วันเวลาปัจจุบัน 21 ก.ค. 2025, 20:42  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 19 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ย. 2011, 08:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
แล้วเราจะคิดดี ทำดี พูดดี ได้อย่างไร (สมมุติว่าตอนนี้เราเป็นคนชั่ว)

eragon_joe เขียน:
เราจะทำรถจักรยานให้หยุดวิ่งได้กี่วิธี

อยากให้จักรยานหยุด ต้องเหยียบเบรคสิจ้ะ เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายทั้งจักรยานและคนขี่
ในทางธรรมท่านเปรียบ "สติ" เหมือนมีเบรค จะทำอะไรต้องมีสติไว้คอยตักเตือน คอยระวัง

"สติ" แปลได้หลายอย่าง ในที่นี่มีความหมายว่า รู้จักผิดชอบชั่วดี การกลับตัวจากคนชั่ว
มาเป็นคนดีได้ ต้องเกิดสติเสียก่อน เกิดเพราะตนเตือนตนหรือผู้อื่นแนะนำตักเตือนก็ได้ เช่น

ในครั้งพุทธกาล ...
องคุลีมาล ได้รับการชี้แนะจากพระพุทธเจ้า จึงได้สติ รู้จักผิดชอบชั่วดี

ผู้หญิงคนหนึ่งเสียสติเพราะ สูญเสียสามี บุตร บิดามารดา ร้องไห้ไร้อาภรณ์นุ่งห่ม เดินสะเปะสะปะไปถึงวัดเชตวัน ที่พระพุทธเจ้าประทับ พระองค์ตรัสว่า "น้องหญิง เธอจงมีสติมาเถิด" นั่นแหละ ต่อมาไม่นานท่านจึงบรรลุธรรมและได้รับยกย่องเป็นเอตทัคคะ

สติจึงสำคัญ เมื่อเกิดสติ เราจะทำความดี ทั้งกาย วาจา ใจ ย่อมทำได้ง่าย

:b13:

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ย. 2011, 09:38 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2011, 15:47
โพสต์: 539


 ข้อมูลส่วนตัว


วิริยะ เขียน:
ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
แล้วเราจะคิดดี ทำดี พูดดี ได้อย่างไร (สมมุติว่าตอนนี้เราเป็นคนชั่ว)

eragon_joe เขียน:
เราจะทำรถจักรยานให้หยุดวิ่งได้กี่วิธี

อยากให้จักรยานหยุด ต้องเหยียบเบรคสิจ้ะ เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายทั้งจักรยานและคนขี่
ในทางธรรมท่านเปรียบ "สติ" เหมือนมีเบรค จะทำอะไรต้องมีสติไว้คอยตักเตือน คอยระวัง

"สติ" แปลได้หลายอย่าง ในที่นี่มีความหมายว่า รู้จักผิดชอบชั่วดี การกลับตัวจากคนชั่ว
มาเป็นคนดีได้ ต้องเกิดสติเสียก่อน เกิดเพราะตนเตือนตนหรือผู้อื่นแนะนำตักเตือนก็ได้ เช่น

ในครั้งพุทธกาล ...
องคุลีมาล ได้รับการชี้แนะจากพระพุทธเจ้า จึงได้สติ รู้จักผิดชอบชั่วดี

ผู้หญิงคนหนึ่งเสียสติเพราะ สูญเสียสามี บุตร บิดามารดา ร้องไห้ไร้อาภรณ์นุ่งห่ม เดินสะเปะสะปะไปถึงวัดเชตวัน ที่พระพุทธเจ้าประทับ พระองค์ตรัสว่า "น้องหญิง เธอจงมีสติมาเถิด" นั่นแหละ ต่อมาไม่นานท่านจึงบรรลุธรรมและได้รับยกย่องเป็นเอตทัคคะ

สติจึงสำคัญ เมื่อเกิดสติ เราจะทำความดี ทั้งกาย วาจา ใจ ย่อมทำได้ง่าย

:b13:



สติมีในทุกคนเราใช้มันตลอดเวลา " สติ " ทำหน้าที่ลาก หรือดึง ความจำ ทำให้ตัวเราระลึกได้ยกตัวอย่าง เรากำลังขับรถจักรยาน เมื่อเราเห็นสิ่งกีดขวางข้างหน้าปั๊บ สติลากตึงความจำว่าข้างหน้าคือ รถอะไร หรือ สัตว์อะไร หรือ คน หรือ กิ่งไม้ จะทำให้เราระวังมากขึ้น นี่แหละเรียกว่าคนมีสติ
นี่คือการทำงานของสติ สติไม่จำเป็นต้องเจริญ แต่ให้เราเจริญปัญญา เจริญศีล เจริญสมาธิ

เสียสติ หรือไม่มีสติ หรือขาดสติ ก็คือไม่สามารถระลึกอะไรได้นั้นเอง เหมือนเราเตรียมตัวก่อนสอบอ่านหนังสือมาอย่างดี จำได้หมด เมื่อเข้าห้องสอบจะทำข้อสอบเราตื่นเต้น ก็เลยนึก หรือ ระลึกข้อมูลที่สะสมตอนอ่านหนังสือได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แต่คนเอาคำว่าสติมาใช้ไม่ถูกต้อง รู้เพียงคำย่อ ไม่รู้คำเต็ม และความหมายของสติที่แท้จริงใช้ผิดใช้ถูกตามกันมา ที่รู้ผิดชอบ ชั่วดี ก็เพราะสติดึงเอาความจำที่เป็นกุศลที่เราสะสมไว้นั้นเอง คนที่ไม่รู้ผิดชอบชั่วดี ก็คือจำหรือสะสมสิ่งอกุศลทุกวินาทีนั้นเอง

- สติ ดึง ความจำ(เห็นความจริงของธรรมชาติ) > ปัญญา(รู้ผิด รู้ชั่ว)
> ศีลเกิด > สมาธิ (ความสงบ)
- สติ ดึง ความจำ (ควมไม่รู้ หรือ อวิชชา) > ทำชั่ว ทางกาย วาจา และใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ย. 2011, 10:16 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


ละครน้ำเน่า เขียน:
ถึงชรา มรณะ :b13:


:b13: :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ย. 2011, 11:15 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2011, 15:47
โพสต์: 539


 ข้อมูลส่วนตัว


การศึกษาพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่สามารถหยุดได้ คนธรรมอยากที่จะเข้าใจได้ง่าย ต้องเรียนให้ครบ 84,000 พระธรรมขันธ์ ศึกษาให้เข้าใจหลายๆรอบ แล้วสรุปสั้นๆว่าท่านสอนอะไร ตามเหตุและผล วิธีดับทุกข์อย่างไร แล้วค่อยปฏิบัติว่าสามารถดับเหตุแห่งทุกข์ได้ไหม ดับไม่ได้ให้เลิกทำ เพราะว่าในพระไตรปิฎกสอนเรื่องทุกข์และการดับเหตุแห่งทุกข์เท่านั้น พระองค์ทรงเห็นทุกข์ของหมู่มนุษย์ ท่านจึงหาวิธีการดับเหตุแห่งทุกข์ให้กับตนเองก่อน แล้วค่อยสอนให้กับมนุษย์ให้พ้นทุกข์ตามพระองค์ท่าน
ไม่ชาตินี้ ก็ชาติหน้าคงไม่เป็นไร แค่ได้อ่าน ได้ศึกษาพระธรรมคำสอน ได้พบพระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าก็เป็นบุญสูงสุดของชีวิตแล้ว ศึกษาชาตินี้ไม่เข้าใจหวังว่าชาติหน้าจะเกิดเป็นมนุษย์แล้วได้ศึกษาพระธรรมคำสอนอีก เกิดเป็นเทวดาก็ยังไม่ได้เจอพระธรรมคำสอน สุขนับภพนับชาิติไม่ถ้วน (สุขจนทุกข์) เทวดาก็ยังมีทุกข์ เกิดเป็นคนก็บุญหนักหนาใช้ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เพื่อการศึกษาเรียนรู้
ไม่ใช่เพื่อรองรับอารมณ์ เราเป็นคนต้องหมั่นศึกษาเรียนรู้ เราไม่ใช่เต่าที่ออกจากไข่แล้วไม่มีแม่ดูแลก็สามารถว่ายน้ำได้ และหากินได้โดยไม่มีแม่ดูแลได้ แต่คนไม่ศึกษาเรียนรู้ก็อยากยิ่งที่จะอยู่รอดปลอดภัย หรือมีความสุขได้ "เราต้องศึกษา และฝึกฝน"

ขอทุกคนพึงระวังในการปฏิบัติถ้าหากปฏิบัติไม่ถูกต้องก็จะเสียเวลาไปชาติหนึ่งหรือว่าจะกลับมาเริ่มปฏิบัติก็คงจะอยากเพราะติดอยู่ที่ความสงบชั่วคราวเท่านั้น เลิกอยากกว่า เลิกเหล้า เลิกบุหรี่
ไม่มีทางจะดับเหตุแห่งทุกข์ทั้งปวงได้ ถ้าเรามีปัญญาแล้วเราก็จะแก้ปัญญาทุกข์ที่เกิดจากตัวเราได้ทั้งหมด ไม่ว่าทุกข์ธรรมชาติ เกิด แก่ เจ็บ ตาย หรือทุกข์ที่เราสะสมเองทุกวินาที ไม่ต้องไปถามผู้รู้ว่าต้องแก้ัไขทุกข์นี้ยังไง ดับทุกข์อันนี้ยังไง เราจะดับได้เองอัตโนมัติ ยิ่งเราถามผู้รู้มากเท่าไหร่ คนที่มีปัญญาเพิ่มขึ้นไม่ใช่ตัวเรา แต่เป็นคนที่สอนเรา ปัญญาดับทุกข์นี้เราต้องสร้างขึ้นเอง ฝึกฝนเอง
ปฏิบัติเอง โดยมีผู้รู้คอยช่วยชี้แนะเท่านั้น ผู้ปฏิบัติย่อมรู้เองเข้าใจเอง จะช้าหรือเร็วอยู่ที่ผู้ปฏิบัติเอง


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 19 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร