วันเวลาปัจจุบัน 28 ก.ค. 2025, 04:32  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 92 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5 ... 7  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ย. 2018, 15:10 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ทานข้าวจานเดียว..รึ..แยกกับแยกข้าวละคับฒ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ย. 2018, 15:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ทานข้าวจานเดียว..รึ..แยกกับแยกข้าวละคับฒ

ข้าวเหนียวไก่ทอดใส่ถุง
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ย. 2018, 15:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ผมมันชาวบ้าน...มีบุญให้ทำ..พอทำได้ก็ทำ..

ปกติก็ทำแถวๆบ้าน..ปีนี้พิเศษนิดหนอย...ไปไกลมากถึงสกลนคร..เยือนถิ่นอิสาณเหนือ..

ทำตามโอกาศนะครับคุณโรส...

ก็คิดนะ...ขนาดโสดาบัน..เขายังทำบุญกัน.ไม่หยุด...เราจะเก่งเกินไปไม่ทำบุญทำทานบ้างเลยหรือ?

มีอะไรทำได้..ผมเลยทำนะครับคุณโรส

คุณโรสทำกฐินวัดไหนละปีนี้....?

:b12:
ธัมมะแปลว่าสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏเป็นเรื่องรู้สัจจะที่กำลังปรากฏว่ามีให้รู้สึกตัวถูกตรงตามคำสอนได้
การรู้ตามคำสอนตรงจริงตรงขณะเป็นการฟังแล้วคิดไตร่ตรองตามเหตุผลตรงตามคำสอนไม่ใช่กิจกรรม
สัจจะคือความจริงที่กำลังมีที่กายใจตนตรงตามที่กำลังพึ่งคิดตามคำสอนตรงเสียงแล้วรู้สึกตัวว่าไม่รู้อะไร
ไม่ใช่การไปทำตามประเพณีหรือทำตามๆกันตามความคิดเห็นของตนเองกฐินคือสะดึงขึงผ้าไม่เกี่ยวกะเงิน
:b32: :b32:

สมัยพุทธกาลมีแต่ประเพณีฟังธรรมและสนทนาธรรมจากพระพุทธเจ้าและพระขีณาสพสาวกอรหันต์ทั้งนั้น
ใจคอจะทำตามๆกันไปเรื่อยก็ทำลายคำสอนของพระพุทธเจ้าไปเรื่อยๆใครบอกให้ทำเชื่อทำตามเขาบอกเลย
ตถาคตทำได้เพียงแค่บอกใครเป็นสาวกก็มีหน้าที่ฟังไม่ใช่เหรอเป็นชาวพุทธแต่ไม่รู้ฟังแล้วคิดถูกตามคำสอน
จะเอาปัญญาที่ไหนมาพิจารณาความจริงที่ตนและคนอื่นเขาก็ไม่รู้เหมือนๆกันแล้วเมื่อไหร่จะลดกิเลสได้มีแต่อยากได้อยากทำอยากดีแต่ดีไม่ได้เพราะแบกแต่ตัวตนไปทำคนที่นับถือหรือไม่นับถือศาสนาเขาก็ทำดีได้นะ
ไม่เคยฟังคำสอนไม่เคยรู้ว่าพระพุทธเจ้าตรัสรู้อะไรก็ไม่ต่างจากคนศาสนาอื่นคือไม่ใช่สาวกที่ฟังคำสอนไงคะ
:b12:
:b17: :b17:

Rosarin เขียน:
Kiss
วัดเป็นที่พำนักของภิกษุตามธรรมวินัยที่ได้รับอนุญาตตามการบรรพชา
เป็นที่สงบร่มรื่นที่เหมาะสมสะดวกขัดเกลากิเลสใครไม่บรรพชาก็ไปนอนบ้าน
พระพุทธเจ้าทรงแสดงและปฏิบัติเป็นแบบอย่างเสด็จไปปรินิพพานนอกวัดรู้หรือเปล่า
บรรพชาคือการปฏิญานตนเท่ากับตั้งสัจจะว่าจะทำตามสิกขาบทแล้วดูสิบวชรับเงินทำลายคำสอนชัดไหม
:b16: :b16:

ฟังพระพุทธพจน์เพื่อปัญญาปรากฏ
https://youtu.be/JIziDb8gIak


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ย. 2018, 18:32 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ทานข้าวจานเดียว..รึ..แยกกับแยกข้าวละคับฒ


ข้าวเหนียวไก่ทอดใส่ถุง
:b32: :b32:


ผมมีนิสัยเสีย..ในการทานข้าวหลายอย่าง..

หนึ่งในนั้น..คือ..จะติดกับการทานกับข้าว..3 อย่าง...มี..ประเภทแกงอย่าง..ผัดอย่าง..ทอดอย่าง

ถ้าไปสั่งอาหารตามสั่ง...ก็จะมีเกาเหลาแทนแกง

ทำจนติดเป็นนิสัย...

เป็นอรรถรสในการทานข้าว..อย่างหนึ่ง..อันเป็นนิสัยเสียของผม..

มีหลายอย่าง..นะ..เรื่องนิสัยเสียในการกินนี้..เห็นหมด..กายมันก็มีแสดงออกเป็นอัตโนมัตหลายอย่างเหมือนกัน...

คุณโรส..มีนิสัยอะไรเสียเสีย..กับการทานข้าวมั้ยครับ?


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ย. 2018, 20:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ทานข้าวจานเดียว..รึ..แยกกับแยกข้าวละคับฒ


ข้าวเหนียวไก่ทอดใส่ถุง
:b32: :b32:


ผมมีนิสัยเสีย..ในการทานข้าวหลายอย่าง..

หนึ่งในนั้น..คือ..จะติดกับการทานกับข้าว..3 อย่าง...มี..ประเภทแกงอย่าง..ผัดอย่าง..ทอดอย่าง

ถ้าไปสั่งอาหารตามสั่ง...ก็จะมีเกาเหลาแทนแกง

ทำจนติดเป็นนิสัย...

เป็นอรรถรสในการทานข้าว..อย่างหนึ่ง..อันเป็นนิสัยเสียของผม..

มีหลายอย่าง..นะ..เรื่องนิสัยเสียในการกินนี้..เห็นหมด..กายมันก็มีแสดงออกเป็นอัตโนมัตหลายอย่างเหมือนกัน...

คุณโรส..มีนิสัยอะไรเสียเสีย..กับการทานข้าวมั้ยครับ?

:b12:
รีบค่ะไม่มีเวลาทานไปด้วยแบ่งให้แมวด้วยค่ะ
ถ้าไปตลาดตอนหิวซื้อหลายอย่างทานไม่หมด
เสียของบางทีก็อาหารจานเดียวนอกบ้านพออิ่มค่ะ
แต่ถ้าไปร้านอาหารพร้อมครอบครัวสั่งรัวๆหลากชนิด
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ย. 2018, 20:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ทานข้าวจานเดียว..รึ..แยกกับแยกข้าวละคับฒ


ข้าวเหนียวไก่ทอดใส่ถุง
:b32: :b32:


ผมมีนิสัยเสีย..ในการทานข้าวหลายอย่าง..

หนึ่งในนั้น..คือ..จะติดกับการทานกับข้าว..3 อย่าง...มี..ประเภทแกงอย่าง..ผัดอย่าง..ทอดอย่าง

ถ้าไปสั่งอาหารตามสั่ง...ก็จะมีเกาเหลาแทนแกง

ทำจนติดเป็นนิสัย...

เป็นอรรถรสในการทานข้าว..อย่างหนึ่ง..อันเป็นนิสัยเสียของผม..

มีหลายอย่าง..นะ..เรื่องนิสัยเสียในการกินนี้..เห็นหมด..กายมันก็มีแสดงออกเป็นอัตโนมัตหลายอย่างเหมือนกัน...

คุณโรส..มีนิสัยอะไรเสียเสีย..กับการทานข้าวมั้ยครับ?

:b12:
รีบค่ะไม่มีเวลาทานไปด้วยแบ่งให้แมวด้วยค่ะ
ถ้าไปตลาดตอนหิวซื้อหลายอย่างทานไม่หมด
เสียของบางทีก็อาหารจานเดียวนอกบ้านพออิ่มค่ะ
แต่ถ้าไปร้านอาหารพร้อมครอบครัวสั่งรัวๆหลากชนิด
:b4: :b4:



เพื่อยืนยันที่เคยบอกว่า คุณโรสพูดเรื่องอื่นๆพูดได้ฟังเข้าใจ แต่พอให้พูดที่เขาเรียกกันว่าธัมมะเท่านั้นแหละหมดสวยเรย :b32:

ถ้าจะเลียนแบบคุณโรสพูด(ธัมมะ) ก็ว่า แมวไม่มี จานก็ไม่มี มีแต่สี 1 ขณะ อีก 6 ขณะมืดไม่เห็น คิกๆๆ

ครอบครงครอบครัวเอามาแต่ไหน :b35: ไม่มี เงินก็ไม่มี บ้านก็ไม่มี มีแต่สี

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ย. 2018, 14:18 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ม.ค. 2015, 21:55
โพสต์: 1240

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า เห็นก็สักแต่ว่าเห็น ทราบสักแต่ว่าทราบ รู้ทันจะคิดดับๆ แล้วมันจะไปเหลืออะไร ไอ้ความตระหนี่ หวงแหน มันเป็นสุดยอดแห่งความยึดถือ หวงแหนยิ่งกว่าหวงแหน เป็นอาการยึดติดถึงขั้นบ้าคลั่ง ของตัวเองไม่กล้าสละ ยังริษยาในการสละของผู่อื่นอีกด้วย จนเกิดความดิ้นรน เดือดร้อน

ความเจริญแห่งทรัพย์ก็เป็นความเจริญนิดหน่อย แต่ความเจริญแห่งความรู้ทันนี่ซิ ฉลาดได้ทุกเรื่อง

แค่สักแต่ว่าต้น กลาง สุด ก็หลุดพ้นจากความยึดติดในความเดือดร้อนทั้งปวง ตัดการสืบต่อแห่งความยึดถือ จะเห็นความไม่มีตัวตนได้ในปัจจุบัน ตามเหตุและตามปัจจัยจริงๆ

จากสายสืบนิสัยศาสตร์ (จะคิดดับๆ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ย. 2018, 22:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


muisun เขียน:
พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า เห็นก็สักแต่ว่าเห็น ทราบสักแต่ว่าทราบ รู้ทันจะคิดดับๆ แล้วมันจะไปเหลืออะไร ไอ้ความตระหนี่ หวงแหน มันเป็นสุดยอดแห่งความยึดถือ หวงแหนยิ่งกว่าหวงแหน เป็นอาการยึดติดถึงขั้นบ้าคลั่ง ของตัวเองไม่กล้าสละ ยังริษยาในการสละของผู่อื่นอีกด้วย จนเกิดความดิ้นรน เดือดร้อน

ความเจริญแห่งทรัพย์ก็เป็นความเจริญนิดหน่อย แต่ความเจริญแห่งความรู้ทันนี่ซิ ฉลาดได้ทุกเรื่อง

แค่สักแต่ว่าต้น กลาง สุด ก็หลุดพ้นจากความยึดติดในความเดือดร้อนทั้งปวง ตัดการสืบต่อแห่งความยึดถือ จะเห็นความไม่มีตัวตนได้ในปัจจุบัน ตามเหตุและตามปัจจัยจริงๆ

จากสายสืบนิสัยศาสตร์ (จะคิดดับๆ)

ตระหนี่เพราะไม่สละความเห็นผิดขาดการพึ่งคิดตามคำสอน
คำว่าสละของชาวบ้านนั้นคือสละเวลาในการฟังและศึกษาคำสอน
เพื่อเข้าใจถูกตามคำสอนไม่มีอาบัติที่ต้องสละสมบัติเงินทองบ้านเรือน
แต่บรรพชิตปฏิญาณตนว่าสละอาคารบ้านเรือนทรัพย์สินเงินทองญาติมิตรหมด
เพื่อมีแค่จีวร3ผืนบริขาร8บาตร1ใบเดินบิณฑบาตเป็นกิจวัตรประจำวันและทำตามสิกขาบท
มีอาบัติก็ต้องปลงว่าตนทำผิดอะไรกับบรรพชิตด้วยกันถามหน่อยค่ะทุกวันนี้บวชรับเงินกันหมด
ปลงอาบัติต้องแสดงกับบรรพชิตที่ไม่รับเงินได้ทำการปลงกันหรือเปล่าปกติรู้ตัวเองว่าทำไม่ได้ต้องลาสิกขา
:b2:
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ธ.ค. 2018, 10:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
muisun เขียน:
พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า เห็นก็สักแต่ว่าเห็น ทราบสักแต่ว่าทราบ รู้ทันจะคิดดับๆ แล้วมันจะไปเหลืออะไร ไอ้ความตระหนี่ หวงแหน มันเป็นสุดยอดแห่งความยึดถือ หวงแหนยิ่งกว่าหวงแหน เป็นอาการยึดติดถึงขั้นบ้าคลั่ง ของตัวเองไม่กล้าสละ ยังริษยาในการสละของผู่อื่นอีกด้วย จนเกิดความดิ้นรน เดือดร้อน

ความเจริญแห่งทรัพย์ก็เป็นความเจริญนิดหน่อย แต่ความเจริญแห่งความรู้ทันนี่ซิ ฉลาดได้ทุกเรื่อง

แค่สักแต่ว่าต้น กลาง สุด ก็หลุดพ้นจากความยึดติดในความเดือดร้อนทั้งปวง ตัดการสืบต่อแห่งความยึดถือ จะเห็นความไม่มีตัวตนได้ในปัจจุบัน ตามเหตุและตามปัจจัยจริงๆ

จากสายสืบนิสัยศาสตร์ (จะคิดดับๆ)

ตระหนี่เพราะไม่สละความเห็นผิดขาดการพึ่งคิดตามคำสอน
คำว่าสละของชาวบ้านนั้นคือสละเวลาในการฟังและศึกษาคำสอน
เพื่อเข้าใจถูกตามคำสอนไม่มีอาบัติที่ต้องสละสมบัติเงินทองบ้านเรือน
แต่บรรพชิตปฏิญาณตนว่าสละอาคารบ้านเรือนทรัพย์สินเงินทองญาติมิตรหมด
เพื่อมีแค่จีวร3ผืนบริขาร8บาตร1ใบเดินบิณฑบาตเป็นกิจวัตรประจำวันและทำตามสิกขาบท
มีอาบัติก็ต้องปลงว่าตนทำผิดอะไรกับบรรพชิตด้วยกันถามหน่อยค่ะทุกวันนี้บวชรับเงินกันหมด
ปลงอาบัติต้องแสดงกับบรรพชิตที่ไม่รับเงินได้ทำการปลงกันหรือเปล่าปกติรู้ตัวเองว่าทำไม่ได้ต้องลาสิกขา
:b2:
:b32: :b32:

หรือตามัวกันหมดจนมองไม่ออกตามคำสอนว่าแต่ละคนมีกิเลสมากแค่ไหนคะ
แค่เห็นชั่วคราว...ที่มีจริงๆคืออะไร
https://youtu.be/0Eqats1bwW0


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ธ.ค. 2018, 14:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
muisun เขียน:
พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า เห็นก็สักแต่ว่าเห็น ทราบสักแต่ว่าทราบ รู้ทันจะคิดดับๆ แล้วมันจะไปเหลืออะไร ไอ้ความตระหนี่ หวงแหน มันเป็นสุดยอดแห่งความยึดถือ หวงแหนยิ่งกว่าหวงแหน เป็นอาการยึดติดถึงขั้นบ้าคลั่ง ของตัวเองไม่กล้าสละ ยังริษยาในการสละของผู่อื่นอีกด้วย จนเกิดความดิ้นรน เดือดร้อน

ความเจริญแห่งทรัพย์ก็เป็นความเจริญนิดหน่อย แต่ความเจริญแห่งความรู้ทันนี่ซิ ฉลาดได้ทุกเรื่อง

แค่สักแต่ว่าต้น กลาง สุด ก็หลุดพ้นจากความยึดติดในความเดือดร้อนทั้งปวง ตัดการสืบต่อแห่งความยึดถือ จะเห็นความไม่มีตัวตนได้ในปัจจุบัน ตามเหตุและตามปัจจัยจริงๆ

จากสายสืบนิสัยศาสตร์ (จะคิดดับๆ)

ตระหนี่เพราะไม่สละความเห็นผิดขาดการพึ่งคิดตามคำสอน
คำว่าสละของชาวบ้านนั้นคือสละเวลาในการฟังและศึกษาคำสอน
เพื่อเข้าใจถูกตามคำสอนไม่มีอาบัติที่ต้องสละสมบัติเงินทองบ้านเรือน
แต่บรรพชิตปฏิญาณตนว่าสละอาคารบ้านเรือนทรัพย์สินเงินทองญาติมิตรหมด
เพื่อมีแค่จีวร3ผืนบริขาร8บาตร1ใบเดินบิณฑบาตเป็นกิจวัตรประจำวันและทำตามสิกขาบท
มีอาบัติก็ต้องปลงว่าตนทำผิดอะไรกับบรรพชิตด้วยกันถามหน่อยค่ะทุกวันนี้บวชรับเงินกันหมด
ปลงอาบัติต้องแสดงกับบรรพชิตที่ไม่รับเงินได้ทำการปลงกันหรือเปล่าปกติรู้ตัวเองว่าทำไม่ได้ต้องลาสิกขา
:b2:
:b32: :b32:

หรือตามัวกันหมดจนมองไม่ออกตามคำสอนว่าแต่ละคนมีกิเลสมากแค่ไหนคะ
แค่เห็นชั่วคราว...ที่มีจริงๆคืออะไร
https://youtu.be/0Eqats1bwW0

อ่ะคิดอีกทีตอนที่สบตากันปิ๊งๆน่ะเห็นสีตามคำสอนแบบลึกซึ้งได้ไหม555
จักขุปสาทะรูปอยู่ภายในลูกกะตาตรงกลางตาสีดับในนั้นเป็นทศพลญาณ
:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ธ.ค. 2018, 01:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


อยู่ในโลกสมมุติต้องเอาธรรมะเป็นหลักปฏิบัติ
ธรรมะของพระพุทธเจ้า ย่อมไม่ขัดแย้งกับความเป็นโลกุตระ
แม้จะอยู่บนโลกสมมุติก็อยู่อย่างผู้ตื่น

การบูชาไฟ ถือเป็นการปฎิบัติตนทางโลก ในขณะเดียวกันมันกลับขัดแย้งกับความเป็นโลกุตระ
เพราะถือเอาไฟเป็นที่พึ่ง

ในทางโลกุตระ ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน
เรามีชีวิตทุกวันนี้เพราะส่วนหนึ่งคือไฟ ถ้าไม่มีแสงอาทิตย์
สิ่งมีชีวิตก็ดับมอด แต่เราไม่สามารถขอพรให้ไฟทำอะไรให้เราได้

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ธ.ค. 2018, 11:08 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ม.ค. 2015, 21:55
โพสต์: 1240

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


4. ตัดสินคดี

ผู้ขอก็ไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย ผู้ให้คือผู้ก่อการดี ถ้าไม่ให้ก็ไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย และก็ไม่ใช่ผู้ก่อการดี รู้ทันจะคิดดับๆ ก็จะไม่ต้องขอ แล้วไม่ต้องให้ แล้วใครเป็นผู้ก่อการร้าย คือ ผู้ห้ามการให้ ใจร้าย ริษยา บ้ายึดถือชอบ ชัง เฉย ที่สร้างความยึดถือเดือดร้อนทั้งตนและคนอื่น คิด ทำ พูด ขัดขวางทางได้ดีของผู้ให้ สร้างผลร้ายทำลายตนให้เดือดร้อน นอนทุกข์ทั้งชีวิตเข้าไปติดความฉิบหายทั้งทรัพย์ ศีล ปัญญา นำพาให้เศร้าโศกคุ้มคั่งสู่นรกอเวจีที่รุ่มร้อนทั้งลมเข้าและลมออก รู้ทันจะคิดดับๆ ก็ปิดความเดือดร้อนได้ทุกลมหายใจ

จากสายสืบนิสัยศาสตร์ (จะคิดดับๆ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ธ.ค. 2018, 13:01 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2018, 00:52
โพสต์: 512

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


การเป็นพระได้นี้เพราะท่านทำบารมีทานมาเต็มกำลังให้ถึงความสละได้แล้ว รับผลทานนั้นได้แล้ว จึงบวชเป็นพระได้
นั่นเพราะพระไม่สามารถให้ทานได้แล้ว เป็นแต่เพียงผู้รับ "ไตรสิกขาในพระภิกษุจึงเป็น ศีล สมาธิ ปัญญา"

ส่วนฆราวาสนี้ยังเป็นผู้ต้องสะสมบารมีทานอยู่ เพราะทานยังไม่เต็มพอจะเป็นผู้รับผลของทานนั้น "ดังนั้นไตรสิกขาในฆราวาสจึงเป็น ทาน ศีล ภาวนา"

เมื่อรู้ความจริงดังนี้แม้ทานก็เป็นพระบารมี 10 ทัศ การสละคือละโลภของเรา ดังนั้นเมื่อเวลาให้ถ้าถวายทานลำบากให้นึกถึงว่า..
1. ผ้ากาสาวพัสตร์ นี้คือพระพุทธศาสนาตัวแทนแห่งพระพุทธศาสนา เมื่อให้เราก็ทใจเพื่อเอื้อเฟื้อในพระพุทธศาสนา
2. เราให้เพื่อสละคืนอุปธิ ละโลภในสิ่งปรนเปรอตนของเรา
3. สะสมทานบารมีของตนให้เต็ม ให้อิ่มเต็มกำลังใจ

ทำไว้ในใจไม่เป็นมันก็ยากที่จะสละ ถ้าทำไว้ในใจเป็นมันก็ง่ายที่จะทำ เพราะจิตเป็นกุศลเอื้อเฟื้อน้อมไปในการสละโดยไม่ติดใจข้องแวะสิ่งใด

- บางคนไปวัดทำบุญฟังธรรม ยังแยกไม่ออกระหว่าง ไปถวายภัตราหาร กับ ไปฟังธรรมเลย มันบุญคนละส่วนไม่มีเงินให้ทานก็ไปฟังธรรมทำำสมาธิภาสนาได้ ครูบาอาจารย์พระอรหันต์ท่านไม่ด่ายิ่งดีด้วยซ้ำที่รู้จักเข้าวัดฟังธรรมปฏิบัติธรรม ถวายภัตราหารเป็นทานบารมี ฟังธรรมเจริญกรรมฐานเป็นภาวนาบารมี มันคนละอย่างกัน

- ส่วนคนที่ตระหนี่มันยากที่จะมีหาคนเกื้อกูลตนในภายหน้า เทวดาไม่รักษา "หากถามว่าที่พูดต่อๆกันมาจากพระไตรว่าทำบุญให้ทานทำไมจึงรวย นั่นเพราะทานเป็นกรรม"
- นั่นก็เพราะว่าเรามีกรรมเป็นของๆตน มีกรรมเป็นแดนเกิด มีกรรมเป็นที่ติดตามอาศัย เราเป็นทายาทกรรมคือว่าจะได้รับผลของกรรมนั้นสืบไป เมื่อจิตเรายังจรไปอยู่นี้ฉันใดกการเข้ายึดครองสังขารกรรมย่อมมีอยู่ด้วยประการฉันนั้น
- สังขารกรรมนี้ เพราะเป็นสิ่งที่กรรมลิขิตให้เป็นไปมีในต่างๆสืบต่อให้เราได้รับผล จึงชื่อว่าสังขารกรรม ไม่ว่าจะเป็น
..หน้าตาดี งดงาม หรือ ขี้เหร่ น่าเกลียด,
..ร่างกายครบ 32 ประการ หรือ พิการ,
..โง่ หรือฉลาด, ..สุขภาพร่างกายแข็งแรง หรือ อ่อนแอ ขี้โรค,
..มีเดช, สติปัญญา, โภคทรัพย์สมบัติ หรือ ไม่มีคนให้เกียรตินับถือ ระลึกไม่ได้ ไม่ฉลาดไม่มีไหวพริบ,
..อายุยืน วรรณะดี มีสุขะ มีพละอิมทรีย์ครบพร้อม หรือ อายุสั้น ยากจนค้นแค้น ไม่มีสุข ไม่มีกำลังอินทรีย์,
..ทำอะไรก็ถูกที่ถูกทางดีไปหมดทุกอย่าง หรือ ทำอะไรก็ชั่วผิดที่ผิดทางไปหมดทุกอย่าง ..ก็อยู่ที่สังขารกรรมนี้ทั้งสิ้นที่ลิขิตให้เป็นไป ชื่อว่า วิบากกรรม อันทำให้เราเป็นทายาทกรรมนั้น

- เมื่อรู้ว่าทาน คือ กรรม ก็ต้องรู้ว่าย่อมมีวิบากกรรม การให้ทานก็เหมือนเอาทรัพย์ที่เกินความจำเป็นของตนนั้นๆไปฝากธนาคารบุญ แล้วแปลงค่าอาหาร เงิน ทอง เป็นอริยะทรัพย์จากการสละให้ด้วยละโลภของเรา
- อุปมาเหมือน.. เวลาเราเห็นคนมีจิตใจดีให้ทาน มีใจเอื้อเฟื้อเกื้อกูลกันช่วยเหลือกัน เมื่อเราเห็นเรารู้สึกดีกับเขาไหม ก็ย่อมดีตามเป้นเป้นที่ร่รารักน่าเคารพให้เกียรติ ควรแก่ความเอื้อเฟื้อของเราจะมีให้เขา เวลาเขาลำบากเราก็อยากช่วยเหลือตามสติกำลังของเรา ยิ่งถ้าเขาเคยให้เราอยู่แล้วเรายิ่งอยากช่วยเหลือเขาตอบแทน
- แต่หากคนนั้นขี้เหนียว แม้แต่ขี้ยังไม่ให้หมากิน ใจชั่วตระหนี่ เราก็ไม่อยากเข้าใกล้ มีแต่คนรังเกียจ ย่อมคบหาได้แต่คนประเภทเดียวกันที่ไม่มีความจริงใจให้กันนอกจากผลประโยชน์ ซื้อใจกันไม่ได้ เมื่อตกที่นั่งลำบากก็ไม่มีความช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
- วิบากกรรมแห่งทานมีให้เห็นในชาตินี้เป็นต้น ด้วยประการนี้ๆฉันใด บุญจากทานที่มีบริวาร มิตรสหายมาก ให้แล้วรวย เทวดารักษา หรือ หากขี้เหนียวตระหนี่ก็ไม่มีบริวาร มิตรสหาย ลำบากยากแค้น ก็มีด้วยประการฉันนี้

ส่วนที่ผมเห็นประจำคือ คนที่มักบอกคนอื่นว่าไปทำทำไมเปลือง ไม่ต้องไปวัดหรอก ทำกับกายใจตนเองทืบ้านพอแล้ว ซึ่งคนเหล่านี้แหละที่คอยเข้าวัดเข้าวาทำบุญมากกว่าเขาเสียอีก อิอิ


-------------------------------------------------------

ขออุญาตแนะนำท่านมุ่ยซันสักนิดนะครับว่า เราไม่ต้องไปบังใคร ด่าใครให้ทำทาน ไม่ใช่ไปชี้สั่งด่าเขา แต่เราต้องสอน Attitude ให้เขารู้เห็นตามจริงชื่อว่า เปิดทางสัมมาทิฎฐิให้แก่เขา ธรรมอันเราให้นั้นชื่อว่าสัทธรรม

-------------------------------------------------------

ขออุญาตแนะนำท่านมุ่ยซันเพิ่มเติมครับว่า "หากจะคิดดับๆๆ จะไม่มีกระทู้ต่างๆของท่านมุ่ยซันในเวบสักกระทู้เลย" น่าจะเปลี่ยนเป็น คิดหนอๆๆๆๆๆ เพื่อรู้ว่ากำลังคิด รู้สิ่งที่คิด หรือเกิดเจตนากระทำใจหมายรู้ในอารมณ์ใด "ถ้าจะคิดดับ มันจะไม่มีเรื่องราวปรุงแต่ง รัก โลภ โกรธ หลงมาด่าประชดคนนั้นคนนี้ในเวบหรอกครับ" แต่เพราะมันไม่ดับมันจึงมีสืบต่อเรื่องราวปรุงแต่งไปเรื่อยไม่สิ้นสุด

ผมเข้าใจสายกรรมฐานท่านนะ ผมเองก็เคยบวชเรียนมาเป็นสายตรง เป็นศิษย์หลานของท่านพระพุฒาจารย์อาจ อาสโภ อดีตเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุ

ดังนั้นลองเปลี่ยนวิธีแสดงธรรมชักจูงให้มันถึงใจคน สอนความเห็นที่ถูกต้องแก่เขา ไม่ใช่ด่าเขาดูสิครับ ธรรมท่านจะมีคุณค่ามากขึ้น

-------------------------------------------------------

ขออนุโมทนาครับ

.....................................................
(จิตรู้สมมติ เป็นสมุทัย)
(ผลอันเกิดจากจิตรู้สมมติ เป็นทุกข์)
(จิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นมรรค)
(ผลอันเกิดจากจิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นนิโรธ)


แก้ไขล่าสุดโดย แค่อากาศ เมื่อ 02 ธ.ค. 2018, 13:39, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ธ.ค. 2018, 13:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
พระแปลว่าผู้ประเสริฐ
พุทธะแปลว่ารู้ ตื่น เบิกบาน
ศาสนาแปลว่าคำสอน

พระพุทธศาสนาคือคำสอนของผู้ประเสริฐที่รู้ตื่นเบิกบานในธัมมะ

และพระรัตนตรัยสูงสุดคือพระพุทธเจ้าเป็นศาสดา

และทรงยกคำสอนขึ้นแทนพระองค์

ศาสนา=คำสอน=ศาสดา

พระพุทธเจ้าเอาเงินมาแจกไหมคะ

ยังมีข้อห้ามบรรพชิตยินดีในการรับเงินทองและรูปิยะ(สิ่งที่ใช้แทนเงิน)

พระเทวทัตเป็นพระญาติได้สมาบัติด้วยทำไมตกนรกคะ
:b12:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ธ.ค. 2018, 13:41 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2018, 00:52
โพสต์: 512

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


.

.....................................................
(จิตรู้สมมติ เป็นสมุทัย)
(ผลอันเกิดจากจิตรู้สมมติ เป็นทุกข์)
(จิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นมรรค)
(ผลอันเกิดจากจิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นนิโรธ)


แก้ไขล่าสุดโดย แค่อากาศ เมื่อ 04 ธ.ค. 2018, 18:25, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 92 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5 ... 7  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร