วันเวลาปัจจุบัน 27 ก.ค. 2025, 14:17  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 85 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.พ. 2012, 18:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


อ่านที่คุณน้ำเขียนตรงที่ การปล่อยวางจากจิต
ก็เลยไปหาที่google ก็เลยไปเจอใช่คุณน้ำเขียนหรือปล่าวค่ะ

เหตุของการปล่อยวาง


24 ก.ย 2011

.



ให้ความเห็น
by walailoo in การเจริญสติ, นิพพิทาญาณ, บันทึก, เหตุการปล่อยวาง

ทุกข์ เมื่อกำหนดรู้ทุกข์ จะรู้ชัดในสภาวะทุกข์จนถึงที่สุดแล้วเบื่อ สุดท้ายจิตปล่อยวางลงไปเอง เป็นเหตุให้ปัญญาเกิด จึงเห็นตามความเป็นจริงว่า ทุกข์ก็ไม่เที่ยง

สุข เมื่อกำหนดรู้สุข จะรู้ชัดในสภาวะสุขถึงที่สุดแล้วเบื่อ สุดท้ายจิตจะปล่อยวางลงไปเอง เป็นเหตุให้ปัญญาเกิด จึงเห็นตามความเป็นจริงว่า สุขก็ไม่เที่ยง

เบื่อ เมื่อกำหนดรู้เบื่อ จะรู้ชัดในสภาวะเบื่อจนถึงที่สุด แม้ไม่มีเหตุอันใดก็เกิดเองเป็นเอง เบื่อสุดจะเบื่ออยู่ภายใน สุดท้ายจิตจะปล่อยวางลงไปเอง เป็นเหตุให้ปัญญาเกิด จึงเห็นตามความเป็นจริงว่า เบื่อก็ไม่เที่ยง

ทุกข์ก็ไม่เที่ยง สุขก็ไม่เที่ยง เบื่อก็ไม่เที่ยง เห็นตามความจริงๆได้เนืองๆเช่นนี้ จิตจึงเกิดความเบื่อหน่ายคลายหนัด เพราะเห็นโทษของการเกิด จิตมุ่งพระนิพพานคือการสร้างเหตุของการไม่เกิดอีกต่อไป

การปฏิบัติหรือทำทุกวันนี้ จึงไม่ได้ทำเพราะความอยากอีกต่อไป แม้กระทั่งคำบัญญัติต่างๆที่เรียกว่าอะไรๆ ไม่สามารถทำให้จิตเกิดการกระเพื่อมอีกต่อไป ที่ทำเพราะรู้ รู้แล้วจึงทำ ทำเหมือนกับการใช้ชีวิตประจำวันในทุกๆวัน ทำเป็นเรื่องปกติ

เหมือนที่ต้องทำงานหาเลี้ยงชีพ แต่การทำเพื่อหาเลี้ยงชีพทางโลก ทำเท่าไหร่ก็ไม่จบ เพราะฝั่งอยู่ตรงไหนก็มองไม่เห็น

การปฏิบัติหรือการทำเช่นนี้ เพียงรู้ชัดอยู่ในกายและจิตหรือรูปนามเนืองๆ ก็หาเลี้ยงชีพเหมือนกัน เลี้ยงชีพที่ทำแล้วจบ เพราะเห็นฝั่งแล้ว จึงไม่ต้องหาอะไรอีกต่อไป

การปล่อยวางมีทั้งภายนอกและภายใน

ปล่อยวางภายนอก

ได้แก่ ปล่อยวางในสิ่งที่เกิดขึ้น คือ ผัสสะต่างๆที่มากระทบ

ผัสสะ

ผัสสะที่เกิดขึ้น หรือสิ่งที่มากระทบ ล้วนมีเหตุปัจจัย เมื่อยังมีเหตุอยู่ ย่อมมีผลมาแสดงให้เกิดขึ้นในรูปของผัสสะ เป็นเหตุให้ก่อให้เกิดความรู้สึกชอบ,ชังในสิ่งที่เกิดขึ้น หากไม่มีเหตุร่วมกันจะไม่มีความรู้สึกใดๆเกิดขึ้น

ตราบใดที่ยังมีกิเลส ย่อมมีความชอบ, ชัง การปล่อยวาง คือ ทำใจให้แยบคาย ได้แก่ มนสิการไว้ในใจพอประมาณ รู้สึกอย่างไร รู้ไปตามนั้น อย่าก่อให้เกิดการกระทำใดๆออกมา

เหตุมี ผลย่อมมี

หากก่อให้เกิดการกระทำใดๆออกมา ไม่ว่าจะทางชอบ, ชัง ตามความรู้สึกขณะนั้นๆ ล้วนมีผลให้ได้รับทั้งสิ้น ทำอย่างไร ย่อมได้รับผลเช่นนั้น เหตุตรงนี้ล้วนเป็นต้นเหตุของการเกิดในครั้งต่อๆไป

หากไม่ได้ก่อให้เกิดการกระทำออกมา แต่มีความรู้สึกนึกคิดอยู่ในใจ เมื่อยังมีเหตุ ย่อมมีผลอย่างแน่นอน มากน้อยอยู่ที่การยึดติดในความคิด เพียงแต่ผลที่ได้รับตรงนี้ไม่มากเท่ากับการได้สร้างเหตุออกไป

ปล่อยวางภายใน

ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม เพียงหมั่นรู้ลงไปในสภาวะต่างๆที่เกิดขึ้นในจิต ยอมรับไปตามความเป็นจริงต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในจิต สักแต่ว่าดู สักแต่ว่ารู้ ตราบใดที่ยังมีกิเลส ย่อมมีการให้ค่า ถ้ามีให้ค่า จงยอมรับว่าให้ค่า

ทุกอย่างล้วนมีเหตุ ให้ค่าแล้วยึดติดก็เกิดจากเหตุ ให้ค่าแล้วไม่ยึดติดก็เกิดจากเหตุ เพียงหมั่นรู้ชัดอยู่ในกาย เวทนา จิต ธรรมบ่อยๆ การให้ค่าจะลดน้อยลงไปเอง จนกระทั่งเห็นตามความเป็นจริงในที่สุด

มีเหตุ ย่อมมีผล

เมื่อปล่อยวางลงไปบ่อยๆได้ ย่อมเห็นตามความเป็นจริงมากขึ้น คือ ความไม่เที่ยง เป็นเหตุให้การคาดเดาที่มีอยู่ลดน้อยลงไป ความรู้สึกนึกคิดที่เป็นเหตุให้ก่อให้เกิดการกระทำใดๆออกมา ย่อมลดน้อยลงไป

เป็นเหตุให้นับวันรู้ชัดอยู่ในกายและจิตมากขึ้น ปัญญาย่อมเกิดขึ้นเนืองๆ เป้นเหตุให้เกิดความเบื่อหน่ายคลายกำหนัดตามสภาวะ ตามความเป็นจริง ไม่ใช่เกิดจากการน้อมเอาคิดเอาเพื่อให้เกิดขึ้นแต่อย่างใด สุดท้ายจิตปล่อยวางลงไปเอง

สภาวะ

สภาวะต่างๆที่เกิดขึ้นทั้งภายนอกและภายในมีไว้ให้กำหนดรู้ ไม่ว่าจะรู้สึกอย่างไร กำหนดรู้ไปตามนั้น มนสิการไว้ในใจ เพียงทำต่อเนื่อง หมั่นรู้ชัดในกายและจิต สภาวะจะดำเนินไปตามสภาวะเอง การปฏิบัติจึงสะดวกสบายเป็นไปตามเหตุ

ปฏิบัติแล้วทุกข์, สุข

ทุกข์, สุข เพราะความไม่รู้ ถึงแม้รู้แล้วก็ยังทุกข์, สุข เพราะยังยึดติดในสภาวะ ยังมีการให้ค่าต่อสภาวะว่าดี,ไม่ดี บางครั้งยึดติดในบัญญัติเรียกนั่นเรียกนี่ ย่อมมีทุกข์บ้าง สุขบ้าง ตามการให้ค่า

บางวันดีระเบิดระเบ้อ บางวันห่วยแบบสุดๆ เหตุเกิดจากไปจดจ้องสภาวะ ว่าจะต้องเป็นแบบนั้น เป็นแบบนี้ พอไม่ได้ดั่งใจบ้าง ได้ดั่งใจบ้าง ตามแต่จะให้ค่าต่อสภาวะที่เกิดขึ้น จึงประสพกับทุกข์, สุขเนืองๆ

เพียงกำหนดรู้

ทุกข์ก็ให้รู้ สุขก็ให้รู้ รู้สึกอย่างไรก็ให้รู้ ยอมรับไปตามความเป็นจริงกับสิ่งที่เกิดขึ้นในจิต รู้ไปตามนั้น รู้ได้บ่อยๆจะเห็นแต่ความไม่เที่ยง จิตจะปล่อยวางลงไปเอง โดยไม่ต้องไปคิดพิจรณาเพื่อให้เกิดการปล่อยวาง

เหตุมี ผลย่อมมี บางคนชอบคิด อยากจะคิดก็คิดไป อุบายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน รู้แค่ว่า สภาวะทั้งหมดนี้ ล้วนเกิดจากเหตุที่ทำมา รู้เพียงแค่นี้ แล้วหมั่นรู้ในกายและจิต รู้เท่านี้มันก็จบ หากยังไม่รู้ย่อมแสวงหาต่อไป

ยกมาจากhttp://walailoo2010.wordpress.com/category/%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%87/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.พ. 2012, 21:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


bbby เขียน:
อ่านที่คุณน้ำเขียนตรงที่ การปล่อยวางจากจิต
ก็เลยไปหาที่google ก็เลยไปเจอใช่คุณน้ำเขียนหรือปล่าวค่ะ



ใช่ค่ะ แต่ละสภาวะที่เขียนไว้จะมีตั้งแต่แบบหยาบ และมีรายละเอียดชัดมากขึ้นเรื่อยๆ ให้ดูตามวัน เดือน ปี ที่เขียนไว้

http://walailoo2010.wordpress.com/2011/ ... %E0%B8%99/


http://walailoo2010.wordpress.com/2011/ ... %E0%B8%B0/


ลองอ่านๆดูนะคะ ทุกคนน่ะแตกต่างแค่เหตุปัจจัยที่มีอยู่และที่กำลังสร้างขึ้นมาใหม่ แตกต่างแค่เปลือก(ภาพที่มองเห็น) แต่สภาวะไม่แตกต่างค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.พ. 2012, 22:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


bbby เขียน:
อานุภาพพลังจิต 1/12





อานุภาพพลังจิต 2/12





อานุภาพพลังจิต 3/12



:b8: :b8: :b8:

น่าเสียดาย....คุณภาพจากต้นทางมันน้อยไปหน่อย
:b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.พ. 2012, 12:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 14:17
โพสต์: 260

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มนุษย์ เรียกตัวเองว่าเป็นสัตว์ประเสริฐ แต่มนุษย์ก็ยังไปเบียดเบียนสัตว์เดรัจฉาน
เพื่อมาต่อลมหายใจของตนเอง แบบนี้มันประเสริฐตรงไหน มนุษย์น่ะ จริงป่ะป้า
bbby ป้า wilaiporn

.....................................................
สิ่งใดในโลกล้วน อนิจจัง คงแต่บาปบุญยัง เที่ยงแท้
คือเงาติดตัวตรัง ตรึงแน่ อยู่นา ตามแต่บุญบาปแล้ ก่อเกื้อ รักษา

รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 มี.ค. 2012, 20:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.พ. 2012, 12:01
โพสต์: 376


 ข้อมูลส่วนตัว


ปลงซะ เขียน:
มนุษย์ เรียกตัวเองว่าเป็นสัตว์ประเสริฐ แต่มนุษย์ก็ยังไปเบียดเบียนสัตว์เดรัจฉาน
เพื่อมาต่อลมหายใจของตนเอง แบบนี้มันประเสริฐตรงไหน มนุษย์น่ะ จริงป่ะป้า
bbby ป้า wilaiporn


ก็จริงนะคะ นานาจิตตัง มนุษย์เป็นสัตว์กินเนืออ และกินผัก ที่จริงมนุษย์กินได้ทุกอย่างที่สามารถกินได้น่ะแหละค่ะ แต่ใครจะเลือกกินเนื้อหรือกินเจ หรือมังสวิรัตก็กินไปเถอะค่ะ แต่ถ้าหากละได้ก็จะเป็นบุญแก่ตนเองและสัตว์เหล่านั้นมากๆนะคะ แต่ถ้าหากละการกินเนื้อไม่ได้ก็อย่ากินมากไปนะคะ กินผักเยอะๆ กินเนื้อแต่น้อย เพราะการกินเนื้อมากๆก็ไม่ดีต่อสุขภาพนะคะ "อยากเห็นคนไทยมีสุภาพดี"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 เม.ย. 2012, 21:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณMarutKO

อ้างคำพูด:
กระทู้ยาวมากเลยครับ ตามอ่านไม่ไหวเลย
ตอนนี้ผมฝึกทานเจอยู่ครับ แต่ละบากมิไช่น้อย
และขอขอบคุณเมนูแนะนำดีๆนะครับ



ใช่ค่ะอาหารเจภาค2ยาวมากแล้ว เราก็เลยไปตั้งกระทู้อาหารเจภาค3ค่ะ
ถ้ากะทู้อาหารเจภาค1 จะมีอาหารรสจัดๆเยอะค่ะ

ภาค1นี่จะเป็นการเริ่มสำหรับคนที่เริ่มจะทานเจใหม่ ซึ่งคุณน้ำจะแนะนำ
แล้วก็บอกเคล็ดลับในการทำอาหารไว้ด้วยค่ะ

แต่จะขอเตือนน่ะค่ะ :b1: อาหารเจภาค1นี่ ถ้าอ่านตอนกลางคืน
ต้องเตรียมอาหารไว้ในตู้เย็นด้วยน่ะค่ะ
เพราะรายการอาหารของคุณน้ำแต่ล่ะอย่าง อ่านไปแล้วต้องหาของมาเคี้ยวด้วยค่ะ
ชื่อกะทู้(คุยเรื่องอาหารเจ)ค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 เม.ย. 2012, 22:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


ที่เราอยากจะทานอาหารเจเหตุผลคือ พอเราได้เห็นการฆ่าสัตว์แล้ว
ทำให้รู้ว่าพวกเค้าก็กลัวตาย

เห็นภาพที่ไก่ต้องวิ่งหนีอยู่ในกรงแคบๆ เวลาที่มือของคนฆ่าไก่เอื้อมมือเข้าไป
พอเห็นแล้วมันเป็นภาพที่บอกความรู้สึกไม่ถูก ชีวิตใครใครก็รัก......มันเป็นสิ่งที่พูดยากค่ะ :b7:

สำหรับเราน่ะค่ะ พอเราทานอาหารเจไปนานๆ รู้สึกร่างกายเพลียเหนื่อยง่าย
เราก็เลยซื้อวิตามินcกับวิตามินรวมมาทาน ใช้ได้ค่ะ

อาการเหล่านั้นหายไปค่ะ แต่ชอบเวลาที่คนถามเราว่า
"เธอใช้ลิปติคยี่ห้ออะไร ทำไมเวลาเธอทานอาหารแล้วลิปยังติดอยู่"
เราไม่ได้ทาลิปอะไรเลยค่ะ มันคงจะเป็นวิตามินที่ได้จากผักนี่แหละค่ะ :b1:

แต่การกินวิตามินนี่ เราจะกิน3เดือนแล้วหยุด1เดือน เพราะเค้าบอกว่า
ถ้ากินติดต่อกันโดยไม่หยุด จะมีผลเสียต่อไตหรือตับค่ะ
เราก็จะใช้วิธี ต้มน้ำตั่งเซิน-พุทราจีน เพื่อเป็นการล้างสารที่ตกค้างค่ะ :b1: :b41: :b55: :b43:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 เม.ย. 2012, 23:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนาด้วยเจ้าค่ะ :b8: คุนมีจิตใจที่เปี่ยมไปด้วย พรหมวิหาร4 (จากการที่ได้อ่านกระทู้มาหลายกระทู้)
ขออนุโมทนาให้เจริญในธรรมเจ้าค่ะ ยึดพรหมวิหาร 4 ก็จะได้เกิดเป็นพรหม อยู่บนสวรรค์เจ้าค่ะ tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 เม.ย. 2012, 23:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 ม.ค. 2012, 16:39
โพสต์: 209


 ข้อมูลส่วนตัว


พวกเจ้าเอ๋ย...รู้ตัวบ้างไหมว่าพวกเจ้ากำลังเบียดเบียนตัวเอง :b13:

.....................................................
_______________(-_-) (๑_๑)____________(^_^) (^ ^)_____________


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 เม.ย. 2012, 00:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


อยู่กับความมืด เขียน:
พวกเจ้าเอ๋ย...รู้ตัวบ้างไหมว่าพวกเจ้ากำลังเบียดเบียนตัวเอง :b13:

ชอบส่งจิตออกนอกจังนะเจ้าค่ะหลวงพี่มืดอุตส่าเป็นพระ(เพราะเหตุนี้แหละดิฉันไม่ค่อยจะตอแย รีบศึกสิเจ้าค่ะ :b4: ) ผัสสะกระทบปุ๊บ มือจิ้มคีบอร์ดปั๊บเลยนะเจ้าค่ะ อิอิ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 85 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร