วันเวลาปัจจุบัน 21 ก.ค. 2025, 20:20  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 100 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ม.ค. 2017, 20:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:

ปฏิจจสมุปบาทสายดับ กับสายเกิดนี่เป็นเรื่องธรรมดาที่รู้กันทั่วไปไม่เห็นมีอะไรต้องบอกเป็นพิเศษ

กบเอาไปทำเป็นภาษาปะกิตให้คนงงเล่นเอาเอง



ให้ท่านอโศกปวดหัวเล่น นี่สายอะไรเอ้า เมียชวน


อ้างคำพูด:
เริ่มจากที่ภรรยาชวนไปปฏิบัติรรมที่วัดแห่งหนึ่งครับ

มีการเดินจงกรมสลับการนั่งสมาธิ........พอถึงการนั่งสมาธินั่งนานประมาณ30นาที(คาดคะเนในใจ)เริ่มมีอาการปวดที่ขาเกิดขึ้นที่ละนิดที่ละน้อย........จนเริ่มปวดมากขึ้นจนในใจคิดว่าจะต้องเปลี่ยนอริยาบสหรือขยับขาเพื่อให้ผ่อนคลายอาการปวดขา. ......เกิดความคิดในใจว่าขึ้นมาว่าเรามาปฏิบัติธรรมต้องทำให้ได้ต้องอดทน........อีกในใจกลับบอกว่าถ้านั่งนานไปเดี๋ยวขาจะเจ็บหนักขับรถกลับไปบ้านไม่ได้นะ......ในใจผมเกิดความคิดอย่างนี้สลับกันไปสลับกันมานานพอสมควรจนถึงจุดๆหนึ่งตัดสินใจนั่งต่อไปเป็นไงเป็นกัน. .....จนรู้สึกว่าขาข้างที่ปวดหลุดออกจากตัวแล้วรู้สึกว่าผมมองดูขาข้างที่ปวด(ขาข้างขวา)ผมเห็นขาตัวเองมีอะไรบ้างอย่างพันรัดแน่นคล้ายงูกำลังรัดเหยื่อ.....ความรู้ตอนนั้นเหมือนว่ามันไม่เจ็บไม่ปวดเหมือนมันไม่ใช่ขาของผมเลยครับ. ...
อาการอย่างนั้นปรากฏอยู่นานจนนาฬิกาจับเวลาการนั่งสมาธิดังเตือนว่านั่งสมาธิครบ 1 ชั่วโมงแล้วดังขึ้นผมก็เลยรู้สึกว่ามีขาอีกครั้งครับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ม.ค. 2017, 20:15 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
เอกอน..มาอ่าน..แล้วคง...เบื่อ

ออกไปแระ..
:b9: :b9:


แน๊ะ คล้อยหลังมีรีบแอบนินทาด้วย

:b32: :b32: :b32:

ไม่หรอก บางทีไม่ค่อยสนทนาเพราะไม่ค่อยว่าง มัวแต่มีเรื่องอื่นให้ทำไปเรื่อย

พอดีวันนี้กำลังนั่งอยู่ที่ทำงานเป็นเพื่อนรุ่นพี่อีกคน เขากำลังทำงานอยู่

ก็เลยนั่งอยู่เป็นเพื่อนเขา

ได้นั่งว่าง ๆ ก็เลย ได้เข้ามา POST พอเพลิน ๆ

:b9: :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ม.ค. 2017, 06:20 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:

ปฏิจจสมุปบาทสายดับ กับสายเกิดนี่เป็นเรื่องธรรมดาที่รู้กันทั่วไปไม่เห็นมีอะไรต้องบอกเป็นพิเศษ

กบเอาไปทำเป็นภาษาปะกิตให้คนงงเล่นเอาเอง



ให้ท่านอโศกปวดหัวเล่น นี่สายอะไรเอ้า เมียชวน


อ้างคำพูด:
เริ่มจากที่ภรรยาชวนไปปฏิบัติรรมที่วัดแห่งหนึ่งครับ

มีการเดินจงกรมสลับการนั่งสมาธิ........พอถึงการนั่งสมาธินั่งนานประมาณ30นาที(คาดคะเนในใจ)เริ่มมีอาการปวดที่ขาเกิดขึ้นที่ละนิดที่ละน้อย........จนเริ่มปวดมากขึ้นจนในใจคิดว่าจะต้องเปลี่ยนอริยาบสหรือขยับขาเพื่อให้ผ่อนคลายอาการปวดขา. ......เกิดความคิดในใจว่าขึ้นมาว่าเรามาปฏิบัติธรรมต้องทำให้ได้ต้องอดทน........อีกในใจกลับบอกว่าถ้านั่งนานไปเดี๋ยวขาจะเจ็บหนักขับรถกลับไปบ้านไม่ได้นะ......ในใจผมเกิดความคิดอย่างนี้สลับกันไปสลับกันมานานพอสมควรจนถึงจุดๆหนึ่งตัดสินใจนั่งต่อไปเป็นไงเป็นกัน. .....จนรู้สึกว่าขาข้างที่ปวดหลุดออกจากตัวแล้วรู้สึกว่าผมมองดูขาข้างที่ปวด(ขาข้างขวา)ผมเห็นขาตัวเองมีอะไรบ้างอย่างพันรัดแน่นคล้ายงูกำลังรัดเหยื่อ.....ความรู้ตอนนั้นเหมือนว่ามันไม่เจ็บไม่ปวดเหมือนมันไม่ใช่ขาของผมเลยครับ. ...
อาการอย่างนั้นปรากฏอยู่นานจนนาฬิกาจับเวลาการนั่งสมาธิดังเตือนว่านั่งสมาธิครบ 1 ชั่วโมงแล้วดังขึ้นผมก็เลยรู้สึกว่ามีขาอีกครั้งครับ

huh
ว่าจะไม่ตอบปัญหาก้อปมาแปะของกรัชกายแบบนี้ แต่ด้วยเมตตาสงสารก็ขอบอกหลักสอบอารมณ์ศิษย์ไว้อีกทีว่า

1.ฟังปัญหา
2.สอบถามอาการหรือรายละเอียดอื่นที่เขายังบอกไม่หมด
2.วิเคราะห์หาเหตุที่แท้จริง
3.วินิจฉัยพื้นฐาน ทุนเดิมทางธรรมที่เขามี
4.เติมเต็มความรู้ที่เขาขาด
5.ปรับความเห็นเขาให้เข้าสู่สัมมาทิฏฐิโดยสุตตะและจินตมยปัญญาเสียก่อน
6.สอนวิธีแก้ปัญหาให้เขาแบบผสมผสานตามจริตนิสัยวาสนาบารมีที่เหมาะสมพื้นฐานเดิมของเขา
7.เอาแบบฝึกหัดให้ทำ และนำสู่การเผชิญหน้าความจริง
8.ติดตามเป็นพี่เลี้ยงคอยช่วยแนะนำ
9.ทำให้เขาพึ่งตัวเองได้และเดินทางไปด้วยตัวเองอย่างอาจหาญ

แยกให้เป็นข้อๆอย่างนี้ดูยาวนะแต่เวลาปฏิบัติการจริงๆมันแพ้บเดียวนะถ้าคล่องและชำนาญแล้ว

ต่อไปอย่าเอาปัญหาของคนที่สติไม่ทันปัจจุบัน สัปชัญญะขาด จนฟุ้งซ่านติดนิมิตอย่างนี้มาถามอีก เอาหลักที่ให้ไปแก้ไขปัญหาให้เขาเอาเองนะ กรัชกาย
รู้จักโตเสียที อย่าเป็นลูกแหง่เฝ้าขอกินนมอยู่อย่างนี้ตลอดไปเลย

onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ม.ค. 2017, 07:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:

ปฏิจจสมุปบาทสายดับ กับสายเกิดนี่เป็นเรื่องธรรมดาที่รู้กันทั่วไปไม่เห็นมีอะไรต้องบอกเป็นพิเศษ

กบเอาไปทำเป็นภาษาปะกิตให้คนงงเล่นเอาเอง



ให้ท่านอโศกปวดหัวเล่น นี่สายอะไรเอ้า เมียชวน


อ้างคำพูด:
เริ่มจากที่ภรรยาชวนไปปฏิบัติรรมที่วัดแห่งหนึ่งครับ

มีการเดินจงกรมสลับการนั่งสมาธิ........พอถึงการนั่งสมาธินั่งนานประมาณ30นาที(คาดคะเนในใจ)เริ่มมีอาการปวดที่ขาเกิดขึ้นที่ละนิดที่ละน้อย........จนเริ่มปวดมากขึ้นจนในใจคิดว่าจะต้องเปลี่ยนอริยาบสหรือขยับขาเพื่อให้ผ่อนคลายอาการปวดขา. ......เกิดความคิดในใจว่าขึ้นมาว่าเรามาปฏิบัติธรรมต้องทำให้ได้ต้องอดทน........อีกในใจกลับบอกว่าถ้านั่งนานไปเดี๋ยวขาจะเจ็บหนักขับรถกลับไปบ้านไม่ได้นะ......ในใจผมเกิดความคิดอย่างนี้สลับกันไปสลับกันมานานพอสมควรจนถึงจุดๆหนึ่งตัดสินใจนั่งต่อไปเป็นไงเป็นกัน. .....จนรู้สึกว่าขาข้างที่ปวดหลุดออกจากตัวแล้วรู้สึกว่าผมมองดูขาข้างที่ปวด(ขาข้างขวา)ผมเห็นขาตัวเองมีอะไรบ้างอย่างพันรัดแน่นคล้ายงูกำลังรัดเหยื่อ.....ความรู้ตอนนั้นเหมือนว่ามันไม่เจ็บไม่ปวดเหมือนมันไม่ใช่ขาของผมเลยครับ. ...
อาการอย่างนั้นปรากฏอยู่นานจนนาฬิกาจับเวลาการนั่งสมาธิดังเตือนว่านั่งสมาธิครบ 1 ชั่วโมงแล้วดังขึ้นผมก็เลยรู้สึกว่ามีขาอีกครั้งครับ


ว่าจะไม่ตอบปัญหาก้อปมาแปะของกรัชกายแบบนี้ แต่ด้วยเมตตาสงสารก็ขอบอกหลักสอบอารมณ์ศิษย์ไว้อีกทีว่า

1.ฟังปัญหา
2.สอบถามอาการหรือรายละเอียดอื่นที่เขายังบอกไม่หมด
2.วิเคราะห์หาเหตุที่แท้จริง
3.วินิจฉัยพื้นฐาน ทุนเดิมทางธรรมที่เขามี
4.เติมเต็มความรู้ที่เขาขาด
5.ปรับความเห็นเขาให้เข้าสู่สัมมาทิฏฐิโดยสุตตะและจินตมยปัญญาเสียก่อน
6.สอนวิธีแก้ปัญหาให้เขาแบบผสมผสานตามจริตนิสัยวาสนาบารมีที่เหมาะสมพื้นฐานเดิมของเขา
7.เอาแบบฝึกหัดให้ทำ และนำสู่การเผชิญหน้าความจริง
8.ติดตามเป็นพี่เลี้ยงคอยช่วยแนะนำ
9.ทำให้เขาพึ่งตัวเองได้และเดินทางไปด้วยตัวเองอย่างอาจหาญ

แยกให้เป็นข้อๆอย่างนี้ดูยาวนะแต่เวลาปฏิบัติการจริงๆมันแพ้บเดียวนะถ้าคล่องและชำนาญแล้ว

ต่อไปอย่าเอาปัญหาของคนที่สติไม่ทันปัจจุบัน สัปชัญญะขาด จนฟุ้งซ่านติดนิมิตอย่างนี้มาถามอีก เอาหลักที่ให้ไปแก้ไขปัญหาให้เขาเอาเองนะ กรัชกาย
รู้จักโตเสียที อย่าเป็นลูกแหง่เฝ้าขอกินนมอยู่อย่างนี้ตลอดไปเลย


9 ข้อ ไม่เห็นมีคำแนะนำอะไร คิกๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ม.ค. 2017, 00:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:

ปฏิจจสมุปบาทสายดับ กับสายเกิดนี่เป็นเรื่องธรรมดาที่รู้กันทั่วไปไม่เห็นมีอะไรต้องบอกเป็นพิเศษ

กบเอาไปทำเป็นภาษาปะกิตให้คนงงเล่นเอาเอง



ให้ท่านอโศกปวดหัวเล่น นี่สายอะไรเอ้า เมียชวน


อ้างคำพูด:
เริ่มจากที่ภรรยาชวนไปปฏิบัติรรมที่วัดแห่งหนึ่งครับ

มีการเดินจงกรมสลับการนั่งสมาธิ........พอถึงการนั่งสมาธินั่งนานประมาณ30นาที(คาดคะเนในใจ)เริ่มมีอาการปวดที่ขาเกิดขึ้นที่ละนิดที่ละน้อย........จนเริ่มปวดมากขึ้นจนในใจคิดว่าจะต้องเปลี่ยนอริยาบสหรือขยับขาเพื่อให้ผ่อนคลายอาการปวดขา. ......เกิดความคิดในใจว่าขึ้นมาว่าเรามาปฏิบัติธรรมต้องทำให้ได้ต้องอดทน........อีกในใจกลับบอกว่าถ้านั่งนานไปเดี๋ยวขาจะเจ็บหนักขับรถกลับไปบ้านไม่ได้นะ......ในใจผมเกิดความคิดอย่างนี้สลับกันไปสลับกันมานานพอสมควรจนถึงจุดๆหนึ่งตัดสินใจนั่งต่อไปเป็นไงเป็นกัน. .....จนรู้สึกว่าขาข้างที่ปวดหลุดออกจากตัวแล้วรู้สึกว่าผมมองดูขาข้างที่ปวด(ขาข้างขวา)ผมเห็นขาตัวเองมีอะไรบ้างอย่างพันรัดแน่นคล้ายงูกำลังรัดเหยื่อ.....ความรู้ตอนนั้นเหมือนว่ามันไม่เจ็บไม่ปวดเหมือนมันไม่ใช่ขาของผมเลยครับ. ...
อาการอย่างนั้นปรากฏอยู่นานจนนาฬิกาจับเวลาการนั่งสมาธิดังเตือนว่านั่งสมาธิครบ 1 ชั่วโมงแล้วดังขึ้นผมก็เลยรู้สึกว่ามีขาอีกครั้งครับ


ว่าจะไม่ตอบปัญหาก้อปมาแปะของกรัชกายแบบนี้ แต่ด้วยเมตตาสงสารก็ขอบอกหลักสอบอารมณ์ศิษย์ไว้อีกทีว่า

1.ฟังปัญหา
2.สอบถามอาการหรือรายละเอียดอื่นที่เขายังบอกไม่หมด
2.วิเคราะห์หาเหตุที่แท้จริง
3.วินิจฉัยพื้นฐาน ทุนเดิมทางธรรมที่เขามี
4.เติมเต็มความรู้ที่เขาขาด
5.ปรับความเห็นเขาให้เข้าสู่สัมมาทิฏฐิโดยสุตตะและจินตมยปัญญาเสียก่อน
6.สอนวิธีแก้ปัญหาให้เขาแบบผสมผสานตามจริตนิสัยวาสนาบารมีที่เหมาะสมพื้นฐานเดิมของเขา
7.เอาแบบฝึกหัดให้ทำ และนำสู่การเผชิญหน้าความจริง
8.ติดตามเป็นพี่เลี้ยงคอยช่วยแนะนำ
9.ทำให้เขาพึ่งตัวเองได้และเดินทางไปด้วยตัวเองอย่างอาจหาญ

แยกให้เป็นข้อๆอย่างนี้ดูยาวนะแต่เวลาปฏิบัติการจริงๆมันแพ้บเดียวนะถ้าคล่องและชำนาญแล้ว

ต่อไปอย่าเอาปัญหาของคนที่สติไม่ทันปัจจุบัน สัปชัญญะขาด จนฟุ้งซ่านติดนิมิตอย่างนี้มาถามอีก เอาหลักที่ให้ไปแก้ไขปัญหาให้เขาเอาเองนะ กรัชกาย
รู้จักโตเสียที อย่าเป็นลูกแหง่เฝ้าขอกินนมอยู่อย่างนี้ตลอดไปเลย


9 ข้อ ไม่เห็นมีคำแนะนำอะไร คิกๆๆ

:b13:
เป็นโรคตาฟางไปเสียแล้วหรือกรัชกายที่ไม่เห็นคำแนะนำ
รีบรักษานะไมอย่างนั้นอาจจะลุกลามมากจนทำให้ไม่เห็นอะไรอื่น นอกจากความเห็นของกู....

:b41:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ม.ค. 2017, 11:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:

ปฏิจจสมุปบาทสายดับ กับสายเกิดนี่เป็นเรื่องธรรมดาที่รู้กันทั่วไปไม่เห็นมีอะไรต้องบอกเป็นพิเศษ

กบเอาไปทำเป็นภาษาปะกิตให้คนงงเล่นเอาเอง



ให้ท่านอโศกปวดหัวเล่น นี่สายอะไรเอ้า เมียชวน


อ้างคำพูด:
เริ่มจากที่ภรรยาชวนไปปฏิบัติรรมที่วัดแห่งหนึ่งครับ

มีการเดินจงกรมสลับการนั่งสมาธิ........พอถึงการนั่งสมาธินั่งนานประมาณ30นาที(คาดคะเนในใจ)เริ่มมีอาการปวดที่ขาเกิดขึ้นที่ละนิดที่ละน้อย........จนเริ่มปวดมากขึ้นจนในใจคิดว่าจะต้องเปลี่ยนอริยาบสหรือขยับขาเพื่อให้ผ่อนคลายอาการปวดขา. ......เกิดความคิดในใจว่าขึ้นมาว่าเรามาปฏิบัติธรรมต้องทำให้ได้ต้องอดทน........อีกในใจกลับบอกว่าถ้านั่งนานไปเดี๋ยวขาจะเจ็บหนักขับรถกลับไปบ้านไม่ได้นะ......ในใจผมเกิดความคิดอย่างนี้สลับกันไปสลับกันมานานพอสมควรจนถึงจุดๆหนึ่งตัดสินใจนั่งต่อไปเป็นไงเป็นกัน. .....จนรู้สึกว่าขาข้างที่ปวดหลุดออกจากตัวแล้วรู้สึกว่าผมมองดูขาข้างที่ปวด(ขาข้างขวา) ผมเห็นขาตัวเองมีอะไรบ้างอย่างพันรัดแน่นคล้ายงูกำลังรัดเหยื่อ.....ความรู้ตอนนั้นเหมือนว่ามันไม่เจ็บไม่ปวดเหมือนมันไม่ใช่ขาของผมเลยครับ. ...
อาการอย่างนั้นปรากฏอยู่นานจนนาฬิกาจับเวลาการนั่งสมาธิดังเตือนว่านั่งสมาธิครบ 1 ชั่วโมงแล้วดังขึ้นผมก็เลยรู้สึกว่ามีขาอีกครั้งครับ


ว่าจะไม่ตอบปัญหาก้อปมาแปะของกรัชกายแบบนี้ แต่ด้วยเมตตาสงสารก็ขอบอกหลักสอบอารมณ์ศิษย์ไว้อีกทีว่า

1.ฟังปัญหา
2.สอบถามอาการหรือรายละเอียดอื่นที่เขายังบอกไม่หมด
2.วิเคราะห์หาเหตุที่แท้จริง
3.วินิจฉัยพื้นฐาน ทุนเดิมทางธรรมที่เขามี
4.เติมเต็มความรู้ที่เขาขาด
5.ปรับความเห็นเขาให้เข้าสู่สัมมาทิฏฐิโดยสุตตะและจินตมยปัญญาเสียก่อน
6.สอนวิธีแก้ปัญหาให้เขาแบบผสมผสานตามจริตนิสัยวาสนาบารมีที่เหมาะสมพื้นฐานเดิมของเขา
7.เอาแบบฝึกหัดให้ทำ และนำสู่การเผชิญหน้าความจริง
8.ติดตามเป็นพี่เลี้ยงคอยช่วยแนะนำ
9.ทำให้เขาพึ่งตัวเองได้และเดินทางไปด้วยตัวเองอย่างอาจหาญ

แยกให้เป็นข้อๆอย่างนี้ดูยาวนะแต่เวลาปฏิบัติการจริงๆมันแพ้บเดียวนะถ้าคล่องและชำนาญแล้ว

ต่อไปอย่าเอาปัญหาของคนที่สติไม่ทันปัจจุบัน สัปชัญญะขาด จนฟุ้งซ่านติดนิมิตอย่างนี้มาถามอีก เอาหลักที่ให้ไปแก้ไขปัญหาให้เขาเอาเองนะ กรัชกาย
รู้จักโตเสียที อย่าเป็นลูกแหง่เฝ้าขอกินนมอยู่อย่างนี้ตลอดไปเลย


9 ข้อ ไม่เห็นมีคำแนะนำอะไร คิกๆๆ


เป็นโรคตาฟางไปเสียแล้วหรือกรัชกายที่ไม่เห็นคำแนะนำ
รีบรักษานะไมอย่างนั้นอาจจะลุกลามมากจนทำให้ไม่เห็นอะไรอื่น นอกจากความเห็นของกู.



มีคำแนะนำท่านอโศกนะ เสียเวลา เลิกเหอะ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ม.ค. 2017, 15:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ท่านอโศกหายไปจากลานนี่ แต่ไปชวนแขกอยู่ลานโน่น :b1:

กลับมาลานเทนี่เถอะขอรับ กลับมาเถอะ ถ้าไม่มานะ จะตามไปลานโน่นอีก :b13:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ม.ค. 2017, 20:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


s006 s006 s006

อยู่หนใดหน่า....จะตามไปชม..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ม.ค. 2017, 06:44 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


หนี้ไปหาที่ชอบ..ที่ชอบ..ซะแล้ว

:b9: :b9: :b9:

ก็เป็นธรรมดา..นะครับ...คนเราก็ชอบหาที่..ที่ตัวเองมีสุขเวทนา..หนีที่ที่มีทุกขเวทนา..เป็นธรรมดา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.พ. 2017, 17:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถึงตัวท่านอโศกจะทิ้ง กท.นี้ไป แต่ก็ยังแอบส่องลานนี่อยู่ ก็เหมือนกับกรัชกายที่ไปส่องท่านอโศกที่ลานโน่นแหละ คิกๆๆๆ :b32:

เล่นสองลานก็ได้ กลับมาเถอะขอรับ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 100 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร