วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 05:08  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 106 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 4, 5, 6, 7, 8  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ค. 2014, 17:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
.........ว่า อะไร "อึ" :b1:

ฮร่าาาาาาาาา แถไปไม่เป็น ร่ะ อึ่งอ่างโก๊ะ เอ๊ยยยยย



คิกๆๆ จริงๆ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ค. 2014, 17:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เอิ๊กๆๆๆ กรัชกายยอมรับว่าจริง ระ ฮร่าาาาา :b32: :b32: :b32:

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ค. 2014, 17:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
เอิ๊กๆๆๆ กรัชกายยอมรับว่าจริง ระ ฮร่าาาาา :b32: :b32: :b32:


เริ่มไร้สาระอีกแระ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ค. 2014, 17:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


wink wink wink

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ค. 2014, 18:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
wink wink wink



วนแระหมดทางไป คิกๆ ไม่มีอะไร :b13:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ค. 2014, 18:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
wink wink wink



วนแระหมดทางไป คิกๆ ไม่มีอะไร :b13:

เห็นความเน่าซ้ำซากของกรัชกายไง ก็วนเยียงนี้ล่ะ :b17: :b17: :b17:

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ค. 2014, 18:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




1385612441-o.gif
1385612441-o.gif [ 295.34 KiB | เปิดดู 2295 ครั้ง ]
เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
wink wink wink



วนแระหมดทางไป คิกๆ ไม่มีอะไร :b13:

เห็นความเน่าซ้ำซากของกรัชกายไง ก็วนเยียงนี้ล่ะ :b17: :b17: :b17:


เช่นนั้นเอ้ย

ถึงได้บอกว่า เช่นนั้นเข้าใจชีวิตเป็นกระดาษ (ไม่ยับไม่ขาดมีแต่ระทมฤทัย) ดูสิ

อ้างคำพูด:
ภาคปฏิบัติในพรหมจรรย์คือพระศาสนานี้ คือสมถะและวิปัสสนา
หมายความว่า สมถะเด่นกว่าวิปัสสนา วิปัสสนาเด่นกว่าสมถะ หรือสมถะและวิปัสสนามีน้ำหนักเท่ากัน
เช่น :

ตั้งใจฟังธรรมเทศนาเพื่อให้เกิดปัญญา อย่างนี้ คือ สมถะเด่นกว่าวิปัสสนา
ด้วยเหตุว่าต้องมีสติตั้งใจมั่นเพื่อสดับธรรมเทศนา พิจารณาส่งจิตไปตามธรรมให้เกิดสุตตมยปัญญา

เมื่อมีสุตตมยปัญญา จิตน้อมไปในพระธรรมเทศนานำมาพิจารณาปฏิบัติเป็นสติ เป็นสมาธิ รักษาความเป็นปรกติของกายวาจา วิปัสสนาเด่นกว่าสมถะ.

มีความเพียร มีสติ มีสัมปชัญญะ จิตเป็นสัมมาสมาธิเพราะตั้งสงบอยู่ในภายใน ........
สมถะและวิปัสสนา มีกำลังเสมอกัน.
เพราะ ความเพียร สติ สมาธิ เป็นองค์ธรรมในสมาธิขันธ์ ส่วน สัมปชัญญะเป็นองค์ธรรมในปัญญาขันธ์.

สามตัวอย่างคร่าวๆ พอทำความเข้าใจ.
การแบ่งแต่ละสำนักนั้นเกิดขึ้นเอง เข้าใจเอาเอง โดยผู้ปฏิบัติไม่ได้วินิจฉัยถึงสภาพธรรม
สมถะและวิปัสสนา จึงเป็นมรรคสมังคีธรรม ที่ต่างก็เกื้อกูลกันส่งเสริมกันในพรหมจรรย์นี้.



เห็นแล้วขำ :b9: ชอบใจตัวไหนเห็นศัพท์อะไรดียกมาทั้งดุ้น มาร้อยเรียงกันเป็นช่อเป็นพวงโยงไปนั่นมานี่ เพื่อให้เข้ากับทิฏฐิของตน :b32: ถ้าได้ถามความหมายของสิ่งที่ตัวเองนำมาร้อยเรียงกันนั้น จะส่ายหน้าเป็นพัดลม ร้อง "อึ" :b32: :b13:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2014, 14:23 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


s004 s004
อ้างคำพูด:
ภาคปฏิบัติในพรหมจรรย์คือพระศาสนานี้ คือสมถะและวิปัสสนา
หมายความว่า สมถะเด่นกว่าวิปัสสนา วิปัสสนาเด่นกว่าสมถะ หรือสมถะและวิปัสสนามีน้ำหนักเท่ากัน
เช่น :

ตั้งใจฟังธรรมเทศนาเพื่อให้เกิดปัญญา อย่างนี้ คือ สมถะเด่นกว่าวิปัสสนา
ด้วยเหตุว่าต้องมีสติตั้งใจมั่นเพื่อสดับธรรมเทศนา พิจารณาส่งจิตไปตามธรรมให้เกิดสุตตมยปัญญา

เมื่อมีสุตตมยปัญญา จิตน้อมไปในพระธรรมเทศนานำมาพิจารณาปฏิบัติเป็นสติ เป็นสมาธิ รักษาความเป็นปรกติของกายวาจา วิปัสสนาเด่นกว่าสมถะ.

มีความเพียร มีสติ มีสัมปชัญญะ จิตเป็นสัมมาสมาธิเพราะตั้งสงบอยู่ในภายใน ........
สมถะและวิปัสสนา มีกำลังเสมอกัน.
เพราะ ความเพียร สติ สมาธิ เป็นองค์ธรรมในสมาธิขันธ์ ส่วน สัมปชัญญะเป็นองค์ธรรมในปัญญาขันธ์.

สามตัวอย่างคร่าวๆ พอทำความเข้าใจ.
การแบ่งแต่ละสำนักนั้นเกิดขึ้นเอง เข้าใจเอาเอง โดยผู้ปฏิบัติไม่ได้วินิจฉัยถึงสภาพธรรม
สมถะและวิปัสสนา จึงเป็นมรรคสมังคีธรรม ที่ต่างก็เกื้อกูลกันส่งเสริมกันในพรหมจรรย์นี้.

:b16: :b16:
ลึกละเอียดเกินกว่าผู้ที่ไม่มีประสบการณ์จริงอย่างกรัชกายจะเข้าใจ หากพูดไปก็ดุจสีซอ..........
รอจนกว่ากรัชกายได้สัมผัสสภาวะแล้วจึงจะคุยกันได้ใหม่ให้รู้เรื่อง

:b7: :b7:
:b6: :b6: :b6:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2014, 14:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เอาที่สัมผัสจริงให้ดูก็ว่าอะไรต่ออเะไรนักไม่รู้ คิกๆๆ แต่เช่นนั้น นำท่อนซุงพูดโยงไปโยงมา แนะๆๆ ว่าไปนั่น

อโศกพอมองออกไหม :b14:

อ้างคำพูด:
ผมสามารถรับรู้ลมหายใจได้ตลอดสายเป็นเวลานาน แต่ผมก็คิดว่าเวลาจิตเราสงบมากแล้ว แต่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถ้ายังไงเราลองเปลี่ยนวิธีกำหนดดูดีกว่า ผมเลยเปลี่ยนวิธีกำหนดในใจเป็นแบบอัปปมัญญา ๔

แล้วกำหนดคำบริกรรมในใจ แผ่เมตตาให้สัตว์ทั้งหลายไม่มีประมาณในทิศเบื้องหน้า จากนั้นก็เบื้องหลัง จากนั้นก็เบื้องบน เบื้องล่าง เบื้องซ้าย แล้วก็เบื้องขวา พอครบทุกทิศแล้ว ก็กำหนดแผ่ไปในทุกทิศพร้อมกันไม่มีประมาณ กำหนดแค่ครั้งเดียวเท่านั้น จากนั้นผมก็รู้สึกเหมือนกายผมขยายตามที่กำหนดแผ่เมตตาไปด้วย รู้สึกว่ากายขยายไปทุกทิศ ความรู้สึกนี้มันเกิดในเวลาแค่แปปเดียว กายขยายไปทุกทิศจนรู้สึกว่ากายหายไป คือไม่มีกาย เวลานี้รู้สึกว่า ความรู้สึกของเราเหมือนจุ่มอยู่ในปิติ มีแต่ความสุขไปหมด

จากนั้นผมก็คิดขึ้นมาว่า "มีความสุขขนาดนี้ในโลกด้วยหรือ ความสุขนี้ดีกว่าความสุขในโลกที่เราเคยพบมาทั้งหมด โอ ความสุขนี้แค่นั่งก็ได้แล้ว คนทั้งโลก มัวแต่วุ่นวายทำอะไรกันอยู่ บางคนทำทุจริตต่างๆ เพื่อหาเงินมาสนองความสุขตน ทำไปทำไมนะ มันเทียบกับความสุขที่เกิดจากความสงบนี้ไม่ได้เลย ความสุขนี้ไม่ต้องไขว่คว้ามาก อยู่กับตัวเองแท้ๆ คน (ส่วนใหญ่ ) ในโลกกลับไม่รู้"


จากนั้นผมก็สังเกตลมหายใจก็รู้สึกว่า ลมหายใจตอนนี้มันละเอียดมาก ถึงค่อยเข้าใจคำว่าลมหายใจหยาบลมหายใจละเอียดว่าเป็นยังไง ก่อนหน้านี้เข้าใจว่าคือลมหายใจแรงๆเบาๆซะอีก


ความรู้สึกจากการเกิดสมาธิครั้งแรกนี้มันเหมือนจุ่มค้างอยู่ปิติ คือปิติเกิดค้างอยู่ แต่ไม่เห็นนิมิตอะไรทั้งสิ้นเลยนะครับ แต่รู้สึกจิตเวลานี้ไม่มีนิวรณ์เลย คือมีความรู้พร้อมอยู่

จากนั้นผมก็รู้สึกยินดีกับสิ่งที่เกิดขึ้น แล้วคิดไปเรื่อยว่า "นี่คือปฐมฌาณหรือเปล่านี่ ปฐมฌาณเกิดกับเราหรือ" จนจิตเริ่มไม่เป็นสมาธิ เริ่มปั่นป่วน หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงห้องข้างๆตะโกนเสียงดัง ผมก็เลยหลุดออกมาจากสภาวะนั้น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2014, 15:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มิตร เพื่อน, ผู้มีความเยื่อใยดี, ผู้มีน้ำใจเอื้อเฟื้อ แยกเป็นมิตรแท้ ๔ พวก มิตรเทียม ๔ พวก



มิตตปฏิรูป, มิตตปฏิรูปก์ คนเทียมมิตร, มิตรเทียมไม่ใช่มิตรแท้ มี ๔ พวก ได้แก่

๑. คนปอกลอก มีลักษณะ ๔ คือ

๑) คนคิดเอาแต่ได้ฝ่ายเดียว

๒) ยอมเสียน้อยโดยหวังจะเอาให้มาก

๓) ตัวมีภัยจึงมาช่วยทำกิจของเพื่อน

๔) คบเพื่อนเพราะเห็นแก่ประโยชน์ของตัว


๒. คนดีแต่พูด มีลักษณะ ๔ คือ

๑) ดีแต่ยกของหมดแล้วมาปราศรัย

๒) ดีแต่อ้างของยังไม่มีมาปราศรัย

๓) สงเคราะห์ด้วยส่ิ่งหาประโยชน์มิได้

๔) เมื่อเพื่อนมีกิจอ้างแต่เหตุขัดข้อง


๓. คนหัวประจบ มีลักษณะ ๔ คือ

๑) จะทำชั่วก็เออออ

๒) จะทำดีก็เออออ

๓) ต่อหน้าสรรเสริญ

๔) ลับหลังนินทา


๔. คนชวนฉิบหาย มีลักษณะ ๔ คือ

๑) คอยเป็นเพื่อนดื่มน้ำเมา

๒) คอยเป็นเพื่อนเที่ยงกลางคืน

๓) คอยเป็นเพื่อนเที่ยวดูการเล่น

๔) คอยเป็นเพื่อนไปเล่นการพนัน


(เขียนว่า มิตรปฏิรูป, มิตรปฏิรูปก์ ก็มี)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2014, 15:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มิตรแท้ มิตรด้วยใจจริง มี ๔ พวก ได้แก่

๑. มิตรมีอุปการะ มีลักษณะ ๔ คือ


๑) เพื่อนประมาท ช่วยรักษาเพื่อน

๒) เพื่อนประมาท ช่วยรักษาทรัพย์ของเพื่อน

๓) เมื่อมีภัย เป็นที่พึ่งพำนักได้

๔) มีกิจจำเป็น ช่วยออกทรัพย์ให้เกินกว่าที่ออกปาก


๒. มิตรร่วมสุขร่วมทุกข์ มีลักษณะ ๔ คือ

๑) บอกความลับแก่เพื่อน

๒) ปิดความลับของเพื่อน

๓) มีภัยอันตรายไม่ละทิ้ง

๔) แม้ชีวิตก็สละให้ได้


๓. มิตรแนะประโยชน์ มีลักษณะ ๔ คือ

๑) จะทำความชั่วเสียหายคอยห้ามปรามไว้

๒) คอยแนะนำให้ตั้งอยู่ในความดี

๓) ให้ได้ฟังได้รู้สิ่งที่ไม่เคยได้รู้ได้ฟัง

๔) บอกทางสุขทางสวรรค์ให้


๔. มิตรมีน้ำใจ มีลักษณะ ๔ คือ

๑) เพื่อนมีทุกข์พลอยทุกข์ด้วย

๒) เพื่อนมีสุขพลอยดีใจ

๓) เขาติเตียนเพื่อน ช่วยยับยั้งแก้ให้

๔) เขาสรรเสริญเพื่อน ช่วยพูดเสริมสนับสนุน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2014, 15:14 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


s004
s006
เข้าพรรษาแล้ว กรัชกายกลับเอาศัพท์ธรรมะมาขายกินให้เปรอะไปหมดทุกกระทู้
อย่าวางขายไปทั่วอย่างนี้ซิ ไม่มีระเบียบ ทำให้เป็นที่เป็นทางเป็นสัดเป็นส่วนหน่อย จะได้ไม่เวียนหัวผู้ติดตาม

onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2014, 15:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดูหัวข้อกระทู้ซี่อโศก :b9: เป็นฆราวาสให้ได้ก่อนเป็นพระอริยะเถอะ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2014, 15:47 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ดูหัวข้อกระทู้ซี่อโศก :b9: เป็นฆราวาสให้ได้ก่อนเป็นพระอริยะเถอะ

:b34:
การรู้จักกาละเทศะ ก็เป็นฆราวาสธรรมข้อหนึ่ง
:b41:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2014, 20:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ดูหัวข้อกระทู้ซี่อโศก :b9: เป็นฆราวาสให้ได้ก่อนเป็นพระอริยะเถอะ

:b34:
การรู้จักกาละเทศะ ก็เป็นฆราวาสธรรมข้อหนึ่ง
:b41:


อโศกพูดถึงใครไม่รู้จักกาลเทศ หัวข้อนี่

อ้างคำพูด:
รบกวนแนะนำ หลักธรรม สำหรับ ฆราวาส


กระทู้ฆราวาสธรรม :b1:

มีข้อคิดจะเล่าให้ฟัง ถ้าอโศกยังอยากได้นั่นได้นี่ อยากเป็นนั่นเป็นนี่แล้วล่ะก็ อโศกจะไม่ได้อะไรเลย นอกจากความอยาก อ้าวจริงๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 106 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 4, 5, 6, 7, 8  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร