วันเวลาปัจจุบัน 20 ก.ค. 2025, 23:18  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 7 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 21 มี.ค. 2011, 17:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ต.ค. 2009, 04:17
โพสต์: 13

อายุ: 0
ที่อยู่: ขอนแก่น

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมสงสัยอยู่ว่าคนเราเกิดมามีกรรมเป็นตัวกำหนดมีกรรมเป็นตัวนำไป งั้นแสดงว่าอนาคตของเราก็ได้ถูกกำหนดไว้แล้วจากผลกรรมที่เราทำมาจากอดีตชาติก่อนๆ ใช่มั้ยครับ หรือว่ามันจะสามารถถูกเปลี่ยนแปลงได้ด้วยผลกรรมในชาตินี้ครับ


โพสต์ เมื่อ: 21 มี.ค. 2011, 19:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 พ.ย. 2009, 13:38
โพสต์: 376

ชื่อเล่น: ต้น
อายุ: 0
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


กรรมคือผลแห่งการกระทำ

การกระทำครั้งอดีตจะส่งผลถึงปัจจุบัน
การกระทำปัจจุบันจะส่งผลถึงอนาคต


โพสต์ เมื่อ: 21 มี.ค. 2011, 22:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ที่ว่ากรรมลิขิตๆนั้น
ตามสำนวนภาษา มักทำให้เราเข้าใจว่า
คงจะมีผู้ใดผู้หนึ่งที่เรียกว่ากรรม เป็นคนคอยบงการชีวิตของเรา
อันนี้เป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อน

พระท่านเปรียบเทียบอย่างนี้ว่า
เหมือนเราเอาน้ำมาโถนึง น้ำในโถนี่คือบุญของเรา
ถ้าเราทำบาปเพิ่ม ก็เหมือนเติมเกลิอลงไปเรื่อยๆ

แต่ถ้าเราทำบุญเพิ่ม ก็เหมือนเติมน้ำลงไปเรื่อยๆ ฤทธิ์ของเกลือมันก้จะจางลง
ทำบุญมากๆ บาปมันก้มีกำลังอ่อน

แต่ถามว่าเกลือหายไปมั๊ย... มันไม่หาย เพียงแต่มันถูกกลบด้วยน้ำ

เช่น

คนสองคน คนนึงรวย คนนึงจน ต่างขับรถชนคนตายเหมือนกัน

คนรวย ขับรถชนคนตาย คนรวยไม่เดือดร้อนมาก
เพราะมีเงินทองทรัพย์สินไปบรรเทาความทุกข์ร้อนของเจ้าทุกข์
นี่คือบุญมาก พอมีกรรมมาตัด คือไปชนคนตาย บุญที่มีมันช่วยอุ้มเรา ไม่ให้เดือดร้อนมาก

แต่พอเป็นคนจน ขับรถไปชนเขาตายเหมือนกัน
คนจนบุญน้อย เพราะขาดเรื่องทาน ทานบารมีที่สั่งสมมีน้อย
ก็เลยอัตคัตขัดสนในอันที่จะบรรเทาทุกขืทั้งของตนและของเจ้าทุกข์

กรรมเดียวกันแท้ๆ แต่เดือดร้อนต่างกัน
ก็เมหือนน้ำกับเกลือที่บอก
บุญมันมาก ฤทธิ์เหลือมันเลยทำอันตรายต่อเราได้น้อย

แต่ถ้าบุญมันน้อย บาปมันเยอะ คงจะเดือดร้อนมาก
เพราะฤทธิ์ของเกลือมันแรง กินเข้าไปก็ลิ้นชา ไตพังกันพอดี

ของคุณเข้าใจว่าบุญกับบาป มันหักล้างกันได้ นับว่าเป็นความเข้าใจผิด
บุญส่วนบุญ บาปส่วนบาป น้ำส่วนน้ำ เกลือส่วนเกลือ

บุญทำหน้าที่ช่วยเราช่วยเรา บาปมันทำหน้าที่ทำให้เราเดือดร้อน
มันทำหน้าที่ของมันด้วยกัน แต่ไม่ใช่ว่ามันหักล้างกัน อย่างที่อธิบายไป

ปัจจุบันนี้ เวลานี้ กำลังจะเป็นอนาคต เราเลือกลิขิตเองได้ว่าเราจะทำบุญหรือบาป
ถ้าเราทำบุญมากๆ ผลบุญมันก็ช่วยให้เราสบาย
ถ้าบาปที่เคยทำมาแต่หนหลังมันถึงเวลามาเยือนเรา บุญก้จะคอยช่วยหนุนให้อย่างที่อธิบายไป

.....................................................
อาทิ สีลํ ปติฏฺฐา จ กลฺยาณานญฺจ มาตุกํ
ปมุขํ สพฺพธมฺมานํ ตสฺมา สีลํ วิโสธเย
ศีลเป็นที่พึ่งเบื้องต้น เป็นมารดาของกัลยาณธรรมทั้งหลาย
เป็นประมุขของธรรมทั้งปวง เพราะฉะนั้นควรชำระศีลให้บริสุทธิ์
....................................

"หากเป็นคนฉลาดก็มีแต่จะทำให้คนอื่นรักตนเท่านั้น-วาทะคุณกุหลาบสีชา"


โพสต์ เมื่อ: 21 มี.ค. 2011, 23:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


DOD เขียน:
ผมสงสัยอยู่ว่าคนเราเกิดมามีกรรมเป็นตัวกำหนดมีกรรมเป็นตัวนำไป งั้นแสดงว่าอนาคตของเราก็ได้ถูกกำหนดไว้แล้วจากผลกรรมที่เราทำมาจากอดีตชาติก่อนๆ ใช่มั้ยครับ หรือว่ามันจะสามารถถูกเปลี่ยนแปลงได้ด้วยผลกรรมในชาตินี้ครับ


การเข้าใจในเรื่องกรรม - กำหนด เป็น สัจจะ
ส่วน ของเรา นี่ อวิชา

เปลี่ยน อวิชา ให้เป็น วิชา การมองเห็นกรรม - กำหนด จะเปลี่ยนไป


โพสต์ เมื่อ: 22 มี.ค. 2011, 00:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ต.ค. 2009, 04:17
โพสต์: 13

อายุ: 0
ที่อยู่: ขอนแก่น

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณทุกท่านที่ช่วยมาตอบครับ


โพสต์ เมื่อ: 22 มี.ค. 2011, 02:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


เหมือนเราผากเงินในธนาคาร บางวันก็ฝาก บางวันก็ไม่ฝาก ผ่านไปสัก4ปี พอมีเงินฝาก 100000 บาท จะถามว่า ฝากเงินเมื่อวานนี้เหรอถึงมีเงินขนาดนี้ คำตอบก็ไม่ใช่ ก็คงเหมือนอนาคต หากจะใช้เงินหมดภายในวันนี้ อนาคตก็คงต้องอาศัยวันข้างหน้าอยู่กับวันข้างหน้า

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสต์ เมื่อ: 22 มี.ค. 2011, 08:48 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2011, 11:05
โพสต์: 223


 ข้อมูลส่วนตัว


จูฬกัมมวิภังคสูตร (๑๓๕)

[๕๗๙] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่พระวิหารเชตวัน อารามของ
อนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี สมัยนั้นแล สุภมาณพ โตเทยยบุตร
เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคยังที่ประทับ แล้วได้ทักทายปราศรัยกับพระผู้มีพระภาค
ครั้นผ่านคำทักทายปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว ได้นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ฯ

[๕๘๐] สุภมาณพ โตเทยยบุตร พอนั่งเรียบร้อยแล้ว ได้ทูลถาม
พระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ อะไรหนอแล เป็นเหตุ เป็นปัจจัย
ให้พวกมนุษย์ที่เกิดเป็นมนุษย์อยู่ ปรากฏความเลวและความประณีต
คือ มนุษย์
ทั้งหลายย่อมปรากฏมีอายุสั้น มีอายุยืน มีโรคมาก มีโรคน้อย มีผิวพรรณทราม
มีผิวพรรณงาม มีศักดาน้อย มีศักดามาก มีโภคะน้อย มีโภคะมาก เกิดในสกุลต่ำ
เกิดในสกุลสูง ไร้ปัญญา มีปัญญา ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ อะไรหนอแลเป็นเหตุ เป็นปัจจัย
ให้พวกมนุษย์ที่เกิดเป็นมนุษย์อยู่ ปรากฏความเลวและความประณีต ฯ


[๕๘๑] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรมาณพ สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน
เป็นทายาทแห่งกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย
กรรมย่อมจำแนกสัตว์ให้เลวและประณีตได้


http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.p ... 623&Z=7798

อ่านทั้งหมดที่กระทู้นี้ครับ
viewtopic.php?f=4&t=37317

:b41: :b53: :b42:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 7 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร