วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 16:07  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 45 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ย. 2012, 11:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


พระพุทธเจ้าสอนให้เราอยู่เหนือกรรมได้นะ ถ้ามีปัญญา อะไรทำให้ท่านทุกข์ ดูทีละข้อ ถ้าเขาทำให้เราทุกข์ตัดที่เขา ถ้าเราทำให้เราทุกข์แก้ที่เรา ถ้าทั้งเขาและเราทำให้เราทุกข์ แก้ทั้งเขาทั้งเรา เรื่องของเรื่องมีอยู่เท่านี้ อย่างไรคนเราก็ต้องจากกันอยู่ดีไม่ในสภาพไหนสภาพหนึ่ง คิดดูดีๆ หรือจะทนทุกข์ก็เลือกเอา

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ย. 2012, 14:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


joomw1975 เขียน:
อยากจะบอกกับทุกท่านว่า.....สิ่งที่ดิฉันเข้ามาเล่าให้ฟังมันเป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็กๆ มันมีอะไรอีกมากมายที่ดิฉันพบเจอมา.....สิ่งทีดิฉันเล่าให้ฟังเบื้องต้น มันเป็นความจริงทุกประการไม่ได้แต่งเสริมเกินกว่าที่เกิดขึ้นจริงเลยแม้แต่น้อย แต่มันยังน้อยกว่าที่เกิดขึ้นจริงเสียอีก.....มันเป็นความรู้สึกหดหู่ใจ เหนื่อยใจ ทุข์ใจ ทรมารใจอย่างที่สุด.....จึงเข้ามาเว็ปนี้เพื่อขอคำปรึกษาเพื่อจะช่วยให้บรรเทาทุกข์ลงได้บ้าง......อย่างที่บอก "ดิฉัน ไม่เคย แม้แต่คิด นอกใจสามีเลย" นับตั้งแต่รู้จักกัน คบหาดูใจกัน จนแต่งงาน มีลูกด้วยกัน.....ดิฉันเคยบอกให้เขาพาดิฉันไปสาบานด้วยซ้ำ ดิฉันไม่กลัวเลย อยากจะพาไปสาบานที่ไหนก็เชิญ หาให้พอใจ สาบานให้ตายภายใน 3 วัน 7 วันก็ไม่กลัว รู้ตัวดีว่าตายไปก็ไม่ทางตกนรกไปรับเวรรับกรรมศีลข้อ 3 นี้แน่นอน....แต่เขาก็ไม่ยอม ดิฉันบอกแม้แต่ ผีสาง เทวดา ยังรู้ว่าดิฉันไม่เคยเป็นอย่างที่เขาคิดแม่แต่ครั้งเดียว......ดิฉันเคยบอกให้เขามาสืบหาความจริงที่บริษัทฯ เหมือนกันพนักงานมีร่วม 200 คนถ้าดิฉันเป็นอย่างที่เขาคิดคงไม่มีใครมาปิดบังความจริงให้ดิฉันหมดทั้ง 200 คนหรอก.....ดิฉันเลิกงานก็กลับบ้าน ไม่ทำ OT มีงานกินเลี้ยงสังสรรค์ ไม่ว่างานปีใหม่ งานเลี้ยงส่ง งานท่องเที่ยวประจำปี ดิฉันก็ไม่เคยไป......จนหัวหน้าหรือว่าเพื่อนร่วมงาน ตำหนิว่าดิฉันไม่มีสังคม ไม่ให้ความร่วมมือกับบริษัทฯ.....ดิฉัน ก็ไม่สนใจเพราะเขาไม่รู้ถ้าดิฉันอยู่หรือไปร่วมงานด้วย ดิฉันจะมีปัญหาต่างๆ ตามมามากมาย.....ดิฉันไปไหนมาไหนกับเขาตลอดตั้งแต่แต่งงานกัน ไม่เคยไมไหนมาคนเดียว.....ไม่เหมือนกับคู่สามีภรรยาของเพื่อนร่วมงาน....ซึ่งเขาสามารถแยกกันกัน มีความเป็นอิสระบ้าง.......แต่สำหรับดิฉันไม่มีเลย ยิ่งกว่าติดคุกเสียอีก......

สุดท้ายนี้ ดิฉันก็ยังยืนยันว่าสิ่งที่ดิฉันเล่ามาเป็นความจริงทุกประการ.....ไม่ได้เล่าเพื่อให้ใครมาสงสาร หรือเพื่อให้ใครมาตำหนิสามีดิฉัน.....เล่าเพื่อขอคำแนะนำเพื่อว่าจะมีใครที่มีปัญหาเหมือนดิฉันมาแนะนำว่าควรจะทำอย่างไรกับชีวิตของเราดี

แต่ตอนนี้เริ่มมีทางออกบ้างแล้ว..คือยอมรับเรื่องของกรรมเก่าเราอาจจะไปใส่ร้ายใครเขาหาว่าเขามีชู้.....ชาตินี้เจ้ากรรมนายเวรก็เลยทำให้เราได้รับความทุกข์บ้าง โดยการถูกใส่ร้ายว่ามีชู้จากสามีของเราเอง ซึ่งมันเป็นความเจ็บปวดยิ่งกว่าใครๆ ทั้งสิ้น

ปัญหามันอยู่ที่สามีคุณ ก่อนอื่นคุณต้องรู้ให้ได้สียก่อนว่า
ทำไมสามีคุณถึงคิดว่า คุณจะมีชู้ เรื่องทุกเรื่องมันต้องมีสาเหตุ
ดูซิว่าสามีคุณไม่ชอบให้คุณทำอะไร แต่คุณคิดว่าไม่เป็นไร
ผมว่ามันต้องมี ถ้าคุณหาให้ดี อย่างเช่นคุยกับผู้ชายแล้ว
บอกเป็นเพื่อน หรือแต่งตัวสวยเกินไป หรือแม้แต่การปฏิเสธ
เรื่องการมีเพศสัมพันธ์ บางทีเรื่องเล็กน้อยๆอย่านึกว่าไม่เป็นไร

เรื่องที่คุณเล่ามา เหมือนกับว่า สามีไม่ยอมรับฟังเหตุผล
ดังนั้นคุณไม่ต้องทำอะไรแล้วครับ ทำไปเขาก็หาว่าแก้ตัว
มันมีอยู่ทางเดียว ถ้าเขาไม่เชื่อใจและดูถูกเราขนาดนั้น
ต้องขออย่าครับ เลิกกันไปเลย ลองดูซิถ้าคุณขอเลิก
สามีคุณจะทำอย่างไร

ปัญหาว่าคุณจะทำได้มั้ย เรื่องแบบคุณไม่ใช่ว่าจะมีแต่คุณครับ
มีเยอะแยะไป ที่ยังเป็นทุกข์แล้วมาบ่นให้ชาวบ้านช่วยแก้ช่วยแนะนำ
แต่พอเขาแนะนำไปก็ทำไม่ได้ ทั้งๆที่มันทำง่ายนิดเดียว

เรื่องผัวเมียเนี่ย มันเข้าตำราเกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ย. 2012, 15:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.ย. 2012, 15:16
โพสต์: 18


 ข้อมูลส่วนตัว


joomw1975 เขียน:
อยากจะบอกกับทุกท่านว่า.....สิ่งที่ดิฉันเข้ามาเล่าให้ฟังมันเป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็กๆ มันมีอะไรอีกมากมายที่ดิฉันพบเจอมา.....สิ่งทีดิฉันเล่าให้ฟังเบื้องต้น มันเป็นความจริงทุกประการไม่ได้แต่งเสริมเกินกว่าที่เกิดขึ้นจริงเลยแม้แต่น้อย แต่มันยังน้อยกว่าที่เกิดขึ้นจริงเสียอีก.....มันเป็นความรู้สึกหดหู่ใจ เหนื่อยใจ ทุข์ใจ ทรมารใจอย่างที่สุด.....จึงเข้ามาเว็ปนี้เพื่อขอคำปรึกษาเพื่อจะช่วยให้บรรเทาทุกข์ลงได้บ้าง......อย่างที่บอก "ดิฉัน ไม่เคย แม้แต่คิด นอกใจสามีเลย" นับตั้งแต่รู้จักกัน คบหาดูใจกัน จนแต่งงาน มีลูกด้วยกัน.....ดิฉันเคยบอกให้เขาพาดิฉันไปสาบานด้วยซ้ำ ดิฉันไม่กลัวเลย อยากจะพาไปสาบานที่ไหนก็เชิญ หาให้พอใจ สาบานให้ตายภายใน 3 วัน 7 วันก็ไม่กลัว รู้ตัวดีว่าตายไปก็ไม่ทางตกนรกไปรับเวรรับกรรมศีลข้อ 3 นี้แน่นอน....แต่เขาก็ไม่ยอม ดิฉันบอกแม้แต่ ผีสาง เทวดา ยังรู้ว่าดิฉันไม่เคยเป็นอย่างที่เขาคิดแม่แต่ครั้งเดียว......ดิฉันเคยบอกให้เขามาสืบหาความจริงที่บริษัทฯ เหมือนกันพนักงานมีร่วม 200 คนถ้าดิฉันเป็นอย่างที่เขาคิดคงไม่มีใครมาปิดบังความจริงให้ดิฉันหมดทั้ง 200 คนหรอก.....ดิฉันเลิกงานก็กลับบ้าน ไม่ทำ OT มีงานกินเลี้ยงสังสรรค์ ไม่ว่างานปีใหม่ งานเลี้ยงส่ง งานท่องเที่ยวประจำปี ดิฉันก็ไม่เคยไป......จนหัวหน้าหรือว่าเพื่อนร่วมงาน ตำหนิว่าดิฉันไม่มีสังคม ไม่ให้ความร่วมมือกับบริษัทฯ.....ดิฉัน ก็ไม่สนใจเพราะเขาไม่รู้ถ้าดิฉันอยู่หรือไปร่วมงานด้วย ดิฉันจะมีปัญหาต่างๆ ตามมามากมาย.....ดิฉันไปไหนมาไหนกับเขาตลอดตั้งแต่แต่งงานกัน ไม่เคยไมไหนมาคนเดียว.....ไม่เหมือนกับคู่สามีภรรยาของเพื่อนร่วมงาน....ซึ่งเขาสามารถแยกกันกัน มีความเป็นอิสระบ้าง.......แต่สำหรับดิฉันไม่มีเลย ยิ่งกว่าติดคุกเสียอีก......

สุดท้ายนี้ ดิฉันก็ยังยืนยันว่าสิ่งที่ดิฉันเล่ามาเป็นความจริงทุกประการ.....ไม่ได้เล่าเพื่อให้ใครมาสงสาร หรือเพื่อให้ใครมาตำหนิสามีดิฉัน.....เล่าเพื่อขอคำแนะนำเพื่อว่าจะมีใครที่มีปัญหาเหมือนดิฉันมาแนะนำว่าควรจะทำอย่างไรกับชีวิตของเราดี

แต่ตอนนี้เริ่มมีทางออกบ้างแล้ว..คือยอมรับเรื่องของกรรมเก่าเราอาจจะไปใส่ร้ายใครเขาหาว่าเขามีชู้.....ชาตินี้เจ้ากรรมนายเวรก็เลยทำให้เราได้รับความทุกข์บ้าง โดยการถูกใส่ร้ายว่ามีชู้จากสามีของเราเอง ซึ่งมันเป็นความเจ็บปวดยิ่งกว่าใครๆ ทั้งสิ้น


เจ้าจุ๋มน้อยเอ๋ย เราจักบอกความจริงแก่เจ้าว่า มิมีความจำเป็นที่เจ้าจักต้องกังวลดอกว่าผู้ใดจักมองว่าเจ้าโพสต์แต่ความจริงหรือไม่ดอกหนา หากแม้นใจเจ้าบริสุทธ์แล้วไซร้จักต้องกังวลไปใยว่าจักมีผู้ใดครหา มีเพียงเจ้ารู้ ฟ้าดินเป็นพยานก็เพียงพอแล้วหนา หากแม้นผู้ใดครหาเจ้านั่นก็เป็นเรื่องธรรมดาอันเป็นอัตตาและวิสัยของผู้นั้น อันว่าสมองของมนุษย์นั้นคิดกันไปต่างๆนานา เรามิสามารถไปห้ามเขาได้ดอก ปล่อยให้เขาคิดเอาตามแต่ใจเขาเถิด เจ้ามิต้องนำข้อครหานั้นมาเป็นธุระให้ทุกข์ใจดอกหนา มันมิมีประโยชน์อันใดดอกเจ้าเอ๋ย

อันคำแนะนำของเจ้ากบนอกกะลานั้นแลหนาเป็นสิ่งดีงาม เป็นสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงวางแนวทางไว้ให้มนุษย์โลกได้นำไปปฏิบัติเพื่อการพ้นทุกข์ เจ้าจงรับไปพิจารณาดูเถิด จักเป็นประโยชน์ต่อเจ้ายิ่งนักแล หากเจ้ามีข้อข้องใจอันใดที่มิกระจ่างในเรื่องอริยสัจ4 ก็จงโปรดบอกกล่าวต่อกัลยาณมิตร ณ ที่แห่งนี้ให้ช่วยไขความกระจ่างต่อเจ้าเถิด

อันว่าตัวเราในเพลานี้นั้นมีกิจธุระต้องไปจัดแจง คงอยู่ช่วยเจ้ามิได้เต็มที่ดอกหนา หากเราเสร็จกิจลงเมื่อใดแล้วไซร้แม้นทุกข์ของเจ้ายังมิคลาย เราจักกลับมาช่วยบรรเทาทุกข์ให้เจ้าในเพลาต่อไป ขอเจ้าจงรักษากายใจให้พ้นจากบ่วงทุกข์เถิดหนา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ย. 2012, 03:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผู้มาโปรด เขียน:
เจ้าจุ๋มน้อยเอ๋ย เราจักบอกความจริงแก่เจ้าว่า มิมีความจำเป็นที่เจ้าจักต้องกังวลดอกว่าผู้ใดจักมองว่าเจ้าโพสต์แต่ความจริงหรือไม่ดอกหนา หากแม้นใจเจ้าบริสุทธ์แล้วไซร้จักต้องกังวลไปใยว่าจักมีผู้ใดครหา มีเพียงเจ้ารู้ ฟ้าดินเป็นพยานก็เพียงพอแล้วหนา หากแม้นผู้ใดครหาเจ้านั่นก็เป็นเรื่องธรรมดาอันเป็นอัตตาและวิสัยของผู้นั้น อันว่าสมองของมนุษย์นั้นคิดกันไปต่างๆนานา เรามิสามารถไปห้ามเขาได้ดอก ปล่อยให้เขาคิดเอาตามแต่ใจเขาเถิด เจ้ามิต้องนำข้อครหานั้นมาเป็นธุระให้ทุกข์ใจดอกหนา มันมิมีประโยชน์อันใดดอกเจ้าเอ๋ย

ไม่มีใครไป ครหาใครดอกหนา เพียงแต่แม่หญิงจุมโพ นางยังไม่เห็นเหตุที่แท้จริง
นางไม่คิดที่จะแก้ความทุกข์ทางใจด้วยตัวนางเอง นางกำลังหลงว่า คนอื่นจะช่วยแก้
ความทุกข์ทางใจให้กับนางได้

อันที่จริงแม่นางจุมโพ ก็รู้ว่าจะแก้อย่างไร เพียงแต่นางไม่มีใจกล้าพอที่จะกระทำ
เลยต้องอาศัย การเข้ามาสนทนาหาเพื่อนคุย เพื่อให้ลืมทุกข์ แต่ในใจก็รู้ดีว่า
มันลืมได้ชั่วคราว เอาเป็นว่า มันหลงทั้งคนสอนและคนที่มาปรึกษา
ผู้มาโปรด เขียน:
อันคำแนะนำของเจ้ากบนอกกะลานั้นแลหนาเป็นสิ่งดีงาม เป็นสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงวางแนวทางไว้ให้มนุษย์โลกได้นำไปปฏิบัติเพื่อการพ้นทุกข์ เจ้าจงรับไปพิจารณาดูเถิด จักเป็นประโยชน์ต่อเจ้ายิ่งนักแล หากเจ้ามีข้อข้องใจอันใดที่มิกระจ่างในเรื่องอริยสัจ4 ก็จงโปรดบอกกล่าวต่อกัลยาณมิตร ณ ที่แห่งนี้ให้ช่วยไขความกระจ่างต่อเจ้าเถิด

พระพุทธเจ้า ไม่ใช่ศิราณีที่คอยแก้ปัญหาผัวเมีย อริยสัจจ์สี่เป็นธรรมขั้นสูง
ใช้สำหรับการพ้นทุกข์ทางโลก ซึ่งเป็น โลกุตตระ
อริยสัจจ์ไม่ใช่วิธีหรือตำราทำให้ผัวเมียคืนดีกัน

สิ่งแรกที่แม่นางจุมโพ สมควรทำก็คือ เอาแบบอย่างนางวิสาขา
นั้นก็คือ "การไม่นำไฟในออก การไม่นำไฟนอกเข้า" หมั่นทำให้ได้อย่าง
เสมอต้นเสมอปลาย ทุกข์เรื่องผัวเมียก็จะไม่เกิด หรือถ้าเกิดแล้วก็จะลดน้อยลง

ปัญหาตัวเองแท้ตัวเองย่อมรู้ดีกว่าใคร
ดันเอามาถามคนอื่น คนอื่นบางคนก็ทำเป็นรู้ดี สงสัยแอบไปเจาะฝาบ้าน
คอยแอบดูว่าเขาทำอะไรกันบ้าง :b32:

ผู้มาโปรด เขียน:
อันว่าตัวเราในเพลานี้นั้นมีกิจธุระต้องไปจัดแจง คงอยู่ช่วยเจ้ามิได้เต็มที่ดอกหนา หากเราเสร็จกิจลงเมื่อใดแล้วไซร้แม้นทุกข์ของเจ้ายังมิคลาย เราจักกลับมาช่วยบรรเทาทุกข์ให้เจ้าในเพลาต่อไป ขอเจ้าจงรักษากายใจให้พ้นจากบ่วงทุกข์เถิดหนา

ท่านมัวกินเครื่องเซ่นเพลินแบบนี้ ปะเดี๋ยวยมฑูตเจอเข้าก็จะโดนมิใช่น้อย
รีบกลับมาทางไหนไปทางนั้น รอให้เทศกาลเดือนสิบหรือเทศกาลกินเจแล้วค่อยมาใหม่
แต่รอให้เขาจุดธูปเอ่ยชื่อ...จันทโครพก่อนน่ะ ไม่ใช่เห็นเครื่องเซ่นก็รีบใส่ปาก
เดี๋ยวปากพองไม่รู้ด้วยน่ะ :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ย. 2012, 22:19 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ธ.ค. 2011, 16:32
โพสต์: 324


 ข้อมูลส่วนตัว


พี่ๆหลายๆท่านก็ได้ให้คำแนะนำที่ดีกันทุกคน ผมก็ขออนุญาติแบ่งบันบ้างสักเล็กน้อยนะครับ เริ่มจากก่อนอื่นเลยคือ
1. ต้องหยุดการทะเลาะกันก่อน...ขอให้พี่พยายามหยุดการมีปากเสียงโดยใช้ขันติ ความอดทน ถือคติว่า ตบมือข้างเดียวไม่ดัง...ไม่ว่าสามีจะพูดจะกล่าวว่าร้ายแค่ไหนขอให้พี่อย่าได้ตอบโต้กลับไปด้วยอารมณ์โกรธหรือด้วยคำพูดรุนแรง ประชดประชัน...ไม่ว่ายังไงก็ขอให้พี่อย่าไปรับลูกทะเลาะกับสามี ถ้าสามีเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ถ้าอีกฝ่ายเป็นไฟพี่ต้องเป็นน้ำหรืออย่างน้อยที่สุดก็ขอให้อย่าเป็นเชื้อไฟที่ไปโหมไฟให้รุนแรงขึ้น อันนี้เป็นสิ่งที่พี่ต้องพยายามทำให้ได้ก่อน คือต้องหยุดการทะเลาะระหว่างพี่กับสามี โดยไม่จำเป็นต้องไปหาเหตุผลเพื่อหยุดเลยครับ
2. เมื่อทำข้อแรกได้แล้ว ต่อมาผมอยากให้พี่เป็นฝ่ายให้ก่อนเลยนะครับ อาจจะเริ่มที่การพูดขอโทษเค้าที่ทะเลาะที่พูดไม่ดีต่อกันหรือที่ทำให้สามีไม่สบายใจ ถึงแม้พี่จะไม่รู้ว่าพี่ผิดอะไร แต่ก็ขอให้พี่เป็นฝ่ายให้อภัยสามีก่อน และขอให้พี่พยายามเป็นฝ่ายให้โดยไม่ต้องสนใจหรือคาดหวังกับผลหรือปฏิกริยาตอบรับของสามีว่าจะต้องซาบซึ้งหรือดีขึ้น พี่แต่งงานกันมานานน่าจะรู้ว่าสามีชอบอะไรบ้างไม่ชอบอะไรบ้าง ให้พี่พยายามทำเพื่อสามีครับ โดยไม่ต้องหวังว่าเค้าจะทำกลับให้พี่บ้าง หรือพูดง่ายๆคือเอาใจสามีให้มากๆ ถ้ามีเรื่องอะไรหรือสิ่งไหนที่พี่กับสามีชอบเหมือนกันหรือไปทำด้วยกันได้ก็ให้ใช้เรื่องนั้นเป็นจุดเริ่มต้นนั่นแหละครับ ทำเรื่อยๆทำด้วยใจจริง ทุกสิ่งย่อมดีขึ้นครับ
3. วันสำคัญของอีกฝ่ายต้องไม่ลืม คำบางคำถึงดูเลี่ยนแต่ให้ลองเริ่มพูดมันอีกครั้งดูนะครับ การกอดเค้าบ้างไม่ว่าจะตอนนอนหรือตอนอื่นๆก็จะช่วยให้อีกฝ่ายรู้สึกดีได้ วันครอบครัวให้พยายามหาไว้เพื่อไปเที่ยวกันพร้อมหน้าสร้างความสัมพันธ์ให้อบอุ่นครับ
4. ทั้งหมดที่ว่ามาต้องอยู่ในเงื่อนไขที่ว่า ตัวพี่เองยังรู้สึกรักสามีและต้องการอยู่กับสามีและลูกๆอย่างอบอุ่นนะครับ เพราะทั้งสามข้อที่ว่ามา ต้องอาศัยสิ่งสำคัญที่สุดคือ ความรู้สึกที่จริงใจ ครับ ขอให้เอาความดีชนะใจสามีพี่นะครับ
ปล.ที่บอกให้พี่หยุดทะเลาะโดยไม่ต้องไปหาเหตุผลเพราะเมื่อถึงวันที่ทุกอย่างดีขึ้นพี่กับสามีจะรู้ว่าที่ทะเลาะกันมันไม่มีเหตุผลเหมือนกัน
ขอให้ปัญหาทุกอย่างคลี่คลายลงได้ด้วยดีนะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2012, 15:34 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.ย. 2012, 15:17
โพสต์: 7


 ข้อมูลส่วนตัว


ลูกพระป่า เขียน:
พี่ๆหลายๆท่านก็ได้ให้คำแนะนำที่ดีกันทุกคน ผมก็ขออนุญาติแบ่งบันบ้างสักเล็กน้อยนะครับ เริ่มจากก่อนอื่นเลยคือ
1. ต้องหยุดการทะเลาะกันก่อน...ขอให้พี่พยายามหยุดการมีปากเสียงโดยใช้ขันติ ความอดทน ถือคติว่า ตบมือข้างเดียวไม่ดัง...ไม่ว่าสามีจะพูดจะกล่าวว่าร้ายแค่ไหนขอให้พี่อย่าได้ตอบโต้กลับไปด้วยอารมณ์โกรธหรือด้วยคำพูดรุนแรง ประชดประชัน...ไม่ว่ายังไงก็ขอให้พี่อย่าไปรับลูกทะเลาะกับสามี ถ้าสามีเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ถ้าอีกฝ่ายเป็นไฟพี่ต้องเป็นน้ำหรืออย่างน้อยที่สุดก็ขอให้อย่าเป็นเชื้อไฟที่ไปโหมไฟให้รุนแรงขึ้น อันนี้เป็นสิ่งที่พี่ต้องพยายามทำให้ได้ก่อน คือต้องหยุดการทะเลาะระหว่างพี่กับสามี โดยไม่จำเป็นต้องไปหาเหตุผลเพื่อหยุดเลยครับ
2. เมื่อทำข้อแรกได้แล้ว ต่อมาผมอยากให้พี่เป็นฝ่ายให้ก่อนเลยนะครับ อาจจะเริ่มที่การพูดขอโทษเค้าที่ทะเลาะที่พูดไม่ดีต่อกันหรือที่ทำให้สามีไม่สบายใจ ถึงแม้พี่จะไม่รู้ว่าพี่ผิดอะไร แต่ก็ขอให้พี่เป็นฝ่ายให้อภัยสามีก่อน และขอให้พี่พยายามเป็นฝ่ายให้โดยไม่ต้องสนใจหรือคาดหวังกับผลหรือปฏิกริยาตอบรับของสามีว่าจะต้องซาบซึ้งหรือดีขึ้น พี่แต่งงานกันมานานน่าจะรู้ว่าสามีชอบอะไรบ้างไม่ชอบอะไรบ้าง ให้พี่พยายามทำเพื่อสามีครับ โดยไม่ต้องหวังว่าเค้าจะทำกลับให้พี่บ้าง หรือพูดง่ายๆคือเอาใจสามีให้มากๆ ถ้ามีเรื่องอะไรหรือสิ่งไหนที่พี่กับสามีชอบเหมือนกันหรือไปทำด้วยกันได้ก็ให้ใช้เรื่องนั้นเป็นจุดเริ่มต้นนั่นแหละครับ ทำเรื่อยๆทำด้วยใจจริง ทุกสิ่งย่อมดีขึ้นครับ
3. วันสำคัญของอีกฝ่ายต้องไม่ลืม คำบางคำถึงดูเลี่ยนแต่ให้ลองเริ่มพูดมันอีกครั้งดูนะครับ การกอดเค้าบ้างไม่ว่าจะตอนนอนหรือตอนอื่นๆก็จะช่วยให้อีกฝ่ายรู้สึกดีได้ วันครอบครัวให้พยายามหาไว้เพื่อไปเที่ยวกันพร้อมหน้าสร้างความสัมพันธ์ให้อบอุ่นครับ
4. ทั้งหมดที่ว่ามาต้องอยู่ในเงื่อนไขที่ว่า ตัวพี่เองยังรู้สึกรักสามีและต้องการอยู่กับสามีและลูกๆอย่างอบอุ่นนะครับ เพราะทั้งสามข้อที่ว่ามา ต้องอาศัยสิ่งสำคัญที่สุดคือ ความรู้สึกที่จริงใจ ครับ ขอให้เอาความดีชนะใจสามีพี่นะครับ
ปล.ที่บอกให้พี่หยุดทะเลาะโดยไม่ต้องไปหาเหตุผลเพราะเมื่อถึงวันที่ทุกอย่างดีขึ้นพี่กับสามีจะรู้ว่าที่ทะเลาะกันมันไม่มีเหตุผลเหมือนกัน
ขอให้ปัญหาทุกอย่างคลี่คลายลงได้ด้วยดีนะครับ



ขอบคุณมากค่ะสำหรับคำแนะนำดีๆ เป็นคำแนะนำที่เข้าใจง่าย......แต่อาจจะทำยาก แต่ดิฉันก็จะพยายามทำให้ได้ค่ะ

ทุกวันนี้ดิฉันก็พยายามไม่ตอบโต้เขา พยายามอดทนฟังเขาพูด พูดดีบ้าง พูดไม่ดีบ้าง ส่วนใหญ่จะพูดคำหยาบคาย .....สาเหตุที่เป็นแบบนี้ก็เป็นเพราะว่าสามีดิฉันเขาติดเบียร์ ต้องดื่มเบียร์ตอนเย็นทุกวัน วันละขวด (หยุดวันอาทิตย์) พอเริ่มดื่มเขาก็จะเริ่มพูดเยอะส่วนใหญ่ก็จะพูดไม่ดี.....เริ่มหาเรื่องดิฉัน ....และสุดท้ายดิฉันก็ทนไม่ไหว....เหมือนกับว่ายิ่งเราเงียบเขาก็ยิ่งพูดเยอะ อาจจะเริ่มเมา.....พูดจนเราทนไม่ไหวก็มีการตอบโต้ไปจนทะเลาะกันเกือบทุกวัน....ดิฉันก็บอกเขาว่าเวลาไม่กินเบียร์ไม่เห็นจะพูดอะไรขนาดนี้เลย พอเริ่มกินเบียร์ก็เริ่มเอานั่นเอานี่มาพูด เขาก็บอกว่าเขาไม่เมา

ดิฉันกับสามีทะเลาะกันเกือบทุกวัน เมื่อวานก็ยังทะเลาะกันต่อหน้าลูกเหมือนเดิม ไม่รู้อะไรกันนักหนา.....
แต่วันนี้ดิฉันจะเริ่มต้นใหม่....ทำตามคำแนะนำที่.....พี่ๆ น้องๆ เพื่อน แนะนำ.....บางท่านอาจจะตำหนิดิฉันบ้างที่เอาเรื่องในครอบครัวมาเล่าให้ชาวบ้านเขาฟัง ก็ไม่เป็นไรค่ะ เพราะคนเราถ้ามันหาทางออกให้ตัวเองไม่ได้ มันก็ต้องให้คนอื่นเขาช่วยคิดบ้าง อาจจะมีทางออกที่ดีกว่าคนที่มีปัญหาที่มืดแปดด้านจริงๆ....


แก้ไขล่าสุดโดย joomw1975 เมื่อ 27 ก.ย. 2012, 15:54, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2012, 15:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


joomw1975 เขียน:
ขอบคุณมากค่ะสำหรับคำแนะนำดีๆ เป็นคำแนะนำที่เข้าใจง่าย......แต่อาจจะทำยาก แต่ดิฉันก็จะพยายามทำให้ได้ค่ะ

ทุกวันนี้ดิฉันก็พยายามไม่ตอบโต้เขา พยายามอดทนฟังเขาพูด พูดดีบ้าง พูดไม่ดีบ้าง ส่วนใหญ่จะพูดคำหยาบคาย .....สาเหตุที่เป็นแบบนี้ก็เป็นเพราะว่าสามีดิฉันเขาติดเบียร์ ต้องดื่มเบียร์ตอนเย็นทุกวัน วันละขวด (หยุดวันอาทิตย์) พอเริ่มดื่มเขาก็จะเริ่มพูดเยอะส่วนใหญ่ก็จะพูดไม่ดี.....เริ่มหาเรื่องดิฉัน ....และสุดท้ายดิฉันก็ทนไม่ไหว....เหมือนกับว่ายิ่งเราเงียบเขาก็ยิ่งพูดเยอะ อาจจะเริ่มเมา.....พูดจนเราทนไม่ไหวก็มีการตอบโต้ไปจนทะเลาะกันเกือบทุกวัน....ดิฉันก็บอกเขาว่าเวลาไม่กินเบียร์ไม่เห็นจะพูดอะไรขนาดนี้เลย พอเริ่มกินเบียร์ก็เริ่มเอานั่นเอานี่มาพูด เขาก็บอกว่าเขาไม่เมา

ดิฉันกับสามีทะเลาะกันเกือบทุกวัน เมื่อวานก็ยังทะเลาะกันต่อหน้าลูกเหมือนเดิม ไม่รู้อะไรกันนักหนา.....
แต่วันนี้ดิฉันจะเริ่มต้นใหม่....ทำตามคำแนะนำที่.....พี่ๆ น้องๆ เพื่อน แนะนำ.....บางท่านอาจจะตำหนิดิฉันบ้างที่เอาเรื่องในครอบครัวมาเล่าให้ชาวบ้านเขาฟัง ก็ไม่เป็นไรค่ะ เพราะคนเราถ้ามันหาทางออกให้ตัวเองไม่ได้ มันก็ต้องให้คนอื่นเขาช่วยคิดบ้าง อาจจะมีทางออกที่ดีกว่าคนที่มีปัญหาที่มืดแปดด้านจริงๆ....

ผมอยากให้คุณเห็นคนที่ผมแนะนำให้เขาเลิกกับสามีเขาจังเลย ตอนนี้เขามีความสุขมาก มีชีวิตใหม่ได้เริ่มกับสิ่งใหม่ๆ เปลี่ยนความคิดชีวิตเปลี่ยนนะครับผมพูดได้แค่นี้เดี๋ยวจะหาว่ามายุให้เขาแตกแยกกัน เห็นว่าไม่มีความสุขนะถึงบอก เพราะผมก็ไม่นิยมความแตกแยกหรอก แต่ครอบครัวต้องบริหารให้มีความสุขได้ เพราะมันเป้นเรื่องของคนที่มีความรู้ความเข้าใจได้ ถ้าบริหารไม่ได้แสดงว่ามันต้องมีเหตุปัจจัยอื่นจริงๆเช่นกรรมเก่า ถ้าทนอยู่ได้ก็อยู่ไปเดี๋ยวก็ตายจากกันแล้วคนเรา แต่ถ้าต้องการเปลี่ยนแปลงจริงๆ ลองแยกกันอยู่สักพักก็ได้พูดกันดีๆ คนเราเมื่ออยู่ไกลกันก็จะรักและคิดถึงกัน ลองดูถ้าไม่ดีขึ้นมีทางดียว ต่างคนต่างเดินจบเรื่อง

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2012, 17:34 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


บิกทู....เข้าถึงธรรมประเภทไหนกัน...ถึงย้ำแต่ให้เขาเลิกกัน....

ว่าจะไม่พูดแล้วเชียว....เห็นย้ำบ๋อย ๆ...เลยอดไม่ได้...อิอิ...

ผิดศีลธรรม...นะครับ...ที่ยุยงให้ใครต่อใคร...เลิกกัน...ไม่ว่าจะหวังดีก้อตาม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2012, 17:49 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เพราะอะไร...รู้มั้ย?


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2012, 17:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
เพราะอะไร...รู้มั้ย?
555 พีกบคงเป็นโสดนะครับ เลยไม่รู้ถึงความทุกข์ของคนที่เขามีครอบครัวแล้วมันไม่มีความสุขดังใจปรารถนามันป็นอย่างไร มนุษย์เราก็อย่างนี้แหล่ะครับ อยากมีกันนัก พอมีแล้วก็ไม่เข้าใจ ผมก็หาทางออกแบบง่ายๆสบายๆจบ ไม่ต้องคิดมากหรอกพี่ ธรรมะจัดสรรครับ ผมชี้ทางให้ก็เท่านั้นถ้าคิดเป็น มันอยู่ได้ทั้งสองสถานะครับ มันไม่มีอะไรดีไปกว่าอะไรหรอก มันวนไปวนมาอย่างนี้แหล่ะ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2012, 18:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าเป็นชาวพุทธ ก็ต้องเชื่อกรรม เชื่อว่า ทุกอย่างเกิดจากเหตุ

ผลที่ตนได้รับอยู่ในขณะนี้ ย่อมเกิดจากเหตุแน่นอน ไม่ใช่เหตุที่ทำในชาตินี้
แต่เป็นเหตุที่เราทำไว้ เมื่ออดีตชาตินานมาแล้ว

เหมือนคนมีหนี้ ต้องใช้หนี้เมื่อถึงเวลาหรือเมื่อเจ้าหนี้มาทวงถาม
คิดได้อย่างนี้ ก็ต้องโทษกรรม โทษตัวเรานี่แหละ ที่ทำเหตุไม่ดีไว้


การใช้หนี้ย่อมมีวันหมด อดทนเอา เพราะเราเป็นผู้สร้างเอง
อย่าไปสร้างหนี้ใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกก็แล้วกัน ..


:b1:

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2012, 21:49 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
เพราะอะไร...รู้มั้ย?
555 พีกบคงเป็นโสดนะครับ เลยไม่รู้ถึงความทุกข์ของคนที่เขามีครอบครัวแล้วมันไม่มีความสุขดังใจปรารถนามันป็นอย่างไร มนุษย์เราก็อย่างนี้แหล่ะครับ อยากมีกันนัก พอมีแล้วก็ไม่เข้าใจ ผมก็หาทางออกแบบง่ายๆสบายๆจบ ไม่ต้องคิดมากหรอกพี่ ธรรมะจัดสรรครับ ผมชี้ทางให้ก็เท่านั้นถ้าคิดเป็น มันอยู่ได้ทั้งสองสถานะครับ มันไม่มีอะไรดีไปกว่าอะไรหรอก มันวนไปวนมาอย่างนี้แหล่ะ

:b7: :b7:
เพราะ.....เราไม่รู้อดีต

เพราะ.....เราไม่รู้อนาคต

ปัจจุบัน...จึงทำตามแต่ตัญหา...และ..อุปาทาน.....มันถึงยุ่ง....ไม่เลิก

ยุยงให้ใครเลิกกัน....คือทำตามตัญหา....ไม่ได้แก้ที่เหตุปัจจัย...จึงไม่ใช่คำแนะนำของพุทธบุตร

ต้องทำตามธรรม...ครับ....ความยุ่งเยิงถึงจะลดลงได้...

ควรจะบอกเขาไป...ว่า...ให้ทำใจเข้ามาอยู่ในส่วนของกุศล....เช่น..ให้ทำบุญสุญทาน...รักษาศีล...ปฏิบัติภาวนา...อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้แก่เจ้ากรรมนายเวร....แผ่ส่วนบุญส่วนกุศลให้สามี...ขอให้เขามีความสุข...ความสุข...หากนี้เป็นกรรมเก่าก็ยอมรับใช้กรรม...และ..อโหสิให้สามี....เพราะเข้าใจพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ที่บอกว่า...ไม่มีอะไรไม่เกิดจากเหตุ....เหตุนั้นเป็นเราทำเองทั้งนั้น...เราถึงมาบำเพ็ญทานการกุศล...สร้างบุญบารมีให้เกิดกับใจเรา...เอาไปใช้หนี้เก่า...และ...สะสมความดีใว้ไม่ให้ต้องไปทุกข์เพราะทำกรรมไม่ดีอีก...

อิอิ....


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2012, 22:27 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


joomw1975 เขียน:
ลูกพระป่า เขียน:
พี่ๆหลายๆท่านก็ได้ให้คำแนะนำที่ดีกันทุกคน ผมก็ขออนุญาติแบ่งบันบ้างสักเล็กน้อยนะครับ เริ่มจากก่อนอื่นเลยคือ
1. ต้องหยุดการทะเลาะกันก่อน...ขอให้พี่พยายามหยุดการมีปากเสียงโดยใช้ขันติ ความอดทน ถือคติว่า ตบมือข้างเดียวไม่ดัง...ไม่ว่าสามีจะพูดจะกล่าวว่าร้ายแค่ไหนขอให้พี่อย่าได้ตอบโต้กลับไปด้วยอารมณ์โกรธหรือด้วยคำพูดรุนแรง ประชดประชัน...ไม่ว่ายังไงก็ขอให้พี่อย่าไปรับลูกทะเลาะกับสามี ถ้าสามีเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ถ้าอีกฝ่ายเป็นไฟพี่ต้องเป็นน้ำหรืออย่างน้อยที่สุดก็ขอให้อย่าเป็นเชื้อไฟที่ไปโหมไฟให้รุนแรงขึ้น อันนี้เป็นสิ่งที่พี่ต้องพยายามทำให้ได้ก่อน คือต้องหยุดการทะเลาะระหว่างพี่กับสามี โดยไม่จำเป็นต้องไปหาเหตุผลเพื่อหยุดเลยครับ
2. เมื่อทำข้อแรกได้แล้ว ต่อมาผมอยากให้พี่เป็นฝ่ายให้ก่อนเลยนะครับ อาจจะเริ่มที่การพูดขอโทษเค้าที่ทะเลาะที่พูดไม่ดีต่อกันหรือที่ทำให้สามีไม่สบายใจ ถึงแม้พี่จะไม่รู้ว่าพี่ผิดอะไร แต่ก็ขอให้พี่เป็นฝ่ายให้อภัยสามีก่อน และขอให้พี่พยายามเป็นฝ่ายให้โดยไม่ต้องสนใจหรือคาดหวังกับผลหรือปฏิกริยาตอบรับของสามีว่าจะต้องซาบซึ้งหรือดีขึ้น พี่แต่งงานกันมานานน่าจะรู้ว่าสามีชอบอะไรบ้างไม่ชอบอะไรบ้าง ให้พี่พยายามทำเพื่อสามีครับ โดยไม่ต้องหวังว่าเค้าจะทำกลับให้พี่บ้าง หรือพูดง่ายๆคือเอาใจสามีให้มากๆ ถ้ามีเรื่องอะไรหรือสิ่งไหนที่พี่กับสามีชอบเหมือนกันหรือไปทำด้วยกันได้ก็ให้ใช้เรื่องนั้นเป็นจุดเริ่มต้นนั่นแหละครับ ทำเรื่อยๆทำด้วยใจจริง ทุกสิ่งย่อมดีขึ้นครับ
3. วันสำคัญของอีกฝ่ายต้องไม่ลืม คำบางคำถึงดูเลี่ยนแต่ให้ลองเริ่มพูดมันอีกครั้งดูนะครับ การกอดเค้าบ้างไม่ว่าจะตอนนอนหรือตอนอื่นๆก็จะช่วยให้อีกฝ่ายรู้สึกดีได้ วันครอบครัวให้พยายามหาไว้เพื่อไปเที่ยวกันพร้อมหน้าสร้างความสัมพันธ์ให้อบอุ่นครับ
4. ทั้งหมดที่ว่ามาต้องอยู่ในเงื่อนไขที่ว่า ตัวพี่เองยังรู้สึกรักสามีและต้องการอยู่กับสามีและลูกๆอย่างอบอุ่นนะครับ เพราะทั้งสามข้อที่ว่ามา ต้องอาศัยสิ่งสำคัญที่สุดคือ ความรู้สึกที่จริงใจ ครับ ขอให้เอาความดีชนะใจสามีพี่นะครับ
ปล.ที่บอกให้พี่หยุดทะเลาะโดยไม่ต้องไปหาเหตุผลเพราะเมื่อถึงวันที่ทุกอย่างดีขึ้นพี่กับสามีจะรู้ว่าที่ทะเลาะกันมันไม่มีเหตุผลเหมือนกัน
ขอให้ปัญหาทุกอย่างคลี่คลายลงได้ด้วยดีนะครับ



ขอบคุณมากค่ะสำหรับคำแนะนำดีๆ เป็นคำแนะนำที่เข้าใจง่าย......แต่อาจจะทำยาก แต่ดิฉันก็จะพยายามทำให้ได้ค่ะ

ทุกวันนี้ดิฉันก็พยายามไม่ตอบโต้เขา พยายามอดทนฟังเขาพูด พูดดีบ้าง พูดไม่ดีบ้าง ส่วนใหญ่จะพูดคำหยาบคาย .....สาเหตุที่เป็นแบบนี้ก็เป็นเพราะว่าสามีดิฉันเขาติดเบียร์ ต้องดื่มเบียร์ตอนเย็นทุกวัน วันละขวด (หยุดวันอาทิตย์) พอเริ่มดื่มเขาก็จะเริ่มพูดเยอะส่วนใหญ่ก็จะพูดไม่ดี.....เริ่มหาเรื่องดิฉัน ....และสุดท้ายดิฉันก็ทนไม่ไหว....เหมือนกับว่ายิ่งเราเงียบเขาก็ยิ่งพูดเยอะ อาจจะเริ่มเมา.....พูดจนเราทนไม่ไหวก็มีการตอบโต้ไปจนทะเลาะกันเกือบทุกวัน....ดิฉันก็บอกเขาว่าเวลาไม่กินเบียร์ไม่เห็นจะพูดอะไรขนาดนี้เลย พอเริ่มกินเบียร์ก็เริ่มเอานั่นเอานี่มาพูด เขาก็บอกว่าเขาไม่เมา

ดิฉันกับสามีทะเลาะกันเกือบทุกวัน เมื่อวานก็ยังทะเลาะกันต่อหน้าลูกเหมือนเดิม ไม่รู้อะไรกันนักหนา.....
แต่วันนี้ดิฉันจะเริ่มต้นใหม่....ทำตามคำแนะนำที่.....พี่ๆ น้องๆ เพื่อน แนะนำ.....บางท่านอาจจะตำหนิดิฉันบ้างที่เอาเรื่องในครอบครัวมาเล่าให้ชาวบ้านเขาฟัง ก็ไม่เป็นไรค่ะ เพราะคนเราถ้ามันหาทางออกให้ตัวเองไม่ได้ มันก็ต้องให้คนอื่นเขาช่วยคิดบ้าง อาจจะมีทางออกที่ดีกว่าคนที่มีปัญหาที่มืดแปดด้านจริงๆ....


กระผมขอแนะนำตามประสบการณ์นิดนึงนะครับ
ลองนั่งหลับตาแล้วนึกย้อนถึงความหลังตั้งแต่เริ่มรักกัน ดูนะครับ หายใจลึกๆ ทำใจเบาๆ สบายๆ นะครับ ดูเหตุการที่มันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ถึงจะต้องร้องไห้ก็นึกไปๆๆ ให้จนถึง ปัจจุบัน ที่มันเกิด ปัญหาต่างๆนี้

1. คำว่า รัก รักแบบ แรกรัก หายไปแล้ว ใช่ไม่ อยากให้รู้ว่า ความรัก มันเป็นเช่นนี้จริงๆ มันหายไปตอนไหน ยังไม่รู้ตัวเลย ตอนนี้ มันกลายเป็นสิ่งใด รักแบบไหน หรือ เป็นเพียง ความผูกพันธ์ที่เจือความรักอันบางๆ หรือ ไม่มีรัก แค่ความผูกพันธ์เท่านั้น
2. พฤติกรรม การอยู่ร่วมกัน เปลี่ยนแปลงไปแล้ว ใช่ไม่ อยากให้เห็นว่า พฤติกรรมก่อนหน้านี้ ตอนเริ่มรักกันเป็นอย่างไร ก่อนเริ่มจะมีปัญหา มันเป็นอย่างไร และตอนนี้มันเป็นอย่างไร
3. ชีวิตประจำวัน ทำให้บดบัง พฤติกรรมต่างๆ อย่างไม่รู้สึกตัว มันสำคัญมาก ต่อความปรุงแต่งของอีกฝ่าย
4. ท่านต้องตอบตัวเองในข้อ 1.ให้ได้ว่า เป็นแบบใด แต่ต้องตอบตัวเองตอน สภาพจิตปกติ ไม่มีโทสะมาบดบัง
5. การอดทนและการทำใจอย่างเดียวไม่ช่วยให้ดีขึ้น การเปิดใจคุยพร้อมกับเปลี่ยนพฤติกรรม กลับมาใช้ชีวิตร่วมกัน เหมือนตอนแรกรักบ้างเป็นครั้งคราวถึงบ่อยๆครั้ง เช่นดูหนัง ฟังเพลง ไปเที่ยว เปลี่ยนบรรยากาศใหม่ๆในการใช่ชีวิตร่วม แล้วความไม่เข้าใจจะเบาบางลง
6. ตอนเปิดใจคุย คุยย้อนความหลัง และปัจจุบันยังรักกันอยู่อีกไหม ถามเขาที่เราไม่เข้าใจ ตอบเขาทุกปัญหาที่เขาค้างคาใจ แสดงความจริงใจให้เห็นตามวิธีที่เขาต้องการ ตามสภาพที่ยอมรับได้ทั้งคู่
แต่ต้องคุยตอนไม่เมา ไม่โกรธกัน เปลี่ยนสถานที่คุย

หนทางตามประสบการณ์ มันได้แค่ทุเลา ทุกข์ มิได้ปลดเปลื้องทุกข์ ออกได้จริง ทุกข์ที่ต้องเจอมีอีกหลายรูปแบบนัก ในขณะนี้ท่าน
เห็นแล้วซึ่ง ความทุกข์ จงเรียนรู้มัน และหาหนทางดับทุกข์ให้ได้แบบถาวร ตามแนวทางพระพุทธองค์เถิดครับ

สร้างกุศลจิตไว้นะครับ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ย. 2012, 02:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


joomw1975 เขียน:
ขอบคุณมากค่ะสำหรับคำแนะนำดีๆ เป็นคำแนะนำที่เข้าใจง่าย......แต่อาจจะทำยาก แต่ดิฉันก็จะพยายามทำให้ได้ค่ะ

ทุกวันนี้ดิฉันก็พยายามไม่ตอบโต้เขา พยายามอดทนฟังเขาพูด พูดดีบ้าง พูดไม่ดีบ้าง ส่วนใหญ่จะพูดคำหยาบคาย .....สาเหตุที่เป็นแบบนี้ก็เป็นเพราะว่าสามีดิฉันเขาติดเบียร์ ต้องดื่มเบียร์ตอนเย็นทุกวัน วันละขวด (หยุดวันอาทิตย์) พอเริ่มดื่มเขาก็จะเริ่มพูดเยอะส่วนใหญ่ก็จะพูดไม่ดี.....เริ่มหาเรื่องดิฉัน ....และสุดท้ายดิฉันก็ทนไม่ไหว....เหมือนกับว่ายิ่งเราเงียบเขาก็ยิ่งพูดเยอะ อาจจะเริ่มเมา.....พูดจนเราทนไม่ไหวก็มีการตอบโต้ไปจนทะเลาะกันเกือบทุกวัน....ดิฉันก็บอกเขาว่าเวลาไม่กินเบียร์ไม่เห็นจะพูดอะไรขนาดนี้เลย พอเริ่มกินเบียร์ก็เริ่มเอานั่นเอานี่มาพูด เขาก็บอกว่าเขาไม่เมา

ดิฉันกับสามีทะเลาะกันเกือบทุกวัน เมื่อวานก็ยังทะเลาะกันต่อหน้าลูกเหมือนเดิม ไม่รู้อะไรกันนักหนา.....
แต่วันนี้ดิฉันจะเริ่มต้นใหม่....ทำตามคำแนะนำที่.....พี่ๆ น้องๆ เพื่อน แนะนำ.....บางท่านอาจจะตำหนิดิฉันบ้างที่เอาเรื่องในครอบครัวมาเล่าให้ชาวบ้านเขาฟัง ก็ไม่เป็นไรค่ะ เพราะคนเราถ้ามันหาทางออกให้ตัวเองไม่ได้ มันก็ต้องให้คนอื่นเขาช่วยคิดบ้าง อาจจะมีทางออกที่ดีกว่าคนที่มีปัญหาที่มืดแปดด้านจริงๆ....

ก็เป็นซะแบบนี่ไง เขาบอกธรรมให้รู้ เขาสอนให้มองดูที่สาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหา
ไอ้ที่สอนว่า "ไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า" มันหมายถึงให้เราแก้แก้ปัญหา
ที่ตัวเราและแก้ด้วยตัวเราเอง เรื่องของผัวเมียอย่าไปฟังคนอื่นให้มากกว่า
คนที่สอนไม่ใช่เป็นตัวเรา ที่สำคัญไม่ใช่เป็นผัวเรา ไปฟังคนอื่นมากๆ
แทนที่จะช่วยแก้ปัญหา มันกลับไปสร้างปัญหา เห็นมั้ยตัวเองก็บอกว่ามันทำยาก
ปัญหาของเรามันง่ายนิดเดียว ไม่จำเป็นต้องไปปรึกษาคนอื่นเลย
เราแก้ของเราได้ เพียงแต่เราไม่อยากที่จะแก้ไง เข้าตำราพูดง่ายทำยาก


ที่บอกไฟในอย่านำออก ควรจะรู้ได้แล้วว่า ตัวเองก็รู้ว่าปัญหาต้องแก้อย่างไร
เพียงแต่ไม่อยากแก้ มันเหมือนได้อย่างเสียอย่าง มันต้องเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่งครับว่า
จะเอาอย่างไหน ไม่ใช่จะเอาแต่สุขทุกข์ไม่เอา แบบนี้มันไม่มีในโลก

สรุปก็คือ การมาถามเรื่องผัวมันก็แค่ ฉันไม่ต้องการแก้ปัญหา
แต่ฉันเพียงแค่มาระบายความในใจ ไอ้ประเภทเอาเรื่องในมุ้งมาเล่าสู่กันฟัง
ผัวตัวเองแท้ๆย่อมต้องรู้นิสัยดีกว่าคนอื่น ดันมาถามชาวบ้าน
ไอ้ชาวบ้านแต่ละคนก็รู้ดีกันเหลือเกิน

ผัวเขาเป็นคนอย่างไรก็ไม่รู้ ฟังความข้างเดียว สอนกันใหญ่
ใครผิดใครถูกก็ไม่รู้ ซึ่งอันที่จริงเรื่องของผัวเมียถ้าไม่โดนฉุดมา
มันย่อมไม่มีใครผิดใครถูกอยู่แล้ว

ฉะนั้นถ้าเรายังอยู่ในฐานะเป็นผัวเมีย เป็นครอบครัว มีลูกมีเต้า
ก็อย่าเอาเรื่องของผัวมาเล่าทำนองปรึกษาคนอื่น ผัวตัวเองแท้ๆ

แต่ต่อเมื่อตกลงใจจะอย่าขาดจากผัว จึงจะสามารถ
มาปรึกษาคนอื่นได้ แต่มันเป็นเรื่องทางกฎหมาย


ทำตัวเองให้ดีเสียก่อน ที่เล่ามาเห็นแต่ผัวอย่างโน้น ผัวอย่างนี่
บอกให้ไปหาสาเหตุที่ตัวเองว่า เป็นเป็นเหตุให้ผัวเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า...
ดันไม่พอใจเสียนี่


"เรื่องไฟนอกอย่านำเข้า"ก็เหมือนกัน ความหมายก็คือเอาเรื่องมาเล่า
ถ้ามีคนเขาสอนให้อย่ากับผัวซะ บางที่เรื่องมันไม่ถึงขนาดนั้น แล้วคุณไปเชื่อเขา
ทำแบบที่เข้าบอก นี่ความหมายมันอยู่ตรงนี่ ผัวตัวเองอยากอย่าก็อย่าเอง
ไม่ต้องมาให้คนอื่นเขาบอกให้อย่าเข้าใจมั้ย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ย. 2012, 04:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
bigtoo เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
เพราะอะไร...รู้มั้ย?
555 พีกบคงเป็นโสดนะครับ เลยไม่รู้ถึงความทุกข์ของคนที่เขามีครอบครัวแล้วมันไม่มีความสุขดังใจปรารถนามันป็นอย่างไร มนุษย์เราก็อย่างนี้แหล่ะครับ อยากมีกันนัก พอมีแล้วก็ไม่เข้าใจ ผมก็หาทางออกแบบง่ายๆสบายๆจบ ไม่ต้องคิดมากหรอกพี่ ธรรมะจัดสรรครับ ผมชี้ทางให้ก็เท่านั้นถ้าคิดเป็น มันอยู่ได้ทั้งสองสถานะครับ มันไม่มีอะไรดีไปกว่าอะไรหรอก มันวนไปวนมาอย่างนี้แหล่ะ

:b7: :b7:
เพราะ.....เราไม่รู้อดีต

เพราะ.....เราไม่รู้อนาคต

ปัจจุบัน...จึงทำตามแต่ตัญหา...และ..อุปาทาน.....มันถึงยุ่ง....ไม่เลิก

ยุยงให้ใครเลิกกัน....คือทำตามตัญหา....ไม่ได้แก้ที่เหตุปัจจัย...จึงไม่ใช่คำแนะนำของพุทธบุตร

ต้องทำตามธรรม...ครับ....ความยุ่งเยิงถึงจะลดลงได้...

ควรจะบอกเขาไป...ว่า...ให้ทำใจเข้ามาอยู่ในส่วนของกุศล....เช่น..ให้ทำบุญสุญทาน...รักษาศีล...ปฏิบัติภาวนา...อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้แก่เจ้ากรรมนายเวร....แผ่ส่วนบุญส่วนกุศลให้สามี...ขอให้เขามีความสุข...ความสุข...หากนี้เป็นกรรมเก่าก็ยอมรับใช้กรรม...และ..อโหสิให้สามี....เพราะเข้าใจพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ที่บอกว่า...ไม่มีอะไรไม่เกิดจากเหตุ....เหตุนั้นเป็นเราทำเองทั้งนั้น...เราถึงมาบำเพ็ญทานการกุศล...สร้างบุญบารมีให้เกิดกับใจเรา...เอาไปใช้หนี้เก่า...และ...สะสมความดีใว้ไม่ให้ต้องไปทุกข์เพราะทำกรรมไม่ดีอีก...

อิอิ....
พี่กบผมนะไม่นิยมการหย่าล้างหรอกนะครับ แต่ชีวิตมันก็คือชีวิต มันสำคัญตรงที่ว่ามองอย่าไรต่างหาก ผมมองว่าการเป็นอยู่ของคนเราถ้าคุยกันได้ก็คุยกัน ถ้าคุยกันไม่ได้ก็จบมีเท่านั้นไม่ต้องอธิบายให้มันยุ่งหรอกสุดท้ายมันมีอยู่แค่นั้นจริงๆ(ในชีวิตจริง)

ผมเองก่อนแยกจากภรรยเก่า ผมใช้เวลาถึง3ครั้ง ถามใจตัวเราเองดู3ครั้งว่าเริ่มใหม่ได้มั้ย ตอนนั้นยังไม่ได้เดินเส้นทางธรรมยอมรับว่ามันอยากที่จะเข้าใจชีวิต ก็รู้มาบ้างว่าอะไรดีอะไรไม่ดี แต่การแยกจากกันมันไม่ได้เจ็บช้ำอะไรเลยในความเป็นจริง มันเป้นสิ่งที่มนุษย์ไม่เข้าใจเฉยๆหลงกันแท้ๆสร้างอนาคตสร้างอนางอ ผมบอกแล้วมันกลัว มันหลงกันตั้งแต่แรก เพราะความอยากนั้นไงมันจึงสร้างปัญหาได้สาระพัด ที่สุดแล้วทางธรรมเรื่องอย่างนี้เป็นต้นตอปัญหาอย่างหนึ่ง(ความหลง) แต่ในโลกใบนี้ไม่มีทางทุกคนจะคิดได้ จึงต้องมีธรรมที่มาคุ้มครองให้เดิน

ฆราวาสธรรมนั้นแล่ะ แต่ก็ไม่ได้มีมนุษย์ทุกคนทำได้อย่างสมบูรณ์ โลกมันจึงมีปัญหาแบบนี้ไม่รู้จักจบ เพราะกิเลสตัณหาทั้งนั้น อยากได้อย่างนั้น อยากได้อย่างนี้ อย่างนั้นไม่ถูกใจ อย่างนี้ไม่ถูกใจ หวงอะไรกันนักกันหนา เอาล่ะพี่กบหรือท่านใดอาจจะมองผมว่าแนะนำให้ให้เขาหย่าล้างกัน ปัญหามันแก้ได้2ทางชีวิตคู่ในขณะมีชีวิต คือ อยู่ กับ หย่า มีเท่านี้จริงๆ(จะอยู่แบบไหน อยู่แบบเข้าใจ หรือทนอยู่ไป หรือหย่าจะหย่าแบบไหน หย่าแบบเข้าใจหรือหย่าแบบทนไม่ไหว ก็มีแค่นี้แหล่ะชีวิตคู่)เราเป็นคนเลือกก็เลือกเอา :b12: สุขทุกข์อยู่ในอากาศ ใครมีปัญญาก็หยิบก็ใคร่คว้าเอาbigtooสอนได้แค่นี้แหล่ะ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 45 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 135 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร