วันเวลาปัจจุบัน 14 ธ.ค. 2024, 14:59  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 65 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มิ.ย. 2009, 17:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มี.ค. 2009, 20:48
โพสต์: 744


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอเชิญผู้ที่ปฎิบัติธรรม ที่ผ่านตัวรู้ไปแล้ว เล่าประสบการณ์ของตัวรู้ที่ปิดบังมรรคผล เนื่องจากเห็นว่ามีผู้ถึง จึงอยากจะให้ผู้ที่ไม่รู้ถึงมีส่วนไปรู้ตัวปิดตัวบังจิต จะได้แก้แล้วพ้นไปงับ

.....................................................
“เวลาทำสมาธิ ให้ระลึกลมหายใจเข้าออก ให้รู้ลมหายใจเข้าออก ไม่ต้องบังคับลมหายใจ ตามรู้ลมหายใจเข้าออก สงบก็รู้ ไม่สงบก็รู้ สงบก็ไม่ยินดี ไม่สงบก็ไม่ยินร้าย ไม่เอาทั้งสงบและไม่สงบ เอาแค่รู้ตามความเป็นจริงของสภาวธรรมปัจจุบันนั้น”

ธรรมเหล่านี้เป็นไปเพื่อคลายกำหนัด
เป็นไปเพื่อไม่ประกอบสัตว์ไว้
เป็นไปเพื่อไม่สั่งสมกิเลส
เป็นไปเพื่อความเป็นผู้มักน้อย
เป็นไปเพื่อสันโดษ
เป็นไปเพื่อความสงัดจากหมู่คณะ
เป็นไปเพื่อปรารภความเพียร
เป็นไปเพื่อความเป็นคนเลี้ยงง่าย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มิ.ย. 2009, 19:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ถามนะคะ ตัวรู้ กับ ผู้รู้ เหมือนกันไม๊คะ?

แล้วใช่ตัวเดียวกันหรือเปล่าคะ?
:b14:

ตอนนี้ตัวอยากรู้ถามค่ะ
:b9:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มิ.ย. 2009, 19:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2009, 20:42
โพสต์: 699


 ข้อมูลส่วนตัว


มันคืออะไร... :b6: :b6: :b6:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มิ.ย. 2009, 21:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


แถวนี้มีนะ แต่เขาไม่พูด
มันเป็นธรรมดาของคนที่เขา"ถึง"
ไม่รู้ทำไม ใครที่เขาถึงจริงๆ เขาจะไม่พูด
เพียงแค่นึกจะพูดมันก็หมดกำลังใจพูด เพราะมันอธิบายไม่ถูก ไม่รู้วิธีจะพูด


ส่วนที่พูดๆเป็นคุ้งเป็นแคว ส่วนมากไม่ถึง
อย่างผมนี่ก็ไม่ได้ถึงหรอก เปิดหนังสือตอบๆไป นกแก้วนกขุนทองไป ไม่กล้าถึงกะเขา
เพราะเห็นพวกที่ถึงๆแล้วมาพูดๆนั้นแล้วดูเหมือนจะ
บรรลุมากไปหน่อยจนทะลุออกนอกอวกาศไปแล้ว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มิ.ย. 2009, 23:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ค. 2006, 20:52
โพสต์: 1210

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขงเบ้งเทพแห่งกลยุทธ์ เขียน:
ขอเชิญผู้ที่ปฎิบัติธรรม ที่ผ่านตัวรู้ไปแล้ว เล่าประสบการณ์ของตัวรู้ที่ปิดบังมรรคผล เนื่องจากเห็นว่ามีผู้ถึง จึงอยากจะให้ผู้ที่ไม่รู้ถึงมีส่วนไปรู้ตัวปิดตัวบังจิต จะได้แก้แล้วพ้นไปงับ


ยังไม่ผ่านค่ะ แค่เคยพบเฉย ๆ

.....................................................
สัพเพ สังขารา อนิจจา
สัพเพ ธรรมา อนัตตา...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มิ.ย. 2009, 23:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มี.ค. 2009, 20:48
โพสต์: 744


 ข้อมูลส่วนตัว


ขออ้างอิงถึง คุณ บัวศกล
นิพพานหนะ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพระอรหันต์ท่านอธิบายกันเถอะ

อะไรที่เรายังไม่รู้จริง หรือยังไม่ช่ำชองชำนาญ ก็อย่าเพิ่งอธิบาย

หรือถ้าหากอยากอธิบายจนอั้นมันไม่อยู่ ก็ควรอธิบายแบบเปิดโอกาสให้คนอื่นเขาไม่เชื่อบ้าง
เช่นอาจจะกำกับไปด้วยว่า สิ่งเหล่านี้เป็นแค่ความคิดส่วนตัวนะ
อาจจะผิดก็ได้นะ เป็นเพียงแง่มุมอีกมุมมองหนึ่งนะ

ไม่ใช่ว่า อะไรๆก็รวบรัดฟันธง ว่าต้องอย่างนี้ ว่าเป็นอย่างนี้
อย่างอื่นไม่ใช่ ใครที่เข้าใจอย่างอื่นนอกจากนี้ก็ไม่ใช่
แล้วพาลมองใครต่อใคร หลงกันไปหมด เห็นไม่ตรงด้วยก็หาว่าเป็นมารบ้าง
โดนมารสิงบ้าง สรุปที่ผ่านมา โลกนี้มีคุณถูกอยู่คนเดียว
ฉลาดอยู่คนเดียว เก่งอยู่คนเดียว

คุณรู้รึเปล่า ลักษณะแบบนี้ นักจิตวิทยา เขาบอกว่า
เป็นคนที่มีปมด้อย

นักปฏิบัติธรรมที่ดี ควรจะอธิบายแต่เฉพาะในขอบเขตที่ตนรู้จริง
และหากอะไรที่ตนยังไม่รู้จริง แต่อยากอธิบาย ก็ควรบอกกล่าวกำกับไปด้วย
ให้คนอื่นเขาทราบว่าข้อมูลนี้ยังไม่แน่นอน เขาจะได้ระวังตัวมากขึ้นในการปักใจเชื่อ

และถ้าหากว่าคุณรู้จริง คุณก็จะรู้ด้วยว่า เรื่องไหนควรนำมากล่าว
และควรจะกล่าวในปริมาณขนาดไหน

พระพุทธเจ้าเองรู้มากยิ่งกว่าคุณไม่รู้ต่อกี่เท่า ท่านยังไม่กล่าวเลย
หากว่าอะไรมันไม่ได้ช่วยให้คนดับทุกข์ได้

แม้สิ่งที่เป็นอจินไตยท่านก็ไม่กล่าวพร่ำเพรื่อ และยังสั่งสอนภิกษุว่าอย่าไปคิด
หรืออย่าไปสนใจมันเลย เพราะตราบที่เธอยังไม่ใช่พระอรหันต์
ทุกคำตอบที่ได้จากความคิด ไม่ใช่สิ่งที่เชื่อได้โดยแท้จริง


หากคุณคิดว่าคุณเป็นอรหันต์แล้ว คุณจึงพยายามเหลือเกินที่จะอธิบาย
เรื่องนิพพาน เรื่องพุทธวิสัย และเรื่องโลกจินดาสารพัด
ผมก็หวังว่าคุณจะเปลี่ยนมาอธิบายอะไรง่ายๆพื้นๆ ที่มนุษย์ทั่วไปจะนำไปใช้ประโยชน์ได้
ให้มากขึ้น



หากคุณวางความเป็นผู้รู้ได้เมื่อไร วันนั้นคงเป็นวันที่คุณน่าสนใจยิ่งกว่านี้




ผมขอข้อความเดียวนะงับ


หากคุณวางความเป็นผู้รู้ได้เมื่อไร วันนั้นคงเป็นวันที่คุณน่าสนใจยิ่งกว่านี้

รู้สึกว่าธรรมตรงนี้ไม่ธรรมดานะงับ ขอเชิญท่านบัวศกล

ออกมาอธิบายเรื่องตัวรู้นะงับ

จะเป็นพระคุณอย่างสูง

เพราะว่าจะพูดเรื่องนี้ได้ภูมิธรรมอย่างน้อยก็ 1 ขั้นนะงับ

.....................................................
“เวลาทำสมาธิ ให้ระลึกลมหายใจเข้าออก ให้รู้ลมหายใจเข้าออก ไม่ต้องบังคับลมหายใจ ตามรู้ลมหายใจเข้าออก สงบก็รู้ ไม่สงบก็รู้ สงบก็ไม่ยินดี ไม่สงบก็ไม่ยินร้าย ไม่เอาทั้งสงบและไม่สงบ เอาแค่รู้ตามความเป็นจริงของสภาวธรรมปัจจุบันนั้น”

ธรรมเหล่านี้เป็นไปเพื่อคลายกำหนัด
เป็นไปเพื่อไม่ประกอบสัตว์ไว้
เป็นไปเพื่อไม่สั่งสมกิเลส
เป็นไปเพื่อความเป็นผู้มักน้อย
เป็นไปเพื่อสันโดษ
เป็นไปเพื่อความสงัดจากหมู่คณะ
เป็นไปเพื่อปรารภความเพียร
เป็นไปเพื่อความเป็นคนเลี้ยงง่าย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2009, 00:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณขงเบ้งเทพแห่งกลยุทธ์ น่าจะศึกษาปริยัติเพิ่มนะคะ

เกี่ยวกับตัวหนังสือที่ใช้ .. เช่นคำว่า ตัวรู้ กับ คำว่า ผู้รู้

คุณนำตัวรู้กับผู้รู้มาใช้แทนเป็นคำๆเดียวกันนั่นไม่ถูกต้องนะคะ

ตัวรู้ หมายถึง สัมปชัญญะ

ผู้รู้ หมายถึง จิต

ปริยัติมีประโยชน์มากๆนะคะ คำทับศัพท์นี่สำคัญมากๆ

เพราะสามารถทำให้ความหมายเปลี่ยนไปทันที ถ้านำคำที่ใช้มาใช้ไม่ถูกต้อง

เช่นคำว่า ตัวรู้ กับ ผู้รู้ ที่คุณนำมาใช้น่ะค่ะ

ถ้ายังไงหมั่นอ่านใน สมาธิ-สติ ให้บ่อยๆค่ะ คุณกรัชกายจะนำเรื่องราวเกี่ยวกับปริยัติมาโพสไว้

ตัวผู้พูดเองก็ยังเป็นผู้ศึกษาอยู่ค่ะ เลยไม่อยากให้คุณพลาดตรงนี้ไป

เจริญในธรรมค่ะ :b8:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2009, 04:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มี.ค. 2009, 20:48
โพสต์: 744


 ข้อมูลส่วนตัว


ผมจะอธิบายในฟังนะงับ



ตอนนี้ไม่ใช่ปริยัติ นะงับ เเต่ว่าเป็นส่วนก็การปฎิบัตินะงับ


ขออ้างอิงนะงับ
คุณขงเบ้งเทพแห่งกลยุทธ์ น่าจะศึกษาปริยัติเพิ่มนะคะ

เกี่ยวกับตัวหนังสือที่ใช้ .. เช่นคำว่า ตัวรู้ กับ คำว่า ผู้รู้

คุณนำตัวรู้กับผู้รู้มาใช้แทนเป็นคำๆเดียวกันนั่นไม่ถูกต้องนะคะ

ตัวรู้ หมายถึง สัมปชัญญะ

ผู้รู้ หมายถึง จิต

ปริยัติมีประโยชน์มากๆนะคะ คำทับศัพท์นี่สำคัญมากๆ

เพราะสามารถทำให้ความหมายเปลี่ยนไปทันที ถ้านำคำที่ใช้มาใช้ไม่ถูกต้อง

เช่นคำว่า ตัวรู้ กับ ผู้รู้ ที่คุณนำมาใช้น่ะค่ะ

ถ้ายังไงหมั่นอ่านใน สมาธิ-สติ ให้บ่อยๆค่ะ คุณกรัชกายจะนำเรื่องราวเกี่ยวกับปริยัติมาโพสไว้

ตัวผู้พูดเองก็ยังเป็นผู้ศึกษาอยู่ค่ะ เลยไม่อยากให้คุณพลาดตรงนี้ไป

เจริญในธรรมค่ะ

.....................................................
ไม่มีคำว่าทำไม่ได้ หากเราพยายามทำและตั้งใจทำอย่างต่อเนื่อง



เอาเป็นว่าที่ระดับนี้ไม่ใช่ปริยัตินะงับ เป็นธรรมที่ผู้ตัดแล้วเข้ากระแสเลย

ท่านอาจเข้าใจว่าเป็น ตัวรู้ที่เรียกกว่า สัปปัญชัญญะ

สัปปัญชัญญะ ในนวโกวาท หมายถึง รู้สึกตัวทั่วพร้อม ไม่ใช่ตัวรู้นะงับ

แล้วธรรมที่เรียกว่า ผู้รู้จิตคือจิตถูกมั้ยงับ

อันนี้คือส่วนของพระอภิธรรม





แต่ที่สำคัญนะงับในการปฎิบัติของผู้ที่ถึง อริยสัจธรรม 4 ไปแล้ว จะทราบว่า จะถึงกระแส แต่ไม่ถึง

เพราะว่ายังมีตัวบังคือ วิญญาณ การศึกษาธรรมทั้งหลายใช้ความรู้สึกผ่านทางใจนะงับ

เพราะตราบใดยังเหลือตัวรู้นี้ก็ยังจะเข้าสู่กระแสไม่ได้นะงับ

ที่มีเหตุผลตั้งกระทู้นี้เพราะว่าต้องการให้ท่าน บัวศลก มาอธิบายประโยคนี้นะงับ

หากคุณวางความเป็นผู้รู้ได้เมื่อไร วันนั้นคงเป็นวันที่คุณน่าสนใจยิ่งกว่านี้

เพราะรู้สึกเสื่อมใสในภูมิธรรมตรงนี้นะงับ ไม่ใช่ปริยัตินะงับ

สุดท้ายต้องขอบคุณถึงความหวังดีนะงับ

สำหรับคุณกรัชกาย ผมมีความรู้ทางภาษาธรรมน้อยนะงับยังต้องขอคำชี้แนะจากท่านอีกเยอะ

แต่นี่คือการปฎิบัตินะงับ ไม่ใช้ทับศัพท์ ทางปริยัตินะงับ

ตรงนี้ละงับ ปริยัติ บัง ธรรมะ

สุดท้ายขอฝากถึงท่าน walaiporn

พระพุทธ บัง สภาวะพุทธะ
ตำรับตำราปริยัติ บัง ธรรมะ
สมมุติสงฆ์ บัง พระอริยะ

คงจะเข้าใจนะงับ

.....................................................
“เวลาทำสมาธิ ให้ระลึกลมหายใจเข้าออก ให้รู้ลมหายใจเข้าออก ไม่ต้องบังคับลมหายใจ ตามรู้ลมหายใจเข้าออก สงบก็รู้ ไม่สงบก็รู้ สงบก็ไม่ยินดี ไม่สงบก็ไม่ยินร้าย ไม่เอาทั้งสงบและไม่สงบ เอาแค่รู้ตามความเป็นจริงของสภาวธรรมปัจจุบันนั้น”

ธรรมเหล่านี้เป็นไปเพื่อคลายกำหนัด
เป็นไปเพื่อไม่ประกอบสัตว์ไว้
เป็นไปเพื่อไม่สั่งสมกิเลส
เป็นไปเพื่อความเป็นผู้มักน้อย
เป็นไปเพื่อสันโดษ
เป็นไปเพื่อความสงัดจากหมู่คณะ
เป็นไปเพื่อปรารภความเพียร
เป็นไปเพื่อความเป็นคนเลี้ยงง่าย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2009, 07:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 เม.ย. 2009, 19:25
โพสต์: 579

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมบัวศกล มารายงานตัว ตามคำเชื้อเชิญ ของท่านขงเบ้งครับ

ไม่ทราบว่า นี่เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของท่านขงเบ้งรึเปล่า
ที่ใช้ ลากคอจิวยี่มาขึ้นเีขียง ด้วยให้เดินมาเองอย่างชนิดมิอาจหลีกเลี่ยงได้

ผมต้องขอขอบคุณที่ท่านขงเบ้ง มีใจเป็นมิตรไมตรี และมองผมด้วยสายตาอบอุ่นชื่นชม

สำหรับความหมายในเรื่องให้คุณพลศักดิ์ ละวางความเป็นผู้รู้ลงซะบ้าง
ผมหมายถึงแค่ว่า อยากให้แกเบาๆไอ้เรื่องรู้มากของแกลงหน่อย
อะไรที่แกรู้ ก็ไม่จำเป็นต้องเอาออกมาแสดงทุกเรื่อง

และก็ควรจะแสดงบทบาทเป็นผู้ไม่รู้บ้าง เพื่อเปิดโอกาสให้ตัวเอง
ได้รับทราบข้อมูลคนอื่นเขา ไม่ใช่ว่าไม่ยอมรับฟังใครเลย
ฉันรู้ฉันเก่งล้นโลกอยู่คนเดียว

ผมคิดว่าคนที่เขาเป็นผู้รู้อย่างแท้จริงน่าจะเป็นผู้กระหายใคร่ได้รู้
เรื่องราวของคนอื่น มากยิ่งกว่าต้องการให้คนอื่นรู้เรื่องราวของตัวเอง


ความหมายของการละวางความเป็นผู้รู้ของผม มันก็แคบๆตื้นๆเท่านี้แหละครับ

ขอบคุณอีกครั้งครับ


:b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b48:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2009, 07:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ขงเบ้งเทพแห่งกลยุทธ์ เขียน:
ผมจะอธิบายในฟังนะงับ



ตอนนี้ไม่ใช่ปริยัติ นะงับ เเต่ว่าเป็นส่วนก็การปฎิบัตินะงับ


ขออ้างอิงนะงับ
คุณขงเบ้งเทพแห่งกลยุทธ์ น่าจะศึกษาปริยัติเพิ่มนะคะ

เกี่ยวกับตัวหนังสือที่ใช้ .. เช่นคำว่า ตัวรู้ กับ คำว่า ผู้รู้

คุณนำตัวรู้กับผู้รู้มาใช้แทนเป็นคำๆเดียวกันนั่นไม่ถูกต้องนะคะ

ตัวรู้ หมายถึง สัมปชัญญะ

ผู้รู้ หมายถึง จิต

ปริยัติมีประโยชน์มากๆนะคะ คำทับศัพท์นี่สำคัญมากๆ

เพราะสามารถทำให้ความหมายเปลี่ยนไปทันที ถ้านำคำที่ใช้มาใช้ไม่ถูกต้อง

เช่นคำว่า ตัวรู้ กับ ผู้รู้ ที่คุณนำมาใช้น่ะค่ะ

ถ้ายังไงหมั่นอ่านใน สมาธิ-สติ ให้บ่อยๆค่ะ คุณกรัชกายจะนำเรื่องราวเกี่ยวกับปริยัติมาโพสไว้

ตัวผู้พูดเองก็ยังเป็นผู้ศึกษาอยู่ค่ะ เลยไม่อยากให้คุณพลาดตรงนี้ไป

เจริญในธรรมค่ะ

.....................................................
ไม่มีคำว่าทำไม่ได้ หากเราพยายามทำและตั้งใจทำอย่างต่อเนื่อง



เอาเป็นว่าที่ระดับนี้ไม่ใช่ปริยัตินะงับ เป็นธรรมที่ผู้ตัดแล้วเข้ากระแสเลย

ท่านอาจเข้าใจว่าเป็น ตัวรู้ที่เรียกกว่า สัปปัญชัญญะ

สัปปัญชัญญะ ในนวโกวาท หมายถึง รู้สึกตัวทั่วพร้อม ไม่ใช่ตัวรู้นะงับ

แล้วธรรมที่เรียกว่า ผู้รู้จิตคือจิตถูกมั้ยงับ

อันนี้คือส่วนของพระอภิธรรม





แต่ที่สำคัญนะงับในการปฎิบัติของผู้ที่ถึง อริยสัจธรรม 4 ไปแล้ว จะทราบว่า จะถึงกระแส แต่ไม่ถึง

เพราะว่ายังมีตัวบังคือ วิญญาณ การศึกษาธรรมทั้งหลายใช้ความรู้สึกผ่านทางใจนะงับ

เพราะตราบใดยังเหลือตัวรู้นี้ก็ยังจะเข้าสู่กระแสไม่ได้นะงับ

ที่มีเหตุผลตั้งกระทู้นี้เพราะว่าต้องการให้ท่าน บัวศลก มาอธิบายประโยคนี้นะงับ

หากคุณวางความเป็นผู้รู้ได้เมื่อไร วันนั้นคงเป็นวันที่คุณน่าสนใจยิ่งกว่านี้

เพราะรู้สึกเสื่อมใสในภูมิธรรมตรงนี้นะงับ ไม่ใช่ปริยัตินะงับ

สุดท้ายต้องขอบคุณถึงความหวังดีนะงับ

สำหรับคุณกรัชกาย ผมมีความรู้ทางภาษาธรรมน้อยนะงับยังต้องขอคำชี้แนะจากท่านอีกเยอะ

แต่นี่คือการปฎิบัตินะงับ ไม่ใช้ทับศัพท์ ทางปริยัตินะงับ

ตรงนี้ละงับ ปริยัติ บัง ธรรมะ

สุดท้ายขอฝากถึงท่าน walaiporn

พระพุทธ บัง สภาวะพุทธะ
ตำรับตำราปริยัติ บัง ธรรมะ
สมมุติสงฆ์ บัง พระอริยะ

คงจะเข้าใจนะงับ





อ้อ ... หรือคะ ... :b9:

ค่ะ .. ตามสบายนะคะ ... :b5:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2009, 19:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2008, 10:00
โพสต์: 724

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: ปฏิบัติวิปัสสนา
อายุ: 0
ที่อยู่: เกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b12: :b12: :b12:

ตัวรู้ที่ร้าย...........ตัวรู้ที่ไม่มีสัมปชัญญะ
ตัวรู้ที่ไม่ร้าย........ตัวรู้ที่มีสัมปชัญญะ

ที่น่ากลัวกว่าตัวรู้คือ ตัวไม่รู้ ที่ดิ้นรนปฏิบัติกันทุกวันนี้ ก็เพื่อทำลายตัวไม่รู้

ระวัง ตัวไม่รู้ มี ๒ อย่าง ๑.ไม่รู้เพราะไม่ปฏิบัติ และ ๒.ไม่รู้เพราะปฏิบัติผิด

:b12: :b12: :b12:

.....................................................
เอกายโน อยํ ภิกฺขเว มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา โสกปริเทวานํ สมติกฺกมาย
ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาย ญายสฺส อธิคมาย นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย ยทิทํ
จตฺตาโร สติปฏฺฺฐานา ฯ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2009, 19:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 พ.ค. 2009, 19:40
โพสต์: 35

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แวะมาอ่านค่ะ

.....................................................
รู้จักคุณค่าในสิ่งที่เรามี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2009, 04:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มี.ค. 2009, 20:48
โพสต์: 744


 ข้อมูลส่วนตัว


บัวศกล เขียน:
ผมบัวศกล มารายงานตัว ตามคำเชื้อเชิญ ของท่านขงเบ้งครับ

ไม่ทราบว่า นี่เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของท่านขงเบ้งรึเปล่า
ที่ใช้ ลากคอจิวยี่มาขึ้นเีขียง ด้วยให้เดินมาเองอย่างชนิดมิอาจหลีกเลี่ยงได้

ผมต้องขอขอบคุณที่ท่านขงเบ้ง มีใจเป็นมิตรไมตรี และมองผมด้วยสายตาอบอุ่นชื่นชม

สำหรับความหมายในเรื่องให้คุณพลศักดิ์ ละวางความเป็นผู้รู้ลงซะบ้าง
ผมหมายถึงแค่ว่า อยากให้แกเบาๆไอ้เรื่องรู้มากของแกลงหน่อย
อะไรที่แกรู้ ก็ไม่จำเป็นต้องเอาออกมาแสดงทุกเรื่อง

และก็ควรจะแสดงบทบาทเป็นผู้ไม่รู้บ้าง เพื่อเปิดโอกาสให้ตัวเอง
ได้รับทราบข้อมูลคนอื่นเขา ไม่ใช่ว่าไม่ยอมรับฟังใครเลย
ฉันรู้ฉันเก่งล้นโลกอยู่คนเดียว

ผมคิดว่าคนที่เขาเป็นผู้รู้อย่างแท้จริงน่าจะเป็นผู้กระหายใคร่ได้รู้
เรื่องราวของคนอื่น มากยิ่งกว่าต้องการให้คนอื่นรู้เรื่องราวของตัวเอง


ความหมายของการละวางความเป็นผู้รู้ของผม มันก็แคบๆตื้นๆเท่านี้แหละครับ

ขอบคุณอีกครั้งครับ


:b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b48:




สาธุ ไม่ใช่กลอุบายนะงับ

.....................................................
“เวลาทำสมาธิ ให้ระลึกลมหายใจเข้าออก ให้รู้ลมหายใจเข้าออก ไม่ต้องบังคับลมหายใจ ตามรู้ลมหายใจเข้าออก สงบก็รู้ ไม่สงบก็รู้ สงบก็ไม่ยินดี ไม่สงบก็ไม่ยินร้าย ไม่เอาทั้งสงบและไม่สงบ เอาแค่รู้ตามความเป็นจริงของสภาวธรรมปัจจุบันนั้น”

ธรรมเหล่านี้เป็นไปเพื่อคลายกำหนัด
เป็นไปเพื่อไม่ประกอบสัตว์ไว้
เป็นไปเพื่อไม่สั่งสมกิเลส
เป็นไปเพื่อความเป็นผู้มักน้อย
เป็นไปเพื่อสันโดษ
เป็นไปเพื่อความสงัดจากหมู่คณะ
เป็นไปเพื่อปรารภความเพียร
เป็นไปเพื่อความเป็นคนเลี้ยงง่าย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2009, 08:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




imagesCA9O7GHS.jpg
imagesCA9O7GHS.jpg [ 3.71 KiB | เปิดดู 8962 ครั้ง ]
งับๆ :b1:

http://www.free-webboard.com/look.php?n ... hat&qid=35

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2009, 11:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




images.jpg
images.jpg [ 3.16 KiB | เปิดดู 8887 ครั้ง ]
อ้างคำพูด:
สำหรับคุณกรัชกาย ผมมีความรู้ทางภาษาธรรมน้อยนะงับยังต้องขอคำชี้แนะจากท่านอีกเยอะ

แต่นี่คือการปฎิบัตินะงับ ไม่ใช้ทับศัพท์ ทางปริยัตินะงับ

ตรงนี้ละงับ ปริยัติ บัง ธรรมะ

สุดท้ายขอฝากถึงท่าน walaiporn

พระพุทธ บัง สภาวะพุทธะ
ตำรับตำราปริยัติ บัง ธรรมะ
สมมุติสงฆ์ บัง พระอริยะ

คงจะเข้าใจนะงับ



โอ้งับๆ...เพิ่งเห็นว่ากล่าวถึงกรัชกายด้วย กระทู้นี้ไม่ได้อ่านตั้งแต่เริ่มคลอด :b32:
เพียงเห็นชื่อก็รู้แล้วว่า มีแนวคิดยังไง ออกช่องไหน

ที่จริงน่าจะชื่อ “ตัวไม่รู้นี่ร้ายนัก” เข้าทางกว่า เพราะตรงความจริงที่สุด ตัวรู้ไม่ร้ายนะงับ (ถ้าเป็นตัวรู้จริงๆ) เพราะเป็นวิชชา (ความรู้) ความรู้ไม่ร้ายนะงับ :b1:
ตัวไม่รู้นี่สิร้ายนัก เพราะเป็นอวิชชา (ความไม่รู้ สภาวะตามที่มันเป็น)

เห็นมั้ยงับ ความรู้ด้านตัวหนังสือ หรือ ปริยัติไม่ได้บังสัจธรรมเลย หากรู้จักใช้ส่องธรรมส่องทาง (ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ)
ตรงข้าม ไม่รู้ปริยัติเลยนี่สิน่าเป็นห่วง เพราะขาดหลัก ใครพูดอะไรมาก็เชื่อคลุมๆเบลอๆ ไป
เช่น คำพูดที่ได้ยินบ่อย ๆว่า

พระพุทธ บัง สภาวะพุทธะ
ตำรับตำราปริยัติ บัง ธรรมะ
สมมุติสงฆ์ บัง พระอริยะ



นี่แหละต้นเหตุของการสอนคนไม่ให้ไหว้พระพุทธรูป แถมพฤติกรรมย่ำยีอย่างอื่นๆอีก
ผู้มีแนวคิดเช่นนี้แยกบัญญัติกับสภาวะ (ปรมัตถ์)ไม่เป็น แยกไม่ออก เขาว่ามาก็ว่าไป เพราะไม่ได้เข้าถึงจริงๆ
เพียงแต่ตนน่ะ ยึดมั่น คำว่า “ไม่ยึดมั่น” ไว้เท่านั้นเอง (นึกออกไหมครับ) :b1:

อ่านทำความเข้าใจลักษณะ “การยึดมั่น ใน ความไม่ยึดมั่น” ที่ลิงค์นี้ดู

viewtopic.php?f=2&t=23043


อ่านจบแล็วกลับมาฟังเพลง :b9:

“ถึงร้ายก็รัก” นะงับ :b32:

http://www.imeem.com/glaibarn/music/EjFykhQz//

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 65 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 13 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร