วันเวลาปัจจุบัน 27 เม.ย. 2024, 11:37  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ต.ค. 2015, 21:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


คำสอน.คำเตือนสติ.ของหลวงพ่อ
วันไหนกลุ้มใจ ก็สวดมนต์เสีย ว่าไปเรื่อยๆ สวดๆ
ไป สักพักก็สบายใจ และเราก็คิดถึงปัญหา ทุกข์
ใจเรื่องอะไร มานั่งคิดพิจารณา แยกแยะ วิเคราะห์
วิจัยไป ไม่เท่าไรก็ปลงได้ วางได้...อ๋อ.!! เท่านี้เอง
ไม่น่าจะกลุ้มใจให้เสียเวลา มันได้ประโยชน์การทำ
อย่างนั้นเป็นเรื่องดี คนโบราณเขาจึงใช้ เขาจึงปฎิ
บัติในชีวิตประจำวันกันมายาวนาน ลองดูนะ กลุ้ม
ใจไม่สบายใจ คิดอะไรไม่ออก ก็สวดมนต์ สวดกัน
ไป สวดไปจนใจสงบ ค่อยกลับมาคิด...เจริญพร...
หลวงพ่อปัญญา นันทภิกขุ




บุพกรรมของท่านคำผอง

“อยู่วัดบ้านป่ง เป็นวัดของท่านเจ้าคุณอุบาลีฯ เป็นผู้เริ่มก่อสร้างเพิ่นครูอาจารย์มั่นไปอยู่สืบ ต่อมาท่านอาจารย์แหวนอยู่ได้ ๑๐ ปีกว่าไปอยู่ภาวนาหน้าแล้ง ภาวนาสบาย จิตเยือกเย็นสบายดีมาก ชาวบ้านเขาก็ดูแลชอบพอเป็นส่วนมาก หนานสีทนเป็นหัวหน้าดูแลวัด นับว่าได้สัปปายะครบสมบูรณ์

แต่พอตกหน้าเข้าพรรษาฤดูพรรษา พระเณรก็แห่มาอยู่จำพรรษา เราก็ไม่ชอบคนมาก จึงได้หลบหนีไปอยู่ผู้เดียว วัดบ้านป่งนี้ เป็นวัดของพระเณรเถระเจ้าแต่โบรมโบราณยุคสมัยพระพุทธเจ้ายังมีชีวิตอยู่ก็เป็นวัดมา แต่มารกร้างเป็นยุคเป็นคราวต่อมา เริ่มต้นในยุคนี้เป็นวัดแรกเริ่มของท่านเจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์”

มีอยู่หน้าแล้งปีหนึ่งท่านคำผอง (กุสลจิตฺโต) ลูกศิษย์ท่านอาจารย์ชอบ (ฐานสโม) ลงมาจากผาแด่นแวะมาพักนั่งภาวนาวันใดก็เห็นแต่ขาสองข้างของท่านคำผองเน่า เห็นอยู่ ๓ วัน ๔ วัน จึงคุยสอบถามดูว่า... “ผมเห็นเช่นนี้เป็นอย่างนี้เป็นเพราะอะไร”

ท่านคำผองก็ว่า...
“สมัยเป็นหนุ่มน้อยก่อนมาบวชไปเลี้ยงควายอยู่โคกดอน ทำกรรมกับกบสีทองเหลืองตัวหนึ่งเป็นกบเฒ่า มันร้องให้รำคาญ จึงจับเอาโดยการใส่เบ็ด จับได้แล้วก็เอาไม้ขอนทับขามันกับแผ่นหิน จนลืมไปหลายวัน ขากบก็เน่าเฟะ แต่มันยังไม่ตาย กระพริบตามองอยู่ มารู้ตัวว่า โอ... ทำบาปทำกรรมแล้ว จึงปล่อยมันไป มันก็ไปไม่ได้ อยู่ได้หลายวันมันจึงตาย ”

เราก็ว่า... “เห็นจะไม่พ้นจากบรุพกรรมบาปกรรมนี้อย่างแน่นอน เพราะผมเห็นเช่นนี้มาหลายวันแล้ว ขอท่านตั้งใจภาวนา เจริญเมตตาให้กบตัวนั้น อาจจะหนักเป็นเบาได้”

ท่านคำผองคนนี้เป็นคนแถวบ้านงัวซอ หนองบัวลำภู ตั้งใจดีอยู่ มาพบกันคราวนั้นว่าจะมาอยู่จำพรรษาด้วย ก็ไม่ได้มาแต่ตกหน้าแล้งก็พบกันบ้าง ขอนิมนต์ให้ขึ้นไปอยู่จำพรรษาด้วยผาแด่นบอกว่า ไปไม่ได้หรอก อากาศมันหนาว หน้าฝนน้ำก็ไหลหลาก วัดผาแด่นเคยไปภาวนากับท่านอาจารย์ชอบก่อนที่ท่านจะตั้งเป็นวัด”

ธรรมะประวัติหลวงปู่จาม มหาปุญโญ




ถ้าเราใส่ใจธรรมะ ธรรมะก็ปรากฎแก่ใจเรา
ถ้าเราใส่ใจกับโลก โลกก็ปรากฎแก่ใจเรา

ไม่ต้องหาวิธีเพิ่มแล้ว คำสอนพระพุทธเจ้าบริบูรณ์เปี่ยมไม่มีที่ติ อยู่ที่บุคคลจะใส่ใจมากน้อยแค่ไหน ถ้าใส่ใจทำตาม รู้ลงปัจจุบันขณะ ๗ วัน/เดือน/ปี ก็ได้ลิ้มรสพระธรรมแน่นอน

การหาวิธีใหม่ก็คือพยามสนองความอยากในตน สนองกิเลสที่หนุนอยู่เบื่้องหลัง หากทำสำเร็จไม่ใช้ลดละกิเลสลง แต่กลับเพิ่มอตตาตัวตนว่ากูเก่ง กูทำได้ (กิเลสหนุนหลัง) "คิดหาทาง ก็หลงทางทันที "

เหตุคือถ้าเราใส่ใจธรรมะ ผลคือธรรมะก็ปรากฎแก่ใจเรา
เหตุคือถ้าเราใส่ใจกับโลก ผลคือโลกก็ปรากฎแก่เรา
ธรรมะตรงไปตรงมา ไม่ต้องปรุงแต่งเพิ่ม รู้ซื่อๆ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 127 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร