วันเวลาปัจจุบัน 15 ก.ค. 2025, 00:22  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 7 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ส.ค. 2009, 16:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4147

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

พุ ท ธ จ ริ ย ธ ร ร ม กั บ ด น ต รี
บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล

กล่าวถึงดนตรีกับศาสนาพุทธ

บางท่านนึกถึง

การเว้นขาดจากการฟ้อนรำขับร้อง
ประโคมดนตรีและดูการละเล่นอันเป็นข้าศึกแก่กุศล

ดนตรีและบทเพลงนั้น เกี่ยวข้องในสมัยพุทธกาลอย่างไร ?

ดนตรีและบทเพลงนั้นเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมของมนุษยชาติ
และมีการสืบต่อกันมาอย่างไม่ขาดสาย
ซึ่งอาจจะได้รับแรงบันดาลใจจากสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ

เช่น ต้นไม้ ดอกไม้ ท้องทุ่ง หรือธรรมชาติต่างๆ
รวมทั้งขนบธรรมเนียมประเพณี วิถีการประกอบอาชีพ หรือความเชื่อทางศาสนา

เช่น เรื่องบาป-บุญ ชาตินี้ หรือชาติหน้า เป็นต้น

จินตนา ดำรงค์เลิศ ได้กล่าวที่มาของบทเพลงว่า

"บทเพลงถือกำเนิดขึ้นมาพร้อมๆ กับสังคมมนุษย์ มีที่มาจากชีวิตมนุษย์
และเป็นผลงานที่สร้างสรรค์โดยน้ำมือของมนุษย์ทั้งสิ้น
บทเพลงเป็นศิลปะที่แพร่หลายทั่วไปไปในสังคม มีความหมายรวมถึงดนตรีและการขับร้อง"
(จินตนา ดำรงเลิศ, ๒๕๓๑: ๑)


พระพุทธศาสนาได้เผยแผ่หลักธรรมเข้ามาประเทศไทยโดยรูปแบบต่าง ๆ
ซึ่งมาจากหลักคำสอนโดยตรง
หรืออาจจะสอดแทรกเข้ามาในวรรณกรรมชาวบ้าน
หรือแม้กระทั่งบทเพลงพื้นบ้านต่า งๆ

เช่น บทเพลงพื้นบ้านที่ว่าด้วยหลักคำสอน ศรัทธาและความเชื่อ
เช่น ความเชื่อเรื่องกรรม บาป-บุญ เป็นต้น

ซึ่งผู้เขียนจะได้กล่าวถึงบทเพลงต่างๆ
ที่ปรากฏอยู่ในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา
ที่มาของบทเพลงอันเป็นพื้นฐานของบทเพลงต่างๆ ในปัจจุบัน

ในพระพุทธศาสนามีบทเพลงต่าง ๆ อยู่มาก
ทั้ง บทเพลงที่สัมปยุตด้วยโลกิยธรรม และสัมปยุตด้วยโลกุตรธรรม


๑. บทเพลงที่สัมปยุตด้วยโลกิยธรรม

หมายถึงบทเพลงธรรมอันเป็นวิสัยของปุถุชนผู้ครองเรือน
เป็นบทเพลงที่ไม่ได้มุ่งเน้นเพื่อการบรรลุคุณธรรมขั้นสูง
แต่แฝงไปด้วยข้อปฏิบัติสำหรับปุถุชนให้ปฏิบัติถูกต้องตามหลักศีลธรรม
มุ่งสอนเพื่อให้เกิดการลดละกิเลสที่เป็นอกุศล
สาเหตุที่ก่อให้เกิดอกุศลต่าง ๆ

ดังตัวอย่าง เพลงรักที่ ปัญจสิขะเทพบุตร ได้ขับถวายพระพุทธเจ้า คือ

สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ ถ้ำอินทสาล ใกล้เมืองราชคฤห์
พระอินทร์ใคร่จะเฝ้า แต่เนื่องด้วยพระองค์กำลังเข้าฌานสมาบัติอยู่จึงไม่กล้ารบกวน

พระอินทร์จึงมีเทวบัญชาให้ ปัญจสิขะเทพบุตร ไปดูลาดเลาก่อน
และสั่งว่า ถ้าพระพุทธเจ้าออกจากฌานสมาบัติเมื่อใด ให้ทำอาณัติสัญญาณบอก

ปัญจสิขะ ไปรออยู่นาน พระองค์ก็ไม่ออกจากสมาบัติ
จึงหยิบพิณขึ้นมาดีด พร้อมกับบรรยายายเพลงรัก
ถึงความรักอันซาบซึ้งที่ตนมีต่อสาวงามนางหนึ่ง

เสียงพิณและเสียงเพลงทำให้พระพุทธเจ้าตื่นจากฌานสมาบัติ
พอเขาขับเพลงจบ พระองค์จึงตรัสถามว่า

"เธอขับเพลงขับได้ไพเราะดี ไปเรียนมาจากไหน"

ก็กราบทูลว่า

"เมื่อครั้งพระองค์ยังมิได้ตรัสรู้พระโพธิญาณ
ประทับบำเพ็ญเพียรอยู่ ณ โคนต้นโพธิ์ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา
ข้าพระพุทธเจ้าหลงใหลนางหนึ่ง นาวว่า ภัทรา
ผู้มีสมญานามว่า สุริยายายอแสง (สริยวัจฉสา)
ธิดาของติมพรุหัวหน้าคนธรรพ์
แต่นางได้ฝากดวงใจไว้กับชายอื่นเสียแล้ว

ข้าพระพุทธเจ้าได้มาพบพระองค์ประทับนิ่ง สงบ
อยู่ใต้ต้นโพธิ์ด้วยดวงพักตร์อันอิ่มเอิบ มีความสุขอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

จึงนึกในใจว่า ถ้าหากรักของข้าพเจ้าสมหวัง
ก็คงมีความสุขเช่นท่านผู้นี้

เหตุนี้เอง เป็นแรงดลใจให้ข้าพุทธเจ้าแต่งเพลงบรรเลงความรักอมตะที่มีต่อนาง"
(ที.ม.๑๐/๒๔๘/๒๓๖)


บทเพลงที่ ปัญจสิขะเทพบุตร ได้ขับร้องถวายพระพุทธเจ้า
เป็นการความรักที่ตนมีต่อนางสุริยวัจฉสา
ซึ่งเปรียบเทียบถึงพระรัตนตรัย
คือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และพระอรหันต์ทั้งหลายไว้อย่างไพเราะ

ดังตัวอย่างตอนหนึ่งว่า (เสฐียรพงษ์ วรรณปก, ๒๕๓๑: ๔๖)

ยํ เม อตฺถิ กตํ ปุญฺญํ อรหนฺเตสุ ตาทิสุ
ตํ เน สพฺพงฺคกลฺยาณิ ตยา สทฺธํ วิปจฺจตํ ฯ


โอ้...น้องผู้งามล้ำทั่วสรรพางค์
บุญใดที่จ้าสร้างไว้ในพระอรหันต์ผู้มีจิตคงที่
ขอบุญนั้นจงเผล็ดผลให้ได้นฤมล เป็นคู่ครอง ฯ

สกฺยปุตฺโตว ฌาเนน เอโกทิ นิปโก สโต
อมตํ มุนิ ชิคึสาโน ตมหํ สริยวจฺฉเส ฯ


สุริยายอแสง เอย ข้ารักและปรารถนาเจ้าอย่างสุดซึ้ง
ดังหนึ่งศากยมุนี มีสติ ปรีชาญาณ
ทรงบำเพ็ญฌานสมาธิจิต ปรารถนาอมฤตนฤพาน ฯ


จากหลักฐานที่กล่าวมานี้
สามารถมองเห็นกระบวนการให้กำเนิดศิลปะด้านบทเพลง
และดนตรีในพระพุทธศาสนาอันเกิดจากภายในจิตใจ
และอารมณ์ที่ ปัญจสิขะเทพบุตร ได้ถ่ายทอดออกมาเป็นบทเพลง


และบทเพลงนี้ ถือเป็นบทเพลงรักบทเดียวในพระพุทธศาสนา
นอกจากนี้เป็นเพลงโศก
หรือเพลงบรรยายความสงบสุขอันเกิดจากการหลุดพ้นกิเลส


(มีต่อ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ส.ค. 2009, 16:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4147

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


๒. บทเพลงที่สัมปยุตด้วยโลกุตรธรรม

หมายถึงบทเพลงที่ประกอบธรรมอันเป็นข้อปฏิบัติ
ของพระอริยะอันเป็นพุทธจริยธรรมในขั้นสูงของพระอริยบุคคลผู้พัฒนาจิตใจ


เมื่อฟังแล้วสามารถส่งกระแสจิตไปตามบทเพลงแล้ว
ทำให้เกิดปัญญาสามารถละกิเลส หรือสังสารวัฏได้อย่างเด็ดขาด
พ้นจากอำนาจกิเลสโดยสิ้นเชิง


บทเพลงประเภทนี้มีปรากฏอยู่ในมากในพระพุทธศาสนา
เพลงประเภทนี้ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า บทเพลงแห่งพระอรหันต์

ดังตัวอย่าง (สิริมังคลาจารย์, ๒๔๙๘: ๒๖๑-๒๖๒)

ดังตัวอย่างคือ ในสมัยหนึ่ง มีภิกษุชื่อ ติสสะ
เดินทางไปใกล้สระปทุม
ได้ยินเด็กหญิงคนหนึ่งกำลังหักดอกปทุมในสระปทุม
ร้องเพลงที่ประกอบด้วยธรรมะ ดังนี้ว่า

ปาตผุลฺลํ โกกนทํ สุริยาโลเกน ตชฺชิยเต
เอวํ มนุสฺสตฺตคตา ชราภิเวเคน มิลายนฺติ


ดอกปทุมชื่อโกกนท บานแล้วในเวลาเช้า
ถูกแสงพระอาทิตย์ให้เหี่ยวแห้งไป ฉันใด
สัตว์ทั้งหลายผู้ถึงความเป็นมนุษย์
ย่อมเหี่ยวแห้งไปด้วยกำลังชรา ฉันนั้น ฯ


พระติสสะเถระเมื่อได้สดับเพลงที่เด็กหญิงร้อง
ก็ส่งกระแสจิตไปตามบทเพลง แล้วก็บรรลุพระอรหันต์

บุรุษผู้หนึ่งในพุทธันดรหนึ่ง (หมายถึงในเวลาที่ว่างจากพระพุทธเจ้า)
กลับจากป่าพร้อมกับบุตร ๗ คน
ฟังเพลงที่สตรีนางหนึ่งซึ่งกำลังเอาสากตำข้าสาร ดังนี้ว่า

ชราย ปริมทฺทิตํ เอตํ มิลาตจฺฉวิจมฺมนิสฺสิตํ
มรเณน ภิชฺชติ เอตํ มจฺจุสฺส ฆสมามิสํ คตํ
กิมีนํ อาลยํ เอตํ นานากุณปปูริตํ
อสุจิภาชนํ เอตํ กฏฺฐกฺขนฺธสมํ อิมํ ฯ


สรีระนี่อาศัยหนังมีผิวเหี่ยวแห้ง ถูกชราย่ำยีแล้ว
สรีระนี่ถึงความเป็นอามิส คือเหยื่อ ของมฤตยู ย่อมตกไปเพราะมรณะ
สรีระนี่เป็นที่อยู่ของหมู่หนอน เต็มไปด้วยซากศพต่าง ๆ
สรีระนี่เป็นภาชนะของไม่สะอาด สรีระนี่เสมอด้วยท่อนไม้ ฯ


บุรุษพร้อมด้วยบุตรอีก ๗ คน พิจารณาบทเพลงนี้
แล้วก็บรรลุปัจเจกโพธิญาณ
แม้เทพยดาและมนุษย์เหล่าอื่น ๆ
ที่ฟังเพลงนี้ก็สามารถบรรลุอริยภูมิด้วยเช่นกัน

จะเห็นได้ว่า บทเพลงในพระพุทธศาสนานั้น
มิได้มีแต่บทเพลงกล่าวถึงแต่เรื่องโลกิยวิสัยแต่เพียงอย่างเดียว
แต่ยังแฝงแง่คิดเชิงจริยธรรมอย่างลึกซึ้ง และมีสารัตถประโยชน์มาก


เพราะฉะนั้น บทเพลงในพระพุทธศาสนา
จึงมีทั้งบทเพลงที่ประกอบด้วยโลกิยธรรมและโลกุตรธรรม
ซึ่งถือว่าเป็นพื้นฐานที่สำคัญของบทเพลงต่างๆ ในปัจจุบัน
ที่สอดแทรกหลักจริยธรรมที่สำคัญต่อการดำเนินชีวิตไว้อย่างลึกซึ้งอีกด้วย


(มีต่อ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ส.ค. 2009, 16:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4147

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


นอกจากนี้ บทเพลงในพระพุทธศาสนา
กับเพลงพื้นบ้านยังมีลักษณะคล้ายคลึงกัน
คือการร้องโต้ตอบกัน
แสดงให้เห็นถึงความสอดคล้องกัน
ของบทเพลงพื้นบ้านกับพระพุทธศาสนาได้อย่างชัดเจน
จนกลายเป็นรูปแบบของบทเพลงที่สอดแทรกหลักคำสอนโดยตรง

ดังตัวอย่างบทเพลงที่ปรากฏอยู่ในเรื่อง นาคเอรกปัตต์
(พุทธโฆษาจารย์, ๒๕๔๑: ๙๔-๙๗) ว่า

สมัยหนึ่ง ได้มีพระยานาคตนหนึ่ง นามว่า เอรกปัตต์
ได้ให้หญิงธิดาคนหนึ่งนั่งบนพังพาน
แล้วให้ฟ้อนรำขับร้องเพลง ในทุก ๆ วันอุโบสถ
โดยมีอุบายว่า ถ้าใครร้องเพลงโต้ตอบกับหญิงธิดาได้
ก็จะมอบหญิงธิดาพร้อมทั้งนาคพิภพให้
หญิงธิดายืนฟ้อนอยู่บนพังพานแล้วขับเพลงว่า

ผู้เป็นใหญ่อย่างไรเล่า ชื่อว่าพระราชา?
อย่างไรเล่า พระราชาชื่อว่ามีธุลีบน พระเศียร?
อย่างไรเล่า ชื่อว่าปราศจากธุลี ?
อย่างไรเล่าท่านจึงเรียกว่า คนพาล?


ชาวชมพูทวีปทั้งสิ้น ก็พากันมาร้องเพลงแก้ตามกำลังสติปัญญาของตน ๆ
แต่นางก็ปฏิเสธเพลงขับตอบนั้นจนเวลาล่วงไปพุทธันดรหนึ่ง

เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นในโลก
วันหนึ่งพระองค์ทรงตรวจดูโลก แล้วก็เห็นเหตุการณ์นั้น
จึงได้ตรัสเรียก อุตตระมานพ
ซึ่งกำลังจะไปขับเพลงตอบกับนางนาคมานวิกา
จึงได้ตรัสสอนเพลงขับแก้กับ อุตตระมานพ ว่า

ผู้เป็นใหญ่ในทวารทั้งหก ชื่อว่าเป็นพระราชา
พระราชาผู้กำหนัดอยู่ชื่อว่า มีธุลีบนพระเศียร
ผู้ไม่กำหนัดอยู่ ชื่อว่าปราศจากธุลี
ผู้กำหนัดอยู่ ท่านเรียกว่าเป็นคนพาล


เมื่อพระพุทธเจ้าได้ประทานเพลงขับแก้แก่อุตตรมานพแล้ว
ก็ได้ไปร้องเพลงขับแก้กับนาง
นางก็ได้ร้องเพลงแก้เพลงขับของมานพนี้อีกว่า

คนพาลอันอะไรเอ่ยย่อมพัดไป?
บัณฑิตย่อมบรรเทาอย่างไร?
อย่างไรจึงเป็นผู้มีความเกษมจากโยคะ ?


ท่านผู้อันเราถามแล้ว ขอได้โปรดบอกข้อนั้นแก่เรา

อุตตรมาณพจึงร้องแก้ว่า

คนพาลอันห้วงน้ำ (คือกามโอฆะเป็นต้น)ย่อมพัดไป
บัณฑิตย่อมบรรเทาได้ด้วยความเพียร
บัณฑิตผู้ไม่ประกอบด้วยโยคะทั้งปวง
ท่านเรียกว่า ผู้มีความเกษมจากโยคะ


ในทรรศนะของพระพุทธศาสนานั้น
ถึงแม้จะมีบทเพลงปรากฏอยู่มาก
แต่ถ้าบทเพลงนั้นเป็นสิ่งที่เจือปนด้วยกิเลสตัณหา
ขัดขวางต่อการบรรลุคุณธรรม หรือเป็นข้าศึกต่อกุศลก็ไม่อนุญาต


ถึงกับมีข้อห้ามบทเพลงประเภทนี้ไว้ว่า

"เว้นขาดจากการฟ้อนรำขับร้อง ประโคมดนตรีและดูการละเล่นอันเป็นข้าศึกแก่กุศล"
(ที.สี.๙/๑๓/๖)


ในขณะเดียวกับพระพุทธศาสนาก็อนุญาตบทเพลงที่ประกอบด้วยธรรมะ
และเป็นต้องเป็นวาจาสุภาษิต อันนำมาซึ่งโลกิยสุขและโลกุตรสุข


ดังตัวอย่าง คือ

"ในครั้งพุทธกาล ภิกษุปล่อยกระแสจิตไปตามบทเพลงที่ได้ยินจากคนหาฟืน
ยังสามารถทำให้บรรลุธรรมพิเศษ"
(สิริมังคลาจารย์, ๒๔๒๙ : ๒๗๑-๒๗๒)


เพราะฉะนั้นพ่อเพลงแม่เพลงมองเห็นจุดประสงค์อันลึกซึ้งในพระพุทธศาสนา
และเพลงพื้นบ้านว่ามีจุดมุ่งหมายอันเดียวกัน
ในแง่ของการส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม
จึงได้ประพันธ์เพลงให้มีความหมาย
สอดคล้องกับความศรัทธาความเชื่อในหลักคำสอน

ด้วยเหตุที่พระพุทธศาสนามีความเกี่ยวพันกับจิตใจของคนไทยมาเป็นเวลาช้านาน
เป็นหลักที่พึ่งและการดำเนินชีวิตคนไทย
การแสดงออกจึงมีเรื่องเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาแทรกอยู่ในชีวิตประจำวัน
และเนื่องจากเพลงพื้นบ้านเป็นเครื่องบันทึกเหตุการณ์ของสังคมแต่ละยุคและแต่ละสมัย
และเพลงพื้นบ้านก็เป็นส่วนหนึ่งที่มีสาระทางพุทธจริยธรรมแทรกอยู่ในเนื้อเพลง


:b8: :b8: :b8:

(ที่มา : ข้อมูลจาก พระมหาสาคร ศรีดี (ป.ธ.๙) ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาจริยศาสตร์ศึกษา
ลิขสิทธิ์ของบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ส.ค. 2009, 20:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


สาธุ สาธุ สาธุค่ะ

ขอบคุณนะคะ...สำหรับสาระและความรู้ดีดี

ธรรมะสวัสดีค่ะ

รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ส.ค. 2009, 12:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1051

งานอดิเรก: อ่านหนังสือธรรมะ
อายุ: 0
ที่อยู่: Bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


ลูกโป่ง เขียน:
สาธุ สาธุ สาธุค่ะ

ขอบคุณนะคะ...สำหรับสาระและความรู้ดีดี

ธรรมะสวัสดีค่ะ

รูปภาพ


cool คุณลูกโป่ง ธรรมะสวัสดี วันแม่ค่ะ
แล้วไม่มีของขวัญวันแม่ส่งมาทางนี้บ้างหรือคะ :b10: :b10: :b10:

.....................................................
    มีสิ่งใด น่าโกรธ อย่าโทษเขา.... ต้องโทษเรา ที่ใจ ไม่เข้มแข็ง
    เรื่องน่าโกรธ แม้ว่า จะมาแรง ....ถ้าใจแข็ง เหนือกว่า ชนะมัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ส.ค. 2011, 08:07 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2010, 09:11
โพสต์: 597


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณค่ะ บุญรักษาทุกๆท่านค่ะ :b8: :b8: :b8:
tongue tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ม.ค. 2015, 12:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2008, 09:20
โพสต์: 349


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8: :b44:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 7 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร