วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 23:07  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 131 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5 ... 9  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.พ. 2012, 06:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ม.ค. 2012, 16:35
โพสต์: 110


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: สวัสดีค่ะ นักธรรม และผู้รู้ทุกท่าน :b8: :b8:

วันนี้ดิฉันมาขอความช่วยเหลือค่ะ

เนื่องจากการตั้งหัวข้อ เกิดจากการที่ดิฉันรู้ผิดทำให้เดินทางธรรมผิด

เกิดผลให้การทำมหาสติของดิฉันชะงักงัน..เมื่อดิฉันเดินมหาสติได้สักพักนึง

ในการดู กาย เวทนา จิต ธรรม รวบย่อมาได้ที่ กายกับจิต

เมื่อดิฉันดูกายในกาย ได้สักพัก จิตเริ่มเห็นกายตามความเป็นจริง เห็นโทษของกาย

เห็น ความเกิดดับไปตามเป็นจริงของกาย เมื่อจิตเห็นแจ้งตามนั้นแล้ว จิตกลับบเพิกกายไป

ทำให้การทำมหาสติของดิฉันไม่สามารถเดินต่อไปได้ เนื่องจากว่า ไม่ว่าจะเริ่มดูกายเมื่อใด

ไม่นานจิตจะเพิกรูปของกายไปทุกที กลับกลายเป็นว่า ไปอยู่ใน ความว่างเปล่า นิมิตที่เห็นในสมาธิคือ

อวกาศทุกครั้งและเมื่อเริ่มพิจารณากายก็จะไปจบที่อวกาศทุกครั้งไป..ลึกๆดิฉันรู้ว่าดิฉันเดินมหาสติผิด

เพราะถ้าตรงทางจะสามารถพิจารณากายได้เรื่อยๆไป ส่วนจิตนั้น ไม่มีปัญหาในการพิจารณา ดูจิตในจิต

เมื่อดิฉันได้เข้ามาในเวปลานธรรมนี้ ทำให้ดิฉันมีความรู้เพิ่มเติมมากมาก และเห็นได้ชัดว่า

ดิฉันเดินมหาสติผิดจริง หลายวันนี้ดิฉันได้ทบทวนในการเดินทางธรรมของดิฉันเองและ รู้ว่า เหตุเพราะดิฉันคิด

ผิดจึงทำให้การเดินทางธรรมผิดไป

วันนี้ดิฉันเลยมาขอความช่วยเหลือค่ะ..เพราะดิฉันไม่มั่นใจในตัวเองว่าคิดถูกไหม

ดิฉันอยากถามว่า การละขันธ์5 ในทางมหาสตินั้น คือละขันธ์5 แบบไหน

ละแบบเพิกขันธ์5 หรือ ละขันธ์5 คือ การวางเฉยต่อขันธ์5 ค่ะ

ละขันธ์5 แบบไหน ถูกต้องในมหาสติค่ะ.

:b8: :b8: ขอบพระคุณล่วงหน้าคะ :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.พ. 2012, 07:09 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ผมว่า..มันมีอะไรแปลก ๆ ....เต็มไปหมด

ลองเล่ารายละเอียดการภาวนาของท่านหน่อยซิครับ....ทำยังงัย

ทำสมาธิทำยังงัย...ใช้คำบริกรรมหรือไม่อย่างไร

พิจารณากาย...ทำอย่างไร..เริ่มพิจารณาตอนไหน

พอเข้าอวกาศ....รู้สึกอย่างไร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.พ. 2012, 07:38 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ผมกำลังคิดว่า..คุณรู้ล่วงหน้ามากไป...

และกำลังอยากรู้ล่วงหน้าอีก....ว่าละขันธ์ 5 อย่างไร

การรู้ล่วงหน้าว่า...ผลต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้...

สามัญสำนึกมันก็ต้องว่า...หากไม่ได้อย่างนี้อย่างนั้น...มันก็ไม่ใช่ผล

ผล..ใคร ๆ ก็อยากได้อยากเป็น

จิตนี้...มหัศจรรย์มาก

สร้างได้ทุกสิ่ง

ภพ...มันก็สร้างได้

ผล...มันก็สร้างได้

ผลเทียม ๆ ...ที่กินไม่ได้จริง...มันก็สร้างได้..จากข้อมูลที่มันรู้มา

ผลเทียม ๆ ของมันกินไม่ได้....เราเรียกมันว่า...อุปาทาน

ทางที่ดี...อย่าไปรู้ผล...ให้มากนัก....

รู้แต่หนทางสร้างเหตุ...ทำเหตุให้ดี....ผลมันเป็นของมันเอง

การได้พบครูบาอาจารย์..ที่เดินผ่านมาแล้ว...จึงสำคัญมาก

ลองเล่ารายละเอียดดูนะครับ...

คาดว่า..มีสมาชิกหลาย ๆ ท่าน...รู้จุดนี้หลายคน

กางตำรามาตอบ...เหมือนกางแผนที่...อาจพากันลงทะเลได้

เพราะปัจจุบันธรรม....กับ..แผนที่...อาจคนละความรู้สึก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.พ. 2012, 09:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


รู้ธรรมทั้งปวงตามเป็นจริงครับ ธรรมะจะเป็นอย่างไรก็ต้องเป็นอย่างงั้น
ธรรมะแต่ละอย่างเกิดมาทำหน้าที่ของธรรมนั้นๆ ตั้งอยู่เพียงครู่ แล้วก็ดับไป
อาศัยปัจจัยอย่างนั้น อย่างนี้
เรียกว่ามาทำความรู้จักธรรมะ รู้จักความจริงกัน หลังจากที่โง่กันมานานมาก

สิ่งที่ควรละก็คือ " ราคะ โทสะ โมหะ "
ถ้าหมดสิ้นราคะ โทสะ โมหะโดยสิ้นเชิง ก็จบกิจหน้าที่ที่ต้องทำ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.พ. 2012, 10:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ความรู้สึกว่า เรามีขันธ์5
ขันธ์5 มีในเรา
ขันธ์5 อยู่ในกายเรา
สุดท้ายคือมีเราเป็นตัวเป็นตนอยู่คนหนึ่ง

เหล่านี้เป็นการทำงานของ ...................................... อุปาทาน

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.พ. 2012, 11:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ชาวโลก เขียน:
:b8: :b8: สวัสดีค่ะ นักธรรม และผู้รู้ทุกท่าน :b8: :b8:

ดิฉันอยากถามว่า การละขันธ์5 ในทางมหาสตินั้น คือละขันธ์5 แบบไหน

ละแบบเพิกขันธ์5 หรือ ละขันธ์5 คือ การวางเฉยต่อขันธ์5 ค่ะ

ละขันธ์5 แบบไหน ถูกต้องในมหาสติค่ะ.

:b8: :b8: ขอบพระคุณล่วงหน้าคะ :b8: :b8:


ผมว่าคุณเดินมาถูกทางแล้วครับ การเห็นขันธ์ 5 ไม่ใช่ตัวตนเป็นการละอัตตา ย่อมเป็นคำสอนของ
พระพุทธเจ้า แต่ที่จิตติดกับความว่างนั้น อาจทำให้เกิดความชะงักงันในการปฏิบัติได้ แต่ถ้าลองกำหนดรู้ความว่างนั้นโดยไม่ต้องปรุงแต่ง ผมว่าไม่นานจิตย่อมเพิกถอนมาเอง ตามกฏอนิจจัง

แต่ผมว่าลองกำหนดจิตโดยยกจิตมาเจริญสติกับการเคลื่อนไหวจะดีกว่าเพราะขณะเคลื่อนไหวจิตย่อมจดจ่อกับปัจจุบันธรรม เห็นกายในกาย เห็นเวทนาในเวทนา เห็นจิตในจิต เห็นธรรมในธรรมในปัจจุบัน
เห็นความเกิดดับต่อหน้าต่อตา แล้วจะเห็นมายาแห่งความคิดไม่หลงจมในมายา จิต ย่อม ปล่อยปละ ละวาง และเกิดความเห็นความรู้จริงในทุกข์ ในธรรมตามลำดับลำดาไป

ส่วนการละขันธ์5 ในทางมหาสตินั้น คือละขันธ์5 แบบไหน

ละแบบเพิกขันธ์5 หรือ ละขันธ์5 คือ การวางเฉยต่อขันธ์5

ละขันธ์5 แบบไหน ถูกต้อง ข้อนี้ผมเห็นว่าการละขันธ์ 5 คือการละความเห็นผิดของจิตที่มีต่อขันธ์ 5 ที่ยึดเอาขันธ์ 5 เป็นตน

ส่วนตัวขันธ์ 5 นั้น ก็เป็นเพียงขันธ์ เป็นเพียงธรรมตามธรรมชาติ ซึ่งเกิดขึ้นมาตามเหตุปัจจัยจึงไม่ต้องทำอะไร เมื่อหมดเหตุปัจจัย ย่อมดับไปเอง

เหมือนกองไฟ เมื่อถูกจุดลุกไหม้แล้ว เมื่อยังมีเชื้อย่อมลุกโพลงอยู่เมื่อหมดเชื้อแล้วย่อมดับเย็นไปเอง

เมื่อเรารู้แล้วว่าไฟไม่ใช่ตน ก็ไม่ไปกอดกองไฟนั้น และไม่ต้องการจุดไฟกองใหม่ขึ้นมาอีก

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.พ. 2012, 12:41 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ม.ค. 2012, 16:35
โพสต์: 110


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ผมกำลังคิดว่า..คุณรู้ล่วงหน้ามากไป...

และกำลังอยากรู้ล่วงหน้าอีก....ว่าละขันธ์ 5 อย่างไร

การรู้ล่วงหน้าว่า...ผลต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้...

สามัญสำนึกมันก็ต้องว่า...หากไม่ได้อย่างนี้อย่างนั้น...มันก็ไม่ใช่ผล

ผล..ใคร ๆ ก็อยากได้อยากเป็น

จิตนี้...มหัศจรรย์มาก

สร้างได้ทุกสิ่ง

ภพ...มันก็สร้างได้

ผล...มันก็สร้างได้

ผลเทียม ๆ ...ที่กินไม่ได้จริง...มันก็สร้างได้..จากข้อมูลที่มันรู้มา

ผลเทียม ๆ ของมันกินไม่ได้....เราเรียกมันว่า...อุปาทาน

ทางที่ดี...อย่าไปรู้ผล...ให้มากนัก....

รู้แต่หนทางสร้างเหตุ...ทำเหตุให้ดี....ผลมันเป็นของมันเอง

การได้พบครูบาอาจารย์..ที่เดินผ่านมาแล้ว...จึงสำคัญมาก

ลองเล่ารายละเอียดดูนะครับ...

คาดว่า..มีสมาชิกหลาย ๆ ท่าน...รู้จุดนี้หลายคน

กางตำรามาตอบ...เหมือนกางแผนที่...อาจพากันลงทะเลได้

เพราะปัจจุบันธรรม....กับ..แผนที่...อาจคนละความรู้สึก


:b8: :b8: น้อมรับไว้พิจารณาเรื่องการจับผิดจิตตัวเองค่ะ :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.พ. 2012, 12:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ม.ค. 2012, 16:35
โพสต์: 110


 ข้อมูลส่วนตัว


FLAME เขียน:
รู้ธรรมทั้งปวงตามเป็นจริงครับ ธรรมะจะเป็นอย่างไรก็ต้องเป็นอย่างงั้น
ธรรมะแต่ละอย่างเกิดมาทำหน้าที่ของธรรมนั้นๆ ตั้งอยู่เพียงครู่ แล้วก็ดับไป
อาศัยปัจจัยอย่างนั้น อย่างนี้
เรียกว่ามาทำความรู้จักธรรมะ รู้จักความจริงกัน หลังจากที่โง่กันมานานมาก

สิ่งที่ควรละก็คือ " ราคะ โทสะ โมหะ "
ถ้าหมดสิ้นราคะ โทสะ โมหะโดยสิ้นเชิง ก็จบกิจหน้าที่ที่ต้องทำ


:b8: :b8: น้อมรับไว้พิจารณาค่ะ :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.พ. 2012, 12:43 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ม.ค. 2012, 16:35
โพสต์: 110


 ข้อมูลส่วนตัว


govit2552 เขียน:
ความรู้สึกว่า เรามีขันธ์5
ขันธ์5 มีในเรา
ขันธ์5 อยู่ในกายเรา
สุดท้ายคือมีเราเป็นตัวเป็นตนอยู่คนหนึ่ง

เหล่านี้เป็นการทำงานของ ...................................... อุปาทาน


:b8: :b8: น้อมรับไว้พิจารณาค่ะ :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.พ. 2012, 13:16 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ยกตัวอย่าง...นะครับ
viewtopic.php?f=1&t=40950


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.พ. 2012, 13:20 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ม.ค. 2012, 16:35
โพสต์: 110


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ผมว่าคุณเดินมาถูกทางแล้วครับ การเห็นขันธ์ 5 ไม่ใช่ตัวตนเป็นการละอัตตา ย่อมเป็นคำสอนของ
พระพุทธเจ้า แต่ที่จิตติดกับความว่างนั้น อาจทำให้เกิดความชะงักงันในการปฏิบัติได้ แต่ถ้าลองกำหนดรู้ความว่างนั้นโดยไม่ต้องปรุงแต่ง ผมว่าไม่นานจิตย่อมเพิกถอนมาเอง ตามกฏอนิจจัง


ดิฉันดูความว่างอยู่หลายอาทิตย์ค่ะ แต่ส่งผลระหว่างวันว่า จิตดิฉันลอย ปกติระหว่างวันดิฉันจะรู้ลมหายใจเข้าออกเสมอ แต่ช่วงที่ดูอยู่นั้นจิตลอย ลอยเว้งว้างแบบไม่มีที่สิ้นสุด แรกๆลอยนิดๆ วันต่อมาเริ่มลอยมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ จนมีวันนึงดิฉันคิดได้ว่า พระท่านเคยบอกว่า เราอย่าประมาทในชีวิต เราควรคิดถึงความตายเป็นปกติ เมื่อนึกถึงคำพระคำนี้ ทำให้คิดว่า ถ้าเราตายตอนนี้ เราต้องลอยตามแบบสภาวะที่เรากำลังลอยอยู่แน่ๆ เพราะนึกถึงคำอีกคำนึงได้ของพระท่านว่า ตอนตายเรานึกถึงสิ่งใด เราจะไปเป็นในสิ่งนั้น ช่วงนั้นดิฉันเริ่มลอยขึ้นเรื่อยๆมากขึ้นทุกๆวัน พอนึกถึงคำพระสองประโยคนี้ ทำให้ดิฉันหยุดทำมหาสติค่ะ ดิฉันหันมาเดิน อานาปานในกรรมฐาน 40 แทน โดยยึด อุปสมานุสสติเป็นหลักในการเกาะเดินกรรมฐาน พอได้มาคุยในเวปลานธรรมแล้ว ทำให้ดิฉันได้คิดทบทวนในการเดินทางธรรมของตัวเองในด้านมหาสติ เป็นเหตุให้ดิฉันมาตั้งกระทู้เพืีอขอความรุ้ที่ถูกต้องในทางมหาสติค่ะ

อ้างคำพูด:
แต่ผมว่าลองกำหนดจิตโดยยกจิตมาเจริญสติกับการเคลื่อนไหวจะดีกว่าเพราะขณะเคลื่อนไหวจิตย่อมจดจ่อกับปัจจุบันธรรม เห็นกายในกาย เห็นเวทนาในเวทนา เห็นจิตในจิต เห็นธรรมในธรรมในปัจจุบัน
เห็นความเกิดดับต่อหน้าต่อตา แล้วจะเห็นมายาแห่งความคิดไม่หลงจมในมายา จิต ย่อม ปล่อยปละ ละวาง และเกิดความเห็นความรู้จริงในทุกข์ ในธรรมตามลำดับลำดาไป
ปกติดิฉันใช้การเดินในการทำกรรมฐานค่ะ ระหว่างวันเมื่อใช้สมาธิน้อยๆเลียๆ จะไม่มีปัญหาในการพิจารณากาย แต่เมื่อใด ทำกรรมฐานอย่างจริงจัง เพ่งพิจารณาอย่างจริงจัง ไม่นานก็ต้องไปจบที่อวกาศทุกทีไป เลยเป็นเหตุให้ต้องอยู่ทำมหาสตินะค่ะ ดิฉันหยุดทำมหาสติได้ 2 เดือนแล้ว ..

อ้างคำพูด:
ส่วนการละขันธ์5 ในทางมหาสตินั้น คือละขันธ์5 แบบไหน

ละแบบเพิกขันธ์5 หรือ ละขันธ์5 คือ การวางเฉยต่อขันธ์5

ละขันธ์5 แบบไหน ถูกต้อง ข้อนี้ผมเห็นว่าการละขันธ์ 5 คือการละความเห็นผิดของจิตที่มีต่อขันธ์ 5 ที่ยึดเอาขันธ์ 5 เป็นตน

ส่วนตัวขันธ์ 5 นั้น ก็เป็นเพียงขันธ์ เป็นเพียงธรรมตามธรรมชาติ ซึ่งเกิดขึ้นมาตามเหตุปัจจัยจึงไม่ต้องทำอะไร เมื่อหมดเหตุปัจจัย ย่อมดับไปเอง

เหมือนกองไฟ เมื่อถูกจุดลุกไหม้แล้ว เมื่อยังมีเชื้อย่อมลุกโพลงอยู่เมื่อหมดเชื้อแล้วย่อมดับเย็นไปเอง

เมื่อเรารู้แล้วว่าไฟไม่ใช่ตน ก็ไม่ไปกอดกองไฟนั้น และไม่ต้องการจุดไฟกองใหม่ขึ้นมาอีก


การละความเห็นผิดของจิตที่มีต่อขันธ์ 5 ที่ยึดเอาขันธ์ 5 เป็นตน แปลว่า ละความยึดถือยึดมั่นในขันธ์5 แต่ขันธ์ ยังคงอยู่ตามสภาพของมัน...ดิฉันเข้าใจถูกไหมค่ะ

:b8: :b8: ขอบพระคุณที่ให้ความรู้และแนวทางนะค่ะ :b8: :b8:


แก้ไขล่าสุดโดย ชาวโลก เมื่อ 02 ก.พ. 2012, 13:27, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.พ. 2012, 13:24 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ม.ค. 2012, 16:35
โพสต์: 110


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ยกตัวอย่าง...นะครับ
viewtopic.php?f=1&t=40950


:b8: :b8: สาธุ สาธุ ขอบพระคุณค่ะ :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.พ. 2012, 13:43 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ส.ค. 2011, 15:12
โพสต์: 191


 ข้อมูลส่วนตัว


ขันธุ์ห้า ไม่ใช่จะรู้ด้วยความจำ ความนึกคิด แต่ขันธุ์ห้าจะรู้จะเห็นได้ก็ด้วยศีล สมาธิ ปัญญา... ศีล สมาธิ ปัญญา อันเกิดจากการบริกรรมภาวนาจนเกิดความสงบแน่วแน่ จนถึงสมาธิละเอียดมีสติเต็มกำลังรู้ตื่น เบิกบาน ในปัจจุบันธรรมนั้น สติที่อยู่ปัจจุบันนั้นจะรู้จะเห็นได้ถึงความเกิดดับ อะไรล่ะเกิดดับ ท่านเห็นอะไรเกิดดับ มีแล้วไม่มีหยาบละเอียด วูบไป เห็นไหม ถ้าไม่เห็นก็ยังไม่เป็นวิปัสสนาภาวนา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.พ. 2012, 14:11 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ม.ค. 2012, 16:35
โพสต์: 110


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ผมว่า..มันมีอะไรแปลก ๆ ....เต็มไปหมด

ลองเล่ารายละเอียดการภาวนาของท่านหน่อยซิครับ....ทำยังงัย

ทำสมาธิทำยังงัย...ใช้คำบริกรรมหรือไม่อย่างไร

พิจารณากาย...ทำอย่างไร..เริ่มพิจารณาตอนไหน

พอเข้าอวกาศ....รู้สึกอย่างไร


ดิฉันไม่ใช่นักปฎิบัติที่เดินตามมหาสติแท้ๆค่ะ ดิฉันเป็นแบบเทียม เนื่องจากดิฉันเห็นทุกข์ ในชีวิตประจำัวัน

เห็นอารมณ์ที่ทุกข์ในชีวิตประจำวัน ทำให้ดิฉันต้องไปหาเหตุ เหตุบีบบังคับให้ดิฉันต้องศึกษา เจาะลึกไปที่

รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาน เมื่อดิฉันได้ศึกษาและเข้าใจในรายละเอียดของ รูป เวทนา สัญญา

สังขาร และวัญญานแล้ว(ตามความเข้าใจของดิฉันนะค่ะ) ดิฉันก็เริ่มที่จะสนใจเริ่มฝึก มหาสติ เพื่อว่า ระหว่าง

วัน ดิฉันจะได้มีสติในการ ดู รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ เมื่อไปศึกษา มหาสติและเข้าใจว่า รูป

เวทนา สัญญา สังขารและวัญญาน ย่อรวมได้ว่า กายและจิต ดิฉันเริ่มฝึกจากกายก่อน เพราะการโดยอ่าน

หนังสือและทำความเข้าใจนั้นต้องเริ่มที่ละอย่าง ดิฉันเริ่มจาก อิริยาบถบรรพ อานาปานบรรพ และ

สัมปชัญญบรรพก่อน เมื่อ กายเริ่มตื่นทุกรูขุมขน รู้สึกทั่วทุกกาย รู้กายก้าว กล้ามเนื้อยึด กล้ามเนื้อหด รู้ ศอก

งอ รู้ขางอ รู้ไปทุกส่วนของร่างกาย เหมือนทุกอย่างในร่างกายตื่นไปทุกส่วน สามารถรับรู้ความรุ้สึกได้ทุกรูขุม

ขน เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ทำได้ทรงแล้ว ทุกครั้งที่เดินจะเห็นอย่างนี้แล้ว จึงเพิ่ม ปฏิกูลบรรพ ธาตุบรรพ และนวสี

พอเมื่อเดินเหมือนร่างกายตื่นทุกรู้ขุมขน แล้วก็จะเริ่มพิจารณากาย พิจารณาเรื่องความสกปรกในกาย เห็นตับ

ไตใส้พุงในกาย เห็นกล้ามเนื้อทุกส่วนที่ระหว่างเดิน เห็นกล้ามเนื้อยึดหดระหว่างเครื่อนไหว เห็นเครื่องใน

กลายเป็นของเน่า เห็นทุกอย่างว่า ไม่นานมันก็เสื่อมไปตามกฏของไตรลักษณ์ เห็นทุกข์ของร่างกาย เห็นทุกข์

ของการเกิด เห็นทุกข์ของการมีชีวิตอยู่ ทำให้เข็ดการเกิด เบื่อร่างกาย ดิฉันดูอย่างนี้ซ้ำไปซ้ำมาและใน

ระหว่างที่ดิฉันพิจารณา ปฎิกูลบรรพ ธาตุบรรพ และนวสี อยู่นี้ ช่วงระหว่างวัน ทุกครั้งที่ดิฉันเห็นตัวเองใน

กระจก ดิฉันจะเห็นหน้าตัวเอง เขียวๆม่วงๆ หน้าอืดๆ เหมือนศพเพิ่งตายได้ไม่กี่วัน ส่องกระจกทีไรเห็นหน้าตัว

เองเป็นศพทุกทีไป ดิฉันทำอย่างนี้ซ้ำ... อยู่ๆวันนึง จิตก็เพิกรูปของมันเอง

มันก็เพิกกายของมันเอง..มาเล่าให้ท่านกบฟังค่ะ :b8: :b8:


แก้ไขล่าสุดโดย ชาวโลก เมื่อ 02 ก.พ. 2012, 14:17, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.พ. 2012, 14:12 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ม.ค. 2012, 16:35
โพสต์: 110


 ข้อมูลส่วนตัว


world2/2554 เขียน:
ขันธุ์ห้า ไม่ใช่จะรู้ด้วยความจำ ความนึกคิด แต่ขันธุ์ห้าจะรู้จะเห็นได้ก็ด้วยศีล สมาธิ ปัญญา... ศีล สมาธิ ปัญญา อันเกิดจากการบริกรรมภาวนาจนเกิดความสงบแน่วแน่ จนถึงสมาธิละเอียดมีสติเต็มกำลังรู้ตื่น เบิกบาน ในปัจจุบันธรรมนั้น สติที่อยู่ปัจจุบันนั้นจะรู้จะเห็นได้ถึงความเกิดดับ อะไรล่ะเกิดดับ ท่านเห็นอะไรเกิดดับ มีแล้วไม่มีหยาบละเอียด วูบไป เห็นไหม ถ้าไม่เห็นก็ยังไม่เป็นวิปัสสนาภาวนา


:b8: :b8: สาธุ น้อมรับไว้พิจารณาค่ะ :b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 131 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5 ... 9  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 141 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร