม่
แท้จริงมันอยู่ที่ปลายจมูกของเรานี่เอง มิได้อยู่ไกลไปจากนี้เลย


ถ้าเลยออกไปจากปลายจมูกแล้วก็ต้องตาย
ทั้งนี้ให้เราสังเกตดุลมที่หายใจเข้าออก ก็จะเห็นได้ว่า
ลมนี้เลยจมูกออกไปแล้วไม่กลับเข้ามาอีก เราต้องตายแน่
หรือถ้าลมเข้าไปในจมูกแล้วไม่กลับออกมา ก็ต้องตายเหมือนกัน
เมื่อเรามองเห็นความตายมีอยุ่ทุกขณะลมหายใจเข้าออกเช่นนี้
เราก็จะเป็นผู้ไม่ประมาท มีสติสัมปชัญญะอยู่กับตัวอยู่เสมอ
ไม่เป็นผู้ลืมตาย หลงตาย เราก็จะตั้งอยู่ในความดีเสมอไป
นี่ก็เป็นกุศลส่วนหนึ่งที่เราได้รับจากบ่อบุญอันนี้

:b44: :b44:

คัดลอกเนื้อหาจาก
พระอาจารย์ลี ธมฺมธโร. แนวทางวิปัสสนากัมมัฏฐาน ๒.
พิมพ์ครั้งที่ ๑. กรุงเทพฯ : ขุมทองอุตสาหกรรมและการพิมพ์,
๒๕๕๓. หน้า ๒๐๒-๒๐๔.

.....................................................
"เกิดดับ..เกิดแล้วไม่ดับไม่มี"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ต.ค. 2011, 14:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ต.ค. 2011, 04:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.พ. 2011, 10:52
โพสต์: 256

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

:b45: :b41: :b44:

.....................................................
ทำดี ดีแล้ว เป็นพร
ทำดี ดีแล้ว เป็นพร ไม่ต้อง อ้อนวอน ขอพร กะใคร ให้กวน
พรที่ ให้กัน ผันผวน เป็นเหมือน ลมหวน อวลไป อวลมา อย่าหลง
พรทำ ดีเอง มั่นคง วันคืน ยืนยง ซื่อตรง ต่อผู้ รู้ทำ
อยากรวย ด้วยพร เพียรบำ - เพ็ญบุญ กุศลนำ ให้ถูก ให้พอ ต่อตน
ทุกคน เกิดมา เป็นคน ชั่วดี มีจน เป็นผล แห่งกรรม ทำเอง
ถือธรรม เชื่อกรรม ยำเยง บาปชั่ว กลัวเกรง ทำแต่ กรรมดี ทวีพรฯ

ท่านพุทธทาสภิกขุ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มี.ค. 2012, 11:44 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2010, 09:11
โพสต์: 597


 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนาสาธุค่ะ :b8: :b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร