วันเวลาปัจจุบัน 20 ก.ค. 2025, 23:59  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 925 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 49, 50, 51, 52, 53, 54, 55 ... 62  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2014, 20:56 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b36:
เรามาดูความหมายของสัมมาสมาธิกันก่อนดีกว่ามั๊ยคะ .....สัมมาสมาธิ ตามคำจำกัดความในพระสูตรทั่วไป เจาะจงว่าได้แก่สมาธิตามแนวฌาน4 ดังนี้ค่ะ

1. สงัดจากกามทั้งหลาย สงัดจากอุศลกรรมทั้งหลาย บรรลุปฐมฌาน ซึ่งมี วิตก มีวิจาร มีปีติและสุข เกิดแต่วิเวกอยู่

2. บรรลุทุติยฌาน ซึ่งมีความผ่องใสแห่งจิตใจภายใน มีภาวะใจเป็นหนึ่งผุดขึ้น ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร เพราะวิตกวิจารระงับไป มีแต่ปีติและสุข เกิดแต่สมาธิอยู่

3. เพราะปีติจางไป จึงมีอุเบกขาอยู่ มีสติสัมปชัญญะ และเสวยสุขด้วยกาย บรรลุตติยฌานที่พระอริยทั้งหลายกล่าวว่าเป็นผู้มีอุเบกขา มีสติ อยู่เป็นสุข

4. เพราะละสุข ละสุขละทุกข์ และเพราะโสมนัสโทมนัสดับหายไปก่อน จึงบรรลุจตุฌาน อันไม่มีสุข ไม่มีทุกข์ มีสติบริสุทธิ์ เพราะอุเบกขาอยู่
ส่่วนคำจำกัความในพระคัมภีร์ธรรม (ซ้ำอีกครั้งนะคะ) ว่าดังนี้ค่ะ..... สัมมาสมาธิเป็นไฉน .... ความตั้งอยู่แห่งจิต ความตั้งแน่วแน่แห่งจิต ความมั่นลงไปแห่งจิต ตวามไม่ส่ายไปส่ายมา ความไม่ฟุ้งช่านแห่งจิต ภาวะที่มีใจไม่ซัดส่าย ความสงบ(สมถะ) สมาธินทรีย์ สมาธิพละ สัมมาสมาธิ สัมมาสมาธิโพชฌงค์ ที่เป็นองค์แห่งมรรค นับเนื่องในมรรคอันใดนี้ เรียกว่า สัมมาสมาธิ.....

ว่าโดยสาระแล้ว สัมมาสมาธิเป็นสมาธิที่ใช้ในทางที่ถูกเพื่อจุดหมายในการหลุดพ้นจากความทุกข์ เป็นไปเพื่อให้มีปัญญาที่จะรู้จะเข้าใจสิ่งต่างๆตามความเป็นจริง.... มิใช่เพื่อในทางสนองความอยากของตน หรืออวดอิทธิฤทธิ์ความสามารถ(มิจฉาสมาธิ).... ซึ่งสมาธิแบ่งออกเป็น3ระดับคือ

1.ขณิกสมาธิ หรือสมาธิชั่วขณะ เป็นสมาธิขั้นต้น ซึ่งอาจใช้ประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่การงานประจำวันให้ได้ผลดี เป็นจุดเริ่มของการเจริญวิปัสสนา

2. อุปจารสมาธิ หรือสมาธิเฉียดๆ สมาธิจวนจะแน่วแน่ เป็นสมาธิขั้นระงับนิวรณ์(อุปสรรคของสมาธิ) ก่อนเข้าสู่ภาวะแห่งฌาน

3. อัปปนาสมาธิ หรือสมาธิแน่วแน่ เป็นสมาธิระดับสูงสุดหรือที่เรียกว่าฌาน ถือว่าเป็นผลสำเร็จของการเจริญสมาธิ

เมื่อเราเข้าใจความหมายของสัมมาสมาธิแล้ว เรามาดูกันต่อนะคะว่า จิตที่เป็นสมาธินั้นจะมีลักษณะอย่างไร จิตที่มีคุณภาพดี มีสมรรถภาพสูง มีลักษณะดังนี้ค่ะ

1.แข็งแรง มีพลังมาก เปรียบเหมือนกระแสน้ำที่ถูกควบคุมให้ไหลพุ่งไปในทางเดียวกัน ย่อมมีกำลังแรงกว่ากระแสน้ำที่ปล่อยให้ไหลกระจายออกไป

2.ราบเรียบ สงบ เหมือนสระน้ำในบึงใหญ่ที่มีน้ำนิ่ง ไม่มีลมพัด ไม่มีสิ่งรบกวนให้กระเพื่อมไหว

3. ใส กระจ่าง มองเห็นอะไรได้ชัด เหมือนน้ำที่แม้มีฝุ่นละอองก็ตกตะกอนนอนก้นหมด

4. นุ่มนวล เหมาะแก่การใช้งาน ไม่เครียด ไม่กระด้าง ไม่ขุ่นมัว ไม่สับสน ไม่เร้าร้อน ไม่กระวนกระวาย

จิตที่เป็นสมาธิขั้นสมบูรณ์นั้นจะต้องเป็นภาวะที่มีอารมณ์เป็นหนึ่งเดียวประกอบด้วย 8อย่าง คือ ตั้งมั่น - บริสุทธิ์- ผ่องใส - โปร่งโล่งเกลี้ยงเกลา - ปราศจากสิ่งมัวหมอง - นุ่มนวล - ควรแก่งาน - อยู่ตัวไม่วอกแวกหวั่นไหว นั่นละค่ะจิตที่สมบูรณ์....

แล้วอะไรละคะที่เป็นอุปสรรคไม่ให้เกิดสมาธิ นั่นก็คือนิวรณ์5นั่นเอง มีดังนี้นะคะ

1. กามฉันท์ ความอยากได้ อยากมี อยากเป็น ในกามคุณทั้ง5 คือ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสที่น่าปราถนา น่าพอใจ จิตจะถูกล่อด้วยอารมณ์ต่างๆ ให้เขวออกไปหาอารมณ์อื่น จิตก็จะไม่ตั้งมั่น ไม่อาจเป็นสมาธิได้ ........ (เปรียบเสมือนภาชนะใส่น้ำ ที่เอาสีใส่ลงไป สีเขียวบ้าง แดงบ้าง เมื่อคนตาดีมองดูเงาหน้าของตนในภาชนะน้ำนั้น ก็ไม่รู้ไม่เห็นตามเป็นจริง)

2. พยาบาท ความขัดเคืองแค้นใจ ความเกลียดชัง ผูกใจเจ็บ การมองโลกในแง่ร้าย คิดร้ายต่อผู้อื่น ตลอดจนความโกรธ ความหงุดหงิด ความฉุนเฉียว ทำให้จิตไม่อาจเป็นสมาธิได้ ..... (เปรียบเสมือน ภาชนะใส่น้ำที่ตั้งไฟ เดือดพล่าน มีไอพุ่ง คนตาดีมองดูเงาหน้าของตนในภาชนะน้ำนั้น ก็ไม่รู้ไม่เห็นตามเป็นจริง)

3.ถีนมิทธิ ถีนะ หมายถึง อาการทางใจ ที่มีความหดหู่ ห่อเหี่ยว ท้อแท้ ซึมเซา เหงาหงอย ละเหี่ย เซ็ง .... ส่วนมิทธิ หมายถึงอาการทางกาย ที่มีความเซื่ิองซึม เฉื่อยชา ง่วงเหงาหาวนอน อืดอาด มึนๆตื้อๆ ..... จิตที่ถูกอาการทางกายและใจ คือ ถีนะมิทธิ ครอบงำย่อมไม่เข้มแข็ง ไม่คล่องตัว ไม่เหมาะแก่การใช้งาน จึงไม่อาจเป็นสมาธิได้.... (เปรียบเสมือนภาชนะใส่น้ำที่ถูกสาหร่ายและจอกแหนปกคลุม คนตาดีมองดูเงาหน้าของตนในภาชนะน้ำนั้น ก็ไม่รู้ไม่เห็นตามความเป็นจริง)

4. อุทธัจจกุกกกุจจะ อุทธัจจะ หมายถึง จิตที่ฟุ้งซ่าน ไม่สงบ ซ่าย พล่า พล่านไปมา ... ส่วน กุกกกุจจะ หมายถึงความวุ่นวายใจ รำคาญใจ ระแวง เดือดร้อนใจ กลุ้มใจ กังวลใจ .... จิตที่ถูกอุทธัจจกุกกกุจจะ ครอบงำ ย่อมพลุ่งพล่าน กังวล ไม่อาจสงบลงได้ จึงไม่อาจเป็นสมาธิได้ .... (เปรียบเสมือนภาชนะใส่น้ำที่ถูกลมพัดไหว กระเพื่อมเป็นคลื่น คนตาดีมองดูเงาหน้าของตนในภาชนะน้ำนั้น ก็ไม่รู้ไม่เห็นตามความเป็นจริง)

5.วิจิกิจฉา หมายถึงความลังเล สงสัย เคลือบแคลง ไม่แน่ใจ เกี่ยวกับองค์พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เกี่ยวกับกุศลธรรมทั้งหลาย ตัดสินไม่ได้ว่าธรรมะนี้ มีคุณค่า มีประโยชน์ควรแก่การปฏิบัติหรือไม่ .... จิตที่ถูกวิจิกิจฉาครอบงำ ให้เกิดความลังเล ย่อมไม่อาจแน่วแน่เป็นสมาธิได้ .... (เปรียบเหมือนภาชนะใส่น้ำที่ขุ่นมัว เป็นตม วางในที่มืด คนตาดีมองดูเงาหน้าตนเองในภาชนะน้ำนั้น ก็ไม่รู้ไม่เห็นตามความเป็นจริง)

เรียนรู้ธรรมะไปกับแม่หมอในวันนี้ คงช่วยให้เพื่อนๆเข้าใจคำว่าสัมมาสมาธิในทางพุทธศาสนาขึ้นมาได้บ้างนะคะ แม้จะยังไม่ลึกซึ้งก็ตาม .... พุทธศาสนาเป็นสิ่งดีงาม เป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้พวกเราหลุดพ้นจากวงจรแห่งความทุกข์ได้ ..... แต่ก็มีความยากอยู่บ้างในการเรียนรู้จากคำศัพท์และความหมายในภาษาบาลี และด้วยเวลาที่ยาวนาน ยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป ... เพื่อนๆอย่าเพิ่งเบื่อหรือท้อนะคะ ค่อยๆทำความเข้าใจไป แล้วเพื่อนๆจะรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในชีวิตที่ค่อยๆดีขึ้นเลยละค่ะ.....


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2014, 21:44 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ไปก๊อปใครมา. ก็น่าจะทำลิ้งค์ใว้ด้วยนะครับ.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2014, 22:04 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:

การทำสมาธิ....จนเป็นสมาธิได้....ก็ต้องปราศจากนิวรณ์....ไม่งั้นก็เป็นสมาธิไม่ได้

แต่.....ฌาน..ที่พระองค์ไม่สรรเสริญ.....ดูคล้ายกับว่า...มีนิวรณ์ทั้ง 5 อยู่ครบเลย...
ประเด็นคือ...มีนิวรณ์ครบ..แล้ว..จิตเป็นสมาธิ..ได้อย่างไร...แม้จะเป็นมิจฉาสมาธิก็เถอะ....

ก็เลยอยากฟังคำอธิบายจากเพื่อนๆ...นะครับ

..........


ถ้าถามว่า แล้วไม่มีสติไม่มีปัญญา แต่ถูกนิวรณ์ครอบงำ แต่เป็นสมาธิได้อย่างไร
ตอบว่า จิตมีความแล่นไปด้วยอำนาจของอนุสัยความเคยชิน ไปเกาะมั่นกับอารมณ์นั้นครับ
อาการเช่นนี้คือมิจฉาสติ สติที่อยู่ในอำนาจของอาสวะอนุสัยจึงไม่เรียกว่า สติปัญญาครับ.


ตอบว่า จิตมีความแล่นไปด้วยอำนาจของอนุสัยความเคยชิน ไปเกาะมั่นกับอารมณ์นั้นครับ
อาการเช่นนี้คือมิจฉาสติ สติที่อยู่ในอำนาจของอาสวะอนุสัยจึงไม่เรียกว่า สติปัญญาครับ.

:b8:
ใช่ครับ. มันเกาะของมันอยู่แล้วเพราะเราๆยังมีกิเลสอยู่ ต้องกระทำใจยกเลิกเป็นการชั่วคราวก่อนทำสมาธิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2014, 22:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:

ถ้าจิตประกอบด้วยนิวรณ์ แล้วเรายังคงส่งจิตเข้าไปในอารมณ์นั้น ๆ อะไรๆที่จะตามมาก็จะไม่พ้นไปจากอำนาจแห่งนิวรณ์น่ะ
และด้วยความเป็นไปเช่นนั้น นักปฏิบัติที่แสวงหาปัญญาเพื่อกระทำการหลุดพ้น จะพ้นได้มั๊ยล่ะ

ขนมจีบ น่ะ

ให้พิจารณาเห็นลักษณะความน้อมไปของจิตในการเข้าไปเสพอารมณ์

:b1:


เห็นด้วยครับ.

ขนมจีบ. ก็ชอบ :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2014, 22:31 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:

คุณกบ เข้าใจคำว่า "เพ่ง" ไหม?

อาการเพ่ง เรียกว่า ฌาน

สมาธิ เป็นเรื่องของ ความตั้งมั่นของจิต เป็นคนละสภาวะที่เรียกว่า ฌาน

คุณวลัยพร. คงต้องอธิบายเพิ่มแล้วละครับ.

walaiporn เขียน:
พอคุณกบถามเรื่องนี้ ทำให้นึกถึงเรื่องที่เคยโด่งดังมาก ในอดีต ที่เคยได้ยินมา

ลองเขียนเรื่อง ทำสมาธิโดยการเสพสังวาส แล้วเสริชหาในกูเกิ้ล

บางลัทธิ ใช้การเสพสังวาส ก็มี ลองหาอ่านดูนะ ในกูเกิ้ล ลัทธิตันตระ

ลิงค์น่ะมี แต่ไม่ขอแนบ ถ้าอยากรู้ หาอ่านเอง อยู่ในพันทิพ

:b14: :b14:
:b15: :b15:
ทิฏฐิในโลกนี้. เยอะจังนะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2014, 07:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
walaiporn เขียน:

คุณกบ เข้าใจคำว่า "เพ่ง" ไหม?

อาการเพ่ง เรียกว่า ฌาน

สมาธิ เป็นเรื่องของ ความตั้งมั่นของจิต เป็นคนละสภาวะที่เรียกว่า ฌาน


คุณวลัยพร. คงต้องอธิบายเพิ่มแล้วละครับ.





อ่านกระทู้นี้ เกี่ยวกับ สติ สัมปชัญญะ สมาธิ ความรู้สึกตัวทั่วพร้อม
ควรจะรู้ลักษณะอาการที่เกิดขึ้น ของคำเรียก ๔ รู้ นี่ก่อน

viewtopic.php?f=1&t=48048

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2014, 10:21 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ไปก๊อปใครมา. ก็น่าจะทำลิ้งค์ใว้ด้วยนะครับ.

smiley
ใช่ เป็นมรรยาทที่ดี แต่นี่ก็อบลิ้งค์ไม่เป็น ต้องขออภัย ท่านแม่ก็คงไม่ว่าอะไร เพราะท่านตั้งใจให้ธรรมะโดยไม่หวังผลตอบแทน

เอาประโยชน์จากเนื้อหาธรรมะให้ได้ก็แล้วกันนะครับ ให้รู้ว่า สัมมาสมาธิที่เป็นฌาณ 4 นั้นเป็นอย่างไรตามพุทธพจน์ครับ
:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2014, 11:15 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ก๊อปลิงค์ไม่เป็น...ก้อ..เขียน ปล. ใว้หน่อยก็ดี..ครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2014, 14:50 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


wink
ฌาณ แปลว่า เพ่ง ก็ได้

แต่ถ้าแปลตามรากเกิดของภาษา มีความหมายว่า "ระดับแห่งความสงบตั้งมั่นของจิต"ก็ได้นะครับ

สังเกตดูให้ดีว่าท่านจำแนกระดับของฌาณไว้ถึง 8 ระดับ( รูป 4 อรูป 4 )

:b36:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2014, 15:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
wink
ฌาณ แปลว่า เพ่ง ก็ได้

แต่ถ้าแปลตามรากเกิดของภาษา มีความหมายว่า "ระดับแห่งความสงบตั้งมั่นของจิต"ก็ได้นะครับ

สังเกตดูให้ดีว่าท่านจำแนกระดับของฌาณไว้ถึง 8 ระดับ ( รูป 4 อรูป 4 )



ไหว้ครูอยู่นั่นแหละ ชกสะทีเถอะอโศก ทำยังไงฌานน่ะ บอกวิธีทำเขาไปเลย ยังงี้ซี่เขาเรียกว่าชก แหมๆๆรำซ้ายทีขวาทีอยู่นั่นแหละ :b32: เดี๋ยวไล่ลงเวทีเลยแบบนี้

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2014, 00:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
wink
ฌาณ แปลว่า เพ่ง ก็ได้

แต่ถ้าแปลตามรากเกิดของภาษา มีความหมายว่า "ระดับแห่งความสงบตั้งมั่นของจิต"ก็ได้นะครับ

สังเกตดูให้ดีว่าท่านจำแนกระดับของฌาณไว้ถึง 8 ระดับ ( รูป 4 อรูป 4 )



ไหว้ครูอยู่นั่นแหละ ชกสะทีเถอะอโศก ทำยังไงฌานน่ะ บอกวิธีทำเขาไปเลย ยังงี้ซี่เขาเรียกว่าชก แหมๆๆรำซ้ายทีขวาทีอยู่นั่นแหละ :b32: เดี๋ยวไล่ลงเวทีเลยแบบนี้

:b12:
กรัชกายเข้าไปที่กูเกิ้ลเซิร์จ นะ แล้วพิมพ์คำว่า "วิธีเจริญสมาธิให้ถึงฌาณ 4" นะ เดี๋ยวหลวงพ่อกูเกิ้ล จะค้นมาให้อ่านหลายสำนวน
อโศกะไม่สะดวกพิมพ์บอกด้วยแทบเลท ข้อความมันเยอะหน่อยครับกว่าจะอธิบายให้เข้าใจ

ใครสนใจอยากเรียนรู้จริงๆก็โทรคุยโดยตรงได้เลยนะครับ
ไม่ทราบท่านผู้รักษาลานจะอนุญาตให้โพสต์เบอร์โทรหรือเปล่ารัเพราะไม่ค่อยเห็นมีใครโพสต์กัน

หรือจะถามไปทางหลังไมค์ผ่านบริการเมล์ของลานธรรมจักรก็น่าจะได้นะครับ
tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2014, 05:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
wink
ฌาณ แปลว่า เพ่ง ก็ได้

แต่ถ้าแปลตามรากเกิดของภาษา มีความหมายว่า "ระดับแห่งความสงบตั้งมั่นของจิต"ก็ได้นะครับ

สังเกตดูให้ดีว่าท่านจำแนกระดับของฌาณไว้ถึง 8 ระดับ ( รูป 4 อรูป 4 )



ไหว้ครูอยู่นั่นแหละ ชกสะทีเถอะอโศก ทำยังไงฌานน่ะ บอกวิธีทำเขาไปเลย ยังงี้ซี่เขาเรียกว่าชก แหมๆๆรำซ้ายทีขวาทีอยู่นั่นแหละ :b32: เดี๋ยวไล่ลงเวทีเลยแบบนี้

:b12:

กรัชกายเข้าไปที่กูเกิ้ลเซิร์จ นะ แล้วพิมพ์คำว่า "วิธีเจริญสมาธิให้ถึงฌาณ 4" นะ เดี๋ยวหลวงพ่อกูเกิ้ล จะค้นมาให้อ่านหลายสำนวน

อโศกะไม่สะดวกพิมพ์บอกด้วยแทบเลท ข้อความมันเยอะหน่อยครับกว่าจะอธิบายให้เข้าใจ

ใครสนใจอยากเรียนรู้จริงๆก็โทรคุยโดยตรงได้เลยนะครับ
ไม่ทราบท่านผู้รักษาลานจะอนุญาตให้โพสต์เบอร์โทรหรือเปล่ารัเพราะไม่ค่อยเห็นมีใครโพสต์กัน

หรือจะถามไปทางหลังไมค์ผ่านบริการเมล์ของลานธรรมจักรก็น่าจะได้นะครับ


อ้างคำพูด:
กรัชกายเข้าไปที่กูเกิ้ลเซิร์จ นะ แล้วพิมพ์คำว่า "วิธีเจริญสมาธิให้ถึงฌาณ 4" นะ เดี๋ยวหลวงพ่อกูเกิ้ล จะค้นมาให้อ่านหลายสำนวน


นั่นๆว่าแล้ว เห็นก็รู้ :b32: อโศกไม่มีประสบการณ์ตรงเรื่องการปฏิบัติธรรม เรื่องกรรมฐาน หรือจะชื่ออะไรอีกก็ตั้งเอา เลย ตัวเองยังเอาไม่รอดเลยขอรับ

เรื่องเบอร์โทร ก็เห็นเคยลงทีแล้วนี่ กรัชกายยังแซวๆเลยจำไม่ได้หรอ ทำเป็นลืม :b1: จริงๆน่ะ ถ้าใครให้อโศกสอนภาวนา ได้บ้ากันทั้งเมือง อ้าวจริงๆ บอกไม่เชื่อ :b32:

เอาระดับนี้เถอะขอรับ ทำวัตรเช้า-เย็น สวดมนต์เจ็ดตำนาน สวดอิติโส พาหุง มหากา เอาเถอะ ที่พูดนี่หวังดีนะขอรับ เข้าใจจุดประสงค์ด้วย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2014, 09:28 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
ใครสนใจอยากเรียนรู้จริงๆก็โทรคุยโดยตรงได้เลยนะครับ
ไม่ทราบท่านผู้รักษาลานจะอนุญาตให้โพสต์เบอร์โทรหรือเปล่ารัเพราะไม่ค่อยเห็นมีใครโพสต์กัน

หรือจะถามไปทางหลังไมค์ผ่านบริการเมล์ของลานธรรมจักรก็น่าจะได้นะครับ
tongue


ดูตัวด้วยนะ...ว่า...ที่พูดออกมานี้.....มันอยากมากมั้ย?...อยากเป็นครูอาจารย์....อยากบอกผู้คน

ถ้าอยากอยู่......พ่อแม่ครูบาอาจารย์บอกว่านั่น..มันยังเลวอยู่

อวิชชานี้มันเนียนมากนะ.....หลายๆครั้งมันก็ใช้คำธรรมะนี้แหละ...มีเหตุมีผลดีนัก....

เพียงเข้าใจเรื่องบุญกรรมแบบง่ายๆ....เข้าใจเหตุปัจจัยตามธรรมดา..ๆ....ก็จะไม่พยายามทำอะไรตามกิเลส..ตามอวิชชา..เป็นแน่

ผู้หมดกิเลสแล้วถึงไม่ดิ้นรนขวนขวายหาลูกศิกษ์...

แนต่ก็เอาเถอะ.....ทุกสิ่งที่ทำทั้งถูกผิด...จะเป็นประสพการณ์เป็นครูสอนตนเองได้ทุกอย่าง...จะเป็นอริยะได้มันต้องผ่านตรงนคั้เกือบมืกคน...(อยากจะพูดว่า..ทุกคนเสียด้วยซ่ำ...เพราะกิเลสมันก็ตัวเดียวกันทั้งนั้น)....คนอิ่มกับกิเลสตัวนี้ก็ผ่านได้ง่าย....ใครยังไม่อิ่มก็ต้องดูดดื่มมันอยู่ต่อไป...จนกว่าจะมีปัญญาที่ฝะเอียดแหลมคมพอที่จะเห็น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2014, 09:35 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เดียว..อวิชชามันจะแก้ตัวในใจว่า.....

" แก้อวิชชามันเป็นงานของอนาคามี..เราโสดา....มีได้เป็นธรรมดา..ไม่เป็นไร "

นี้คือ. ตัวอย่างที่อวิชชาใช้คำธรรมะ..มาพอกตัวรู้....ให้จมไม่คิดจะแก้

ทำงั้ย.....จะรู้ว่า..ตัวตกอยู่ในกิเลส...นะ..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2014, 09:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


มาจับโจรในใจกันเล่นดีมั้ย?? (ยืมคำของแฟนมา...)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 925 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 49, 50, 51, 52, 53, 54, 55 ... 62  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร