วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 03:55  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 387 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 6, 7, 8, 9, 10, 11, 12 ... 26  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2012, 06:55 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


ลองดูกันนะครับ



:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2012, 21:17 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
สาธุ อนุโมทนากับการสนทนาธรรมอันสุข สงบ ร่มเย็น ของคุณกบ คุณฝึกจิตและnongkong ตลอดจนท่านที่เข้ามาสังเกตการณ์ทุกคน
:b48:
หวังว่าคงได้ดูวีดีโอจากยูทูปที่คุณฝึกจิตนำมาฝาก จนจบเรื่องและเชื่อมต่อไปอีกหลายๆตอน
:b36:
ช่วยกันทำธรรมทาน ส่งต่อให้เพื่อนกัลยาณมิตรทั้งหลายได้ดูด้วยนะครับ จะเป็นมหากุศล
สาธุๆๆๆๆๆๆ
:b20:
:b17:
:b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2012, 06:48 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b16:
ศิษย์ ก. "ต้องขยันเช็ดกระจกเงามิให้ฝุ่นมาจับ กระจกเงาจึงจะใสบริสุทธิ์อยู่เสมอ" (สตินำหน้า)

ศิษย์ ข. "กระจกเงาก็ไม่มี คนคอยเช็ดกระจกก็ไม่มี แล้วฝุ่นจะเปื้อนอะไร" (ปัญญานำหน้า)

นี่คือวิธีชำระขยะใจแบบเบ็ดเสร็จ ใครเข้าใจและใช้วิธีนี้ได้ก็เยี่ยมครับ
สาธุเจริญธรรมครับ

:b36:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2012, 07:37 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b16:
ศิษย์ ก. "ต้องขยันเช็ดกระจกเงามิให้ฝุ่นมาจับ กระจกเงาจึงจะใสบริสุทธิ์อยู่เสมอ" (สตินำหน้า)

ศิษย์ ข. "กระจกเงาก็ไม่มี คนคอยเช็ดกระจกก็ไม่มี แล้วฝุ่นจะเปื้อนอะไร" (ปัญญานำหน้า)

นี่คือวิธีชำระขยะใจแบบเบ็ดเสร็จ ใครเข้าใจและใช้วิธีนี้ได้ก็เยี่ยมครับ
สาธุเจริญธรรมครับ

:b36:



ตามความคิดผมนะครับว่า
ปัญญา จะมี สติ ต้องมีอยู่เสมอ
ต้องนำโลกุตรธรรมผสมโลกียธรรม อย่าง สมดุล หรือที่เรียกว่า สายกลาง เท่านั้น หากยังอยู่ในโลก นี้
เช่น ฉันมีถวยกาแฟ ฉันใช้ถวยกาแฟ ใส่กาแฟดืมกิน แล้ว ฉันก็ล้าง เช็ด เก็บ มัน อย่างทนุถนอม แต่วันนึง ฉันดันทำมันตกแตก แต่ฉันก็ไม่เศร้าไม่ทุกข์ กับการแตกของมันเลย
ตัวตนนะมี แต่จริงๆแล้ว ไม่มี ดูแลมันเพราะว่ามี แต่ไม่สุขทุกข์กับมัน เพราะมันไม่มี

สาธุครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 พ.ค. 2012, 06:48 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b27:
ฝึกจิต......
ตามความคิดผมนะครับว่า
ปัญญา จะมี สติ ต้องมีอยู่เสมอ
ต้องนำโลกุตรธรรมผสมโลกียธรรม อย่าง สมดุล หรือที่เรียกว่า สายกลาง เท่านั้น หากยังอยู่ในโลก นี้
เช่น ฉันมีถวยกาแฟ ฉันใช้ถวยกาแฟ ใส่กาแฟดืมกิน แล้ว ฉันก็ล้าง เช็ด เก็บ มัน อย่างทนุถนอม แต่วันนึง ฉันดันทำมันตกแตก แต่ฉันก็ไม่เศร้าไม่ทุกข์ กับการแตกของมันเลย
ตัวตนนะมี แต่จริงๆแล้ว ไม่มี ดูแลมันเพราะว่ามี แต่ไม่สุขทุกข์กับมัน เพราะมันไม่มี

สาธุครับ
:b8:
"อัตตา ไม่มีอยู่จริงในปรมัตถธรรม แต่ ความเห็นผิดว่าเป็น อัตตา ตัวกู ของกู มีอยู่จริงในใจปุถุชนทุกๆคน"
onion
รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 พ.ค. 2012, 07:41 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b27:
ฝึกจิต......
ตามความคิดผมนะครับว่า
ปัญญา จะมี สติ ต้องมีอยู่เสมอ
ต้องนำโลกุตรธรรมผสมโลกียธรรม อย่าง สมดุล หรือที่เรียกว่า สายกลาง เท่านั้น หากยังอยู่ในโลก นี้
เช่น ฉันมีถวยกาแฟ ฉันใช้ถวยกาแฟ ใส่กาแฟดืมกิน แล้ว ฉันก็ล้าง เช็ด เก็บ มัน อย่างทนุถนอม แต่วันนึง ฉันดันทำมันตกแตก แต่ฉันก็ไม่เศร้าไม่ทุกข์ กับการแตกของมันเลย
ตัวตนนะมี แต่จริงๆแล้ว ไม่มี ดูแลมันเพราะว่ามี แต่ไม่สุขทุกข์กับมัน เพราะมันไม่มี

สาธุครับ
:b8:
"อัตตา ไม่มีอยู่จริงในปรมัตถธรรม แต่ ความเห็นผิดว่าเป็น อัตตา ตัวกู ของกู มีอยู่จริงในใจปุถุชนทุกๆคน"
onion
รูปภาพ


แล้วควรดำรงอยู่อย่างไรครับ
สมมติ ว่า ตัวกูไม่มีอยู่จริง แล้ว พ่อแม่ ลูกเมีย และผู้อื่นก็คงไม่มีใช่มั้ยครับ แล้ว ....


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 พ.ค. 2012, 09:18 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b27:

ต้องนำโลกุตรธรรมผสมโลกียธรรมอย่าง สมดุล หรือที่เรียกว่า สายกลาง เท่านั้น หากยังอยู่ในโลก นี้



:b1:

ท่านผสมมันเข้าด้วยกันได้ด้วย...

:b1:


แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 22 พ.ค. 2012, 10:43, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 พ.ค. 2012, 09:44 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เป็นความเห็นของ...ฝึกจิต...นะ

อโสกะ..ชอบcopy...ไม่ชอบใช้quote...

:b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 พ.ค. 2012, 10:45 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
เป็นความเห็นของ...ฝึกจิต...นะ

อโสกะ..ชอบcopy...ไม่ชอบใช้quote...

:b12:


นั่นสิ่ :b5:
แต่ไงท่านอโศกก็คงชี้แจงให้ได้มั๊ง :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 พ.ค. 2012, 10:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


ถามท่าน อโสกะ หน่อยว่า ถ้าเกิดวันใดวันหนึ่งบุคคลที่ดิฉันเคารพรักต้องจากโลกนี้ไป ดิฉันก็ทำใจยอมรับได้แล้วตั้งแต่เนิ่นๆว่ามันต้องมาถึงวันนี้สักวันหนึ่ง เมื่อเรารับความจริงได้แล้ว จิตใจเลยไม่เกิดความรู้สึกโศกเศร้า เสียใจ ไม่ได้ร้องไห้ กับการจากไปของบุคคลที่เราเคารพรักนับถือ แบบนี้ปุถุชนคงกล่าวหาว่าดิฉันเป็นคนเลว คนอกตัญญูสินะเจ้าค่ะ ที่ไม่ร้องไห้ ไม่เสียใจกับบุคคลที่ดิฉันเคารพนับถือ :b24: แบบนี้ดิฉันต้องสร้างภาพบีบน้ำตารึป่าว จะได้ไม่โดนคำนินทาครหา :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 พ.ค. 2012, 14:49 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
ฝึกจิต....
แล้วควรดำรงอยู่อย่างไรครับ
สมมติ ว่า ตัวกูไม่มีอยู่จริง แล้ว พ่อแม่ ลูกเมีย และผู้อื่นก็คงไม่มีใช่มั้ยครับ แล้ว ....
:b12:
5555 ง่ายจะตายครับคุณฝึกจิต
พ่อแม่ ลูกเมีย และผู้อื่นมี ธาตุขันธ์ที่สมมุติชื่อให้ว่า "ฝึกจิต"มีอยู่ด้วย เหตุ ปัจจัย และวิบากที่เกี่ยวเนื่องกันมา ก็ทำหน้าที่กันไปด้วยสำนึกรับผิดชอบ ด้วยเหตุและผล
แต่ พ่อฉัน(กู) แม่ฉัน ลูกเมียฉัน(กู) ไม่มี หรือไม่มี "กูหรือของกู"ไปยึดถือในพ่อ แม่ ลูก เมีย และ ใครอื่น
พูดง่าย ฟังยากหน่อย แต่ถ้าคุณฝึกจิตทำความเพียรต่อเนื่องไปจนความรู้สึกเป็น "ตัวกู ของกู" เขาเงียบไป หลบหายไปหรือที่สุด "ตายไป" คุณฝึกจิตจะรู้ที่ใจของคุณฝึกจิตเองว่า "จะอยู่อย่างไรครับ คงจะตอบให้รู้ด้วยตัวหนังสือและความคิดไม่ได้ครับ
:b1:
:b12: :b12: อุปมาคล้ายดั่งผมอยากจะให้คุณฝึกจิตรู้จักรสชาติของละมุดอินเดีย หรือลมุดเขมร คงยากจะอธิบาย มีแต่ต้องส่งมันมาให้คุณฝึกจิตชิม หรือคุณฝึกจิตต้องขวันขวายขึ้นไปหาชิมเองแถวเมืองเชียงใหม่ จึงจะได้รู้รสของมันครับ
:b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 พ.ค. 2012, 15:23 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b8:
ฝึกจิต....
แล้วควรดำรงอยู่อย่างไรครับ
สมมติ ว่า ตัวกูไม่มีอยู่จริง แล้ว พ่อแม่ ลูกเมีย และผู้อื่นก็คงไม่มีใช่มั้ยครับ แล้ว ....
:b12:
5555 ง่ายจะตายครับคุณฝึกจิต
พ่อแม่ ลูกเมีย และผู้อื่นมี ธาตุขันธ์ที่สมมุติชื่อให้ว่า "ฝึกจิต"มีอยู่ด้วย เหตุ ปัจจัย และวิบากที่เกี่ยวเนื่องกันมา ก็ทำหน้าที่กันไปด้วยสำนึกรับผิดชอบ ด้วยเหตุและผล
แต่ พ่อฉัน(กู) แม่ฉัน ลูกเมียฉัน(กู) ไม่มี หรือไม่มี "กูหรือของกู"ไปยึดถือในพ่อ แม่ ลูก เมีย และ ใครอื่น
พูดง่าย ฟังยากหน่อย แต่ถ้าคุณฝึกจิตทำความเพียรต่อเนื่องไปจนความรู้สึกเป็น "ตัวกู ของกู" เขาเงียบไป หลบหายไปหรือที่สุด "ตายไป" คุณฝึกจิตจะรู้ที่ใจของคุณฝึกจิตเองว่า "จะอยู่อย่างไรครับ คงจะตอบให้รู้ด้วยตัวหนังสือและความคิดไม่ได้ครับ
:b1:
:b12: :b12: อุปมาคล้ายดั่งผมอยากจะให้คุณฝึกจิตรู้จักรสชาติของละมุดอินเดีย หรือลมุดเขมร คงยากจะอธิบาย มีแต่ต้องส่งมันมาให้คุณฝึกจิตชิม หรือคุณฝึกจิตต้องขวันขวายขึ้นไปหาชิมเองแถวเมืองเชียงใหม่ จึงจะได้รู้รสของมันครับ
:b12:


1."ฝึกจิต"มีอยู่ด้วย เหตุ ปัจจัย แล้ว สรุปว่า มีหรือไม่มีละครับ
2.แล้วท่านเข้าใจคำว่าตัวกูของกู ของท่านพุทธทาส นั้น หมายถึงอย่างไรครับ
3.การดับตัวกูของกูนั้นที่แท้นั้นคือการดับของสิ่งใด
4.เมื่อตัวกูของกูดับไปนั้นสิ่งใดที่เกิดมาแทน ครับ
5.แล้วท่านได้ทานละมุดนั้นแล้วยังละครับ
ส่วนเรื่องอุปมาที่ท่านว่านั้น พอเข้าใจครับ เพราะฟัง หลวงปูชา มาพอควรแล้ว ครับ
สาธุครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 พ.ค. 2012, 16:58 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
asoka เขียน:
:b27:

ต้องนำโลกุตรธรรมผสมโลกียธรรมอย่าง สมดุล หรือที่เรียกว่า สายกลาง เท่านั้น หากยังอยู่ในโลก นี้



:b1:

ท่านผสมมันเข้าด้วยกันได้ด้วย...

:b1:


ที่ผมกล่าวเช่นนั้นเพราะกระะผมรู้ดีว่าตัวเองยัง ไม่สิ้นกิเลส อาสาวะ อนุสัย และ ยังบรรลุถึงอีกฝั่งหนึ่งของธรรม ที่เป็น อสังขตธรรม ถึงอสังขตธาตุ หรือธรรมธาตุ นะครับ จึงเข้าถึงมาเพียงแค่นี้ จึงกล่าวไว้ได้เพียงแค่นี้นะครับ ส่วนหากเข้าถึงแล้วความเห้นเป็นเช่นไรต่อไปนั้น ก็บ่หู้ อะคราบ :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 พ.ค. 2012, 17:54 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
asoka เขียน:
:b27:

ต้องนำโลกุตรธรรมผสมโลกียธรรมอย่าง สมดุล หรือที่เรียกว่า สายกลาง เท่านั้น หากยังอยู่ในโลก นี้



:b1:

ท่านผสมมันเข้าด้วยกันได้ด้วย...

:b1:

:b12:
5555 ท่าน eragon ในจิตของปุถุชนและอริยบุคคลชั้นต้นทั้งหลาย โลกีย์กับโลกุตร์ เขาคลุกเคล้ากันไปมาอยู่เสมอ ถ้าถามนางวิสาขาและท่านอนาบิณฑกะเศรษฐีได้ คงจะไม่ส่งสัยเรื่องนี้
สำหรับผู้ฝึกหัดและกำลังเดินทางถ้าสังเกตดูให้ดีๆ ที่บัญญัติอารมณ์กับปรมัตถอารมณ์
ตอนที่จิตหยุดคิด นึก ปรุงแต่งนั้น สติ ปัญญาจะได้สัมผัสกับปรมัตถอารมณ์ เทียบได้กับโลุตรธรรม
ตอนที่จิตยังนึก คิด ปรุงแต่งอยู่ด้วยบัญญัติอารมณ์ต่างๆนั้น เป็นโลกียอารมณ์

:b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 พ.ค. 2012, 17:55 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
เป็นความเห็นของ...ฝึกจิต...นะ

อโสกะ..ชอบcopy...ไม่ชอบใช้quote...

:b12:

:b8:
ขอบพระคุณท่านกบครับ ตกลงเป็นความเห็นของคุณฝึกจิตนะครับ
:b12:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 387 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 6, 7, 8, 9, 10, 11, 12 ... 26  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร