วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 22:24  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 18 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2011, 11:35 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2011, 11:23
โพสต์: 7


 ข้อมูลส่วนตัว


คือ เราเป็นคนใจร้อนและชอบอารมณ์เสียใส่พ่อแม่เราเสมอ เราคิดแต่ว่าพ่อแม่เราคือของตาย แต่ตอนนี้เราได้รู้แล้วว่าพ่อแม่คือคนที่รักเรามากที่สุด เรารู้สึกผิดและสำนึกในบาปเสมอมา แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรถึงจะลบกรรมออกไปได้ ไม่ทราบว่าเราควรทำอย่างไรดี จริงหรือไม่ที่ถ้าทำกรรมดีเท่าไรก็ไม่สามารถทดแทนบาปที่ทำได้ อย่างมากคือแค่ลดทอนให้มันน้อยลงหรือเบาลง บางคนก็แนะนำว่าต้องสร้างความดีไว้เยอะๆ จนบาปกกรมมันตามไม่ทัน เราจะหนีมันไปได้ แต่เราไม่อยากหนีแบบนั้นอ่าค่ะ มันเหมือนเป็นอะไรที่ไม่มีวันจบสิ้น เรารู้สึกแย่มากเลยค่ะ ท้อใจด้วย มันรู้สึกเหมือนว่าไม่มีโอกาสแก้ตัว ทำเท่าไรบาปกรรมก็ไม่มีวันหาย รบกวนผู้รู้ช่วยชี้แนะด้วยค่ะ

ขอบคุณค่ะ


แก้ไขล่าสุดโดย Rin Shiseido เมื่อ 23 พ.ค. 2011, 12:13, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2011, 12:15 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


Rin Shiseido เขียน:
คือ เราเป็นคนใจร้อนและชอบอารมณ์เสียใส่พ่อแม่เราเสมอ เราคิดแต่ว่าพ่อแม่เราคือของตาย แต่ตอนนี้เราได้รู้แล้วว่าพ่อแม่คือคนที่รักเรามากที่สุด เรารู้สึกผิดและสำนึกในบาปเสมอมา แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรถึงจะลบกรรมออกไปได้ ไม่ทราบว่าเราควรทำอย่างไรดี จริงหรือไม่ที่ถ้าทำกรรมดีเท่าไรก็ไไม่สามารถทดแทนบาปที่ทำได้ เรารู้สึกแย่มากเลยค่ะ ท้อใจด้วย มันรู้สึกเหมือนว่าไม่มีโอกาสแก้ตัว ทำเท่าไรบาปกรรมก็ไม่มีวันหาย รบกวนผู้รู้ช่วยชี้แนะด้วยค่ะ

ขอบคุณค่ะ


cool

ตอนที่อารมณ์เสียใส่เขา รู้ในสิ่งที่ทำมั๊ย
เช่นว่า รู้ว่าควร หรือ ไม่ควร รู้ถึงสิ่งที่ควรละอายมั๊ย หรืออะไรทำนองนี้

คือ แบบว่าคุณพ่อมักจะถามคำถามนี้เสมอ เวลาที่เราก่อปัญหา อิอิ หง่ะ
และมักจะสวนออกมาว่า

"รู้แล้ว ทำไมยังทำ" :b14: :b14:
"แล้วเป็นไงล่ะ เห็นผลที่ออกมามั๊ย" :b14: :b14:
:b2: :b2: :b2:
โดนพ่อไล่เบี้ย
เอกอนตอนเด็ก ๆ ก็จะนั่งสะอึกสะือื้นตอบไปทีละประเด็น

สิ่งแรกเลย ไม่ได้รู้ผิดชอบอะไรมากไปกว่า "กลัวพ่อ"
การโดนพ่อจับมานั่ง ไล่เบี้ย เป็นการลงอาญาที่ :b14:

ก็คือ ถ้าไม่อยากโดนพ่อไล่เบี้ย ก็ต้องรู้เท่าทันพฤติกรรมที่ พ่อจะเล่น :b12:
และก็หลีกเลี่ยงที่จะทำ

การแก้กรรม คุณต้องแก้ ที่กรรม จริง ๆ
ถ้ากรรมใด ๆ การกระทำใด ๆ ที่คุณเคยกระทำ และคุณสามารถละได้แล้วด้วยปัญญา
นั่นคือ คุณจะเข้าใจ การแก้กรรมตามหลักพุทธศาสนา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2011, 12:40 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


คือจริง ๆ ถ้าเราไม่ละเลย เลยเถิดจนเกินไป
เพราะการกระทำแต่ละครั้ง ความละอาย ความเกรงกลัว จะค่อย ๆ ลดลง
ความหยาบคาย ความด้าน ของจิตใจ จะค่อย ๆ เพิ่มขึ้น

คือพ่อเอกอนจะใช้คำพูดแบบ ทิ่มแทง

ทำจนเคยตัว และเคยตัวมาก ๆ มันก็กลายเป็น สันดาน

"เข้าใจคำว่า สันดาน มั๊ย จะให้มันเกิดเป็นสันดานมั๊ย" :b14: :b14:
โหยยย ไม่รู้จะทำยังไง ร้องไห้ดีกว่า :b2: :b2: :b2:

"ไม่ต้องมาทำเป็นสำออย ที่ตอนทำล่ะหน้าระรื่น พอตอนนี้มาทำเป็นสำออย"
:b21:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2011, 12:50 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2011, 11:23
โพสต์: 7


 ข้อมูลส่วนตัว


คือ ทุกครั้งที่เราอารมณ์เสีย มันจะเหมือนมีจิตมารเข้าสิงจนควบคุมตัวเองไม่ได้ เหมือนว่าถ้าไม่ได้กราดเกรี้ยวออกไปมันจะอึดอัดแทบระเบิด แต่พอหลังจากนั้นเราก็จะรู้สึกผิดทุกครั้งที่ทำลงไป เป็นแบบนี้มานานมากเป็นปีๆ หลายปี เราตั้งใจมาตลอดว่าจะเลิกสันดานและพฤติกรรมแบบนี้ให้ได้ แต่มันก็ยังไม่ได้สักที คือแม่เราเค้าก็มีนิสัยบางอย่างที่เราไม่ชอบแต่เราก็รู้ดีวาคนเป็นลูกไม่ควรจะต่อว่าแม่แบบนั้น ตอนนี้แม้สันดานแบบนี้จะน้อยลงไปบ้างแล้วแต่ก็ยังไม่หายสนิท เราหวังว่าสักวันสันดานแบบนี้มันจะหมดไปอย่างสิ้นเชิงค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2011, 14:00 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


Rin Shiseido เขียน:
คือ ทุกครั้งที่เราอารมณ์เสีย มันจะเหมือนมีจิตมารเข้าสิงจนควบคุมตัวเองไม่ได้ เหมือนว่าถ้าไม่ได้กราดเกรี้ยวออกไปมันจะอึดอัดแทบระเบิด แต่พอหลังจากนั้นเราก็จะรู้สึกผิดทุกครั้งที่ทำลงไป เป็นแบบนี้มานานมากเป็นปีๆ หลายปี เราตั้งใจมาตลอดว่าจะเลิกสันดานและพฤติกรรมแบบนี้ให้ได้ แต่มันก็ยังไม่ได้สักที คือแม่เราเค้าก็มีนิสัยบางอย่างที่เราไม่ชอบแต่เราก็รู้ดีวาคนเป็นลูกไม่ควรจะต่อว่าแม่แบบนั้น ตอนนี้แม้สันดานแบบนี้จะน้อยลงไปบ้างแล้วแต่ก็ยังไม่หายสนิท เราหวังว่าสักวันสันดานแบบนี้มันจะหมดไ้ปอย่างสิ้นเชิงค่ะ


ครับป๋ม ตอนเอกอนแก้กรรมก็อย่างนี้ล่ะ

โดนเทศนาก่อน พอพ่อถามว่าสำนึกมั๊ย "สำนึกค่ะ"
พ่อก็ถามแล้วจะทำอีกมั๊ย "ไม่ทำแล้วค่ะ" ดัง ๆ :b14:
ถ้าทำอีกล่ะจะคราวนี้จะให้ทำโทษยังไง :b5:
พ่อบอกว่าจะไล่ให้ไปอยู่กับเจ้าเบนจี้ สอนภาษาคนไม่รู้เรื่องก็ไม่ต้องเป็นแล้ว คนน่ะ ไปเป็นหมา

:b14: :b14: :b14:

คือเท่าที่นึกออก พื้น ๆ แค่นี้นะ
เมื่อสำนึกในความผิดแล้ว พ่อก็จะให้เรากล่าวในสัจจะ
และผลที่หากเราไม่ยอมรักษาสัจจะ

การหยุดกระทำสิ่งที่เราเห็นเป็นโทษแล้วนั้น
มันก็ต้องใช้เวลา
คือเราเคยกระทำสิ่งใดลงไปด้วยกิเลส เราก็ต้องค่อย ๆ เรียนรู้ที่จะไม่ตกเป็นเบี้ยล่างมัน
เพราะเมื่อเรายังถูกอำนาจมันรบกวน เราก็ต้องกระทำกรรมอันใดอันหนึ่ง
คือ กรรมในทางสนองตอบมัน กับ กรรมในทางไม่สนองตอบมัน
มันเป็นวิบากที่เราต้องยอมรับ ว่าเราต้องได้รับผลจากการกระทำของเรา
และเมื่อเราเผชิญหน้ากับวิบาก นั่นคือเราจะกระทำกรรมอันใดเพื่อผลในกาลข้างหน้าต่อไป

เมื่อวันหนึ่งจนกระทั่ง เราไม่ตกเป็นเบี้ยล่างกิเลสนั้น ๆ แล้ว
เรารู้สึกเป็นอิสระจากอาการนั้น ๆ แล้ว เราจะรู้เองว่า กรรมของเราในเรื่องนั้น ๆ ได้จบสิ้นแล้ว

นี่คือ กรรม ในระดับเบื้องต้นที่เอกอนเข้าใจ
ซึ่งตอนแรกก็ไม่เข้าใจนะ เพราะ ทุกครั้งที่ความทรงจำเกี่ยวกับความผิดพลาดมันหวนเข้ามาในคำนึง
มันก็เหมือนกับว่า ใจเรายังเป็นทุกข์กับสิ่งที่เราได้เคยกระทำ คือยังวนเวียนอยู่กับวิบาก
และเราก็ยังต้องขนขวายกระทำในสิ่งที่จะบรรเทา
แต่เมื่อถึงวันที่ สิ่งนั้น ๆ ไ่ม่ครอบงำเรา
มันกลับเป็นความรู้สึกเหมือนว่า เราได้เป็นอิสระจากกรรมดังกล่าวแล้ว

เมื่อคิดได้ ก็ค่อย ๆ เรียนรู้ที่จะกระทำกรรมอันจะส่งผลให้ตัวเองหลุดพ้นไปเรื่อย ๆ
ยอมรับ ตั้งสัจจะ แล้วตั้งหน้าตั้งตาเดินไปในทางที่เป็นกุศล
แล้ว เมื่อไร ก็เมื่อนั้นค่ะ คุณจะรู้เอง ว่าการแก้กรรมด้วยวิธีนี้
มันให้ความรู้สึกที่ อิอิ เอาสเต๊กมาแลกก็ไม่ยอม

คิดให้ง่าย แต่ตั้งใจทำในสิ่งที่ง่ายนั้นอย่างเต็มที่ และตั้งใจที่จะทำมันจริง ๆ
ดีกว่าคิดยาก แต่ไม่ไหวที่จะทำตาม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2011, 14:25 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


ต้องเข้าใจด้วย

ว่าทำไม พ่อเอกอนจึงเห็นความผิดตั้งแต่เบื้องต้นนั้นเป็นเรื่องร้ายแรงขนาดจะไล่ให้ไปอยู่กับหมา

เพราะ ผู้ใหญ่อาบน้ำร้อนมาก่อน
ท่านกำราบแต่ต้น เพื่อไม่ให้เกิดเป็นความเคยชิน และเจริญไปเป็นสันดาน

เพราะกำลังคาน(ชะแลง)ที่จะต้องใช้เพื่อที่จะง้างมันออกนั้น เป็นสิ่งที่ประมาทไม่ได้
จงทำตอนที่มันยังแก้ได้ง่าย อย่าละเลยจนมันยากที่จะแก้ไข
ตรงนี้คุณต้องรู้ และต้องยอมรับที่จะต้องออกแรง

รู้ตัว ตื่นตัวที่จะแก้ไขเมื่อไร ก็จงลงมือทำซะ
ไม่ต้องรอกำลังใจ เอ้อ คำนี้เอกอนคิดเอง อิอิ
คิดได้ก็ทำเลย เดี๋ยวแรงใจก็มาเอง จะมาก็มา จะไม่มาเราก็ไม่สน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2011, 16:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ของเก่าผ่านแล้วผ่านไป ทำอะไรไม่ได้ ตอนนี้สำนึกแล้ว ก็ให้ระวังของใหม่
ของใหม่ยังไม่ได้ทำ มันเลือกได้ว่าจะทำแบบไหน

ความอดทน เป็นสิ่งที่ต้องฝึก
หัดอดทนเรื่องเล็กๆในชีวิตประจำวัน หัดปล่อยวางเรื่องเล็กๆในชีวิตประจำวัน
สิ่งเหล่านี้แหละจะเป็นพื้นฐานให้เราอดทนหรือปล่อยวางเรื่องที่ใหญ่ๆขึ้นไปได้


ภาษิตไทยว่า "อย่าหมิ่นเงินน้อย"
มันก็เอามาใช้กับคุณได้ คือ "อย่าหมิ่นบุญน้อย" หมายถึงว่า ให้เข้าใจว่าความอดทนต่อความชั่วเป็นบุญอย่างหนึ่ง การปล่อยวางอารมณ์ไม่ดีเป็นบุญอย่างหนึ่ง อย่าคิดว่าเล็กว่าน้อยแล้วเราไม่ทำ

เริ่มเดี่ยวนี้ได้เลย คือปล่อยวางกับความผิดพลาดของคุณในเรื่องนี้ซะ
ผ่านแล้วผ่านไป เอาใหม่ คนใหม่ เริ่มใหม่ ให้อภัยตัวเอง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2011, 17:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 16:34
โพสต์: 1050

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มันผ่านไปแล้ว เลยไปแล้ว เป็นอดีต เป็นเพียง สัญญา ความจำ
ยิ่งหวนกลับไปคิด ถึงมันอีก ก็เหมือนเป็นบาปอีก สองต่อ คือมันทุกข์
เพราะ โทสะ ทีเกิด แล้วเรากำหนดไม่ทัน สติ สัมปะชัญญะ เข้าไปรู้ไม่ทัน
เริ่มต้นใหม่ เอาใหม่ครับ อย่าหวนกลับไปคิดถึงเรื่องเก่าที่ผ่านมา
ต่อไปต้องจับอารมณ์อยู่กับปัจจุบัน ดูจิตดูใจ ของเราให้เป็น ถ้าโทสะ
มันจะเริ่มเกิดขึ้นมา หรือเกิดขึ้นมาแล้ว ก็กำหนดรู้ รู้ให้ทัน รู้ๆ ๆ แล้วมัน
จะค่อยๆ หายไป ฝึกอย่างนี้บ่อยๆ เดี๋ยว กิเลสตัว นี้ มันก็อาจจะ ไม่กลับ
มา...หรือ กลับมา สติเรารู้ทัน เราก็ สามารถข่มมันได้ ตัดมันไปได้เป็นพักๆ
เพราะกิเลสนี้ มันละเอียด อนุสัย คือความเคยชิน เป็นกิเลสที่สะสมอยู่ใน
สันดานของจิต นอนเนื่องอยู่ในสันดาน สามารถกลับมาเกิดได้อีก
เวลามันระเบิดออกมาทีไร สติไม่รู้ไปไหน...กำหนดไม่ทันทุกที :b1:
ขอเป็นกำลังใจให้ รู้ทันกิเลสพวกนี้ครับ
เจริญในธรรม :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2011, 17:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 พ.ย. 2009, 13:38
โพสต์: 376

ชื่อเล่น: ต้น
อายุ: 0
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


ให้เราสำนึกผิดในสิ่งที่เคยกระทำ แล้วสัญญาว่าจะไม่ทำอีก ขออโหสิกรรมแล้วเริ่มต้นใหม่ไม่ต้องคิดมาก เอาปัจจุบัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2011, 22:40 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2011, 11:23
โพสต์: 7


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณสำหรับทุกๆคำแนะนำเลยนะคะ รู้สึกใจสงบมากขึ้นค่ะ จะเอาวิธีที่แนะนำไปปฏิบัตินะคะ

^^


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ค. 2011, 10:48 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 พ.ค. 2011, 23:19
โพสต์: 4


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณ Rin Shiseido ค่ะ
ลองนำวิธีนี้ไปใช้นะค่ะ
วิธีขอขมาโทษต่อพ่อแม่ / บุคคลที่เราได้เคยล่วงเกินไว้

เอาน้ำไปขันหนึ่ง และเอาดอกมะลิโรย จากนั้นกล่าวคำว่า
" กายกัมมัง วจีกัมมัง มโนกัมมัง โยโทโส "
อันว่าโทษทัณฑ์ใด ความผิดอันใด ที่ข้าพเจ้า / ลูก ได้ผลั้งเผลอสติไป
ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี ทั้งต่อหน้า และลับหลังก็ดี
ขอให้คุณพ่อ คุณแม่ / คุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย
อโหสิกรรมให้ลูกด้วย จากนั้นเอาน้ำรดมือรดเท้าท่าน
และก้มลงกราบเท้า ด้วยใจที่รู้บุญคุณและสำนึกผิดค่ะ

คนเราเมื่อต้นคดแต่ปลายตรง ยังดีกว่า ต้นตรงแต่ปลายคด
จากนี้ไปก็ขอให้คุณ Rin Shiseido ตรงอยู่ในศีลในธรรมนะค่ะ
เราขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ค. 2011, 18:59 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มี.ค. 2011, 21:46
โพสต์: 373

ชื่อเล่น: ฮานะ ธรรมอาสา
อายุ: 28

 ข้อมูลส่วนตัว


พระอรหันต์ก็หนีกรรมไม่พ้นแต่พ้นทุกข์ได้

.....................................................
ผู้ใดประพฤติธรรม ผู้นั้นชื่อว่าบูชาตถาคตอย่างยิ่ง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ค. 2011, 01:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


อริยมรรคมีองค์แปดคือหนทางสิ้นกรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ค. 2011, 05:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2011, 01:57
โพสต์: 324

แนวปฏิบัติ: อริยสัจ4
อายุ: 27
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: คุณชาติสยาม คุณศรีสมบัติ คุณ tonnk กล่าวไว้ดีแล้วครับ

ทำกรรมไม่ดีไว้ ทำไว้ในอดีตใช่หรือไม่ครับ

อดีตที่ทำไปแล้วก็จบ และผ่านไปแล้ว เราจะลบหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขไม่ได้หรอกครับ อย่าได้เอามาใส่ใจ อย่าได้ปล่อยให้ใจเราเอาภาพอดีตความผิดพลาดนั้นมาฉายดูซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ปัจจุบันของเราต้องเศร้าหมองอีกเลย

ส่วนเรื่องการหลบกรรม หรือพูดอีกอย่างคือการออกจากเวทนาอารมณ์ที่เข้ามากระทบกายใจ พระพุทธองค์ทรงมีแสดงไว้อยู่ครับ ลองศึกษาอันนี้ดูครับ ได้มาจาก post ของคุณกรัชกาย

กรัชกาย เขียน:
มีพุทธวจนะที่ตรัสถึงบุคคลสองประเภท ก็ประสบเวทนาเหมือนกัน แต่มีความแปลกกันอยู่ เช่นว่า “ภิกษุทั้งหลาย บุถุชนผู้มิได้เรียนรู้ ย่อมเสวยสุขเวทนาบ้าง ทุกขเวทนาบ้าง อทุกขมสุขเวทนาบ้าง อริยสาวกผู้ได้เรียนรู้แล้ว ก็ย่อมเสวยสุขเวทนาบ้าง ทุกขเวทนาบ้าง อทุกขมสุขเวทนาบ้าง ในกรณีนั้น อะไรเป็นความพิเศษ เป็นความแปลก เป็นข้อแตกต่างระหว่างอริยสาวกผู้ได้เรียนรู้ กับบุถุชนผู้มิได้เรียนรู้” “ภิกษุทั้งหลาย บุถุชนผู้มิได้เรียนรู้ ถูกทุกขเวทนากระทบเข้าแล้ว ย่อมเศร้าโศกคร่ำครวญ ร่ำไห้ รำพัน ตีอกร้องไห้ หลงใหลฟั่นเฟือนไป เขาย่อมเสวยเวทนาทั้ง 2 อย่าง คือ เวทนาทางกาย และเวทนาทางใจ” “เปรียบเหมือนนายขมังธนู ยิงบุรุษด้วยลูกศรดอกหนึ่ง แล้วยิงซ้ำด้วยลูกศรดอกที่ 2 อีก เมื่อเป็นเช่นนี้ บุรุษนั้น ย่อมเสวยเวทนาเพราะลูกศรทั้ง 2 ดอก ทั้งทางกาย ทั้งทางใจ ฉันใด บุถุชนผู้มิได้เรียนรู้ ก็ฉันนั้น...ย่อมเสวยเวทนาทั้ง 2 อย่างคือทั้งทางกาย และทางใจ” “อนึ่ง เพราะถูกทุกขเวทนานั้นกระทบ เขาย่อมเกิดความขัดใจ เมื่อเขามีความขัดใจ เพราะทุกขเวทนา ปฏิฆานุสัยเพราะทุกขเวทนาก็ย่อมนอนเนื่อง เขาถูกทุกขเวทนานั้นกระทบเข้าแล้ว ก็หันเข้าระเริงกับกามสุข * เพราะอะไร ? เพราะบุถุชนผู้มิได้เรียนรู้ ย่อมไม่รู้ทางออกจากทุกขเวทนา นอกไปจากกามสุข และเมื่อเขาระเริงอยู่กับกามสุข ราคานุสัยเพราะสุขเวทนานั้นย่อมนอนเนื่อง เขาย่อมไม่รู้เท่าทันความเกิดขึ้น ความสูญสลาย ข้อดีข้อเสีย และทางออกของเวทนาเหล่านั้นตามที่มันเป็น เมื่อเขาไม่รู้ตามที่มันเป็น อวิชชานุสัยเพราะอทุกขมสุขเวทนา ย่อมนอนเนื่อง ถ้าได้เสวยสุขเวทนา เขาก็เสวยอย่างผูกมัดตัว ถ้าเสวยทุกขเวทนา เขาก็เสวยอย่างผูกมัดตัว ถ้าเสวยอทุกขมสุขเวทนา เขาก็เสวยอย่างถูกมัดตัว ภิกษุทั้งหลาย นี้แล เรียกว่าบุถุชนผู้มิได้เรียนรู้ ผู้ประกอบด้วยชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส และอุปายาส เราเรียกว่าผู้ประกอบด้วยทุกข์” ...... * กามสุข = สุขในการสนองความต้องการทางประสาททั้ง 5; ตัวอย่าง ในทางจริยธรรมขั้นต้น เช่น หันเข้าหาการพนัน การดื่มสุรา และสิ่งเริงรมย์ต่างๆ

.....................................................
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นคือความจริง การฝืนความจริงทำให้เกิดทุกข์ การเห็นและยอมตามความจริงทำให้หายทุกข์

คนที่รู้ธรรมะ มักจะชอบเอาชนะผู้อื่น แต่คนเข้าใจธรรมะ มักจะเอาชนะใจตนเอง

สัพเพ ธัมมา อะนัตตาติ ยะทา ปัญญายะ ปัสสะติ
เมื่อใดบุคคลเห็นด้วยปัญญาว่า, ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา

อะถะ นิพพินทะติ ทุกเข เอสะ มัคโค วิสุทธิยา
เมื่อนั้น ย่อมเหนื่อยหน่ายในสิ่งที่เป็นทุกข์ ที่ตนหลง,
นั่นแหละเป็นทางแห่งพระนิพพานอันเป็นธรรมหมดจด

.....ติลักขณาทิคาถา.....


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ค. 2011, 23:14 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2011, 11:23
โพสต์: 7


 ข้อมูลส่วนตัว


จำพยายามข่มใจและอดทนกับอารมณ์ตตัวเองนะคะ คือบอกตามตรงว่าเรายังมีหลุดอยู่บ้าง
อย่างเช่นวันนี้ วันไปให้ร้านสระผมให้มาเนื่องจากนิ้วเราหัก ทีนี้ยาสระมันก็เข้าหู เราก็เลยขอกลับบ้านก่อน แต่พ่อเราเค้าก็ดันอารมณเสียใส่เรา คือเค้าโมโหหิว เราเองก็เลยรู้สึกไม่ดีว่าทำไมต้องหงุดหงิดด้วย แค่ขอกลับบ้านแปปนึงไม่ได้หรอ ประมาณห้านาทีก็เสร็จแล้ว สรุปว่าวันนี้เลยหลุดมีโกรธมีงอนกับพ่อนิดหน่อย แต่ปกติจะทะเลาะกับแม่มากกว่า

จึงอยากมาวสารภาพบาปน่ะค่ะ เราจะพยายามให้สำเร็จสักวันค่ะ แม้วันนี้จะมีหลุดอีกก็ตาม
บางทีดวงจิตเราก็เหมือนจะแตกออกจากกันค่ะ เพราะมันเหมือนว่าจิจใจเราแบ่งออกเป็นฝ่ายมารกับฝ่ายดีแล้วต้องสู้กันเองตลอดเวลา เป็นแบบนี้แล้วรู้สึกทรมานค่ะ ยากที่จะหาใครสักคนมาเข้าใจ

เคยมีคนมีญาณจากเว็บญาณทิพย์คนนึงเค้าบอกว่าเราเหมือนเป็นคนมีองค์ใน เเวลาโกรธจะแปลงร่างเป็นยักษ์ ขนาดหมา แมวก็ยังกลัว เราไม่ทราบว่าจริงเท็จแต่อย่างไร แต่อยากจะบอกว่าความรู้สึกมันก็ไม่ต่างจากที่เค้าว่าสักเท่าไรเลย เวลาโกรธทีนรก สวรรค์ไม่เคยกลัว แต่พอหายโกรธแล้วจะรู้สึกผิดมากอีก ดูเหมือนขัดแย้งในตัวเองมากค่ะ==


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 18 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร