วันเวลาปัจจุบัน 05 พ.ค. 2025, 16:04  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ย. 2009, 12:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

วัฏจักร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวพักแรมของจิตวิญญาณไม่มีกาลสมัย
เมื่อใด ใจยังมีตัณหาคือ ความอยาก
เมื่อนั้นจิตวิญญาณยังต้องการอยู่ในสามภพนี้ตลอดไป
มีทั้งสมหวังและผิดหวังมีทั้งสุขและทุกข์ ทั้งหัวเราะและร้องไห้ปนกันไป
ในสามภพนี้เป็นสถานที่พักชั่วคราวเท่านั้น
จิตวิญญาณจะไปอยู่แบบถาวรตายตัว ตลอดไปไม่ได้
จะมีการหมุนเวียนเปลี่ยนไปตามเหตุปัจจัยที่สร้างเอาไว้
จะอยู่ใน ภพนั้นบ้างอยู่ในภพนี้บ้าง แล้วก็ผ่านไปไม่คงที่
จะมีความพอใจยินดีอยากจะอยู่ เป็นหลักฐานตลอดกาลไม่ได้
หรือจะไปที่ไหนอยู่ที่ไหนเอาตามใจชอบก็ไม่ได้เช่นกัน
เหมือนกับบุคคลอยู่ในแพกลางมหาสมุทร
จะกำหนดทิศทางให้แก่ตัวเองไม่ได้เลย
จะไปตกค้างอยู่ที่ไหนอย่างไรก็จะเป็นไปตามกระแสของลม
ฉันใด ผู้จะไปเกิดในภพชาติใดจะมีกรรมเป็นตัวกำหนดให้ไปเกิดในที่นั้น ๆ
ผู้ทำกรรมดี เอาไว้ก็จะได้ไปเกิดในภพชาติที่ดี
ผู้ทำกรรมที่ไม่ดีเอาไว้ก็จะได้ไปเกิดในภพชาติที่ไม่ดี
กรรมจะให้ความเป็นธรรมแก่ทุกๆ คน


แต่บุคคลไม่ยอมรับผลของกรรมชั่วที่ตัวเองทำเอาไว้
แต่ก็หนีไม่พ้นจะต้องได้รับผลของกรรมชั่วแน่นอน
คำว่า กรรมดีและกรรมชั่วนั้นมันเป็นกฎของธรรมชาติ
เป็นผลตอบแทนให้แก่เหตุอย่าง ตรงไปตรงมา
จะเรียกว่าศาลโลกที่ตัดสินคดีให้แก่มนุษย์ทั้งหลายก็ว่าได้
ผู้ที่เวียนว่ายเกิดตายอยู่ในภพทั้งสาม
จะต้องถูกศาลวัฏจักรตัดสินชี้ขาดให้ทั้งหมด
ฉะนั้นจิตวิญญาณที่ชอบเที่ยวเร่ร่อนไปตามวัฏฏะ
จะต้องอยู่ในขอบเขตของกฎแห่งกรรมด้วยกันทั้งนั้น
ผู้ที่นับถือในศาสนาอะไร หรือผู้ที่ไม่นับถือศาสนาอะไร
จะต้องอยู่ในอำนาจกฎแห่งกรรมด้วยกัน
ไม่มีจิตวิญญาณใดอยู่เหนือกรรมนี้ไปได้เลย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2009, 16:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ม.ค. 2009, 20:45
โพสต์: 1094

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนาครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ม.ค. 2010, 15:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ม.ค. 2010, 16:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


เหตุให้เกิดทุกข์
หลวงพ่อทูล ขิปฺปปัญโญ
เหตุให้เกิดทุกข์ ๓
มนุษย์มี ๔ ประเภท


มนุษย์มีหลายประเภท เช่น
มนุสสเทโว ดูรูปร่างลักษณะเป็นมนุษย์ แต่จิตใจเป็นเทวดา
เรียกว่ามนุษย์ใจบุญ มีคุณธรรมประจำตัว
เป็นผู้มีหิริ ความละอายในการทำชั่วทางกาย
และมีความละอาย ในการพูดชั่วเป็นนิสัย
โอตตัปปะ เป็นผู้มีจิตใจกลัวในบาปอกุศล และกลัวในผลของบาปจะตามสนอง
เป็นผู้มีความรัก ความสงสารในหมู่มนุษย์ด้วยกัน
และมีความรัก ความสงสารในหมู่สัตว์ทั่วไป
เป็นผู้มีนิสัย ช่วยเหลือคนอื่นอยู่เสมอ

มนุสสมนุสสานัง ดูรูปร่างลักษณะเป็นมนุษย์ และจิตใจก็เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์
เรียกว่าผู้ถึงพร้อมด้วย มนุษย์สมบัติ การทำ การพูด
จะมีสติปัญญารอบรู้ รับผิดชอบในตัวเอง
เป็นผู้ไม่อิจฉาพยาบาทจองเวรกับใคร ๆ
เป็นผู้มีน้ำใจให้ความเป็นธรรม ในมวลหมู่มนุษย์ และสัตว์ดิรัจฉานทั่วไป
นิสัยของมนุษย์สมบัติ จะพรรณนาให้จบในที่นี้ไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องยาว

ให้สังเกตดูได้ว่า มนุษย์สมบัติอยู่ที่ไหน
จะเกิดความอบอุ่น ใจเย็นใจกับผู้ได้สัมผัส
ความซื่อสัตย์สุจริต จะมีพร้อมอย่างสมบูรณ์
เป็นผู้รู้จักตอบบุญแทนคุณแก่ผู้มีพระคุณ
เป็นผู้ไม่เห็นแก่ตัว
เป็นผู้มีน้ำใจช่วยเหลือแก่ผู้อื่นสัตว์อื่นอยู่เป็นนิตย์
เป็นผู้มีความเข้าใจในเรื่อง หัวอกเขา หัวอกเราได้ เป็นอย่างดี

ไม่เหมือนกับพวกมนุสสเปโต มนุษย์พวกนี้
ดูรูปร่างจะเหมือนมนุษย์ทุกอย่างก็ตาม แต่จิตใจนั้นเป็นเปรต
ในลักษณะนิสัยของเปรต จะไม่อิ่มพอในความต้องการ
มีความหิวกระหายอยู่ตลอดเวลา
มีความตระหนี่ขี้เหนียว มิยอมเสียสละแบ่งปันสมบัติที่มีอยู่ให้แก่ใคร ๆ
จึงให้ชื่อว่า ความโลภนั้นเอง
โลภอะไรบ้างนั้นก็เป็นเรื่องยาว
ขอให้วิจัย วิจารณ์ดูเองก็แล้วกัน

มนุสสติรัจฉาโน ดูรูปร่างลักษณะเป็นมนุษย์อยู่ก็ตาม
แต่ใจเหมือนสัตว์เดรัจฉาน
เป็นคนใจต่ำทราม
ไม่มีความละอายในการกระทำของตัวเอง


เหตุให้เกิดทุกข์ ๔ จะหาความสุขที่ไหนก็ทำตามใจตัวเอง :b44:

:b46: :b46: :b46: :b46: :b46: :b46: :b46:
มาช่วยกันเติมให้เต็มนะคะ :b8:

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ม.ค. 2010, 16:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


เหตุให้เกิดทุกข์
หลวงพ่อทูล ขิปฺปปัญโญ
เหตุให้เกิดทุกข์ ๔


จะหาความสุขที่ไหน ก็ทำตามใจตัวเอง

จะมีคนอื่นเห็น ก็ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา
ไม่มีสติปัญญาความสำนึกว่า อะไรควร หรือไม่ควร
เป็นผู้มีราคะ โทสะจัด ไม่มีความอดทน
ทำอะไรไปตามความต้องการ เป็นผู้มีนิสัยเหี้ยมโหดก้าวร้าว
ไม่พอใจไม่ชอบใจกับใคร ๆ ก็จะหาวิธีกลั่นแกล้ง
ให้คนอื่นเกิดความเสียหายอยู่เรื่อยไป
ในลักษณะใจที่เป็นสัตว์เดรัจฉาน
จะพรรณนาให้จบลงในหนังสือเล่มนี้ไม่ได้เช่นกัน

ให้ทุกคนได้สังเกตดูตัวเองบ้าง
ถ้าหากเรามีนิสัยอย่างนี้ จะมีวิธีแก้ไขตัวเองได้อย่างไร
ในชาติที่เป็นมนุษย์นี้ ดีอยู่แล้ว
ในชาติหน้าต่อไปเราจะรักษาชาติ ที่เป็นมนุษย์นี้ได้อีกหรือไม่
จะมีสิ่งใดทำให้เราเปลี่ยนภพชาติของมนุษย์นี้ กลายเป็นภพชาติอื่นไป นั้นคือใจ
ผู้จะไปเกิดในภพไหนชาติใด ใจ จะวางทิศทางเอาไว้ทั้งหมด

จึงเรียกว่า มโนกรรม เป็นตัวแปรที่สำคัญ
ผู้ไปเกิด ในภพของเทวดา อินทร์พรหม ก็คือใจเป็นกุศลกรรม
ผู้จะไปเกิด ในภพภูมิของเปรต
ไปเกิด ในหมู่สัตว์เดรัจฉาน
หรือจะไปตกนรกทนทุกข์ทรมาน
ก็คือ ใจเป็นอกุศล
หรือจะกลับมาเกิดเป็นมนุษย์สมบัติอีก
ก็ต้องมีคุณธรรม หรือศีลห้าประจำใจ

ถามว่าคนบาปมาก
เมื่อตายไปมีสิทธิ์มาเกิดเป็นมนุษย์ ในชาติต่อไปได้อีกหรือไม่
ตอบ มาเกิดไม่ได้
เพราะกรรมชั่วจะพาไปเกิดในอบายภูมิต่อไป
เว้นเสียแต่มนุษย์ที่มีบาปน้อย จึงจะได้มาเกิดเป็นมนุษย์ได้
แต่เศษของกรรมนั้นก็ยังติดตามมา ให้ผลในชาตินั้นอยู่
เรียกว่าวิบากกรรม
ให้ผลแก่บุคคลที่เกิด มีความแตกต่างกันดังเห็นอยู่ในที่ทั่วไป
ใครมาจากภพอะไรนิสัย กิริยา และพฤติกรรม
การแสดงออกทางกาย และวาจาจะเป็นสื่อให้รู้กันได้

โลกมนุษย์นี้อยู่ในท่ามกลางของจักรวาลอื่น
เป็นจักรวาลหนึ่งในแสนโกฏิจักรวาล
มีจักรวาลเดียวเท่านี้ที่สัตว์มีชีวิตอยู่ได้
เป็นจักรวาลที่มีความสมบูรณ์ใน ธาตุสี่ ขันธ์ห้า
มีอากาศธาตุที่เหมาะสมกับมนุษย์ และสัตว์ทั้งหลายให้มีชีวิตอยู่

มีธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ และอากาศธาตุ เป็นไปในอุตุสัปปายะ

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ม.ค. 2010, 18:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ม.ค. 2010, 13:53
โพสต์: 6

ชื่อเล่น: หยก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนาครับ :b8: :b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร