วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 18:20  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.พ. 2016, 07:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ย. 2010, 20:29
โพสต์: 5111

แนวปฏิบัติ: พิจารณากาย
สิ่งที่ชื่นชอบ: มณีรัตน์,พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ร้วห่อทอง
อายุ: 39

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
วัดอรัญญบรรพต
อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย


ตามธรรมดาจิตนี้เมื่อไม่มีเหตุมากระทบมันก็เป็นปกติ เฉยอยู่ได้ มันก็เป็นอย่างนี้ทุกคน ถึงว่าผู้ที่จะปฏิบัติธรรมหรือไม่ปฏิบัติธรรมก็ตามเมื่อมันไม่มีเหตุอะไรมากระทบกระทั่งเข้าไปมันก็เฉยไปได้ แต่ทีนี้เมื่อหากว่ามีเหตุอะไรกระทบเข้ามาแล้วอย่างนี้ นั่นแหละหากว่าขาดสติสัมปชัญญะการควบคุมจิต ขาดความเฉลียวฉลาดแล้ว จิตนี้มันก็หวั่นไหวไปตามเรื่องนั้นได้ทันทีเลย เออ มันเป็นอย่างนั้น

ถ้าหากว่าได้ควบคุมจิตอยู่เป็นปกติอยู่ เจริญ"ไตรลักษณญาณ"ให้แจ่มแจ้งอยู่ในใจว่า ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแต่ไม่เที่ยงน่ะ สิ่งใดมีความเกิดขึ้นแล้ว สิ่งนั้นย่อมมีความแปรปรวนแตกดับไปเป็นธรรมดา ไอ้ความรู้ความเห็นอย่างนี้นะ เราต้องบำเพ็ญให้เกิดให้มีขึ้นในใจเสมอๆ เราต้องเจริญให้ยิ่ง ให้ความรู้อันนี้มันยิ่งขึ้นไปเสมอ ไม่เช่นนั้นแล้วมันก็จะต้องเห็นคนเป็นคน เห็นสัตว์เป็นสัตว์ไปตามสมมติของโลก เห็นดีเป็นดี เห็นชั่วเป็นชั่วไปอยู่อย่างนั้น จิตก็หวั่นไหวไปตามสมมติอยู่อย่างนั้นแหละ ถ้าหากว่าได้มาเจริญปัญญาให้เกิดขึ้นแล้วอย่างนี้ มองเห็นความเกิดขึ้นแห่งสรรพสังขารทั้งหลายทั้งที่มีวิญญาณครองและไม่มีวิญญาณครอง มันเกิดขึ้นแล้วก็แปรปรวนแตกดับไปอยู่อย่างนั้น ไม่มีอะไรเป็นสาระแก่นสารอยู่ในโลกอันนี้น่ะ

บางคนก็อาจจะคิดค้านอยู่ในใจว่า อ้าว ก็แผ่นดินน่ะทั้งแผ่นนี้ไม่เห็นว่ามันเป็นอะไรไปอะ มันก็เป็นอย่างนี้มา ตั้งแต่เกิดมาก็เห็นมาอยู่อย่างนี้ มันไม่เห็นพังทลายลงเป็นน้ำทะเลไปเลย บางคนก็อาจจะคิดไปอย่างนี้ก็ได้ ค้านพุทธภาษิตข้อนี้ อันสรรพสังขารทั้งหลายที่เกิดมาในโลกนี้นะ บางอย่างก็มีอายุสั้น บางอย่างก็มีอายุยืนยาวนาน นี่เราต้องพิจารณาให้มันเห็นเป็นขั้นตอนอย่างนี้ อย่างในแผ่นดินอย่างนี้นะ พระพุทธเจ้าทรงแสดงบอกไว้แล้วแหละความไม่เที่ยงของแผ่นดินนี่ เมื่อมันเกิดขึ้นมาอย่างนี้แล้วมันก็อยู่ไปอยู่ไปนี่พอถึงกาลเวลาที่มันจะหมดอายุของแผ่นดินเนี่ยมันจะมีพระอาทิตย์ขึ้นมาเป็นระยะๆถึงเจ็ดดวง นั่นล่ะเริ่มมาดวงที่สอง ดวงที่สามเป็นระยะๆกันไป พอถึงดวงที่เจ็ดแล้วก็เกิดไฟไหม้โลกเลย นี่แหละ ไหม้แผ่นดินนี่แหละเป็นภัสมธุลีไปเลยแล้วบาดนิก็ในที่สุดมันก็มาก่อตั้งขึ้นใหม่อีก เป็นอย่างนั้น อย่าไปเข้าใจว่าแผ่นดินนี้มันจะเป็นอย่างนี้ตลอดไป ไม่ใช่นะ...มันหมดอายุลงเป็นเหมือนกันแหละแต่มันว่า มันอาศัยว่า อายุยืนนาน เออ อย่างนี้ แต่ว่าถ้าเราจะพิจารณาส่วนย่อยแล้ว มันไม่ยากลำบากอะไร มันก็เกิดมันก็พังกันอยู่อย่างนี้แผ่นดินก็ดี ไม่ใช่ว่ามันจะนั่น ภูเขาสูงก็สูง ฝนตกเซาะไปเซาะไปหน่อยนึงก็พังลงมา อยู่อย่างนั้น ไม่ใช่ว่าภูเขามันจะสูงอยู่อย่างนั้นตลอดไป ไม่ใช่ แดดเผาเข้า ฝนตกเซาะเข้าไป เดี๋ยวก็พังลงมา ใครอยากเห็นล่ะต้องปีนเขาไปดูก็ได้ นั่นแหละไม่ใช่ว่ามันจะไปยั่งยืนอยู่อย่างนั้นตลอดไป


:b47: :b47:


ส่วนหนึ่งจากพระธรรมเทศนาหัวข้อ
“สอนให้รู้จักวิธีอบรมตน”


:: ประวัติ ปฏิปทาและคำสอน “หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=72&t=43689

.....................................................
"เกิดดับ..เกิดแล้วไม่ดับไม่มี"


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 72 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร