วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 22:54  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 194 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 ... 13  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มิ.ย. 2014, 15:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้นค้านหน่อยสิครับ :b8: :b13:

ค้านเพื่ออะไรครับ
ในเมื่อ กรัชกาย จะเขียนเกี่ยวกับ
แบบ ต่างๆ ของอะไรสักอย่างที่เรียกว่า กรรมฐาน

ตามสบายครับ
เรื่องนอกคำสอนไม่ถนัดครับ


อ้างคำพูด:
เรื่องนอกคำสอนไม่ถนัดครับ



พระพุทธเจ้าสอนอะไรครับ :b10: นำมาให้ดูหน่อยสิ เอาแบบที่เช่นนั้นเห็นว่าสุดยอด เรียกว่าใครได้อ่านได้ศึกษาได้รู้แล้ว ยอมทิ้งลูกทิ้งผัว-เมีย ทิ้งครอบครัวขึ้นเขาเหลียงซานเลยน่านะ :b32: เอามานะ





นี่ก็ไม่ตอบ คิกๆๆ ถามว่า พระพุทธเจ้าสอนอะไร เอามาดูหน่อยสิ เอามาๆ เออ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มิ.ย. 2014, 15:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
นี่ก็ไม่ตอบ คิกๆๆ ถามว่า พระพุทธเจ้าสอนอะไร เอามาดูหน่อยสิ เอามาๆ เออ :b32:

สอนให้กรัชกาย เป็นคนดี อย่ามั่ว นะเออ :b17: :b17:

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มิ.ย. 2014, 16:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
นี่ก็ไม่ตอบ คิกๆๆ ถามว่า พระพุทธเจ้าสอนอะไร เอามาดูหน่อยสิ เอามาๆ เออ

สอนให้กรัชกาย เป็นคนดี อย่ามั่ว นะเออ


สรุปแล้วเหมือนเดิม ไม่ได้เนื้อหาสาระอะไร :b9: เช่นนั้น ก็ใกล้จะเป็นเหมือนอโศกเข้าไปทุกทีๆ คือหมดแล้ว เหลือแต่ไส้ติ่ง :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มิ.ย. 2014, 17:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
นี่ก็ไม่ตอบ คิกๆๆ ถามว่า พระพุทธเจ้าสอนอะไร เอามาดูหน่อยสิ เอามาๆ เออ

สอนให้กรัชกาย เป็นคนดี อย่ามั่ว นะเออ


สรุปแล้วเหมือนเดิม ไม่ได้เนื้อหาสาระอะไร :b9: เช่นนั้น ก็ใกล้จะเป็นเหมือนอโศกเข้าไปทุกทีๆ คือหมดแล้ว เหลือแต่ไส้ติ่ง :b32:

ถูกแล้วกรัชกาย

เพราะ กรัชกายไร้สาระ

ปัญหาเดียวของกรัชกาย คือ มั่ว ก๊อปอะไรๆ มา ถูกก็ไม่รู้ ผิดก็ไม่รู้
และยังหลับหูหลับตาตะแบงแบก
สนทนาเอาเหตุเอาผล เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้

จึงทำวิปัสสนึก ฟุ้งไปเรื่อยเปื่อย .....
ขอให้ตรงกับ คำแปลของคำศัพท์ ก็ได้ชื่อว่าบรรลุธรรม
เป็นการคิดนึกท่ามกลางความฝัน... อันเลื่อนลอยไปตามคำศัพท์

กรัชกาย ....เลิกมั่วเมื่อไร
คงเข้าใจ สาระ ที่เช่นนั้น ได้สนทนาด้วย

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มิ.ย. 2014, 18:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
นี่ก็ไม่ตอบ คิกๆๆ ถามว่า พระพุทธเจ้าสอนอะไร เอามาดูหน่อยสิ เอามาๆ เออ

สอนให้กรัชกาย เป็นคนดี อย่ามั่ว นะเออ


สรุปแล้วเหมือนเดิม ไม่ได้เนื้อหาสาระอะไร :b9: เช่นนั้น ก็ใกล้จะเป็นเหมือนอโศกเข้าไปทุกทีๆ คือหมดแล้ว เหลือแต่ไส้ติ่ง :b32:

ถูกแล้วกรัชกาย

เพราะ กรัชกายไร้สาระ

ปัญหาเดียวของกรัชกาย คือ มั่ว ก๊อปอะไรๆ มา ถูกก็ไม่รู้ ผิดก็ไม่รู้
และยังหลับหูหลับตาตะแบงแบก
สนทนาเอาเหตุเอาผล เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้

จึงทำวิปัสสนึก ฟุ้งไปเรื่อยเปื่อย .....
ขอให้ตรงกับ คำแปลของคำศัพท์ ก็ได้ชื่อว่าบรรลุธรรม
เป็นการคิดนึกท่ามกลางความฝัน... อันเลื่อนลอยไปตามคำศัพท์

กรัชกาย ....เลิกมั่วเมื่อไร
คงเข้าใจ สาระ ที่เช่นนั้น ได้สนทนาด้วย


อ้างคำพูด:
คงเข้าใจ สาระ ที่เช่นนั้น ได้สนทนาด้วย



เอ้างั้นนี่ มีสารธรรมะปฏิบัติพอหรือยัง เป็นวิปัสสนึกหรือวิปัสสนา ถ้าเป็นวิปัสสนึก เช่นนั้นว่าทำยังไง จึงเป็นวิปัสสนา ว่าไปสิ


สวัสดีค่ะ อยู่ปี 2 ค่ะ หัดสวดมนต์นั่งสมาธิเอง โดยมีีแผนว่าปิดเทอมแล้วจะไปบวชเนกขัมมะ
การสวดมนต์และนั่งสมาธิใช้ความรู้ที่พอจำได้สมัยเรียนมัธยม
เขาสอนว่า พุทโธ แล้วถ้าคิดอย่างอื่นก็ปล่อยให้คิดแล้วเอาสติตามไปรู้
กับสอนว่า เสียงเป็นรูป ได้ยินเป็นนาม สอนให้แยกทุกอย่างออกมา

เราถนัดแบบเสียงเป็นรูป ได้ยินเป็นนามค่ะ เพราะพุทโธดูลมหายใจแล้วรู้สึกเกร็ง หายใจลึกเกิน เข้าออกช้าเกินธรรมชาติจนอึดอัด รู้ว่าไม่ต้องไปบังคับมัน แต่ทำไม่ได้อะ
ตอนแรกนั่งไปก็กลัวบ้าเพราะเราหัดเองไม่ได้มีคนดูแล
แต่ตอนนี้เลิกกลัวแล้ว เพราะมีพระ แล้วก็คิดว่าถ้ามีสติใครก็ทำไรเราไม่ได้
ถ้าเจออะไรก็จะแผ่เมตตาไว้ก่อน ถือว่าผ่านด่านความกลัวแล้วละกันนะ

ปัญหาใหญ่ต่อไป ที่จะขอคำปรึกษา คือนั่งสมาธิได้แค่แป๊ปเดียว ใจมันสั่งว่าเบื่อแล้ว เลิกๆ ลืมตาๆ เราเลยถามตัวเองว่าเลิกแล้วจะทำอะไร มันก็ตอบไม่ได้ หนังสือก็ไม่ได้อยากอ่าน นอนก็ไม่หลับ ไม่รู้ถ้าเลิกจะทำอะไร แล้วจะเลิกไปทำไม คิดงี้ก็นั่งต่อได้อีกสักพัก มันก็มาใหม่
เลยกำหนดว่า อยากเลิกหนอ อยากเลิกหนอ ก็ช่วยได้นิดนึง สักพักมาใหม่ เผลอนิดเดียวก็ออกจากสมาธิ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2014, 05:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โดนของจริงเข้าไปเงียบเหมือนอยู่ในป่าช้ายามดึกสงัดเลยนะ วิปัสสนึก วิปัสสนาอะไรๆไม่เอาแล้ว ทิ้งเกลี้ยง ก็บอกแล้วว่าเช่นนั้นแยกย่อยท่อนซุงไม่เป็น ไม่เข้าใจชีวิตตามธรรมดาของมัน คิดใหม่ทำใหม่ได้แล้วครับ ขนาดอโศกคุยว่า เป็นนักปฏิบัติยังไม่กล้าเดินเฉียดกระทู้นี้เลย :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2014, 08:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
นี่ก็ไม่ตอบ คิกๆๆ ถามว่า พระพุทธเจ้าสอนอะไร เอามาดูหน่อยสิ เอามาๆ เออ

สอนให้กรัชกาย เป็นคนดี อย่ามั่ว นะเออ


สรุปแล้วเหมือนเดิม ไม่ได้เนื้อหาสาระอะไร :b9: เช่นนั้น ก็ใกล้จะเป็นเหมือนอโศกเข้าไปทุกทีๆ คือหมดแล้ว เหลือแต่ไส้ติ่ง :b32:

ถูกแล้วกรัชกาย

เพราะ กรัชกายไร้สาระ

ปัญหาเดียวของกรัชกาย คือ มั่ว ก๊อปอะไรๆ มา ถูกก็ไม่รู้ ผิดก็ไม่รู้
และยังหลับหูหลับตาตะแบงแบก
สนทนาเอาเหตุเอาผล เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้

จึงทำวิปัสสนึก ฟุ้งไปเรื่อยเปื่อย .....
ขอให้ตรงกับ คำแปลของคำศัพท์ ก็ได้ชื่อว่าบรรลุธรรม
เป็นการคิดนึกท่ามกลางความฝัน... อันเลื่อนลอยไปตามคำศัพท์

กรัชกาย ....เลิกมั่วเมื่อไร
คงเข้าใจ สาระ ที่เช่นนั้น ได้สนทนาด้วย


อ้างคำพูด:
คงเข้าใจ สาระ ที่เช่นนั้น ได้สนทนาด้วย



เอ้างั้นนี่ มีสารธรรมะปฏิบัติพอหรือยัง เป็นวิปัสสนึกหรือวิปัสสนา ถ้าเป็นวิปัสสนึก เช่นนั้นว่าทำยังไง จึงเป็นวิปัสสนา ว่าไปสิ


สวัสดีค่ะ อยู่ปี 2 ค่ะ หัดสวดมนต์นั่งสมาธิเอง โดยมีีแผนว่าปิดเทอมแล้วจะไปบวชเนกขัมมะ
การสวดมนต์และนั่งสมาธิใช้ความรู้ที่พอจำได้สมัยเรียนมัธยม
เขาสอนว่า พุทโธ แล้วถ้าคิดอย่างอื่นก็ปล่อยให้คิดแล้วเอาสติตามไปรู้
กับสอนว่า เสียงเป็นรูป ได้ยินเป็นนาม สอนให้แยกทุกอย่างออกมา

เราถนัดแบบเสียงเป็นรูป ได้ยินเป็นนามค่ะ เพราะพุทโธดูลมหายใจแล้วรู้สึกเกร็ง หายใจลึกเกิน เข้าออกช้าเกินธรรมชาติจนอึดอัด รู้ว่าไม่ต้องไปบังคับมัน แต่ทำไม่ได้อะ
ตอนแรกนั่งไปก็กลัวบ้าเพราะเราหัดเองไม่ได้มีคนดูแล
แต่ตอนนี้เลิกกลัวแล้ว เพราะมีพระ แล้วก็คิดว่าถ้ามีสติใครก็ทำไรเราไม่ได้
ถ้าเจออะไรก็จะแผ่เมตตาไว้ก่อน ถือว่าผ่านด่านความกลัวแล้วละกันนะ

ปัญหาใหญ่ต่อไป ที่จะขอคำปรึกษา คือนั่งสมาธิได้แค่แป๊ปเดียว ใจมันสั่งว่าเบื่อแล้ว เลิกๆ ลืมตาๆ เราเลยถามตัวเองว่าเลิกแล้วจะทำอะไร มันก็ตอบไม่ได้ หนังสือก็ไม่ได้อยากอ่าน นอนก็ไม่หลับ ไม่รู้ถ้าเลิกจะทำอะไร แล้วจะเลิกไปทำไม คิดงี้ก็นั่งต่อได้อีกสักพัก มันก็มาใหม่
เลยกำหนดว่า อยากเลิกหนอ อยากเลิกหนอ ก็ช่วยได้นิดนึง สักพักมาใหม่ เผลอนิดเดียวก็ออกจากสมาธิ


ช่วยด้วย แก้ยังไงคะ
เมื่อก่อนไม่เป็นอย่างนี้ นั่งสมาธิในห้องเรียน บางทีพระสั่งให้แผ่เมตตา ลืมตาแล้ว เรายังรู้สึกว่าจะให้นั่งต่อก็ได้สบายๆ
เดี๋ยวนี้ใจไม่นิ่งเป็นอย่างที่บอก
แก้ยังไงดีคะ

ปล อาการนี้เป็นกับการสวดมนต์ด้วยนะคะ



คำถามภาคปฏิบัติทางจิตโดยตรง จะแลเห็นแนวปฏิบัติกรรมฐานอยู่ 3 วิธี คือ พุทโธ, เสียงเป็นรูป ได้ยินเป็นนาม กับ วิธีพอง-ยุบ (อยากเลิกหนอๆๆๆ คือ คิดอยากเลิก...) เขาใช้ปนๆกัน

เขาชอบวิธีคิดแยกรูปนามเอา (คิดอยากให้มันเป็นวิปัสสนา)

ก็จะแลเห็นทางติดตันของสองวิธี คือ พุทโธ กับ เสียงเป็นรูป ได้ยินเป็นนาม กล่าวคือ เมื่อเกิดปัญหา
อ้างคำพูด:
ใจมันสั่งว่าเบื่อแล้ว เลิกๆ ลืมตาๆ
เขาไปไม่เป็น จึงนั่งคิดอยู่คนเดียว (จิตเกิด-ดับ = ถาม ตอบ ๆ)
อ้างคำพูด:
เรา เลยถามตัวเองว่าเลิกแล้วจะทำอะไร มันก็ตอบไม่ได้ หนังสือก็ไม่ได้อยากอ่าน นอนก็ไม่หลับ ไม่รู้ถ้าเลิกจะทำอะไร แล้วจะเลิกไปทำไม


จนแต้มไปไม่เป็นก็

อ้างคำพูด:
คิด งี้ก็นั่งต่อได้อีกสักพัก มันก็มาใหม่
เลยกำหนดว่า อยากเลิกหนอ อยากเลิกหนอ ก็ช่วยได้นิดนึง (สักพักมาใหม่)


คือลักษณะการเกิด-ดับของรูปนามทั้งนั้น แต่เขาไม่รู้ตามที่มันเป็น จะเอาสิ่งที่ตัวเองต้องการให้มันเป็น คือ ที่เน้นสีแดงท้ายๆ

จุดที่บกพร่องซึ่งต้องเสริมสำหรับผู้ปฏิบัติธรรม ผู้จิตตภาวนา ปัญญาภาวนา ต้องมีหลักยึด เช่น ลมเข้า-ออก อาการพอง-ยุบ นี่คือหลักใหญ่ (= กายานุปัสสนา) ส่วนอารมณ์อื่นๆเช่นความรู้สึกนึกคิดที่แทรกขึ้นมา อารมณ์รอง กำหนดรู้ตามที่มันเป็น ตามที่รู้สึก แล้วดึงจิตมาเกาะรับรู้หลักใหญ่ คือ อาการพอง-ยุบ แล้วก็มิใช่กำหนดรู้ครั้งเดียวเลิกพอ ไม่ใช่ๆๆ ต้องกำหนดรู้ตามนั้นทุกครั้งทุกขณะ ที่ความรู้สึกอื่นๆแทรกเข้ามา

สรุป วิธีปฏิบัติสองวิธีแรก ตัน คือ เมื่อสภาวะธรรมดาๆปรากฏต่อหน้าต่อตาไปไม่เป็น ไม่รู้จะเอาอิท่าไหนกับมันดี :b13:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2014, 09:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น กับ อโศก มีคำถาม คำแนะนำอะไรเสริมไหมครับ :b1:


อ้างคำพูด:
พอดีเมื่อวานได้นั่งสมาธิแล้วได้กำหนดพุธ-โธเมื่อจิตสงบก็ พิจารณากายในกาย เช่นหายใจเข้าเป็นลมเข้าไปสู่ร่างกายออกมาพิจาณาสิ่งปฏิกูลในร่างกายไป สักพัก เหมือนเปลี่ยนฐานะตัวเองเป็นผู้ดู มีสติ เห็นเหมือนภาพ มีกล่องใบใหญ่มาก สีขาว

ทันใดนั้นกายก็ถูกแยกออกเป็นส่วนๆ เช่น ปอด ม้าม ตับ ไต ไส้ สมอง เล็บ ขน ฟัน หลุดเอาไปรวมในกล่องนั้น แล้วก็มีภาพพ่อ แม่ คนที่มีใจผูกพันธ์ ถูกแยกกายออกเป็นชิ้นๆเหมือนเราอวัยวะถูกรวมไปในกล่องใหญ่ใบนั้น จิตเรามันอยากเห็นอะไรในกล่องพอมองลงไปก็เห็นแต่อวัยวะต่างๆกองรวมกัน

ทันใดก็มีเสียงหนึ่งถามว่า "กายเธออยู่ที่ไหน" เมื่อได้เห็นแบบนี้ก็เลยตอบว่า "ไม่มี" แล้วเสียงนั้นก็ตอบว่า "แล้วจิตเธออยู่ที่ไหน" ดิฉันพยายามมองหาคำตอบว่า จิตอยู่ที่ไหน เพราะตอนนี้กายไม่มีแล้ว ก็จะบริกรรมพุธโธต่อแต่ ไม่มีกายก็ไม่มีลม คำบริกรรมก็หาย มันมีสภาวะที่โล่งๆว่างๆ เลยตอบไปว่า "จิตก็คงไม่มี" แล้วมันก็สว่างวาบแล้วเหมือนมีกระแสไฟกระจายไปทั่วความสว่างนั้น

อยากจะถามผู้รู้ ว่า

1.สิ่งที่เกิดขึ้นนี่คืออะไร เป็นนิมิตอะไร อะไรแสดงธรรมอยู่
2.ดิฉันควรปฏิบัติต่อไปอย่างไร

ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ครั้งแรก ดิฉันเห็นตัวเองเป็นซากศพ มีอะไรมากัดกิน
ส่วนครั้งอื่นๆ จะไม่เกิดนิมิตเกิดแต่ความสว่างจ้า สถาวะสงบสุข


ตัวอย่างนี้เป็นอารมณ์ของสมถะ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2014, 09:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:

สวัสดีค่ะ อยู่ปี 2 ค่ะ หัดสวดมนต์นั่งสมาธิเอง โดยมีีแผนว่าปิดเทอมแล้วจะไปบวชเนกขัมมะ
การสวดมนต์และนั่งสมาธิใช้ความรู้ที่พอจำได้สมัยเรียนมัธยม
เขาสอนว่า พุทโธ แล้วถ้าคิดอย่างอื่นก็ปล่อยให้คิดแล้วเอาสติตามไปรู้
กับสอนว่า เสียงเป็นรูป ได้ยินเป็นนาม สอนให้แยกทุกอย่างออกมา

เราถนัดแบบเสียงเป็นรูป ได้ยินเป็นนามค่ะ เพราะพุทโธดูลมหายใจแล้วรู้สึกเกร็ง หายใจลึกเกิน เข้าออกช้าเกินธรรมชาติจนอึดอัด รู้ว่าไม่ต้องไปบังคับมัน แต่ทำไม่ได้อะ
ตอนแรกนั่งไปก็กลัวบ้าเพราะเราหัดเองไม่ได้มีคนดูแล
แต่ตอนนี้เลิกกลัวแล้ว เพราะมีพระ แล้วก็คิดว่าถ้ามีสติใครก็ทำไรเราไม่ได้
ถ้าเจออะไรก็จะแผ่เมตตาไว้ก่อน ถือว่าผ่านด่านความกลัวแล้วละกันนะ

ปัญหาใหญ่ต่อไป ที่จะขอคำปรึกษา คือนั่งสมาธิได้แค่แป๊ปเดียว ใจมันสั่งว่าเบื่อแล้ว เลิกๆ ลืมตาๆ เราเลยถามตัวเองว่าเลิกแล้วจะทำอะไร มันก็ตอบไม่ได้ หนังสือก็ไม่ได้อยากอ่าน นอนก็ไม่หลับ ไม่รู้ถ้าเลิกจะทำอะไร แล้วจะเลิกไปทำไม คิดงี้ก็นั่งต่อได้อีกสักพัก มันก็มาใหม่
เลยกำหนดว่า อยากเลิกหนอ อยากเลิกหนอ ก็ช่วยได้นิดนึง สักพักมาใหม่ เผลอนิดเดียวก็ออกจากสมาธิ


ช่วยด้วย แก้ยังไงคะ
เมื่อก่อนไม่เป็นอย่างนี้ นั่งสมาธิในห้องเรียน บางทีพระสั่งให้แผ่เมตตา ลืมตาแล้ว เรายังรู้สึกว่าจะให้นั่งต่อก็ได้สบายๆ
เดี๋ยวนี้ใจไม่นิ่งเป็นอย่างที่บอก
แก้ยังไงดีคะ

ปล อาการนี้เป็นกับการสวดมนต์ด้วยนะคะ



ผัสสะ เวทนา ตัณหา อุปทาน ภพ

เหตุปัจจัยจาก ความไม่รู้ที่มีอยู่ เป็นปัจจัยให้ ไม่รู้ชัดในผัสสะ ที่เกิดขึ้น

เมื่อนำอดีต มาเป็นอารมณ์ "เมื่อก่อนไม่เป็นอย่างนี้" "เดี๋ยวนี้ใจไม่นิ่งเป็นอย่างที่บอก"

ผัสสะ เวทนา ตัณหา อุปทาน ภพ มีเกิดขึ้น ก็ยังไม่รู้

ติดรูปแบบ "นั่งสมาธิ" เพราะคิดว่า การทำสมาธิ มีแค่รูปแบบนั่ง เพียงอย่างเดียว



ส่วนที่กรัชกาย อธิบายมาทั้งหมด เหตุปัจจัยจาก ความไม่รู้ชัดในผัสสะ ที่เกิดขึ้น

และไม่รู้จักการเจริญอิทธิบาท ๔ สมาธิ


กรัชกาย เขียน:

คำถามภาคปฏิบัติทางจิตโดยตรง จะแลเห็นแนวปฏิบัติกรรมฐานอยู่ 3 วิธี คือ พุทโธ, เสียงเป็นรูป ได้ยินเป็นนาม กับ วิธีพอง-ยุบ (อยากเลิกหนอๆๆๆ คือ คิดอยากเลิก...) เขาใช้ปนๆกัน

เขาชอบวิธีคิดแยกรูปนามเอา (คิดอยากให้มันเป็นวิปัสสนา)

ก็จะแลเห็นทางติดตันของสองวิธี คือ พุทโธ กับ เสียงเป็นรูป ได้ยินเป็นนาม กล่าวคือ เมื่อเกิดปัญหา
อ้างคำพูด:
ใจมันสั่งว่าเบื่อแล้ว เลิกๆ ลืมตาๆ
เขาไปไม่เป็น จึงนั่งคิดอยู่คนเดียว (จิตเกิด-ดับ = ถาม ตอบ ๆ)
อ้างคำพูด:
เรา เลยถามตัวเองว่าเลิกแล้วจะทำอะไร มันก็ตอบไม่ได้ หนังสือก็ไม่ได้อยากอ่าน นอนก็ไม่หลับ ไม่รู้ถ้าเลิกจะทำอะไร แล้วจะเลิกไปทำไม


จนแต้มก็

คิด งี้ก็นั่งต่อได้อีกสักพัก มันก็มาใหม่
เลยกำหนดว่า อยากเลิกหนอ อยากเลิกหนอ ก็ช่วยได้นิดนึง (สักพักมาใหม่)"

คือลักษณะการเกิด-ดับของรูปนามทั้งนั้น แต่เขาไม่รู้ตามที่มันเป็น จะเอาสิ่งที่ตัวเองต้องการให้มันเป็น คือ ที่เน้นสีแดง

จุดที่บกพร่องซึ่งต้องเสริมสำหรับผู้ปฏิบัติธรรม ผู้ผฏิบัติจิตตภาวนา ปัญญาภาวนา มันต้องมีหลักยึด เช่น ลมเข้าออก อาการพอง-ยุบ นี่คือหลักยึดใหญ่ ส่วนอารมณ์อื่นๆเช่นความรู้สึกนึกคิดที่แทรกขึ้นมา อารมณ์รอง กำหนดรู้ตามที่มันเป็น ตามที่รู้สึก แล้วจิตมาเกาะรับรู้หลักใหญ่ คือ อาการพอง-ยุบ แล้วก็มิใช่กำหนดรู้ครั้งเดียวพอ ไม่ใช่ๆ ต้องกำหนดรู้ตามนั้นทุกครั้งทุกขณะ ที่มันแทรกเข้ามา

สรุป วิธีปฏิบัติสองวิธีแรก ตัน คือ เมื่อสภาวะธรรมดาๆปรากฏต่อหน้าต่อตาไปไม่เป็น

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2014, 09:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:

ผัสสะ เวทนา ตัณหา อุปทาน ภพ




ไม่ต้องเอาอะไรมากหรอก บอกความหมายของศัพท์ ๕ ตัวนั้นชัดๆ :b1: เอาชัดๆนะ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2014, 09:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:

ส่วนที่กรัชกาย อธิบายมาทั้งหมด เหตุปัจจัยจาก ความไม่รู้ชัดในผัสสะ ที่เกิดขึ้น

และไม่รู้จักการเจริญอิทธิบาท ๔ สมาธิ




ที่สำคัญ ต่อให้รู้ชัดในผัสสะ ที่เกิดขึ้น

และรู้จักการเจริญอิทธิบาท ๔


หากไม่ได้สร้างเหตุมาให้เชื่อกัน

พูดให้ตาย อธิบายให้ละเอียดขนาดไหน ก็ไม่มีวันเชื่อ

จึงหาสาระอันใดไม่ได้

เพราะมีแต่การสร้างเหตุ มากกว่าการดับเหตุ

จึงพูดในสิ่งที่ควรพูด พูดพอประมาณ

ส่วนใครจะรู้สึกนึกคิดอย่างไร ล้วนเกิดจากเหตุปัจจัยที่มีต่อกัน

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2014, 09:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
walaiporn เขียน:

ผัสสะ เวทนา ตัณหา อุปทาน ภพ




ไม่ต้องเอาอะไรมากหรอก บอกความหมายของศัพท์ ๕ ตัวนั้นชัดๆ :b1: เอาชัดๆนะ



คิกๆ เขาถามนี่ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2014, 09:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


มุกต่างๆ ที่กรัชกายนำใช้

แป่กไปนานแล้ว :b38:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2014, 09:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
มุกต่างๆ ที่กรัชกายนำใช้

แป่กไปนานแล้ว :b38:



แป๊กยังไง ก็นำมาพูดเองแท้ๆ ไม่รู้แล้วพูดได้ไง จะเป็นนกแก้วนกขุนทองเพิ่มอีกตัวหรอ คิกๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2014, 09:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
จุดที่บกพร่องซึ่งต้องเสริมสำหรับผู้ปฏิบัติธรรม ผู้ปฏิบัติจิตตภาวนา ปัญญาภาวนา มันต้องมีหลักยึด เช่น ลมเข้าออก อาการพอง-ยุบ นี่คือหลักยึดใหญ่ ส่วนอารมณ์อื่นๆเช่นความรู้สึกนึกคิดที่แทรกขึ้นมา อารมณ์รอง กำหนดรู้ตามที่มันเป็น ตามที่รู้สึก แล้วจิตมาเกาะรับรู้หลักใหญ่ คือ อาการพอง-ยุบ แล้วก็มิใช่กำหนดรู้ครั้งเดียวพอ ไม่ใช่ๆ ต้องกำหนดรู้ตามนั้นทุกครั้งทุกขณะ ที่มันแทรกเข้ามา

สรุป วิธีปฏิบัติสองวิธีแรก ตัน คือ เมื่อสภาวะธรรมดาๆปรากฏต่อหน้าต่อตาไปไม่เป็น

พอเหอะกรัชกาย
มั่วไปเรื่อยๆ
จากติดตันเรื่องนู้น ก็มาฟุ้งเรื่องนี้
กรัชกาย ไปหัดเป่าลูกโป่งไป :b17: :b17:

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 194 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 ... 13  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร