วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 21:45  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 73 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 พ.ค. 2014, 21:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สองคนกับกบก็ได้เอ้าช่วยกัน :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 พ.ค. 2014, 22:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
nongkong เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ธรรมชาติของจิตใจเป็นไปนานา ยากแท้หยั่งถึง


อ้างคำพูด:
เดินจงกรมซักพัก แว้บนึงก้มไปมองที่เท้า เห็นว่าเท้าที่เดินอยู่ไม่ใช่ตัวเรา ความรู้สึกเหมือนเรามองศพคนอื่น แต่ว่าพอเห็นเช่นนั้นความกลัวผุดขึ้น จิตมันก็เลยถอยออกมาจากความรู้สึกนั้น

ที่เห็นเช่นนี้ ปฏิบัติถูกต้องไหมครับ?
ถ้าผิด/ถูก ควรทำอย่างไรต่อไป?



อโศก จะแก้ไขยังไงดีครับ :b1:

พี่กรัชกายจะไปถามทำไมอโศกะ ถามคุนน้องนี่กะได้ คุนน้องเนียะของจริง
แล้วอย่าได้คิดมาลองภูมิคุนน้อง เอาคำถามนั้นกลับไปซะที่บอกว่า จะแก้ไขยังไง เพราะมันไม่มีอะไรให้ต้องแก้ กำหนดรู้ตามที่มันเป็นแต่อย่าฟุ้งไปกับสิ่งที่ถูกรู้ เพราะปกติคนเราคิดโน่นคิดนี่วันละร้อยแปดพันเรื่อง อุแหม่พอไปเดินจงกรมจิตเป็นสมาธิแล้วแว๊บไปคิดโน่นคิดนี่แล้วรู้สึกกลัวขึ้นมา ดันทำเป็นเรื่องใหญ่ :b32: มันก็เป็นธรรมดาของจิต ที่ชอบแว๊บไปคิดนั่นคิดนี่ พอเกิดสภาวะไประลึกรู้อารมณ์นั้นแล้วก็เกิดอุปทานยังกะว่าเห็นสิ่งที่ประหลาดพิศดาล เห็นผี เห็น เปรต เห็น นรก เห็น สวรรค์ อย่างงี้ยังน่าจะตกใจจนกลัวมากกว่าอีก :b32:



ไหนลองหน่อยสิ :b1:

อ้างคำพูด:
กำหนดรู้ตามที่มันเป็น แต่ อย่าฟุ้ง


ไปห้ามมัน :b1: แล้วมันจะฟุ้งล่ะ

ไม่ได้บอกว่าห้ามฟุ้ง วิธีหยุดฟุ้งก็คือ เมื่อรู้ว่าฟุ้งก็กำหนดรู้ว่าฟุ้ง แล้วเอาสติมากำกับที่กาย ด้วยอารมณ์กรรมฐาน สำหรับคุนน้องภาวนา ใช้ พุท-โธ รู้ลมหายใจเข้า รู้ลมหายใจออก คุนน้องสามารถหยุดฟุ้งได้เพียงขณะจิตเดียว แค่เอาจิตมากำกับที่กาย และรู้ลมเข้า รู้ลมออก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 พ.ค. 2014, 22:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
กรัชกาย เขียน:
nongkong เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ธรรมชาติของจิตใจเป็นไปนานา ยากแท้หยั่งถึง


อ้างคำพูด:
เดินจงกรมซักพัก แว้บนึงก้มไปมองที่เท้า เห็นว่าเท้าที่เดินอยู่ไม่ใช่ตัวเรา ความรู้สึกเหมือนเรามองศพคนอื่น แต่ว่าพอเห็นเช่นนั้นความกลัวผุดขึ้น จิตมันก็เลยถอยออกมาจากความรู้สึกนั้น

ที่เห็นเช่นนี้ ปฏิบัติถูกต้องไหมครับ?
ถ้าผิด/ถูก ควรทำอย่างไรต่อไป?



อโศก จะแก้ไขยังไงดีครับ :b1:

พี่กรัชกายจะไปถามทำไมอโศกะ ถามคุนน้องนี่กะได้ คุนน้องเนียะของจริง
แล้วอย่าได้คิดมาลองภูมิคุนน้อง เอาคำถามนั้นกลับไปซะที่บอกว่า จะแก้ไขยังไง เพราะมันไม่มีอะไรให้ต้องแก้ กำหนดรู้ตามที่มันเป็นแต่อย่าฟุ้งไปกับสิ่งที่ถูกรู้ เพราะปกติคนเราคิดโน่นคิดนี่วันละร้อยแปดพันเรื่อง อุแหม่พอไปเดินจงกรมจิตเป็นสมาธิแล้วแว๊บไปคิดโน่นคิดนี่แล้วรู้สึกกลัวขึ้นมา ดันทำเป็นเรื่องใหญ่ :b32: มันก็เป็นธรรมดาของจิต ที่ชอบแว๊บไปคิดนั่นคิดนี่ พอเกิดสภาวะไประลึกรู้อารมณ์นั้นแล้วก็เกิดอุปทานยังกะว่าเห็นสิ่งที่ประหลาดพิศดาล เห็นผี เห็น เปรต เห็น นรก เห็น สวรรค์ อย่างงี้ยังน่าจะตกใจจนกลัวมากกว่าอีก :b32:



ไหนลองหน่อยสิ :b1:

อ้างคำพูด:
กำหนดรู้ตามที่มันเป็น แต่อย่าฟุ้ง


ไปห้ามมัน :b1: แล้วมันจะฟุ้งล่ะ


ไม่ได้บอกว่าห้ามฟุ้ง วิธีหยุดฟุ้งก็คือ เมื่อรู้ว่าฟุ้งก็กำหนดรู้ว่าฟุ้ง แล้วเอาสติมากำกับที่กาย ด้วยอารมณ์กรรมฐาน สำหรับคุนน้องภาวนา ใช้ พุท-โธ รู้ลมหายใจเข้า รู้ลมหายใจออก คุนน้องสามารถหยุดฟุ้งได้เพียงขณะจิตเดียว แค่เอาจิตมากำกับที่กาย และรู้ลมเข้า รู้ลมออก


"แต่อย่าฟุ้ง" อย่าเข้ามานะ ห้ามแล้ว ไม่เป็นไรโหสิ เก่งผ่าน ทำต่อไป คิกๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 พ.ค. 2014, 22:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
nongkong เขียน:
กรัชกาย เขียน:
nongkong เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ธรรมชาติของจิตใจเป็นไปนานา ยากแท้หยั่งถึง


อ้างคำพูด:
เดินจงกรมซักพัก แว้บนึงก้มไปมองที่เท้า เห็นว่าเท้าที่เดินอยู่ไม่ใช่ตัวเรา ความรู้สึกเหมือนเรามองศพคนอื่น แต่ว่าพอเห็นเช่นนั้นความกลัวผุดขึ้น จิตมันก็เลยถอยออกมาจากความรู้สึกนั้น

ที่เห็นเช่นนี้ ปฏิบัติถูกต้องไหมครับ?
ถ้าผิด/ถูก ควรทำอย่างไรต่อไป?



อโศก จะแก้ไขยังไงดีครับ :b1:

พี่กรัชกายจะไปถามทำไมอโศกะ ถามคุนน้องนี่กะได้ คุนน้องเนียะของจริง
แล้วอย่าได้คิดมาลองภูมิคุนน้อง เอาคำถามนั้นกลับไปซะที่บอกว่า จะแก้ไขยังไง เพราะมันไม่มีอะไรให้ต้องแก้ กำหนดรู้ตามที่มันเป็นแต่อย่าฟุ้งไปกับสิ่งที่ถูกรู้ เพราะปกติคนเราคิดโน่นคิดนี่วันละร้อยแปดพันเรื่อง อุแหม่พอไปเดินจงกรมจิตเป็นสมาธิแล้วแว๊บไปคิดโน่นคิดนี่แล้วรู้สึกกลัวขึ้นมา ดันทำเป็นเรื่องใหญ่ :b32: มันก็เป็นธรรมดาของจิต ที่ชอบแว๊บไปคิดนั่นคิดนี่ พอเกิดสภาวะไประลึกรู้อารมณ์นั้นแล้วก็เกิดอุปทานยังกะว่าเห็นสิ่งที่ประหลาดพิศดาล เห็นผี เห็น เปรต เห็น นรก เห็น สวรรค์ อย่างงี้ยังน่าจะตกใจจนกลัวมากกว่าอีก :b32:



ไหนลองหน่อยสิ :b1:

อ้างคำพูด:
กำหนดรู้ตามที่มันเป็น แต่อย่าฟุ้ง


ไปห้ามมัน :b1: แล้วมันจะฟุ้งล่ะ


ไม่ได้บอกว่าห้ามฟุ้ง วิธีหยุดฟุ้งก็คือ เมื่อรู้ว่าฟุ้งก็กำหนดรู้ว่าฟุ้ง แล้วเอาสติมากำกับที่กาย ด้วยอารมณ์กรรมฐาน สำหรับคุนน้องภาวนา ใช้ พุท-โธ รู้ลมหายใจเข้า รู้ลมหายใจออก คุนน้องสามารถหยุดฟุ้งได้เพียงขณะจิตเดียว แค่เอาจิตมากำกับที่กาย และรู้ลมเข้า รู้ลมออก


"แต่อย่าฟุ้ง" อย่าเข้ามานะ ห้ามแล้ว ไม่เป็นไรโหสิ เก่งผ่าน ทำต่อไป คิกๆๆ

คุนน้องจะบอกไรให้ เวลาอยู่ในสมาธิคุนน้องสงบไม่เคยฟุ้ง ถ้าจะฟุ้งก็คือก็คือออกจากสมาธิแล้วจิตต้องกระทบกับผัสสะในแต่ละวัน แต่ก็มีสติคอยคอโทรลจิตให้เป็นไปในทิศทางที่ต้องการ แล้วคุนน้องก็รู้ว่ามันก็เป็นธรรมดา ธรรมดาของสภาวะนั้น รู้ว่าเกิดก็รู้ว่าดับ เห้นมันเกิดดับทั้งวัน :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2014, 00:33 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ม.ค. 2014, 08:17
โพสต์: 73

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
nongkong เขียน:
กรัชกาย เขียน:
nongkong เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
nongkong เขียน:
asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กวักมือเรียกอโศกที่นี่ :b1:

smiley
กระทู้จงกรมต้องไปนั่งตอบหน้า PC.ถึงจะมันเพราะมีเรื่องต้องคุยกันยาวหน่อย ตอนนี้ใช้แทบเลท ไม่ดั่งใจเท่าไหร่ครับ

แต่เห็นมีผู้รู้มาตอบได้ดีมากๆหลายท่านแล้วนี่ครับ น่าจะเพียงพอแล้วนะคุณกรัชกาย หรือยังไม่จุใจอีก
:b12:

อโศกะก็สนองความอยากพี่กรัชกายหน่อยสิเจ้าค่ะ ถ้าอโศกะไม่ตอบ แกจะรู้สึกข้องใจจนกินไม่ได้นอนไม่หลับเลยนะเจ้าค่ะ เพราะแกทำหน้าที่อาจารย์สอนลูกศิษ :b32: นักปฏิบัติท่านไหนยังสอบไม่ผ่าน แกจะกวักมือเรียกมาตรวจสอบ :b32:

:b17:
ที่nongkong ย้อนถามกลับท่านกรัชกายนั้นเจ๋งอยู่แล้วอยากเห็นกรัชกายคุยตอบก่อน ไม่ใช่เลี่ยงบาลีไปรอบๆอยู่อย่างที่เห็น

อดใจรอสักนิดนะจ๊ะ ทรมาณกรัชกายเล่นๆซักพักก่อนน่าจะดีกว่า
:b13:



สำหรับกรัชกาย วิ่งจงกรมก็ได้ เดินจงกรมก็ได้ เพียงตามดูรู้ทันการเคลื่อนไหวการก้าวเท้าไปทั้งซ้าย-ขวา สลับไปสลับมา ไม่ว่าวิ่งหรือเดิน :b1: ความสำคัญมันอยู่ตรงนี้

สำหรับคุนน้องเดินปกติตามธรรมดาของมัน แต่รู้ตัวทุกขณะๆที่เดิน ไม่ตามดูรู้ทันเท้าซ้าย เท้าขวา แต่รู้ตัวทั่วพร้อมว่าเราเดินอยู่ เราเดินไปไหน กำลังเดินไปทำอะไร จุดมุ่งหมายในการเดินคือที่ไหน มีสติอยู่ปัจจุบันทุกขณะๆ แบบนี้ผิดไหม ไม่ถูกหลักปฏิบัติของการเดินจงกรมของพี่กรัชกายรึเปล่าเจ้าค่ะ :b13:


เข้าใจคำว่า ปัจจุบัน,กับ ขณะ ยังไง

ก็รู้ว่าเดินก็รู้ว่าเดินมีสติอยู่กับการเดิน แต่ก็ไม่ได้หลงลืมกิจมีสติระลึกว่า จะทำอะไร เดินไปไหน รู้ตัวทุกขณะๆ



การปฏิบัติทางจิต "ปัจจุบัน” หมายถึงขณะเดียว ที่กำลังเกิดขึ้น เป็นอยู่ = ปัจจุบันขณะ

หายใจเข้าทีหนึง รู้ว่าว่าเข้า นี่เป็นปัจจุบันขณะหนึ่ง หายใจออกทีหนึ่ง นี่เป็นปัจจุบันขณะหนึ่ง

รู้เท่าทันพองทีหนึ่ง นี่เป็นปัจจุบันขณะหนึ่ง รู้เท่าทันยุบทีหนึ่ง นี่เป็นปัจจุบันขณะหนึ่ง

รู้การก้าวเท้าซ้ายก้าวหนึ่ง นี่เป็นปัจจุบันขณะหนึ่ง เป็นต้น นี่คือการฝึกจิต คือการตามดูรู้ทันนามรูปแต่ละขณะๆ



กรัชกายเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ใช่การฝึกจิตหรอ
การฝึกจิตใช่เช่นนี้หรือ การฝึกจิต ต้องส่งจิตออกไปดูลมหรือ ต้องส่งจิตออกไปจ้องที่ท้องหรือ
ต้องส่งจิตไปจ้องที่เท้าหรอ
ส่งจิตออก เพ่ง จ้อง นี่ใช่แนวทางหรือ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2014, 00:49 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ม.ค. 2014, 08:17
โพสต์: 73

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
nongkong เขียน:
asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กวักมือเรียกอโศกที่นี่ :b1:

smiley
กระทู้จงกรมต้องไปนั่งตอบหน้า PC.ถึงจะมันเพราะมีเรื่องต้องคุยกันยาวหน่อย ตอนนี้ใช้แทบเลท ไม่ดั่งใจเท่าไหร่ครับ

แต่เห็นมีผู้รู้มาตอบได้ดีมากๆหลายท่านแล้วนี่ครับ น่าจะเพียงพอแล้วนะคุณกรัชกาย หรือยังไม่จุใจอีก
:b12:

อโศกะก็สนองความอยากพี่กรัชกายหน่อยสิเจ้าค่ะ ถ้าอโศกะไม่ตอบ แกจะรู้สึกข้องใจจนกินไม่ได้นอนไม่หลับเลยนะเจ้าค่ะ เพราะแกทำหน้าที่อาจารย์สอนลูกศิษ :b32: นักปฏิบัติท่านไหนยังสอบไม่ผ่าน แกจะกวักมือเรียกมาตรวจสอบ :b32:

:b17:
ที่nongkong ย้อนถามกลับท่านกรัชกายนั้นเจ๋งอยู่แล้วอยากเห็นกรัชกายคุยตอบก่อน ไม่ใช่เลี่ยงบาลีไปรอบๆอยู่อย่างที่เห็น

อดใจรอสักนิดนะจ๊ะ ทรมาณกรัชกายเล่นๆซักพักก่อนน่าจะดีกว่า
:b13:



สำหรับกรัชกาย วิ่งจงกรมก็ได้ เดินจงกรมก็ได้ เพียงตามดูรู้ทันการเคลื่อนไหวการก้าวเท้าไปทั้งซ้าย-ขวา สลับไปสลับมา ไม่ว่าวิ่งหรือเดิน :b1: ความสำคัญมันอยู่ตรงนี้

สำหรับคุนน้องเดินปกติตามธรรมดาของมัน แต่รู้ตัวทุกขณะๆที่เดิน ไม่ตามดูรู้ทันเท้าซ้าย เท้าขวา แต่รู้ตัวทั่วพร้อมว่าเราเดินอยู่ เราเดินไปไหน กำลังเดินไปทำอะไร จุดมุ่งหมายในการเดินคือที่ไหน มีสติอยู่ปัจจุบันทุกขณะๆ แบบนี้ผิดไหม ไม่ถูกหลักปฏิบัติของการเดินจงกรมของพี่กรัชกายรึเปล่าเจ้าค่ะ :b13:



คุณน้องฝึกได้ดีแล้ว การรู้ตัวทั่วพร้อม เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี (แต่ต้องรู้ทั่วพร้อมจริงๆนะ)
การไปตามรู้เท้าซ้าย เท้าขวา ไม่ได้ช่วยอะไรหลอก จะบอกว่า รู้ซ้าย รู้ขวาเป็นการเจริญปัญญานั้น เข้าใจผิดกันมากทีเดียว เนื้อแท้ของการรู้กระทบซ้ายขวา มันไม่ได้ตื้นขนาดที่อ่านและเข้าใจกันอยู่นี้หลอก กรัชกายท่านลองวางตำราตรงหน้าท่านดูเถิด ท่านอ่านมามากแล้ว
ท่านลองออกมาดูของจริง ออกมาสัมผัสรสแห่งธรรมเถิด ตำราท่านเขียนไว้เป็นแนวทาง
แต่การปฏิบัติจริง มันไม่เหมือนตำราทุกกระเบียดนิ้วหลอก
พระพุทธองค์ท่านเคยว่า ผู้ปฏิบัติ ไม่เหยียบรอยกัน หมายถึง แนวทางที่ท่านให้ไว้มี 4 ฐาน แต่ละคน
ก็ขึ้นฐานที่ตนถนัด แม้เริ่มต้นฐานเดียวกัน แต่ตลอดสายการปฏิบัตินั้น ไม่เหยียบรอยกัน ของใครของมัน

การรู้พระไตรปิฏก 84000 พระธรรมขันธ์ ถึงแม้ท่านจะอ่าน รู้ จนชำนาญ ทุกหน้า เพียงไรก็ตาม
นั่นมิได้หมายความว่า ท่านจะรอดพ้นจากวัฏฏะสงสารนี้ไปได้
พระอริยเจ้าในสมัยพุทธกาล ไม่ว่าชั้นใดๆ ท่านก็ไม่ได้รู้ตำรามากนักหลอก
เหล่าพระอริยเจ้าในสมัยนั้น ท่านเพียร ลงมือปฏิบัติ กันอย่างเอาจริงเอาจัง ตายเป็นตาย กันทั้งนั้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2014, 03:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เชิญทั้งสองท่าน คือทั้งคุณสองใจ กับ คุณน้อง บอกวิธีการปฏิบัติของตนๆแก่กรัชกายซึ่งได้วางตำราไว้หน้าประตูแล้ว และกำลังจะขอคำแนะนำภาคปฏิบัติกับทั้งสองหญิงเก่งขอรับ :b32: เอาแบบสุดยอด :b11: นะขอรับ กรัชกายจะได้เข้าถ้ำไปปฏิบัติ แบบๆว่า เข้าไปแล้วไม่บรรลุธรรมจะไม่ออกจากถ้ำไปหากิน :b1: ตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊งพี่น้อง :b32: เอ้าว่าไปครับ :b8:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2014, 08:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เชิญทั้งสองท่าน คือทั้งคุณสองใจ กับ คุณน้อง บอกวิธีการปฏิบัติของตนๆแก่กรัชกายซึ่งได้วางตำราไว้หน้าประตูแล้ว และกำลังจะขอคำแนะนำภาคปฏิบัติกับทั้งสองหญิงเก่งขอรับ :b32: เอาแบบสุดยอด :b11: นะขอรับ กรัชกายจะได้เข้าถ้ำไปปฏิบัติ แบบๆว่า เข้าไปแล้วไม่บรรลุธรรมจะไม่ออกจากถ้ำไปหากิน :b1: ตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊งพี่น้อง :b32: เอ้าว่าไปครับ :b8:

อย่างกรัชกาย ต่อให้ปฏิบัติที่ไหนๆอยู่บ้านเข้าป่าเข้าวัด ก็ไม่สามารถบรรลุธรรมได้หรอก คือพูดตรงไปตรงมานะเจ้าค่ะ จากใจ อิตากรัชกายมีวิบากกรรมคือเห็นคนอื่นดีกว่าตนไม่ได้ อดรนทนไม่ไหวเที่ยวกระแนะกระแหนเขา สร้างวิบากกรรมทางวาจาอยู่ร่ำไป วันไหนไม่ได้เที่ยวกระแนะกระแหนคนอื่นก็กินไม่ได้นอนไม่หลับ ตำราที่ศึกษามาก็ช่วยอะไรไม่ได้ ขาดศรัทราขาดความเลื่อมใส่ในผู้อื่น ไม่เคยสนใจที่จะศึกษาพระไตรปิฏกซึ่งเป็นคำสอนของพระพุทธองค์ แต่ชอบก๊อปพุทธรรมมาแปะ แล้วก็ยิ้มกรุ้มกริ่ม พอใครมีความคิดสวนทางกะตนก็ว่าเค้าไม่มีความรู้ไม่มีความเข้าใจในธรรม ว่าคนนั้นคนนี้ไม่เคยปฏิบัติว่ามีแต่จินตนาการ เดาสุ่มสี่สุ่มห้า เต็มไปด้วยมักขะในจิต แล้วยังบังอาจจะขอให้คุนน้องบอกวิธีการปฏิบัติ ทั้งที่เราก็เคยเอามาลงให้อ่าน อิตากรัชกายไม่ได้มีความบริสุทธิ์ใจต่อสหายธรรมผู้อื่น ปากก็บอกนั่งสมาธิเจอมาหมดแล้ว มันก็เรื่องปกติธรรมดา แต่ไม่เคยเอาสิ่งที่ตนฝึกฝนมาถ่ายทอดเป็นธรรมทานแก่ผู้อื่น ดีแต่ลองภูมิคนอื่นแล้วแขวะหัวเราะเยาะเขาในใจ ถ้าให้คุนน้องสอนภาคปฏิบัติให้เบื้องต้น ไม่มีอะไรมาก กรัชกายก็รักษาศีล5 เวลาว่างก็หมั่นไปทำบุญ ทำทาน ตักบาตร(ท่าจะให้ดีตื่นมาตักบาตรทุกวันและอธิฐานว่าขอให้ปฏิบัติธรรมแล้วเกิดปัญญาเห็นทางสว่างความมืดมนในจิตของข้าพเจ้าจงอย่าได้มี) หมั่นสวดมนต์สรรเสริญพระพุทธองค์ ขอขมาพระรัตนตรัย ทำทุกวัน จนเคยตัวเคยชินเคยจิตใจนะกรัชกาย ชาติหน้าจะได้มีปัญญาดี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2014, 08:40 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ม.ค. 2014, 08:17
โพสต์: 73

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เชิญทั้งสองท่าน คือทั้งคุณสองใจ กับ คุณน้อง บอกวิธีการปฏิบัติของตนๆแก่กรัชกายซึ่งได้วางตำราไว้หน้าประตูแล้ว และกำลังจะขอคำแนะนำภาคปฏิบัติกับทั้งสองหญิงเก่งขอรับ :b32: เอาแบบสุดยอด :b11: นะขอรับ กรัชกายจะได้เข้าถ้ำไปปฏิบัติ แบบๆว่า เข้าไปแล้วไม่บรรลุธรรมจะไม่ออกจากถ้ำไปหากิน :b1: ตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊งพี่น้อง :b32: เอ้าว่าไปครับ :b8:




ท่านกรัชกาย ท่านมิควรกล่าวกับ เราทั้งสองเช่นนี้

ท่านควรพิจารณา ข้อความที่เรา ได้กล่าวไว้แล้วนั้นอย่างแยบคายด้วยใจที่เป็นกลาง
ท่านจะพบได้ว่า เรา มิได้อวดตน ว่าเรามิได้ตั้งตนเป็นผู้ปฏิบัติ มิได้กล่าวว่าเราเก่งเหนือท่าน
อย่างที่ท่านได้กล่าวแล้วว่า เราเก่งนั้น มิสมควร

สิ่งที่เราเขียนไว้ มิได้แฝงด้วยความมีตัวมีตน แต่สิ่งที่เรากล่าว เป็นเพียงการเตือนสติท่านเท่านั้น
มิได้มีเจตนา จะทำให้ท่านรู้สึกขุ่นเคืองในจิตใจ

หากท่านได้มีความรู้สึกขุ่นเคืองเกิดขึ้นในจิตใจแล้ว ย่อมเป็นโทษภัยแก่จิตใจของท่านเอง
ที่ท่านกล่าวตามข้อความข้างต้นนั้น มิได้ทำให้เราโกรธท่านแม้แต่น้อย

แต่กลับทำให้เรารู้สึก สงสารท่านอย่างมาก ที่ท่านได้เกิดความรู้สึกขุ่นเคืองในใจเข้าเสียแล้ว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2014, 08:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เชิญทั้งสองท่าน คือทั้งคุณสองใจ กับ คุณน้อง บอกวิธีการปฏิบัติของตนๆแก่กรัชกายซึ่งได้วางตำราไว้หน้าประตูแล้ว และกำลังจะขอคำแนะนำภาคปฏิบัติกับทั้งสองหญิงเก่งขอรับ :b32: เอาแบบสุดยอด :b11: นะขอรับ กรัชกายจะได้เข้าถ้ำไปปฏิบัติ แบบๆว่า เข้าไปแล้วไม่บรรลุธรรมจะไม่ออกจากถ้ำไปหากิน :b1: ตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊งพี่น้อง :b32: เอ้าว่าไปครับ :b8:

อย่างกรัชกาย ต่อให้ปฏิบัติที่ไหนๆอยู่บ้านเข้าป่าเข้าวัด ก็ไม่สามารถบรรลุธรรมได้หรอก คือพูดตรงไปตรงมานะเจ้าค่ะ จากใจ อิตากรัชกายมีวิบากกรรมคือเห็นคนอื่นดีกว่าตนไม่ได้ อดรนทนไม่ไหวเที่ยวกระแนะกระแหนเขา สร้างวิบากกรรมทางวาจาอยู่ร่ำไป วันไหนไม่ได้เที่ยวกระแนะกระแหนคนอื่นก็กินไม่ได้นอนไม่หลับ ตำราที่ศึกษามาก็ช่วยอะไรไม่ได้ ขาดศรัทราขาดความเลื่อมใส่ในผู้อื่น ไม่เคยสนใจที่จะศึกษาพระไตรปิฏกซึ่งเป็นคำสอนของพระพุทธองค์ แต่ชอบก๊อปพุทธรรมมาแปะ แล้วก็ยิ้มกรุ้มกริ่ม พอใครมีความคิดสวนทางกะตนก็ว่าเค้าไม่มีความรู้ไม่มีความเข้าใจในธรรม ว่าคนนั้นคนนี้ไม่เคยปฏิบัติว่ามีแต่จินตนาการ เดาสุ่มสี่สุ่มห้า เต็มไปด้วยมักขะในจิต แล้วยังบังอาจจะขอให้คุนน้องบอกวิธีการปฏิบัติ ทั้งที่เราก็เคยเอามาลงให้อ่าน อิตากรัชกายไม่ได้มีความบริสุทธิ์ใจต่อสหายธรรมผู้อื่น ปากก็บอกนั่งสมาธิเจอมาหมดแล้ว มันก็เรื่องปกติธรรมดา แต่ไม่เคยเอาสิ่งที่ตนฝึกฝนมาถ่ายทอดเป็นธรรมทานแก่ผู้อื่น ดีแต่ลองภูมิคนอื่นแล้วแขวะหัวเราะเยาะเขาในใจ ถ้าให้คุนน้องสอนภาคปฏิบัติให้เบื้องต้น ไม่มีอะไรมาก กรัชกายก็รักษาศีล5 เวลาว่างก็หมั่นไปทำบุญ ทำทาน ตักบาตร(ท่าจะให้ดีตื่นมาตักบาตรทุกวันและอธิฐานว่าขอให้ปฏิบัติธรรมแล้วเกิดปัญญาเห็นทางสว่างความมืดมนในจิตของข้าพเจ้าจงอย่าได้มี) หมั่นสวดมนต์สรรเสริญพระพุทธองค์ ขอขมาพระรัตนตรัย ทำทุกวัน จนเคยตัวเคยชินเคยจิตใจนะกรัชกาย ชาติหน้าจะได้มีปัญญาดี



นอกเรื่องนอกประเด็นแระ ก็บอกให้เราวางหนังสือ เราก็วาง แล้วก็ขอเรียนรู้วิธีปฏิบัติ กลับประชดประชันฝันใฝ่ คิกๆๆ ก็บอกมาสิวิธีปฏิบัติน่าขอรับทำยังไง :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2014, 08:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สองใจ เขียน:
nongkong เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
nongkong เขียน:
asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กวักมือเรียกอโศกที่นี่ :b1:

smiley
กระทู้จงกรมต้องไปนั่งตอบหน้า PC.ถึงจะมันเพราะมีเรื่องต้องคุยกันยาวหน่อย ตอนนี้ใช้แทบเลท ไม่ดั่งใจเท่าไหร่ครับ

แต่เห็นมีผู้รู้มาตอบได้ดีมากๆหลายท่านแล้วนี่ครับ น่าจะเพียงพอแล้วนะคุณกรัชกาย หรือยังไม่จุใจอีก
:b12:

อโศกะก็สนองความอยากพี่กรัชกายหน่อยสิเจ้าค่ะ ถ้าอโศกะไม่ตอบ แกจะรู้สึกข้องใจจนกินไม่ได้นอนไม่หลับเลยนะเจ้าค่ะ เพราะแกทำหน้าที่อาจารย์สอนลูกศิษ :b32: นักปฏิบัติท่านไหนยังสอบไม่ผ่าน แกจะกวักมือเรียกมาตรวจสอบ :b32:

:b17:
ที่nongkong ย้อนถามกลับท่านกรัชกายนั้นเจ๋งอยู่แล้วอยากเห็นกรัชกายคุยตอบก่อน ไม่ใช่เลี่ยงบาลีไปรอบๆอยู่อย่างที่เห็น

อดใจรอสักนิดนะจ๊ะ ทรมาณกรัชกายเล่นๆซักพักก่อนน่าจะดีกว่า
:b13:



สำหรับกรัชกาย วิ่งจงกรมก็ได้ เดินจงกรมก็ได้ เพียงตามดูรู้ทันการเคลื่อนไหวการก้าวเท้าไปทั้งซ้าย-ขวา สลับไปสลับมา ไม่ว่าวิ่งหรือเดิน :b1: ความสำคัญมันอยู่ตรงนี้

สำหรับคุนน้องเดินปกติตามธรรมดาของมัน แต่รู้ตัวทุกขณะๆที่เดิน ไม่ตามดูรู้ทันเท้าซ้าย เท้าขวา แต่รู้ตัวทั่วพร้อมว่าเราเดินอยู่ เราเดินไปไหน กำลังเดินไปทำอะไร จุดมุ่งหมายในการเดินคือที่ไหน มีสติอยู่ปัจจุบันทุกขณะๆ แบบนี้ผิดไหม ไม่ถูกหลักปฏิบัติของการเดินจงกรมของพี่กรัชกายรึเปล่าเจ้าค่ะ :b13:



คุณน้องฝึกได้ดีแล้ว การรู้ตัวทั่วพร้อม เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี (แต่ต้องรู้ทั่วพร้อมจริงๆนะ)
การไปตามรู้เท้าซ้าย เท้าขวา ไม่ได้ช่วยอะไรหลอก จะบอกว่า รู้ซ้าย รู้ขวาเป็นการเจริญปัญญานั้น เข้าใจผิดกันมากทีเดียว เนื้อแท้ของการรู้กระทบซ้ายขวา มันไม่ได้ตื้นขนาดที่อ่านและเข้าใจกันอยู่นี้หลอก กรัชกายท่านลองวางตำราตรงหน้าท่านดูเถิด ท่านอ่านมามากแล้ว
ท่านลองออกมาดูของจริง ออกมาสัมผัสรสแห่งธรรมเถิด ตำราท่านเขียนไว้เป็นแนวทาง
แต่การปฏิบัติจริง มันไม่เหมือนตำราทุกกระเบียดนิ้วหลอก

พระพุทธองค์ท่านเคยว่า ผู้ปฏิบัติ ไม่เหยียบรอยกัน หมายถึง แนวทางที่ท่านให้ไว้มี 4 ฐาน แต่ละคน
ก็ขึ้นฐานที่ตนถนัด แม้เริ่มต้นฐานเดียวกัน แต่ตลอดสายการปฏิบัตินั้น ไม่เหยียบรอยกัน ของใครของมัน

การรู้พระไตรปิฏก 84000 พระธรรมขันธ์ ถึงแม้ท่านจะอ่าน รู้ จนชำนาญ ทุกหน้า เพียงไรก็ตาม
นั่นมิได้หมายความว่า ท่านจะรอดพ้นจากวัฏฏะสงสารนี้ไปได้
พระอริยเจ้าในสมัยพุทธกาล ไม่ว่าชั้นใดๆ ท่านก็ไม่ได้รู้ตำรามากนักหลอก
เหล่าพระอริยเจ้าในสมัยนั้น ท่านเพียร ลงมือปฏิบัติ กันอย่างเอาจริงเอาจัง ตายเป็นตาย กันทั้งนั้น



ก็นั่นไง คุณสองใจ บอกให้กรัชกายวางตำรา :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2014, 09:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หากต้องการสนทนาธรรมกับกรัชกายขอให้ตั้งสติให้ดีขอรับ อย่าได้หน้าลืมหลัง :b1: แล้วก็อย่าตีโพยตีพาย พึงก้มหน้าก้มตาพูดไปพร้อมหลักฐานมายืนยันทั้งภาคปริยัติและภาคปฏิบัติพร้อมตัวอย่าง กรับกายไม่ได้โกรธครับ หนุกดีด้วยซ้ำ คิกๆๆ

จริงนะขอรับ อย่าโกรธนะ สองใจแค่จินตนาการเอา อ่านๆแล้วก็คิดวาดภาพไป :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2014, 09:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณสองใจ


อ้างคำพูด:
วันนี้ ได้เดินจงกรมเห็นเทพนิมิตรเป็นพระพุทธเจ้า และสักพักเป็นในหลวง เป็นเพราะอะไรค่ะ


เขาถามเป็นเพราะอะไร

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2014, 09:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
nongkong เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เชิญทั้งสองท่าน คือทั้งคุณสองใจ กับ คุณน้อง บอกวิธีการปฏิบัติของตนๆแก่กรัชกายซึ่งได้วางตำราไว้หน้าประตูแล้ว และกำลังจะขอคำแนะนำภาคปฏิบัติกับทั้งสองหญิงเก่งขอรับ :b32: เอาแบบสุดยอด :b11: นะขอรับ กรัชกายจะได้เข้าถ้ำไปปฏิบัติ แบบๆว่า เข้าไปแล้วไม่บรรลุธรรมจะไม่ออกจากถ้ำไปหากิน :b1: ตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊งพี่น้อง :b32: เอ้าว่าไปครับ :b8:

อย่างกรัชกาย ต่อให้ปฏิบัติที่ไหนๆอยู่บ้านเข้าป่าเข้าวัด ก็ไม่สามารถบรรลุธรรมได้หรอก คือพูดตรงไปตรงมานะเจ้าค่ะ จากใจ อิตากรัชกายมีวิบากกรรมคือเห็นคนอื่นดีกว่าตนไม่ได้ อดรนทนไม่ไหวเที่ยวกระแนะกระแหนเขา สร้างวิบากกรรมทางวาจาอยู่ร่ำไป วันไหนไม่ได้เที่ยวกระแนะกระแหนคนอื่นก็กินไม่ได้นอนไม่หลับ ตำราที่ศึกษามาก็ช่วยอะไรไม่ได้ ขาดศรัทราขาดความเลื่อมใส่ในผู้อื่น ไม่เคยสนใจที่จะศึกษาพระไตรปิฏกซึ่งเป็นคำสอนของพระพุทธองค์ แต่ชอบก๊อปพุทธรรมมาแปะ แล้วก็ยิ้มกรุ้มกริ่ม พอใครมีความคิดสวนทางกะตนก็ว่าเค้าไม่มีความรู้ไม่มีความเข้าใจในธรรม ว่าคนนั้นคนนี้ไม่เคยปฏิบัติว่ามีแต่จินตนาการ เดาสุ่มสี่สุ่มห้า เต็มไปด้วยมักขะในจิต แล้วยังบังอาจจะขอให้คุนน้องบอกวิธีการปฏิบัติ ทั้งที่เราก็เคยเอามาลงให้อ่าน อิตากรัชกายไม่ได้มีความบริสุทธิ์ใจต่อสหายธรรมผู้อื่น ปากก็บอกนั่งสมาธิเจอมาหมดแล้ว มันก็เรื่องปกติธรรมดา แต่ไม่เคยเอาสิ่งที่ตนฝึกฝนมาถ่ายทอดเป็นธรรมทานแก่ผู้อื่น ดีแต่ลองภูมิคนอื่นแล้วแขวะหัวเราะเยาะเขาในใจ ถ้าให้คุนน้องสอนภาคปฏิบัติให้เบื้องต้น ไม่มีอะไรมาก กรัชกายก็รักษาศีล5 เวลาว่างก็หมั่นไปทำบุญ ทำทาน ตักบาตร(ท่าจะให้ดีตื่นมาตักบาตรทุกวันและอธิฐานว่าขอให้ปฏิบัติธรรมแล้วเกิดปัญญาเห็นทางสว่างความมืดมนในจิตของข้าพเจ้าจงอย่าได้มี) หมั่นสวดมนต์สรรเสริญพระพุทธองค์ ขอขมาพระรัตนตรัย ทำทุกวัน จนเคยตัวเคยชินเคยจิตใจนะกรัชกาย ชาติหน้าจะได้มีปัญญาดี



นอกเรื่องนอกประเด็นแระ ก็บอกให้เราวางหนังสือ เราก็วาง แล้วก็ขอเรียนรู้วิธีปฏิบัติ กลับประชดประชันฝันใฝ่ คิกๆๆ ก็บอกมาสิวิธีปฏิบัติน่าขอรับทำยังไง :b1:

เอ๋ากรัชกายนิให้บอกตลอดเลยเหมือนเด็กออทิสติก ฟังไรเข้าใจย๊ากกยาก :b14: บอกว่าเอาพื้นฐานไปก่อนไง ดำรงตนอยู่ในศีลป่าวกรัชกายถามจริง เด่วบอกเป็นทีละเสตปกะได้นะกรัชกายถ้าเข้าใจยาก :b32: ตื่นมาตักบารต จะใส่กล้วย ใส่ไข่ ใส่ข้าวเหนียว ใส่อะไรก็ใส่ ตักบาตรอ่ะทำเป็นไหม ทำด้วยจิตเลื่อมใสในคุนของพระสงห์อ่ะ หรือเกิดมาไม่เคยเลื่อมใสสิ่งใดในโลกนี้ เพราะท่านไม่ได้หุงหากินเองได้นะกรัชกาย กรัชกายทำทานเป็นไหม หรือทำไม่เป็น :b10: แล้วก็เจริญสติในชีวิตประจำวัน คือมีสติต่อธรรมตรงหน้า (อย่ามาถามนะว่าธรรมคืออะไรเด่วสับบักกอกให้ :b32: )บอกก็ได้เพื่อกรัชกายยังไม่มีปัญญาพอจะเข้าใจธรรมตรงหน้า ธรรมที่คุนน้องหมายถึงคือ สิ่งที่เป็นอยู่ตรงหน้ากรัชกายอ่ะ ความจริงของสิ่งเหล่านั้นน่ะ คือมีสติอยู่กับมัน สมมติยกตัวอย่าง กรัชกายทำกับข้าวให้ลูกกินให้พระมารดากิน นั่นแหละ ธรรมตรงหน้ากรัชกาย เจริญสติตรงธรรมข้างหน้านั่นน่ะนะ ทำกับข้าวให้ลูกให้แม่กินระวังอย่าใจลอยคิดถึงคุนน้องจนทอดไข่ไหม้น่ะเจ้าค่ะ :b32: แล้วต้องส่งลูกไปโรงเรียน กรัชกายก็ขับรถแบบมีสติระวังๆนะ อย่าฝ่าไฟแดง อย่าขับชนคนข้ามถนน อย่าขับรถปาดหน้าคันอื่น อย่าเผลอสบถด่าคนอื่นว่าขับรถไม่ระมัดระวังก็กำหนดรู้มันน่ะ ไม่สำรวมหนอๆๆ ปากเสียหนอๆๆ มีสติรู้ตัวทุกขณะๆนะ เวลาจิตกระเพื่อมมีคนด่าก็กำหนดรู้มันนะ โกรธหนอๆๆ โดนด่าหนอ เขาด่าเราทำไมหนอ ไม่เป็นไรหนอๆๆ เด่วก็หายหนอ ไม่เป็นไรหนอ ยังโกรธอยู่หนอ ทำไมหนอ กุยังไม่หายเลยหนอ ที่แท้กิเลศหนาแท้หนอ เลิกฟุ้งซ่านแล้วหนอ รู้ลมหายใจหนอ เอาสติมารู้อยู่ที่ฐานกายเพื่อระงับสังขารระงับความคิดปรุงแต่งซะนะกรัชกาย :b32: หรือมีคนชมจนรู้สึกยินดีในคำชมนั้นก็ รู้ชัดในเวทนานั้นขึ้น ก็กำหนดรู้มันว่า รู้สึกดีหนอ เขาชมว่าเราดีหนอ เราทำอะไรให้เขาเขาถึงมาชมเราหนอ เฮ้อเลิกหลงตัวเองเถอะหนอๆๆ แบบนี้ มีสติรู้เท่าทันสภาวะที่ปรากฏน่ะ เข้าใจไหมกรัชกายเจริญสติในชีวิตประจำวัน ถ้าว่างเว้นจากกิจไม่มีอะไรให้จิตให้สมาธิตั้งมั่นหมดการหมดงานแล้วก็ เจริญสติโดย กำหนดเอา รู้ลมหายใจเข้า รู้ลมหายใจออก เป้นการฝึกเจริญสติในชีวิตประจำวันเข้าใจไหมกรัชกาย นี่แหละคือการฝึกเจริญสติแบบคุนน้อง :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2014, 11:53 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ม.ค. 2014, 08:17
โพสต์: 73

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ท่านกรัชกาย น่าสงสารจังเลย.... ยากแล้วล่ะท่าน

มีแต่ภาระ


แก้ไขล่าสุดโดย สองใจ เมื่อ 25 พ.ค. 2014, 12:03, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 73 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร