บุหรี่ที่กำลังสูบอยู่นั้นท่านกำลังสร้างบาป
พิษภัยจากควันบุหรี่มันไปเบียดเบียนผู้อื่น ทำลายอากาศ
ที่คนอื่นเขากำลังหายใจอยู่ การเบียดเบียนผู้อื่นย่อมเป็นการผิดศีล

ทีนี้เราลองมาคิดดูว่าพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเเรามักเรียกว่า
พระอริยะสงฆ์ พระอริยะสงฆ์นี่หมายถึงผู้บรรลุธรรมแล้ว
มีตั้งแตพระโสดาบันเป็นต้นไป ดังนั้นการคิดว่าพระสงฆ์ที่ท่านสูบบุหรี
เป็นพระอริยะสงฆ์นี้นมันผิดหลักคำสอน พระอริยะสงฆ์จะไม่สร้างบาปแล้ว
โดยการเบียดเบียนผู้อื่น ศีลของท่านเป็นผู้บริสุทธิท่านข้ามพ้นแล้ว

พระอื่นๆที่กำลังสูบบุหรี่อยู่น่าจะเป็นการทำลายศีล ๕ ของตัวเองด้วย
ฉะนั้นเมื่อเป็นดังนี้ศีล ๕ ก็ไม่มี

ถ้า..สูบบุหรีผิดศีลข้อที่ ๑...เพราะพ้นควันที่คาดว่าจะเป็นพิษต่อคนอื่น..

อย่างนั้น...คนที่หายใจออก...เอาคาร์บอนไดออกไซร์ออกมา...ก็ต้องผิดศีลข้อ๑ ด้วยนะซิ...เพราะคาร์บอนไดออกไซด์ก็เป็นพิษต่อร่างกายเหมือนกัน..

555...

ความคิดตกขอบ

แล้วเห็นความคิดที่คิดเองเออเอง..มั้ยละคับ?..

ดูนี้..ซิ..

สูบบุหรี่ เรื่องผิดศีลข้อ1นั้น น่าจะเป็นเรื่องของเจตนาหรือปล่าวครับ
อย่างถ้ารู้ว่าติดบุหรี่ แต่หลีกเลี่ยงตนเองด้วยการงดเว้นที่จะสูบในที่ชุมชนคนเยอะๆ หรือ รู้ว่าตรงนั้นคนเยอะก็หลบเลี่ยงออกมาสูบบุหรี่ที่อื่น อันนี้คือเจตนาที่คนสูบไม่อยากให้คนอื่นได้รับผลกระทบ ถือว่ายังดี

แต่สูบบุหรี่โดยไม่เคยคิดถึงคนอื่น คนเยอะไม่เยอะข้าจะสูบซะอย่าง ไม่สนใจสถานที่ ไม่สนใจผู้คน อย่างนี้คือกำลังสร้างเจตนาในทางเสื่อม

เรื่องของพระ ต้องมีวินัยสงฆ์เข้ามาเกี่ยวด้วย ว่ากฎบัญญัตินั้นตัวเองได้ล่วงละเมิดหรือไม่

ถ้าไม่มีข้อบัญญัติ เนื่องด้วยสมัยก่อนยังไม่มีบุหรี่ ก็ต้องมาดูข้อเจตนา อันเป็นข้อปฎิบัติของพระผู้นั้นว่าสนใจหรือรู้ตัวกับสิ่งแวดล้อมรอบๆแค่ไหน

ถ้าเป็นพระอริยบุคคล ท่านคงไม่ยืนเป่าควันโท่งๆกลางวงล้อมคนครับ

ลมหายใจนั้นมีค่าที่สุด อากาศที่บริสุทธิย่อมทำให้สุขภาพชีวิต
ที่ดีมีชีวิตยืนยาว ลมหายใจยังทำให้บุคคลบรรลุธรรมได้
แม้แต่พระโพธิสัตว์ยังต้องอาศัยลมหายใจนี้เข้าสู่ความสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า

ขออนุโมทนาสาธุนะครับ