วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 23:08  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 911 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 12, 13, 14, 15, 16, 17, 18 ... 61  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 25 ส.ค. 2015, 21:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ยาง..ยัง...พูดอีกว่า..อริยะสาวกไม่ประกอบเนือง ๆ

แต่ดีหน่อย..ที่ไม่ได้บอกว่าเป็นพระองค์กล่าว... :b32: :b32: :b32:
กบนี้ท่าทางจะไปไม่ถึงไหนละมั้ง แค่คำตอบที่พระองค์ตอบกลับก็ยังไม่เข้าใจ สงสัยต้องเคาะกะบานสักหน่อยแล้ว

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสต์ เมื่อ: 25 ส.ค. 2015, 21:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ตรงนี้..สำคัญ..นะครับ

กบนอกกะลา เขียน:
อธิศีล...ของโสดาบัน...น่าสนใจนะว่า..ท่านมีความคิดอย่างไรจึงยอมเสียชีพดีกว่าผิดศีล..?

น่าคิด..มั้ย?

อโสกะ...คิดว่า..อริยะโสดาบัน..ทำไมถึงทำอย่างนั้นได้...??


คนเราจะหลับหูหลับตา...ยอมตายเพราะอยากเป็นอริยะ..ก็คงไม่ใช่

อริยะต้องเห็นอะไร..แหละนะ..

อโสกะว่า...ยังงัยละ?


โพสต์ เมื่อ: 25 ส.ค. 2015, 21:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ตรงนี้..สำคัญ..นะครับ

กบนอกกะลา เขียน:
อธิศีล...ของโสดาบัน...น่าสนใจนะว่า..ท่านมีความคิดอย่างไรจึงยอมเสียชีพดีกว่าผิดศีล..?

น่าคิด..มั้ย?

อโสกะ...คิดว่า..อริยะโสดาบัน..ทำไมถึงทำอย่างนั้นได้...??


คนเราจะหลับหูหลับตา...ยอมตายเพราะอยากเป็นอริยะ..ก็คงไม่ใช่

อริยะต้องเห็นอะไร..แหละนะ..

อโสกะว่า...ยังงัยละ?
อกุศลกรรมบถ 10 คืออะไร
in หลักธรรมะ July 17, 2013

อกุศลกรรมบถ 10 หมายถึง หนทางแห่งกรรมที่เป็นอกุศล หรือการกระทำอันเป็นทางนำไปสู่ทุคติ ความเสื่อมทั้งปวง พระพุทธองค์ทรงบัญญัติอกุศลกรรมบถไว้ 10 ประการด้วยกัน
อกุศลกรรมบถ 10 สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 หมวดใหญ่ๆ คือ อกุศลทางกาย (กายกรรม) อกุศลทางคำพูด (วจีกรรม) และ อกุศลทางจิตใจ (มโนกรรม) ดังนี้
อกุศลทางกาย (กายกรรม) มี 3 ข้อ ดังนี้
1. ปาณาติบาต หมายถึง การฆ่าสัตว์
2. อทินนาทาน หมายถึง การลักทรัพย์
3. กาเมสุมิจฉาจาร หมายถึง การประพฤติผิดทางกาม
อกุศลทางคำพูด (วจีกรรม) มี 4 ข้อ ดังนี้
1. มุสาวาท หมายถึง การพูดปด พูดเท็จ โกหก หลอกลวง
2. ปิสุณวาจา หมายถึง พูดส่อเสียด คือพูดยุยงให้เขาแตกแยกกัน
3. ผรุสวาจา หมายถึง พูดคำหยาบ
4. สัมผัปปลาปะ หมายถึง พูดเพ้อเจ้อ
อกุศลทางจิตใจ (มโนกรรม) มี 3 ข้อ ดังนี้
1. อภิชฌา หมายถึง ความละโมบ อยากได้ของของผู้อื่นมาเป็นของตน
2. พยาบาท หมายถึง คิดร้ายปองร้ายมุ่งร้ายต่อผู้อื่น มีความปรารถนาที่จะทำลายประโยชน์และความสุขของผู้อื่นให้เสียหายไป
3. มิจฉาทิฏฐิ หมายถึง เห็นผิดจากคลองธรรม เช่น เห็นว่าทำดีได้ชั่วทำชั่วได้ดี มารดาบิดาไม่มีบุญคุณ ไม่เชื่อเรื่องกรรมและผลของกรรม เป็นต้น
จะเห็นว่าถ้าเราหลีกเลี่ยงหรือปราศจากอกุศลกรรมบถ ทั้ง 10 ประการข้างต้น ชีวิตก็จะมีแต่ความสุข คนรอบข้างก็มีความสุข ครอบครัวก็มีความสุขและสังคมก็จะมีความไปด้วย…

กบไม่สงสัยเหรอว่าอกุศลกรรมบททำไมไม่มีเรื่องราวความเลวที่กบคิดว่ามันเลวซะขนาดนั้น.(เรื่องกินเหล้า การพนัน) กบไมนึกคิดบ้างเหรอเหตุผลคืออะไร. ทำไมพระองค์ไม่เอามาใส่ครับกบช่วยตอบหน่อยซิ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


แก้ไขล่าสุดโดย bigtoo เมื่อ 25 ส.ค. 2015, 21:37, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสต์ เมื่อ: 25 ส.ค. 2015, 21:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
....

อริยะเจ้า..ยังอยากจะกินเหล้าอยู่บ้าง....มั้ยละคับ..อโสกะ
:b32: :b32:


asoka เขียน:
:b12:
ไม่อยากแล้วครับ ตายขาดไปจากใจเลยความอยากดื่มเหล้า เสพย์ของมึนเมาทั้งหลาย
onion


กบนอกกะลา เขียน:
แล้วถ้าเพื่อนคะยั้นคะยอ..ให้ดื่มหน่อย..ถ้าไม่ดื่มจะตัดเพื่อน...อริยะจะยอมดื่มเพื่อสังคมมั้ยคับ

หรือ...ต้องกินเลี้ยงเอาใจลูกค้า...ต้องดื่มเอาใจลูกค้านี้นะ...อริยะจะยอมดื่มเพื่อเข้าสังคม..กลัวสังคมเขาจะรังเกียจ..มั้ยคับ..อโสกะ

s006 s006


asoka เขียน:
:b12:
พระอริยเจ้าคือผู้ที่มีสติปัญญาดีจึงได้เห็นธรรมและบรรลุธรรม ท่านจะมีความแยบคายในการที่จะหลีกเลี่ยงการดื่มเหล้าเพื่อการสมาคมและสังคมนั้นกลับจะยกย่องนับถือไว้เป็นมิตรที่ดีในกลุ่มของเขาเมื่อเห็นความเด็ดเดี่ยวของการไม่ดื่มเหล้าหรือผิดศีลข้อที่ 5

เรื่องนี้มีตัวอย่างจริงๆที่เกิดขึ้นหลายที่หลายเรื่องเช่น
มีนักเรียนแม่โจ้รุ่นหนึ่งจำนวนกว่า 200 คน ใน 200 คนนั้นมีอยู่ 2 คนที่ไม่ยอมดื่มเหล้าจนรุ่นพี่เพื่อนและรุ่นน้องต้องยอมรับนับถือในความเด็ดเดี่ยวของเขาในระดับที่ว่า จะฆ่าให้ตายก็ยอมถ้าจะบังคับให้เขากินเหล้า จนเพื่อนๆแม่โจ้ทั้งวิทยาลัยต่างพากันพูดว่า "ยกให้มันเสียสักคนเถอะ เก็บไว้ประดับรุ่นของเราสักคนสองคนเถอะ" "ไอ้มหา" แล้วไอ้มหาคนนั้นก็ได้ทำงานทำการอยู่ร่วมในวงการเกษตรมาตลอดจนประสบความสำเร็จในชีวิตพอสมควรกับอัตตภาพ

อีกอย่างหนึ่งสังคมดีๆที่ไม่ต้องอาศัยเหล้าหรือของมึนเมาทั้งหลายเป็นสื่อเชื่อมก็ยังมีอีกเยอะแยะเป็นการดีเสียอีกที่เมื่อปฏิเสธการดื่มเหล้าได้เด็ดขาดแล้วความเด็ดเดี่ยวอันนั้นกลับจะกลายเป็นเครื่องกรองและคัดเลือกเอาแต่มิตรที่ดีสังคมที่ดีเป็นกัลยาณมิตรจริงมาให้อริยบุคคลหรือกัลยาณชนท่านนั้น
:b38:

bigtoo เขียน:
ประเด็นมันไม่ใช่ว่าจะดื่มเพื่ออะไรดื่มทำไมดีหรือไม่ดี มันอยู่ที่ว่าสัทธรรมของขั้นปรมัตถธรรมที่จะเข้าใจลึกลงไปเรื่องเหตุและผลไม่ใช่ว่าเอาหลักความคิดของคนที่มีความคิดว่าสิ่งนั้นดีสิ่งนั้นไม่ดี. อย่างที่ผมยกตัวอย่างเรื่องการตายของบุคคลที่ถูกกระทำโดยบุคคลสองคนดังตัวอย่างที่ยกมาให้ทราบแล้ว. และผมขอยกตัวอย่างเพื่อนผมคนหนึ่งไม่กินเหล้าเลยทำอย่างไรก็ไม่มีใครทำให้เขาดื่มเหล้าได้ แต่เขาก็ทำความเลวได้อีกมากมาย. ส่วนอีกคนหนึ่งไม่ดื่มเหล้าเหมือนกันเพราะเขาเห็นโทษแต่เมื่อมีเหตุการที่สังคมที่เขาจะดื่มสักนิดเพื่อเป็นมารยาท. แต่ถ้าท่านจะกล่าวว่าก็ไม่ดื่มก็ไม่เห็นเป็นไรใครจะห้ามก็ทำได้ แต่ก็อาจไม่ต่างจากเพื่อนอีกคนที่ใครก็ไม่สามารถทำให้เขาดื่มได้แต่เขาก็ทำความเลวได้อีกมากมาย. แต่คนที่ดื่มเพราะสังคมเพราะเป็นมารยาทแต่เขาก็ไม่ได้ทำอะไรที่ไม่ดีเลย การดื่มเพียงแค่เล็กน้อยเพื่อมารยาทไม่ได้ดื่มเพราะปราถนาที่จะดื่ม จึงตรงต่อคำที่พระพุทธเจ้ากล่าวอริยะไม่ประกอบเนืองๆ. นี่คือเหตุและผล. ไม่ใช่ทิฎฐิที่เอนไปในสุดโต่ง เรื่องนี้จึงไม่ใช่เรื่องที่จะดื่มหรือไม่ดื่มมันเป็นเรื่องความจริงเจตนาเราคืออะไร พระองค์กล่าวว่าเจตนาเป็นกรรม


เราไม่ได้พูดถึง...คนดื่ม..เป็นคนดีหรือคนไม่ดี..ในสังคม

แต่เรากำลังพูดถึง...อริยะ...จะผิดศีลเพื่อการสมาคม..เข้าสังคม..เพื่อมารยาท..หรือไม่?

ที่อโสกะ..ตอบมา..อยู่ในประเด็นและก้อสวยงามดีแล้ว...ว่า

"พระอริยเจ้าคือผู้ที่มีสติปัญญาดีจึงได้เห็นธรรมและบรรลุธรรม ท่านจะมีความแยบคายในการที่จะหลีกเลี่ยงการดื่มเหล้าเพื่อการสมาคมและสังคมนั้นกลับจะยกย่องนับถือไว้เป็นมิตรที่ดีในกลุ่มของเขาเมื่อเห็นความเด็ดเดี่ยวของการไม่ดื่มเหล้าหรือผิดศีลข้อที่ 5 "

ส่วน Bigtoo พูดอะไรนะ...ไม่ดื่มแต่ทำเลวก็มี..ดื่มแต่เป็นคนดีก็มี..พูดไปทั่ว..พูดไปไหนมาสามวาสองศอก. :b32: :b32:
จะยกตัวอย่างอย่างไรให้ดูดีมันก็ไม่ผิดหรอกนะดีมันก็คือดียกตัวอย่างได้ แต่นั้นยังไม่ถูกครบบริบทของความจริงที่ว่าอะไรทำได้แค่ไหนตามพุทธวจน ไม่เห็นจะคิดอะไรมากเลย การคิดที่แยบคลายที่สุดก็คือการที่เราไม่มีเจตนาดื่มก็แค่ยกจิบๆเท่านั้นไม่เสียน้ำใจเพื่อนสังคมก็ไปได้ แค่นี้ก็จบเรื่องคุณจะมาสอนธรรมะกันตรงนี้เหรอ. ผมไม่ดื่มครับผมถือศิลดูตาม้าตาเรือบ้าง อย่าหลงทางกันมากเลย. เราก็คิดว่าอย่างนั้นอย่างนี้มันดีก็ยึดกันไปไม่ต่างจากคนกินผักกินหญ้าที่คิดว่ามันดีตรงธรรมะ โง่เหมือนกัน

:b32:
ก็นะแสดงปัญญาของคนที่จะลงนรกดีๆนี่เอง จิตน่่ะไม่รู้อะไรเลย
ท่านประธานตามใจแล้วแต่ลูกน้องจะจัดเตรียมการให้นี่ขนาดวางแผน
แบบโจรแยบคายอย่างแท้จริง ไอ้ที่ไม่เจตนานั่นแหละคือเจตนาเจตสิกไงชั่วแล้ว
:b34: :b34:


โพสต์ เมื่อ: 25 ส.ค. 2015, 21:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
....

อริยะเจ้า..ยังอยากจะกินเหล้าอยู่บ้าง....มั้ยละคับ..อโสกะ
:b32: :b32:


asoka เขียน:
:b12:
ไม่อยากแล้วครับ ตายขาดไปจากใจเลยความอยากดื่มเหล้า เสพย์ของมึนเมาทั้งหลาย
onion


กบนอกกะลา เขียน:
แล้วถ้าเพื่อนคะยั้นคะยอ..ให้ดื่มหน่อย..ถ้าไม่ดื่มจะตัดเพื่อน...อริยะจะยอมดื่มเพื่อสังคมมั้ยคับ

หรือ...ต้องกินเลี้ยงเอาใจลูกค้า...ต้องดื่มเอาใจลูกค้านี้นะ...อริยะจะยอมดื่มเพื่อเข้าสังคม..กลัวสังคมเขาจะรังเกียจ..มั้ยคับ..อโสกะ

s006 s006


asoka เขียน:
:b12:
พระอริยเจ้าคือผู้ที่มีสติปัญญาดีจึงได้เห็นธรรมและบรรลุธรรม ท่านจะมีความแยบคายในการที่จะหลีกเลี่ยงการดื่มเหล้าเพื่อการสมาคมและสังคมนั้นกลับจะยกย่องนับถือไว้เป็นมิตรที่ดีในกลุ่มของเขาเมื่อเห็นความเด็ดเดี่ยวของการไม่ดื่มเหล้าหรือผิดศีลข้อที่ 5

เรื่องนี้มีตัวอย่างจริงๆที่เกิดขึ้นหลายที่หลายเรื่องเช่น
มีนักเรียนแม่โจ้รุ่นหนึ่งจำนวนกว่า 200 คน ใน 200 คนนั้นมีอยู่ 2 คนที่ไม่ยอมดื่มเหล้าจนรุ่นพี่เพื่อนและรุ่นน้องต้องยอมรับนับถือในความเด็ดเดี่ยวของเขาในระดับที่ว่า จะฆ่าให้ตายก็ยอมถ้าจะบังคับให้เขากินเหล้า จนเพื่อนๆแม่โจ้ทั้งวิทยาลัยต่างพากันพูดว่า "ยกให้มันเสียสักคนเถอะ เก็บไว้ประดับรุ่นของเราสักคนสองคนเถอะ" "ไอ้มหา" แล้วไอ้มหาคนนั้นก็ได้ทำงานทำการอยู่ร่วมในวงการเกษตรมาตลอดจนประสบความสำเร็จในชีวิตพอสมควรกับอัตตภาพ

อีกอย่างหนึ่งสังคมดีๆที่ไม่ต้องอาศัยเหล้าหรือของมึนเมาทั้งหลายเป็นสื่อเชื่อมก็ยังมีอีกเยอะแยะเป็นการดีเสียอีกที่เมื่อปฏิเสธการดื่มเหล้าได้เด็ดขาดแล้วความเด็ดเดี่ยวอันนั้นกลับจะกลายเป็นเครื่องกรองและคัดเลือกเอาแต่มิตรที่ดีสังคมที่ดีเป็นกัลยาณมิตรจริงมาให้อริยบุคคลหรือกัลยาณชนท่านนั้น
:b38:

bigtoo เขียน:
ประเด็นมันไม่ใช่ว่าจะดื่มเพื่ออะไรดื่มทำไมดีหรือไม่ดี มันอยู่ที่ว่าสัทธรรมของขั้นปรมัตถธรรมที่จะเข้าใจลึกลงไปเรื่องเหตุและผลไม่ใช่ว่าเอาหลักความคิดของคนที่มีความคิดว่าสิ่งนั้นดีสิ่งนั้นไม่ดี. อย่างที่ผมยกตัวอย่างเรื่องการตายของบุคคลที่ถูกกระทำโดยบุคคลสองคนดังตัวอย่างที่ยกมาให้ทราบแล้ว. และผมขอยกตัวอย่างเพื่อนผมคนหนึ่งไม่กินเหล้าเลยทำอย่างไรก็ไม่มีใครทำให้เขาดื่มเหล้าได้ แต่เขาก็ทำความเลวได้อีกมากมาย. ส่วนอีกคนหนึ่งไม่ดื่มเหล้าเหมือนกันเพราะเขาเห็นโทษแต่เมื่อมีเหตุการที่สังคมที่เขาจะดื่มสักนิดเพื่อเป็นมารยาท. แต่ถ้าท่านจะกล่าวว่าก็ไม่ดื่มก็ไม่เห็นเป็นไรใครจะห้ามก็ทำได้ แต่ก็อาจไม่ต่างจากเพื่อนอีกคนที่ใครก็ไม่สามารถทำให้เขาดื่มได้แต่เขาก็ทำความเลวได้อีกมากมาย. แต่คนที่ดื่มเพราะสังคมเพราะเป็นมารยาทแต่เขาก็ไม่ได้ทำอะไรที่ไม่ดีเลย การดื่มเพียงแค่เล็กน้อยเพื่อมารยาทไม่ได้ดื่มเพราะปราถนาที่จะดื่ม จึงตรงต่อคำที่พระพุทธเจ้ากล่าวอริยะไม่ประกอบเนืองๆ. นี่คือเหตุและผล. ไม่ใช่ทิฎฐิที่เอนไปในสุดโต่ง เรื่องนี้จึงไม่ใช่เรื่องที่จะดื่มหรือไม่ดื่มมันเป็นเรื่องความจริงเจตนาเราคืออะไร พระองค์กล่าวว่าเจตนาเป็นกรรม


เราไม่ได้พูดถึง...คนดื่ม..เป็นคนดีหรือคนไม่ดี..ในสังคม

แต่เรากำลังพูดถึง...อริยะ...จะผิดศีลเพื่อการสมาคม..เข้าสังคม..เพื่อมารยาท..หรือไม่?

ที่อโสกะ..ตอบมา..อยู่ในประเด็นและก้อสวยงามดีแล้ว...ว่า

"พระอริยเจ้าคือผู้ที่มีสติปัญญาดีจึงได้เห็นธรรมและบรรลุธรรม ท่านจะมีความ,แยบคายในการที่จะหลีกเลี่ยงการดื่มเหล้าเพื่อการสมาคมและสังคมนั้นกลับจะยกย่องนับถือไว้เป็นมิตรที่ดีในกลุ่มของเขาเมื่อเห็นความเด็ดเดี่ยวของการไม่ดื่มเหล้าหรือผิดศีลข้อที่ 5 "

ส่วน Bigtoo พูดอะไรนะ...ไม่ดื่มแต่ทำเลวก็มี..ดื่มแต่เป็นคนดีก็มี..พูดไปทั่ว..พูดไปไหนมาสามวาสองศอก. :b32: :b32:
จะยกตัวอย่างอย่างไรให้ดูดีมันก็ไม่ผิดหรอกนะดีมันก็คือดียกตัวอย่างได้ แต่นั้นยังไม่ถูกครบบริบทของความจริงที่ว่าอะไรทำได้แค่ไหนตามพุทธวจน ไม่เห็นจะคิดอะไรมากเลย การคิดที่แยบคลายที่สุดก็คือการที่เราไม่มีเจตนาดื่มก็แค่ยกจิบๆเท่านั้นไม่เสียน้ำใจเพื่อนสังคมก็ไปได้ แค่นี้ก็จบเรื่องคุณจะมาสอนธรรมะกันตรงนี้เหรอ. ผมไม่ดื่มครับผมถือศิลดูตาม้าตาเรือบ้าง อย่าหลงทางกันมากเลย. เราก็คิดว่าอย่างนั้นอย่างนี้มันดีก็ยึดกันไปไม่ต่างจากคนกินผักกินหญ้าที่คิดว่ามันดีตรงธรรมะ โง่เหมือนกัน

:b32:
ก็นะแสดงปัญญาของคนที่จะลงนรกดีๆนี่เอง จิตน่่ะไม่รู้อะไรเลย
ท่านประธานตามใจแล้วแต่ลูกน้องจะจัดเตรียมการให้นี่ขนาดวางแผน
แบบโจรแยบคายอย่างแท้จริง ไอ้ที่ไม่เจตนานั่นแหละคือเจตนาเจตสิกไงชั่วแล้ว
:b34: :b34:
นี่เขาเรียกว่าเข้าไม่ถึงคำว่าธาตุ พวกเปลือกน๊า. เปิดตาดูซะ. มีมั้ยอกุศลกรรมบถ 10 คืออะไร
in หลักธรรมะ July 17, 2013

อกุศลกรรมบถ 10 หมายถึง หนทางแห่งกรรมที่เป็นอกุศล หรือการกระทำอันเป็นทางนำไปสู่ทุคติ ความเสื่อมทั้งปวง พระพุทธองค์ทรงบัญญัติอกุศลกรรมบถไว้ 10 ประการด้วยกัน
อกุศลกรรมบถ 10 สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 หมวดใหญ่ๆ คือ อกุศลทางกาย (กายกรรม) อกุศลทางคำพูด (วจีกรรม) และ อกุศลทางจิตใจ (มโนกรรม) ดังนี้
อกุศลทางกาย (กายกรรม) มี 3 ข้อ ดังนี้
1. ปาณาติบาต หมายถึง การฆ่าสัตว์
2. อทินนาทาน หมายถึง การลักทรัพย์
3. กาเมสุมิจฉาจาร หมายถึง การประพฤติผิดทางกาม
อกุศลทางคำพูด (วจีกรรม) มี 4 ข้อ ดังนี้
1. มุสาวาท หมายถึง การพูดปด พูดเท็จ โกหก หลอกลวง
2. ปิสุณวาจา หมายถึง พูดส่อเสียด คือพูดยุยงให้เขาแตกแยกกัน
3. ผรุสวาจา หมายถึง พูดคำหยาบ
4. สัมผัปปลาปะ หมายถึง พูดเพ้อเจ้อ
อกุศลทางจิตใจ (มโนกรรม) มี 3 ข้อ ดังนี้
1. อภิชฌา หมายถึง ความละโมบ อยากได้ของของผู้อื่นมาเป็นของตน
2. พยาบาท หมายถึง คิดร้ายปองร้ายมุ่งร้ายต่อผู้อื่น มีความปรารถนาที่จะทำลายประโยชน์และความสุขของผู้อื่นให้เสียหายไป
3. มิจฉาทิฏฐิ หมายถึง เห็นผิดจากคลองธรรม เช่น เห็นว่าทำดีได้ชั่วทำชั่วได้ดี มารดาบิดาไม่มีบุญคุณ ไม่เชื่อเรื่องกรรมและผลของกรรม เป็นต้น
จะเห็นว่าถ้าเราหลีกเลี่ยงหรือปราศจากอกุศลกรรมบถ ทั้ง 10 ประการข้างต้น ชีวิตก็จะมีแต่ความสุข คนรอบข้างก็มีความสุข ครอบครัวก็มีความสุขและสังคมก็จะมีความไปด้วย…

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสต์ เมื่อ: 25 ส.ค. 2015, 21:48 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b32: :b32: :b32:
คงคิดว่ายกกรรมบท 10 จะเป็นไม้เด็ด..ละซิ

เด็ก ๆ...หมู..ๆ...แก้ง่าย..จะตาย

bigtoo เขียน:


กบไม่สงสัยเหรอว่าอกุศลกรรมบททำไมไม่มีเรื่องราวความเลวที่กบคิดว่ามันเลวซะขนาดนั้น.(เรื่องกินเหล้า การพนัน) กบไมนึกคิดบ้างเหรอเหตุผลคืออะไร. ทำไมพระองค์ไม่เอามาใส่ครับกบช่วยตอบหน่อยซิ


ท่าจะแต๊วแตก..อีกคน :b22:

ผมว่า...มันเลวซะขนาดนั้น...ตั้งกะเมื่อไรคับป่ม.. s006 s006

ส่วนกินเหล้า...อยู่นศีล 5 แต่ไม่อยู่ใน กรรมบท 10 นั้น...Bigtoo แยกไปตั้งกระทู้ใหม่เลยไป...เด้วจะไปตอบให้...อย่ามาทำกระทู้นี้รกออกนอกประเด็นเลย...

กลับมาเข้าประเด็น..ดีกว่า..

กบนอกกะลา เขียน:
ตรงนี้..สำคัญ..นะครับ

กบนอกกะลา เขียน:
อธิศีล...ของโสดาบัน...น่าสนใจนะว่า..ท่านมีความคิดอย่างไรจึงยอมเสียชีพดีกว่าผิดศีล..?

น่าคิด..มั้ย?

อโสกะ...คิดว่า..อริยะโสดาบัน..ทำไมถึงทำอย่างนั้นได้...??


คนเราจะหลับหูหลับตา...ยอมตายเพราะอยากเป็นอริยะ..ก็คงไม่ใช่

อริยะต้องเห็นอะไร..แหละนะ..

อโสกะว่า...ยังงัยละ?


รอฟังความเห็นอโสกะ..ดีกว่า..ท่าจะมีประโยชน์... s004 s004


โพสต์ เมื่อ: 25 ส.ค. 2015, 22:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
....

อริยะเจ้า..ยังอยากจะกินเหล้าอยู่บ้าง....มั้ยละคับ..อโสกะ
:b32: :b32:


asoka เขียน:
:b12:
ไม่อยากแล้วครับ ตายขาดไปจากใจเลยความอยากดื่มเหล้า เสพย์ของมึนเมาทั้งหลาย
onion


กบนอกกะลา เขียน:
แล้วถ้าเพื่อนคะยั้นคะยอ..ให้ดื่มหน่อย..ถ้าไม่ดื่มจะตัดเพื่อน...อริยะจะยอมดื่มเพื่อสังคมมั้ยคับ

หรือ...ต้องกินเลี้ยงเอาใจลูกค้า...ต้องดื่มเอาใจลูกค้านี้นะ...อริยะจะยอมดื่มเพื่อเข้าสังคม..กลัวสังคมเขาจะรังเกียจ..มั้ยคับ..อโสกะ

s006 s006


asoka เขียน:
:b12:
พระอริยเจ้าคือผู้ที่มีสติปัญญาดีจึงได้เห็นธรรมและบรรลุธรรม ท่านจะมีความแยบคายในการที่จะหลีกเลี่ยงการดื่มเหล้าเพื่อการสมาคมและสังคมนั้นกลับจะยกย่องนับถือไว้เป็นมิตรที่ดีในกลุ่มของเขาเมื่อเห็นความเด็ดเดี่ยวของการไม่ดื่มเหล้าหรือผิดศีลข้อที่ 5

เรื่องนี้มีตัวอย่างจริงๆที่เกิดขึ้นหลายที่หลายเรื่องเช่น
มีนักเรียนแม่โจ้รุ่นหนึ่งจำนวนกว่า 200 คน ใน 200 คนนั้นมีอยู่ 2 คนที่ไม่ยอมดื่มเหล้าจนรุ่นพี่เพื่อนและรุ่นน้องต้องยอมรับนับถือในความเด็ดเดี่ยวของเขาในระดับที่ว่า จะฆ่าให้ตายก็ยอมถ้าจะบังคับให้เขากินเหล้า จนเพื่อนๆแม่โจ้ทั้งวิทยาลัยต่างพากันพูดว่า "ยกให้มันเสียสักคนเถอะ เก็บไว้ประดับรุ่นของเราสักคนสองคนเถอะ" "ไอ้มหา" แล้วไอ้มหาคนนั้นก็ได้ทำงานทำการอยู่ร่วมในวงการเกษตรมาตลอดจนประสบความสำเร็จในชีวิตพอสมควรกับอัตตภาพ

อีกอย่างหนึ่งสังคมดีๆที่ไม่ต้องอาศัยเหล้าหรือของมึนเมาทั้งหลายเป็นสื่อเชื่อมก็ยังมีอีกเยอะแยะเป็นการดีเสียอีกที่เมื่อปฏิเสธการดื่มเหล้าได้เด็ดขาดแล้วความเด็ดเดี่ยวอันนั้นกลับจะกลายเป็นเครื่องกรองและคัดเลือกเอาแต่มิตรที่ดีสังคมที่ดีเป็นกัลยาณมิตรจริงมาให้อริยบุคคลหรือกัลยาณชนท่านนั้น
:b38:

bigtoo เขียน:
ประเด็นมันไม่ใช่ว่าจะดื่มเพื่ออะไรดื่มทำไมดีหรือไม่ดี มันอยู่ที่ว่าสัทธรรมของขั้นปรมัตถธรรมที่จะเข้าใจลึกลงไปเรื่องเหตุและผลไม่ใช่ว่าเอาหลักความคิดของคนที่มีความคิดว่าสิ่งนั้นดีสิ่งนั้นไม่ดี. อย่างที่ผมยกตัวอย่างเรื่องการตายของบุคคลที่ถูกกระทำโดยบุคคลสองคนดังตัวอย่างที่ยกมาให้ทราบแล้ว. และผมขอยกตัวอย่างเพื่อนผมคนหนึ่งไม่กินเหล้าเลยทำอย่างไรก็ไม่มีใครทำให้เขาดื่มเหล้าได้ แต่เขาก็ทำความเลวได้อีกมากมาย. ส่วนอีกคนหนึ่งไม่ดื่มเหล้าเหมือนกันเพราะเขาเห็นโทษแต่เมื่อมีเหตุการที่สังคมที่เขาจะดื่มสักนิดเพื่อเป็นมารยาท. แต่ถ้าท่านจะกล่าวว่าก็ไม่ดื่มก็ไม่เห็นเป็นไรใครจะห้ามก็ทำได้ แต่ก็อาจไม่ต่างจากเพื่อนอีกคนที่ใครก็ไม่สามารถทำให้เขาดื่มได้แต่เขาก็ทำความเลวได้อีกมากมาย. แต่คนที่ดื่มเพราะสังคมเพราะเป็นมารยาทแต่เขาก็ไม่ได้ทำอะไรที่ไม่ดีเลย การดื่มเพียงแค่เล็กน้อยเพื่อมารยาทไม่ได้ดื่มเพราะปราถนาที่จะดื่ม จึงตรงต่อคำที่พระพุทธเจ้ากล่าวอริยะไม่ประกอบเนืองๆ. นี่คือเหตุและผล. ไม่ใช่ทิฎฐิที่เอนไปในสุดโต่ง เรื่องนี้จึงไม่ใช่เรื่องที่จะดื่มหรือไม่ดื่มมันเป็นเรื่องความจริงเจตนาเราคืออะไร พระองค์กล่าวว่าเจตนาเป็นกรรม


เราไม่ได้พูดถึง...คนดื่ม..เป็นคนดีหรือคนไม่ดี..ในสังคม

แต่เรากำลังพูดถึง...อริยะ...จะผิดศีลเพื่อการสมาคม..เข้าสังคม..เพื่อมารยาท..หรือไม่?

ที่อโสกะ..ตอบมา..อยู่ในประเด็นและก้อสวยงามดีแล้ว...ว่า

"พระอริยเจ้าคือผู้ที่มีสติปัญญาดีจึงได้เห็นธรรมและบรรลุธรรม ท่านจะมีความ,แยบคายในการที่จะหลีกเลี่ยงการดื่มเหล้าเพื่อการสมาคมและสังคมนั้นกลับจะยกย่องนับถือไว้เป็นมิตรที่ดีในกลุ่มของเขาเมื่อเห็นความเด็ดเดี่ยวของการไม่ดื่มเหล้าหรือผิดศีลข้อที่ 5 "

ส่วน Bigtoo พูดอะไรนะ...ไม่ดื่มแต่ทำเลวก็มี..ดื่มแต่เป็นคนดีก็มี..พูดไปทั่ว..พูดไปไหนมาสามวาสองศอก. :b32: :b32:
จะยกตัวอย่างอย่างไรให้ดูดีมันก็ไม่ผิดหรอกนะดีมันก็คือดียกตัวอย่างได้ แต่นั้นยังไม่ถูกครบบริบทของความจริงที่ว่าอะไรทำได้แค่ไหนตามพุทธวจน ไม่เห็นจะคิดอะไรมากเลย การคิดที่แยบคลายที่สุดก็คือการที่เราไม่มีเจตนาดื่มก็แค่ยกจิบๆเท่านั้นไม่เสียน้ำใจเพื่อนสังคมก็ไปได้ แค่นี้ก็จบเรื่องคุณจะมาสอนธรรมะกันตรงนี้เหรอ. ผมไม่ดื่มครับผมถือศิลดูตาม้าตาเรือบ้าง อย่าหลงทางกันมากเลย. เราก็คิดว่าอย่างนั้นอย่างนี้มันดีก็ยึดกันไปไม่ต่างจากคนกินผักกินหญ้าที่คิดว่ามันดีตรงธรรมะ โง่เหมือนกัน

:b32:
ก็นะแสดงปัญญาของคนที่จะลงนรกดีๆนี่เอง จิตน่่ะไม่รู้อะไรเลย
ท่านประธานตามใจแล้วแต่ลูกน้องจะจัดเตรียมการให้นี่ขนาดวางแผน
แบบโจรแยบคายอย่างแท้จริง ไอ้ที่ไม่เจตนานั่นแหละคือเจตนาเจตสิกไงชั่วแล้ว
:b34: :b34:
นี่เขาเรียกว่าเข้าไม่ถึงคำว่าธาตุ พวกเปลือกน๊า. เปิดตาดูซะ. มีมั้ยอกุศลกรรมบถ 10 คืออะไร
in หลักธรรมะ July 17, 2013

อกุศลกรรมบถ 10 หมายถึง หนทางแห่งกรรมที่เป็นอกุศล หรือการกระทำอันเป็นทางนำไปสู่ทุคติ ความเสื่อมทั้งปวง พระพุทธองค์ทรงบัญญัติอกุศลกรรมบถไว้ 10 ประการด้วยกัน
อกุศลกรรมบถ 10 สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 หมวดใหญ่ๆ คือ อกุศลทางกาย (กายกรรม) อกุศลทางคำพูด (วจีกรรม) และ อกุศลทางจิตใจ (มโนกรรม) ดังนี้
อกุศลทางกาย (กายกรรม) มี 3 ข้อ ดังนี้
1. ปาณาติบาต หมายถึง การฆ่าสัตว์
2. อทินนาทาน หมายถึง การลักทรัพย์
3. กาเมสุมิจฉาจาร หมายถึง การประพฤติผิดทางกาม
อกุศลทางคำพูด (วจีกรรม) มี 4 ข้อ ดังนี้
1. มุสาวาท หมายถึง การพูดปด พูดเท็จ โกหก หลอกลวง
2. ปิสุณวาจา หมายถึง พูดส่อเสียด คือพูดยุยงให้เขาแตกแยกกัน
3. ผรุสวาจา หมายถึง พูดคำหยาบ
4. สัมผัปปลาปะ หมายถึง พูดเพ้อเจ้อ
อกุศลทางจิตใจ (มโนกรรม) มี 3 ข้อ ดังนี้
1. อภิชฌา หมายถึง ความละโมบ อยากได้ของของผู้อื่นมาเป็นของตน
2. พยาบาท หมายถึง คิดร้ายปองร้ายมุ่งร้ายต่อผู้อื่น มีความปรารถนาที่จะทำลายประโยชน์และความสุขของผู้อื่นให้เสียหายไป
3. มิจฉาทิฏฐิ หมายถึง เห็นผิดจากคลองธรรม เช่น เห็นว่าทำดีได้ชั่วทำชั่วได้ดี มารดาบิดาไม่มีบุญคุณ ไม่เชื่อเรื่องกรรมและผลของกรรม เป็นต้น
จะเห็นว่าถ้าเราหลีกเลี่ยงหรือปราศจากอกุศลกรรมบถ ทั้ง 10 ประการข้างต้น ชีวิตก็จะมีแต่ความสุข คนรอบข้างก็มีความสุข ครอบครัวก็มีความสุขและสังคมก็จะมีความไปด้วย…

Onion_L
แหล่งอโคจร สถานบันเทิงเริงรมย์ ปาร์ตี้และสังคมห่วยแตกน่ะ นำไปสู่อบายน๊า
คำว่าสุราเมระยะ มัชชะ ปะมา ฯ เพิ่มผิดข้อมุสาอีกพูดเท็จบอกไม่กินแต่เอาเข้าปาก
มัชชะไม่เว้นทุกสิ่งที่ทำให้ติดเที่ยวติดดื่มสุราเคล้านารีพาเข้าม่านรูดครบสูตร
อันที่ละไม่ได้คือความมีตัวตนที่ติดข้องก่อนแล้วแสดงทั้งต่อหน้าและลับหลัง
ต่อหน้าว่าไม่ลับหลังก็ต้องไม่ ถ้าต่อหน้ายังทำลับหลังจะขนาดไหนคิดเอาเอง
ไม่งั้นจิบพอเป็นพิธีไม่เป็นบาป พระพุทธเจ้าก็ต้องบัญญัติสิ ไม่งั้นก็ตอแหลน่ะสิ
:b15:
:b32: :b32:


โพสต์ เมื่อ: 25 ส.ค. 2015, 22:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
ผู้ที่หูแจ้งตาสว่างเห็นพาลภายนอก
ต้องย้อนเข้ามาดูพาลภายใน
เค้าพาทำชั่วยังจะอยากทำ
นรกก็ต้มน้ำเดือดปุดๆรอ
น้ำทองแดงประกายไฟ
เอาไว้ให้จิบเข้าปากไง
อ่ะฮ่อยอ่ะฮ่อย
:b12:
:b32: :b32:


โพสต์ เมื่อ: 26 ส.ค. 2015, 03:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
....

อริยะเจ้า..ยังอยากจะกินเหล้าอยู่บ้าง....มั้ยละคับ..อโสกะ
:b32: :b32:


asoka เขียน:
:b12:
ไม่อยากแล้วครับ ตายขาดไปจากใจเลยความอยากดื่มเหล้า เสพย์ของมึนเมาทั้งหลาย
onion


กบนอกกะลา เขียน:
แล้วถ้าเพื่อนคะยั้นคะยอ..ให้ดื่มหน่อย..ถ้าไม่ดื่มจะตัดเพื่อน...อริยะจะยอมดื่มเพื่อสังคมมั้ยคับ

หรือ...ต้องกินเลี้ยงเอาใจลูกค้า...ต้องดื่มเอาใจลูกค้านี้นะ...อริยะจะยอมดื่มเพื่อเข้าสังคม..กลัวสังคมเขาจะรังเกียจ..มั้ยคับ..อโสกะ

s006 s006


asoka เขียน:
:b12:
พระอริยเจ้าคือผู้ที่มีสติปัญญาดีจึงได้เห็นธรรมและบรรลุธรรม ท่านจะมีความแยบคายในการที่จะหลีกเลี่ยงการดื่มเหล้าเพื่อการสมาคมและสังคมนั้นกลับจะยกย่องนับถือไว้เป็นมิตรที่ดีในกลุ่มของเขาเมื่อเห็นความเด็ดเดี่ยวของการไม่ดื่มเหล้าหรือผิดศีลข้อที่ 5

เรื่องนี้มีตัวอย่างจริงๆที่เกิดขึ้นหลายที่หลายเรื่องเช่น
มีนักเรียนแม่โจ้รุ่นหนึ่งจำนวนกว่า 200 คน ใน 200 คนนั้นมีอยู่ 2 คนที่ไม่ยอมดื่มเหล้าจนรุ่นพี่เพื่อนและรุ่นน้องต้องยอมรับนับถือในความเด็ดเดี่ยวของเขาในระดับที่ว่า จะฆ่าให้ตายก็ยอมถ้าจะบังคับให้เขากินเหล้า จนเพื่อนๆแม่โจ้ทั้งวิทยาลัยต่างพากันพูดว่า "ยกให้มันเสียสักคนเถอะ เก็บไว้ประดับรุ่นของเราสักคนสองคนเถอะ" "ไอ้มหา" แล้วไอ้มหาคนนั้นก็ได้ทำงานทำการอยู่ร่วมในวงการเกษตรมาตลอดจนประสบความสำเร็จในชีวิตพอสมควรกับอัตตภาพ

อีกอย่างหนึ่งสังคมดีๆที่ไม่ต้องอาศัยเหล้าหรือของมึนเมาทั้งหลายเป็นสื่อเชื่อมก็ยังมีอีกเยอะแยะเป็นการดีเสียอีกที่เมื่อปฏิเสธการดื่มเหล้าได้เด็ดขาดแล้วความเด็ดเดี่ยวอันนั้นกลับจะกลายเป็นเครื่องกรองและคัดเลือกเอาแต่มิตรที่ดีสังคมที่ดีเป็นกัลยาณมิตรจริงมาให้อริยบุคคลหรือกัลยาณชนท่านนั้น
:b38:

bigtoo เขียน:
ประเด็นมันไม่ใช่ว่าจะดื่มเพื่ออะไรดื่มทำไมดีหรือไม่ดี มันอยู่ที่ว่าสัทธรรมของขั้นปรมัตถธรรมที่จะเข้าใจลึกลงไปเรื่องเหตุและผลไม่ใช่ว่าเอาหลักความคิดของคนที่มีความคิดว่าสิ่งนั้นดีสิ่งนั้นไม่ดี. อย่างที่ผมยกตัวอย่างเรื่องการตายของบุคคลที่ถูกกระทำโดยบุคคลสองคนดังตัวอย่างที่ยกมาให้ทราบแล้ว. และผมขอยกตัวอย่างเพื่อนผมคนหนึ่งไม่กินเหล้าเลยทำอย่างไรก็ไม่มีใครทำให้เขาดื่มเหล้าได้ แต่เขาก็ทำความเลวได้อีกมากมาย. ส่วนอีกคนหนึ่งไม่ดื่มเหล้าเหมือนกันเพราะเขาเห็นโทษแต่เมื่อมีเหตุการที่สังคมที่เขาจะดื่มสักนิดเพื่อเป็นมารยาท. แต่ถ้าท่านจะกล่าวว่าก็ไม่ดื่มก็ไม่เห็นเป็นไรใครจะห้ามก็ทำได้ แต่ก็อาจไม่ต่างจากเพื่อนอีกคนที่ใครก็ไม่สามารถทำให้เขาดื่มได้แต่เขาก็ทำความเลวได้อีกมากมาย. แต่คนที่ดื่มเพราะสังคมเพราะเป็นมารยาทแต่เขาก็ไม่ได้ทำอะไรที่ไม่ดีเลย การดื่มเพียงแค่เล็กน้อยเพื่อมารยาทไม่ได้ดื่มเพราะปราถนาที่จะดื่ม จึงตรงต่อคำที่พระพุทธเจ้ากล่าวอริยะไม่ประกอบเนืองๆ. นี่คือเหตุและผล. ไม่ใช่ทิฎฐิที่เอนไปในสุดโต่ง เรื่องนี้จึงไม่ใช่เรื่องที่จะดื่มหรือไม่ดื่มมันเป็นเรื่องความจริงเจตนาเราคืออะไร พระองค์กล่าวว่าเจตนาเป็นกรรม


เราไม่ได้พูดถึง...คนดื่ม..เป็นคนดีหรือคนไม่ดี..ในสังคม

แต่เรากำลังพูดถึง...อริยะ...จะผิดศีลเพื่อการสมาคม..เข้าสังคม..เพื่อมารยาท..หรือไม่?

ที่อโสกะ..ตอบมา..อยู่ในประเด็นและก้อสวยงามดีแล้ว...ว่า

"พระอริยเจ้าคือผู้ที่มีสติปัญญาดีจึงได้เห็นธรรมและบรรลุธรรม ท่านจะมีความ,แยบคายในการที่จะหลีกเลี่ยงการดื่มเหล้าเพื่อการสมาคมและสังคมนั้นกลับจะยกย่องนับถือไว้เป็นมิตรที่ดีในกลุ่มของเขาเมื่อเห็นความเด็ดเดี่ยวของการไม่ดื่มเหล้าหรือผิดศีลข้อที่ 5 "

ส่วน Bigtoo พูดอะไรนะ...ไม่ดื่มแต่ทำเลวก็มี..ดื่มแต่เป็นคนดีก็มี..พูดไปทั่ว..พูดไปไหนมาสามวาสองศอก. :b32: :b32:
จะยกตัวอย่างอย่างไรให้ดูดีมันก็ไม่ผิดหรอกนะดีมันก็คือดียกตัวอย่างได้ แต่นั้นยังไม่ถูกครบบริบทของความจริงที่ว่าอะไรทำได้แค่ไหนตามพุทธวจน ไม่เห็นจะคิดอะไรมากเลย การคิดที่แยบคลายที่สุดก็คือการที่เราไม่มีเจตนาดื่มก็แค่ยกจิบๆเท่านั้นไม่เสียน้ำใจเพื่อนสังคมก็ไปได้ แค่นี้ก็จบเรื่องคุณจะมาสอนธรรมะกันตรงนี้เหรอ. ผมไม่ดื่มครับผมถือศิลดูตาม้าตาเรือบ้าง อย่าหลงทางกันมากเลย. เราก็คิดว่าอย่างนั้นอย่างนี้มันดีก็ยึดกันไปไม่ต่างจากคนกินผักกินหญ้าที่คิดว่ามันดีตรงธรรมะ โง่เหมือนกัน

:b32:
ก็นะแสดงปัญญาของคนที่จะลงนรกดีๆนี่เอง จิตน่่ะไม่รู้อะไรเลย
ท่านประธานตามใจแล้วแต่ลูกน้องจะจัดเตรียมการให้นี่ขนาดวางแผน
แบบโจรแยบคายอย่างแท้จริง ไอ้ที่ไม่เจตนานั่นแหละคือเจตนาเจตสิกไงชั่วแล้ว
:b34: :b34:
นี่เขาเรียกว่าเข้าไม่ถึงคำว่าธาตุ พวกเปลือกน๊า. เปิดตาดูซะ. มีมั้ยอกุศลกรรมบถ 10 คืออะไร
in หลักธรรมะ July 17, 2013

อกุศลกรรมบถ 10 หมายถึง หนทางแห่งกรรมที่เป็นอกุศล หรือการกระทำอันเป็นทางนำไปสู่ทุคติ ความเสื่อมทั้งปวง พระพุทธองค์ทรงบัญญัติอกุศลกรรมบถไว้ 10 ประการด้วยกัน
อกุศลกรรมบถ 10 สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 หมวดใหญ่ๆ คือ อกุศลทางกาย (กายกรรม) อกุศลทางคำพูด (วจีกรรม) และ อกุศลทางจิตใจ (มโนกรรม) ดังนี้
อกุศลทางกาย (กายกรรม) มี 3 ข้อ ดังนี้
1. ปาณาติบาต หมายถึง การฆ่าสัตว์
2. อทินนาทาน หมายถึง การลักทรัพย์
3. กาเมสุมิจฉาจาร หมายถึง การประพฤติผิดทางกาม
อกุศลทางคำพูด (วจีกรรม) มี 4 ข้อ ดังนี้
1. มุสาวาท หมายถึง การพูดปด พูดเท็จ โกหก หลอกลวง
2. ปิสุณวาจา หมายถึง พูดส่อเสียด คือพูดยุยงให้เขาแตกแยกกัน
3. ผรุสวาจา หมายถึง พูดคำหยาบ
4. สัมผัปปลาปะ หมายถึง พูดเพ้อเจ้อ
อกุศลทางจิตใจ (มโนกรรม) มี 3 ข้อ ดังนี้
1. อภิชฌา หมายถึง ความละโมบ อยากได้ของของผู้อื่นมาเป็นของตน
2. พยาบาท หมายถึง คิดร้ายปองร้ายมุ่งร้ายต่อผู้อื่น มีความปรารถนาที่จะทำลายประโยชน์และความสุขของผู้อื่นให้เสียหายไป
3. มิจฉาทิฏฐิ หมายถึง เห็นผิดจากคลองธรรม เช่น เห็นว่าทำดีได้ชั่วทำชั่วได้ดี มารดาบิดาไม่มีบุญคุณ ไม่เชื่อเรื่องกรรมและผลของกรรม เป็นต้น
จะเห็นว่าถ้าเราหลีกเลี่ยงหรือปราศจากอกุศลกรรมบถ ทั้ง 10 ประการข้างต้น ชีวิตก็จะมีแต่ความสุข คนรอบข้างก็มีความสุข ครอบครัวก็มีความสุขและสังคมก็จะมีความไปด้วย…

Onion_L
แหล่งอโคจร สถานบันเทิงเริงรมย์ ปาร์ตี้และสังคมห่วยแตกน่ะ นำไปสู่อบายน๊า
คำว่าสุราเมระยะ มัชชะ ปะมา ฯ เพิ่มผิดข้อมุสาอีกพูดเท็จบอกไม่กินแต่เอาเข้าปาก
มัชชะไม่เว้นทุกสิ่งที่ทำให้ติดเที่ยวติดดื่มสุราเคล้านารีพาเข้าม่านรูดครบสูตร
อันที่ละไม่ได้คือความมีตัวตนที่ติดข้องก่อนแล้วแสดงทั้งต่อหน้าและลับหลัง
ต่อหน้าว่าไม่ลับหลังก็ต้องไม่ ถ้าต่อหน้ายังทำลับหลังจะขนาดไหนคิดเอาเอง
ไม่งั้นจิบพอเป็นพิธีไม่เป็นบาป พระพุทธเจ้าก็ต้องบัญญัติสิ ไม่งั้นก็ตอแหลน่ะสิ
:b15:
:b32: :b32:
เนี่ยเขาเรียกว่าโง่นะ พระพุทธเจ้าท่านบัญญัติไว้แค่นี้ ไม่รู้จักคิดว่าทำไม่ท่านถึงมีแค่นี้ก็เพราะตรงนี้นั้นเป็นส่วนที่ไม่มีส่วนที่ดีเลยเกิดแต่โทษกับตนเองและผู้อื่น. ส่วนอื่นๆนั้นในตัวมันเองมีทั้งโทษและก็ไม่มีโทษมันจึงต้องแยกออกจากกันแล้วจัดประเภทที่พอจะให้เกิดโทษไปในหมวด การประกอบเนืองๆจึงเป็นเหตุไปในทางเสื่อม ดังที่พระองค์กล่าวไว้นะ อย่าโง่ล่ะ. อย่าไปแต่งเพิ่มใส่เป็นข้อ11ข้อ12นะ อกุศลกรรมบทมีแค่10ข้อ. นี่สงสัยยังต้องนั่งรับศิลเป็นเด็กน้อยละมั้ง ชีวิตบนเส้นทางนี้เห็นขวดเหล้าก็กลัวจนมองไม่ออก คำว่า เจตนานั่นคือกรรม. ดั่งที่เคยยกตัวอย่างไปแล้ว. ที่หมอทำคนตายโดยไม่เจตนานั้นจะเป็นบาปได้อย่างไร เอาเถอะไม่ว่ากันคนเรานั้นมันถึงต่างกันตรงอินทรีย์

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสต์ เมื่อ: 26 ส.ค. 2015, 04:14 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


s004 s004 s004

บอกว่า...ให้ไปตั้งกระทู้ใหม่..

รก....

กลับมา...

กบนอกกะลา เขียน:
ตรงนี้..สำคัญ..นะครับ

กบนอกกะลา เขียน:
อธิศีล...ของโสดาบัน...น่าสนใจนะว่า..ท่านมีความคิดอย่างไรจึงยอมเสียชีพดีกว่าผิดศีล..?

น่าคิด..มั้ย?

อโสกะ...คิดว่า..อริยะโสดาบัน..ทำไมถึงทำอย่างนั้นได้...??


คนเราจะหลับหูหลับตา...ยอมตายเพราะอยากเป็นอริยะ..ก็คงไม่ใช่

อริยะต้องเห็นอะไร..แหละนะ..

อโสกะว่า...ยังงัยละ?


:b16: :b16:


โพสต์ เมื่อ: 26 ส.ค. 2015, 06:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Kiss
ผู้ที่หูแจ้งตาสว่างเห็นพาลภายนอก
ต้องย้อนเข้ามาดูพาลภายใน
เค้าพาทำชั่วยังจะอยากทำ
นรกก็ต้มน้ำเดือดปุดๆรอ
น้ำทองแดงประกายไฟ
เอาไว้ให้จิบเข้าปากไง
อ่ะฮ่อยอ่ะฮ่อย
:b12:
:b32: :b32:
คิดอะไรก็คิดได้นะ แต่ไม่ตรงความจริง. ยังรู้อยู่มั้ยใครเป็นอรหันต์ ยังจินดีรดน้ำมนต์อยู่หรือเปล่า. ยังท่องคาถาเงิรล้านอยู่มั้ย. ขึ้นบ้ายใหม่ล่ะทำมั้ยฯ คงเยอะเลยนะชีวิตจะหลุดพ้นได้ไง

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสต์ เมื่อ: 26 ส.ค. 2015, 13:26 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
s004 s004 s004

บอกว่า...ให้ไปตั้งกระทู้ใหม่..

รก....

กลับมา...

กบนอกกะลา เขียน:
ตรงนี้..สำคัญ..นะครับ

กบนอกกะลา เขียน:
อธิศีล...ของโสดาบัน...น่าสนใจนะว่า..ท่านมีความคิดอย่างไรจึงยอมเสียชีพดีกว่าผิดศีล..?

น่าคิด..มั้ย?

อโสกะ...คิดว่า..อริยะโสดาบัน..ทำไมถึงทำอย่างนั้นได้...??


คนเราจะหลับหูหลับตา...ยอมตายเพราะอยากเป็นอริยะ..ก็คงไม่ใช่

อริยะต้องเห็นอะไร..แหละนะ..

อโสกะว่า...ยังงัยละ?


:b16: :b16:

:b12:
โยงมาให้อโศกะตอบอีกแล้วนะครับ
s004
พระโสดาบัน เห็นโทษและวิบากกรรมที่จะเกิดจากการล่วงศีล 5 แต่ละข้ออย่างชัดเจนแล้วจนละสิ้นซึ่งอุปนิสัยที่จะล่วงศีล 5 กลายเป็นธรรมชาติและอุปนิสัยใหม่ที่ล่วงศีล 5 ไม่เป็น ทำไม่ได้ เป็นปกติวิสัยของพระโสดาบันเองที่จะไม่ล่วงศีล 5

อุปมาเหมือนคนที่เคยได้รับความเจ็บแสบอันแสนจะทุกข์และทารุณจากการไปจับต้องถูกใบตำแยหรือตัวบุ้งร่าน จึงไม่หวนกลับไปแตะต้องมันอีกโดยเด็ดขาดชั่วชีวิต


โพสต์ เมื่อ: 26 ส.ค. 2015, 14:11 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:

โยงมาให้อโศกะตอบอีกแล้วนะครับ

ก็..ปุจฉา...วิสัชณา...ซิ..สนุกดี...พูดคนเดียวมันจะสนุกตรงไหน...ว่ามั้ย..

asoka เขียน:

s004
พระโสดาบัน เห็นโทษและวิบากกรรมที่จะเกิดจากการล่วงศีล 5 แต่ละข้ออย่างชัดเจนแล้วจนละสิ้นซึ่งอุปนิสัยที่จะล่วงศีล 5 กลายเป็นธรรมชาติและอุปนิสัยใหม่ที่ล่วงศีล 5 ไม่เป็น ทำไม่ได้ เป็นปกติวิสัยของพระโสดาบันเองที่จะไม่ล่วงศีล 5

อุปมาเหมือนคนที่เคยได้รับความเจ็บแสบอันแสนจะทุกข์และทารุณจากการไปจับต้องถูกใบตำแยหรือตัวบุ้งร่าน จึงไม่หวนกลับไปแตะต้องมันอีกโดยเด็ดขาดชั่วชีวิต


ผมเห็นด้วย..ตรงนี้...
เพราะเห็นโทษ...

และ...ขอเพิ่มเติมอีกนิดว่า...เพราะเห็นแล้วว่านรกสวรรค์นิพพานมีจริง...แล้วร่างกายนี้ก็ไม่ใช่เรา...ตาย..ก็ตายแต่รูปร่างกาย...หากต้องตายก็ได้ไปสวรรค์...แล้วเรื่องอะไรจะเอาสวรรค์สมบัติ..นิพพานสมบัติ...มาแลกกับการคงรูปมนุษย์สมบัติ..ละ

โสดาบันเลยไม่โง่...จะเอาเพชรไปแลกกับเกลือ...

อโสกะ..ว่าที่ผมเพิ่มเติมมานี้....พอจะเป็นไปได้มั้ย?


โพสต์ เมื่อ: 26 ส.ค. 2015, 14:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
s004 s004 s004

บอกว่า...ให้ไปตั้งกระทู้ใหม่..

รก....

กลับมา...

กบนอกกะลา เขียน:
ตรงนี้..สำคัญ..นะครับ

กบนอกกะลา เขียน:
อธิศีล...ของโสดาบัน...น่าสนใจนะว่า..ท่านมีความคิดอย่างไรจึงยอมเสียชีพดีกว่าผิดศีล..?

น่าคิด..มั้ย?

อโสกะ...คิดว่า..อริยะโสดาบัน..ทำไมถึงทำอย่างนั้นได้...??


คนเราจะหลับหูหลับตา...ยอมตายเพราะอยากเป็นอริยะ..ก็คงไม่ใช่

อริยะต้องเห็นอะไร..แหละนะ..

อโสกะว่า...ยังงัยละ?


:b16: :b16:

:b12:
โยงมาให้อโศกะตอบอีกแล้วนะครับ
s004
พระโสดาบัน เห็นโทษและวิบากกรรมที่จะเกิดจากการล่วงศีล 5 แต่ละข้ออย่างชัดเจนแล้วจนละสิ้นซึ่งอุปนิสัยที่จะล่วงศีล 5 กลายเป็นธรรมชาติและอุปนิสัยใหม่ที่ล่วงศีล 5 ไม่เป็น ทำไม่ได้ เป็นปกติวิสัยของพระโสดาบันเองที่จะไม่ล่วงศีล 5

อุปมาเหมือนคนที่เคยได้รับความเจ็บแสบอันแสนจะทุกข์และทารุณจากการไปจับต้องถูกใบตำแยหรือตัวบุ้งร่าน จึงไม่หวนกลับไปแตะต้องมันอีกโดยเด็ดขาดชั่วชีวิต
การไม่ล่วงศิลห้าของท่านยึดเอากิริยาอาการหรือยึดเอาเจตนาล่ะครับ. ในสังคมแห่งความจริงที่ไม่ใช่ความนึกคิดมันมีบริบทเยอะนะ. อย่างหมอเอามีดจิ้มไปในร่าวกายมีคนตายก็ไม่เห็นผิดศิลเลยทั้วๆมีคนตายนะ. พระองค์ถึงกล่าวว่าเรามีเจตนาเป็นกรรม.

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสต์ เมื่อ: 26 ส.ค. 2015, 15:01 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
จะเอาโทมนัสออกเสียได้...อาจจะเกินกำลังของคนที่แม้แต่ศีล...ก็ยังไม่เข้าถึงความเป็นอธิศีล..นะ

เพราะเอาโทมนัสออกได้..นี้...มิใช่เป็นอริยะมรรคของอริยะบุคคลเบื้องสูง..ไปแล้ว..ละมั้ง..

เอาแค่โสดาปฏิมัค...สกิทาคามีมัค...ก่อน...จะดีมั้ย?...

:b32: :b32:

Kiss
กบรู้มากรู้ลึกเกินไปจนทำให้เรื่องธรรมดาๆที่เรียบง่ายไปกลายเป็นเรื่องสูงส่งลึกล้ำเสียละกระมัง

อภิชฌา โทมนัสสังเป็นภาษาบาลีที่เมื่อแปลเป็นไทยแล้ว ก็คือ ความยินดีพอใจ กับความยินร้ายไม่ชอบ ธรรมดาๆเท่านั้นเอง

การเอาความยินดีกับความยินร้ายออกให้ได้ก็ใช้กำลังและความสามารถเช่นเดียวกันและพอๆกัน ไม่ถึงกับต้องระดับระดับพระอรหันต์ก็ได้

การนำความยินดียินร้ายออกจากใจนั้นมีได้หลายวิธีตามพื้นฐานความรู้ความสามารถของแต่ละคนอาจจำแนกออกเป็นกลุ่มๆได้ดังนี้

๑.โดยใช้สติที่มีกำลังมากตัด ผู้ที่ฝึกสติมานานจนมีกำลังมากเพียงแค่ระลึกรู้ความยินดีหรือความยินร้ายปรากฏขึ้นมาในจิตสติก็ตัดฉับยินดียิร้ายดับลงทันที วิธีนี้จะทำให้ไม่ทันได้เห็นสมุทัยกิเลสตัณหาจะตายด้วยอำนาจเจโตวิมุติ

๒.ใช้คำบริกรรมตัด หรือข่มเช่นยินดีหนอๆๆๆๆๆๆ หรือ ยินร้ายหนอๆๆๆๆ หรือบริกรรมพุทโธๆๆๆๆๆ สัมมาอรหังๆๆๆๆๆๆ อนัตตาๆๆๆๆๆๆถี่ๆไปจนจนความรู้สึกยินดียินร้ายนั้นดับไป

๓.ใช้กรรมฐานตัด คือผูกจิตมัดจิตไว้กับองค์กรรมฐานจนไม่สนใจไม่รับรู้ความยินดียินร้ายนั้น

๔.ใช้ความคิดเหตุและผลตัด

๕.ใช้ขันติ ตบะ วิริยะ ตัด โดยเฝ้ารู้ความยินดียินร้ายที่เกิดนั้นเฉยๆไปไม่ยอมทำอะไรตามอำนาจความยินดียินร้ายจนมันดับไป

๖.ใช้สติและปัญญาวิปัสสนานิ่งรู้นิ่งสังเกต ค้นเข้าไปในความยินดีหรือยินร้ายจนพบ "ผู้ยินดียินร้าย"ที่ซ่อนลึกอยู่ภายในแล้วใช้วิธีตามข้อ ๕ สู้จนผู้ยินดียินร้ายถอยหรือดับขาดไป ตายขาดไป
วิธีที่ ๖ นี้เป็นการสู้ที่เหตุเมื่อสำเร็จแล้วจะทำให้ความยินดียินร้ายหายขาดไม่หวนกลับคืนมาอีก
ส่วนวิธีที่ ๑ ถึง ๕ เป็นวิธีแก้ที่ผลจะประทังปิดบังความยินดียินร้ายไว้ด้วยอำนาจสติ สมาธิ ที่สุดความยินดียินร้ายซึ่งมีผู้ยินดียินร้ายซ่อนตัวอยู่ในนั้นอาจตายขาดไปพร้อมกันได้เช่นกันอันเป็นแนวทางของท่านที่มีอุปนิสัยทางด้านเจโตวิมุติ

:b37:
:b36:
:b44:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 911 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 12, 13, 14, 15, 16, 17, 18 ... 61  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron