จะก๊อปแปะอะไรต่อ เรื่องกำมัดถังกำมัดถาน อะไร ก็ก๊อปแปะไปเหอะกรัชกาย
จะได้เห็นออราหันกรัชกาย

หมวดสี่ ที่ ๑ ใช้บำเพ็ญกายานุปัสสนาสติปัฏฐานได้

๑) เมื่อหายใจออกยาว ก็รู้ชัดว่าหายใจออกยาว

เมื่อหายใจเข้ายาว ก็รู้ชัดว่าหายใจเข้ายาว

๒) เมื่อหายใจออกสั้น ก็รู้ชัดว่าหายใจออกสั้น

เมื่อหายใจเข้าสั้น ก็รู้ชัดว่าหายใจเข้าสั้น


๓) สำเหนียกว่า จักเป็นผู้รู้ตลอดกายทั้งหมด หายใจออก

สำเหนียกว่า จักเป็นผู้รู้ตลอดกายทั้งหมด หายใจเข้า


๔) สำเหนียกว่า จักเป็นผู้ระงับกายสังขาร หายใจออก

สำเหนียกว่า จักเป็นผู้ระงับกายสังขาร หายใจเข้า

เช่นนั้น นี่ไม่เข้าใจพระพุทธศาสนาโดยองค์รวมเอาเลยนะ ไปแยกกัมมัฏฐานออกจากคน ออกจากการฝึกฝนพัฒนาสติ ซึ่งเป็นนามธรรม เอาคน เอามนุษย์ เอากายใจ เอานามรูป...ไปไว้เสียที่ไหนกันล่ะหนอ

องค์รวมแบบกรัชกาย คือท่องศัพท์ แล้วก็เห็นตามศัพท์
บรรลุธรรมตามคำศัพท์
แล้วก็ทำเจตนา ฟุ้ง ....เมื่อมีนู่นๆนี่ๆ โผล่มา

นั่นล่ะทำสติทำปัญญาให้วินาศ ไม่เรียกว่าพัฒนาหรอก

ทำไมรึ กายานุปัสสีใน อานาปานสติสมาธิภาวนา
เป็นหมวดหนึ่งใน วิธีการอบรมจิตเจริญสติปัญญา ในอานาปานสติ

จั่วหัวกระทู้ไว้
กรัชกาย ก็แสดงต่อไป

กำมัดถังกำมัดถาน น่ะ ......
อานาปานสติแบบของกรัชกาย แสดงไป
อ้อ กรัชกายอย่าลืม เอาป่อง-แฟบ ผสมลงไปด้วยล่ะ

บอกให้ว่าไป หลบมานี่อีก คิกๆๆ ก็บอกสะตรงๆก็หมดเรื่องว่าพูดไปงั้นแหละ ไม่รู้หรอก เออ ใครเขาจะไปว่าอะไร ไม่มีใครรู้หมดไปทุกเรื่องหรอก

อย่าเวิ่นเว้อน่ะ
กรัชกายรู้จักกำมัดถัง กี่อย่าง ก็แสดงมา
ถ้าถนัดก๊อปแปะ ไปขุดมาจากไหน ก็ให้ credit เจ้าของเขาด้วยล่ะอย่าลืม ๆ
และวงเล็บด้วยล่ะ (พระพุทธเจ้าไม่ได้สอน)

เคยถามว่า พระพุทธเจ้าสอนอะไร ก็ไม่ตอบ ถามใหม่ พระพุทธเจ้าสอนอะไร นำมาตรงนี้สิ เอ้า

พระพุทธองค์ สอนสิ่งที่ประกอบด้วยประโยชน์ เป็นพรหมจรรย์เบื้องต้น
เป็นไปเพื่อความหน่าย ความคลายกำหนัด ความดับ ความสงบ ความรู้ยิ่ง ความตรัสรู้
นิพพาน.

แล้วกรรมฐาน ไม่ประกอบด้วยประโยชน์เป็นต้นหรอ

กรรมฐาน .....พระพุทธองค์ไม่เคยสอน ไม่เคยตรัส ไม่เคยเอ่ยถึง
อ้อ เคยเอ่ยถึงพระสูตรหนึ่ง สนทนากับคนทำนามั๊ง เรื่องการทำนาเป็นกรรมฐานของชาวนา ไรทำนองนี้

ถามว่าเป็นประโยชน์ไหม

เมื่อพระพุทธองค์ไม่ได้สอน
ไม่มีประโยชน์ เพื่อความหน่าย ความคลายกำหนัด ความดับ ความสงบ ความรู้ยิ่ง ความตรัสรู้ นิพพาน