ผมยังโสด อายุ 32 ปี ไม่รวยครับ ทำงานเงินเดือนหมื่นต้นๆ เวลาเจอสาวที่ถูกชะตา ตามที่ต่างๆ เช่น ห้าง โรงหนัง ป้ายรถเมล์ อยากเข้าไปขอเบอร์ แต่ไม่กล้า กลัวเค้าด่า และอายคนรอบข้าง มีหลักธรรมข้อไหนบ้างครับ ที่ช่วยให้ผมสามารถ มีความกล้าขอเบอร์สาว


ปล.อย่าหาว่าผม ไร้สาระนะครับ ผมไม่อยากรอโชคชะตา

คำถามเบาๆ แต่จะหนักก็ตรงที่ เขาไม่รู้จักเรา จู่ๆเดินไปขอเบอร์โทรสาวเนี่ยยากพอสมควรนะครับ หรือใครมีวิธีก็บอกกันบ้างดิอยากได้เหมือนกันนะ

ใช้อิทธิบาท ๔ ไงคะ กรั่กกก


ฉันทะ คือ ปิ๊งๆ

วิริยะ คือ ขวนขวายเข้าไป ===> ข้อนี้นี่แหร่ะ..ใช้ขอเบอร์แหร่ะค่ะ

จิตตะ คือ ได้เบอร์แล้วหมั่นโทร แอร๊ยยย

วิมังสา คือ ศึกษาเรียนรู้เธออย่างจริงจัง ไม่ใช่เอาแต่หยอดๆๆๆคำหวานแล้วจากไป



เอ่อ....เดาทั้งหมดนะ

เอาใจช่วยจ้า นี่นะ ทำไมผู้ชายถึงคิดว่าการขอเบอร์ผู้หญิงมันยากด้วยนะ ยากอะไรนักหนา ไม่เข้าใจ

แหล่มเลย คิคิ

อ่ะนะ เมื่อทำตามที่คุณ Hanako แนะได้ผลแล้วก็นะ ชวนเธอไปเต้นรำนะครับนะ

^^^^

เห็นโครงกระดูกเต้นรำถึงกับจอดไม่อยากแจวต่อเลยทีเดียว ไม่อยากจะมีอิทธิบาท ๔ เรื่องความรักเหมือนกันนะเนี่ย <<< มีใบแดงไหม สำหรับเรื่องหัวใจ ใบแดงไปเลยดีกว่า

ก้ต้องอาศัยสถานการณ์ช่วยด้วย+รอยยิ้มนิดๆ
เช่นไปดูหนัง ก้ถามไปว่าตอนนี้มีเรื่องไหนฉายบ้าง หรือเรื่องไหนน่าดูบ้างครับ
ถ้ารอรถเมล์ก้ถามว่า มีรถสายไหนผ่านไปสถานที่นั่นสถานที่นี้บ้างครับ

พอคุยสักพัก ก้ลองขอเบอรโทรเธอคนนั้นดู แล้วดูอากัปกริยาเปนยังไง ถ้าเขาไม่ให้เราก้ยิ้มแก้ขัด
แล้วก้บอกจากเขาไป เท่านั้นเอง สร้างความกล้ามันก้ต้องกล้าเข้าไปคุย
แต่วิธีนี้ผ้หยิงเขาอาจจะกลัวได้ครับ ต้องให้เหมือนกลับเราไปถามเขาแบบปกติแล้วหาช่องว่าง
ในการถามๆเขาต่อเขาถึงจะเริ่มไม่กลัวเรา(แต่ยังไงในใจผู้หญิงก้กลัวอยู่ดีนั่นแหละ)

อีกวิธีถ้ามีเพื่อนก้ลองถามเพื่อนว่ามีเพื่อนผู้หญิงแนะนำให้เรารุ้จักมะ ถ้ามีก้ลองโทรไปคุยก่อนว่าเปนไง
แต่ถ้าเพื่อนแนะนำมาเองละก้อ ก้อย่าเพิ่งปฏิเสธลองโทรไปคุยเพื่อถามนิสัยใจคอว่าเข้ากับเราได้ไหม
เขาคุยกะเรารู้เรื่องรู้ราวรึป่าว

อีกอย่างเปนคนมีความจริงใจ พูดด้วยความจริงใจและพูดแล้วเปนกันเองและสบายใจ ทำให้เพื่อนไม่ว่าผู้
หญิงผู้ชาย เปนสเน่ห์ดึงดูดให้คนอื่นมารู้จักเราได้ง่าย เรียกว่า ปากเป็นทรัพย์ พูดไปคนชอบ ถ้าปากไม่เปนทรัพย์พูดไปคนเกลียด เสียคำพูดด้วย

ทำบุญด้วยครับจะได้จิตใจผ่องใส ถึงแม้ไม่มีสาวที่ไหนมารัก เราก้จิตใจอิ่มเอิบเพราะใจเปนกุศล
ทำบุญนิดๆหน่อยแต่ทำบ่อยๆเข้า ก้ทำให้เราไม่ต้องสนใจว่าจะไม่มีแฟน อีกอย่างจะเปนแฟนกะใครได้
ถึงแม้ว่าได้เบอรเธอมาแล้ว ก้ต้องทำความคุ้นเคยกันต่อให้สนิทๆขึ้น คุยบ้างๆ เอาใจบ้าง กันเองบ้าง
เฉยๆบ้าง ไปเรื่อยๆ จนเริ่มถูกคอและเปนเพื่อนกันได้แล้วจากนั้นถึงจะพัฒนาเปนแฟนตามลำดับและถึงไม่ได้คุยก้อย่าไปกระสับกระส่ายหรือกังวลจนนอนไม่หลับครับ

จะจีบใครให้ได้มันก้ต้องใช้ความจริงใจและความสบายนำออกไปก่อน พอใช้ไปแล้วเริ่มได้ผลแล้วถึงแทน
ที่ด้วยการแสดงออกเปนความรัก คุณค่าว่าง่ายมะ เท่าที่ผมเล่ามาทั้งหมด

เขาว่ามาก็ว่าตามเขา ว่าพ่อแม่มีนิสัยยังไงมักถ่ายทอดอุปนิสัยนั่นถึงลูกด้วย เช่น พ่อแม่ชอบร้องรำลูกก็ชอบเรื่องดนตรีร้องรำทำเพลง เช่นกันเนี่ย

ว่าแต่คุณเจ้าของกระทู้จะมาอัพเดตไหมว่าเอาคำแนะนำไปใช้ได้ผลหรือเปล่า

จขกท.หล่อประมาณไหนครับ ประมาณกำลังเป็นข่าวดังได้ไหม หากหล่อประมาณนั้น มีแฟนๆก็คงสวยประมาณนั้น เมื่อมีลูกๆก็น่ารักประมาณเนี๊ยะ

1.ใจกล้า
2.หน้าด้าน
3.ปากกล้า
4.มือไว
5.อย่าให้ใครเห็น
ทำได้ครบหมดทุกข้อรับลองมีเมียแยะแน่นอน
ใจกล้าเข้าไว้คับเพราะเราไม่มีอะไรจะเสียคับมีแต่ๆๆๆๆกับได้คับ

ไม่มีใครรั้งคุณเจ้าของกระทู้มั้งหรอคะ ส่งเสริมกันใหญ่

ที่จริงเราน่าจะช่วยกันแนะนำว่า อย่าเลย ทุกข์ทั้งนั้นชีวิตคู่ อย่าเลยๆๆ

ความสุขมีหลายขั้นหลายระดับคัมภีร์พุทธศาสนา เช่น อังคุตตรนิกาย ทุกนิบาตท่านจำแนกได้ถึง

10 ระดับ ดังนี้

1. กามสุข- สุขเนื่องด้วยกาม ได้แก่ ความสุขโสมนัสที่เกิดขึ้นด้วยอาศัยกามคุณ 5

2. ปฐมฌานสุข -สุขเนื่องด้วยปฐมฌาน ซึ่งสงัดจากกามและอกุศลธรรมทั้งหลาย ประกอบด้วย วิตก

วิจาร ปีติ สุข และเอกัคคตา

3. ทุติยฌานสุข -สุขเนื่องด้วยทุติยฌาน ซึ่งประกอบด้วย ปีติ สุข และเอกัคคตา

4. ตติยฌานสุข- สุขเนื่องด้วยตติยฌาน ซึ่งประกอบด้วย สุข และเอกัคคตา

5. จตุตถฌานสุข -สุขเนื่องด้วยจตุตถฌาน ซึ่งประกอบด้วย อุเบกขาและเอกัคคตา

6. อากาสานัญจายตนสมาปัตติสุข- สุขเนื่องด้วยอากาสานัญจายตนสมาบัติซึ่งล่วงพ้นรูปสัญญาได้

โดยสิ้นเชิง ปฏิฆสัญญาล่วงลับไปหมดไม่มนสิการนานัตตสัญญา นึกถึงแต่อวกาศอันอนันต์

เป็นอารมณ์

7. วิญญาณัญจายตนสมาปัตติสุข- สุขเนื่องด้วยวิญญาณัญจายตนสมาบัติซึ่งคำนึงวิญญาณอันอนันต์

เป็นอารมณ์

8. อากิญจัญญายตนสมาปัตติสุข-สุขเนื่องด้วยอากิญจัญญายตนสมาบัติ ซึ่งคำนึงภาวะที่ไม่มีอะไร

เลยเป็นอารมณ์

9. เนวสัญญานาสัญญายตนสมาปัตติสุข-สุขเนื่องด้วยเนวสัญญานาสัญญายตนสมาบัติ อันถึงภาวะที่

มีสัญญาก็ไม่ใช่ไม่มีสัญญาก็ไม่ใช่

10. สัญญาเวทยิตนิโรธสมาปัตติสุข-สุขเนื่องด้วยสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติ อันถึงภาวะที่ดับสัญญา

และเวทนาทั้งหมด

http://fws.cc/whatisnippana/index.php?topic=518.0

ความสุขทั้ง 10 ขั้นนี้ ท่านยอมรับว่าเป็นความสุขทั้งนั้น หากแต่เป็นความสุขที่ดีกว่า ประณีตลึกซึ้งยิ่ง

กว่ากันขึ้นไปตามลำดับขั้น เพราะความสุขขั้นต้นๆมีส่วนเสียหรือแง่ที่เป็นทุกข์แทรกอยู่ด้วยมาก เมื่อ

เป็นสุขขั้นสูงขึ้นไปก็ยิ่งประณีตบริสุทธิ์มากขึ้น

ท่านสอนให้มองความสุขเหล่านั้นตามความเป็นจริง ทั้งด้านที่เป็นสุขและด้านที่มีทุกข์เข้ามาปน คือมอง

ทั้งส่วนดี และส่วนเสีย หรือ ทั้งแง่ที่เป็นคุณและแง่ที่เป็นโทษ - (เรียกเป็นศัพท์ว่าทั้งอัสสาทะและ อาที

นวะ)

นอกจากนั้นยังให้รู้จักทางออก ทางรอดพ้นหรือภาวะเป็นอิสระที่ดีกว่า ซึ่งไม่ขึ้นต่อส่วนดี ส่วนเสียนั้น

ด้วย- (เรียกเป็นศัพท์ว่า นิสสรณะ)

เมื่อเห็นโทษของสุขที่หยาบ ก็จะหน่ายหายติดและโน้มใจไปหาสุขที่ประณีตยิ่งกว่า

เมื่อรู้จักและได้ประสบความสุขที่ประณีตประจักษ์กับตัวแล้ว ก็จะละความสุขที่หยาบกว่าเสียได้ มุ่งบรรลุ

สุขที่ประณีตยิ่งขึ้นไปตามลำดับ

อย่างน้อย ก็จะไม่มัวเมาหมกมุ่นในสุขที่หยาบนั้นจนเกินไป

เมื่อใด จิตหลุดพ้นเด็ดขาดแล้ว ตัดเยื่อใยได้สิ้น ก็จะไม่วกเวียนกลับมาหาความสุขที่หยาบอีกต่อไป

คงเสวยแต่สุขที่ประณีตสำหรับจิตที่เป็นอิสระอย่างเดียว ข้อนี้ก็เป็นลักษณะด้านหนึ่งของความก้าวหน้า

ในการปฏิบัติธรรม

จขกท. เงียบไปเลย นำอิทธิบาทใช้ขอเบอร์สาวได้หรือยัง ได้ผลไหม ส่งข่าวบ้างดิครับ