วันเวลาปัจจุบัน 22 ก.ค. 2025, 01:44  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 911 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 32, 33, 34, 35, 36, 37, 38 ... 61  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 30 ก.ย. 2015, 10:34 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
smiley
อนุโมทนาสาธุกับคุณเอก้อนที่ยกธรรมบรรยายที่เกี่ยวกับการทำลายอาสวะทั้ง 4. มาเสียยาวยืดเพื่อประกอบสนับสนุนคุณเช่นนั้น


เอกอนไม่ได้สนับสนุนใครเป็นพิเศษหรอก
ถ้าธรรมเป็นเช่นนั้น มันก็เป็นเช่นนั้น

จิตมันไม่ได้เป็นไปตามลูกทุ่งหรือลูกกรุง ... นะ

เอกอนไม่ได้สามารถทำให้จิตเป็นไปตามความเข้าใจของตัวเองได้
ต่อให้ผู้ปฏิบัติจะมีการศึกษาสูง หรือ ต่ำ
ชาติใดภาษาใด แม้ไม่ได้ใช้คำว่า อาสวะ เลยก็ตาม

แต่เมื่อไรก็ตาม ที่จิตดำเนินไปตามแนวทาง(ตามพระสูตร)
มันก็เป็นการดำเนินการเข้าไปสู่ เข้าไปเห็น เข้าไปรู้ ตามนั้นล่ะ

....

ถ้าปฏิบัติจนเกิดปัญญา
แล้วกล่าวไม่เห็นอวิชชา ไม่เห็นอาสวะในแบบที่พระสูตรอธิบาย

นั่นต้องกลับไปทบทวนแนวทางของตัวเองนะ

ถ้าหากว่า ศิษย์ สำนักท่านอโศกะ รวมถึงท่านอโศกะ
ไม่มีใครสามารถกล่าวถึง อาสวะ ได้
อาจารย์ควรพิจารณาธรรมที่ตนบรรลุ และธรรมที่ตนบอกสอน
ว่า...ขาดวิปัสสนานัยไปตรงส่วนไหน

ลุงหมานกำลังลงเรื่องราวเกี่ยวกับ อวิชชา และ อาสวะ อยู่

:b8: :b8: :b8:

ก็ลองไปศึกษาเพิ่มเติมดู


สำหรับเอกอน ...
การตัดวงจรที่ตรงไหน ไม่ได้มีปัญหา แต่การต่อยอดวิปัสสนามันต้องไปต่อได้

บางสำนักที่เอกอนเคยได้รับรู้เกี่ยวกับแนวการสอนว่า ลัดสั้น ลัดสั้น
มันลัดสั้นจริง ๆ แต่มันเป็นการลัดสั้นแบบ
ใช้เทคนิคทำให้ผู้ปฏิบัติใช้ความคิดเข้าไปเปลี่ยนแปลงอารมณ์
คือเข้าไปตัดช่วงอารมณ์
ซึ่ง...ผลที่ได้ ทำให้อารมณ์ผู้ปฏิบัติมีการเปลี่ยนแปลง และเปลี่ยนแปลงได้อย่างเนียนและชำนาญ

แต่ปรากฎว่า อุปนิสัยของจิตในการจับอารมณ์ขึ้นวิปัสสนา ไม่มี
เพราะจิตไม่ได้ถูกฝึกมาให้ทำงานอย่างนั้น
เมื่ออุปนิสัยจิตในการหยิบจับธรรมขึ้นพิจารณาต่อไม่มี ความเข้าใจจึงวนอยู่แต่เพียงเท่านี้
ตรงเวทนา... เห็นไปเหนือกว่านี้ไม่ได้

ไปอ่านกระทู้ ลุงหมาน นะ
แล้วจะรู้ว่า จิตที่มีวิปัสสนาเป็นอุปนิสัยนั้น จิตเขาเข้าไปยกธรรมมาพิจารณาอย่างไร

:b8: :b8: :b8:

เอกอนไม่ใช่คนที่จะอธิบายอะไรได้เก่ง

มีเพียงแต่หน้ามึนเก่ง... :b14: :b5: :b32: :b32:

ก็ต้องอาศัยท่านผู้รู้ผู้ชำนาญทุกท่านนั่นล่ะ ช่วยกัน

:b8: :b8: :b8:


โพสต์ เมื่อ: 30 ก.ย. 2015, 18:43 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


smiley
อนุโมทนากับคุณเอก้อนที่มีความห่วงใยในสหายธรรม

คงนึกว่าอโศกะไม่ได้รู้ไม่ได้สนใจในเรื่องของโอฆะและอาสวะทั้ง 4

เรื่องรายละเอียดของธรรมและการขยายความธรรมทั้งหลายนั้นมันจะเป็นเองโดยอัตโนมัติและโดยธรรมไม่ต้องห่วง สำคัญตรงตอนที่จะถอนสมุทัยหรือเหตุทุกข์นั้น ใครมีลู่ทางใดที่เป็นทางเฉพาะของตนเหมาะสมกับนิสัยบุญวาสนาของตนเองก็เอามาใช้ถอนเหตุทุกข์อันประดุจไฟที่ไหม้อยู่บนศรีษะให้ได้ให้ดับเสียก่อนหลังจากนั้นจะมีอะไรที่วิจิตรพิสดารเพียงใดก็ค่อยมาศึกษาเพิ่มเติมเพื่อจะได้สนทนาแลกเปลี่ยนความรู้กับผู้ทรงคุณวุฒินักวิชาการทั้งหลายได้อย่างไม่เคอะเขิน

เหตุปัจจัยที่คุยกันมาในกระทู้นี้จนกระทบเรื่องอาสวะทั้ง 4 ก็เพราะมีผู้คิดสรุปว่าถ้าไม่รู้เรื่องอาสวะทั้ง4 ย่อมไม่มีทางบรรลุธรรม ผมก็เลยชี้แจงให้เห็นว่ายังไม่ต้องรู้เรื่องอาสวะทั้ง4 ก็บรรลุธรรมได้ หลังจากนั้นมันจะมีเหตุให้ได้รู้กันเอง แล้วก็ยกตัวอย่างการบรรลุธรรมของปัญจวัคคีย์ด้วยธรรมจักกัปปวัตนสูตรและอนัตตลักขณสูตรซึ่งไม่มีคำสอนเรื่องอาสวะอยู่ในนั้น


ผมไม่ค้านเรื่องอาสวะ4 และเข้าใจดีมานานแล้วด้วยครับ
:b38:


โพสต์ เมื่อ: 30 ก.ย. 2015, 20:31 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


:b1: ...

อ้างคำพูด:
อัตตา (บาลี: อตฺตา; สันสกฤต: อาตฺมนฺ) แปลว่า ตัวตน ร่างกาย รูปลักษณะ ตัวเอง หรือวิญญาณ ตามทฤษฎีของผู้นับถือลัทธิว่าชีวิตเกิดขึ้นด้วยวิญญาณหรืออาตมัน ซึ่งชาวอินเดียทางภาคเหนือได้ยึดถือเช่นนั้น ในคัมภีร์อุปนิษัทอธิบายไว้ว่า อัตตาเป็นตัวตนเล็ก ๆ รูปร่างเหมือนคน อาศัยอยู่ในหัวใจเวลาปกติ และหนีออกจากร่างกายไปในเวลานอนหลับ หรือในเวลาสงบแน่นิ่ง เมื่ออัตตานั้นกลับมาสู่ร่างเหมือนเดิม ชีวิตและการเคลื่อนไหวจึงเกิดขึ้นเป็นไปตามเดิม ในเวลาตายอัตตาก็จะหนีออกจากร่าง ไปใช้ชีวิตในอมตะของตนเองวนเวียนไปอย่างนีโดยไม่มีสิ้นสุด (นัยพจนา. บาลี-อังกฤษ ของสมาคมบาลีปกรณ์)


จาก วิกิพีเดีย

:b1:

ศัพท์คำนี้เป็นคำที่มีมาแต่เดิม เป็นภาษาตามคำภีร์อุปนิษัท

พระพุทธองค์ก็ศึกษาพระเวท คัมภีร์อุปนิษัทมาตั้งแต่ทรงพระเยาว์

สำหรับท่านโกณฑัญญะศึกษาพระเวท อุปนิษัท ซึมซับแต่สิ่งเหล่านั้นมาแต่เด็ก
ดังนั้น วาระจิตของท่านโกณฑัญญะ ที่มีเกี่ยวกับคำว่า "อัตตา" มันเป็นความเป็นไปในอีกระดับ

ซึ่งพระพุทธองค์ใช้คำเข้ามาแทง คือ "อนัตตา"

...

อ้างคำพูด:
อนัตตา (บาลี: อนตฺตา) หรือ อนาตมัน (สันสกฤต: अनात्मन् อนาตฺมนฺ) แปลว่า ไม่มีอัตตา ไม่มีตัวตน ไม่ใช่อัตตา (หรืออาตมัน) ไม่ใช่ตัวตน หรือ สภาพที่บังคับบัญชาไม่ได้ โดยทั่วไปหมายถึง สังขารธรรม อันได้แก่ ขันธ์ 5 คำนี้จัดเป็นหนึ่งในชื่อเรียกที่เป็นคำไวพจน์ของขันธ์ซึ่งถูกใช้เป็นอย่างมากในพระไตรปิฎก จะมาคู่กับคำไวพจน์ของขันธ์อีก 2 คำ คือ อนิจจัง กับ ทุกขัง นั่นเอง


:b1: ส่วนความหมาย อนัตตา ไม่มีท่อน "ในคัมภีร์อุปนิษัทอธิบายไว้..." แฮะ.. :b16:

...

คือ การเติบโตของภาษาในแต่ละวัฒนธรรมมันมีความต่างกัน

มันคนละบริบทที่จะนำมาใช้ในการโต้เถียง
เพื่อให้ถึงความยึดมั่นถือมั่นว่านั่น พระองค์กล่าวถึงอัตตา ท่านโกณฑัญญะ ก็บรรลุธรรมได้

พระสูตรก็คือพระสูตร
พระสูตรแต่ละพระสูตรแสดงกับใครอย่างไร ก็ล้วนแต่มีบริบท
เรื่องราวที่ทำให้องค์ประชุมนั้น ๆ แสดงออกมาเช่นนั้น

ซึ่ง พุทธบัญญัติ ล้วนมีก็เพื่อความเหมาะสมในการถ่ายทอดธรรม
...

:b1:


โพสต์ เมื่อ: 30 ก.ย. 2015, 20:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:

ผมไม่ค้านเรื่องอาสวะ4 และเข้าใจดีมานานแล้วด้วยครับ

:b38:


:b1:

ถ้าท่านรู้ธรรมนั้นอยู่แล้ว ...
ท่านจะมาหาประเด็นเพื่อกระทำธรรมนั้นให้หมองเพื่ออะไร...

:b1:

ถ้าหากว่าตัดประเด็นเรื่อง อาสวะ ออกไปว่าท่านรู้แล้ว

แสดงว่า ท่านหาเรื่องสนทนาเพื่อที่จะได้ไล่บี้ท่านเช่นนั้น กับ ท่านอ๊บซ์ เหร๋อ

:b10: :b10: :b10:

:b1:

การสนทนาธรรมต่างก็มีเป้าหมายที่ ต่างจิตต่างใจ แตกต่างกันไป ดีเน๊อะ

:b32: :b32: :b32:


โพสต์ เมื่อ: 30 ก.ย. 2015, 21:47 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ว่าแต่...ได้อ่านจนหมดรึเปล่า..จึงว่า...พูดดูดี..นะ

รึ..ทนอ่านไม่จบ..
รึ..อ่านจนจบด้วยความอดทน..


bigtoo เขียน:
กบบอกอะไรอย่างนะ. ผมคิดว่ากบเป็นคนดีนะ(อันนี้จากใจ)แต่กบยังท่อง ยังทำอะไรที่ดูแล้วยังมีความหลงไม่ตรงหลักการของอริยทิฎฐิอยู่. เวลากบมาคุยเรื่องอะไรที่ละเอียดๆเกี่ยวกับการปฎิบัติเนี่ย ผมมีความรู้สึกยอมรับกับสิ่งที่กบคุยไม่ได้เลยจริงๆ. เพราะการวินิจฉัยธรรมของกบแค่เรื่องนอกกายใจที่หยาบๆกบยังละไม่ได้เลย. ผมจึงไม่ค่อยได้สนใจในคำกล่าวของกบเลยนะบอกตรงๆ. ไม่รู้สินะว่าเป็นอย่างไร ไม่น่าติดตามเลยในการกล่าวธรรมนะ


คนใช้สมอง...ก็คงคิดได้แค่นี้แหละคับ..
แถมคิด..ไม่เป็นสาระ..

พอเรื่องที่เป็นสาระ....กลับจิบเหล้าได้เฉย.. :b9: :b9: :b9:

กระผมดีใจครับ...ที่ไม่มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกับ Bigtoo..

คง... :b14: :b14: :b14:


โพสต์ เมื่อ: 01 ต.ค. 2015, 04:43 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




เหตุ ปัจจัย นิพพาน_82kb_resize.jpg
เหตุ ปัจจัย นิพพาน_82kb_resize.jpg [ 35.2 KiB | เปิดดู 2541 ครั้ง ]
eragon_joe เขียน:
asoka เขียน:

ผมไม่ค้านเรื่องอาสวะ4 และเข้าใจดีมานานแล้วด้วยครับ

:b38:


:b1:

ถ้าท่านรู้ธรรมนั้นอยู่แล้ว ...
ท่านจะมาหาประเด็นเพื่อกระทำธรรมนั้นให้หมองเพื่ออะไร...

:b1:

ถ้าหากว่าตัดประเด็นเรื่อง อาสวะ ออกไปว่าท่านรู้แล้ว

แสดงว่า ท่านหาเรื่องสนทนาเพื่อที่จะได้ไล่บี้ท่านเช่นนั้น กับ ท่านอ๊บซ์ เหร๋อ


:b10: :b10: :b10:

:b1:

การสนทนาธรรมต่างก็มีเป้าหมายที่ ต่างจิตต่างใจ แตกต่างกันไป ดีเน๊อะ

:b32: :b32: :b32:

:b12: :b12: :b13:
พราะมองลบจึงเห็นอย่างที่เอก้อนคิด

แต่ลองมองบวกซิครับ จะเห็นความเมตตา ปรารถนาดีอันยิ่งใหญ่ต่อทุกๆคนซ่อนอยู่ในนั้น

ลองมาฟังอุปมาอุปมัยเรื่องต่อไปนี้ด้วยความสังเกตพิจารณาให้ดีๆก็อาจจะรู้ความนัย

สิงห์โตตัวหนึ่งถูกนายพรานยิงด้วยลูกศรต้องติดกายอยู่เกิดความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส แต่สิงห์โตมีวิสัยแห่งราชสีห์อันชาญฉลาดมันไม่สนใจความเจ็บและลูกศร มันไม่สนใจที่จะไปแจกแจงวิเคราะ์ว่าลูกศรนั้นทำด้วยอะไร มีลักษณะสีสรรค์รายละเอียดอย่างไร ยิงมาด้วยคันศรชนิดไหน ใช้อะไรเป็นเชือกผูก และถูกยิงมาด้วยท่าทางอย่างไร

แต่พญาราชสีห์กลับหันควับไปมองค้นหาที่มาแห่งลูกศรว่าใครเป็นคนยิง เมื่อเห็นชัดเจนว่านายพรานเป็นผู้ยิงและซ่อนตัวอยู่ที่ใดมันจะกระโจนเข้าไปไล่ล่าและฆ่านายพรานผู้ยิงศรนั้นให้ตายทันที เมื่อนายพรานตายแล้วเหตุที่มาแห่งลูกศรก็ไม่มีพญาราชสีห์ก็จะได้ใช้ชีวิตที่เหลืออย่างสุขสบายไร้ผู้ที่จะยิงศรมาใส่ให้เจ็บปวดทุกข์ทรมาณอีก

ผมจะทิ้งไว้ให้ทุกๆท่านได้วิเคราะห์แลตีความจากอุปมาเรื่องนี้เมื่อเทียบกับกับเรื่องอาสวะทั้ง4 กับเรื่องปัญจวัคคีย์ทั้ง5 บรรลุธรรมด้วยธัมจักกัปปวัตนสูตรและอนัตตลักขณสูตร แล้วค่อยมาวิเคราะห์สู่กันฟังในคราวต่อไปนะครับ

:b38:
โพสต์ เมื่อ: 01 ต.ค. 2015, 09:23 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
eragon_joe เขียน:
asoka เขียน:

ผมไม่ค้านเรื่องอาสวะ4 และเข้าใจดีมานานแล้วด้วยครับ

:b38:


:b1:

ถ้าท่านรู้ธรรมนั้นอยู่แล้ว ...
ท่านจะมาหาประเด็นเพื่อกระทำธรรมนั้นให้หมองเพื่ออะไร...

:b1:

ถ้าหากว่าตัดประเด็นเรื่อง อาสวะ ออกไปว่าท่านรู้แล้ว

แสดงว่า ท่านหาเรื่องสนทนาเพื่อที่จะได้ไล่บี้ท่านเช่นนั้น กับ ท่านอ๊บซ์ เหร๋อ


:b10: :b10: :b10:

:b1:

การสนทนาธรรมต่างก็มีเป้าหมายที่ ต่างจิตต่างใจ แตกต่างกันไป ดีเน๊อะ

:b32: :b32: :b32:

:b12: :b12: :b13:
พราะมองลบจึงเห็นอย่างที่เอก้อนคิด

แต่ลองมองบวกซิครับ จะเห็นความเมตตา ปรารถนาดีอันยิ่งใหญ่ต่อทุกๆคนซ่อนอยู่ในนั้น

ลองมาฟังอุปมาอุปมัยเรื่องต่อไปนี้ด้วยความสังเกตพิจารณาให้ดีๆก็อาจจะรู้ความนัย

สิงห์โตตัวหนึ่งถูกนายพรานยิงด้วยลูกศรต้องติดกายอยู่เกิดความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส แต่สิงห์โตมีวิสัยแห่งราชสีห์อันชาญฉลาดมันไม่สนใจความเจ็บและลูกศร มันไม่สนใจที่จะไปแจกแจงวิเคราะ์ว่าลูกศรนั้นทำด้วยอะไร มีลักษณะสีสรรค์รายละเอียดอย่างไร ยิงมาด้วยคันศรชนิดไหน ใช้อะไรเป็นเชือกผูก และถูกยิงมาด้วยท่าทางอย่างไร

แต่พญาราชสีห์กลับหันควับไปมองค้นหาที่มาแห่งลูกศรว่าใครเป็นคนยิง เมื่อเห็นชัดเจนว่านายพรานเป็นผู้ยิงและซ่อนตัวอยู่ที่ใดมันจะกระโจนเข้าไปไล่ล่าและฆ่านายพรานผู้ยิงศรนั้นให้ตายทันที เมื่อนายพรานตายแล้วเหตุที่มาแห่งลูกศรก็ไม่มีพญาราชสีห์ก็จะได้ใช้ชีวิตที่เหลืออย่างสุขสบายไร้ผู้ที่จะยิงศรมาใส่ให้เจ็บปวดทุกข์ทรมาณอีก

ผมจะทิ้งไว้ให้ทุกๆท่านได้วิเคราะห์แลตีความจากอุปมาเรื่องนี้เมื่อเทียบกับกับเรื่องอาสวะทั้ง4 กับเรื่องปัญจวัคคีย์ทั้ง5 บรรลุธรรมด้วยธัมจักกัปปวัตนสูตรและอนัตตลักขณสูตร แล้วค่อยมาวิเคราะห์สู่กันฟังในคราวต่อไปนะครับ

:b38:


เอกอนก็ทิ้งท้ายไว้ว่า...

นี่เป็นสิ่งหนึ่งที่ กลุ่มสั้นลัด มักจะเอาเรื่องราวอุปมาอุปมัยทำนองนี้มากล่าว
เพื่อตัดบท...เมื่อจะต้องกล่าวธรรมที่ลึกซึ้ง น่ะ

...

นี่เป็นตัวอย่างของลักษณะความเชี่ยวชาญในการหาเรื่องราวมาตัดบทตัดอารมณ์ของแนวนี้
และเมื่อกระทำบ่อย กระทำจนชำนาญ นี่คือ อุปนิสัยของจิต ที่จิตสะสมนิสัย

...

ก็เหมือนกับเด็กที่ต้องอ่านหนังสือสอบ
แต่พอเจอข้อยาก ก็เก็บไว้ก่อนเก็บไว้ก่อน เด็กก็จะชินนิสัยมีข้ออ้างที่จะเก็บไว้ก่อน

แต่สำหรับเด็กอีกคน ไม่ผลัดไม่ทิ้ง ไม่ท้อเมื่อเจอข้อที่ยากขึ้น
ก็ค่อย ๆ ดู ค่อย ๆ ทำไป ค่อย ๆ พิจารณาไปตามกำลังความสามารถ
เหนื่อยก็พัก มีแรงก็ลุยต่อ
จิตก็จะค่อย ๆ สะสมนิสัย และค่อย ๆ สะสมความชำนาญ
จิตได้มีการเสพคุ้นพฤติกรรมจิตเช่นนั้นจนเป็นนิสัยจิต
การยกอารมณ์ขึ้นพิจารณาก็จะเป็นนิสัยโดยอัตโนมัติของนักปฏิบัติกลุ่มนี้

การเริ่มต้นทุกอย่างมันมีความยากลำบาก...
แต่เมื่อเริ่มต่อติดนิสัยวิปัสสนาแล้ว ทุกอย่างก็ลาดไปในทางวิปัสสนา

...

ซึ่งหากว่านักปฏิบัติแนวลัดสั้น จะรู้สึกตัวว่าภูมิธรรมตนตีบตันอยู่ในวังวน
แล้วตระหนักว่าจะต้องขนขวายออกไปสู่ธรรมที่ยิ่งขึ้น

ก็ต้องเข้ากระบวนการปรับนิสัยจิตใหม่ ก็คือต้องไปเริ่มดัดสันดานจิตใหม่

...

:b8: :b8: :b8:


โพสต์ เมื่อ: 01 ต.ค. 2015, 09:53 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:
กล่าวได้ดี...กล่าวได้ดี...

ทั้งอโสกะ..และ..เอกอน..
:b17: :b17:

แต่ขอแก้ไข...ความเข้าใจ..อโสกะ..นิดหน่อย...

ตรง...

ที่ไปหาต้นตอว่าใครยิงธนู..นั้นแหละ..คือ..หาอวิชชา

ส่วนเห็นแล้วหลบ...เห็นแล้วหลบ...ไม่คิดสืบหาผู้ยิงธนู...นั้นแหละ...สมถะ


โพสต์ เมื่อ: 01 ต.ค. 2015, 10:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
:b8: :b8: :b8:
กล่าวได้ดี...กล่าวได้ดี...

ทั้งอโสกะ..และ..เอกอน..
:b17: :b17:

แต่ขอแก้ไข...ความเข้าใจ..อโสกะ..นิดหน่อย...

ตรง...

ที่ไปหาต้นตอว่าใครยิงธนู..นั้นแหละ..คือ..หาอวิชชา

ส่วนเห็นแล้วหลบ...เห็นแล้วหลบ...ไม่คิดสืบหาผู้ยิงธนู...นั้นแหละ...สมถะ

นี่ก็อวดดีอีกทำเป็นรู้ดีกว่าพระองค์. พระองค์สอนแทัๆว่าไม่ให้สืบหาผู้ยิงธนู. :b34:

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสต์ เมื่อ: 01 ต.ค. 2015, 10:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ว่าแต่...ได้อ่านจนหมดรึเปล่า..จึงว่า...พูดดูดี..นะ

รึ..ทนอ่านไม่จบ..
รึ..อ่านจนจบด้วยความอดทน..


bigtoo เขียน:
กบบอกอะไรอย่างนะ. ผมคิดว่ากบเป็นคนดีนะ(อันนี้จากใจ)แต่กบยังท่อง ยังทำอะไรที่ดูแล้วยังมีความหลงไม่ตรงหลักการของอริยทิฎฐิอยู่. เวลากบมาคุยเรื่องอะไรที่ละเอียดๆเกี่ยวกับการปฎิบัติเนี่ย ผมมีความรู้สึกยอมรับกับสิ่งที่กบคุยไม่ได้เลยจริงๆ. เพราะการวินิจฉัยธรรมของกบแค่เรื่องนอกกายใจที่หยาบๆกบยังละไม่ได้เลย. ผมจึงไม่ค่อยได้สนใจในคำกล่าวของกบเลยนะบอกตรงๆ. ไม่รู้สินะว่าเป็นอย่างไร ไม่น่าติดตามเลยในการกล่าวธรรมนะ

คนใช้สมอง...ก็คงคิดได้แค่นี้แหละคับ..
แถมคิด..ไม่เป็นสาระ.

พอเรื่องที่เป็นสาระ....กลับจิบเหล้าได้เฉย.. :b9: :b9: :b9:

กระผมดีใจครับ...ที่ไม่มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกับ Bigtoo..

คง... :b14: :b14: :b14:
อ้างคำพูด:
คนใช้สมอง...ก็คงคิดได้แค่นี้แหละคับ..
แถมคิด..ไม่เป็นสาระ.
ตกลงกบไม่มีสมองใช่ป่าวถึงไม่ใช้สมองคิด. ก็เลยท่องคาถาเรียกเงินไปเรื่อยเปลื่อย เงินจงมาๆๆๆๆ :b34: :b34: :b34:
อ้างคำพูด:
กระผมดีใจครับ...ที่ไม่มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกับ Bigtoo..
เสียใจด้วยนะกระผมไม่จิบเหล้า. ที่กระทำได้นั้นพระศาสดากล่าวไว้. กบจะไม่เป็นเผ่าพันธุ์กลับพระศาสดาก็ตามใจคิดว่าตนเก่งกว่าการวินิจฉัยของพระองค์ก็ตามสบาย. ที่แสดงธรรมาเละจริงๆไม่เคยเจอใครมั่วได้ใจ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสต์ เมื่อ: 01 ต.ค. 2015, 14:05 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
.ไปอ่านกระทู้ ลุงหมาน นะ
แล้วจะรู้ว่า จิตที่มีวิปัสสนาเป็นอุปนิสัยนั้น จิตเขาเข้าไปยกธรรมมาพิจารณาอย่างไร

Kiss Kiss
อย่างไรหรือคะพี่เอก้อน :b20: :b20:
..ต่อยอดอีกนิดซิ????
:b8:
ทำตามแล้ว..ยังไม่เข้าใจ..อีกนิดน่าา..นะคะ :b2:


โพสต์ เมื่อ: 01 ต.ค. 2015, 14:32 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
:b8: :b8: :b8:
กล่าวได้ดี...กล่าวได้ดี...

ทั้งอโสกะ..และ..เอกอน..
:b17: :b17:

แต่ขอแก้ไข...ความเข้าใจ..อโสกะ..นิดหน่อย...

ตรง...

ที่ไปหาต้นตอว่าใครยิงธนู..นั้นแหละ..คือ..หาอวิชชา

ส่วนเห็นแล้วหลบ...เห็นแล้วหลบ...ไม่คิดสืบหาผู้ยิงธนู...นั้นแหละ...สมถะ


bigtoo เขียน:

นี่ก็อวดดีอีกทำเป็นรู้ดีกว่าพระองค์. พระองค์สอนแทัๆว่าไม่ให้สืบหาผู้ยิงธนู. :b34:

:b32: พระองค์อีกแล้ว...
แล้วที่พระองค์กล่าว....กล่าวว่าอย่างไร...ยกมาด้วย...

แล้วที่ผมพูดนั้น....แก้ความเห็นที่อโสกะยกมา...เป็นตัวอย่างของอโสกะ...ไม่ใช่ตัวอย่างของผม...
:b32: :b32: ...ถ้าจะว่า....ก็ไปว่าอโสกะโน้น..555

แต่ผมว่าอุปมาที่อโสกะยกมา..ก็ถูกนะ...เราต้องแก้ที่ต้นเหตุ....
เพียงอโสกะอาจเข้าใจว่าผลอันได้แก่..อภิชฌาและโทมนัส...เป็นต้นเหตุ..

ผมแก้มาเป็น.อวิชชา..แทน


โพสต์ เมื่อ: 01 ต.ค. 2015, 16:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
:b8: :b8: :b8:
กล่าวได้ดี...กล่าวได้ดี...

ทั้งอโสกะ..และ..เอกอน..
:b17: :b17:

แต่ขอแก้ไข...ความเข้าใจ..อโสกะ..นิดหน่อย...

ตรง...

ที่ไปหาต้นตอว่าใครยิงธนู..นั้นแหละ..คือ..หาอวิชชา

ส่วนเห็นแล้วหลบ...เห็นแล้วหลบ...ไม่คิดสืบหาผู้ยิงธนู...นั้นแหละ...สมถะ


bigtoo เขียน:

นี่ก็อวดดีอีกทำเป็นรู้ดีกว่าพระองค์. พระองค์สอนแทัๆว่าไม่ให้สืบหาผู้ยิงธนู. :b34:

:b32: พระองค์อีกแล้ว...
แล้วที่พระองค์กล่าว....กล่าวว่าอย่างไร...ยกมาด้วย...

แล้วที่ผมพูดนั้น....แก้ความเห็นที่อโสกะยกมา...เป็นตัวอย่างของอโสกะ...ไม่ใช่ตัวอย่างของผม...
:b32: :b32: ...ถ้าจะว่า....ก็ไปว่าอโสกะโน้น..555

แต่ผมว่าอุปมาที่อโสกะยกมา..ก็ถูกนะ...เราต้องแก้ที่ต้นเหตุ....
เพียงอโสกะอาจเข้าใจว่าผลอันได้แก่..อภิชฌาและโทมนัส...เป็นต้นเหตุ..

ผมแก้มาเป็น.อวิชชา..แทน
โง่ต่อไปอีก

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสต์ เมื่อ: 01 ต.ค. 2015, 16:18 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อย่าลืมยกพระสูตรที่พระองค์กล่าว..ซะด้วย..นะ...


โพสต์ เมื่อ: 01 ต.ค. 2015, 17:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
:b8: :b8: :b8:
กล่าวได้ดี...กล่าวได้ดี...

ทั้งอโสกะ..และ..เอกอน..
:b17: :b17:

แต่ขอแก้ไข...ความเข้าใจ..อโสกะ..นิดหน่อย...

ตรง...

ที่ไปหาต้นตอว่าใครยิงธนู..นั้นแหละ..คือ..หาอวิชชา

ส่วนเห็นแล้วหลบ...เห็นแล้วหลบ...ไม่คิดสืบหาผู้ยิงธนู...นั้นแหละ...สมถะ


bigtoo เขียน:

นี่ก็อวดดีอีกทำเป็นรู้ดีกว่าพระองค์. พระองค์สอนแทัๆว่าไม่ให้สืบหาผู้ยิงธนู. :b34:

:b32: พระองค์อีกแล้ว...
แล้วที่พระองค์กล่าว....กล่าวว่าอย่างไร...ยกมาด้วย...

แล้วที่ผมพูดนั้น....แก้ความเห็นที่อโสกะยกมา...เป็นตัวอย่างของอโสกะ...ไม่ใช่ตัวอย่างของผม...
:b32: :b32: ...ถ้าจะว่า....ก็ไปว่าอโสกะโน้น..555

แต่ผมว่าอุปมาที่อโสกะยกมา..ก็ถูกนะ...เราต้องแก้ที่ต้นเหตุ....
เพียงอโสกะอาจเข้าใจว่าผลอันได้แก่..อภิชฌาและโทมนัส...เป็นต้นเหตุ..

ผมแก้มาเป็น.อวิชชา..แทน
โง่ต่อไปอีก
ยกมาทำไม. ยกมาก็ไม่เข้าใจ. เหมือนคำว่าประกอบเนืองๆ. ก็ไม่เข้าใจ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 911 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 32, 33, 34, 35, 36, 37, 38 ... 61  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร