วันเวลาปัจจุบัน 04 พ.ค. 2025, 22:46  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 33 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ม.ค. 2010, 14:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ม.ค. 2010, 14:28
โพสต์: 9

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คือว่ามีเพื่อนชวนไปรับธรรมมะ (อนุตรธรรม)
ขอความอนุเคราะห์ช่วยคลายความสงสัยหน่อยค่ะ
1.รับธรรมมะ ธรรมมะที่ว่าคืออะไร
2.เป็นทางของศาสนาพุทธหรือไม่
พอดีเพื่อนบอกมาว่ามันเชื่อมโยงกันทุกศาสนา ฟังแล้วก็ยังค้านกับความรู้สึกอยู่ดีเพราะเรานับถือศาสนาพุทธ (แต่ยังไม่ได้ไปรับธรรมมะนะคะ)
ขอความกระจ่างจากผู้รู้ด้วย
tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ม.ค. 2010, 15:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7513

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
:b6:
...ข้าพเจ้าเคยได้รับทราบมาบ้าง...มีผู้ที่มาชักชวนเหมือนกัน...
...เขาเล่าแนวคิดให้ฟัง...พอดีไม่มีเวลาคุยต่อเลยไม่ชัดเจนเท่าไหร่...
...เขาว่าอนุตรธรรมเป็นรากเหง้าของทุกศาสนา...เป็นผู้อำนวยการทุกอย่าง...
...เขาเปรียบแนวคิดแบบต้นไม้...อนุตรธรรมคือราก...ศาสนาทุกศาสนาเป็นกิ่งก้านสาขา...
...อนุตรธรรมคือบิดาของทุกศาสนา...เหนือแนวคิดทุกศาสนา...และต้องการแนวร่วมในการทำงาน...
...ข้าพเจ้าทราบเพียงแค่นี้...ก็แค่รับทราบว่ามีแนวคิดใหม่ที่ต่างออกไปจากแนวทางพระพุทธศาสนา...
...เขาบอกว่าไม่ใช่ทุกคนจะเข้าถึงได้...เพราะเขาก็คัดเลือกผู้ที่จะเข้าไปร่วมอุดมการณ์เดียวกับเขานะ...
:b48: :b48: :b48: :b48: :b48:
ยังไม่เห็นเขาคนนั้นตามมาเล่าอะไรให้ฟังอีกค่ะ
:b4: :b16: :b12: :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ม.ค. 2010, 15:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ศาสนาพุทธมีแต่ให้ละ ไม่มีรับอะไรเพิ่มนะจ๊ะ

หากจะมีสิ่งใดเพิ่ม ก็ล้วนแล้วแต่พัฒนาขึ้นมาจากภายในของตน
ไม่ได้มาจากภายนอก

ตลอด 84000 พระธรรมขันธ์ในพระไตรปิฏกเถรวาท
ไม่มีเลยแม้คำหนึ่งที่ให้เราพึ่งพาสิ่งอื่นใดจากภายนอก

ลัทธิใดมีความเชื่อว่าแรงจากภายนอกเป็นผู้กระทำและบันดาลให้เป็นไป
ลัทธินั้นไม่ใช่พุทธเถรวาท


จำไว้นะ ศาสนาลัทธิในโลกนี้ มีสองแบบ
แบบแรก พึ่พาสิ่งภายนอก รูปธรรมก็ตาม นามธรรมก็ตาม
เช่นพึ่งพาอำนาจวิเศษณ์ พึ่งพาเทพ

แบบที่สอง พึ่งพาตน กายของตน ใจของตน
ดังพุทธพจน์ที่ว่า อัตตาหิ อัตโนนาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน


ใครว่าอะไรเอามาบอกเลยนะ จะวิพากย์วิจารณ์ให้ฟัง
ธรรมแท้ๆต้องไม่กลัวการพิสูจน์
คุณสมบัติของธรรมะของพระพุทธเจ้ามี 6 ข้อ เรียกว่าธรรมคุณ 6

สนฺทิฏฺฐิโก - สามารถพิสุจน์รู้แจงได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องพึ่งพาการอ้างอิง การคาดเดา

อกาลิโก - เป็นจริงทั้งอดีต ปัจจุบัน อนาคต ไม่จำกัดด้วยกาล
จริงอย่างไร จริงอย่างนั้นตลอดเวลา
เช่นสรรพสิ่งมีเกิดดับ ไม่ว่าอดีตหรือปัจจุบันหรืออนาคต สิ่งนี้ก็ยังคงเป็นจริงตลอด


เอหิปสฺสิโก
- ควรเรียกให้มาดู มาพิสูจน์ ไม่ลับๆล่อๆ งึมงัม
กล้าท้าทายให้พิสูจน์แจ้ง ไม่หมกเม็ดลึกลับ

โอปนยิโก - ควรน้อมให้เข้ามามาปฏิบัติ


ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิญฺญูหิ - ไม่เหลือวิสัยของวิญญูชนที่จะรู้ได้
ไม่ใช่ว่าอ้างว่าเราไม่มีทางเข้าใจ ทำไปเถอะ กันเหนียวอะไรอย่างนี้ ไม่ได้
เพราะธรรมทั้งปวงที่ตรัสรู้เปรียบเมหือนใบไม้ในป่า แต่ทรงหยิบขึ้นมากำหนึ่ง
กำที่หยิบขึ้นมาคือการเปรียบเทียบว่า ท่านได้คัดสรรแล้วว่าสิ่งใดที่วิญญูชนพึงรู้ได้
ท่านจึงสอน ไม่ได้สอนสิ่งที่เราไม่มีวันเข้าใจ
พระพุทธเจ้าได้คัดสรรธรรมที่วิญญูชนรู้ได้แล้ว
ท่านไม่สอนสิ่งที่นอกเหนือการรับรู้ของวิญญูชน
ลัทธิใดให้พึ่งพาความเชื่อ ลัทธินั้นไม่ใช่พุทธเถรวาท

พุทธเถรวาทเรา ไม่หยุดแค่ความเชื่อ ถ้าเชื่อบ้างแล้วก็เชิญให้พิสูจน์
ไม่งั้นไม่ตรัสกาลามสูตร ที่ไม่ให้เชื่ออะไรเลย
แต่ให้พิสูจน์


พระพุทธเจ้าแบ่งบุคคลเป้น 4 เหล่า บัวสี่เหล่า
เหล่าที่สอนไม่ได้ ท่านเรียกอเวไนยสัตว์
ส่วนสามเหล่าที่เหลือ เรียกว่าวิญญูชน
วิญญูชนคือเหล่าสามารถสั่งสอนได้ รู้ธรรมได้ พิสูจน์ธรรมมะที่ทรงสอนได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ม.ค. 2010, 16:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


ไปดูคำตอบเพิ่มเติมที่นี่ครับ..

http://www.tamdee.net/main/simple/?t527.html

http://www.atriumtech.com/cgi-bin/hilightcgi?Home=/home/InterWeb2000&File=/home2/searchdata/Forums2/http/www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y5494964/Y5494964.html

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


แก้ไขล่าสุดโดย -dd- เมื่อ 21 ม.ค. 2010, 16:08, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ม.ค. 2010, 16:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ม.ค. 2010, 14:28
โพสต์: 9

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณค่ที่ให้ความรู้ทางพระพุทธศาสนา
แล้วอีก 1 คำถามนะคะ การจะไปสู่แดนสวรรค์หรือนิพพาน ตามหลักพระพุทธศาสนาต้องปฏิบัติอย่างไรบ้าง

คือกลุ่มอนุตรธรรม กล่าวว่าต้องได้รับไตรรัตน์หรือสิ่งวิเศษ 3 ประการ
1.จุดญาณทวาร
2.รหัสคาถา
3.ลัญจกร อะไรประมาณนี้
ขอความกรุณาชี้แนะด้วยนะคะ คือที่กำลังหาข้อมูลอยู่นี้ก็เพื่อตัวเองรวมถึงคนในครอบครัวที่กำลังถูกชักนำจะได้เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง


ขอบคุณในความกรุณาค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ม.ค. 2010, 17:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 พ.ย. 2009, 17:20
โพสต์: 532

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แม่น้ำมีหลาย ไหลลุ่มรวมกันที่มหาสมุทรฉันใด ลีลาแห่งธรรม การบำเพ็ญ การได้เริ่มต้น ย่อมมีความหลากหลายไม่ต่างอะไร กับสายน้ำที่มีสาขาจากต่างๆที่ แต่ก็มีที่สุดเดียวกัน เพื่อพ้นทุกข์ พระนิพพาน จึงไม่ใช่เรื่องที่จะไปให้ความแตกแยก แตกต่างกัน หากพูดถึงการไม่ยึดติด ก็ให้พูดถึงจิตไปเลย จะกินเจ ไม่กินเจ ทานเนื้อก็ไม่แตกต่าง หากไปบอกว่ากินเจแล้วบริสุทธิ์กว่า ดีกว่านี้เป็นว่าไม่บริสุทธิ์แล้วที่ตรงมีทิฐิ มาดีกว่า สำคัญตนว่าดีกว่าไปแล้ว จะกินอะไร ทานอะไรก็แค่ เพื่ออาศัย ไม่ต่างกัน
สิ่งที่บอกกล่าวบางสิ่งบางอย่าง ก็เป็นแค่ทำตามกัน จะไม่ชัดโดยสัจธรรมแท้ เช่น ว่าจุดนั้นนี้ รหัส นั้นนี้
จะเป็นการคาดเดา สุ่มเอา อยู่ เป็นทางผ่านสิ่งนี้ไม่ต่างกับสมถกรรมฐานที่เราคุ้นเคย สรุปลงเป็น เริ่มวิรัติ
เริ่มศึกษา เริ่มตั้งต้น เริ่มบำเพ็ญ แบบไหนๆก็ดีหมด เพียงขอให้เริ่ม ดีกว่าปล่อยให้วันคืนกลืนกินชีวิตไปเฉยๆ เปล่าประโยชน์ จึงสรุปไม่ต้องสงสัยดีกว่า เรื่องราวต่างแบบนี้ แค่ทางผ่าน ทางบำเพ็ญ เท่านั้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ม.ค. 2010, 17:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ม.ค. 2010, 14:28
โพสต์: 9

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เห็นด้วยค่ะ แตกต่างแต่ไม่แตกแยก
จะยึดถือปฏิบัติตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า ตลอดไป (ไม่วอกแวก)
ขอบคุณค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ม.ค. 2010, 22:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2009, 09:31
โพสต์: 639

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลองเข้าเว็บนี้ค่ะ
http://th.wikipedia.org/wiki/ลัทธิอนุตตรธรรม

จุฬาภินันท์ว่าเนื้อหาครบและเข้าใจง่าย ถ้าให้เดา จุฬาภินันท์ว่าเข้าหลักทุกศาสนาค่ะ แต่ละข้อมีนัยของตัวมันเองค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ม.ค. 2010, 13:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ก.ค. 2008, 23:37
โพสต์: 449

ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ตายแล้วฟื้นแค่ 4 ชั่วโมง เพราะพญายมให้เวลามารับวิถีอนุตตรธรรมธรรมแค่ 4 ชั่วโมงเท่านั้น


เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง เป็นประจักษ์หลักฐานให้พวกเราตระหนักว่า วิถีอนุตตรธรรมมีการปรกโปรดสามโลกจริงในช่วงยุคปลายกัล์ปนี้เอง ฉะนั้น ใครก็ตามที่ยังไม่ได้รับวิถีธรรม ถือว่าน่าเสียดายยิ่งนักเพราะหกหมื่นปี กว่าจะมีการปรกโปรดสามโลกครั้งใหญ่ แน่นอนเมื่อมีนรกคนเป็นแล้ว ก็มีนรกคนตายด้วยเช่นกัน

ประจักษ์หลักฐานการตายแล้วฟื้นคืนชีพ>>
> >
วิญญาณไม่ดับสูญ เป็นปริศนาที่ถกเถียงกันอย่างไม่มีวันสิ้นสุด และเรื่องของจุดหนึ่งวิเศษจากพระวิสุทธิอาจารย์ สามารถหลุดพ้นจากการเวียนว่าย ฯ ได้ ก็เป็นอีกเรื่องที่มีประจักษ์พยานยืนยันมากมาย
จังหวัดจันทบุรี อีกจังหวัดหนื่งของประเทศไทย ได้เกิดเรื่องน่าสะเทือนขวัญขึ้นเหตุการณ์หนึ่ง ซึ่งเป็นประจักษ์หลักฐานยืนยันการเบิกจุดหนึ่งจากพระวิสุทธิอาจารย์อย่างเห็นเด่นชัดอีกเรื่องหนึ่ง
อัมพรและสามีแต่เดิมมา เป็นสามีภรรยาที่รักใคร่กันมากต่างฝ่ายต่างเป็นห่วงเป็นใยซึ่งกันและกัน สามีภรรยาคู่นี้ใช้ชีวิตคู่อย่างมีความสุข และจะเป็นที่น่าอิจฉาในความสุขนี้มาก หากไม่มีเรื่องของสุราเข้ามาเป็นนเหตุของเรื่องที่จะตามมา สามีของอัมพรเป็นคอเหล้าประเภทที่น้ำเมาออกฤทธิ์เมื่อไร เป็นต้องทำให้ภรรยาเดือดร้อน มีปากเสียงทะเลาะกันทุกที วันหนึ่งทั้งสองเกิดเหตุทะเลาะกันเพราะเรื่องเดิมนี้อีก ต่างฝ่ายต่างก็ไม่ยอมกันสามีอัมพรดื่มเหล้ามากขึ้น ๆ จนวันนั้น พิษเหล้าได้เข้าสู่ร่างกายมากเกินไป เป็นเหตุให้สามีอัมพรต้องจบชีวิตลง อัมพรรู้สึกผิดต่อสามีเป็นอย่างมาก ในระหว่างที่เศร้าโศกเสียใจอยู่นั้น อัมพรครุ่นคิดและเอะอะโวยวาย อยากชดเชยความผิดของคนด้วยการฆ่าตัวตายตาม ญาติของอัมพรคนหนึ่ง ชื่อ สำเนียง ซึ่งได้รับวิถีธรรมก่อนหน้านี้ และเคยเชิญชวนอัมพรให้มาขอรับวิถีธรรมด้วย แต่จนแล้วจนเล่าก็ไม่สำเร็จ หลังจากที่ได้ยินข่าวการกินยาฆ่าตัวตายของอัมพรรู้สึกตกใจมาก แม้จะนำตัวไปส่งเพื่อช่วยชีวิตที่โรงพยาบาลแล้ว แต่ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตได้ทัน
วันถัดมา ได้นำศพของอัมพรกลับมาบำเพ็ญกุศลที่บ้านตามประเพณีของชาวไทยชนบท ศพของผู้ตายจะถูกมัดตราสังข์ คือ การให้ผู้ตายพนมมือ พร้อมดอกไม้ธูปเทียน และมัดรอบมือด้วยสายสิญจน์ (อุปมาว่าผู้ตายเป็นผู้ที่พนมมือ ถือสิ่งต่างๆ ดังกล่าวนั้นเอง) จากนั้น ให้อีกคนประคองพระพุทธรูป และให้ผู้ตายพนมมือไหว้พระพุทธรูปอุปมาว่ากลับคืนไปเป็นพุทธะแล้ว
> >


และตามประเพณีไทย ศพผู้ตายจะถูกเผาในวันที่ 7 เมื่อถึงวันที่ 6 สำเนียงผู้ซึ่งเคยมีความตั้งใจชวนอัมพรมาขอรับวิถีธรรมในวันนั้นก็คิดว่า “ พรุ่งนี้ อย่างไรก็ต้องไปร่วมงานศพให้ได้ “ ก่อนจะออกจากบ้านรู้สึกเอะใจว่าควรนำกล้องถ่ายรูปติดไปด้วย
ในขณะที่ สำเนียงก้าวเข้าประตูบ้านของอัมพรด้วยความหดหู่ใจ ผู้คนทีมาร่วมอาลัยภายในบ้านต่างเฝ้าร่างอันไร้วิญญาณของอัมพรด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย เพราะพิษยาที่อัมพรกินเข้าไปด้งนั้น ริมฝีปากจึงเริ่มที่จะเน่าเปื่อย ภายในบ้านคละคลุ้งไปด้วย กลิ่นเน่าเหม็น บรรดาญาติสนิทและเพื่อนผู้มาร่วมในเหตุการณ์ต่างบีบจมูกกลั้นหายใจ เพราะทนต่อกลิ่นศพที่คละคลุ้งไม่ไหว
สำเนียงได้เดินไปที่ข้างศพด้วยอาการโศกสลด สองมือประนมขึ้นภาวนาให้อัมพรไปสู่สุขคติ ทันใดนั้น อัมพรได้ลืมตาขึ้น ทุกคนต่างตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเป็นไปได้อย่างไร ดวงตาที่ไร้แววของเขาเหมือนจะบอกว่า มีความนัยบางสิ่งบางอย่างต้องการบอกกับทุกคน แต่เขาไม่อาจพูดได้ สักพัก มือของเขาก็เริ่มเคลื่อนขยับอย่างช้าๆ แสดงท่าขอกระดาษกับปากกา จากนั้นได้เริ่มเขียนตัวหนังสือในกระดาษ ซึ่งเป็นเรื่องน่าแปลกใจเกินคาดคิด อัมพรที่ไม่เคยเรียนภาษาจีนมาก่อน พอเริ่มเขียนก็เขียนภาษาจีนเลย ทุกคนในบ้านไม่มีใครอ่านออก โชคดีที่สำเนียงเคยศึกษาธรรมในพุทธสถานเป็นประจำ และได้เห็นอักษรจีนอยู่บ้านจึงรู้ว่าเป็นภาษาจีน ญาติๆ ของอัมพรจึงขอร้องให้เขียนภาษาไทย เพราะว่าพวกเขาอ่านไม่ออก อัมพรที่ฟื้นคืนชีพมาใหม่เหมือนรู้ใจ จึงได้เปลี่ยนมาเขียนเป็นภาษาไทย
> >
เขาได้เขียนหลายประโยค ซึ่งแสดงเจตนาและสื่อความหมายว่าปัจจุบันยุคกาลปรกโปรดสามภพ พระโพธิสัตว์กวนอิมและพระพุทธะจี้กงจะมาช่วยพวกเรา ในใจความนั้นยังได้บอกเป็นปริศนาว่าในร่างกายของมนุษย์เรามีจุดญาณทวารซึ่งเป็นหนทางหลุดพ้นเวียนว่าย หลังจากเขียนตัวหนังสือเหล่านี้เสร็จไม่นาน ก็ได้ลุกขึ้นและอ้าปากพูด ทำให้ญาติและเพื่อนๆอีกหลายคน กลัวจนต้องเพ่นออกนอกบ้านไป
เขาได้พูดว่า “หลังจากที่หนูตายไป ก็มียมทูตพาตัวหนูไป หนูลนและกลัวมาก วิ่งหนีพลางบอกกับยมทูตนั้นว่า ไม่อยากจะถูกพาไป แต่หนูก็ไม่อาจจะทำเช่นนั้นได้ ไม่นานหนูก็เห็นกระจกบานหนึ่ง (น่าจะเป็นกระจกส่องกรรม) ในกระจกได้สะท้อนภาพเหตุการณ์ที่หนูฆ่าตัวตายอย่างละเอียดชัดเจน หลังจากนั้น หนูเห็นพระรูปหนึ่งถือพัดในมือ (น่าจะเป็นพระพุทธะจี้กง) และหนูได้เห็นสามีหนูถูกจับกุมโดยยมทูตขนาบข้างทั้งซ้ายและขวา ยมทูตได้ง้างปากของเขาจนกว้าง แล้วกรอกปากเขาด้วยน้ำที่เดือดผุดๆ จนหนูทนเห็นเขาในสภาพนั้นไม่ได้ ร่ำร้อง ตะโกนให้หยุดกรอก แม้ร้องไห้ ขอร้องด้วยความเสียใจนานเท่าไร แต่พวกท่านคล้ายกับไม่ได้ยินเสียงของหนูเลย หนูก็ได้แต่ร้องไห้... ร้องไห้ “




^^ ศพของอัมพรซึ่งลุกขึ้นมาพูด แต่ตัวจะส่งกลิ่นเหม็นมากเนื่องจากเสียชีวิตไปหลายวัน ทำให้คนรอบข้างต้องเอามือเอาผ้ามาปิดจมูก


อัมพรพูดต่อว่า “วันนี้ที่หนูมาได้เพราะพระที่ถือพัดขาดๆ นั้นเป็นผู้พามา ท่านอยู่ข้างๆหนูเอง ท่านบอกให้หนูเรียกทุกคนให้ไปเรียนภาษาจีน เพราะว่าเมื่อหนูถึงยมโลกแล้ว อ่านหนังสือไม่ออกเลยสักตัว พระที่ถือพัดขาดๆ บอกว่าเป็นภาษาจีนและได้พูดกับหนูอย่างเมตตาว่า ขณะนี้พระโพธิสัตว์กวนอิมและพระพุทธะจี้กง ได้ปรกโปรดฉุดช่วยพวกเจ้า พวกเจ้าต้องตามไปกราบไหว้ด้วย จึงจะหลุดพ้นจากเวียนว่ายได้” อัมพรกล่าวต่ออีกว่า “ตอนหนูอยู่ยมโลกได้เห็นคนลอยขึ้นด้านบน แต่ทำไมหนูเองกลับตกลงข้างล่าง สุดท้าย พญายมได้พูดกับหนูว่าข้างบนเป็นสวรรค์ ข้างล่างคือนรก “ ในตอนท้าย อัมพรได้พูดอย่างเสียใจว่า “รู้สึกสำนึกเสียใจมากที่พลาดโอกาสรับวิถีธรรม พระถือพัดขาดๆ ท่านนี้เวทนาสงสารหนู ถึงได้พาหนูมา” ในขณะที่ผู้ตายได้เอ่ยปากพูด ดวงตาที่ไร้แววของเขาได้เพ่งมองไปที่จุดญาณทวารของสำเนียงตลอดเวลา คล้ายกับว่าอยากพบหนทางหลุดพ้นจากจุดๆ นี้เช่นกัน ก่อนที่เขาจะจากไป เขาได้กล่าวซ้ำๆ เตือนทุกคนว่า “พวกเธอรีบเร่งไปหาคนไต้หวันเสียแต่เดี๋ยวนี้เถอะ พระโพธิสัตว์กวนอิมทรงเมตตาให้คนไต้หวันมาเมืองไทย เพื่อฉุดช่วยพวกเรา พวกเธอรีบไปเถอะ” พูดจบก็ร้องไห้ “ หนูต้องไปแล้วล่ะ “ ในตอนท้าย อัมพรยังได้กล่าวย้ำถึงความผิดหวังเสียใจที่ตนองพลาดโอกาสรับวิถีธรรม สำเนียงเอง ก็รู้สึกซาบซึ้งถึงพระมหากรุณาธิคุณเบื้องบนที่เมตตาอาศัยโอกาสนี้แสดงบุญญาภินิหารช่วยเสริมส่งหนุนค้ำ จึงได้รีบพาผู้อาวุโสไต้หวันไปฉุดช่วยญาติๆ และพี่น้องของอัมพรในไม่กี่วันต่อมา ครั้งแรกมีผู้มาขอรับวิถีธรรมหลายร้อยคน หลังจากนั้น ก็มีผู้มาขอรับวิถีธรรมจึงนับวันยิ่งมากขึ้นๆ คุณประเสริฐของวิถีธรรม และคุณวิเศษของจุดหนึ่งจากพระวิสุทธิอาจารย์ ช่างวิเศษล้ำค่าเกินคาดเสียจริง ยิ่งทำให้ผู้ที่ได้รับรู้สึกซาบซึ้งสำนึกของคุณเป็นยิ่งนัก>>

ในวันนั้นทำให้ญาติธรรม ญาติพี่น้อง และครอบครัวได้ตระหนักเห็นความสำคัญของวิถีอนุตตรธรรมนี้ ทำให้คนทั้งหมู่บ้าน ออกมารับวิถีธรรมกัน สร้างบุญกุศลครั้งยิ่งใหญ่ให้กับผู้ตาย เรื่องนี้เป็นประจักษ์หลักฐานอันสำคัญให้เรารู้ว่า โองการสวรรค์มีจริง นรกมีจริง วิญญาณทั้งสามโลกต่างเห็นความสำคัญของวิถีธรรมนี้กันทั้งนั้น เพราะหากได้รับเส้นทางตรงสู่นิพพานนี้ แล้วมุ่งมั่นตั้งใจบำเพ็ญ กลับตัวกลับใจเสียใหม่ ก็จะพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดได้ภายในชาตินี้ ฉะนั้น คนที่เกิดทันยุคที่ธรรมะส่งลงมาปรกโปรด ช่างโชคดีเหลือเกินแต่ทำไมเวลามีคนชวนไปรับธรรมะ คนกลับปฏิเสธได้ ทั้งๆที่เบื้องบนได้เมตตา ชี้หนทางแห่งแสงสว่างให้ไว้แล้ว


วิถีอนุตตรธรรม คือ เส้นทางการตรัสรู้แห่งอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณของพระพุทธะโพธิสัตว์และพระอริยะเจ้าทั้งสิ้น ทำไมคนเราที่มีกายเนื้อจึงไม่เปิดใจรับกันหนอ กลับมองว่าเป็นเรื่องไม่สำคัญกับชีวิต ทั้งที่ เทวดา เทพเทวา เปรต ผีวิญญาณ อยากได้รับวิถีธรรมนี้ใจจะขาดกันทั้งนั้น




แหล่งอ้างอิง http://www.mindcyber.com/home/index.php?news=376



หรือลองไปศึกษาดูหลักฐานและอื่นๆ ได้ที่นี่ (มีเยอะมาก และตรงกับที่ผมได้ไปศึกษามาด้วยทั้งนั้น)
http://matiepoppy.multiply.com/journal/item/300





เราท่านจงพึงสำนึกว่า การจะได้เกิดกายเป็นคนนั้นยาก
เกิดเป็นคนแล้ว จะได้รับวิธีอนุตตรธรรมนั้นยากยิ่งกว่า

ศาสดาขงจื๊อกล่าวไว้ว่า
"เช้าได้รู้วิถีธรรม เย็นตายไม่ห่วงเลย"

.....................................................
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ม.ค. 2010, 14:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ม.ค. 2010, 14:28
โพสต์: 9

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


kokorado : คนที่เกิดทันยุคที่ธรรมะส่งลงมาปรกโปรด ช่างโชคดีเหลือเกินแต่ทำไมเวลามีคนชวนไปรับธรรมะ คนกลับปฏิเสธได้ ทั้งๆที่เบื้องบนได้เมตตา ชี้หนทางแห่งแสงสว่างให้ไว้แล้ว
ปารณีย์ : คือคิดว่าเหตุผลที่คนบางส่วนไม่ตัดสินใจไปรับธรรมที่นั้นเป็นเพราะยังไม่กระจ่างแจ้งในหลายๆคำถามที่มีต่อคำว่า อนุตรธรรมและวิถีปฏิบัติ(บุญยังไม่ถึงเจ้ากรรมนายเวรยังไม่ยอมให้เราไปรับธรรม)และไม่เข้าใจด้วยว่าทำไมถึงไม่มีการอธิบายให้เข้าใจอย่างท้องแท้กันก่อนที่จะมีการชวนไป
อนุตรธรรม โดยตัวของธรรมนั้นอาจจะดีมากก็ได้ แต่สำหรับการเปิดตัวให้คนรับรู้มันไม่ชัดเจน บางคำถามก็ไม่สมารถตอบได้ โดยกล่าวว่าถ้าฝ่ายอธรรม ภูตผี ปีศาจ รับรู้จะรีบแย่งกันไปขึ้นสวรรค์หมด เป็นอีกเหตุผลที่ต้องปกปิด


คิดแตกต่างแต่ไม่คิดจะแตกแยกนะคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ม.ค. 2010, 15:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 พ.ย. 2009, 17:20
โพสต์: 532

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่ใช่ตัวเอง อะไรก็ตัวเอง ไม่เช่นนั้นทำอะไรๆทุกข์ ให้ทำแบบแล้วๆไป ไม่ต้องมุ่งว่าต้องสำเร็จ ชวนแล้วต้องได้ ประมาณนั้น มันเป็นเรื่องของตัณหาอุปทานของเราจะให้เป็นแล้ว ไม่เกิดเองเป็นเองหรือศัพท์ที่คุณๆใช้กันคือเบื้องบนจัดสรร ทำหน้าที่ชี้ชวน ชักชวน ทำแล้วก็แล้วๆไป จึงไม่ติดขัดในสิ่งที่จะทำ อย่างนี้ทำอะไรๆก็ไม่เป็นทุกข์ ทำได้เรื่อยๆ
หากจะว่าไปแล้วการปรกโปรดก็มีกันอยู่เองแล้ว ในปัจจุบัน คือหน้าที่ของพระสงฆ์ องค์เณร เป็นหลักอยู่แล้ว แต่ในปัจจุบันด้วยมีสื่อ ข่าวสาร หรือกลุ่มคนบางพวก ได้เป็นการสร้างกระแส และมีสิ่งยั่วยุมากมายที่ทำให้ศรัทธามหาชน ไขว่เขว่ หลงไหลไปในกระแสโลกสังคมมากมาย ที่ก่อให้เกิดปัญหาความแตกแยก แตกต่าง มากมาย จนพากันลืม ครรลองที่เหมาะให้ตัวเอง โดยลำพังกำลังของพระสงฆ์ ย่อมไม่พอที่ฉุดช่วยได้หมด ไม่อาจต้านกระแสของโลกได้ เพราะที่ยังปฏิฆะพระสงฆ์เพราะเห็นแค่สื่อก็มีไม่มากก็น้อย หากการรับอนุตรธรรม เป็นการดีด้วยซ้ำ ที่มีอะไรที่ช่วยเติมในสิ่งที่ขาดหาย เป็นการหนุนกันไปอีกทางหนึ่ง ช่วยชักนำผู้คนที่ไม่มีศรัทธาให้มีศรัทธา ไม่รู้จักวิรัติ ให้วิรัติ รู้จักควรไม่ควร เป็นต้นฯ ก็ถือว่าให้ได้ตั้งอยู่ในครรลองที่เหมาะสมแล้ว ส่วนจะไปว่าถึงความหลุดพ้น ก็ให้ว่าตามวาสนา เพราะระบบกรรม ธรรมจัดสรรกันเองอยู่แล้ว หากเปรียบครรลองนี้ก็คือหางเสือเรือ หรือเข็มทิศ ที่มีแล้วย่อมหลงทาง ไม่หลงการเป็นอยู่แบบมั่วๆที่มีแต่การสร้างกรรมทับถมตัวเอง ให้ดำดิ่ง กลายเป็นเกิดมาแล้วตายเปล่านี้เอง

ขอเชิญศึกษาธรรมบรรลุฉลับพลัน จบโลก จบธรรม จบกรรม การปฏิบัติ โดยหลวงพ่อโพธิ์ศรีสุริยะ เขมรโต วัดร่มโพธิธรรม จ.เลย ที่บอร์ดสนทนาทั่วไปขอรับ หรือ http://www.rombodhidharma.com/

ขอให้ท่านมีส่วนในความ ไม่ติด ไม่ขัด ไม่ข้อง ไม่คา แจ่มแจ้งในสัจธรรม ลุล่วงพ้นทุกข์ ตามองค์พุทธะ พระอรหันต์ พระโพธิสัตว์ หลวงพ่อโพธิ์ศรีสุริยะ เขมรโต นั่นเทอญ


แก้ไขล่าสุดโดย yodchaw เมื่อ 22 ม.ค. 2010, 15:10, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ม.ค. 2010, 16:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ม.ค. 2010, 14:28
โพสต์: 9

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สาธุ สาธุ สาธุ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ม.ค. 2010, 13:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


ปารณีย์ เขียน:
คือว่ามีเพื่อนชวนไปรับธรรมมะ (อนุตรธรรม)
ขอความอนุเคราะห์ช่วยคลายความสงสัยหน่อยค่ะ
1.รับธรรมมะ ธรรมมะที่ว่าคืออะไร
2.เป็นทางของศาสนาพุทธหรือไม่
พอดีเพื่อนบอกมาว่ามันเชื่อมโยงกันทุกศาสนา ฟังแล้วก็ยังค้านกับความรู้สึกอยู่ดีเพราะเรานับถือศาสนาพุทธ (แต่ยังไม่ได้ไปรับธรรมมะนะคะ)
ขอความกระจ่างจากผู้รู้ด้วย
tongue


คุณขอรับ คุณไม่ต้องไปรับธรรมะที่ไหนดอกขอรับ เข้ามาในเวบธรรมจักรฯ นี้แล้ว ก็รับธรรมะในเวบฯนี้แหละขอรับ มีเยอะแยะขอรับ โดยเฉพาะในหมวดสนทนาธรรม มีสอนเยอะแยะ ในเวบธรรมจักรฯ ก็มีสอนธรรมะทุกอย่างอยู่แล้ว คุณก็รับเอาธรรมะ โดยการ อ่าน โดยการฟัง โดยการ นำไปปฏิบัติ นี้เรียกว่า รับธรรมะ
ส่วนที่คุณถามว่า ธรรมะคืออะไร ก็หาอ่านเอา ก็จะรู้ว่า ธรรมะคืออะไร ในเวบนี้มีธรรมะทุกรูปแบบ จะเอาแบบ สอนบุคคลทั่วไป หรือจะเอาแบบสอนสำหรับเฉพาะพระสงฆ์ หรือจะเอาแบบ สอนให้รู้จักการดำเนินชีวิตประจำวันก็มี จะเอาแบบ บรรลุธรรมชั้นโสดาบัน เป็นขั้นแรกก็มี อ่านเอา รับเอา แล้วคิดพิจารณาตามหลักธรรมชาติ ตามหลักความเป็นจริง เท่านั้นแหละ คุณก็จะได้รับ อนุตตริยะธรรม คือ ธรรมอันยอดเยี่ยม สูงสุด
อนึ่ง ถ้าคุณเห็นว่าดี ได้ความรู้ ความเข้าใจ ในธรรมทั้งหลายแล้ว ก็บริจาคให้ทางเวบฯเขาบ้าง เขาจะได้อยู่ไปนานๆ ขอรับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ม.ค. 2010, 14:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


Buddha เขียน:
---------------------


คุณผู้ใช้ชื่อว่า buddha ขอรับ
คุณพูดได้ถูกใจข้าพเจ้ามากๆขอรับ
:b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ม.ค. 2010, 15:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ธ.ค. 2009, 13:40
โพสต์: 26

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอโอกาสพ่อแม่ครูอาจารย์ทุกท่าน
ตามความเข้าใจของผม "ธรรม" (ทรงไว้ซึ่งความเป็นธรรม) รับที่ไหนไม่ได้หรอกครับหาได้ในหัวจิตหัวใจเรานี่แหละครับแต่การค้นหาจำเป็นจะต้องมีคนแนะวิธีหานั่นคือ ครูบาอาจารย์

.....................................................
นโม เม สพฺพอริยสํฆานํ
ขอผูกขาดจองขาดในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไปทุกภพทุกชาติ
จนกว่าจะสิ้นภพสิ้นชาติ
ขอนอบน้อมนมัสการธรรม องค์หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต ด้วยเศียรเกล้า


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 33 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร