วันเวลาปัจจุบัน 03 ต.ค. 2025, 04:33  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 37 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ม.ค. 2012, 19:37 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b13: :b13: :b13:
ทำไมช่วงนี้มันขี้เกียจ...จังหึ s006

อยากจะ...นะ...แต่ขี้เกียจไปหมด s002


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ม.ค. 2012, 19:40 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:

ขอประทานโทษนะครับขันธ์ 5 ไม่ได้เป็นต้นเหตุแห่งทุกข์ครับ ตัวการที่แท้จริง คือ "ความไม่เที่ยง"
ขันธ์ 5 ไม่เที่ยง ขันธ์ 5 เลยเป็นทุกข์


ขันธ์ 5 ของอรหันตเจ้า...ก็ไม่เที่ยง

กายพระอรหันต์ก็มีการแตกสลาย...

แต่...เป็นทุกข์มั้ยฮึ? :b6: :b6:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ม.ค. 2012, 20:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 พ.ย. 2009, 13:38
โพสต์: 376

ชื่อเล่น: ต้น
อายุ: 0
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


1.ตอบ

รูปขันธ์
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka3/v ... 5&A=0&Z=66
เวทนาขันธ์
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka3/v ... A=67&Z=140
สัญญาขันธ์
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka3/v ... =141&Z=225
สังขารขันธ์
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka3/v ... =226&Z=308
วิญญาณขันธ์
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka3/v ... =309&Z=392



2.ตอบ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อนี้แลเป็นทุกขอริยสัจ คือ ความเกิดก็เป็นทุกข์ ความแก่
ก็เป็นทุกข์ ความเจ็บไข้ก็เป็นทุกข์ ความตายก็เป็นทุกข์ ความประจวบด้วยสิ่งที่ไม่เป็นที่รัก
ก็เป็นทุกข์ ความพลัดพรากจากสิ่งเป็นที่รักก็เป็นทุกข์ ปรารถนาสิ่งใดไม่ได้สิ่งนั้นก็เป็นทุกข์
โดยย่นย่อ อุปาทานขันธ์ ๕ เป็นทุกข์
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka1/v ... =355&Z=445



3.ตอบ

รู้จักทุกข์


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ม.ค. 2012, 21:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


อภิธรรม นี่เอง
อธิบายขันธ์5 เอาไว้ละเอียดละออ

อยากรู้เรื่องขันธ์5 แบบละเอียด ต้องศึกษาอภิธรรม

Quote Tipitaka:
[๔๘๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สังขตลักษณะของสังขตธรรม ๓
ประการ ๓ ประการเป็นไฉน คือ ความเกิดขึ้นปรากฏ ๑ ความเสื่อมปรากฏ ๑
เมื่อตั้งอยู่ความแปรปรวนปรากฏ ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย สังขตลักษณะของสังขต-
*ธรรม ๓ ประการนี้แล ฯ
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... 8%C3%C3%C1


ขันธ์5 เป็นสังขตธรรม

Quote Tipitaka:
[๑๕๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะอะไรจึงเรียกว่ารูป เพราะสลายไป จึงเรียกว่า รูป
สลายไปเพราะอะไร สลายไปเพราะหนาวบ้าง เพราะร้อนบ้าง เพราะหิวบ้าง เพราะกระหายบ้าง
เพราะสัมผัสแห่งเหลือบ ยุง ลม แดด และสัตว์เลื้อยคลานบ้าง. ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะ
อะไร จึงเรียกว่า เวทนา เพราะเสวย จึงเรียกว่า เวทนา เสวยอะไร เสวยอารมณ์สุขบ้าง เสวย
อารมณ์ทุกข์บ้าง เสวยอารมณ์ไม่ใช่ทุกข์ไม่ใช่สุขบ้าง. ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะอะไร จึงเรียก
ว่า สัญญา เพราะจำได้หมายรู้ จึงเรียกว่า สัญญา จำได้หมายรู้อะไร จำได้หมายรู้สีเขียวบ้าง
สีเหลืองบ้าง สีแดงบ้าง สีขาวบ้าง. ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะอะไรจึงเรียกว่า สังขาร เพราะ
ปรุงแต่งสังขตธรรม จึงเรียกว่า สังขาร ปรุงแต่งสังขตธรรมอะไร ปรุงแต่งสังขตธรรม คือ รูป
โดยความเป็นรูป ปรุงแต่ง สังขตธรรม คือ เวทนา โดยความเป็นเวทนา ปรุงแต่งสังขตธรรม
คือ สัญญา โดยความเป็นสัญญา ปรุงแต่งสังขตธรรม คือ สังขาร โดยความเป็นสังขาร
ปรุงแต่งสังขตธรรม คือ วิญญาณ โดยความเป็นวิญญาณ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะอะไรจึงเรียก
ว่า วิญญาณ เพราะรู้แจ้ง จึงเรียกว่า วิญญาณ รู้แจ้งอะไร รู้แจ้งรสเปรี้ยวบ้าง รสขมบ้าง
รสเผ็ดบ้าง รสหวานบ้าง รสขื่นบ้าง รสไม่ขื่นบ้าง รสเค็มบ้าง รสไม่เค็มบ้าง.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v ... agebreak=0


Quote Tipitaka:
http://www.tipitaka.com/tipitaka11.htm
ขันธ์ ๕ อย่าง
๑. รูปขันธ์ [กองรูป]
๒. เวทนาขันธ์ [กองเวทนา]
๓. สัญญาขันธ์ [กองสัญญา]
๔. สังขารขันธ์ [กองสังขาร]
๕. วิญญาณขันธ์ [กองวิญญาณ] ฯ


Quote Tipitaka:
[๗๐๑] ธรรมมีปัจจัย เป็นไฉน?
ขันธ์ ๕ คือ รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์ สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า
ธรรมมีปัจจัย.
ธรรมไม่มีปัจจัย เป็นไฉน?
อสังขตธาตุ สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ธรรมไม่มีปัจจัย.
[๗๐๒] ธรรมเป็นสังขตะ เป็นไฉน?
ธรรมที่มีปัจจัยเหล่านั้นอันใดเล่า ธรรมเหล่านั้นนั่นแหละชื่อว่า ธรรมเป็นสังขตะ.
ธรรมเป็นอสังขตะ นั้น เป็นไฉน?
ธรรมที่ไม่มีปัจจัยนั้นอันใดเล่า ธรรมนั้นนั่นแหละชื่อว่า ธรรมเป็นอสังขตะ.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... agebreak=0

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ม.ค. 2012, 22:17 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2011, 15:47
โพสต์: 539


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:

ขอประทานโทษนะครับขันธ์ 5 ไม่ได้เป็นต้นเหตุแห่งทุกข์ครับ ตัวการที่แท้จริง คือ "ความไม่เที่ยง"
ขันธ์ 5 ไม่เที่ยง ขันธ์ 5 เลยเป็นทุกข์


ขันธ์ 5 ของอรหันตเจ้า...ก็ไม่เที่ยง

กายพระอรหันต์ก็มีการแตกสลาย...

แต่...เป็นทุกข์มั้ยฮึ? :b6: :b6:


จิต หมดทุกข์
รูป ยังทุกข์ (ยังเจ็บ ยังแก่ )


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ม.ค. 2012, 22:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ภาค ๑-หน้าที่ 682

อรรถกถาอุทยัพพยญาณนิทเทส

พระโยคาวจรนั้น เมื่อเห็นความเกิดและความเสื่อมของขันธ์ ๕ อย่างนี้

ย่อมรู้อย่างนี้ ว่า การรวมเป็นกองก็ดี การสะสมก็ดี ย่อมไม่มีแก่ขันธ์ที่ยังไม่

เกิดก่อนแต่ขันธ์เหล่านี้เกิด, ชื่อว่าการมา โดยรวมเป็นกอง โดยความ

สะสม ย่อมไม่มีแม้แก่ขันธ์ที่เกิดขึ้น, ชื่อว่าการไปสู่ทิศน้อยใหญ่ ย่อมไม่มีแม้

แก่ขันธ์ที่ดับ, ชื่อว่าการตั้งลงโดยรวมเป็นกอง โดยสะสม โดยเก็บไว้ในที่

แห่งหนึ่ง ย่อมไม่มีแม้แก่ขันธ์ที่ดับแล้ว. เหมือนนักดีดพิณ เมื่อเขาดีดพิณอยู่

เสียงพิณก็เกิด, มิใช่มีการสะสมไว้ก่อนเกิด, เมื่อเกิดก็ไม่มีการสะสม, การ

ไปสู่ทิศน้อยใหญ่ออกเสียงพิณที่ดับไปก็ไม่มี, ดับแล้วไม่ว่าที่ไหนก็ไม่สะสมตั้ง

ไว้, ที่แท้แล้วพิณก็ดี นักดีดพิณก็ดีอาศัยความพยายามอันเกิดแต่ความ

พยายามของลูกผู้ชายไม่มีแล้วยังมีได้, ครั้นมีแล้วยังเสื่อมได้ฉันใด, ธรรมมีรูป

และไม่มีรูปแม้ทั้งหมดก็ฉันนั้นไม่มีแล้วยังมีได้ ครั้นมีแล้วยังเสื่อมได้ พระ

โยคาวจรย่อมเห็นด้วยประการฉะนี้แล.

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ม.ค. 2012, 03:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
ลูกพระป่า เขียน:
สวัสดีครับพี่ๆทุกท่าน :b8:
ผมคิดว่าทุกคนในที่นี้คงรู้จักขันธ์ 5 กันดี ไม่มากก็น้อย ก็เลยอยากจะขอตั้งคำถามเกี่ยวกับ ขันธ์ 5 เพื่อที่จะได้เป็นประโยชน์เป็นความรู้แก่ผมและผู้ที่เข้ามาร่วมสนทนาทุกท่านครับ คำถามมีว่า..
**1. ขันธ์ 5 คืออะไรครับ
**2. เป็นธรรมข้อใดใน อริยะสัจ 4 ครับ
**3. รู้ขันธ์ 5 แล้วเราจะได้ประโยชน์อะไรครับ
ขอบคุณครับ :b8:


ก่อนอื่นต้องขออนุญาติคุณ"ลูกพระป่า" ที่จำเป็นต้องอาศัยความเห็นของสมาชิกท่านอื่น
มาอ้างอิงในการตอบ เพราะเห็นว่าเป็นแนวทางในคำตอบของผม กรุณาอย่าเห็นว่า
เป็นการชวนทะเลาะ และท่านที่ผมอ้างอิงก็ไม่มีอคติกับลักษณะการแสดงความเห็นแบบนี้
ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
1. ขันธ์ 5 คือ ตัวเรา

เพราะคิดว่าขันธ์5เป็นตัวเราไง มันถึงได้ทุกข์
อันที่จริงตัวเรามันไม่มี มีแต่อุปาทานยึดเอาขันธ์5มาเป็นตัวเราเพราะหลง
ขันธ์5เป็นกระบวนการของธรรมชาติ มันเกิดขึ้นตั้งอยู๋และดับไปตลอดเวลา
มีลักษณะไตรลักษณ์ เป็นอนิจัง ทุกขัง อนัตตา

ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
2. ธรรมข้อ 2 สมุทัย เหตุแห่งทุกข์ เพราะขันธ์ 5 ไม่เที่ยง "สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์"

ขันธ์5ที่คุณลูกพระป่าถามว่าอยู่ข้อใดในอริยสัจจ์ มันอยู่ในข้อ1
ขันธ์ห้า "เป็นตัวทุกข์" ที่ว่าทุกข์ก็เพราะปุถุชน มีอวิชา ไม่รู้ทุกข์และเหตุแห่งทุกข์
เลยมีความยึดมั่นว่า ขันธ์5คือตัวเรา

ส่วนคำตอบของคุณไม่เที่ยง ที่ว่าเป็นเหตุแห่งทุก์มันคลาดเคลื่อน
เหตุแห่งทุกข์ที่แท้จริงคือ อุปาทานขันธ์5ไม่ใช่ขันธ์5
ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
3. ให้รู้ว่าตัวเราไม่เที่ยง เกิดจากเหตุปัจจัยมาประชุมกันชั่วคราว สุดท้ายแตกสลายตามเหตุปัจจัย ไม่คงทนถาวร ไม่มีตัวเรา ถ้ามองเห็นอย่างนี้ดับทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ได้ เราก็จะไม่กลัว แก่ เจ็บ ตาย

ไม่ใช่รู้ว่าตัวเราไม่เที่ยง ต้องรู้ว่าขันธ์5ไม่ใช่ตัวเรา ที่เป็นทุกข์เพราะ
หลงไปยึดเอามาเป็นตัวเรา

ดังนั้นการรู้ขันธ์5 เท่ากับได้ตัดอวิชาออกบางส่วน
ในเรื่องของการรู้ทุกข์และรู้เหตุแห่งทุกข์ในอริยสัจจ์สี่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ม.ค. 2012, 05:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


:b8: สาธุ ท่านโฮฮับ ตอบได้ดีแล้ว

มาดูต่อเรื่อง เวทนาครับ

Quote Tipitaka:
เวทนา
แม้ในบทว่า กิญฺหิ สิยา ภิกฺขเว เวทนาย สาโร เป็นต้น พึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้ :-
พึงทราบว่าเวทนาเป็นต้นเหมือนกับต่อมน้ำเป็นต้น อย่างนี้คือ เหมือนอย่างว่า ต่อมน้ำไม่มีสาระฉันใด ถึงเวทนาก็ไม่มีสาระแม้ฉันนั้น.
เหมือนอย่างว่า ต่อมน้ำนั้นไม่มีกำลังจับคว้าไม่ได้ ใครๆ ไม่สามารถจะจับคว้าต่อมน้ำนั้นมาทำแผ่นกระดานหรือที่นั่งได้ ต่อมน้ำที่จับคว้าแล้ว ก็สลายตัวทันทีฉันใด
แม้เวทนาก็ฉันนั้นไม่มีกำลัง จับคว้าไม่ได้ ใครๆ ไม่สามารถจะจับคว้าไว้ด้วยสำคัญว่า เที่ยงหรือยั่งยืน แม้จับคว้าได้แล้วก็คงอยู่อย่างนั้นไม่ได้
เวทนาชื่อว่าเป็นเหมือนฟองน้ำเพราะจับคว้าไว้ไม่ได้อย่างนี้บ้าง.
อนึ่ง เปรียบเหมือนว่า ต่อมน้ำย่อมเกิดและสลายตัวในเพราะหยดน้ำนั้นๆ อยู่ได้ไม่นานฉันใด
แม้เวทนาก็ฉันนั้นย่อมเกิดและสลายตัวไป อยู่ได้ไม่นาน ในขณะชั่วลัดนิ้วมือเดียว เกิดแล้วดับไปนับได้แสนโกฏิครั้ง.
อนึ่ง เปรียบเหมือนว่า ฟองน้ำเกิดขึ้นได้เพราะอาศัยเหตุ ๔ อย่าง คือพื้นน้ำ หยดน้ำ ระลอกน้ำ และลมที่พัดมาให้รวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนฉันใด
แม้เวทนาก็ฉันนั้นเกิดขึ้นได้ เพราะอาศัยเหตุ ๔ อย่าง คือ วัตถุ อารมณ์ ระลอกกิเลส และการกระทบกันด้วยอำนาจผัสสะ. เวทนาเป็นเหมือนต่อมน้ำด้วยอาการอย่างนี้บ้าง.
http://www.84000.org/tipitaka/attha/att ... b=17&i=242

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ม.ค. 2012, 07:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ธ.ค. 2011, 16:32
โพสต์: 324


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณพี่ๆทุกคนมากครับและขออนุโมทนาฯด้วยครับ
**เกี่ยวกับคุณของขันธ์ 5 นี้ถ้าเราพิจารณาให้มากเจริญให้มากและทำควบคู่ไปกับสมถะ ในระดับปุถุชนที่ยังหยั่งรู้ไม่ถึงเหตุเห็นแต่ที่ปลายคือผล ก็สามารถยังคุณให้ทุกข์ที่เกิดขึ้นจากขันธ์ 5 ทั้งทางกายและทางใจไม่สามารถต่อยอดหรือแผ่กิ่งก้านออกมาได้ ทุกข์ที่เกิดขึ้นมาก็เกิดขึ้นมาและดับลงไปในทันทีที่สติปัญญาจับได้
ขอบคุณครับ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ม.ค. 2012, 07:56 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ที่จริง...ก็มีท่านที่กล่าวได้ถูกแล้ว..แหละ..ทั้งคุณtonk ทั้งคุณโฮ..คือการเข้าไปยึดในขันธ์ 5 เป็นทุกข์

ทุกข์เพราะ...ไม่สมหวังทั้งใน..กามตัณหา...ภวตัณหา...วิภวตัณหา

เพราะหวังให้มันเที่ยง..มันก็ไม่เที่ยง..หวังให้มันยั่งยืน..มันก็ไม่ยั่งยืน..ก็มันมีธรรมดาเป็นอนัตตา

ธรรมชาติที่เหนี่ยวให้เข้าไปยึดในขันธ์...มีในขันธ์...จึงเป็นสมุทัยตัวแม่

แต่...ขอคลื่นรบกวนอีกนิด :b9:

อ้างคำพูด:
จิต หมดทุกข์
รูป ยังทุกข์ (ยังเจ็บ ยังแก่ )


แล้วสรุปรวมลงมาเป็นว่า...ยังทุกข์อยู่หรือไม่ทุกข์แล้ว...?
:b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ม.ค. 2012, 08:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


Quote Tipitaka:
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=15&A=2244&Z=2268&pagebreak=0
พระเจ้าปเสนทิโกศลประทับนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้วแล ได้กราบ-
*ทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ผู้ที่เกิดมาแล้วที่พ้นจากชราและมรณะ
มีอยู่บ้างหรือไม่ ฯ
[๓๓๒] พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ดูกรมหาบพิตร คนเกิดมาแล้วที่
จะพ้นจากชรามรณะไม่มีเลย แม้กษัตริย์มหาศาลซึ่งเป็นผู้มั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มี
โภคะมาก มีทองและเงินมากมาย มีทรัพย์เครื่องอุปกรณ์น่าปลื้มใจมากมาย มี
ทรัพย์คือข้าวเปลือกมากมาย ก็ไม่มีพ้นจากชรามรณะ แม้พราหมณ์มหาศาลซึ่งเป็น
ผู้มั่งคั่ง ฯลฯ ก็ไม่มีพ้นจากชรามรณะ แม้คฤหบดีมหาศาล ก็ไม่มีพ้นจากชรา
มรณะ ภิกษุแม้ทุกองค์ ซึ่งเป็นพระอรหันต์ หมดสิ้นอาสวะแล้ว อยู่จบพรหมจรรย์
แล้ว กระทำกรณียะเสร็จแล้ว วางภาระหนักลงได้แล้ว ได้บรรลุประโยชน์ของตน
แล้ว หมดสิ้นกิเลสเครื่องประกอบไว้ในภพแล้ว หลุดพ้นแล้วเพราะรู้โดยชอบ
ร่างกายนี้แม้แห่งพระอรหันต์เหล่านั้น ก็เป็นสภาพแตกดับ ถูกทอดทิ้งเป็น
ธรรมดา ฯ


ถ้าความแก่ เป็นทุกข์
ความตาย เป็นทุกข์

เป็นพระอรหันต์ ก็ยังต้องแก่
เป็นพระอรหันต์ ก็ยังต้องตาย

แล้วพระอรหันต์ จะไม่ทุกข์ ได้หรือ

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ม.ค. 2012, 08:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2011, 15:47
โพสต์: 539


 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
ลูกพระป่า เขียน:
อ้างคำพูด:
2. ธรรมข้อ 2 สมุทัย เหตุแห่งทุกข์ เพราะขันธ์ 5 ไม่เที่ยง "สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์"

ผมขออนุญาตยกเอาคำตอบข้อสองของพี่ไม่เที่ยง เกิดดับ ยกมาให้พิจารณาอีกครั้งครับว่า ขันธ์ 5 เป็นสมุทัยจริงหรือไม่ ขอบคุณครับ :b8:


ขอประทานโทษนะครับขันธ์ 5 ไม่ได้เป็นต้นเหตุแห่งทุกข์ครับ ตัวการที่แท้จริง คือ "ความไม่เที่ยง"
ขันธ์ 5 ไม่เที่ยง ขันธ์ 5 เลยเป็นทุกข์



ลูกพระป่า เขียน:
ขอบคุณพี่ๆทุกคนมากครับและขออนุโมทนาฯด้วยครับ
**เกี่ยวกับคุณของขันธ์ 5 นี้ถ้าเราพิจารณาให้มากเจริญให้มากและทำควบคู่ไปกับสมถะ ในระดับปุถุชนที่ยังหยั่งรู้ไม่ถึงเหตุเห็นแต่ที่ปลายคือผล ก็สามารถยังคุณให้ทุกข์ที่เกิดขึ้นจากขันธ์ 5 ทั้งทางกายและทางใจไม่สามารถต่อยอดหรือแผ่กิ่งก้านออกมาได้ ทุกข์ที่เกิดขึ้นมาก็เกิดขึ้นมาและดับลงไปในทันทีที่สติปัญญาจับได้
ขอบคุณครับ :b8:



ขันธ์ 5 ไม่ใช่ต้นเหตุแห่งทุกข์นะครับ สิ่งที่เป็นตัวการทำให้เกิดทุกข์ คือ "ความไม่เที่ยง"

" สรรพสิ่งในโลกในจักรวาลนี้ต่างหากที่เ็ป็นทุกข์ " เพราะว่าสิ่งเหล่านี้ไม่เที่ยง
สิ่งใดไม่เที่ยงสิ่งนั้นเป็นทุกข์ ดังนั้นเราต้องพิจารณาทุกข์สิ่งทุกอย่างรอบตัวเรา และในตัวเรา (ขันธ์ 5) ด้วยครับ ในขณะปัจจุบันที่กระทบเราอยู่ นี่แหละครับที่เรียกว่า การวิปัสสนาเจริญปัญญา ให้เห็นความจริงของธรรมชาติ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป หรือ ไม่เที่ยง เกิดดับ


ผู้ใดเห็นธรรมชาติ ผู้นั้นเห็นธรรมะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ม.ค. 2012, 13:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ย. 2010, 09:07
โพสต์: 761

แนวปฏิบัติ: อานาปาฯ
งานอดิเรก: ศึกษาพุทธธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม
ชื่อเล่น: ปลีกวิเวก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว



ขันธ์ 5 ไม่ใช่ต้นเหตุแห่งทุกข์นะครับ สิ่งที่เป็นตัวการทำให้เกิดทุกข์ คือ "ความไม่เที่ยง"

[color=#FF00BF]" สรรพสิ่งในโลกในจักรวาลนี้ต่างหากที่เ็ป็นทุกข์ " เพราะว่าสิ่งเหล่านี้ไม่เที่ยง
สิ่งใดไม่เที่ยงสิ่งนั้นเป็นทุกข์ ดังนั้นเราต้องพิจารณาทุกข์สิ่งทุกอย่างรอบตัวเรา
และในตัวเรา (ขันธ์ 5) ด้วยครับ ในขณะปัจจุบันที่กระทบเราอยู่ นี่แหละครับที่เรียกว่า การวิปัสสนาเจริญปัญญา ให้เห็นความจริงของธรรมชาติ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป หรือ ไม่เที่ยง เกิดดับ[/color]



สิ่งเหล่านี้มันมีอยู่ในธรรมชาติมันก็เป็นของมันอย่างนั้น ๆ ไม่เห็นต้องไปพิจารณาอะไร !
ความทุกข์เกิดจากอุปาทานที่สร้างขึ้นว่ามีเรา เป็นของเราต่างหากที่เข้าไปยึดในสิ่งที่ไม่สามารถ
คงสภาพให้ได้อย่างใจเพื่อตอบสนองตัวตน ...(เพราะตกอยู่ภายใต้กฏไตรลักษณ์)
ควรน้อมเข้ามาดูในตนดูกระบวนการทำงานของรูปนามเพื่อตอบสนองต่อเหตุปัจจัยที่เข้ากระทบ..
เกิดขึ้นและดับไปเป็นขณะ ๆ เกิดดับ เกิดดับ ของมันอยู่อย่างนั้น..คุณจะเห็นว่ามันเป็นเพียงกระแส
ที่ไหลกันไปอย่างต่อเนื่อง... :b41:

.....................................................
วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน โส เสฏฺโฐ เทวมานุสเส
ผู้ถึงพร้อมด้วยความรู้คู่ความดี คือผู้ที่ประเสริฐสุดในหมู่มนุษย์และเทวดา
วรรคทอง วรรคธรรม โดยท่าน ว.วชิรเมธี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ม.ค. 2012, 16:26 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2011, 15:47
โพสต์: 539


 ข้อมูลส่วนตัว


ปลีกวิเวก เขียน:

ขันธ์ 5 ไม่ใช่ต้นเหตุแห่งทุกข์นะครับ สิ่งที่เป็นตัวการทำให้เกิดทุกข์ คือ "ความไม่เที่ยง"

[color=#FF00BF]" สรรพสิ่งในโลกในจักรวาลนี้ต่างหากที่เ็ป็นทุกข์ " เพราะว่าสิ่งเหล่านี้ไม่เที่ยง
สิ่งใดไม่เที่ยงสิ่งนั้นเป็นทุกข์ ดังนั้นเราต้องพิจารณาทุกข์สิ่งทุกอย่างรอบตัวเรา
และในตัวเรา (ขันธ์ 5) ด้วยครับ ในขณะปัจจุบันที่กระทบเราอยู่ นี่แหละครับที่เรียกว่า การวิปัสสนาเจริญปัญญา ให้เห็นความจริงของธรรมชาติ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป หรือ ไม่เที่ยง เกิดดับ[/color]



สิ่งเหล่านี้มันมีอยู่ในธรรมชาติมันก็เป็นของมันอย่างนั้น ๆ ไม่เห็นต้องไปพิจารณาอะไร !
ความทุกข์เกิดจากอุปาทานที่สร้างขึ้นว่ามีเรา เป็นของเราต่างหากที่เข้าไปยึดในสิ่งที่ไม่สามารถ
คงสภาพให้ได้อย่างใจเพื่อตอบสนองตัวตน ...(เพราะตกอยู่ภายใต้กฏไตรลักษณ์)
ควรน้อมเข้ามาดูในตนดูกระบวนการทำงานของรูปนามเพื่อตอบสนองต่อเหตุปัจจัยที่เข้ากระทบ..
เกิดขึ้นและดับไปเป็นขณะ ๆ เกิดดับ เกิดดับ ของมันอยู่อย่างนั้น..คุณจะเห็นว่ามันเป็นเพียงกระแส
ที่ไหลกันไปอย่างต่อเนื่อง... :b41:



ใช่ครับสิ่งเหล่านั้นเป็นธรรมชาติของมัน แต่หลายคนไม่เห็นแจ้ง แค่รู้ หรือ รอบรู้เท่านั้น
ไม่พิจารณาก็ไม่เห็นแจ้ง ต้องเติมความเป็นจริงอย่างนี้ หลักการปฏิบัติง่าย ยากตรงที่ผู้ปฏิบัติขาดความพยายามเท่านั้นที่เป็นอุปสรรค ค่อยๆ สะสมจากน้อยไปมาก ปัญญาก็จะค่อยเพิ่มขึ้นเหมือนกัน
เหมือนเติมน้ำใสลงในแก้วน้ำขุ่น เติมไปทีละน้อยสุดท้ายน้ำในแก้วก็ใส เพราะความขุ่นถูกขจัดออกไปทีละน้อย


ไม่ว่าท่านจะพิจารณาขันธ์ 5 อายตนะภายใน อายตนะภายนอก ความโลภ ความโกรธ ความหลง
ความพอใจ ไม่พอใจ สติ ปัญญา สุดท้ายก็ลงเอยที่ "ความไม่เที่ยง" เป็นเหตุแห่งความทุกข์ พิสูจน์ได้เลยครับ
สิ่งใดไม่เที่ยงสิ่งนั้นเป็นทุกข์ สรรพสิ่งทั้งหมด "ไม่เที่ยง" แสดงว่าสิ่งนั้นเป็นทุกข์


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ม.ค. 2012, 16:45 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


ปัญญาเพิ่มขึ้นยังไง
เพิ่มขึ้นถึงขั้นไหน

ลองยกตัวอย่าง ปัญญาที่เพิ่มขึ้นในแต่ละระดับ

และปัญญาที่เพิ่มขึ้นถึงที่สุด เป็นไง


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 37 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร