จีนออกเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก ถ้ำหยุนกัง มรดกโลกทางทางพุทธ

• จีน : เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ธนาคารแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ออกชุดเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกถ้ำหยุนกัง ซึ่งเป็นถ้ำทางพุทธศาสนาที่มีชื่อเสียง ในเมืองต้าถง มณฑลชานซี ทางตอนเหนือของจีน ประกอบด้วยเหรียญทอง 3 เหรียญ และเหรียญเงิน 2 เหรียญ ซึ่งสามารถใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย โดยด้านหน้าทุกเหรียญเป็นรูปถ้ำหยุนกัง ส่วนด้านหลังเป็นภาพภายในถ้ำ แตกต่างกันไปตามราคาหน้าเหรียญ

เหรียญทองขนาดใหญ่สุดชนิดราคา 10,000 หยวน (ราว 50,000บาท) มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 90 มม. ทำด้วยทองคำบริสุทธิ์ ผลิตจำนวน 100 เหรียญ เหรียญทองขนาดกลางชนิดราคา 2,000 หยวน (ราว 10,000 บาท) เส้นผ่าศูนย์กลาง 60 มม. ผลิตจำนวน 800 เหรียญ ส่วนเหรียญทองขนาดเล็กชนิดราคา 200 หยวน (ราว 1,000 บาท) เส้นผ่าศูนย์กลาง 27 มม. ผลิตจำนวน 10,000 เหรียญ

ส่วนเหรียญเงินชนิดราคา 300 หยวน (ราว 1,500 บาท) มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 100 มม. ทำด้วยเงินบริสุทธิ์ ผลิตจำนวน 3,800 เหรียญ และเหรียญเงินชนิดราคา 20 หยวน (ราว 100 บาท) มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 40 มม. ผลิตจำนวน 20,000 เหรียญ

โดยในปี 2001 ถ้ำหยุนกังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก ซึ่งบรรยายถ้ำดังกล่าวว่า เป็น “ผลงานชิ้นเอกแห่งยุคต้นของพุทธศิลป์จีนในถ้ำ”

(จาก Xinhua)



พม่าเปิดโครงการเผยแผ่พุทธศาสนาตามแนวชายแดน

• พม่า : เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา พุทธสมาคมเพื่อการส่งเสริมนิกายเถรวาทตามแนวชายแดนของพม่า ได้เปิดตัวโครงการเผยแผ่พุทธศาสนาในรัฐกะฉิ่น กะยา กะเหรี่ยง ชิน และมอญ ของพม่า

ดร.ขิ่น ชเว ประธานพุทธสมาคมฯ กล่าวว่า โครงการนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อสนับสนุนพระสงฆ์ในพื้นที่ดังกล่าว ให้ทำงานเผยแผ่พุทธศาสนาอย่างราบรื่น

“เราจะจัดกิจกรรมตามจุดห่างไกลบนภูเขาและแนวชายแดน เพราะเราต้องการให้ประชาชนชาวพม่าทั้งหลายได้เข้าถึงคำสั่งสอนขององค์พระ สัมมาสัมพุทธเจ้า เราไม่ได้มุ่งขยายชุมชนชาวพุทธ แต่จะช่วยให้ชาวบ้านได้ค้นหาสันติ และความสงบสุข ผมจะลงไปช่วยงานโครงการนี้ในรัฐมอญ เพื่อจัดกิจกรรมต่างๆ” ประธานพุทธสมาคมฯ กล่าว

พุทธสมาคมฯ ก่อตั้งขึ้นเมื่อต้นปี 2010 มีสำนักงานอยู่ที่นครย่างกุ้ง ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับกระทรวงศาสนา ซึ่งมี “ถุรา อู มิน หม่อง” รัฐมนตรีกระทรวงศาสนาของพม่าเป็นผู้อุปถัมภ์ สมาคม โดยพุทธสมาคมฯได้รับเงินบริจาคกว่า 1.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 50 ล้านบาท) จากผู้มีจิตศรัทธา 35 คน อาทิ ประธานพุทธสมาคมฯ ประธานหอการค้าและอุตสาหกรรมพม่า และนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงหลายราย ซึ่งเงินดังกล่าว จะนำไปใช้สร้างวัด จัดตั้งคณะผู้เผยแผ่ศาสนา และช่วยพระสงฆ์จัดกิจกรรมตามแนว ชายแดนที่ราษฎรส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์ หรือภูตผีปีศาจ

ประธานพุทธสมาคมฯยังเสริมว่า จะจัดให้มีการเรียนการสอนภายในวัด สำหรับพื้นที่ห่างไกลซึ่งไม่มีโรงเรียน โดยมีงบประมาณ ในการจัดหาครู อุปกรณ์การเรียนการสอน เบี้ยเลี้ยง ตามความจำเป็น ในแต่ละพื้นที่

อนึ่ง ข้อมูล (ถึงปี 2005) จากเว็ปไซต์ของกระทรวงศาสนาเผยว่า มีศูนย์เผยแพร่พุทธศาสนามากกว่า 450 แห่งจัดตั้งขึ้นตามภูเขาและแนวชายแดน และทำงานเผยแพร่อย่างได้ผล เพราะมีชาวบ้าน 144,054 คน หันมานับถือศาสนาพุทธ

(จาก Myanmar Rimes)

ขุดพบโบราณวัตถุพุทธเก่าแก่ก่อนประวัติศาสตร์ ในอัฟกานิสถาน

• อัฟกานิสถาน : เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา นักโบราณคดีอัฟกานิสถานระบุว่า ได้ขุดพบซากโบราณวัตถุ ของศาสนาพุทธ ในพื้นที่ทางตอนใต้ของกรุงคาบูล ซึ่งเป็นเมืองหลวงมูฮัมหมัด เนเดอร์ ราซูลี หัวหน้ากองโบราณคดีแห่งชาติปากีสถานเผยว่า ได้ขุดพบวัดแห่งหนึ่งและสถูปหลายองค์ ห้องต่างๆที่ตกแต่งอย่างสวยงาม พระพุทธรูปองค์เล็กและใหญ่จำนวนหนึ่ง ซึ่งมี 2 องค์ที่มีความยาว 7 และ 9 เมตร ภาพเขียนสีบนฝาผนังประดับด้วยทองคำและเหรียญ โดยโบราณวัตถุเหล่านี้ บางชิ้นมีอายุในราวศตวรรษที่ 5 และมีสัญลักษณ์ที่ชี้ว่า บางชิ้นอาจมีอายุก่อนคริสตกาล หรือยุคก่อนประวัติศาสตร์ ซึ่งต้องอาศัยความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ มาช่วยขุดค้นและอนุรักษ์กันต่อไป

ทั้งนี้ บริเวณที่ขุดค้นขยายออกไป ราว 12 กม. อยู่ในเขตไอนัค จังหวัดโลการ์ซึ่งอยู่ทางใต้ของกรุงคาบูล บริเวณนี้มีเหมืองแร่ทองแดงที่จีนเข้ามาลงทุนขนาดใหญ่ในประเทศแถบเอเชียกลาง และมีพวกลักลอบเข้ามาขโมยและทำลาย วัตถุโบราณบางชิ้น ก่อนที่รัฐบาลจะเริ่มการขุดสำรวจเมื่อปีที่แล้ว

โดยโบราณวัตถุเก่าแก่และพื้นที่ประวัติศาสตร์มากมาย ถูกทำลายหรือปล้นสะดม ในช่วงหลายสิบปีของสงครามกลางเมือง และการเข้ามาแทรกแซงของต่างชาติ

ปัจจุบัน อัฟกานิสถาน ซึ่งเป็นประเทศมุสลิม ได้มองเห็นประวัติศาสตร์ อันยาวนานว่า ในอดีตดินแดนแห่งนี้เคยมีทั้งศาสนาโซโรอัสเตอร์ ฮินดู และพุทธ เจริญรุ่งเรืองมาก่อน

ราซูลี กล่าวว่า รัฐบาลไม่มีงบประมาณพอที่จะขนย้ายโบราณวัตถุออกมาจากพื้นที่ห่างไกล ซึ่งมีการปะทะกันในช่วงจลาจล แต่หวังที่จะสร้างพิพิธภัณฑ์ขึ้นในพื้นที่เพื่อเก็บรักษาแทน

(จาก Reuters)

เปิดวัดสไตล์ทิเบตแห่งแรกนอกทวีปเอเชีย

• แคนาดา : วัดตรันกู ในเมืองริชมอนด์ รัฐบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา ซึ่งเป็นวัดสไตล์ทิเบตแห่งแรกที่อยู่นอกทวีปเอเชีย ได้ฤกษ์เปิดอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ที่ผ่านมา

ไลเล ไวน์สไตน์ โฆษกสมาคมพุทธตรันกู วัชระวิทยา กล่าวว่า วัดแห่งนี้จะ เป็นที่พำนักของพระสงฆ์และลามะ 7 รูปจากเนปาล เพื่อสอนธรรมให้แก่ผู้สนใจ

ในพิธีเปิด ผู้นำนิกายตรันกู “เคนเชน ตรันกู รินโปเช” พร้อมด้วยพระสงฆ์และลามะ ได้ร่วมกันประกอบพิธีกรรมทางศาสนา เปิดผ้าคลุมพระพุทธศากยมุนี ขนาดสูง 4 เมตร เคลือบทอง ซึ่งเป็นพระประธานของวัด โดยมีพระพุทธรูปปางประทานอภัยกว่า 35 องค์ และพระไภษัชคุรุพุทธเจ้า (พระหมอยา) 1,000 องค์ ซึ่งช่วยปกป้องคุ้มครองจากความเจ็บไข้ได้ป่วยและภยันตราย ประดิษฐานทั้ง 2 ข้าง

ลอรี่ คูเปอร์ โฆษกหญิงของวัด บอกว่า บรรดาลามะและพระเถระชั้นสูงที่ผ่านการฝึกอบรมอย่างเคร่งครัด เป็นผู้สร้างพระพุทธรูปและงานพุทธศิลป์ของวัดแห่งนี้

โฆษกหญิงเล่าต่อว่า การบวชเป็นพระสงฆ์ต้องใช้เวลาเกือบ 8 ปี และการจะก้าวขึ้นเป็น พระเถระชั้นสูงนั้น พระสงฆ์ต้องปลีกวิเวกเป็นเวลา 3 ปี 3 เดือน 3 วัน เพื่อนั่งวิปัสสนาตลอด 24 ชม. ภายในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ และจะออกมาเพื่อฉันอาหารและเข้าห้องน้ำเท่านั้น

(จาก The Province)

จีนสร้างใหม่ 'เจดีย์กระเบื้องเคลือบนานกิง' 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลาง

• จีน : เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา กง ลี่ เจ้าหน้าที่นครนานกิง ประเทศจีน เปิดเผยว่า หลังการสร้างเจดีย์กระเบื้องเคลือบนานกิงขึ้นใหม่ตรงที่เดิม ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปลายปี 2011 ก็จะใช้เป็นสถานที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระเศียร

เจดีย์กระเบื้องเคลือบนานกิง หรือ บ่าวเอิ๋น ซึ่งมีความหมายว่า เจดีย์แห่งความกตัญญู นับเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ ของโลกในยุคกลาง ตั้งอยู่ที่เมืองนานกิง มณฑลเจียงซู ทางตะวันออกของจีน เป็นเจดีย์ทรง 8 เหลี่ยม สูง 9 ชั้น หลังคามุงด้วยกระเบื้องเคลือบสีเขียว ชายคาแขวนกระดิ่ง 80 ลูกโดยรอบ องค์เจดีย์ก่ออิฐประดับกระเบื้องเคลือบ ยอดแหลมเป็นทรงกลมต่อขึ้นไปเคลือบทอง สร้างขึ้นครั้งแรกในสมัยจักรพรรดิหย่งเล่อ (ปีค.ศ.1403-1425) แห่งราชวงค์หมิง แต่ต่อมาในปี 1856 ถูกเผาทำลายจนสิ้น

โดยระหว่างการก่อสร้างซึ่งเริ่มต้นเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ได้ขุดพบ พระบรมสารีริกธาตุจากห้องใต้ดินของเจดีย์องค์เดิม จึงได้นำไปประดิษฐานไว้ที่วัดจิงเซียะ ในนครนานกิงเป็นการชั่วคราว

(จาก Xinhua)



มหาวิทยาลัยในสกอตแลนด์เปิดคอร์สเจริญสติรักษาโรคเป็นครั้งแรก

• สกอตแลนด์ : มหาวิทยาลัยอเบอร์ดีนในสกอตแลนด์ เปิดคอร์สที่ไม่ใช้ยาบำบัดโรคซึมเศร้าขึ้นเป็นครั้งแรก โดยมีบรรดาอาจารย์ แพทย์ พยาบาล นักจิตบำบัด ลงสมัครเรียนการเจริญสติ ซึ่งเป็นวิธีการใหม่ที่ไม่ใช้ยา โดยนำการทำสมาธิในพุทธศาสนามาใช้รักษาแทน

การเจริญสติ มีรากฐานมาจากการทำสมาธิในศาสนาพุทธ แต่นำมาดัดแปลงให้ใช้กับทางโลกได้ ผู้สนับสนุนวิธีการดังกล่าวบอกว่า มันเป็นวิธีที่ปฏิบัติได้จริง เพื่อเข้าใจการทำงานของจิตได้อย่างลึกซึ้งว่า ความนึกคิดที่ขาดศูนย์รวม อาจนำไปสู่การเจ็บป่วย และยังใช้การเจริญสติรักษาอาการเครียดและเจ็บปวดเรื้อรังได้อีกด้วย

แกรม นิกซัน ผู้อำนวยการโปรแกรมดังกล่าว บอกว่า “หลักสูตรการเจริญสติระดับปริญญาโทของมหาวิทยาลัยอเบอร์ดีน เป็นหลักสูตรใหม่ที่ถูกพัฒนาขึ้น เพื่อตอบสนองความสนใจในเรื่องการเจริญสติที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆในสาขาวิชาชีพ ต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านสุขภาพและการศึกษา นี่เป็นหลักสูตรระดับปริญญาครั้งแรกของสกอตแลนด์และของโลก ที่ฝึกให้ผสมผสานความรู้สึกเห็นอกเห็นใจเข้ากับการเจริญสติ มีผู้สมัครเข้าเรียนเกินจำนวน 48 คนที่เรารับได้ ทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ เช่น แพทย์ พยาบาล ผู้ให้คำปรึกษา ครูอาจารย์ และโค้ชนักกีฬา โดยมีศูนย์พุทธทิเบตซัมเย ลิง ในดัมฟรีย์เชียร์ เป็นผู้ออกแบบหลักสูตร และจะเริ่มเปิดสอนในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้”

รอบ แนร์น อดีตศาสตราจารย์ด้านอาชญวิทยาและกฎหมาย ซึ่งเป็นผู้อำนวยการหลักสูตรจากศูนย์ซัมเย ลิง กล่าวว่า “ผมต้องการวางพื้นฐานให้นักศึกษาได้เข้าใจเรื่องการเจริญสติ เพื่อจะได้นำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ การเจริญสติเป็นหลักคำสอนทางพุทธศาสนาก็จริง แต่เราจะสอนในรูปแบบของฆราวาส คนทั่วไปสามารถปฏิบัติได้ โดยไม่ต้องหันมานับถือศาสนาพุทธ”

อนึ่ง เมื่อต้นปีนี้ มีรายงานจากมูลนิธิสุขภาพจิตเผยว่า 72% ของแพทย์ทั่วไปเชื่อว่า การเจริญสติและการทำสมาธิสามารถช่วยรักษาผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านสุขภาพจิต เรื้อรัง ขณะที่ 93% เชื่อว่า น่าจะมีหนทางอื่นในการรักษาผู้ป่วยดังกล่าวด้วยการไม่ใช้ยา

ปัจจุบัน มีอีก 3 มหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักร ที่เปิดสอนคอร์สการเจริญสติ ได้แก่ มหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด เอกซิเตอร์ และแบงเกอร์

(จาก News Scotsman.com)

เกาหลีใต้เตรียมโชว์บันทึกเก่าแก่อายุพันกว่าปี

• เกาหลีใต้ : นับเป็นครั้งแรกที่หนังสือบันทึกการเดินทางจาริกแสวงบุญ ซึ่งเขียนขึ้นในศตวรรษที่ 8 โดยพระภิกษุเฮโช แห่งอาณาจักรโบราณ “ซิลลา” ของเกาหลี จะถูกนำ มาจัดแสดงต่อสาธารณชน ณ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ ในกรุงโซล เกาหลีใต้ ระหว่าง วันที่ 18 ธันวาคม 2010 ถึง 3 เมษายน 2011

Wang-o-cheon-chuk-guk-jeon หรือ “บันทึกความจำในการจาริกแสวงบุญยังดินแดน 5 แห่งของอินเดีย” ถือเป็นไฮไลท์สำคัญของนิทรรศการ “เส้นทางสายไหมและเมืองตุนหวง” ซึ่งจัดโดยพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติเกาหลีใต้ และหนังสือพิมพ์รายวันของเกาหลีใต้ “The Dong-a Ilbo”

พระเฮโช (ปีค.ศ. 704-787) เขียนบันทึกเล่มนี้ขึ้นในปีค.ศ.727 หลังจากได้เดินทาง ไปยังดินแดน 5 แห่งของอินเดียโบราณในปี ค.ศ.723 โดยใช้เวลาเดินทาง 4 ปี และนับเป็นบันทึกการเดินทางเล่มแรกที่เขียนโดยชาวเกาหลี ที่มีคุณค่าอย่างยิ่งในเชิงวิชาการและประวัติศาสตร์ มีรายละเอียดเกี่ยวกับการเมือง วัฒนธรรม เศรษฐกิจ และประเพณีของอินเดีย และเอเชียกลางในศตวรรษที่ 8

บันทึกฯดังกล่าวมีลักษณะเป็นม้วนกระดาษ ขนาดกว้าง 28.5 ซม. ยาว 42 ซม. มี 8 แผ่นติดต่อกัน ความยาวทั้งสิ้น 358 ซม. เขียนด้วย ลายมือเป็นตัวอักษรจีน 5,893 ตัว มี 227 บรรทัด ถูกค้นพบในถ้ำเมืองตุนหวง ประเทศ จีน เมื่อปี 1908 โดย “พอล เปลิออต” นักวิชาการชาวฝรั่งเศส และถูกนำไปเก็บรักษาไว้ที่มหาวิทยาลัยปารีส

มิน เบียง ชัน หัวหน้าแผนกจัดแสดงของพิพิธภัณฑ์ กล่าวว่า “บันทึกเล่มนี้ไม่เคยถูกนำออกแสดง นับตั้งแต่ถูกส่งไปยังฝรั่งเศส และสิ่งที่สำคัญก็คือ มันจะถูกนำมาจัดแสดงเป็นครั้งแรกในนิทรรศการเส้นทางพิเศษสายไหม ซึ่งจะเปิดให้สาธารณชนเข้าชมเป็นครั้งแรกเช่นกัน”

อนึ่ง บันทึกฯดังกล่าว ถือเป็นหนึ่งในบันทึก การเดินทางที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก เช่นเดียวกับ “จดหมายเหตุการณ์เดินทางสู่ดินแดน ตะวันตกสมัยราชวงศ์ถัง” เขียนโดยพระถังซัมจั๋ง ในศตวรรษที่ 7 และ “บันทึกการเดินทาง ของมาร์โค โปโล” เขียนโดยมาร์โค โปโล นักสำรวจชาวอิตาลีในศตวรรษที่ 13

(จาก Yonhap News)

(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 118 กันยายน 2553 โดย เภตรา)
ที่มา http://www.manager.co.th/Dhamma/viewnew ... 0000122414