วันเวลาปัจจุบัน 22 ก.ค. 2025, 06:24  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=19



กลับไปยังกระทู้  [ 455 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 16, 17, 18, 19, 20, 21, 22 ... 31  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 22 พ.ค. 2009, 00:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ขนมจีนน้ำเงี้ยว

ส่วนผสม

ขนมจีน 1 กิโลกรัม เห็ดฟางหรือเห็นอื่นๆ 3 ถ้วย โปรตีนเกษตรสับละเอียด 1 ถ้วย มะเขือเปรี้ยว 2 ถ้วย เต้าหู้ขาวสับละเอียด 2 แผ่น กะปิเจ 1 ช้อนชา น้ำพริกแกงเผ็ด 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมันพืช 1/2 ถ้วย

เครื่องปรุง

ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ ซีอิ๊วดำหวาน 1 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลปีบ 1 ช้อนชา เต้าเจี้ยว 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

1.เห็ดฟางสับละเอียด มะเขือเปรี้ยวผ่าครึ่ง บีบเอามเล็ดในออก

2.ตั้งกระทะใส่น้ำมันพอร้อน นำเอาเครื่องแกงเผ็ดและกะปิเจลงคั่วจนหอม ใส่ส่วนผสมทุกอย่างลงผัด เติมน้ำลงไปสัก 4 ถ้วย ใส่เครื่องปรุง เคี่ยวต่อจนเดือดแล้วจึงใส่มะเขือเปรี้ยวเป้นอันดับสุดท้าย หากใส่ก่อน มะเขือจะเละไม่น่ารับประทาน

3.เวลาเสิร์ฟ รับประทานคู่กับผักสด เช่นถั่วงอกสด กระหล่ำปลีหั่นฝอย ผักกระถิน และฟองเต้าหู้ทอดกรอบ ถ้าชอบเผ็ด เปรี้ยว ก็เพิ่มพริกขี้หนูแห้งทอดกรอบ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสต์ เมื่อ: 23 พ.ค. 2009, 01:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ขนมจีนน้ำยา

ส่วนผสม

เห็ดฟาง 1/2 กิโลกรัม มะพร้าว 1 กิโลกรัม กระชาย 1ถ้วย ซีอิ๊วขาว 4 ช้อนโต๊ะ

เครื่องปรุง

ตะไคร้ 3 ต้น ข่าหั่นละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ งาขาวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ พริกแห้ง 18 เม็ด กระชาย 1/2 ถ้วย เกลือ 1 ช้อนชา

วิธีทำ

1.คั้นมะพร้าวใส่น้ำประมาณ 7 ถ้วย คั้นให้ได้กะทิ 10 ถ้วย ช้อนหัวกะทิไว้ประมาณ 1 ถ้วย

2.โขลกเครื่องแกงให้ละเอียดแล้วนำไปผัดกับกะทิ

3.หั่นกระชายเป็นแว่น นำไปปั่นกับหางกะทิบีบเอาน้ำออก แบ่งกากกระชายออกเป็น 3 ส่วน เก็บไว้ 2 ส่วน ทิ้งไป 1 ส่วน

4.ปั่นเห็ดกับหางกะทิพอหยาบๆ ใส่กระชายที่เก็บไว้ ยกตั้งไฟพอเดือด ใส่เครื่องแกงที่ผัดกับหัวกะทิแล้ว คนให้เข้ากัน ใส่ซีอิ๊วขาว เคี่ยวไฟอ่อนสักครู่ยกลง

5.เสิร์ฟน้ำยาพร้อมทั้งขนมจีน และผัก เช่น แตงกวา ถั่วฝักยาว สะระแหน่ ใบแมงลัก ถั่วงอก

สูตรนี้การันตีค่ะ เด็ดจริงๆ :b32:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสต์ เมื่อ: 23 พ.ค. 2009, 09:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ม.ค. 2009, 02:20
โพสต์: 1387

ที่อยู่: สัพพะโลก

 ข้อมูลส่วนตัว


เนื่องจากว่าป่วยอยู่ เพื่อนๆก็เลยอาสาจะทำกับข้าวให้ทาน
ผมก็เลยเอาสูตรขนมจีน น้ำเงี้ยว ที่คุณน้ำ โพสต์ไว้ให้เพื่อนลองทำ
รสชาติดี ใช้ได้เลยนะครับ
คนป่วยก็เลยมีลาภปาก ไม่ต้องทำกับข้าวเองให้เหนื่อย :b12:


ระหว่างที่ทานขนมจีนอย่างเอร็ดอร่อย เพื่อนคนหนึ่งก็เลยพูดขึ้นว่า
ทุกวันนี้เราบำเพ็ญปฏิบัติธรรมเพื่ออะไร?.......


คุณเต้ คุณเก๋ และคุณน้ำ มีความคิดเห็นยังไงบ้างครับ
อยากรู้ความในใจของแต่ละท่าน ว่าทุกวันนี้ที่ปฏิบัติธรรมเพื่ออะไร?
ไม่ซีเรียสน่ะครับ :b1:

.....................................................
ผู้มีจิตเมตตาจะไม่มีศัตรู ผู้มีสติปัญญาจะไม่เกิดทุกข์.


โพสต์ เมื่อ: 23 พ.ค. 2009, 13:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 มี.ค. 2009, 16:48
โพสต์: 15

ที่อยู่: หอพัก

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอเสนอสูตรอาหารเจ

http://monkey1112.212cafe.com/archive/2009-05-01/1-2-1-frac12-2-1-frac14-1-1-3-1-1-2-3-4


โพสต์ เมื่อ: 23 พ.ค. 2009, 15:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.พ. 2009, 20:49
โพสต์: 3979

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
ชื่อเล่น: นนท์
อายุ: 42
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

ส่วนตัวนะครับ
ที่ปฏิบัติธรรมอยู่ทุกวันนี้
หวังแค่ ให้ตัวเองมีความสุขอยู่ได้
ในสังคมปัจจุบันนี้เท่านั้นเองครับ
ไม่ได้หวังอะไรมากไปกว่านั้นเลยครับ

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
แม้มิได้เป็นสุระแสงอันแรงกล้า ส่องนภาให้สกาวพราวสดใส
ขอเป็นเพียงแสงแห่งดวงไฟ ส่องทางให้มวลชนบนแผ่นดิน


โพสต์ เมื่อ: 23 พ.ค. 2009, 16:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 เม.ย. 2009, 19:55
โพสต์: 548

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


วรานนท์ เขียน:
:b8: :b8: :b8:

ส่วนตัวนะครับ
ที่ปฏิบัติธรรมอยู่ทุกวันนี้
หวังแค่ ให้ตัวเองมีความสุขอยู่ได้
ในสังคมปัจจุบันนี้เท่านั้นเองครับ
ไม่ได้หวังอะไรมากไปกว่านั้นเลยครับ

:b8: :b8: :b8:

คุณครับ...ช่วงนี้อารมณ์รัดทดใจยิ่งเข้าสิงผมอยู่
คุณยังมากล่าวอย่างนี้...อีก
:b10: :b10: :b10:

คุณว่า
"หวังแค่...ให้ตัวเองมีความสุขอยู่ได้"

โอยยยย...
วันนี้ผมว่าผมนั่งคอตกไปอยู่ตรงเอวแล้ว
มาเจอคุณ รำพึง เช่นนี้อีก
ตอนนี้...คอผมตกลงไปอยู่ติดดินแล้วครับ

พระอาทิตย์ไม่ขึ้นตามปกติหรือไงครับท่าน วันนี้
เล่นทำผมเหี่ยวไปหมดแล้ว
:b39: :b39: :b39:


โพสต์ เมื่อ: 23 พ.ค. 2009, 20:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 เม.ย. 2009, 19:25
โพสต์: 579

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถึงแม้ผมจะไม่มีรายชื่ออยู่ในบุคคลที่ถูกถาม ว่าปฏิบัติธรรมเพื่ออะไร
และตอนนี้ผมก็อาจกำลังอยู่ในเขตส่วนตัว ซึ่งเป็นโรงครัวของเว็บ

แถมแม่สาวแฉล้ม ก็เคยกล่าวไว้ว่า คนอะไรไม่มีใครสนใจ ยังพร่ำได้อยู่คนเดียว

จะกี่เหตุผล ผมก็ยังอดคันไม้คันมือไม่ได้ ที่จะตอบ ถึงแม้จะ................ก็ตาม


เหตุผลว่า ปฏิบัติธรรมเพื่ออะไร สำหรับผมมันเปลี่ยนมาเรื่อยๆ และเปลี่ยนมาหลายครั้ง

ปฏิบัติไปถึงจุดหนึ่งก็เปลี่ยนไปอย่างหนึ่ง พอไปถึงอีกจุดหนึ่งก็เปลี่ยนไปอีกอย่างหนึ่ง

แต่ในทุกเหตุผลของการปฏิบัติเมื่อแรกเริ่ม ผมไม่เคยคิดจะปฏิบัติเพื่อดับทุกข์ หรือเพื่อพ้นทุกข์
เพราะผมยังไม่เคยสัมผัสความทุกข์อะไร จนถึงขนาดต้องมาปฏิบัติธรรมเพื่อดับทุกข์

การปฏิบัติของผมเริ่มจากความสงสัย และอยากพิสูจน์ทดลองด้วยตัวเอง
วันคืนก็สนุกเพลิดเพลินอยู่กับการทดลองพิสูจน์ มาเรื่อยๆ โดยยังไม่ได้ตั้งจุดหมาย
ว่าปฏิบัติเพื่ออะไร มีแค่ความอยากปฏิบัติ และแค่ความอยากรู้ว่าเป็นยังไงเท่านั้น

พอปฏิบัติมาถึงจุดหนึ่ง ก็มีความคิดว่า จะต้องค้นหานิพพานให้เจอ
แต่ก็ไม่มีความคิดว่าอยากจะเป็นพระอรหันต์ แค่อยากรู้ว่านิพพานเป็นยังไง

ผ่านการปฏิบัติมาจนถึงปัจจุบัน คำตอบว่า ปฏิบัติธรรมเพื่ออะไร
มันก็เป็นคำตอบที่ ไม่สมควรจะกล่าวออกไปให้ใครทราบ คงได้แต่เก็บไว้
รู้อยู่ภายในเงียบๆคนเดียว................เพราะหากบอกไปอาจไม่ใครก็ใครต้องเลิกคบ

พอดีกว่า มาพร่ำผิดที่เดี๋ยวโดนเบรค

:b21: :b21: :b21: :b21: :b21: :b21: :b21:


โพสต์ เมื่อ: 24 พ.ค. 2009, 01:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ทุกวันนี้เราปฏิบัติธรรมเพื่ออะไร?

สำหรับตัวน้ำเอง ... แรกเริ่มที่ปฏิบัติ ก็ไม่ได้คิดอะไรมากมายหรอกค่ะ รู้แต่ว่า เมื่อได้มาปฏิบัติแล้ว ทำให้ชีวิตดีขึ้น รู้แค่นั้นเองค่ะ แต่ในเป็นปัจจุบันนี้ ตอบได้แต่เพียงว่า เมื่อเราช่วยเหลือตัวเองได้เมื่อไหร่ เราย่อมช่วยคนอื่นๆได้ ...

ส่วนคนบางคนหรือคนอีกหลายๆคน อาจจะยังสับสนในตัวเองอยู่ เลยยังไม่เข้าใจว่า จริงๆแล้ว ปฏิบัติทำไม? แล้วทำไมจึงต้องปฏิบัติ?
:b12: :b8:

การที่กล่าวว่า ปฏิบัติ เพื่ออะไรนั้น? น่าจะเป็น ทำไมถึงได้มาปฏิบัติกัน? เพราะคำว่า " เพื่อ " มันเป็นตัวกิเลสที่แฝงอยู่คือความทะยานอยาก ... น้ำขอโทษนะคะ ที่เสนอแง่มุมเรื่องตรงนี้ เพราะคำตอบจะมีกลับมาทันทีว่าเพื่ออะไร ...

ความทะยานอยาก เป็นตัวปิดกั้นปัญญาเราไม่ให้เกิด หากเราสามารถละความอยากจะได้ หรือ หวังผลที่จะได้รับตรงนี้เสียได้ การปฏิบัติของแต่ละคนย่อมก้าวหน้าอย่างแน่นอนค่ะ ที่ติดๆกันส่วนมากก็เพราะ อยากรู้ อยากดู อยากเป็น อยากได้ .. กิเลสมันเนียนมากๆ เนียนอยู่กับจิตเราอยู่ตลอดเวลา อยู่ที่ว่า เรานั้นสามารถจะเห็นมันได้หรือไม่เท่านั้นเอง

ปกติน้ำจะมีปัญหาในการพูดแบบเชิงวิชาการ เพราะจะเรียบเรียงตัวอักษรไม่ค่อยเป็น ขาดตกบกพร่องยังไง อภัยให้ด้วยนะคะ
:b15: :b8:

คุณยะฮู .. น้ำพอจะช่วยอะไรได้บ้างไม๊คะ? ชอบทานเมนูไหนคะ เดี๋ยวจัดให้เผื่อได้ทานอาหารอร่อยๆ อย่างน้อยเวลาท้องอิ่ม จะช่วยหยุดความคิดฟุ้งซ่านไปได้ชั่วคราวค่ะ ยิ่งถ้าทานเสร็จแล้วหลับต่อได้เลย นี่ยิ่งหยุดความคิดได้ยาว ตื่นมาแล้ว ค่อยว่ากันใหม่ค่ะ :b1:

คุณบัวศกล .. โหๆๆ น้ำขอโทษมากมายเลยค่ะ กับคำพูดบางคำพูดที่อาจทำให้ไม่ถูกใจ สนใจเมนูไหนเป็นพิเศษคะ? เดี๋ยวน้ำจัดให้เพื่อเป็นการขอโทษที่อาจจะพูดจาแล้วทำให้เกิดอาการระคายเคืองค่ะ :b12:

งั้นคุณบัวศกล ฟังเพลงนี้ก่อนดีกว่าไม๊คะ น้ำว่า เหมาะกับคุณ จัดให้เป็นพิเศษค่ะ เผื่อว่า ฟังแล้วอารมณ์อาจจะ .... :b32:

http://bignose.exteen.com/20090225/entry

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสต์ เมื่อ: 24 พ.ค. 2009, 05:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 เม.ย. 2009, 19:25
โพสต์: 579

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอนิพพานสักจาน ช่วยผัดให้หน่อย

และก็เมณูเบาๆ เป็นอาหารว่างอีกสักหนึ่งรายการ

ขอเป็น ต้มยำหลวงจีนใหญ่ ใส่โพธิ์ใบเดี่ยว
ก็แล้วกัน ช่วยเติมรสหวานลงไปนิด คือเอาคุณใส่ลงไปด้วย
หากขาดเผ็ด ก็เชิญคุณพลศักดิ์ แหย่ขาลงมาหน่อยแต่อย่าลงมาทั้งตัว
เพราะคงแสบลิ้นทานไม่ไหว หาอะไรที่เปรี้ยวๆ คงขนาดคุณเอรากอนคงใช้ได้
หรือช่วยเลือกให้สักหนึ่งก็ได้ ที่เห็นว่าเปรี้ยวพอฟัดพอเหวี่ยงกับมะนาว

อย่าลืมเอาผักชีโรยหน้าไว้หน่อยให้พอหอม ขอเป็น ใครก็ได้
ในหัวผมมีอยู่แล้วว่าใครดี แต่เชิญคุณหาให้ดีกว่า

ช่วยรีบสงเคราะห์ให้ด่วน เพราะตอนนี้ท้องมันเริ่มส่งเสียงร้องสนับสนุนกันอื้ออึง
จนจะรอไม่ไหวอยู่แล้ว


:b16: :b16: :b16: :b16: :b16: :b16: :b16:


โพสต์ เมื่อ: 24 พ.ค. 2009, 08:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ประโยชน์ของการกินเจ ในมุมมองทางด้านโภชนาการ


มักมีการสงสัยกันอยู่เสมอว่า การกินเจ จะได้สารอาหารครบทั้ง 5 หมู่หรือไม่ โดยเฉพาะ โปรตีน ซึ่งคนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าโปรตีนในเนื้อสัตว์เป็นโปรตีน ที่มีคุณภาพดีมากกว่า โปรตีนในพืช ซึ่งเป็นความ เข้าใจที่ไม่ถูกต้องนัก เพราะแท้ที่จริงแล้วโปรตีนในผัก มีคุณค่าที่ใกล้เคียงกัน ในส่วนของอาหารหลัก 5 หมู่ เป็นสิ่งที่กังวลกันอีกประการ หนึ่งว่าจะได้ครบหรือไม่ ถ้าคิดในทางกลับกัน สิ่งที่คิดว่าจะขาดมาก ที่สุดคือโปรตีน ในอาหารเจยังมีครบ จึงไม่น่าเป็น ห่วงว่าจะขาดสารอาหารในหมู่อื่น เพราะนอกจากโปรตีน แล้วสารอาหาร หมู่อื่นจะมีอยู่ใน พืชผักผลไม้ทั้งสิ้น ดังนั้น การจะขาดสารอาหาร จึงน่าจะขึ้นอยู่กับพฤติกรรม การบริโภคมาก กว่า ว่าเป็นคนเลือกกิน หรือไม่ ส่วนสารอาหารที่ได้จากการกินเจในที่นี้ จะขอกล่าวถึงเฉพาะ ส่วนของโปรตีนเท่านั้น เนื่องจากเป็นข้อมูลที่มีผู้สงสัยมากที่สุดว่า โปรตีนจากพืชจะ ทดแทน โปรตีนจาก สัตว์ได้หรือไม่

โปรตีนที่จำเป็นต่อร่างกายคนเรา มีมากในอาหารประเภทถั่ว
โปรตีน คือ สารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย มีอยู่ในเนื้อสัตว์ทั่วไป รวมทั้งในไข่ขาวและผัก และจะมีมากในถั่วชนิดต่างๆ เช่น ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วลิสง และถั่วอื่นๆ โปรตีนที่จำเป็นต่อร่างกายจริงๆ มีอยู่ 10 ชนิด ซึ่งมีอยู่ทั้งในเนื้อสัตว์และถั่วต่างๆ ที่แตกต่างกันก็คือ ในเนื้อสัตว์จะมีไขมันมากกว่าถั่วต่างๆ เมื่อกินโปรตีนจากเนื้อสัตว์จึงได้รับไขมันมากขึ้นไปด้วย ทำให้อ้วนรวมไปถึงระบบการย่อยอาหาร ก็ต้องทำงานหนักขึ้นไปด้วย ต่างจากโปรตีนที่ได้จากถั่วซึ่งมีปริมาณไขมันน้อยกว่า และร่างกายสามารถนำไปใช้ได้พอดี โดยไม่เหลือเป็นส่วนเกิน และยังมีกากใยช่วยทำให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น และที่สำคัญ ไม่มีคลอเลสเตอรอลเหมือนในเนื้อสัตว์

โปรตีนที่มีความสำคัญต่อร่างกายของคนเรา 10 ชนิด ซึ่งมีอยู่ครบในถั่วต่างๆ คือ

1. ไลซีน มีหน้าที่สร้างความเจริญเติบโต และสร้างความต้านทานให้แก่ร่างกาย หากขาดไลซีน ร่างกายจะแสดงอาการผิดปกติ เช่น มีอาการอ่อนเพลีย ไม่มีแรง เป็นต้น

2. กลูตามิก เป็นกรดอะมิโนที่บำรุงรักษาความเป็นปกติของเซลล์สมอง หากขาด กลูตามิก จะเกิด อาการผิดปกติทางสมองควบคุมความรู้สึกและจิตใจตนเอง ลำบากจะมีอาการเฉยเมย และซึมเศร้า แก่เร็ว ไม่สดใส ร่างกายไม่เจริญเติบโต

3. วาลีน เป็นกรด อะมิโนที่สร้างความเป็นปกติแก่สมองอีกชนิดหนึ่ง รวมถึงกล้ามเนื้อ ระบบประสาท การรับรู้ ความรู้สึกนึกคิด ซึ่งขึ้นอยู่กับกรดอะมิโนชนิดนี้

4. อาร์จีนีน เป็นส่วนประกอบของอสุจิในเพศชาย หากขาดจะทำให้มีโอกาสเป็นหมัน เพราะเชื้ออสุจิไม่แข็งแรง ทำให้ไม่สามารถเข้าไปผสมกับไข่ของเพศหญิงได้ นอกจากนี้ยังทำให้ร่างกายไม่สดใส ไม่มีความกระชุ่มกระชวย จิตใจไม่ผ่องใส ทำให้แก่เร็ว

5. ซิสตีน เป็นกรด อะมิโนที่ร่างกายนำมาใช้สร้างเซลล์เส้นผมและอินซูลิน ทำให้ร่างกายต่อต้านสิ่งที่เป็นพิษได้ดีขึ้น สร้างภูมิต้านทานและสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามา ทางลมหายใจ ผู้ที่ขาดซิสตีนจะเกิดอาการ เป็นกังวล หงุดหงิด ตับผิดปกติ เส้นผมหลุดร่วง

6. ฟีนายอะลานีน หากขาดกรด อะมิโนตัวนี้จะทำให้ควบคุมตนเองไม่อยู่ในเรื่อง การรับประทานอาหาร จะทำให้รับประทานอาหารไม่หยุด ทำให้เกิดโรคอ้วนและอาการมึน ซึม หรือปวดหัว ฟีนายอะลานีนสามารถนำมาสร้างฮอร์โมนไทร็อกซีนของต่อมไธรอยด์ได้อีกด้วย

7. ทรีโอนีน มีความสำคัญต่อระบบทางเดินอาหารและระบบย่อยอาหาร หากขาดทรีโอนีนจะเกิดปัญหาในการย่อยอาหาร ทำให้เกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียด เรอเปรี้ยว

8. อิสติดีน ช่วยดูแลรักษาทำให้ประสาทหูทำงานเป็นปกติ หากขาดอิสติดีนจะเกิด ความเสียหายกับประสาทหู และเกิดอาการหูอื้อ หูตึง ความสามารถในการได้ยินลดลง

9. ทริปโตเฟน ทำหน้าที่ในการย่อยอาหารร่วมกับทรีโอนีน นอกจากนี้ยังช่วยสร้างเส้นผม ทำให้เส้นผมไม่หลุดร่วงง่าย รากผมแข็งแรง นอกจากนี้ยังทำให้ผิวพรรณผ่องใส และช่วยสร้างเม็ดโลหิตอีกด้วย

10. เมทีโอนีน ช่วยดูแลรักษาตับ ขับของเสียออกจากตับ ขจัดสารพิษออกจากร่างกาย หากขาดจะทำให้เส้นตับผิดปกติรวมถึงไตด้วย นอกจากนั้นยังทำให้เส้นผมหลุดร่วงง่าย ร่างกายไม่สดชื่น ผิวพรรณหมองคล้ำ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 24 พ.ค. 2009, 08:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ประโยชน์ของการกินเจในมุมมองของแพทย์แผนปัจจุบันและแผนโบราณ


1. ให้พลังเย็น โดยได้รับพลังงานจากฟรุกโตส ซึ่งมีในผัก ผลไม้ เป็นพลังที่ไม่ทำร้ายร่างกาย

2. ช่วยขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย ทำให้ไม่มีสารพิษตกค้าง เพราะกากใยในพืช ผัก ผลไม้ ช่วยระบบ การย่อยและระบบขับถ่าย ทำให้ไม่เป็นโรคเกี่ยวกับลำไส้ รวมถึงโรคที่เกิด จากระบบขับถ่ายผิดปกติต่างๆ เช่น โรคริดสีดวงทวาร

3. หากรับประทานประจำจะช่วยฟอกโลหิตในร่างกายให้สะอาด เซลล์ต่างๆ ในร่างกายจะเสื่อมช้าลง ทำให้ ผิวพรรณผ่องใส มีอายุยืนยาว สายตาดี แววตาสดใส ร่างกายแข็งแรงมีความต้านทานโรค มีความคล่อง ตัวรู้สึกเบาสบายไม่อึดอัด

4. ทำให้ปราศจากโรคร้ายต่างๆ เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคเส้นเลือดหัวใจตีบตัน โรคตับ โรคลำไส้ โรคเก๊าต์ ฯลฯ เพราะได้รับอาหารธรรมชาติที่มี ประโยชน์ ซึ่งไม่เป็นสาเหตุ ุและยังช่วยป้องกันโรคเหล่านี้

5. อวัยวะหลักของร่างกาย และอวัยวะเสริมทั้ง 5 ทำงานได้อย่างเต็มสมรรถภาพอวัยวะหลัก ได้แก่ หัวใจ ไต ม้าม ตับ ปอด อวัยวะเสริมทั้ง 5 ได้แก่ ลำไส้ใหญ่ ลำไส้เล็ก กระเพาะปัสสาวะ กระเพาะอาหาร ถุงน้ำดี

6. ผู้ที่กินเจจะมีร่างกายที่สามารถต้านทานต่อสารพิษต่างๆ ได้สูงกว่าคนปกติทั่วไป ซึ่งได้แก่ ยากำจัดศัตรูพืช ยาฆ่าแมลง หรือสารเคมีที่เป็นอันตรายอื่นๆ มลภาวะที่เกิดจากการ เผาไหม้ของเครื่องยนต์ ทั้งจากรถยนต์และโรงงานอุตสาหกรรม ฯลฯ ซึ่งมีปะปนอยู่ในอากาศ รวมถึงแหล่งอาหารและน้ำดื่ม
จะเห็นได้ว่าในทางกานแพทย์นั้น การกินเจมีประโยชน์ในการรักษา ที่สามารถพิสูจน์และ มองเห็นได้ชัดเจน กว่าประโยชน์ในทางศาสนา แม้ว่าการปฏิบัติจะไม่เคร่งครัดเท่ากับความ ต้องการประโยชน์ทางด้านศาสนา

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 24 พ.ค. 2009, 08:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




siamhadotcom-6229.jpg
siamhadotcom-6229.jpg [ 46.31 KiB | เปิดดู 5122 ครั้ง ]
ประโยชน์ของการกินเจในมุมมองทางศาสนา

ในมุมมองของศาสนาจะมองประโยชน์ของการกินเจในแง่ของชีวิตและจิตใจ ซึ่งได้แก่

1. บังเกิดเมตตาจิต เกิดความสงบ สุขุม เยือกเย็น อารมณ์ไม่ฉุนเฉียว ไม่หุนหันพลันแล่น โมโหง่าย ดวง ธรรมญาณอันบริสุทธิ์จะปรากฏออกมาซึ่งจะช่วยเกื้อกูลส่งเสริม ให้บารมี ธรรมสูงขึ้นเรื่อยๆ

2. ทำให้มีสติมั่นคง มีสมาธิแน่วแน่ ไม่ประมาทเลินเล่อ เป็นประโยชน์ต่อการดำเนิน ชีวิตและการทำงาน สามารถรอดพ้นจากภัยต่างๆ เช่น ภัยธรรมชาติ ภัยจากสัตว์ ภัยจากเคราะห์กรรม เมื่อวิญญาณออกจาก ร่าง ก็จะไปสู่ภพภูมิที่ดี

3. หยุดการทำบาป ตัดเวรกรรมที่ผูกพัน ทำให้ไม่เกิดการอาฆาตพยาบาท ทำให้ปราศจากศัตรูทั้งมนุษย์และสัตว์ที่คิดมุ่งร้ายตามจองเวร

4. สิ่งไม่ดีจะถูกขับออกไป ความรู้สึกขุ่นมัว มืดมนจะหมดไป หลังจากกินเจต่อเนื่องกัน เป็นระยะเวลานานๆ ความสดใสจะปรากฏขึ้นในจิตใจ และถ่ายทอดออกไปสู่ใบ หน้าให้มีความสะอาดสดใส

5. ผู้ที่กินเจ รวมทั้งครอบครัวและบุตรหลาน และคนในปกครองจะเกิดความรุ่งเรืองในชีวิต มีเหตุให้เกิด อยู่ในดินแดนอารยะ มีแต่ความอุดมสมบูรณ์ ปราศจากการทำร้ายรบราฆ่าฟัน ไม่มุ่งร้ายทำลายชีวิตซึ่งกัน และกัน

6. ทำให้จิตใจสะอาดไม่ฟุ้งซ่าน จิตใจที่สะอาดทำให้มองเห็นกายอันแท้จริง สามารถสู่นิพพานได้ในที่สุด

7. เทวดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ความคุ้มครองอารักขาไม่ให้สิ่งเลวร้ายหรือวิญญาณชั้นต่ำเข้ามาทำร้าย

ผู้ที่มองประโยชน์ของการกินเจในแง่ของศาสนา จะมีการปฏิบัติที่เคร่งครัดว่า การมองประโยชน์ของการ กินเจในแง่อื่น ซึ่งมักจะให้ผลที่สามารถมองเห็นได้อย่างเกินคาด เกินความคิดคำนึงพื้นฐานของคนทั่วไป เช่น การลุยไฟ การใช้เหล็กเสียบแทงตนเอง หรือม้าทรงต่างๆ ในเทศกาลกินเจที่จังหวัดตรัง นั่นคือ ความเชื่ออันแรงกล้าทำให้เกิดสิ่งที่ตนคิดว่าเป็นไปไม่ได้เสมอ

http://irrigation.rid.go.th/rid15/ppn/G ... aka/45.htm

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสต์ เมื่อ: 24 พ.ค. 2009, 12:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


ทุกวันนี้เราบำเพ็ญปฏิบัติธรรมเพื่ออะไร?.......


สำหรับเรา เราปฏิบัติธรรมเพื่อ
ลดความโลภ..ความโกรธ...ความหลง
ถึงแม้ว่าจะลดได้ไม่ถึง100%
แต่ได้ซัก50%ก็ยังดีค่ะ
คุณอมิตาพุทธแล้วคุณล่ะเพื่ออะไร?
-------------------------------------------------
ปล.ทำไมอาหารว่าง...ของคุณบัวศกลทำไมแปลกๆจัง
คุณไปเสาะหาที่ไหนมาล่ะค่ะเนี่ย :b1: :b1:


โพสต์ เมื่อ: 24 พ.ค. 2009, 16:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ม.ค. 2009, 02:20
โพสต์: 1387

ที่อยู่: สัพพะโลก

 ข้อมูลส่วนตัว


สำหรับตัวข้าพเจ้าเอง :b8:
ที่ปฏิบัติธรรม เพราะอยากช่วยเหลือผู้อื่น :b1:
แต่ก่อนที่เราจะช่วยเหลือ หรือ ส่งเสริมผู้อื่นได้ เราก็ต้องทำเป็นตัวอย่างให้ผู้อื่นได้เห็นก่อน
ใช่ไหมครับ
ที่คิดแบบนี้สืบเนื่องจากว่า เคยได้อ่านเรื่องราวของพระโพธิสัตว์กวนอิม พออ่านไปถึงตรง
ปณิธานของท่าน ที่ว่า "ท่านจะขอโปรดสัตว์ให้หมดทั้งโลกก่อน แล้วท่านถึงจะเข้า
นิพพานเป็นคนสุดท้าย"
พอถึงตรงนี้รู้สึกว่าซาบซึ้งมากๆครับ น้ำตาไหลออกมา
โดยอัตโนมัติ ตอนนั้นก็ยังงงกับตัวเองเหมือนกันว่า อะไรจะทราบซึ้งได้ขนาดนั้น
คนๆหนึ่งสามารถสละความสุขของตนเอง เพื่อผู้อื่นได้ขนาดนั้นเลยหรือ
นี่ก็เลยเป็นเหตุให้อยากหันหน้าเข้ามาศึกษาธรรมครับ ก็เพื่อจะได้ส่งเสริม แนะนำให้คน
ที่เขายังยึดอยู่แต่ทางโลกได้หันเข้ามาทางธรรมบ้าง ตามกำลังและสติปัญญาของ
ตัวเองที่พอจะทำได้
ที่ทำทุกวันนี้ก็เลยไม่ได้นึกถึงเรื่อง นิพพาน หรือเรื่องบรรลุเป็นพระอริยเจ้าขั้นไหน อะไร
ไม่เคยคิดเลยครับ :b8:

.....................................................
ผู้มีจิตเมตตาจะไม่มีศัตรู ผู้มีสติปัญญาจะไม่เกิดทุกข์.


โพสต์ เมื่อ: 24 พ.ค. 2009, 17:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


บัวศกล เขียน:
ขอนิพพานสักจาน ช่วยผัดให้หน่อย

และก็เมณูเบาๆ เป็นอาหารว่างอีกสักหนึ่งรายการ

ขอเป็น ต้มยำหลวงจีนใหญ่ ใส่โพธิ์ใบเดี่ยว
ก็แล้วกัน ช่วยเติมรสหวานลงไปนิด คือเอาคุณใส่ลงไปด้วย
หากขาดเผ็ด ก็เชิญคุณพลศักดิ์ แหย่ขาลงมาหน่อยแต่อย่าลงมาทั้งตัว
เพราะคงแสบลิ้นทานไม่ไหว หาอะไรที่เปรี้ยวๆ คงขนาดคุณเอรากอนคงใช้ได้
หรือช่วยเลือกให้สักหนึ่งก็ได้ ที่เห็นว่าเปรี้ยวพอฟัดพอเหวี่ยงกับมะนาว

อย่าลืมเอาผักชีโรยหน้าไว้หน่อยให้พอหอม ขอเป็น ใครก็ได้
ในหัวผมมีอยู่แล้วว่าใครดี แต่เชิญคุณหาให้ดีกว่า

ช่วยรีบสงเคราะห์ให้ด่วน เพราะตอนนี้ท้องมันเริ่มส่งเสียงร้องสนับสนุนกันอื้ออึง
จนจะรอไม่ไหวอยู่แล้ว


:b16: :b16: :b16: :b16: :b16: :b16: :b16:


นี่ก็จะเย็นแล้ว .. ท่าทางคุณคงจะเรียบร้อยไปแล้วกระมังคะ :b32:

แต่ถ้าจะให้เสนอว่าใครตอนนี้เปรี้ยวปริ๊ดที่สุด ต้องยกให้คุณคามินค่ะ แล้วผักชีโรยหน้านี่ คุณ.. สัตว์ประหลาดเหมาะที่สุดค่ะ เพราะเขาสามารถแสดงได้ทุกรูปแบบ เหมือนผักชีโรยหน้าอย่างไรก็อย่างนั้น :b16:

แล้วก็ที่คุณบอกว่า " ช่วยเติมรสหวานลงไปนิด คือเอาคุณใส่ลงไปด้วย "

ตรงนี้คุณคิดผิดแล้วค่ะ ถ้าต้องการความหวานต้องใส่คนอื่นลงไปแทนค่ะ ตัวน้ำน่ะไม่เหมาะหรอก ขืนใส่ลงไปต้มยำหม้อนี้ของคุณคงจะรสชาติพิลึกค่ะ :b1:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 455 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 16, 17, 18, 19, 20, 21, 22 ... 31  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร