วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 20:32  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 48 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2016, 10:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Kiss
ทุกอย่างเป็นธัมมะไม่มีเราค่ะ
:b32: :b32:


อ้างคำพูด:
ทุกอย่างเป็นธัมมะไม่มีเราค่ะ




ไม่มีเรา แล้วเราจะทำความดีไปทำไมล่ะงั้น :b13:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2016, 10:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
พระพุทธเจ้าทรงจำแนกธรรมไว้แล้วโดยละเอียด
ต้องพึ่งการฟังคำของพระองค์ไม่คิดเองเพราะว่า
กิเลสเกิดตลอดเวลาที่ยังมีโมหะพึงรู้คิดตามคำสอน
จำคำของพระองค์ที่ตรงความจริงรู้การสะสมจิตตนว่า
รู้ไตร่ตรองตามคำของพระองค์ตรงที่จิตตนสะสมมากแค่ไหน
ลองพิจารณาแผนผังการเกิดดับของจิตเจตสิกรูปที่ลุงหมานโพสต์ไว้ค่ะ
:b4: :b4:
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=46807


นี่เป็นธรรม ธัมม์ มั้ย

- ไม่เสพอบายมุข (ช่องทางเสื่อมเสีย หรือหายหมดไป) แห่งโภคะ ๖ ประการ คือ
๑. ติดสุรา และของมึนเมา
๒. ติดเที่ยวกลางคืน
๓. ติดเที่ยวดูการเล่น
๔. ติดการพนัน
๕. ติดคบเพื่อนชั่ว
๖. เกียจคร้านการงาน



คุณโรสว่า เป็นธรรมะไม่มีเรา

ถ้ายังงั้น เรามาเหล้าสูบบุหรี เสพสิ่งเสพติด (รบ. กำลังจะพลิตยาบ้าแจกฟรี) กันมั้ยงั้น :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2016, 10:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
ทุกอย่างเป็นธัมมะไม่มีเราค่ะ
:b32: :b32:


อ้างคำพูด:
ทุกอย่างเป็นธัมมะไม่มีเราค่ะ




ไม่มีเรา แล้วเราจะทำความดีไปทำไมล่ะงั้น :b13:

Kiss
:b1:
ไม่มีเรา...แต่มีจิตเจตสิกรูปนิพพาน
ดีคือมีปัญญาไม่ดีคือไม่มีปัญญา
ดีที่สุดคือพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
รองลงมาคือพระปัจเจกพุทธเจ้า
รองมามาอีกก็คือพระอรหันต์สาวก
พระอริยบุคคลยังไม่ดีน๊าเพราะยังละกุศลไม่ได้
ส่วนปุถุชนสะสมทั้งกุศลและอกุศลเพิ่มขึ้นหยุดเกิดไม่ได้
:b16:
:b4: :b4:


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 20 มิ.ย. 2016, 10:23, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2016, 10:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
พระพุทธเจ้าทรงจำแนกธรรมไว้แล้วโดยละเอียด
ต้องพึ่งการฟังคำของพระองค์ไม่คิดเองเพราะว่า
กิเลสเกิดตลอดเวลาที่ยังมีโมหะพึงรู้คิดตามคำสอน
จำคำของพระองค์ที่ตรงความจริงรู้การสะสมจิตตนว่า
รู้ไตร่ตรองตามคำของพระองค์ตรงที่จิตตนสะสมมากแค่ไหน
ลองพิจารณาแผนผังการเกิดดับของจิตเจตสิกรูปที่ลุงหมานโพสต์ไว้ค่ะ
:b4: :b4:
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=46807


นี่เป็นธรรม ธัมม์ มั้ย

- ไม่เสพอบายมุข (ช่องทางเสื่อมเสีย หรือหายหมดไป) แห่งโภคะ ๖ ประการ คือ
๑. ติดสุรา และของมึนเมา
๒. ติดเที่ยวกลางคืน
๓. ติดเที่ยวดูการเล่น
๔. ติดการพนัน
๕. ติดคบเพื่อนชั่ว
๖. เกียจคร้านการงาน



คุณโรสว่า เป็นธรรมะไม่มีเรา

ถ้ายังงั้น เรามาเหล้าสูบบุหรี เสพสิ่งเสพติด (รบ. กำลังจะพลิตยาบ้าแจกฟรี) กันมั้ยงั้น :b32:

Kiss
ชวนไปเที่ยวแหล่งอโคจรแล้วเห็นไหมทำดียังไม่มั่นคง :b32:
เหตุปัจจัยของใครมีก็เป็นไปตามกรรมที่ทำเพราะสะสมแล้ว
ไม่มีใครจัดการกับความเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปของธัมมะได้น๊า
สัพเพ ธรรมา อนัตตา...สัพเพ ธัมมา นาลัง อภินิเว สายะ
:b17: :b17:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2016, 10:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
ทุกอย่างเป็นธัมมะไม่มีเราค่ะ
:b32: :b32:


อ้างคำพูด:
ทุกอย่างเป็นธัมมะไม่มีเราค่ะ




ไม่มีเรา แล้วเราจะทำความดีไปทำไมล่ะงั้น :b13:

Kiss
:b1:
ไม่มีเรา...แต่มีจิตเจตสิกรูปนิพพาน
ดีคือมีปัญญาไม่ดีคือไม่มีปัญญา
ดีที่สุดคือพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
รองลงมาคือพระปัจเจกพุทธเจ้า
รองมามาอีกก็คือพระอรหันต์สาวก
พระอริยบุคคลยังไม่ดีน๊าเพราะยังละกุศลไม่ได้

ส่วนปุถุชนสะสมทั้งกุศลและอกุศลเพิ่มขึ้นหยุดเกิดไม่ได้
:b16:
:b4: :b4:


อ้างคำพูด:
ส่วนปุถุชนสะสมทั้งกุศลและอกุศลเพิ่มขึ้นหยุดเกิดไม่ได้



พูดยังงี้ คนเกิดมาเป็นปุถุชน ก็หมดสิทธิ์เป็นเป็นอริยบุคคลซี่งั้น

อ้างคำพูด:
พระอริยบุคคลยังไม่ดีน๊า เพราะยังละกุศลไม่ได้



เมื่อเราต้องการเป็นพระอรหันต์ ต้องละกุศลอีกด้วย ทำยังไงล่ะทีนี้ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2016, 10:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เอายังงี้ทีหนึ่งก่อน

สรุปๆคือคุณโรส ไม่อยากเกิดว่างั้นเถอะ :b10:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2016, 10:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เอายังงี้ทีหนึ่งก่อน

สรุปๆคือคุณโรส ไม่อยากเกิดว่างั้นเถอะ :b10:

:b12:
อนัตตาคือเลือกไม่ได้น๊าถึงได้โดยไม่อยาก
คิดเองเออเองน๊าจะไม่เกิดได้ยังไงอยากก็คือโลภะ
พระอรหันต์น๊าที่ดับกิเลส โลภะ โทสะ โมหะ ได้หมด
พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่าดีแล้วสำหรับพระอรหันต์เท่านั้นกิเลสคือไม่รู้
แม้พระอนาคามีว่าดีก็แค่ครึ่งเดียวยังไม่ดับโลภะยังไปเกิดที่สุทธาวาส5ชั้นอยู่
ข้าพเจ้าน่ะรู้ว่าตนเองกำลังสะสมจิตแต่ละขณะอย่างไรรู้ตามด้วยความไม่อยากน๊า
:b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2016, 10:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
คุณกรัชกายจะรู้ว่าจิตตนแต่ละ1ขณะสะสมเจตสิกที่เป็นกุศลกับอกุศลอย่างไหนมากกว่ากันดูผังเจตสิก
เจตสิกมี52ประเภทอกุศลเจตสิกมี14เกิดมากกว่ากุศลน๊าในแต่ละวันปัญญาเจตสิกสะสมจากฟังเข้าใจ
โสภณเจตสิกมากกว่า1เกิดร่วมกันทุกขณะที่มีความเห็นถูกความเข้าใจถูกตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
อกุศลเจตสิกเกิดมากกว่า1เกิดร่วมกันขณะที่ลังเลสงสัยไม่รู้ไม่เข้าใจความจริงคิดเองไม่รู้ตามคำสอนน๊า
onion onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2016, 12:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
ทุกอย่างเป็นธัมมะไม่มีเราค่ะ
:b32: :b32:


อ้างคำพูด:
ทุกอย่างเป็นธัมมะไม่มีเราค่ะ




ไม่มีเรา แล้วเราจะทำความดีไปทำไมล่ะงั้น :b13:

Kiss
:b1:
ไม่มีเรา...แต่มีจิตเจตสิกรูปนิพพาน
ดีคือมีปัญญาไม่ดีคือไม่มีปัญญา
ดีที่สุดคือพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
รองลงมาคือพระปัจเจกพุทธเจ้า
รองมามาอีกก็คือพระอรหันต์สาวก
พระอริยบุคคลยังไม่ดีน๊าเพราะยังละกุศลไม่ได้

ส่วนปุถุชนสะสมทั้งกุศลและอกุศลเพิ่มขึ้นหยุดเกิดไม่ได้
:b16:
:b4: :b4:


อ้างคำพูด:
ส่วนปุถุชนสะสมทั้งกุศลและอกุศลเพิ่มขึ้นหยุดเกิดไม่ได้



พูดยังงี้ คนเกิดมาเป็นปุถุชน ก็หมดสิทธิ์เป็นเป็นอริยบุคคลซี่งั้น

อ้างคำพูด:
พระอริยบุคคลยังไม่ดีน๊า เพราะยังละกุศลไม่ได้



เมื่อเราต้องการเป็นพระอรหันต์ ต้องละกุศลอีกด้วย ทำยังไงล่ะทีนี้ :b1:

Kiss
อ้างคำพูด:
พูดยังงี้ คนเกิดมาเป็นปุถุชน ก็หมดสิทธิ์เป็นเป็นอริยบุคคลซี่งั้น

บารมีเกิดกับกุศลจิตค่อยๆสะสมความรู้ถูกความเห็นถูกโดยการเป็นผู้ฟังที่ดี
แม้พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ไม่ฟังในชาติที่จะได้ตรัสรู้ชาติสุดท้ายเท่านั้น
มรรคคือหนทางถูกต้องที่ทำให้เข้าใจความจริงที่จิตตนกำลังมีลองฟังโดยไม่หวัง
ขณะที่กำลังเข้าใจในสิ่งที่กำลังฟังขณะนั้นปัญญา+โสภณเจตสิกอื่นสะสมแล้วค่ะ
ถ้าขณะกำลังฟังไม่เข้าใจหลงลืมสงสัยให้รู้ว่าเป็นอกุศลเจตสิกสะสมเป็นกิเลสใหม่
https://m.youtube.com/watch?v=6_6FakiEVY8
:b8:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2016, 14:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
ทุกอย่างเป็นธัมมะไม่มีเราค่ะ
:b32: :b32:


อ้างคำพูด:
ทุกอย่างเป็นธัมมะไม่มีเราค่ะ




ไม่มีเรา แล้วเราจะทำความดีไปทำไมล่ะงั้น :b13:

Kiss
:b1:
ไม่มีเรา...แต่มีจิตเจตสิกรูปนิพพาน
ดีคือมีปัญญาไม่ดีคือไม่มีปัญญา
ดีที่สุดคือพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
รองลงมาคือพระปัจเจกพุทธเจ้า
รองมามาอีกก็คือพระอรหันต์สาวก
พระอริยบุคคลยังไม่ดีน๊าเพราะยังละกุศลไม่ได้

ส่วนปุถุชนสะสมทั้งกุศลและอกุศลเพิ่มขึ้นหยุดเกิดไม่ได้
:b16:
:b4: :b4:


อ้างคำพูด:
ส่วนปุถุชนสะสมทั้งกุศลและอกุศลเพิ่มขึ้นหยุดเกิดไม่ได้



พูดยังงี้ คนเกิดมาเป็นปุถุชน ก็หมดสิทธิ์เป็นเป็นอริยบุคคลซี่งั้น

อ้างคำพูด:
พระอริยบุคคลยังไม่ดีน๊า เพราะยังละกุศลไม่ได้



เมื่อเราต้องการเป็นพระอรหันต์ ต้องละกุศลอีกด้วย ทำยังไงล่ะทีนี้ :b1:

Kiss
อ้างคำพูด:
เมื่อเราต้องการเป็นพระอรหันต์ ต้องละกุศลอีกด้วย ทำยังไงล่ะทีนี้

:b1:
เราอีกแล้วคุณกรัชกายยังมีอุปาทานในตัวตนลืมเสมอว่า
ทุกอย่างเป็นธัมมะไม่ใช่ เรา เขา สัตว์ สิ่งของ บุคคล
พระพุทธเจ้าตรัสแต่ความจริงเป็นวาจาสัจจะไม่เปลี่ยน
แต่ปัญญาที่มีน้อยกิเลสความไม่รู้ที่มีทั้งหมดปกปิดน๊า
ทุกอย่างเป็นจิตเจตสิกรูปเกิดดับให้รู้กำลังปรากฏว่ามี
แต่ยังไม่เข้าใจและไม่รู้ลักษณะสภาพธรรมแต่ละ1ค่ะ
:b16:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2016, 14:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Kiss
:b12:
ถามวิธีอีกไหมคะแล้วสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ7ลักษณะเป็นแบบไหนบ้าง
:b32: :b32:

cool
:b12:
รอให้ถามก็ไม่ถามมีเฉลยให้ค่ะ
สภาพธรรมที่ปรากฏว่ามีให้รู้ได้
ทั้งหมดคือเดี๋ยวนี้ที่ปรากฏไม่ว่า
จะเอ่ยถึงธาตุ4ขันธ์5อายตนะ6
ก็คือรู้ที่กำลังมีผ่านตาหูจมูกลิ้นกายใจ
แต่เป็นธัมมะไม่ใช่สัตว์ไม่ใช่บุคคลไม่ใช่ตัวตน
:b16:
สภาพธรรมกำลังเกิดดับมีการเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปเป็นธรรมดา
แต่อวิชชาคือความไม่รู้ที่มีทั้งหมดปกปิดความจริงที่เป็นธัมมะ
ปัจจุบันขณะที่พอจะตามรู้ได้ที่ไม่ปรากฏให้รู้ให้เข้าใจว่าดับทั้งหมด
จิตแต่ละ1ไม่มีตัวตนมีอากาศธาตุคั่นแต่ละขณะจิตการเกิดดับสั้นมาก
:b20:
ต้องอาศัยความมั่นคงคือความตั้งมั่นของจิตทุกขณะคือขณิกสมาธิตามรู้ธัมมะ
เป็นจิตตามรู้ว่าลักษณะที่กำลังปรากฏว่ามีเป็นธาตุรู้รู้การปรากฏของธาตุรู้และธาตุไม่รู้
ทุกขณะที่กำลังปรากฏกำลังมีเป็นธาตุ4ขันธ์5อายตนะ6ทรงตรัสทุกสิ่งที่มีอยู่แล้วให้รู้ตาม
1จิตเห็น เห็นแค่แสงสี หลับตาจิตเห็นไม่ปรากฏ
2จิตได้ยิน รู้เสียง
3จิตได้กลิ่น รู้กลิ่น
4จิตรับรส รู้รส
ข้อ5-7เป็นจิตรับรู้กระทบสัมผัสทางกายปสาทรูป รู้กระทบสัมผัส
5รู้เป็นธาตุธาตุดินรู้ลักษณะแข็งหรืออ่อน
6รู้เป็นธาตุไฟลักษณะเย็นหรือร้อน
7รู้เป็นธาตุลมรู้ลักษณะตึงหรือไหว
หมายเหตุ ลักษณะของธาตุน้ำมี(ซึมซาบหรือเกาะกลุ่ม)แทรกในธาตุทั้ง3ให้ตั้งอยู่ได้
แต่ไม่ปรากฏให้รู้ลักษณะของธาตุน้ำ ธาตุน้ำทำให้ธาตุดินไฟลมเกาะกลุ่มค่ะ
:b1:
ตัวอย่างพิจารณาว่ารู้สึกกระทบแข็งที่มือจับโทรศัพท์ เห็นโทรศัพท์แข็งไม่ได้เพราะเห็นสีเท่านั้นทันไหม
:b11:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2016, 15:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
ธัมมะของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้ารู้ได้ตอนตื่น ไม่ง่วง ไม่หลับ
จขกท.คุณกรัชกายไปแอบนอนหลับที่ไหนรีบมาถามให้หายสงสัยค่ะ
จำเป็นมากเลยค่ะที่จะต้องเข้าใจเพราะต้องเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานน๊า
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2016, 15:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
คุณกรัชกายมาฟังธรรมคั่นเวลาเรื่องเสพขยะและขอนไม้ลอยในแม่น้ำคงคาเข้าใจสังสารวัฏค่ะ
:b32: :b32:
https://www.youtube.com/watch?v=k43G9n8dXyk


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2016, 16:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
:b12:
ถามวิธีอีกไหมคะแล้วสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ7ลักษณะเป็นแบบไหนบ้าง
:b32: :b32:

cool
:b12:
รอให้ถามก็ไม่ถามมีเฉลยให้ค่ะ
สภาพธรรมที่ปรากฏว่ามีให้รู้ได้
ทั้งหมดคือเดี๋ยวนี้ที่ปรากฏไม่ว่า
จะเอ่ยถึงธาตุ4ขันธ์5อายตนะ6
ก็คือรู้ที่กำลังมีผ่านตาหูจมูกลิ้นกายใจ
แต่เป็นธัมมะไม่ใช่สัตว์ไม่ใช่บุคคลไม่ใช่ตัวตน
:b16:
สภาพธรรมกำลังเกิดดับมีการเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปเป็นธรรมดา
แต่อวิชชาคือความไม่รู้ที่มีทั้งหมดปกปิดความจริงที่เป็นธัมมะ
ปัจจุบันขณะที่พอจะตามรู้ได้ที่ไม่ปรากฏให้รู้ให้เข้าใจว่าดับทั้งหมด
จิตแต่ละ1ไม่มีตัวตนมีอากาศธาตุคั่นแต่ละขณะจิตการเกิดดับสั้นมาก
:b20:
ต้องอาศัยความมั่นคงคือความตั้งมั่นของจิตทุกขณะคือขณิกสมาธิตามรู้ธัมมะ
เป็นจิตตามรู้ว่าลักษณะที่กำลังปรากฏว่ามีเป็นธาตุรู้รู้การปรากฏของธาตุรู้และธาตุไม่รู้
ทุกขณะที่กำลังปรากฏกำลังมีเป็นธาตุ4ขันธ์5อายตนะ6ทรงตรัสทุกสิ่งที่มีอยู่แล้วให้รู้ตาม
1จิตเห็น เห็นแค่แสงสี หลับตาจิตเห็นไม่ปรากฏ
2จิตได้ยิน รู้เสียง
3จิตได้กลิ่น รู้กลิ่น
4จิตรับรส รู้รส
ข้อ5-7เป็นจิตรับรู้กระทบสัมผัสทางกายปสาทรูป รู้กระทบสัมผัส
5รู้เป็นธาตุธาตุดินรู้ลักษณะแข็งหรืออ่อน
6รู้เป็นธาตุไฟลักษณะเย็นหรือร้อน
7รู้เป็นธาตุลมรู้ลักษณะตึงหรือไหว
หมายเหตุ ลักษณะของธาตุน้ำมี(ซึมซาบหรือเกาะกลุ่ม)แทรกในธาตุทั้ง3ให้ตั้งอยู่ได้
แต่ไม่ปรากฏให้รู้ลักษณะของธาตุน้ำ ธาตุน้ำทำให้ธาตุดินไฟลมเกาะกลุ่มค่ะ

:b1:
ตัวอย่างพิจารณาว่ารู้สึกกระทบแข็งที่มือจับโทรศัพท์ เห็นโทรศัพท์แข็งไม่ได้เพราะเห็นสีเท่านั้นทันไหม


คิกๆๆ หาอ่านได้ ที่อภิธรรมชั้นจูฬ-ตรีน๊า :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2016, 16:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Kiss
ธัมมะของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้ารู้ได้ตอนตื่น ไม่ง่วง ไม่หลับ
จขกท.คุณกรัชกายไปแอบนอนหลับที่ไหนรีบมาถามให้หายสงสัยค่ะ
จำเป็นมากเลยค่ะที่จะต้องเข้าใจเพราะต้องเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานน๊า
:b32: :b32:



อ้างคำพูด:
ต้องเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานน๊า


ไปจำมาทั้งนั้นน๊า "พุทโธ" ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน :b13:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 48 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร