วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 20:34  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.พ. 2015, 13:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 มี.ค. 2011, 13:32
โพสต์: 245


 ข้อมูลส่วนตัว


เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๒๔ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๒


รูปภาพ

พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์เป็นธรรมธาตุหมด พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ก็เป็นธรรมธาตุเหมือนกันหมด จิตของท่านเป็นธรรมธาตุ ทีนี้สาวกของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าเพียงพระองค์เดียวเท่านั้นมีสาวกอรหันต์มากขนาดไหน เช่นอย่างพระพุทธเจ้าของเรานี้ สาวกเป็นอรหันต์มากขนาดไหน นั้นละเป็นธรรมธาตุทั้งนั้น แล้วสาวกของพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ ๆ จำนวนขนาดไหน

คิดดูตั้งแต่นับพระพุทธเจ้าพระองค์เดียว สององค์ สามองค์ ตั้งแต่วันเกิดจนกระทั่งถึงวันตายนับไม่ครบ นี่ละพระพุทธเจ้ามากขนาดไหน แล้วสาวกของพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ ๆ นั้นมากขนาดไหน เอ้า เทียบเข้าไปอีก นี่ละเป็นธรรมธาตุล้วน ๆ อันนี้หาประมาณไม่ได้ เพราะเลยสมมุติไปหมดแล้ว เรียกได้แต่ชื่อว่าธรรมธาตุ คือท่านผู้บริสุทธิ์ถึงวิมุตติพระนิพพานแล้ว ใจเป็นธรรมธาตุด้วยกันหมด

ตั้งแต่ขั้นมนุษย์เราถึงสวรรค์พรหมโลกนิพพาน กว้างขนาดไหน ฟังแต่ว่าพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้นี้นานขนาดไหน กี่กัปกี่กัลป์ มาตรัสรู้อยู่อย่างนี้เรื่อยมา แล้วยังจะเรื่อยไปอีกตลอดไม่มีสิ้นสุดยุติ ต้นของพระพุทธเจ้าที่มาอุบัติก็นับไม่ได้ ปลายที่ยุติของพระพุทธเจ้าก็นับไม่ได้ จะหมุนไปอย่างนี้เรื่อย อุบัติถ่ายทอดกันไปเรื่อย ๆ อย่างนี้ไม่มีที่สิ้นสุด เลยกัปเลยกัลป์ไปอีก ที่ผ่านมาแล้วกี่กัปกี่กัลป์ จะไปข้างหน้ากี่กัปกี่กัลป์ นับไม่ได้ทั้งต้นทั้งปลายเลย นี่ละที่พระพุทธเจ้าอุบัติมาตลอด เป็นยังไงธรรมธาตุที่ครอบโลกธาตุนี่ ส่วนความกว้างความอะไรประมาณไม่ได้แล้ว

ทีนี้ย่นลงมาฝ่ายต่ำอีก เรานี่พูดแต่ฝ่ายดีฝ่ายสูง พูดลงมาฝ่ายต่ำอีก พวกนรกหลุมหนึ่ง ๆ ท่านกะประมาณไว้ในชาดกว่า ๒๕ หลุม นี่สำหรับสัตว์โลกทั่วแดนโลกธาตุที่สร้างบาปสร้างกรรม จะต้องไปลงนรก ๒๕ หลุมนี้ หลุมใดหลุมหนึ่ง ตามอำนาจแห่งกรรมหนักเบามากน้อยของตน แล้วนรกหลุมหนึ่งนั้นความกว้างความลึก บรรจุสัตว์โลกได้ขนาดไหน ยังมากยิ่งกว่าชั้นสวรรค์ไปอีก ไม่ทราบว่ากี่ร้อยเท่าพันทวีฟังซิน่ะ

เพราะเหตุไรจึงเป็นอย่างนั้น เราดูก็รู้ ดูในตัวของเราเอง สัตว์โลกชอบทำบาปกันมากยิ่งกว่าชอบทำบุญ เพราะฉะนั้นสถานที่อยู่ของสัตว์โลกผู้ทำบาปจึงกว้างขวางมากเทียบกันไม่ได้ ท่านว่าอย่างนั้นนะ นั่นฟังซิขนาดไหน แล้วนรกแต่ละหลุม ๆ บรรจุสัตว์นรกอยู่ในนั้นมากขนาดไหน เราอย่ามาพูด โลกนี้เอามาอีกสัก ๑๐ โลกจะไปเทียบกันนรกหลุมหนึ่ง เทียบไม่ได้นะ คือสัตว์โลกไปตกนรกนี่มากขนาดไหน เพราะใครก็มีแต่สมัครโดยหลักธรรมชาติที่กิเลสลากไป ๆ ให้ทำความชั่วช้าลามก เพื่อเป็นทางไหลลงนรกไม่มีทางสิ้นสุดยุติลงไปได้เลย ตกตลอด ๆ แล้วกว้างขนาดไหนนรกหลุมหนึ่ง หลุมสอง หลุมสาม ถึง ๒๕ หลุม นี่ล้วนแล้วตั้งแต่บรรจุสัตว์นรกทั้งนั้นอยู่อย่างนั้นตลอดมา

นี่เราพูดถึงเรื่องความกว้างความแคบ การบรรจุสัตว์โลก บรรจุทั้งฝ่ายดีตั้งแต่มนุษย์ขึ้นถึงสวรรค์ชั้นพรหมโลกถึงนิพพาน แล้วฝ่ายต่ำก็ตั้งแต่หลุมหนึ่งถึง ๒๕ หลุมของแดนนรก หลุมที่หนึ่งเรียกว่าหลุมที่แสบที่เผ็ดร้อน ที่ทุกข์มากแสนสาหัส ท่านเรียกว่าหลุมที่หนึ่ง ท่านก็บอกไว้ประเภทที่จะไปตกนรกหลุมนี้ประเภทไหนพวกสัตว์นรก ประเภทที่ว่ามหันตทุกข์ ชั่วฟ้าแลบไม่มี คือมีความทุกข์ทรมานตลอดเวลา

แล้วฟ้าแลบแพล็บนี้คือความทุกข์ในสัตว์นรกหลุมนั้น ๆ นี่ชั่วฟ้าแลบ คนนี้ระงับทุกข์ไปชั่วฟ้าแลบนี้ ไม่มีในนรกหลุมนี้ ท่านจึงให้ชื่อว่าอนันตริยกรรม แปลว่า กรรมที่หนักมากจนหาช่องว่างไม่ได้เลย แม้ชั่วฟ้าแลบก็ไม่มี หนักมากที่สุดคือสัตว์ประเภททำกรรมประเภทที่หนักมากที่สุด คือประเภทไหน นั่นอีกนะ ท่านแจงออกมาให้รู้ พวกนี้ทำกรรม ๕ ประการ ประการใดประการหนึ่งก็ตาม ๕ ประการมีน้ำหนักเท่ากัน

ฆ่าบิดา ๑ ฆ่ามารดา ๑ ฆ่าพระอรหันต์ ๑ ทำสังฆเภท คำว่าสังฆเภท คือ ยุยงสงฆ์ที่มีความพร้อมเพรียงสามัคคีกันอยู่ด้วยการปฏิบัติธรรมวินัย ให้แตกให้แยกจากกัน เรียกว่าให้แตกสามัคคีกัน ๑ แล้วทำลายพระพุทธเจ้า แม้ไม่ตายก็ตาม ได้รับความบอบช้ำเพียงเท่านั้น ๑ เหล่านี้เรียกว่าอนันตริยกรรม เป็นกรรมที่หนักมากที่สุด ตกนรกในหลุมนี้ นั่นท่านก็บอกเอาไว้

ทีนี้รองลงมานรกก็รองลงมา กรรมที่รองกันสัตว์โลกก็ไปตกรอง ๆ กันมาเรื่อย ๆ ท่านบอกไว้ ๒๕ หลุม พอเลื่อนจากหลุมนี้แล้วไม่ใช่จะขึ้นเหมือนเขาติดคุกติดตะราง กี่ปีก็ตามเขาติดคุก ติดตั้ง ๑๐ ปี ๒๕ ปีหรืออะไรอย่างนี้ พอพ้นโทษแล้วเขาเป็นพลเมืองดีเช่นเดียวกับเราร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่คนที่พ้นจากนรกหลุมที่หนึ่งนั้นแล้ว เลื่อนมาหลุมที่สอง ไม่ได้พ้นนะ หลุมที่สองค่อยเบาไป ๆ เลื่อนขึ้นมาหลุมที่สาม ที่สี่ ตามอำนาจแห่งกรรมเบา ก็ค่อยเลื่อนขึ้นไปในนรกนั้น ความเบาของนรกก็ต่างกันเป็นลำดับ

จนกระทั่งพ้นจากนรกแล้ว จะมาเป็นคน เป็นสัตว์ เทวดา อินทร์ พรหม อีกยังไม่ได้นะ ยังต้องมาเป็นเปรตอีก เปรต ๑๓ จำพวก ๑๓ จำพวกนี้ยังมีกรรมเบากว่านรกขั้นสุด คือเบาที่สุด นรกหลุมสุดนั้น แล้วก็มาเป็นเปรต เปรตนี้ ๑๓ ประเภท ยังต้องมาเสวยเป็นขั้นเป็นตอนไปอีก จนกว่าวาระสุดท้ายก็มาเป็นปรทัตตูปชีวีเปรต คือเปรตประเภทที่ล้มหายตายจากไปแล้ว มารับส่วนบุญส่วนกุศลจากญาติพี่น้อง จากพ่อแม่ทั้งหลายได้ ท่านจึงเรียกว่าปรทัตตูปชีวีเปรต อาศัยความเป็นอยู่จากผู้อื่น ปร ผู้อื่น พวกญาติพวกวงศ์ มิตรสหาย พ่อแม่ พี่น้อง ทำอุทิศส่วนกุศลให้ เปรตจำพวกนี้จำพวกเดียวที่ได้รับบุญกุศล จากนั้นพ้นเลย นี่ละฟังซิ ตั้งแต่อนันตริยกรรมขึ้นมาถึงขั้นปรทัตตูปชีวีเปรต พอสุดนี้แล้วผ่านโดยสมบูรณ์ พ้นโทษแล้ว หนักขนาดไหนฟังซิ

นี่พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์สอนอย่างนี้นะ แล้วทีนี้กิเลสทุกประเภทอีกเหมือนกันมันก็ลบความจริงอย่างนี้ร้อยเปอร์เซ็นต์เหมือนกัน เพราะฉะนั้นสัตว์โลกทั้งหลายจึงต้องจม ๆ เพราะธรรมชาติของกิเลสอันนี้มันเหนียวแน่น ดึงตลอดเวลา ดึงลง ๆ ความโลภก็ดึงลง ดึงไม่มีจืดจางคือความโลภ ความอยากความทะเยอทะยาน ไม่มีคำว่าพอ ได้เท่าไรยิ่งหิวยิ่งโหยยิ่งโลภ โลภไปเรื่อย ๆ นี่คือกิเลส มันดึงอยู่ตลอด มันดึงให้โลกไม่สนใจ

โกรธก็เป็นกิเลสประเภทหนึ่ง ราคะตัณหาผลักดันออกไป ดึงออกไปอีก มีแต่ส่วนที่จะดึงลง ถ้าไม่มีธรรมแล้วตายเพราะมัน เพราะฉะนั้นสัตว์นรกที่ตกนรกจึงมากยิ่งกว่าแดนสวรรค์ชั้นหนึ่ง แดนนรกแต่ละหลุมมากกว่านั้นร้อยเท่าพันทวี เพราะสัตว์ทั้งหลายตกนรกมากยิ่งกว่าที่จะไปสวรรค์ไปความดี

ดังพระพุทธเจ้าท่านทรงเทียบเอาไว้เวลาพระอานนท์ทูลถามว่า ผู้จะไปสวรรค์กับลงนรกนั้น มีจำนวนสัตว์โลกต่างกันอย่างไรบ้าง พระพุทธเจ้ารับสั่งเลยทันทีว่า คนผู้จะไปนรกนั้นเหมือนกับขนโค โคตัวหนึ่งมีขนมากน้อยเพียงไร นั่นละสัตว์โลกที่จะไปลงนรกเท่ากับขนโค มากขนาดนั้น แล้วผู้จะไปสวรรค์เท่ากับเขาโค โคตัวหนึ่งมันมีห้าเขาที่ไหน มันมีสองเขา นี่ละผู้จะไปมันเทียบกันได้อย่างนี้

รูปภาพ


ที่มา : http://www.luangta.com/thamma/thamma_ta ... 39&CatID=2

.....................................................
"องค์ใดพระสัมพุทธ สุวิสุทธสันดาน ตัดมูลเกลศมาร บ มิหม่นมิหมองมัว
หนึ่งในพระทัยท่าน ก็เบิกบานคือดอกบัว ราคี บ พันพัว สุวคนธกำจร"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.พ. 2015, 15:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 05:25
โพสต์: 621


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอสาธุๆ :b8: หายจากลานไปนานเลยนะคะคุณหัวหอม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 มี.ค. 2015, 21:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 มี.ค. 2011, 13:32
โพสต์: 245


 ข้อมูลส่วนตัว


^-^ ก็อยู่แถวนี้แหละครับ ไม่กล้าห่างเหินจากธรรมนาน ตามหลักมงคลสูตร ^-^ เจริญในธรรมนะครับคุณลูกหว้า

.....................................................
"องค์ใดพระสัมพุทธ สุวิสุทธสันดาน ตัดมูลเกลศมาร บ มิหม่นมิหมองมัว
หนึ่งในพระทัยท่าน ก็เบิกบานคือดอกบัว ราคี บ พันพัว สุวคนธกำจร"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มี.ค. 2015, 15:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2008, 09:20
โพสต์: 349


 ข้อมูลส่วนตัว



:b8:
:b8:
:b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 55 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร