วันเวลาปัจจุบัน 03 พ.ค. 2025, 03:48  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=19



กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.พ. 2011, 23:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ม.ค. 2008, 20:41
โพสต์: 448

ที่อยู่: bangkok, Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


--------------------------------------------------------------------------------

เวปแนะ นำ สาระดี ๆ เกี่ยวกับชีวิต ของสัตว์โลกร่วมวิบากกรรม


นำ สาระดี ๆ เกี่ยวกับชีวิต ของสัตว์โลกร่วมวิบากกรรม


ชีวิต ~ แด่ชีวิตเพื่อนร่วมโลก
เหตุผลดี ๆ มีสาระ ๆ ให้คิด พิจารณา
สัตว์ทุก ๆ ตัว ต่างรักชีวิต ของมัน
เนื้อสัตว์"

ภัยร้ายใกล้ตัว น่ากลัวกว่าที่คุณคิด
สารพัดโรคร้ายที่มาจากการรับประทานเนื้อสัตว์

http://www.watsai.net/webb/view.php?No=126&visitOK]



สลดน่าหดหู่เพื่อนร่วมวิบากกรรม

--------------------------------------------------------------------------------

ประกาศห้ามฆ่า



ประกาศห้ามฆ่า

มนุษย์คือสัตว์ประเสริฐ ความประเสริฐสูงส่งของมนุษย์นั้น คือจิตคุณธรรม ความเมตตาที่มีอยู่ในจิตของมนุษย์นี้เอง ทำให้มนุษย์ได้ชื่อว่า สัตว์ประเสริฐ ความเมตตาเป็นสิ่งที่แยกมนุษย์ให้แตกต่างจากเดรัจฉาน ด้วยจิตสำนึก ..
แต่มาบัดนี้ จิตที่เคยสูงส่งเปี่ยมด้วยความดีแห่งเมตตา ได้มีกำแพงเหล็กอันแน่นหนามาปิดกั้นไว้จนมืดบอด เมื่อมนุษย์ขาดจิตสำนึก จึงมองไม่เห็นผิดบาปที่ตนกำลังก่อขึ้นอย่งมหันต์ ..
ลองคิดกันดู ...


1. บ้านเมืองกำลังเกิดสงคราม พวกเรากำลังถูกตามล่า ต่างพากันหนีตายอย่างลนลาน


ในขณะที่โจรไล่ต้อนจนมุม ความตายมาถึงเบื้องหน้า รู้ว่าไม่มีทางรอดแน่ จิตใจเราขณะนั้น ไม่สั่นสะท้านเพราะความกลัวจนขีดสุดหรอกหรือ !




2. ในขณะที่พวกโจรจับตัวได้ เราถูกฉุดกระชากลากไถไปอย่างหยาบช้า


ทำกับเราเยี่ยงหมูหมา ความรู้สึกของเราตอนนั้น จิตใจไม่แตกกระเจิงขวัญหนีดีฝ่อหรอกหรือ !


3. เมื่อเห็นคนรักของเรา ถูกทุบตีอย่างทารุณต่อหน้าต่อตา


เราทั้งโกรธทั้งแค้น ตะโกนร้องจนสุดเสียง วิงวอนขอชีวิตแทบขาดใจ ขณะนั้นใจเราไม่เจ็บปวดรวดร้าวหรอกหรือ !




4. ญาติมิตรของเราถูกพวกโจรจับได้ เอามาขึ้นตะแลงแกง


พวกโจรฆ่าฟันหั้นหั่นอย่างเลือดเย็น เสียงหวีดร้องร่ำไห้อย่างโอดโอยของพวกเขา ใจเราขณะนั้นไม่คิดจองล้างจองผลาญหรอกหรือ !



5. การฆ่ามาถึงตัวเรา พวกโจรเข้ารุมทำร้ายทุบถองตบตีจนกระอักเลือด


ความทรมานเจ็บปวด ยังไม่เท่ากับถูกกรีดเนื้อเถือหนังจนปวดแสบไปทั้งร่าง ใจเราขณะนั้นไม่อาฆาตเคียดแค้นหรอกหรือ !




6. นาทีแห่งความตายใกล้เข้ามา จิตใจเราห่อเหี่ยว ความหวังริบหรี่ลงทุกที


แต่เผอิญขณะนั้นมีโจรคนหนึ่งมาช่วยปล่อยตัว เรามีหวังขึ้นมาอีกครั้ง ใจเราขณะนั้นไม่ดีใจสำนึกขอบคุณหรอกหรือ !



7. ทันใดนั้น มีโจรอีกคนหนึ่ง ไม่เคยโกรธแค้นกันมาก่อน ตรงเข้ามาขัดขวางไม่ให้ปล่อยไปง่ายๆ


อ้อนวอนยังไงพวกโจรก็จะฆ่าเราให้ได้ ใจเราขณะนั้นไม่รู้สึกรันทดหดหู่หรอกหรือ !




8. ในขณะที่พวกโจรคิดจะปล่อยตัวพวกเรา แต่มีโจรคนหนึ่งคัดค้านขึ้นมาว่า ฆ่าเสียเลยจะดีกว่า


คนเหล่านี้เกิดมามีเคราะห์ ตายไปก็คงจะหมดเคราะห์หมดกรรม ใจเราขณะนั้นไม่เจ็บช้ำหรอกหรือ !



9. ในขณะคนรักของเราป่วยหนัก อาการแสนสาหัส จริงๆ แล้วถูกสั่งให้ปล่อย


แต่มีโจรใจดำคนหนึ่งไม่เห็นด้วย ป่วยหนักเช่นนี้ รอดตายยาก ฆ่าเสียสิ้นเรื่อง ใจเราขณะนั้นไม่เป็นเดือดเป็นแค้นหรอกหรือ !




10. ญาติมิตรของเราส่วนใหญ่มีลูกเล็กเด็กแดง พวกโจรคิดจะปล่อยไป





แต่มีโจรใจชั่วคนหนึ่งเสนอว่า เด็กพวกนี้ปล่อยไปก็ตาย ฆ่ากินดีกว่า เนื้ออ่อนอร่อย ใจเราขณะนั้นจะอโหสิให้ได้อีกหรือ !




ไม่ว่าสัตว์น้อยใหญ่ หรือแม้กระทั่ง กุ้ง หอย ปู ปลา เมื่อถูกจับมานอนอยู่ข้างเขียง ต่อหน้ามีมีด ต่อหน้าน้ำมันร้อน มันก็ย่อมคิดว่า ตัวมันกับญาติมิตรที่ถูกจับมาด้วยกันนี้ อีกชั่วครู่ก็ต้องจบชีวิตอย่างเจ็บปวดสาหัส แต่ปากพูดไม่ได้ นอกจากชักดิ้นรับความทรมาน

ข้อมูลจาก


http://board.palungjit.com/f9/10-เหตุผลดีๆ-ที่ไม่ควรกินเนื้อสัตว์-278467.html


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.พ. 2011, 01:18 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

เราต้องไม่ฆ่าสัตว์

ไม่ควรยินดี...หากใครจะฆ่าสัตว์
ไม่ควรยินดี...ต่อการกินเนื้อสัตว์

เราก็จิตหนึ่ง..
เขาก็จิตหนึ่ง..

ควรมองให้เห็น...ความเป็นจิตหนึ่ง..ของทุกสัพพสัตว์

มองที่ตาเขา..มองให้ถึงจิตของเขา..

คุณก็จะเห็นว่า..คุณกับเขา..มันมีความเท่ากัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.พ. 2011, 01:26 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


การไม่กินเนื้อสัตว์..ด้วยเหตุผล..ทางร่างกายโรคภัยไขเจ็บ

ได้ชื่อว่า..ได้เข้าถึงกระพี้ความดี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.พ. 2011, 12:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ม.ค. 2008, 20:41
โพสต์: 448

ที่อยู่: bangkok, Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
การไม่กินเนื้อสัตว์..ด้วยเหตุผล..ทางร่างกายโรคภัยไขเจ็บ

ได้ชื่อว่า..ได้เข้าถึงกระพี้ความดี


**********************************************************************
ขอยกคำสอนของหลวงพ่อประสิทธิ์ ถาวโร แห่งวัดถ้ำยายปริก เกาะสีชัง มา ณ ที่นี้

หลวงพ่อเคยสอนผม หลังจากผมเรียนท่านว่า
“ครูบาอาจารย์บางท่านสอนว่า พระอริยเจ้าท่านฉันอาหารไม่ได้สนใจแล้วว่าอันนี้ผักหรือเนื้อ
คือมองเห็นเป็นเพียงธาตุ ๔ และฉันเพียงเพื่อให้ธาตุขันธ์ดำรงอยู่ได้
แต่หลวงพ่อไม่ฉันเนื้อสัตว์ อย่างนี้จะไม่เป็นการขัดกันหรือครับ”

หลวงพ่อก็ตอบว่า “ก็ถูกของเขาที่ว่า มองเห็นเป็นเพียงธาตุ ๔
แต่อันนั้นก็ต้องระวังว่า กิเลสความอยากกินเนื้อมันก็มีแอบแฝงไว้เหมือนกัน
สำหรับบางคนที่เอามาใช้เป็นข้ออ้าง
สำหรับหลวงพ่อเอง เราไม่ฉันก็เพราะสงสารสัตว์เขาน่ะ
พูดกันตรงๆ แบบคนเดินดินธรรมดาๆ นี่แหละ คิดดูซิ เอาเลือดเอาเนื้อของเขามากิน
อย่างหมู หรือวัว ควาย ทุบหัวเขาแล้วยังมาแทงคอเขาซ้ำอีก
มันทารุณเหลือเกิน เป็ดไก่ ก็เหมือนกัน เชือดคอแล้วก็ปล่อยให้มันดิ้นพรวดพราด
เลือดนี้ไหลพุ่งทะลักออกมา เจ็บปวดแค่ไหนเอ็งน่าจะรู้ดี และถ้าเป็นเอ็งโดนบ้างแล้วจะรู้สึกอย่างไร
ก็ขนาดเราถูกมีดบาด แผลนิดหนึ่งยังว่าเจ็บๆ แล้วนั่นเอ็งว่าสัตว์เขาจะเจ็บแค่ไหนล่ะ
หรืออย่างกะปิ น้ำปลา กะปิหนึ่งกระปุก ใช้กุ้งกี่ตัว น้ำปลาหนึ่งขวด
ทำจากปลาเล็กกี่ตัว นับไม่ถ้วนเลย
คนเราในช่วงเกิด แก่ เจ็บ ตายในหนึ่งชีวิตนี้น่ะ ต้องอาศัยเลือดเนื้อของสัตว์อื่นไปตั้งเท่าไร
ฉะนั้นถ้าเป็นไปได้ก็ควรหลีกเลี่ยงเสีย ถือว่าเป็นหนทางหนึ่งที่งดการเบียดเบียนเพื่อนร่วมโลก
แล้วเราก็หมั่นแผ่เมตตาบารมีอุทิศส่วนกุศลให้สัตว์โลกไป ให้เขาอยู่ร่มเย็นเป็นสุข
แค่นี้แหละไม่ยากอะไรไม่ใช่หรือ”


แต่พระองค์ก็อนุญาตให้พระไม่ฉันเนื้อด้วยรังเกียจในเนื้อสัตว์ด้วยสาเหตุหลายประการไม่ใช่หรือ
หลวงพ่อก็ไม่ได้ไปว่าอะไรใครเขา เราดูแต่ตัวเรา ปรารถนาเอาเมตตาเป็นสัจจะบารมี
พร้อมด้วยสติ สัมปชัญญะ และความเพียรไม่ท้อถอย เราก็พ้นทุกข์ได้เช่นกัน”


และท่านให้ธรรมะเพิ่มเติมอีกว่า “คนเรามันก็แค่หาอาหารเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง
กินดีแค่ไหนก็ขี้ออกมาสกปรกเหมือนกัน เข้าแล้วก็ออกอยู่อย่างนี้ แล้วจะเอาอะไรนักหนา
ทำไมต้องไปเอาเลือดเนื้อของเขามาบำรุงบำเรอตน
หลวงพ่อเองก็กินผักกินหญ้าไปวันหนึ่งๆ ก็พออยู่ได้แล้ว”

--------------------------------------------------------------------------


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.พ. 2011, 21:17 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ก็ถูกของเขาที่ว่า มองเห็นเป็นเพียงธาตุ ๔


อ้างคำพูด:
สำหรับหลวงพ่อเอง เราไม่ฉันก็เพราะสงสารสัตว์เขาน่ะ


อ้างคำพูด:
หลวงพ่อก็ไม่ได้ไปว่าอะไรใครเขา เราดูแต่ตัวเรา ปรารถนาเอาเมตตาเป็นสัจจะบารมี
พร้อมด้วยสติ สัมปชัญญะ และความเพียรไม่ท้อถอย เราก็พ้นทุกข์ได้เช่นกัน”


:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 22:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ม.ค. 2008, 20:41
โพสต์: 448

ที่อยู่: bangkok, Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


ความเห็นจาก พระอาจารย์

อาตมามั่นใจว่าหากชาวพุทธปฏิบัติศีลข้อ ๑ อย่างเคร่งครัด ก็ไม่มีเนื้อสัตว์กินแล้ว
เพราะไม่มีใครฆ่ามาขาย หรือฆ่ามากิน ยิ่งอาชีพที่ชาวพุทธที่พระพุทธเจ้าห้ามอีก
เป็นมิจฉาอาชีพ(อาชีพที่ผิดเป็นบาป) ๕ ประการ คือ
๑.การค้าขายอาวุธ
๒.การค้าขายสัตว์เป็น
๓.การค้าขายเนื้อสัตว์
๔.การค้าขายยาพิษ
๕.การค้าขายสิ่งเสพติด มอมเมา
อนุโมทนาสาธุกับโยมที่มีความเห็นที่ถูกต้องใน
เรื่องนี้ ธรรมรักษา

พอสรุปได้ในตัว นอกจากสุขภาพ ที่ดีกว่า ยังทำให้ศีล มั่นคง เว้นจากการฆ่า สังหาร
เว้นบริโภคเนื้อสัคว์ เพื่อเมตตาธรรม ต่อสรรพสัตว์ เืพื่อนร่วมโลก


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร