วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 08:35  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 เม.ย. 2010, 14:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

สุขหรือทุกข์ของคนเราขึ้นอยู่กับปัจจัยสองส่วน
คือปัจจัยภายนอกและปัจจัยภายใน
ในบรรรดาปัจจัยสองส่วนนี้
ปัจจัยภายในคือตัวเรามีความสำคัญที่สุด
บางครั้งปัจจัยภายนอกไม่มีอะไรน่ากลัวหรืออันตรายเลย
แต่เหตุใดเราถึงเป็นทุกข์ ละอองเกสรนั้นไม่มีพิษมีภัย
แต่หลายคนกลับมีอาการแพ้อย่างแรง
บางคนแพ้อาหารทะเล กินแล้วเป็นต้องเกิดผดผื่นคัน
ละอองเกสรหรืออาหารทะเลนั้น
ไม่ได้เป็นปัญหามากเท่ากับปฏิกิริยาบ้าคลั่ง
จากบางส่วนในร่างกายของเรา

คนเราล้มป่วยได้ไม่ได้เพราะเชื้อโรคอย่างเดียว
แต่ยังเป็นเพราะภูมิคุ้มกันในร่างกายของเราอ่อนแอด้วย
จึงปล่อยให้เชื้อโรคลุกลามและอาละวาดได้
ขณะที่บางคนมีเชื้ออย่างเดียวกันอยู่ในร่างกาย แต่ไม่เป็นอะไรเลย
เนื่องจากภูมิคุ้มกันสามารถควบคุมมันไม่ให้ขยายตัวได้
คนที่ตายเพราะโรคซารส์หรือไข้หวัดนก
ปอดของเขาถูกทำลายยับเยินไม่ใช่เพราะพิษจากเชื้อไวรัสที่แปลกปลอม
แต่เกิดจากภูมิคุ้มกันในร่างกายของเขาเองที่เข้าไปทำลายเนื้อเยื่อ
โดยปล่อยสารเคมีออกมาซึ่งทำให้ปอดอักเสบอย่างรุนแรง
นอกจากเนื้อเยื่อที่ดีจะตายแล้ว หลอดเลือดในปอดยังรั่ว
ทำให้เลือดและของเหลวท่วมปอด จนถึงแก่ความตายได้
พูดง่าย ๆ ก็คือภูมิคุ้มกันเหล่านี้ “โอเวอร์รีแอคท์”
จนกลายเป็นอันตรายต่อร่างกายของตัวเอง


ความทุกข์ทางใจก็เช่นเดียวกัน
ปัจจัยภายนอกไม่สำคัญเท่ากับปัจจัยภายใน
คือการวางจิตวางใจของเราเอง
อยู่ในบ้านคนเดียว แม้ไม่มีใครมาก่อกวนรังควานเลย
แต่ใจกลับผวาจนไม่เป็นอันทำอะไร เพราะปรุงแต่งไปต่าง ๆ นานา
หาไม่ก็ฟุ้งซ่านกระสับกระส่ายเพราะคุมความคิดไม่อยู่
คนจำนวนไม่น้อยแม้จะอยู่ในบ้านที่เต็มไปด้วยพ่อแม่พี่น้อง
เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย
แต่กลับเป็นทุกข์เพราะรู้สึกอ้างว้าง
การสำรวจเมื่อเร็ว ๆ นี้พบว่า เยาวชนในกรุงเทพ ฯ
ใช้เวลาอยู่กับโทรศัพท์มือถือวันละสามชั่วโมงโดยเฉลี่ย
เหตุผลหลักคือ “เหงา”

เวลาเป็นทุกข์เพราะถูกตำหนิ จนกินไม่ได้นอนไม่หลับ
เรามักโทษคนที่พูดเช่นนั้นกับเรา
แต่เราลืมนึกไปว่าลมปากของเขานั้นสลายไปกับอากาศธาตุนานแล้ว
เหตุใดคำพูดของเขาจึงยังดังก้องอยู่ในหัวของเราครั้งแล้วครั้งเล่า
แถมยังชัดเจนเหมือนกับเปิดเทปกรอกหูซ้ำแล้วซ้ำอีก
ใครกันที่จดจำคำพูดของเขาจนประทับแน่นในใจ
ซ้ำยังเอามาทวนย้ำซ้ำเติมตัวเองไม่หยุดหย่อน
แม้เขาอาจพูดด้วยวาจาสุภาพ ด้วยความปรารถนาดี
แต่เหตุใดมันจึงกลายเป็นเสมือนค้อนทุบใจเรา
เป็นเพราะเขาหรือเรากันแน่

ที่จริงไม่ใช่ใจเราดอกที่รู้สึก เหมือนถูกค้อนทุบเมื่อได้ฟังถ้อยคำดังกล่าว
แต่เป็นกิเลสหรืออัตตาต่างหากที่เจ็บปวด
ความหลงตัวพองตนว่า “กูแน่”กลับมีอาการฝ่อบุบบี้ไปทันที
เมื่อถูกคนตำหนิ วิจารณ์ หรือเพียงแต่ไม่ชื่นชมอย่างที่เราหวังเท่านั้น
แต่เมื่อกิเลสหรืออัตตาเจ็บปวดทุรนทุราย
ควรหรือที่เราจะไปเจ็บปวดกับมันด้วย
หรือเหมาเอาความเจ็บปวดของมันมาเป็นของเราแทน
ที่จริงควรยินดีด้วยซ้ำที่เห็นมันถูกทรมาน มันจะได้เลิกพองตนเสียที
จะได้ไม่มีเรี่ยวแรงมาขี่คอข่มขู่เราอย่างที่แล้วมา
บางคนฉลาดที่จะมองเห็นประโยชน์จากคำตำหนิ
อย่างน้อยก็ทำให้เห็นจุดบกพร่องที่ควรแก้ไข ช่วยให้ผลงานออกมาดีขึ้น
ด้วยเหตุนี้คุณเล็ก วิริยะพันธุ์ ผู้ก่อสร้างเมืองโบราณ
จึงกล่าวว่า “วันไหนไม่ถูกตำหนิ วันนั้นเป็นอัปมงคล”
คำตำหนิไม่อาจทำให้เราทุกข์ได้เลย
กลับเป็นประโยชน์ด้วยซ้ำ หากเรารู้จักมอง


เมื่อรู้ข่าวว่าเป็นโรคร้าย ทั้ง ๆ ที่ก้อนมะเร็งยังไม่ได้ก่อกวนร่างกายเลย
เพราะยังเล็กกระจิริดอยู่ แต่หลายคนกลับทรุดลงทันที
ไม่มีเรี่ยวแรง กินไม่ได้ นอนไม่หลับ เซื่องซึม ไร้ชีวิตชีวา
อะไรทำให้เขาเป็นเช่นนั้น เป็นเพราะก้อนมะเร็งกระนั้นหรือ
หรือว่าเป็นเพราะใจของเขาที่นึกไปถึงวันตายข้างหน้า ทั้ง ๆ ที่ยังอยู่อีกไกล

มะเร็งทำอะไรจิตใจเราไม่ได้ หากใจเราไม่ทำร้ายตัวเอง
มะเร็งทำร้ายได้ก็แต่ร่างกายของเราเท่านั้น
แต่เมื่อวางใจไว้ถูก มะเร็งกลับมีประโยชน์ต่อชีวิต
หลายคนพบธรรมะหรือจุดหมายของชีวิตหลังจากเป็นมะเร็ง
มรณสติที่มะเร็งช่วยเตือนให้ระลึกถึงบ่อย ๆ
ทำให้คนจำนวนไม่น้อยเห็นคุณค่าของชีวิต
และใช้ทุกวินาทีที่เหลืออยู่อย่างมีคุณค่า
แทนที่จะมัวเสพสุขหรือหาเงินอย่างเคย
ผลก็คือคุณภาพชีวิตดีขึ้น
มีความสุขสงบในจิตใจมากขึ้นอย่างไม่เคยประสบมาก่อน
ด้วยเหตุนี้หลายคนจึงพูดว่า “โชคดีที่เป็นมะเร็ง”
ขณะที่บางคนบอกว่า “โชคดีที่เป็นแค่มะเร็งสมอง”
ด้วยเหตุผลที่ไม่ซับซ้อนแต่นึกไม่ถึง
นั่นก็คือหากเธอเป็นมะเร็งปากมดลูกจะต้องเจ็บปวดทุกข์ทรมานกว่านี้มาก

หลายคนประสบเหตุร้ายจนพิการ แต่เมื่อปรับตัวได้
คนพิการเหล่านี้กลับมีความสุขมากกว่าหลายคนที่มีอาการครบ ๓๒
บางคนสามารถสร้างสรรค์ผลงานชั้นเลิศทั้ง ๆ ที่ทุพพลภาพตั้งแต่คอลงมา
แม้มือใช้การไม่ได้ แต่ก็ยังมีปากงับพู่กันวาดภาพแต่ละชิ้นราคานับแสน
จนสามารถเลี้ยงพ่อแม่และน้อง ๆ ได้ทั้งบ้าน
บางคนกลายเป็นอาจารย์กรรมฐาน
หลังจากประจักษ์แจ้งในความจริงที่ว่า
กายต่างหากที่พิการ แต่ใจไม่ได้พิการด้วย
เมื่อใจลาออกจากความพิการ จิตก็สดใสแจ่มกระจ่าง

ไม่ว่าปัจจัย ภายนอกจะเป็นอย่างไร เงินฝืดเคือง สูญเสียทรัพย์สิน
งานการไม่ก้าวหน้า ตำแหน่งติดตัน คนรักตีจาก เพื่อนพ้องพลัดพราก
หรือแม้เคราะห์กรรมจะมากระทบกับร่างกาย
จนสุขภาพเสื่อมทรุด ร่างกายไม่สมประกอบ
ทั้งหมดนี้ก็ไม่ทำให้เราทุกข์ได้หากใจยังมีสติมั่นคง
ไม่จมปลักอยู่กับอดีตที่หวานชื่น หรือหมกมุ่นกับอนาคตที่หม่นมอง
อีกทั้งไม่เผลอใจไปยึดเอาความทุกข์ของกิเลสมาเป็นของใจ
มีปัญญาที่รู้จักใช้ประโยชน์จากทุกสถานการณ์
และจากทุกอย่างที่ยังมีอยู่กับตัว
ตระหนักว่าทุกอย่างที่เกิดกับเรานั้นดีเสมอ
อย่างน้อย ๆ ก็ดีที่มันยังไม่เลวมากไปกว่านี้


ปีใหม่นี้ใคร ๆ ก็ปรารถนาจะเห็นโชคลาภ ความสำเร็จ
ชื่อเสียงเกียรติยศพร้อมพรั่งบริบูรณ์รออยู่เบื้องหน้า
แต่จะดีกว่าหากมองเข้ามาที่ใจของเรา
ด้วยความหวังว่าธรรมทั้งหลาย มี สติ ปัญญา สมาธิ
เป็นต้นจักเจริญงอกงามเพื่อเป็นเครื่องคุ้มครองใจ
โดยไม่หวั่นกลัวเคราะห์ภัยใด ๆ
เพราะมั่นใจว่าธรรมเหล่านี้จะสามารถเปลี่ยนทุกข์ให้เป็นสุข
เปลี่ยนเคราะห์ให้เป็นโชคได้
แต่หวังเท่านั้นย่อมไม่พอ ต้องลงมือบำรุงเลี้ยงธรรมดังกล่าวด้วย
โดยควรถือเอาศักราชใหม่เป็นนิมิตหมายสำหรับการสร้างคุณภาพใหม่ให้แก่จิตใจ
เพื่อชีวิตใหม่ที่เปี่ยมสุข



ที่มา...กรุงเทพธุรกิจ

:b48: :b8: :b48:


แก้ไขล่าสุดโดย เว็บมาสเตอร์ เมื่อ 10 เม.ย. 2010, 16:25, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 เม.ย. 2010, 17:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.พ. 2009, 20:49
โพสต์: 3979

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
ชื่อเล่น: นนท์
อายุ: 42
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


:b48: :b8: :b48:

อนุโมทนาสาธุด้วยครับ

:b48: :b8: :b48:

.....................................................
แม้มิได้เป็นสุระแสงอันแรงกล้า ส่องนภาให้สกาวพราวสดใส
ขอเป็นเพียงแสงแห่งดวงไฟ ส่องทางให้มวลชนบนแผ่นดิน


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 70 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร