วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 05:10  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ต.ค. 2010, 20:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ค. 2009, 21:42
โพสต์: 2

อายุ: 0
ที่อยู่: จังหวัดนนทบุรี

 ข้อมูลส่วนตัว


เทศนาธรรมเรื่อง “บุญ”
หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร พระป่าสายหลวงปู่มั่น

แสดงพระธรรมเทศนา เรื่อง “บุญ”
แก่ญาติโยมที่ วัดป่าดอนหายโศก อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี
เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2548 มีใจความดังนี้

หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร เขียน:
“....ญาติโยมทั้งหลาย วันนี้จะพูดเรื่อง"บุญ".. :b55:

ผู้ที่ทำบุญคือผู้มีบุญ ผู้มีบุญจึงจะได้ทำบุญ
บุญทำให้เกิดความสุข
บุญทำให้เกิดความสบายกาย
บุญ ทำให้เกิดความสบายใจ

ผู้มีบุญ จึงเป็นผู้มีความสุข ทั้งชาตินี้และชาติหน้า
ผู้มีบุญ จึงทำให้เกิดบุญขึ้นมา

ผู้ไม่มีบุญ จึงไม่ค่อยได้ทำบุญ
เมื่อไม่ได้ทำบุญ ก็ไม่ได้เกิดบุญ

ผู้แสวงหาบุญ ก็จะได้บุญ และพบบุญ ได้เป็นผู้มีบุญ
ผู้มีบุญ จึงอิ่มเอมในบุญ เพราะบุญเกิดที่ใจ ใจจึงเย็น ใจจึงเป็นบุญ


ผู้ไม่มีบุญ ไม่คิดอยากจะทำบุญ
และไม่ค่อยคิดหาบุญ ก็ไม่ได้ทำบุญ

บุญทำให้เกิดความสุข ความร่ำรวยได้
ผู้ที่คิดอยากทำบุญ และได้ทำบุญ จึงเกิดความร่ำรวย และเป็นผู้มีบุญขึ้นมา
ผู้มีบุญ จึงเป็นผู้มีความสุขใจ และสุขกาย
ดังนั้น ผู้ไม่มีความสุข จึงเป็นผู้ไม่มีบุญ และบุญยังไม่เกิด


ผู้มีทาน ผู้รักษาศีล ผู้ปฏิบัติสมาธิภาวนา เป็นผู้ต้องการบุญ
บุญจึงเกิดกับผู้ได้กระทำบุญ
ผู้มีบุญจึงเกิดความสุข

จึงขอให้ญาติโยมทุกคนจงได้พากันทำบุญ คิดหาบุญ เพื่อให้เกิดความสุข
แก่ตนทุกท่านทุกคนเทอญ.."


แก้ไขล่าสุดโดย ชาติสยาม เมื่อ 26 ต.ค. 2010, 20:59, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
จัดคำ ช่องว่าง จัดบรรทัดใหม่ เพื่อให้อ่านง่าย ได้ใจความ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ต.ค. 2010, 21:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ทราบซึ้งอย่างแรงเลยครับ
นับว่าเป็น "กัณเทศน์เรื่องบุญ"ที่ไม่ธรรมดาที่กัณฑ์หนึ่ง
ขออนุโมทนาผู้นำมาเผยแผ่มากๆเลยนะครับ
:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ต.ค. 2010, 22:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ม.ค. 2010, 20:54
โพสต์: 163

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แล้วเมื่อไรจะหลุดพ้นกรรมทั้งหลายละ (บุญ บาปมันคือกรรม ทำให้ต้องเกิด)
แม้ว่าเราจะทำบุญมากแค่ไหนหรือมากกว่ามหาสมุทรทั้งจักรวาล ก็ไม่สามารถเทียบได้กับการได้ละกิเลสแค่เสี้ยววินาที


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ย. 2010, 00:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


เจ้าวังทอง เขียน:
แล้วเมื่อไรจะหลุดพ้นกรรมทั้งหลายละ (บุญ บาปมันคือกรรม ทำให้ต้องเกิด)

แม้ว่าเราจะทำบุญมากแค่ไหนหรือมากกว่ามหาสมุทรทั้งจักรวาล ก็ไม่สามารถเทียบได้กับการได้ละกิเลสแค่เสี้ยววินาที


อย่าพึงกล่าวอย่างนั้น

ละกิเลส ก็ต้องใช้บุญ

เวลาฟุ้งซ่าน
ฟุ้งซ่านก็เป็นกิเลส
แก้ฟุ้งซ่านใช้อะไร ก็ต้องใช้บุญ บุญที่ชื่อว่า "สติ"
สติเป็นบุญชนิดหนึ่ง


ที่จริงคุณเข้าใจสับสนในเรื่องบุญกับทาน ว่าเป้นอันเดียวกัน
ที่จริงไม่ใช่
ทาน เป็นส่วนหนึ่งของบุญ
การทำทาน เป็นการทำบุญชนิดหนึ่ง
แต่การทำบุญ ไม่ได้มีแค่ทำทาน

อย่างการเจริญสติที่ผมยกตัวอย่าง มันเป็นการทำบุญ แต่เป็นบุญที่ไม่ใช่เกิดจากการทำทาน

กระนั้นก็ตาม ใครที่คิดว่าจะทำแต่จากการบุญภาวนา
ไม่เอาบุญอย่างอื่น อันนี้ถือว่าประมาทมาก

ก้ที่เกิดมาไม่เท่ากัน ยากดีมีจนไม่เท่ากัน
ก็เพราะบุญส่วนอื่นๆที่นอกเหนือจากการภาวนาทั้งนั้น
บุญส่วนนี้เรียกว่าเป็นส่วนของ"เสบียง"

ถ้าเราคิดว่าจะภาวนาอย่างเดียว ทานไม่เอา มันก็ได้
แต่ก็อาจจะต้องไปภาวนาในถิ่นกันดาร ยากจนค่นแค้น


ถ้า "บุญส่วนอื่นๆที่นอกไปจากการภาวนา" มันไม่จำเป็นในการละกิเลส
พระพุทธเจ้าของเราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเสวยพระชาติต่างๆนาๆเพื่อบำเพ็ญบารมี 10 ทัศ ไม่ต้องเป็นพระเวสสันดรบำเพ็ญเรื่องทาน ไม่ต้องเป็นพระเตมีย์ชาดกเพื่อบำเพ็ญเนกขัมมบารมี

แต่เพื่อจะละกิเลสเป็นพระพุทธเจ้า ท่านต้องใช้บุญจำนวนมหาศาลต่างหาก
ท่านถึงต้องบำเพ็ญอย่างเหลือคณานับปานนั้น
จนผลบุญนั้นสุกเต็มในพระชาติเจ้าชายสิทธัตถะผู้ถึงพร้อมในทุกๆด้าน
ได้เกิดในวรรณะที่ดีที่สุด ได้อยู่ในโภคทรัพย์ที่ดีที่สุด ได้เรียนกับครูที่ดีที่สุด ได้มีความสุขที่สุด จนเบื่อความสุข จนเกิดดำริที่จะออกแสวงหาความจริง.. จนเป็นพระพุทธเจ้า
ทั้งหมดนี้ เป็นผลงานของบุญทั้งนั้น

การกล่าวว่าทานไม่มีผล เป็นเรื่องที่น่าที่น่ากลัวที่สุดเรื่องหนึ่งในศาสนาพุทธ คือเรียกว่า มิจฉาทิฐิ
ถ้าเรากล่าวว่าบุญอื่นไม่ต้องทำ ภาวนาอย่างเดียว ก็เรียกว่าปฏิเสธส่วนบุญที่ได้จากทาน
ก็เท่ากับกล่าวว่า ทานไม่มีผล


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ย. 2010, 19:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2009, 20:42
โพสต์: 699


 ข้อมูลส่วนตัว


ตอบมั่ง... ก่อนจะละกิเลส ก็เห็นจะต้องพ้น อบาย ก่อน ถ้าตกอบายก็จบเลย...
การทำบุญทำทานทั้งหลาย ก็เพื่อให้พ้นอบายเป็นสิ่งแรก แต่ถ้ามีศีลพร้อม อันนั้นก็อีกเรื่องหนึ่ง
เหมือนขึ้นบันไดเป็นขั้นๆ ถ้าสามารถกระโดดพรวดขึ้นชั้น 2 ได้ก็ดี เป็นซูเปอร์พระ
ถ้าเป็นคนธรรมดาก็ค่อยๆ ขึ้นไป แต่ถ้าตกท่อจมหายไปก็เรียบร้อย...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ย. 2010, 20:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ม.ค. 2010, 20:54
โพสต์: 163

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ละกิเลสจำเป็นต้องใช้กุศล
ละอบายภูมิต้องละอกุศล
การแสวงหาบุญเป็นของผู้ที่ต้องการจะเสพกามมิได้เป็นไปเพื่อหลุดพ้น


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร