วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 15:46  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 18 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2011, 11:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


Rin Shiseido เขียน:
จำพยายามข่มใจและอดทนกับอารมณ์ตตัวเองนะคะ คือบอกตามตรงว่าเรายังมีหลุดอยู่บ้าง
อย่างเช่นวันนี้ วันไปให้ร้านสระผมให้มาเนื่องจากนิ้วเราหัก ทีนี้ยาสระมันก็เข้าหู เราก็เลยขอกลับบ้านก่อน แต่พ่อเราเค้าก็ดันอารมณเสียใส่เรา คือเค้าโมโหหิว เราเองก็เลยรู้สึกไม่ดีว่าทำไมต้องหงุดหงิดด้วย แค่ขอกลับบ้านแปปนึงไม่ได้หรอ ประมาณห้านาทีก็เสร็จแล้ว สรุปว่าวันนี้เลยหลุดมีโกรธมีงอนกับพ่อนิดหน่อย แต่ปกติจะทะเลาะกับแม่มากกว่า


ปัญหานี้ ไม่ซับซ้อนเลยนะครับ มันอยู่ที่การสื่อสาร
คุณควรจะสื่อสารนิดนึง กับคนที่เกี่ยวข้อง ว่าเราจะไปช้านิดนึง เรามีธุระอะไร เราจำเป็นต้องทำอะไรก่อน

คนจำนวนมาก จะไม่ชอบพูดสิ่งที่ตนต้องการจริงๆ แต่จะคาดหวังให้เขาเข้าใจเรา ซึ่งคุณอย่าลืมว่าเราไม่ได้มีญานทิพย์ที่จะมาอ่านใจกันได้ เพราะฉะนั้น ถ้าเราต้องการอะไรหรือเราไม่ต้องการอะไร เราต้องสื่อสาร
เช่น ยาสระผมเข้าหู ต้องบอกคนสระเขา จะได้แก้ไข

วิธีบอกเขา ก็ต้องมีศิลปะนิดนึง ว่าถ้าเราจะพูดให้เขาแก้ไขปัญหา
เราก็ต้องพูดด้วยอารมณ์ที่ชวนให้เขาอยากแก้ไขให้เรา

ถึงแม้ว่าจะเป็นความผิดของคนสระผมโดยตรงก็ตาม
แต่ถ้าเราโกรธใส่เขา เราอาจจะไม่ได้แก้ไขปัญหา
หรือได้รับการแก้ไขปัญหาอย่างเสียมิได้ อย่างไม่ค่อยดี
สุดท้ายก็เป็นเราที่เสียหายซ้ำซ้อน



Rin Shiseido เขียน:
เคยมีคนมีญาณจากเว็บญาณทิพย์คนนึงเค้าบอกว่าเราเหมือนเป็นคนมีองค์ใน เเวลาโกรธจะแปลงร่างเป็นยักษ์ ขนาดหมา แมวก็ยังกลัว เราไม่ทราบว่าจริงเท็จแต่อย่างไร แต่อยากจะบอกว่าความรู้สึกมันก็ไม่ต่างจากที่เค้าว่าสักเท่าไรเลย เวลาโกรธทีนรก สวรรค์ไม่เคยกลัว แต่พอหายโกรธแล้วจะรู้สึกผิดมากอีก ดูเหมือนขัดแย้งในตัวเองมากค่ะ==


เรื่ององค์นี้ ไม่อยากให้ไปยุ่งเกี่ยวเลย พระพุทธเจ้าพ้นทุกข์ได้
ไม่ใช่เพราะไปพึ่งองค์อะไรที่ไหน พระพุทธเจ้าพึ่งตัวเอง
อัตาหิอัตโนนาโถ ตนแลเป็นที่พึ่งของตน


เรื่ององค์นั้น ถ้าพูดในเชิงจิตวิทยาหรือพฤติกรรมสังคม ก็อาจจะพูดได้ว่า
มันเป็นความพยามของมนุษยที่จะป้ายความผิดให้กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง

พอเราทำอะไรผิดแล้ว เราไม่อยากจะยอมรับ ไม่อยากจะคิดว่ามันเป็นฝีมือของเรา
เราก็ไปสร้างสัญลักษณ์อันหนึ่งขึ้นมา ว่านี่ คือผู้กระทำ ผู้บงการ
ในกรณีนี้ เราโบ้ยใส่ "องค์"
เพื่อที่เราจะได้รู้สึกผิดน้อยลง รู้สึกรับผิดชอบน้อยลง เพราะ"องค์" เป็นผู้บงการ

ถ้าองค์มีจริง องค์ต้องโดนพ่อคุณด่า องค์ต้องโดนแม่คุณด่า
เพราะถ้า"องค์" เป็นผู้กระทำสิ่งต่างๆ องค์ต้องรับผิดชอบ
แต่มันไม่ใช่ คุณต่ะหาก ถูกด่าอยู่เต็มๆ "องค์" ที่ว่ามันหายไปไหนไม่ทราบเหมือนกัน

พระพุทธเจ้าสอนว่า
ถ้าความรู้อันใดที่เราไม่สามารถรู้ได้ด้วยตนเอง อันนั้นไม่ใช่"ความรู้" แต่เป็น"ความเชื่อ"
เช่น พ่อเดินมาบอกว่า "วันนี้มีรถเข็นขายขนมครกมาหน้าปากซอย พ่อกินแล้ว ขนมอร่อยมาก"

เนื่องจากพ่อคุณพูด คุณเลยเชื่อว่ามีคนขายขนมครกหน้าปากซอยจริง และเชื่อว่าอร่อยจริงๆ
เพราะผู้พูดคือพ่อ เราจึงเชื่อสนิทใจว่า คงจะมีจริง

แต่พระพุทธเจ้าบอกว่า ยังใช้ไม่ได้ ท่านห้ามเชื่อกระทั่งว่าผู้พูดจะเป็นพ่อแม่ครูอาจารย์ ท่านห้ามเชื่อทั้งหมด.... ห้ามเชื่อแล้วต้องทำยังไง?

ถ้าพระพุทธเจ้าอยู่ตรงนี้ ท่านคงจะบอกว่า ให้คุณน่ะ เดินไปดูให้เห็นกับตา ชิมขนมเข้าไปให้รู้ว่าอร่อยจริงไหม เพราะการทำอย่างนี้ เรียกว่า "รู้ได้ด่้วยตนเอง" พึ่งตนเองในการยอมรับข้อมุลอันนี้

แต่ไม่ใช่ว่ามีร่างทรงมาบอกว่า มีองค์ แล้วเราก็เชื่อไปว่ามันมี
ถ้าเราไม่สามารถพิสูจน์ได้ด้วยตนเอง เราก็อย่าไปให้ค่าอะไรกับข้อมูลพวกนี้

ส่วนที่ว่า หมาแมวยังกลัวองค์ของคุณ ...ผมฟังแล้วตลกดี
ขู่หมาขู่แมวได้ แล้วมันมีอะไรน่าภาคภุมิใจ องค์ประเภทไหนกัน
ถ้าบอกว่า"คนยังกลัว" มันจะดูเข้าท่ากว่ามาก

ผมจะแถมท้ายเรื่อง "จิต" ให้ฟัง

ในหนึ่งวันของเรา เรามีความรู้สึกต่างๆมากมาย

ยามใดที่เรารู้สึกเป็นกุศล จิตใจโล่ง โปร่งสบาย สะอาด สงบ ทำนองนี้ คือสุขใจ ไม่ทุกข์ อย่างนี้เรียกว่า เรากำลังเป็นเทวดา คือหมายความว่า ระดับสรรถนะจิตของเรา มันเทียบเท่าเหล่าเทวดา เพียงแต่มันอยู่ในร่างมนุษย ภาษาพระไตรปิฏกเรียกมนุษยืที่กำลังมีจิตใจดีงามว่า "มนุสเทโว" คือ มนุส+เทวดา
กล่าวคือเทวดาในร่างมนุษย์

ในยามที่เราอยากได้ใคร่มี เวลาที่เราหิวอะไรมาก อยากได้อะไรมาก ในขณะนั้นท่านเรียกภาวะที่หิวกระหายนี้ว่า มนุสสเปโต หรือ เปรตในร่างมนุส เพราะว่าในโลกของเปรต มันจะเป็นสภาพที่แร้นแค้น เปรตก้ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ หิวตลอดเวลา ไม่เคยอิ่ม เช่นหิวเสื้อผ้า หิวอาหาร หิวชื่อเสียง อาการโหยหิวอยากได้นี่แหละ ท่านเรียกว่ามันเป็นสภาวะจิตเทียบเท่าพวกเปรต
แน่นอน ในวันหนึ่งๆ ทั้งคุณทั้งผม เราเป็นเปรตวันละหลายร้อยรอบ

ทีนี้มาถึงไฮไลท์ ที่เชื่อว่า มีองค์ยักษ์ในร่างคุณ
คุณลองนึกดูว่ายักษ์มันมีอาการแบบไหน
คงจะดุร้าย เกรี้ยวกราด เบียดเบียนผู้อื่น ขู่หมาขู่แมวเล่น

องค์ประเภทที่คุณเชื่อว่า อาจจะอยู่ในตัวคุณนั้น มันเข้าลักษณะ
มนุสสเนรยิโก(สัตว์นรกในร่างมนุษย์)

ยามใดเราดุร้าย เกรี้ยวกราด ไม่รู้บาปบุญคุณโทษ เต็มไปด้วยความอาฆาต
ยามนั้นแหละ เรากำลังเป็นสัตว์นรก

ถ้าคุณเชื่อว่านั่นคือองค์ในตัวคุณ คุณควรกำจัดมันได้แล้ว อย่าไปภาคภูมิใจอะไรกับอิทธิฤทธิ์ของยักษ์

ผมเห็นคนคนนึง ในชีวิตจริงๆนี่แหละ
เขามีความภาคภูมิใจกับความร้ายกาจของเขามาก
ที่สามารถกำหราบคนในปกครองของตนได้ด้วยความเกรี้ยวกราด ดุดัน
กล่าวคือด้วยอำนาจในทางร้ายเพื่อปกครองคน

ซึ่งผมมองว่า การกระทำอย่างนั้น ไม่ต่างจากฝูงสัตว์ในป่า
ที่จ่าฝูงมันต้องปกครองลูกน้องของมันด้วยกำลัง ด้วยความดุร้าย ไม่สามารถปกครองกันด้วยความเมตตากรุณา แล้วจะภาคภูมิใจอะไรที่เป็นมนุษย์แล้วไปใช้วิธีของสัตว์ป่า

จะดีกว่าไหม ถ้าเราให้คนมายอมรับเราด้วยดีงามของเรา
ยอมรับองค์เทพในตัวเรา มนุสเทโวในตัวเรา
มนุสเทโวเป็นยังไง ก็คือคนที่รู้บาปบุญคุณโทษ รู้ดีรู้ชั่ว รู้ว่าชั่วควรละ รู้ว่าถ้าดีก็ควรจะเจริญ กล่าวคือมีศีล มีคุณธรรม

เราทำตัวเราเป็นเทพเสียเอง อยากเป็นแบบไหนออกแบบเองได้
คงจะง่าย และเป็นไปได้ มากกว่าจะรอคนทรงมาบอกว่า หวยออกตัวไหน เราได้เทพองค์ไหน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2011, 22:26 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2011, 11:23
โพสต์: 7


 ข้อมูลส่วนตัว


สิ่งที่คุณชาติสยามพูดมา เราไม่ขอปฎิเสธเลยค่ะ
สิ่งที่เราคิดว่าอาจจะเป็นจริงนี้มันช่วยทำให้เรารู้สึกผิดน้อยลงจริงๆ

แต่เราไม่เคยมีความรู้สึกยินดีกับมันเลยนะคะ และไม่ว่าจะมีหรือไม่มีจริง แต่ใจเราไม่เคยรู้สึกปราบปลื้มไปกับมัน เรารู้สึกเหนื่่อยและท้อและสับสนวุ่วายเหมือนว่าดวงจิตของเราม้นต้องต่อสู้กันตลอดเวลา บางทีก็รู้สึกเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยงๆ

แต่ก็ขอบคุณนะคะที่ช่วยเตือนสติ สิ่งที่คุณพูด เราจะไปพยายามทำตามค่ะ

ขอบคุณมากนะคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 มิ.ย. 2011, 14:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


rolleyes
...ไม่ว่าแต่ละคนทำสิ่งใดไว้เป็นบุญหรือเป็นบาป...คนๆนั้นก็จะต้องได้รับผลของกรรมนั้นๆสืบไป...
...ไม่มีใครรับแทนใครได้...หนัก-เบาต้องรับเอง...บัญชีบุญและบัญชีบาปไม่รวมกันอยู่คนละบัญชี...
...วิธีแก้ก็มีคือต้องเร่งทำกรรมดีให้มากๆเพื่อยืดเวลาให้กรรมไม่ดีส่งผลช้าออกไปอีกได้เท่านั้นเอง...
...เพราะฉะนั้นจะทำอะไรก็ให้คิดก่อนทำ...ไม่ใช่ทำแล้วจะมาขอลบกรรมแก้กรรมมันเป็นไปไม่ได้ค่ะ...
Onion_R
onion onion onion

clip “รู้เช่นเห็นชาติ รู้แจ้งเห็นจริง กรรมของกฎแห่งกรรม”
“เสถียรธรรมสถาน” และสาวิกาสิกขาลัย
ร่วมกับ “วัดนาป่าพง” และ “สถาบันวิมุตตยาลัย”


http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=37&t=38310


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 18 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร