วันเวลาปัจจุบัน 19 พ.ค. 2025, 14:33  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=19



กลับไปยังกระทู้  [ 664 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 27, 28, 29, 30, 31, 32, 33 ... 45  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มี.ค. 2010, 21:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


cool
สำหรับเราตอนนี้ จะเป็นความรักแบบพิศดาร
หรือความรักแบบส้มตำ
เราไม่สนใจแล้วค่ะ
ตอนนี้เราขอสนใจแต่อาหารที่อยู่ในถาดแล้วค่ะ :b32: :b41: :b43:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มี.ค. 2010, 22:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b28: :b28:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 23:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ส.ค. 2007, 09:17
โพสต์: 239

ที่อยู่: สุโขทัยธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue


คุณน้ำ หาสูตรอาหารลดน้ำหนัก หรือเพื่อสุขภาพมาให้บ้างจิ๊ (ข่อยอ้วนจะตายอยู่แล่ววววววววว)


:b5: :b2:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มี.ค. 2010, 11:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


กบนอกกะลา เขียน:
จานหนึ่ง..คับ :b12: :b12:

อะไร..อร่อย..บ้างคับ :b9: :b9:


จะอิ่มหรอท่าน?...
สั่งเป็นถาดดีกว่ามั้ง...
สงสารแม่ค้าเดินหลายรอบ :b13:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มี.ค. 2010, 01:44 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กินน้อย..ตายยาก

กินมาก..ตายง่าย

กินทีละนิด..จิตแจ่มใส

:b12: :b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มี.ค. 2010, 19:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




untitled.bmp
untitled.bmp [ 312.94 KiB | เปิดดู 4609 ครั้ง ]
ตะแง๊ว เขียน:
tongue


คุณน้ำ หาสูตรอาหารลดน้ำหนัก หรือเพื่อสุขภาพมาให้บ้างจิ๊ (ข่อยอ้วนจะตายอยู่แล่ววววววววว)


:b5: :b2:





คุณมด cool
น้ำน่ะหาจนทั่วเลยนะคะ เห็นเขามีแต่เน้นเรื่องผักผลไม้ และ การตามใจปาก :b13:
เข้าใจเลยนะคะ เวลาที่นน.ขึ้นมามากๆ ไหนจะอึดอัดกับสภาพร่างกาย ไหนจะกินเก่งกว่าเดิมฯลฯ

อย่างที่แนะนำไปน่ะแหละค่ะ เจริญสติการทานอาหารด้วยตะเกียบ ได้ผลดีที่สุดเลยค่ะ
โดยไม่ต้องไปอดอาหาร ยังทานแต่ของที่ชอบๆได้อยู่ปกติ
เพียงแต่ว่า การทานนั้นจะลดปริมาณลงไปเรื่อยๆเอง
พอถึงจุดที่เราพอใจ ก็สามารถที่จะหยุดได้ โดยไม่มีผลเสียต่อสุขภาพแต่อย่างใด
กลับมีผลดีต่อสุขภาพจิตเป็นของแถม
เพราะลองทำมาด้วยตัวเองแล้ว ทำให้กล้าที่จะยืนยันได้

ก็นำสูตรอาหารเพื่อสุขภาพมาให้ลองลิ้มชิมดูก่อนค่ะ " สลัดผลไม้ "


ผลไม้ลดน้ำหนัก

กินแล้วอ่อนเยาว์


1.หยุดผมร่วง รับประทานกล้วย ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามินบี มีสรรพคุณป้องกันผมร่วงได้ดี
การรับประทาน กล้วยเข้าไปในปริมาณที่เพียงพอ จะช่วยรักษาเส้นผมให้อยู่คู่กับหนังศีรษะได้นานวัน

2. ลดผิวมัน รับประทานธัญญาหารทุกเช้า ซึ่งอุดมด้วยวิตามินบี 2 ที่ช่วยหยุดยั้งการผลิตน้ำมันส่วนเกิน
ของต่อมผลิตภายในร่างกายที่เป็นสาเหตุหนึ่งของเส้นผมบางและมัน

3. หยุดการลอกของผิวหนัง รับประทานปลาแซลมอนใส่เกลือรมควัน อาหารทะเล หรือสลัดผักสดก็ได้

4. ผิวเนียนใสเหมือนเด็ก รับประทานมะม่วง มีเบต้าแคโรทีนที่ช่วยทำให้ผิวมีสุขภาพดี
โดยช่วยกระตุ้นการสร้าง ผิวหนัง รวมทั้งหนังศีรษะเพื่อทดแทนของเดิมที่หยาบแห้งและขรุขระ
ให้กลับมีความชุ่มชื่นและนุ่มเนียน

5. ชะลอผมหงอก รับประทานถั่วลิสงอบเนยรวมกับเกล็ดขนมปังที่อบมาร้อน ๆ ก่อนมื้ออาหาร
ถั่วลิสงมี วิตามินบีที่สามารถหยุดการเปลี่ยนสีผมได้ และยังทำให้ผิวหนังดูดีขึ้นอีกด้วย

6. ดูหนุ่มสาวขึ้นอีก 5 ปี รับประทานฝรั่ง หรือน้ำฝรั่งซึ่งอุดมด้วยวิตามินซี เพราะจะช่วยเก็บรักษา
คอลลาเจนที่เป็นบ่อเกิดแห่งโปรตีนภายใต้ผิวหนัง หรือรับประทานมะละกอ ส้ม ลูกเกดสีดำอบแห้ง
ร่วมกับ ผลไม้ประจำวันก็จะช่วยเพิ่มวิตามินซีเช่นกัน

7. ปกป้องใบหน้าจากมลพิษ วิตามินบีในอะโวคาโดช่วยทำให้ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย และร่างกาย
เกิดความต้านทานจากการทำลายในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งนี้รวมถึงการถูกทำลายจากบรรยากาศ
ที่มลภาวะเป็นพิษ

วิธีลดน้ำหนักด้วยองุ่นสด

ถ้าอยากจะลดน้ำหนัก โดยธรรมชาติ ก็ให้หาซื้อองุ่นสด ๆ ไม่ว่าจะเป็นชนิดสีเขียวหรือสีแดง ให้นำมา
รับประทานเมื่อรู้สึกหิวขึ้นมาทุกครั้ง หรือใครที่อยากลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วก็ลองรับประทานองุ่นสด

กินผลไม้ไม่กีชิ้นก่อนอาหารช่วยลดน้ำหนักได้

คุณสามารถลดน้ำหนักได้ง่ายๆ แค่คุณทาน สัปปะรด หรือ มะละกอ สัก 2-3 ชิ้นก่อนอาหารเท่านั้น
เพราะมันมีเอนไซม์ที่จะช่วยให้กระเพาะย่อยอาหารที่ตามลงไปได้ง่ายขึ้น จนไม่เหลือไขมันไปสะสม
นอกจากนี้คุณยังได้ของแถมเป็นวิตามินด้วยดีไหมละ

สูตรลดน้ำหนัก สลัดผลไม้

นำชมพู่ ฝรั่ง แอปเปิ้ล สับปะรด มาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ พอคำ ใส่ชามแล้วราดด้วยโยเกิร์ตรสใดก็ได้ที่ชอบค่ะ
กินเป็นอาหารเช้าหรือเย้นก็ได้ค่ะ กินซัก 1 ชามใหญ่ๆ ก็ไม่อ้วนค่ะ

ล้างพิษด้วยผลไม้ ช่วยลดน้ำหนัก


กับคําว่าล้างพิษ แม้ช่วงหลังจะไม่ค่อยฮิตเหมือนเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา แต่ก็ถือว่ายังอยู่ในกระแส
เพราะยังเป็นที่สนใจสําหรับคนที่อยากลดความอ้วน จึงขอนําเสนอทางเลือกหนึ่งในการล้างพิษ
จากหลากหลายวิธี

การล้างพิษ หรือ detoxify ในภาษาอังกฤษ แปลว่าการขับเอาสารที่เป็นพิษออกจากร่างกาย
แต่ การล้างพิษไม่ได้หมายความว่าให้เอาสารอะไรไปล้างอะไร แต่ใช้วิธีส่งเสริม หรือเร่งให้ร่างกาย
ขับล้างพิษออกไปให้มากกว่าปกติ การล้างพิษมีหลายวิธี วิธีหนึ่งที่น่าสนใจคือ การอด

คําว่า อด โดยคําจํากัดความแปลว่า กินให้น้อยกว่า 800 แคลอรี่ต่อวัน ดังนั้นการอด
จึงมีหลายวิธี จะกินผลไม้ทั้งวัน ดื่มน้ำผลไม้ทั้งวัน หรือกินผลไม้ และดื่มน้ำผลไม้ทั้งวันก็ได้
ดื่มน้ำเปล่าๆ ทั้งวันก็ได้ หรือจะไม่กินอะไรเลยทั้งวันก็ได้ แต่ถ้าหากคุณจะเริ่มอด
แนะนําให้ใช้วิธีกินผลไม้อย่างเดียว และแนะนําให้อดเพียงวันเดียว(24 ชั่วโมง)

เริ่มต้นจากให้เลือกผลไม้ที่ชอบมาอย่างใดอย่างหนึ่ง ยกเว้นทุเรียน น้อยหน่า ลําไย ลิ้นจี่ ขนุน
เพราะผลไม้เหล่านี้มีปริมาณคาร์โบไฮเดรตสูง จะทําให้ระบบย่อยไม่ได้พักอย่างเพียงพอ
รวมทั้งไม่ควรเลือกสับปะรด เพราะอาจจะกัดปาก เมื่อเลือกได้แล้วก็ให้กิน ผลไม้นั้นเป็นอาหารเช้า
กลางวัน และเย็น ถ้าคุณหิวก็ให้ดื่มน้ำผลไม้เป็นมื้อเบรกได้

วันที่คุณตั้งใจจะล้างพิษด้วยการอด ควรเป็นวันที่อยู่กับบ้าน แล้วเริ่มต้นอดตั้งแต่มื้อเช้าไปเรื่อยๆ
จนถึงเช้าของอีกวัน เป็นการเลิกอดด้วยการดื่มน้ำ 2 ลิตร แต่ละลิตรให้บีบน้ำมะนาวลงไป 2 ลูก
ใส่เกลือลงไปลิตรละ 2 ช้อนชาพูนๆ ดื่มให้หมด จากนั้นคุณจะถ่ายออกมาเป็นน้ำ
(ที่คุณดื่มเข้าไปนั่นแหละ) เป็นการทําความสะอาดล้างท่อลําไส้

สําหรับผลไม้ที่ช่วยในการล้างพิษที่ดีคือ

แอปเปิ้ล : เป็นผลไม้ที่ดีที่สุดสําหรับการขจัดของเสียออกจากร่างกาย สารเปกตินในแอปเปิ้ล
จะช่วยนําสารพิษไปกําจัดทิ้ง ทั้งยังป้องกันไม่ให้โปรตีนในลําไส้เกิดการบูดเน่า แถมยังมีเส้นใยมาก
ที่จะทําหน้าที่ทําความสะอาดลําไส้ ช่วยให้ตับและระบบย่อยอาหารทํางานได้ดีขึ้น
และยังเหมาะกับคนที่กําลังลดน้ำหนักอีกด้วย

องุ่น : เป็นสารฟอกล้างสําหรับผิวหนัง ตับ ลําไส้ และไตโดยเฉพาะ เนื่อง จากองุ่นมีคุณสมบัติ
รักษาน้ำมูกที่จะออกมาจากเยื่อเมือกต่างๆ ในร่างกาย องุ่นยังให้พลังงานสูงและนําไปใช้ได้ง่าย
อุดมด้วยเกลือแร่ จึงช่วยบํารุงเลือดและซ่อมสร้างเซลล์ในร่างกาย

มะละกอ มะม่วง : มีลักษณะที่คล้ายกัน แต่มะม่วงจะมีสารสําคัญน้อยกว่ามะละกอเล็กน้อย
ผลไม้ทั้งสองชนิดมีเอนไซม์ชื่อปาเปน ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับน้ำย่อยเปปซินในกระเพาะอาหาร
ที่จะช่วยทําให้ของเสียที่เป็นโปรตีน แตกตัวได้เร็วเช่นเดียวกับโปรเมลิน

แตงโม : จะมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ช่วยฟอกล้างร่างกายได้เป็นอย่างดี ใช้รักษาแผลในกระเพาะ
ลดความดันเลือดสูง ทําให้สบายท้อง ผลที่คาดว่าจะได้จากการล้างพิษโดยการอดคือ น้ำหนักจะลดลง
ควบคุมน้ำหนักตัวได้ดีขึ้น ไขมันในเลือดจะลดลง ความดันเลือด ลดลง กระปรี้กระเปร่ามากขึ้น
ผู้ที่เป็นเบาหวาน จะควบคุมเบาหวานได้ง่ายขึ้น การอด 24 ชั่วโมง นี้ ถ้าคุณไม่เป็นโรคหัวใจ
เบาหวาน หรืออ่อนเพลียมาก ก็สามารถทําได้เองที่บ้าน

แต่ข้อควรตระหนักประการหนึ่งคือ คนท้องและเด็กที่อายุไม่ถึง 18 ปี ห้ามอดเด็ดขาดและถ้าคุณมีปัญหา
เรื่องโรคหัวใจ เบาหวาน หรือมีอาการอ่อนเพลียมาก ควรอยู่ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น



สลัดผลไม้

ส่วนผสม

ส้มซันควิกแกะออกเป็นกลีบ 1 ผล

แอปเปิ้ลเขียวหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 1 ผล

แอปเปิ้ลแดงหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 1 ผล

กีวีหั่นแนวขวาง 2 ผล

สตรอว์เบอร์รี่ผ่าซีก 4-5 ผล

องุ่นดำ 1 ช่อ

ถั่วลิสงคั่วบุบหยาบ 1/2 ถ้วย

ใบสะระแหน่ปริมาณตามชอบ


ส่วนผสมน้ำสลัดสูตรโยเกิร์ต

โยเกิร์ตรสธรรมชาติไขมันต่ำ 1/2 ถ้วย

น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ

น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ

เกลือ 1 ช้อนชา


ส่วนผสมน้ำสลัดสูตรน้ำส้ม

น้ำส้มคั้น 1/4 ถ้วย

น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ

มะนาว 1 ช้อนโต๊ะ

เกลือ 1 ช้อนชา


วิธีทำ

1.ล้างผลไม้ที่หั่นแล้วในน้ำเกลือ นำไปแช่เย็น

2. เลือกน้ำสลัดสูตรที่ชอบ ผสมทุกอย่างให้เข้ากัน นำไปแช่เย็น

3. จัดผลไม้ใส่จาน ราดน้ำสลัดให้ทั่ว แล้วโรยถั่วลิสงและใบสะระแหน่


Tips:

ผลไม้ที่นำมาทำสลัดควรให้ออกรสเปรี้ยวหน่อยจะอร่อย

การแช่เย็นผลไม้ต่างๆ และน้ำสลัด ทำให้สลัดอร่อยยิ่งขึ้น

ใส่เกลือหรือมะนาวลงในน้ำแช่แอปเปิ้ล จะทำให้เนื้อแอปเปิ้ลไม่ดำ

วิธีผ่าส้มให้เป็นกลีบ ให้ผ่าลงตามรอยแบ่งกลีบของส้ม แล้วดึงเยื่อกั้นระหว่างกลีบส้มออก
โดยค่อยๆ ลอกจากด้านในที่ติดกับแกนของลูกออกมา จะได้ส้มที่ไม่ช้ำ ไม่แหลก

สำหรับน้ำสลัดสูตรโยเกิร์ต ค่อยๆ เติมน้ำมะนาว แล้วชิมรส เพราะโยเกิร์ตมีรสเปรี้ยวอยู่แล้ว

ใครขี้เกียจทำน้ำสลัด สามารถใช้โยเกิร์ตรสธรรมชาติแทนได้ แล้วโรยจมูกข้าวและงาดำกินเป็นอาหารเช้าได้เลย

ถ้าชอบให้ออกรสเผ็ด ใส่พริกลงไปได้นิดหน่อย

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มี.ค. 2010, 10:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


อิฉัน...ก็พยายามมาหลายเพลาแล้ว
ที่จะควบคุมน้ำหนัก...ไม่ต้องว่าลดหรอกเจ้าค่ะ
ขอแค่ไม่เพิ่มมากกว่าเดิมอิฉันก็พอใจแล้ว

เห็นเขาบอกสูตรมาว่า มื้อเช้ากินอย่างราชา
กลางวัน..กินอย่างเศรษฐี
ส่วนมื้อเย็นให้เหมือนยาจก

อิฉันพยายามทำตามนั้น...มื้อเช้าผ่านไปแล้ว
อย่าอิ่มหมีพลีมัน
มื้อกลางวันก็ตามนั้น...แบบเศรษฐีที่เป็นพระสหาย
ของพระราชา
ส่วนมื้อเย็น...ตอนแรกก็แอ๊ปเปิลหนึ่งลูก..ไม่อยู่
ขอกลัวยหอมอีกใบ..ปะไร?...ตามด้วยขนมปังปิ้ง
ทาเนยถั่วสองแผ่น...สักพัก...ขอบิสกิตอีกหนึ่งกล่อง
แล้วเข้านอน....พลิกไปพลิกมาสักครึ่งชั่วโมง
ฝลัดตัวเองว่า พรุ่งนี้ค่อยอด..วันนี้ยังไม่พร้อม
แล้วก็ต้วมเตี้ยมลุกขึ้นมา....ขอข้าวสักจาน...แล้วก็ต่ออีก
ครึ่งจานสองครั้ง....ปรากฎว่ายาจกกินมากกว่า
ราชากับเศรษฐีรวมกันเสียอีก....พออิ่มที่ไร
ก็สัญญากับตัวเองทุกครั้งว่า...พรุ่งนี้จะไม่กินแบบนี้
อีกแล้ว.....คำสัญญาเก็บได้เป็นเข่ง...เพราะมีทุกคืน
เฮ้อ...ไม่ต้องนึกถึงความกว้างของอิฉันหรอกนะเจ้าค่ะ
เปลืองเนื้อที่เปล่าๆ...... huh



ความในใจจาก

อำแดงทักทายเจ้าค่ะ :b12:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มี.ค. 2010, 18:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b32:


เหตุที่น้ำต้องคอยควบคุมนน. เนื่องจากด้วยอาชีพด้วยค่ะ
ไม่อยากตัดชุดใหม่ ค่าตัดแสนจะแพง ค่าชุดตกพันกว่าบาท

ก็เลยตามใจปากเป็นพักๆ แบบถ้าอยากนัก ก็สวาปามแบบให้สะใจไปเลย
หลังจากนั้น ก็ให้อยู่ในสภาพปกติ ไม่มากไม่น้อยเกินไป
นน.เลยไม่กระฉูดเหมือนเมื่อก่อน

ของต้องห้ามสำหรับน้ำคือ ขนมเค้กกกกกค่ะ :b5:
ชอบมากๆ แต่ต้องพยายามห้ามใจตัวเอง บางครั้งขอสักอาทิตย์ละชิ้นก็ยังดี
บางทีก็อาศัยไปเดินบิ๊กซี เขามีให้ชิมฟรีได้ ทานแค่เสี้ยวหนึ่งพอแล้วค่ะ หายอยาก
ส่วนข้าวปลาอาหารนั้น ตอนนี้ตามสะดวกค่ะ

เนื่องจากทานเจต่อเนื่องไม่ได้ อุปทานมันเยอะ เจอแต่ผี :b32:
แถมไปเหม็นกลิ่นสาบคนอื่นๆที่เขาเพิ่งหม่ำอาหารกันมา
แหมมม .. มันอะไรจะเหม็นขนาดนั้นก็ไม่รู้นะคะ กลิ่นคาว กลิ่นผักชี แทบจะอาเจียน

ลองเจริญสติในการทานอาหารโดยใช ตะเกียบ นะคะ ได้ผลจริงๆ
ทั้งทางโลกและทางธรรมค่ะ เลิกทานเค้กได้ก็เพราะกลัวอ้วนนี่แหละค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มี.ค. 2010, 02:01 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เรื่องอาหาร..นี้เป็นที่หนักใจ..ของคนโสด ๆ..เหมือนกันนะครับ

จะทำเอง..ก็ดูจะมากไปสำหรับ..คน ๆ เดียว..
จะหาซื้อ..ก็เจอแต่ของเดิม ๆ ..จำเจ..แต่ก็ต้องซื้อ

เมื่อถึงเวลาจะต้องกิน...เอ๋..มื่อนี้..กินอะไรดีหน่อ??

พาลเบื่ออาหารไปเลย..

แต่ไม่ยักกะผอมลงแฮะ :b32: :b32:

เคยคิดมาตั้งแต่เด็ก ๆ ..ทำไมร่างกายมันหิวถึงวันละ 3 เวลา..นะ..มันจะหิวแค่เวลาเดียวไม่ได้หรอ?? :b23: :b23: :b23:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มี.ค. 2010, 03:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


กบนอกกะลา เขียน:


เคยคิดมาตั้งแต่เด็ก ๆ ..ทำไมร่างกายมันหิวถึงวันละ 3 เวลา..นะ..มันจะหิวแค่เวลาเดียวไม่ได้หรอ?? :b23: :b23: :b23:


บางทีก็นึกเหมือนกันนะว่า

ใครหนอ...เป็นผู้บัญญัติ...ว่ามนุษย์ต้องกินข้าวสามมื้อต่อวัน?..... :b10:

ใครหนอ...ยกย่องกระดาษให้มีค่า..สามารถแลกสิ่งของต่างๆได้....เป็นคนแรก? :b10:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มี.ค. 2010, 03:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


walaiporn เขียน:
:b32:
ของต้องห้ามสำหรับน้ำคือ ขนมเค้กกกกกค่ะ :b5:
ชอบมากๆ แต่ต้องพยายามห้ามใจตัวเอง บางครั้งขอสักอาทิตย์ละชิ้นก็ยังดี


ปกติไม่ค่อยชอบทานเค้ก
นอกจากน๊านนนนาน ถึงจะมีใจนึกอยากที่หนึ่ง
พออยากก็ทานได้ไม่มากหรอกค่ะ..แค่ครั้งละสองปอนด์
คือจะเป็นคนที่ถ้าลองได้อยาก...ก็ใส่ซะ...ไม่ถามหาอีก
เป็นปี.....เพราะฉะนั้นเรื่องควบคุมน้ำหนัก...อย่ามาพูด
กับอำแดงคนนี้เสียให้ยาก...ยิ่งในขณะที่กำลังกลุ้มๆด้วยแล้ว
เห็นอะไรก็จะกินๆๆๆๆ...เพิ่งกินไปแม่บๆ...หิวอีกแล้ว ราวกับ
จะไปบำรุงสมอง...ส่วนที่กำลังใช้คิดอยู่....ถ้าระยะไหนที่เห็น
อำแดงหุ่น..บางตามาบ้าง...นั่นเป็นนิมิตหมายว่าอิฉัน...กำลัง
สบายใจเป็นอย่างยิ่ง...คือกำลังเสวยบุญ...แทนอาหาร...... :b13:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มี.ค. 2010, 21:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าพูดถึงเรื่องอาหารนี่
ตั้งแต่เราเรียนจบมาจนปัจจุบัน เราแทบจะไม่ได้ทานอาหารถึง3มื้อเลยค่ะ

ยิ่งตอนนี้อาหารเช้า แทบไม่มีโอกาสจะได้ทานเลย
บางครั้งก็มานั่งคิดนะ เหมือนคนมีเวรมีกรรมยังไงไม่รู้สิ

นิสัยของเราตั้งแต่เด็กๆ จะชอบช่วยเหลือคน
ทุกวันนี้ยังจำได้เลยค่ะ เราเรียนชั้นป.5 เราจะชอบขโมยข้าวสาร
-น้ำมัน-หมู เราจะเอาไปให้คนที่เค้าจนๆ
มีลูกหลายคน คือสงสารเด็กน่ะค่ะ
จะช่วยคนตลอด

พอมาถึงตอนนี้ พอตื่นเช้าขึ้นมา ก็วุ่นวายกับพวกบรรดาลูกๆ
ที่คนอื่นเค้าคลอดมาให้ ต้องป้อนขนมปังให้สุนัข
(สุนัขของเรากินอาหารเองไม่เป็นค่ะ
กินข้าวก็ต้องใช้ช้อนตักให้กิน ต้องเดินตามเค้าเหมือนเด็กๆน่ะค่ะ)

ต้องเอาขนมปังไปให้ไก่กิน ไก่ก็เช่นกันค่ะ ถ้าไม่ฉีกขนมปังให้เป็นชิ้นเล็กๆ
พวกเค้าก็จะมองหน้าแล้วมีเสียงอือๆอาๆ
พอเสร็จจากให้อาหารไก่

ทีนี้นกค่ะ เป็นพวกนกกระจอก ถ้าเราช้าหรือเลยเวลา
พวกเค้าจะร้องจิ๊บๆกันดังมากๆ ค่ะบางครั้งตกใจคิดว่ามีอะไร
บางตัวก็บินมาเกาะที่โต๊ะกินข้าว ร้องจิ๊บๆ พอเราพูดบอกว่า
"เออๆแม่รู้แล้วแม่จะเอาข้าวไปให้กินแล้ว"

พวกเค้าก็เงียบค่ะ แล้วพวกเค้าก็บินไปเกาะที่ต้นมะละกอ
กว่าจะเสร็จธุระจากเรื่องของพวกเค้า ก็เกือบ4โมงเช้า
ก็ต้องรีบทำงานบ้านทำกับข้าว พอดีทานมื้อเที่ยงค่ะ

คือจริงแล้ว ตัวเราเองก็หิวน่ะ แต่สงสารพวกเค้า
ตัวเราก็เลยอด เราก็รู้น่ะการอดอาหารเช้าบ่อยๆไม่ดี
ก็ได้แต่คิด แบบคุณทักทายน่ะแหละค่ะ
คือคิดว่าตั้งแต่พรุ่งนี้ เราจะเริ่มทานอาหารเช้า
แต่ก็ได้แต่คิดคำว่าพรุ่งนี้ ก็ยังไม่รู้เลยค่ะ
ว่าคำว่าพรุ่งนี้จะมาถึงเมื่อไหร่

อ้อ!ขอถามด้วยน่ะค่ะ ที่เราขโมยข้าวสารของคุณแม่
ไปให้คนที่เค้าลำบากกินนี่บาปมากหรือปล่าวค่ะ
ทุกวันนี้เวลาตักข้าวสารมาหุง
แล้วมีความรู้สึกว่าเรานี่แย่จริงๆ :b1: :b41: :b45:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มี.ค. 2010, 22:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณน้ำค่ะ วันนี้เราขอคุยเรื่องการนั่งวิปัสสนาบ้างน่ะค่ะ
คือเราเคยโทรคุยกับเพื่อนที่เมืองไทย
เค้าคุยให้เราฟังเราก็ยังงงๆอยู่เลยน่ะ

คือเพื่อนของเราคนนี้ เค้าจะเป็นคนที่ไม่เชื่อเรื่อง
การนั่งสมาธิแล้วก็การสวดมนต์
แต่เค้าจะตักบาตรทุกวันแล้ว
ก็เป็นคนที่ชอบช่วยคนที่เค้าลำบาก

จนมีวันหนึ่ง มีญาติของเค้ามาชวน
ให้เค้าไปนั่งวิปัสสนา เพื่อที่จะได้เห็นอดีตชาติของตัวเอง
เค้าก็ไปค่ะ เพราะเค้าไม่เชื่อ เค้าบอกว่าการนั่งวิปัสสนานี่
จะไม่เหมือนการนั่งสมาธิ

การนั่งวิปัสสนาจะต้องมีอาจารย์คุมอยู่ด้วย
เค้าบอกว่าจะนั่งแบบท่านั่งสมาธิ แต่จะมีอาจารย์คือหลวงพ่อน่ะค่ะ
นั่งสูงกว่าเค้าหน่อยหนึ่ง แล้วทุกๆคนที่นั่งวิปัสสนา
จะสวดตามหลวงพ่อ แต่หลวงพ่อจะเริ่มสวดช้าๆก่อน

แล้วก็สวดเร็วขึ้น เพื่อนเราเค้าก็สวดตามไม่ทัน
เค้าก็หยุดสวด แล้วทีนี้เค้าก็เห็นตัวเค้าเองเป็นนางรำละคร
ไปรำอยู่หน้าองค์พระ(เราจำไม่ได้แล้วค่ะว่าหน้าองค์พระอะไร)

แต่ก็มีญาติของเค้าที่ไปด้วย พูดให้เค้าฟังว่า ตัวเค้าเองลุกขึ้นมารำ
ญาติของเค้าก็งงน่ะค่ะ ว่าทำไมเค้ารำเป็นด้วยเหรอ บอกว่าเค้ารำสวยมาก

เพื่อนของเราก็บอกกับเราว่า เมื่อชาติก่อนเค้าเป็นนางรำละคร
แล้วเค้าบอกว่าตอนนี้เค้าเชื่อเรื่องนี้100%

คุณน้ำพอจะอธิบายเรื่องนี้ ให้เราฟังบ้างได้มั๊ยค่ะ
เพราะเราไม่เห็นในเว็ปนี้
คุยเรื่องนี้เลยค่ะ
ขอบคุณค่ะคุณน้ำ :b41: :b41: :b41: :b43: :b46: :b55:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มี.ค. 2010, 23:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


bbby เขียน:
ถ้าพูดถึงเรื่องอาหารนี่
ตั้งแต่เราเรียนจบมาจนปัจจุบัน เราแทบจะไม่ได้ทานอาหารถึง3มื้อเลยค่ะ

ยิ่งตอนนี้อาหารเช้า แทบไม่มีโอกาสจะได้ทานเลย
บางครั้งก็มานั่งคิดนะ เหมือนคนมีเวรมีกรรมยังไงไม่รู้สิ

นิสัยของเราตั้งแต่เด็กๆ จะชอบช่วยเหลือคน
ทุกวันนี้ยังจำได้เลยค่ะ เราเรียนชั้นป.5 เราจะชอบขโมยข้าวสาร
-น้ำมัน-หมู เราจะเอาไปให้คนที่เค้าจนๆ
มีลูกหลายคน คือสงสารเด็กน่ะค่ะ
จะช่วยคนตลอด

อ้อ!ขอถามด้วยน่ะค่ะ ที่เราขโมยข้าวสารของคุณแม่
ไปให้คนที่เค้าลำบากกินนี่บาปมากหรือปล่าวค่ะ
ทุกวันนี้เวลาตักข้าวสารมาหุง
แล้วมีความรู้สึกว่าเรานี่แย่จริงๆ :b1: :b41: :b45:




คุณเต้ ไม่อิ่มที่ท้อง แต่อิ่มที่ใจ มีค่ามากกว่าไหนๆค่ะ :b8:

น้ำมีเพื่อนที่นับว่าประเสริฐสุดๆ บ้านน้ำน่ะ พ่อมีอาชีพข้าราชการธรรมดาๆ ไม่มีแง่งปลาทูหรืออะไร
ส่วนแม่เป็นแม่บ้าน รับจ้างซักรีดตามบ้าน มีลูกทั้งหมด 5 คน

เงินทองย่อมไม่พอใช้ ข้าวปลาอาหารย่อมไม่เหมือนบางบ้านที่เขามีฐานะดีกว่า
เพื่อนที่พูดถึงนี่ ทุกวันนี้ยังคงคบกันอยู่ เขาอุดหนุนจุนเจือน้ำมาตั้งแต่ตอนเรียน
บ้านเขาค้าขาย เขาจะขี่ช้างแดงของแม่เขาทุกวัน แล้วเอาช้างแดงมาเลี้ยงข้าวน้ำ
ตอนนั้นต่างคนต่างเด็ก เราก็ดีใจได้กินอะไรที่อร่อยๆทุกๆวัน เพื่อนพาไปเลี้ยงตลอด
ทุกวันนี้เวลากลับบ้าน เขาก็ยังคงขอเป็นฝ่ายเลี้ยงข้าวน้ำเหมือนเดิม ทั้งๆที่ขอจ่ายมั่งก็ไม่ยอม

พอโตขึ้นมา ต่างรู้จักผิดชอบชั่วดี เขาไปกราบขออโหสิกรรมต่อแม่เขา
เราเองก็ไปขอขมากับแม่เขา เพราะมีส่วนรู้ส่วนเห็นร่วมด้วยกัน

คุณเต้ ถ้ายังรู้สึกไม่สบายใจตรง ก็ไปกราบขออโหสิกรรมสิคะ
อย่างน้อยช่วยให้จิตใจสบายขึ้น จะได้ไม่ไปเกาะเกี่ยวอกุศลกรรมมาไว้ในจิต
เราทำไปเพราะสงสารคนอื่นๆ ทำไปเพราะความไม่รู้

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มี.ค. 2010, 23:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


bbby เขียน:
คุณน้ำค่ะ วันนี้เราขอคุยเรื่องการนั่งวิปัสสนาบ้างน่ะค่ะ
คือเราเคยโทรคุยกับเพื่อนที่เมืองไทย
เค้าคุยให้เราฟังเราก็ยังงงๆอยู่เลยน่ะ

คือเพื่อนของเราคนนี้ เค้าจะเป็นคนที่ไม่เชื่อเรื่อง
การนั่งสมาธิแล้วก็การสวดมนต์
แต่เค้าจะตักบาตรทุกวันแล้ว
ก็เป็นคนที่ชอบช่วยคนที่เค้าลำบาก

จนมีวันหนึ่ง มีญาติของเค้ามาชวน
ให้เค้าไปนั่งวิปัสสนา เพื่อที่จะได้เห็นอดีตชาติของตัวเอง
เค้าก็ไปค่ะ เพราะเค้าไม่เชื่อ เค้าบอกว่าการนั่งวิปัสสนานี่
จะไม่เหมือนการนั่งสมาธิ

การนั่งวิปัสสนาจะต้องมีอาจารย์คุมอยู่ด้วย
เค้าบอกว่าจะนั่งแบบท่านั่งสมาธิ แต่จะมีอาจารย์คือหลวงพ่อน่ะค่ะ
นั่งสูงกว่าเค้าหน่อยหนึ่ง แล้วทุกๆคนที่นั่งวิปัสสนา
จะสวดตามหลวงพ่อ แต่หลวงพ่อจะเริ่มสวดช้าๆก่อน

แล้วก็สวดเร็วขึ้น เพื่อนเราเค้าก็สวดตามไม่ทัน
เค้าก็หยุดสวด แล้วทีนี้เค้าก็เห็นตัวเค้าเองเป็นนางรำละคร
ไปรำอยู่หน้าองค์พระ(เราจำไม่ได้แล้วค่ะว่าหน้าองค์พระอะไร)

แต่ก็มีญาติของเค้าที่ไปด้วย พูดให้เค้าฟังว่า ตัวเค้าเองลุกขึ้นมารำ
ญาติของเค้าก็งงน่ะค่ะ ว่าทำไมเค้ารำเป็นด้วยเหรอ บอกว่าเค้ารำสวยมาก

เพื่อนของเราก็บอกกับเราว่า เมื่อชาติก่อนเค้าเป็นนางรำละคร
แล้วเค้าบอกว่าตอนนี้เค้าเชื่อเรื่องนี้100%

คุณน้ำพอจะอธิบายเรื่องนี้ ให้เราฟังบ้างได้มั๊ยค่ะ
เพราะเราไม่เห็นในเว็ปนี้
คุยเรื่องนี้เลยค่ะ
ขอบคุณค่ะคุณน้ำ :b41: :b41: :b41: :b43: :b46: :b55:





อันนี้เป็นเรื่องของสมาธิค่ะ ไม่ใช่ วิปัสสนา
แต่เป็นสมาธิที่ขาดสติ สัมปชัญญะ ถึงได้ลุกขึ้นรำป้อแบบนั้น

มีเยอะแยะไปค่ะคุณเต้ที่เมืองไทย และที่อื่นๆ เพียงแต่จะมีใครนำมาเล่าหรือเปล่าเท่านั้นเอง
อย่างสวดภาณยักษ์ ก็จะมีสภาวะเกิดขึ้นแบบที่คุณเต้เล่ามา
แล้วอีกอย่างการภาวนาใดๆก็ตาม ล้วนมีสภาวะนี้เกิดขึ้นได้ค่ะ ถ้าขาด สติ สัมปชัญญะ

มาขอเพิ่มเติมข้อความ

จริงๆแล้ว อุบายในการทำให้แต่คนเกิดศรัทธา ไม่ว่าจะศรัทธาอะไรก็แล้วแต่ ย่อมแตกต่างกันไป
ตามแต่เหตุที่ละคนกระทำกันมาค่ะคุณเต้

บางคนเห็นแบบนี้ แล้วทำให้เกิดการศรัทธาในการปฏิบัติก็มีค่ะ
พอได้มาเจริญสติเพิ่ม อาการเหล่านี้ที่เกิดขึ้น จะหายไปเองค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 25 มี.ค. 2010, 00:42, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 664 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 27, 28, 29, 30, 31, 32, 33 ... 45  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร