วันเวลาปัจจุบัน 28 ก.ค. 2025, 01:57  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 85 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 21 ก.พ. 2012, 12:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


อานุภาพพลังจิต 1/12





อานุภาพพลังจิต 2/12





อานุภาพพลังจิต 3/12



โพสต์ เมื่อ: 21 ก.พ. 2012, 12:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


อานุภาพพลังจิต 4/12






อานุภาพพลังจิต 5/12






อานุภาพพลังจิต 6/12




โพสต์ เมื่อ: 21 ก.พ. 2012, 12:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


อานุภาพพลังจิต 7/12







อานุภาพพลังจิต 8/12






อานุภาพพลังจิต 9/12



โพสต์ เมื่อ: 21 ก.พ. 2012, 12:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


อานุภาพพลังจิต 10/12






อานุภาพพลังจิต 11/12






อานุภาพพลังจิต 12/12



โพสต์ เมื่อ: 21 ก.พ. 2012, 21:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


หลวงปู่จันทา ถาวโร.wmv



โพสต์ เมื่อ: 22 ก.พ. 2012, 10:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณเต้....

จากกระทู้นี้ สิ่งที่คุณเต้ถามหา "สุขที่แท้จริง"

bbby เขียน:
ตราบใด มนุษย์ยังไม่สามารถจัดการกับปัญหาพื้นฐานแห่งชีวิตของตน ยังวางตัววางใจหาที่ลงไม่ได้กับทุกข์ถึงขั้นตัวสภาวะ
ตราบนั้น มนุษย์ก็จะยังแก้ปัญหาไม่สำเร็จ ยังหลีกไม่พ้นการตามรังควาญของทุกข์ ไม่ว่าจะพบสุขขนาดไหน และจะยังไม่ประสบความสุขที่แท้จริง ซึ่งเต็มอิ่ม สมบูรณ์ในตัว และจบบริบูรณ์ลงที่ความพึงพอใจ

ตอนนี้เราอยากจะเจอกับความสุขที่แท้จริงของชีวิต จริงๆเลยค่ะ
ความสุขที่แท้จริงของชีวิตเป็นแบบไหน ตอนนี้เราก็พยายามที่จะใช้ชีวิตอยู่กับลมหายใจเข้า-ออก
แต่พอต้องมารับรู้กับโลกของแสงสี สุขนั้นก็หายไป

ช่วงที่เราเงียบๆไป ไม่มาคุยในเว็บฯเลย เพราะว่าเราจะหาว่า
ความสุขที่แท้จริงของมนุษย์นั้นอยู่ที่ไหน

ตอนนี้สิ่งที่เรายึดติดอยู่คือลูกเท่านั้น ที่ทำใจปล่อยวางไม่ได้
ได้แต่รอให้พวกเค้าโตรับผิดชอบชีวิตตัวเองได้ เราก็คงจะไม่ยึดติดกับอะไรทั้งนั้น

แต่พอถึงเวลานั้น เราก็ยังไม่รู้ว่าเราจะมีโอกาสหาเจอหรือไม่
กับคำว่า "ความสุขที่แท้จริงของชีวิตเป็นแบบไหน" อยากได้คำตอบ คำนี้จริงๆค่ะ

ความสุขที่แท้จริง ในโลกนี้มีจริงๆหรือปล่าวค่ะ ?
หรือเป็นแค่คำพูด กับการเขียนเป็นตัวหนังสือออกมาแค่นั้น
เราจะได้หยุดกับการตามหา

กับคำว่า"ความสุขที่แท้จริงของชีวิต"ซะที :b41: :b55: :b45:




เอาความสุขไปทางโลกๆก่อนดีกว่ามังคะ แค่เรื่องการปล่อยวาง ไม่ใช่เพียงสิ่งที่คุณเต้คิดอยู่ว่ามีเรื่องลูกเพียงเรื่องเดียว


จากกระทู้นี้

bbby เขียน:
เรามีเรื่องจะเล่าให้ฟังค่ะ (นักเล่าประจำเว็บคุณทักทายมอบสายสะพายให้แล้วค่ะ) :b32:

มีอยู่วันหนึ่งตอนกลางวัน เราออกไปข้างนอกกับแฟน(สามีก็ได้ค่ะ) :b1:
ซึ่งปกติเราจะไม่ชอบออกไปข้างนอกกับแฟน ส่วนใหญ่จะออกไปกับเค้าคือหลัง4โมงเย็นไปแล้ว

วันนั้นไม่รู้เป็นยังไงหลวมตัวไปด้วย ก่อนจะออกไปก็หาของให้แฟนทานไปเรียบร้อยแล้วน่ะ
เพราะหวังว่าแฟนกินอิ่มไปแล้ว จะได้ไม่ต้องไปกินก๋วยเตี๋ยวเนื้อ
(นี่แหละค่ะ คือเหตุผลที่เราไม่ชอบออกไปข้างนอกกับแฟนช่วงก่อน4โมงเย็น)

ทีนี้ก็เป็นเรื่องเลยค่ะ ซื้อของอะไรเสร็จก็ช่วงบ่าย3โมง พอขึ้นรถเสร็จ
แฟนถามว่า" จะไปกินอะไรดี" ใจเราก็ตุ๊บๆต่อมๆเลย
เราก็แกล้งถามว่า " อะไรหิวแล้วเหรอ เมื่อกี้กินของที่บ้านมาตั้งเยอะ เต้ยังไม่หิวเลย"

แฟนเราก็บอก " ไม่หิวหรอกอยากจะกินของกินเล่นๆน่ะ"
เราก็บอกว่า " ถ้างั้นไปที่ร้านนั้นสิ ร้านที่ขายของมังสวิรัตน่ะ"


แฟนเราก็บอก " ไม่เอาอยากจะกินก๊วยเตี๋ยวเนื้อ "เราก็คิดว่าไม่น่าที่จะออกมาด้วยเล๊ย :b7:

แฟนเราก็บ่นว่า " เต้นี่ชอบทำตัวให้ลำบาก อันโน้นก็ไม่กินอันนี้ก็ไม่กิน
ทำไมถึงชอบทำตัวให้ลำบากน่ะ "
แล้วเค้าก็บ่นไปเรื่อยๆค่ะ

เราก็รำคาษก็เลยบอกว่า" เอ้าไปๆๆเดี๋ยวเต้สั่งน้ำมานั่งดื่ม "
แฟนบอก " ไม่เอากินได้ไงอีกคนกินอีกคนไม่กิน " (คนประเภทนี้เค้าเรียกว่าได้1จะเอา2)
เราก็พูดว่า " เอ้ากินก็กิน"

ตอนนั้นเนี่ยในใจแทบจะร้งไห้เลยน่ะ เพราะรู้สึกว่า เราผิดคำพูดกับองค์พระโพธิสัตว์กวนอิม
แต่ในรถมีรูปปั้นขององค์พระโพธิสัตว์กวนอิม
เราก็เอามือจับที่องค์ของท่าน อธิฐานจิตขอโทษท่าน ที่เราผิดคำที่เคยอธิฐานต่อท่านไว้
ตอนนั้นรู้สึกเสียใจ :b7:

แต่พอแฟนเราขับรถไปถึงหน้าร้าน สิ่งที่ทำให้เราต้องลุกขึ้นมานั่งตัวตรง
มองไปที่ร้านขายก๋วยเตี๋ยวเลย

คือลูกจ้างของร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ดึงประตูด้านบนลงมากำลังจะปิดร้าน
ทั้งๆที่ร้านนี้ ปกติจะปิดร้าน4-5โมงเย็น
แฟนเรายังลงรถไปถามอีกว่า " ปิดแล้วเหรอ"
เค้าบอก ' ปิดแล้วเก็บของหมดแล้ว "


เราดีใจจนแทบจะกระโดดเลยค่ะ ถ้าไม่ติดว่านั่งในรถ
แล้วเรายังมีเรื่องที่โชคดี เกี่ยวกับเนื้อวัวนี่แหละค่ะ :b12:
ถ้าพรุ่งนี้เราว่างเราจะเล่าให้ฟังอีกน่ะค่ะ :b1: :b41: :b55: :b45:



เห็นไหมคะ เรื่องการยึดติดแม้กระทั่งอาหารการกินอยู่ของคนในครอบครัว การกระทำของคุณเต้เป็นการเบียดเบียนครอบครัว เวลาอยู่บ้าน ชีวิตภายในบ้านเป็นของคุณเต้ นอกบ้านควรให้ความอิสระแก่ผู้อื่น

อะไรที่สุดโต่งมากเกินไป ย่อมก่อให้เกิดความทุกข์ทั้งผู้กระทำและคนรอบข้าง เพียงแต่จะยอมรับตามความเป็นจริง หรือมองเห็นหรือยังเท่านั้นเองค่ะ

การจะพบความสุขที่แท้จริงได้ ไม่ใช่เรื่องยากหรือง่าย แต่ขึ้นอยู่กับเหตุที่กระทำมา และเหตุที่กำลังสร้างให้เกิดขึ้นมาใหม่

การจะพบกับความสุขที่แท้จริงได้ เพียงลดความทะยานอยากลงไป ใช้ชีวิตปกติ พยายามอย่าสร้างเหตุในการเบียดเบียนทั้งตัวเองและผู้อื่น ให้ทำความเพียรต่อเนื่อง ทำเพราะรู้ แต่ไม่ใช่ทำเพราะอยาก


น้ำยกตัวอย่างเรื่องตัวเองให้ฟัง

น้ำเป็นคนไม่ทานเนื้อวัว ปกติทานข้าววันละมื้อ ไม่ทานมื้อเย็น แต่พอมีครอบครัว คนในครอบครัวชอบทานเนื้อวัว ทานข้าวมื้อดึก

ชีวิตครอบครัวจะอยู่เป็นสุขได้ ต้องแก้ที่ตัวเราเอง ไม่ใช่ไปแก้นอกตัว แก้นอกตัวมีแต่การสร้างเหตุใหม่ให้เกิดขึ้น เขาชอบแบบนั้น จะไปห้ามหรือไปตั้งกฏเกณฑ์ได้อย่างไร ทำแบบนั้นมีแต่เหตุแล้วก็เหตุไม่รู้จบ

แก้ที่ถูกต้อง ต้องแก้ที่ตัวเราเอง เป็นการดับที่ต้นเหตุ

น้ำเป็นคนทำกับข้าวให้เขาทาน ทั้งซื้อ ทั้งทำ ปิ้งย่างเนื้อวัวให้เขาเอง ทั้งๆที่ทานก็ไม่ได้ แถมยังได้กลิ่นหอม ถ้าเหม็นจะไม่ว่าเลย ยังนำมาเป็นข้ออ้างในการไม่ทำก็ได้

ไม่เคยทานข้าวมื้อเย็น พอมีครอบครัว ต้องมาทานข้าวมื้อค่ำบ้าง มื้อดึกบ้าง ต้องทานเป็นเพื่อนเขา เพราะไม่งั้นเขาจะทานข้าวได้น้อย

แถมกับข้าวไม่ได้ใช้ช้อนกลาง ถึงจะมีเนื้อเป็นส่วนผสมในอาหารก็ต้องทานร่วมกัน เพียงแต่น้ำตักอาหารอื่นที่ไม่ใช่เนื้อมาทานเท่านั้นเอง

เมื่อคุณเต้ต้องการพบกับความสุขที่แท้จริง ต้องแก้ที่ตัวเอง คือดับเหตุที่ตัวเองเป็นต้นเหตุให้ได้ก่อนค่ะ มองเห็นหรือยังคะ ทุกข์ของการยึดติด

ถ้ายังมองไม่เห็น กลับไปย้อนอ่านเรื่องที่คุณเต้นำมาโพสอีกที เรื่องก๋วยเตี๋ยวเนื้อน่ะค่ะ

การเดินในเส้นทางนี้ เป็นการสร้างเหตุของการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารให้สั้นลง ฉะนั้น บททดสอบจะมาทุกรูปแบบ มาแสดงให้เห็นถึงสิ่งยังมีการยึดติดอยู่

ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้น ล้วนเป็นเหตุปัจจัยที่ทำไว้ ที่ยังส่งผลอยู่ ทีนี้อยู่ที่ว่าคุณเต้จะจบหรือจะต่อเท่านั้นเอง

หากยังวางไม่ได้ นั่นคือ ยังไม่จบ วางได้เมื่อไหร่ เหตุนี้จบ เหตุปัจจัยอื่นๆที่ยังมีอยู่และยังไม่จบ ย่อมส่งผลต่อ เพียงแต่ยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นได้หรือยัง ถ้ายังก็ยังไม่จบ

การยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นทุกๆสิ่ง ไม่ว่าสิ่งๆนั้นจะเป็นที่ชอบใจหรือไม่ชอบใจก็ตาม โดยเฉพาะความไม่ชอบใจ ย่อมยอมรับได้ยาก แรกๆอาจจะยอมรับได้ยาก

เพียงหมั่นรู้ชัดในสิ่งที่เกิดขึ้นลงไปบ่อยๆ ยอมรับบ่อยๆ จะเห็นความไม่เที่ยงโดยตัวสภาวะเอง

ถึงวันนั้นจะยอมรับจนหมดใจ โดยไม่ต้องไปฝืนใจหรือกดข่มเพื่อยอมรับแต่อย่างใดเลยค่ะ นั่นแหละความสุขที่เกิดจากการปล่อยวางโดยตัวของจิตเอง สุขยิ่งกว่าสิ่งใดค่ะ เพราะไม่มีคำจำกัดความ

ซึ่งจากผลที่ได้รับจากการปล่อยวางโดยตัวของจิตเองนี้ เป็นเหตุให้สามารถอยู่ได้กับทุกๆสถานการณ์ โดยไม่ต้องไปวิตกกังวล หรือไปทุกข์ใจกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นแต่อย่างใด

เอาแค่ความสุขที่แท้จริงทางโลก หรือสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นกับชีวิตไปก่อนนะคะ ทำตรงนี้ได้ก็จะมีกำลังใจในการทำความเพียรมากขึ้น โดยไม่ต้องเพียรเพราะความอยากให้ได้ผลไวๆอีกต่อไป


น้ำน่ะโดนมาหมดแล้ว จึงเข้าใจในสภาวะที่คุณเต้กำลังเป็นอยู่ เรียกว่ามองทะลุเลยก็ได้

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสต์ เมื่อ: 23 ก.พ. 2012, 18:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.พ. 2012, 12:01
โพสต์: 376


 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนาด้วยนะคะกับเรื่องราวที่นำมาแบ่งปัน ส่วนมากอาหารเจไม่ค่อยมีขายนะคะ หากให้ดิฉันทำรับประทานเองที่บ้านทุกวันคงไม่มีเวลาแน่ๆเลยค่ะ และอีกอย่าง ดิฉันเป็นคนทำอาหารไม่ค่อยเก่งนะคะหากต้องรับประทานฝีมือตัวเองทุกวันๆ คงเบื่อแย่เลยค่ะ คุณ bbby คงทำอาหารเก่งมากเลยนะคะ น่าชื่นชมจังเลยค่ะ

ยังไงก็ขออวยพรให้คุณ bbby มีสุภาพแข็งแรงนะคะ :b8: :b8:


โพสต์ เมื่อ: 23 ก.พ. 2012, 20:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณหญิงไทยเขียน

อ้างคำพูด:
อนุโมทนาด้วยนะคะกับเรื่องราวที่นำมาแบ่งปัน ส่วนมากอาหารเจไม่ค่อยมีขายนะคะ หากให้ดิฉันทำรับประทานเองที่บ้านทุกวันคงไม่มีเวลาแน่ๆเลยค่ะ และอีกอย่าง ดิฉันเป็นคนทำอาหารไม่ค่อยเก่งนะคะหากต้องรับประทานฝีมือตัวเองทุกวันๆ คงเบื่อแย่เลยค่ะ คุณ bbby คงทำอาหารเก่งมากเลยนะคะ น่าชื่นชมจังเลยค่ะ

ยังไงก็ขออวยพรให้คุณ bbby มีสุภาพแข็งแรงนะคะ :b8: :b8:


เพิ่งสมัครเป็นสมาชิกใหม่เหรอค่ะ ถ้าเพิ่งสมัครใหม่ดีใจค่ะที่ได้กัลยามิตร
แต่ก่อนนี้แทบจะเรียกว่าไม่ค่อยจะเป็นค่ะ
บางครั้งทำ ลูกๆบอก " แม่ๆวันหลัง แม่ไม่ต้องทำอันนี้อีกแล้วน่ะ
หนูเคี้ยวแล้วหนูปวดไปทั้งปากเลย
"


ก็มาฝึกทำอาหารเจกับคุณน้ำนี่แหละค่ะ ตอนนี้ฝีมือทำอาหาร.....(ไม่กล้าคุย) :b12:
อาหารเจนี่เรามองว่าเป็นอาหารที่ทำง่ายที่สุดเลยค่ะ ไม่ต้องใช้เวลามาก
แต่ความสำคัญอยู่ที่ว่า จะไปซื้ออาหารเจที่ตรงไหนนี่หละค่ะ ความสำคัญอยู่ตรงนี้ค่ะ

แต่สำหรับเรา โชคดีค่ะ :b1: ยุให้เพื่อนขายอาหารเจได้สำเร็จ
ก็เลยสะดวกทุกอย่างค่ะ (ไม่ใช่ขายแบบปรุงเสร็จแล้วน่ะค่ะ)

ง่ายๆค่ะผัดผักก็ใส่ผง mushroom seasoning (ต้องไปซื้อที่ร้านขายอาหารเจค่ะ)
ลงไป+น้ำมันหอยเจ แค่นี้ผัดผักจะทั้งหอมทั้งกรอบเลยค่ะ
(ปกติจะไม่ค่อยคุยเรื่องอาหารตอนกลางคืนน่ะค่ะ เพราะความหิวมันจะตามมาค่ะ) :b12:


โพสต์ เมื่อ: 23 ก.พ. 2012, 20:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.พ. 2012, 12:01
โพสต์: 376


 ข้อมูลส่วนตัว


bbby เขียน:
(ปกติจะไม่ค่อยคุยเรื่องอาหารตอนกลางคืนน่ะค่ะ เพราะความหิวมันจะตามมาค่ะ) :b12:


อุ๊ย เวรกรรมๆ อิอิอิ คงต้องอาศัยน้ำเปล่ารองท้องหรือไม่ก็โอวัลตินประทังไปก่อนนะคะ เพราะถ้าเผลอทานอะไรตอนนี้ น้องแคลลอรี่คงถามหาแน่เลยค่ะ อิอิอิ :b9:


โพสต์ เมื่อ: 23 ก.พ. 2012, 20:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณน้ำเขียน

อ้างคำพูด:
เมื่อคุณเต้ต้องการพบกับความสุขที่แท้จริง ต้องแก้ที่ตัวเอง คือดับเหตุที่ตัวเองเป็นต้นเหตุให้ได้ก่อนค่ะ มองเห็นหรือยังคะ ทุกข์ของการยึดติด


คุณน้ำค่ะ ถ้าอย่างนั้นเราคงจะเป็นแบบที่เค้าเรียกว่า ปล่อยวางทางโลกแต่ไปยึดติดทางธรรมใช่หรือปล่าวค่ะ

ที่คนมักจะพูดว่าอันตรายมากกว่าคนที่ยึดติดทางโลก บางคนยึดติดทางธรรมมาก
แต่ไม่มีผู้รู้แนะนำ บางคนกู่ไม่กลับ

แต่เราก็เคยเห็นค่ะ เพื่อนเราที่นี่2คนค่ะ ชนิดที่ว่าไม่ฟังใครทั้งนั้น
เค้ายังพูดกับเราด้วยน่ะค่ะ เค้าบอกว่า " เต้เธอท่องสิเธอท่อง I WINๆๆเหมือนฉันน่ะ" แต่เราดูเค้าแล้ว เราไม่เอาดีกว่าเหมือนไม่ใช่ตัวของตัวเอง

เรายังดีน่ะ มีคุณน้ำดึงๆไว้บ้าง แล้วเราค่อยเล่าเรื่องอาการ
ที่เราคิดจะมีชีวิตอยู่โดยกำหนดลมหายใจอย่างเดียวให้ฟังน่ะค่ะ
ตอนนี้เราถอยแล้วค่ะสู้ไม่ไหวค่ะ :b1:


โพสต์ เมื่อ: 23 ก.พ. 2012, 21:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


bbby เขียน:
คุณน้ำเขียน

อ้างคำพูด:
เมื่อคุณเต้ต้องการพบกับความสุขที่แท้จริง ต้องแก้ที่ตัวเอง คือดับเหตุที่ตัวเองเป็นต้นเหตุให้ได้ก่อนค่ะ มองเห็นหรือยังคะ ทุกข์ของการยึดติด


คุณน้ำค่ะ ถ้าอย่างนั้นเราคงจะเป็นแบบที่เค้าเรียกว่า ปล่อยวางทางโลกแต่ไปยึดติดทางธรรมใช่หรือปล่าวค่ะ



คุณเต้ยังมียึดทั้งทางโลกและทางธรรมน่ะค่ะ เพราะคุณเต้ยังไม่เข้าใจรายละเอียด จึงดูตัวเองไม่ออก



bbby เขียน:

ที่คนมักจะพูดว่าอันตรายมากกว่าคนที่ยึดติดทางโลก บางคนยึดติดทางธรรมมาก
แต่ไม่มีผู้รู้แนะนำ บางคนกู่ไม่กลับ



แล้วแต่เหตุที่ทำมาน่ะค่ะ คนที่ยังไม่รู้ ย่อมพูดกันแบบนั้น เพราะต่อให้มีผู้รู้จริง รู้แจ้งมาแนะนำ ถ้าไม่ได้สร้างเหตุมาร่วมกัน พูดยังไงๆก็ไม่มีทางมาเชื่อกันหรอกค่ะ ให้ดูพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นตัวอย่าง




bbby เขียน:
แต่เราก็เคยเห็นค่ะ เพื่อนเราที่นี่2คนค่ะ ชนิดที่ว่าไม่ฟังใครทั้งนั้น


อย่างที่บอกแหละค่ะ ถ้าไม่ได้สร้างเหตุมาร่วมกัน ไม่มาเชื่อกันหรอกค่ะ




bbby เขียน:
เค้ายังพูดกับเราด้วยน่ะค่ะ เค้าบอกว่า " เต้เธอท่องสิเธอท่อง I WINๆๆเหมือนฉันน่ะ" แต่เราดูเค้าแล้ว เราไม่เอาดีกว่าเหมือนไม่ใช่ตัวของตัวเอง


ไม่แตกต่างกับการใช้คำบริกรรมภาวนาอื่นๆน่ะค่ะ




bbby เขียน:

แล้วเราค่อยเล่าเรื่องอาการ ที่เราคิดจะมีชีวิตอยู่โดยกำหนดลมหายใจอย่างเดียวให้ฟังน่ะค่ะ
ตอนนี้เราถอยแล้วค่ะสู้ไม่ไหวค่ะ :b1:



คุณเต้ ที่น้ำไม่ค่อยสนทนาอะไรกับใครๆหรือคิดแนะนำอะไรใครแบบก่อนๆ มันมีเหตุ

อย่างเช่นความคิดเห็นนี้

bbby เขียน:
อ้างคำพูด:
วันนี้ผมได้นั่งสมาธิ เป็นเวลาประมาณ เกือบ๑ชั่วโมง ก็สงบดีอยู่หรอก จนกระทั่งตอนออกจากสมาธิ รู้สึกหงุดหงิดใจเป็นบ้าเลย อะไรก็ไม่ถูกใจ อึดอัดใจ กระวนกระวายใจ ทำอะไรไม่ถูก จนมาเขียน กระทู้นี้แหละ ใครพอรู้ว่าผมเป็นอะไร ช่วยแนะนำผมด้วยนะ


สำหรับเราน่ะค่ะ เราจะใช้วิธีกำหนดลมหายใจพุธ-โธซักพักหนึ่ง
แล้วก็นึกถึงคำสอนเหตุแห่งทุกข์ อารมณ์หงุดหงิดใจอะไรต่างๆจะหายไปเองค่ะ :b1:

อารมณ์หงุดหงิดใจ หรือกระวนกระวายใจ เลยไม่ค่อยจะกล้ามาหาเราค่ะ :b12:



เห็นไหมคะ คุณเพิ่งพูดว่า ตอนนี้ถอยสู้ไม่ไหว เพียงแป๊บเดียว คุณเข้าไปแชร์เรื่องสภาวะของคุณในกระทู้นี้ละ


เห็นไหมคะ จิตน่ะไวยิ่งกว่าอะไรทั้งปวง แป๊บเดียวเจอสิ่งถูกใจ วิ่งเข้าหาทันที สุดท้ายเป็นยังไง สิ่งที่คุณเต้นำไปแชร์น่ะ นั่นคือบททดสอบหรือบทเรียนในสภาวะต่อไปที่คุณจะต้องเจอ ประมาณว่า ทำได้จริงแน่หรือ นี่จะโดนแบบนี้


สภาวะที่คุณเต้เป็นอยู่หรือเจออยู่ น้ำถึงบอกว่ามองเห็นทะลุ ว่าต่อไปคุณจะเป็นยังไง ให้ดูการกระทำของตัวเอง ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ความคิดเห็น หรือสิ่งที่นำมาแชร์กัน ทุกสิ่งส่งผลให้ได้รับหมด มารูปของเหตุที่มาในรูปแบบใหม่ แต่สภาวะคือ สิ่งที่คุณนำไปแชร์หรือนำไปแสดงข้อคิดเห็นน่ะแหละ เข้าใจไหมคะ

เอาตัวเองให้รอดก่อนดีกว่าค่ะ ใครจะมีความคิดเห็นอะไรอย่างไร ช่างเขา เพราะมันจะมีแต่เหตุแล้วก็เหตุไม่รู้จบ มันเหนื่อยนะคุณเต้ เวลาสติไม่ทันน่ะ เอาเวลาไปแผ้วทางให้กับตัวเองดีกว่าค่ะ

ที่น้ำยังคอยดูคุณเต้อยู่ เพราะเห็นว่ามีการยอมรับฟังกัน แต่เมื่อใดคุณมีปฏิกิริยาแสดงออกมาว่า ไม่ได้ต้องการคำแนะนำ น้ำคงหยุดเหมือนที่หยุดกับคนอื่นๆที่แสดงท่าทีแบบนั้น

คือน้ำเข้าใจน่ะค่ะ ไม่ถือโกรธหรือคิดเพ่งโทษใดๆ มองแค่ว่า ในเมื่อแสดงท่าทีมาเช่นนั้น ควรปล่อยไปตามเหตุปัจจัย พูดไปมีแต่เหตุเปล่าๆ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสต์ เมื่อ: 24 ก.พ. 2012, 12:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


bbby เขียน:
อ้างคำพูด:
เค้ายังพูดกับเราด้วยน่ะค่ะ เค้าบอกว่า " เต้เธอท่องสิเธอท่อง I WINๆๆเหมือนฉันน่ะ" แต่เราดูเค้าแล้ว เราไม่เอาดีกว่าเหมือนไม่ใช่ตัวของตัวเอง




คุณน้ำเขียน

อ้างคำพูด:
ไม่แตกต่างกับการใช้คำบริกรรมภาวนาอื่นๆน่ะค่ะ





ไม่ใช่หรอกค่ะ ที่เค้าให้เราท่องคำว่า "I WINๆๆ"
คือให้เราเอาชนะแฟนกับลูกให้ได้ คือให้ลูกหันมาทานอาหารเจทุกคน
ในบ้านห้ามนำอาหารจำพวกเนื้อเข้าบ้านค่ะ
แต่เราบอกว่า เราทำไม่ได้เพราะของอย่างนี้อยู่ที่ใจของคน

เพื่อนเรานี่จะเคร่งมากค่ะ จนเราเคยถามว่า"เธอเคยมีเวลาให้กับตัวเธอเองมั๊ย"
เค้าก็บอก " เออเธอถามเหมือนแฟนฉันเลย"


เวลาที่เค้าไปคุยกับใคร เค้าจะสอนแต่เรื่องหยุดกินเนื้อสัตว์ ให้ทุกคนในครอบครัวสวดมนต์
มีหลายคนพูดกับเราว่าหนักมาก เราก็เตือนสติเค้า

เค้าบอก " ไม่เป็นไรเต้ เธอรู้มั๊ย!ถ้าเราสามารถทำให้คนมาทานอาหารเจสวดมนต์ได้เนี่ยเธอรู้มั๊ย!บุญเยอะน่ะ"

แล้วทีนี้ก็เป็นเหตุอย่างหนึ่งคือ เค้าก็คิดว่าร่างกายสะอาดหมด ทั้งทางด้านจิตใจ
ทีนี้ถึงขั้นที่ไปติดต่อทางโรงเรียนตามฝอถัง เพื่อที่จะใช้พลังจิตทางฝ่ามือ
เพื่อรักษาโรคฟรี

ที่อื่นเราไม่รู้ว่ามีคนมาให้เค้ารักษาหรือปล่าวเราไม่รู้น่ะค่ะ แต่ตรงโรงเรียนที่ใกล้กับบ้าน
เรา2คนกับเพื่อนไปนั่งเป็นเพื่อนเค้า เราไม่เห็นมีใครมาเลยค่ะ

คุณน้ำมองว่าเพื่อนเรายึดติดกับสิ่งอะไรค่ะ เค้าจะไม่คุยเรื่องทางโลกเลย
เค้าจะคุยแต่เรื่องธรรมะอย่างเดียวค่ะ

ตอนนี้เพื่อนที่คบๆกัน ไม่ค่อยมีใครจะคุยกับเค้าค่ะ มีเราคนเดียว
พอเราเตือนๆเค้า
เค้าบอกว่า เต้เจ้ากรรมนายเวรเธอยังแรงอยู่ ก็เลยมาขัดขวางเธอไม่ให้เธอมาเหมือนฉัน


โพสต์ เมื่อ: 24 ก.พ. 2012, 12:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


bbby เขียน:

อ้างคำพูด:
แล้วเราค่อยเล่าเรื่องอาการ ที่เราคิดจะมีชีวิตอยู่โดยกำหนดลมหายใจอย่างเดียวให้ฟังน่ะค่ะ
ตอนนี้เราถอยแล้วค่ะสู้ไม่ไหวค่ะ


bbby เขียน:
อ้างคำพูด:
อ้างคำพูด:
วันนี้ผมได้นั่งสมาธิ เป็นเวลาประมาณ เกือบ๑ชั่วโมง ก็สงบดีอยู่หรอก จนกระทั่งตอนออกจากสมาธิ รู้สึกหงุดหงิดใจเป็นบ้าเลย อะไรก็ไม่ถูกใจ อึดอัดใจ กระวนกระวายใจ ทำอะไรไม่ถูก จนมาเขียน กระทู้นี้แหละ ใครพอรู้ว่าผมเป็นอะไร ช่วยแนะนำผมด้วยนะ


สำหรับเราน่ะค่ะ เราจะใช้วิธีกำหนดลมหายใจพุธ-โธซักพักหนึ่ง
แล้วก็นึกถึงคำสอนเหตุแห่งทุกข์ อารมณ์หงุดหงิดใจอะไรต่างๆจะหายไปเองค่ะ

อารมณ์หงุดหงิดใจ หรือกระวนกระวายใจ เลยไม่ค่อยจะกล้ามาหาเราค่ะ



คุณน้ำเขียน
อ้างคำพูด:
เห็นไหมคะ คุณเพิ่งพูดว่า ตอนนี้ถอยสู้ไม่ไหว เพียงแป๊บเดียว คุณเข้าไปแชร์เรื่องสภาวะของคุณในกระทู้นี้ละ


ไม่ใช่หรอกค่ะ เราคงจะไปอินกับชีวิตมากเกินไป คือรู้สึกเบื่อทางโลกแสงสี
อยากจะเข้าไปสู่ทางโลกธรรมะ

ทีนี้เราก็คิดว่า เวลาที่เรานั่งสมาธิหรือกำหนดลมหายใจเข้า-ออก ซึ่งมีแต่คำว่าพุท-โธนี้
เรารู้สึกว่ามีความสุข

ทีนี้เราก็เลยคิดว่า ถ้ามนุษย์เราจะมีชีวิตอยู่ โดยกำหนดพุท-โธตลอดนั้นจะทำได้หรือไม่
แล้วก็คำว่า ความสุขที่แท้จริงของชีวิตมีจริงหรือไม่

ทีนี้เราจะกำหนดแต่คำว่าพุท-โธ คือเกือบจะตลอดน่ะ ทีนี้ทีนี้พอทำบ่อยๆหรือนานเกินไป
จากปกติ เราจะทำแค่ความโกรธความโมโหเข้ามา
เราจะใช้วิธีกำหนดลมหายใจเข้า-ออกเพื่อดับเหตุ


แต่ที่นี้เราทำชนิดที่ว่า ไม่ให้สมองคิดอะไรทั้งนั้น พอสมองจะไปคิดเรื่องอะไร
เราจะยื้อให้อยู่แค่ลมหายใจเข้า-ออกเท่านั้น

ทีนี้พอมากเกินไป ก็เกิดอาการเหมือนแน่นที่หน้าอกแล้วก็หายใจแรง
แล้วที่ตรงหน้าผาก จะเกิดการเกร็งเหมือนในลักษณะยื้อกันน่ะค่ะ
เราก็เกิดอาการปวดที่ตรงหน้าผาก

ตอนนี้เราหยุดทำ2-3วันแล้วค่ะ (มีใครเคยทำแบบเราหรือปล่าวบ้างก็ไม่รู้่น่ะค่ะ)
แล้วถ้าหลักการปฎิบัติธรรมจริงๆแล้ว เค้ามีหรือปล่าวก็ไม่รู้น่ะค่ะ

ตอนนี้เราก็เลยกำหนดลมหายใจเข้า-ออก แค่ตอนจิตวุ่นวายหรือรู้สึกสับสน
พอกำหนดจิตอยู่ที่ลมหายใจเข้า-ออก รู้สึกว่ามันเหมือนมีสติขึ้นน่ะค่ะ :b1: :b8: :b8: :b8:


โพสต์ เมื่อ: 24 ก.พ. 2012, 13:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


bbby เขียน:
bbby เขียน:


คุณน้ำมองว่าเพื่อนเรายึดติดกับสิ่งอะไรค่ะ เค้าจะไม่คุยเรื่องทางโลกเลย เค้าจะคุยแต่เรื่องธรรมะอย่างเดียวค่ะ




อันนี้มันก็เหตุของเขาค่ะ ใครจะทำอะไรอย่างไร นั่นเหตุของเขา เราไม่ควรเอาความรู้สึกของเราไปตัดสินในการกระทำของเขา

แนวทางของแต่ละคนแตกต่างไปตามเหตุปัจจัยที่ทำมาและที่กำลังสร้างขึ้นมาใหม่น่ะค่ะ




bbby เขียน:
bbby เขียน:

อ้างคำพูด:
แล้วเราค่อยเล่าเรื่องอาการ ที่เราคิดจะมีชีวิตอยู่โดยกำหนดลมหายใจอย่างเดียวให้ฟังน่ะค่ะ
ตอนนี้เราถอยแล้วค่ะสู้ไม่ไหวค่ะ


bbby เขียน:
อ้างคำพูด:
อ้างคำพูด:
วันนี้ผมได้นั่งสมาธิ เป็นเวลาประมาณ เกือบ๑ชั่วโมง ก็สงบดีอยู่หรอก จนกระทั่งตอนออกจากสมาธิ รู้สึกหงุดหงิดใจเป็นบ้าเลย อะไรก็ไม่ถูกใจ อึดอัดใจ กระวนกระวายใจ ทำอะไรไม่ถูก จนมาเขียน กระทู้นี้แหละ ใครพอรู้ว่าผมเป็นอะไร ช่วยแนะนำผมด้วยนะ


สำหรับเราน่ะค่ะ เราจะใช้วิธีกำหนดลมหายใจพุธ-โธซักพักหนึ่ง
แล้วก็นึกถึงคำสอนเหตุแห่งทุกข์ อารมณ์หงุดหงิดใจอะไรต่างๆจะหายไปเองค่ะ

อารมณ์หงุดหงิดใจ หรือกระวนกระวายใจ เลยไม่ค่อยจะกล้ามาหาเราค่ะ



คุณน้ำเขียน
อ้างคำพูด:
เห็นไหมคะ คุณเพิ่งพูดว่า ตอนนี้ถอยสู้ไม่ไหว เพียงแป๊บเดียว คุณเข้าไปแชร์เรื่องสภาวะของคุณในกระทู้นี้ละ


ไม่ใช่หรอกค่ะ เราคงจะไปอินกับชีวิตมากเกินไป คือรู้สึกเบื่อทางโลกแสงสี
อยากจะเข้าไปสู่ทางโลกธรรมะ



คุณเต้ ... น้ำหมายถึงแบบนี้ เรื่องปกติที่จะปฏิเสธสิ่งที่ไม่ชอบใจ /รู้สึกเบื่อทางโลกแสงสี

แต่จะวิ่งเข้าหาสิ่งที่ชอบใจ/อยากจะเข้าไปสู่ทางโลกธรรมะ

สุดท้ายก็ไม่พ้นความยินดี ยินร้ายอยู่ดีค่ะ

ซึ่งในการปฏิบัติ ไม่ใช่ปฏิเสธสิ่งที่ไม่ชอบใจ ยอมรับแต่สิ่งที่ชอบใจ ต้องแก้ที่ตัวเราเอง แล้วจะอยู่ได้ทั้งสภาวะยินดีและยินร้าย



bbby เขียน:

ทีนี้เราก็คิดว่า เวลาที่เรานั่งสมาธิหรือกำหนดลมหายใจเข้า-ออก ซึ่งมีแต่คำว่าพุท-โธนี้
เรารู้สึกว่ามีความสุข


สุขเกิดจากสมาธิ คือสงบจากภายนอก ช่วยได้แค่ชั่วคราวค่ะ เหตุจาก ผัสสะเกิดขึ้นตลอดเวลาค่ะ



bbby เขียน:

ทีนี้เราก็เลยคิดว่า ถ้ามนุษย์เราจะมีชีวิตอยู่ โดยกำหนดพุท-โธตลอดนั้นจะทำได้หรือไม่



ทำเพื่ออะไรคะ?



bbby เขียน:
ความสุขที่แท้จริงของชีวิตมีจริงหรือไม่


ขอยืนยันว่า "มีค่ะ" เพียงแต่คุณเต้ต้องเรียนรู้จากชีวิตของตัวคุณเต้เอง เรียนรู้จากภายในกายและจิตนี่แหละค่ะ รู้ชัดภายในตามความเป็นจริงได้ ย่อมรู้ชัดภายนอกทุกๆสิ่งค่ะ

ถ้ารู้แบบนี้ได้ จะรู้จักสภาวะของความสุขที่แท้จริงของชีวิต



bbby เขียน:
ทีนี้เราจะกำหนดแต่คำว่าพุท-โธ คือเกือบจะตลอดน่ะ ทีนี้ทีนี้พอทำบ่อยๆหรือนานเกินไป

จากปกติ เราจะทำแค่ความโกรธความโมโหเข้ามา เราจะใช้วิธีกำหนดลมหายใจเข้า-ออกเพื่อดับเหตุ



วิธีนี้ เป็นเพียงแค่กดข่มความรู้สึกที่เกิดขึ้น ใช้ได้เพียงชั่วครั้งชั่วคราวค่ะ เรียกว่าดับได้ชั่วคราว ยังไม่ใช่การดับที่เกิดจากสติทัน หรือเกิดจากการปล่อยวางจากจิตจริงๆ





bbby เขียน:


แต่ที่นี้เราทำชนิดที่ว่า ไม่ให้สมองคิดอะไรทั้งนั้น พอสมองจะไปคิดเรื่องอะไร
เราจะยื้อให้อยู่แค่ลมหายใจเข้า-ออกเท่านั้น

ทีนี้พอมากเกินไป ก็เกิดอาการเหมือนแน่นที่หน้าอกแล้วก็หายใจแรง
แล้วที่ตรงหน้าผาก จะเกิดการเกร็งเหมือนในลักษณะยื้อกันน่ะค่ะ เราก็เกิดอาการปวดที่ตรงหน้าผาก



เรื่องปกติค่ะ ไปฝืนธรรมชาติ คือ เพ่งมากเกินไป ความเครียดย่อมเกิดค่ะ



bbby เขียน:

ตอนนี้เราหยุดทำ2-3วันแล้วค่ะ (มีใครเคยทำแบบเราหรือปล่าวบ้างก็ไม่รู้่น่ะค่ะ)



เข้าใจค่ะ เพราะ เคยเป็นมาก่อน เคยทำแบบที่คุณทำนี่แหละ




bbby เขียน:

แล้วถ้าหลักการปฎิบัติธรรมจริงๆแล้ว เค้ามีหรือปล่าวก็ไม่รู้น่ะค่ะ


มีค่ะ แล้วแต่รูปแบบการปฏิบัติของสำนักนั้นๆ

แต่ถ้ากำหนดไม่ถูกจังหวะ จากสภาวะปกติ จะกลายเป็นเพ่งไปทันทีค่ะ เช่น การกำหนดยืนหนอ โกรธหนอ รู้หนอ ฯลฯ

หรือแม้กระทั่งใช้คำบริกรรมอื่นๆสำทับลงไปเพื่อให้จิตระลึกอยู่ที่คำบริกรรมนั้นๆ เป็นการปฏิเสธสภาวะที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริง(กดข่มเอาไว้ด้วยคำบริกรรมภาวนา) ก็เกิดอาการนี้ได้เช่นเดียวกันค่ะ



bbby เขียน:

ตอนนี้เราก็เลยกำหนดลมหายใจเข้า-ออก แค่ตอนจิตวุ่นวายหรือรู้สึกสับสน
พอกำหนดจิตอยู่ที่ลมหายใจเข้า-ออก รู้สึกว่ามันเหมือนมีสติขึ้นน่ะค่ะ



ก็แค่ชั่วคราวน่ะค่ะ ยังไงก็ไม่พ้นเรื่องการกำหนดอยู่ดี สุดท้ายก็เจอสภาวะที่ไม่ชอบใจอีก

สิ่งใดก็ตามที่พยายามทำให้เกิดขึ้น ตามความรู้สึกยินดี ยินร้ายที่มีอยู่ สิ่งๆนั้น ล้วนก่อให้เกิดความทุกข์ เพราะไม่ได้ดั่งใจน่ะค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 24 ก.พ. 2012, 13:40, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสต์ เมื่อ: 24 ก.พ. 2012, 13:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


คำแนะนำค่ะ

คุณเต้ควรยอมรับตามความเป็นจริงเวลาที่ความรู้สึกต่างๆเกิดขึ้น ไม่ว่าจะรู้สึกยังไงก็ตาม ยอมรับไปตามนั้น แต่อย่าสร้างเหตุออกไปตามความรู้สึกที่เกิดขึ้นเท่านั้นเอง

ไม่ควรไปกดข่มอารมณ์ความรู้สึกตรงนั้นเอาไว้ ด้วยการเพ่งที่คำบริกรรมภาวนา ถ้ายังทำแบบนี้ตลอดไป แล้วจะพบสุขที่แท้จริงในชีวิตได้อย่างไรคะ?

ที่สำคัญ ความสุขที่เกิดจากการภาวนา(สมาธิ) อย่างเดียวน่ะ ไม่ได้ช่วยให้พ้นทุกข์นะคะ แต่ก็ต้องอาศัยกำลังของสมาธิ เพียงแต่เคยแนะนำไปแล้วเรื่องการปรับอินทรีย์ คุณคงลืมหมดแล้ว

การปรับอินทรีย์ จะทำให้กำลังของสติมีมากขึ้น สมาธิก็แนบแน่นมากขึ้น เป็นเหตุสามารถรู้ชัดอยู่ภายในกายและจิตมากขึ้น นี่ต่างหากที่ควรทำ


ในเมื่อคุณทำแต่สิ่งที่ชอบ (สมาธิ/คำบริกรรม) คุณก็ต้องเจอสภาวะแบบนี้ตลอดไปน่ะค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 85 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร