วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 01:57  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 231 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 5, 6, 7, 8, 9, 10, 11 ... 16  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ค. 2009, 00:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




1184100289.jpg
1184100289.jpg [ 65 KiB | เปิดดู 3912 ครั้ง ]
ส้มตำผลไม้

ประกอบด้วย

1. ผลไม้ต่างๆ เช่นแอปเปิ้ล ฝรั่ง ชมพู่ ชอบอะไรก็ใส่ ๆ ไปนะคะ องุ่นก็ได้ สับปะรด แครอท ก็ว่ากันไปตามชอบค่ะ
2. ถั่งลิลงคั่ว
3. น้ำมะนาว หรือน้ำมะขามเปียก
4. น้ำตาลปี๊ป
5. เกลือป่น
6. พริกขี้หนูสวน
7. กระเทียม

เริ่มได้เลยค่ะ

1. หั่นผลไม้เป็นชิ้นบางๆ ตำพริกขี้หนูกระเทียมพอแตก
2. นำผลไม้ที่เตรียมไว้ลงไปตำเบาๆ คนไปมา
3. ปรุงด้วยเครื่องปรุงทั้งหมด ตักใส่จาน
รสชาติอร่อยออกเปรี้ยวหวานของผลไม้ ไม่เผ็ดด้วยค่ะ

หมายเหตุ เกลือ น้ำมะนาว น้ำตาลปิ๊บ ผสมให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ แล้วค่อยนำไปคลุกเคล้า

กับผลไม้ เพื่อผลไม้จะได้ไม่ช้ำค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2009, 00:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




dsc02576-224x300.jpg
dsc02576-224x300.jpg [ 16.55 KiB | เปิดดู 3905 ครั้ง ]
น้ำบลูเลม่อน

สูตร

1. น้ำเชื่อมเข้มข้น 1 ออนซ์

2.น้ำเชื่อมบลูเลม่อน 1 ออนซ์

3. น้ำมะนาวหวาน 1 ออนซ์

4.น้ำสะอาด 1-3 ออนซ์

5. น้ำแข็งยูนิตก้อนเล็ก ( ขนาด 16 ออนซ์ ) 1 แก้ว

6. เกลือป่นเล็กน้อย

วิธีปั่น

1. ตวงน้ำแข็งให้เต็มแก้ว 16 ออนซ์

2. ใส่น้ำเชื่อมเข้มข้น น้ำเชื่อมบลูเลม่อน น้ำมะนาวหวาน น้ำสะอาด ใส่ลงในโถปั่น

3. ใส่เกลือป่นนิดหน่อย

4. ปั่นทุกอย่างรวมกัน

5. อาจใส่ฟรุตสลัดหรืออะไรอื่นๆลงไปได้ ตามต้องการ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ส.ค. 2009, 04:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




untitled784.bmp
untitled784.bmp [ 74.47 KiB | เปิดดู 3907 ครั้ง ]
สลัดไข่เต้าหู้ทอด

สำหรับ 3-4 ที่ เวลาเตรียม 15 นาที เวลาปรุง 10 นาที


เครื่องปรุง

ซอสบ๊อย 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 3 ช้อนชา
ซอสพริก 1 1/2 ช้อนชา
ถั่วลิสงอบ หรือคั่ว 75 กรัม
ไข่ไก่ 2 ฟอง
แครอท 1 หัว
แตงกวาผลเล็ก 1 ผล
เต้าหู้ทอดแผ่นใหญ่ 8 ชิ้น

คำแนะนำ

1. นำส่วนผสม 3 ชิดแรกมาผสมกันเพื่อทำเป็นซอส สับถั่วลิสงให้ละเอียด
2. นำไข่ไปต้มให้สุกในหม้อ ใช้เวลาประมาณ 7 นาทีให้ไข่สุกแข็งดี จึงตักออกมาปอกเปลือกและหั่นตามแนวขวางเป็นแผ่นๆพักไว้
3. ปอกเปลือกแครอทและแตงกวา หั่นเป็นชิ้นยาวๆบางๆ พักไว้ในชามแยกกัน
4. นำเต้าหู้ไปปิ้งในเตาปิ้ง หรือที่ปิ้งขนมปัง หรือกระทะ ตั้งไฟปานกลาง พลิกกลับ 1-2 ครั้ง จนกระทั่งผิวด้านนอกกรอบดี วางพักไว้ให้เย็นตัวลงเล็กน้อย จากนั้นตัดออกหนึ่งด้านเปิดชิ้นเต้าหู้ ยัดไส้ข้างในด้วยไข่ต้มหั่น แครอท และแตงกวาที่หั่นไว้เป็นเส้น โรยด้วยถั่วลิสง และเสริฟโดยวางซอสเคียงไว้ที่ด้านข้างจาน


.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ส.ค. 2009, 04:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




untitled5.bmp
untitled5.bmp [ 190.83 KiB | เปิดดู 3906 ครั้ง ]
สลัดโยเกิร์ตผลไม้

ส่วนผสม

แอปเปิ้ล 2 ชิ้น
แก้วมังกร 2 ชิ้น
มะม่วงสุก ½ ลูก
ส้ม 3 กลีบ
มะละกอ 3 ชิ้น
โยเกิร์ตรสธรรมชาติ ½ ถ้วย
ธัญญาหารรวม ตามชอบ

เมื่อได้ส่วนผสมครบแล้วก็มาถึงวิธีทำคือ ขั้นแรกนำผลไม้ทุกชนิดมาหั่นให้ได้ขนาดพอดีคำ เสร็จแล้วใส่ถ้วยหรือจานก็ได้ แล้วนำโยเกิร์ตรสธรรมชาติที่แช่เย็นไว้มาราดลงบนผลไม้ แล้วโรยหน้าด้วยธัญญาหารรวม(Mix Cereal) หรือจะเป็นลูกเกด เม็ดมะม่วงหิมมพานต์ก็เข้าท่า เพียงเท่านี้ก็จะได้ “สลัดโยเกิร์ตผลไม้” ไว้กินเล่นดับร้อน แต่ทั้งนี้ผลไม้ที่ใช้อาจเปลี่ยนได้ตามความชอบ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ส.ค. 2009, 07:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




20081222-223754-.jpg
20081222-223754-.jpg [ 112.11 KiB | เปิดดู 3887 ครั้ง ]

น้ำสมุนไพรเพื่อสุขภาพ

ถ้าพูดถึงสมุนไพรคนส่วนใหญ่มักจะนึกถึงส่วนของพืช
ที่นำมาใช้เป็นยารักษาโรค แต่ในความเป็นจริงคือส่วนประกอบที่ได้จาก พืช สัตว์ และแร่ธาตุต่าง ๆ ก็เป็นสมุนไพรแทบทั้งสิ้น แต่สมุนไพรที่ได้จาก ผัก ผลไม้ ธัญพืช คนมักใช้กินเป็นอาหารในชีวิตประจำวัน เพราะเป็นแหล่งโปรตีน วิตามินและแร่ธาตุรวมทั้งสารอื่น ๆ ซึ่งล้วนแต่มีความจำเป็นต่อร่างกายที่จะนำไปสู่สุขภาพที่ดี


ปัจจุบันนี้เครื่องดื่มประเภทน้ำสมุนไพร

ได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น ไม่ว่าที่บ้าน โรงเรียน งานเลี้ยง ซึ่งน้ำ สมุนไพรเหล่านี้ได้จากการนำส่วนประกอบต่าง ๆ ของพืช ได้แก่ ผลไม้ ผัก/ธัญพืชต่าง ๆ

นำมาแปรรูปให้ตรงกับความต้องการของเรา เช่น

ผัก ผลไม้กินทุกวันบางครั้งจะเบื่อในรสชาติ หรือบางคนไม่ชอบกินผักผลไม้บางชนิด เราก็สามารถนำมาทำเป็นเครื่องดื่มในรูปของ น้ำผลไม้ น้ำผัก/ธัญพืช ถ้ามีเหลือมาก ๆ อาจนำมาตากแห้ง หรืออบแห้งเป็นชาสมุนไพรก็ได้

ยิ่งในฤดูร้อนเครื่องดื่มจะมีความหมายมาก

เพราะช่วยลดอาการกระหายน้ำ ลดอาการเหนื่อยเพลีย เนื่องจากเหงื่อออกมาก ดังนั้นควรทำไว้ดื่มกินเอง จะช่วยประหยัด สะอาด ถูกสุขลักษณะ

โดยเตรียม

• สมุนไพรที่ต้องการจะปรุงน้ำต้มสุก 1 แก้ว

• เกลือป่นและ น้ำเชื่อมเล็กน้อย

• ขั้นแรกนำสมุนไพรมาล้างให้สะอาด เช่น ฝรั่งมะม่วงดิบ ฯลฯ ก็ควรนำมาฝาน
แล้วตำด้วยครกให้ละเอียด หรือขูดให้ ฝอย

• เติมน้ำแล้วคั้นด้วยผ้าขาวบางหรือจะใช้เครื่องปั่นน้ำผลไม้ชนิดแยกกากก็ได้

แต่ถ้าเป็นสมุนไพรประเภทมะเขือเทศ แตงโม ลูก เดือย ฯลฯ

ใช้เครื่องปั่นน้ำผลไม้ปั่นจนละเอียดไม่ต้อง กรอง ปรุงรสด้วยเกลือป่น น้ำเชื่อม ชิมรสตามใจชอบ ส่วนสมุนไพรประเภทชาชงที่ผ่านการตากแห้งหรืออบแห้งแล้ว ประมาณ 1-2 ช้อนชาเติมน้ำร้อนทิ้งไว้สักครู่ ก่อนดื่มควรกรองเอากากออก


สำหรับการดื่มที่ดีควรดื่มแบบชิมช้า ๆ

และควรดื่มทันทีหลังปรุงเสร็จ เพื่อให้ได้คุณค่าทางอาหารและทางยามากกว่าปล่อยทิ้งไว้ นานแล้วดื่ม เพราะจะทำให้คุณค่าลดลง การดื่มน้ำสมุนไพรจะได้ทังกลิ่นและรสตามธรรมชาติของสมุนไพรนั้น ๆ และยังมีคุณค่าทางยา อีกด้วย เช่น

• น้ำมะขาม ช่วยลดอาการกระหายน้ำ ทำให้อุณหภูมิในร่างกายลดลง
• น้ำใบเตย น้ำใบบัวบก เป็นยาเย็นช่วยบำรุงหัวใจ
• น้ำมะเขือเทศ มีคุณสมบัติช่วยย่อย และช่วยฟอกเลือด ทำให้ผิวพรรณสวย จากนั้นยังมีสารบางอย่างที่ช่วยลดพิษในลำไส้ มะเร็ง ต่อมลูกหมากได้


เครื่องดื่มเหล่านี้เป็นได้ทั้งอาหารและให้คุณค่า

จึงอาจกล่าวได้ว่าน้ำสมุนไพรจึงเป็นยาช่วยบำรุง ปกป้องรักษา สภาพสภาวะสมดุลทำให้มีสุขภาพดี

การดื่มน้ำสมุนไพร

ไม่ว่าจะเป็นน้ำผลไม้ น้ำผัก/ธัญพืชหรือชาสมุนไพร สักกี่คนจะรู้ว่าเมื่อดื่มน้ำสมุนไพรแล้วร่างกายกระชุ่ม กระชวยมีชีวิตชีวา ครายเคีรยดและยังช่วยลดสารพิษ คุณค่าอันมากมายเหล่านี้ทุกคนล้วนหาได้ไม่ยาก และถ้าหากต้องใช้เครื่องดื่ม ไม่ว่าจะในชีวิตประจำวัน งานเลี้ยง ประชุมต่าง ๆ ก็ให้นึกถึงน้ำสมุนไพร จะนึกถึงน้ำสมุนไพร จะทำให้ผู้ดื่มมีสุขภาพดีขึ้น




.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ส.ค. 2009, 07:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




untitled03.bmp
untitled03.bmp [ 469.39 KiB | เปิดดู 3888 ครั้ง ]
ประโยชน์ของน้ำผึ้ง

น้ำผึ้งจัดเป็นอาหารที่มนุษย์รู้จักมาตั้งแต่สมัยโบราณ มีสรรพคุณทางยาและคุณค่ามาก แม้แต่ในสมัยพุทธกาลมีการถวายข้าวมธุปายาส ซึ่งมีการผสมด้วยน้ำผึ้ง ทำให้พระวรกายของพระพุทธเจ้ากลับมาสมบูรณ์แข็งแรง
นอกจากจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพแล้ว น้ำผึ้งยังมีประโยชน์กับความสวยความงามด้วย

ก่อนที่เราจะมาติดตามนานาประโยชน์ของน้ำผึ้ง เราควรจะมาทำความรู้จักกับน้ำผึ้งก่อน

น้ำผึ้งเกิดจากการที่ผึ้งนำน้ำจากเกสรดอกไม้ที่เป็นน้ำหวานจากธรรมชาติมา
แล้วใช้กรด Enzyme ในห้องผึ้งเปลี่ยนแปลงมาเป็นน้ำผึ้ง ซึ่งน้ำผึ้งที่ได้มานั้นย่อมขึ้นอยู่กับวัตถุดิบหรือชนิดของเกสรดอกไม้ที่ผึ้งได้ไป รวมถึงแหล่งของพืชและพื้นดินนั้น ๆ ที่ผึ้งเจริญเติบโตอยู่

เพราะฉะนั้นน้ำผึ้งที่ได้จากรังผึ้งในป่าใหญ่ จึงมีความสมบูรณ์และมีแร่ธาตุอาหารที่แตกต่างจากน้ำผึ้งเลี้ยง ส่วนน้ำผึ้งเลี้ยงจะมีการเติมน้ำหวานจากน้ำตาลและเกสรเทียม ซึ่งทำให้คุณค่าลดน้อยลงไป

วิธีสังเกตว่าเป็นน้ำผึ้งแท้จากธรรมชาติ ทำได้โดยการนำน้ำผึ้งใส่ไว้ในขวด ตั้งทิ้งไว้สักพัก จะพบว่ามีเกสรดอกไม้ลอยอยู่ด้านบน ซึ่งเป็นลักษณะตามธรรมชาติของน้ำผึ้งป่านั่นเอง

มาดูถึง คุณประโยชน์ของน้ำผึ้ง กันบ้าง จะพบว่าในน้ำผึ้งมีสารเอนติออกซิเดนท์ เช่นเดียวกับที่มีในผักใบเขียว และยังมีวิตามินบี ซี ฟอสฟอรัส แคลเซียม เกลือแร่ และกรดอะมิโน ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพและช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ แร่ธาตุที่กล่าวมาล้วนมีความจำเป็นต่อร่างกาย ที่จะเข้าไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ บำรุงโลหิต บอกเป็นภาษาโภชนาการมาพอสมควร ลองยกตัวอย่างที่เห็นง่าย ๆ ดีกว่า

ช่วยปรับสมดุลร่างกายและควบคุมน้ำหนัก
ผู้ที่รักสุขภาพและผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ เช่น โรคปวดข้อ เป็นตะคริวอยู่บ่อย ๆ หรือโรคอ้วน สามารถนำวิธีนี้ไปใช้ดื่มเป็นประจำ เพื่อสุขภาพที่ดี และช่วยบรรเทาโรคต่าง ๆ ได้ ซึ่งได้มีการพิสูจน์และใช้กันมานานในอเมริกาและยุโรป

โดยนำน้ำผึ้งไม่ผ่านความร้อน (Raw Organic Honey) 3 ช้อนชา
และน้ำส้มสายชูหมักแอปเปิ้ลไม่ผ่านความร้อน (Raw Organic Apple Cider Vinegar) 3 ช้อนชา
ผสมน้ำเปล่า 1 แก้ว
ดื่มทุกเช้าหลังตื่นนอน และระหว่างมื้อเป็นประจำทุกวัน จะทำให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงและสดชื่น

อาหารเช้าสำหรับสาวทำงานและผู้รักสุขภาพ
เพียงนำผลไม้ต่าง ๆ มาหั่น เช่น มะละกอ กล้วย ส้ม ตามชอบ ราดด้วยโยเกิร์ต ลูกเกด และน้ำผึ้ง ไปผ่านความร้อน คุณก็จะได้อาหารเช้าที่มีประโยชน์ อร่อย อุดมด้วยวิตามิน แร่ธาตุอาหาร เอนไซน์ และโปรตีนที่ย่อยง่าย


มีพลังแห่งการผ่อนคลาย
ผู้ที่นอนไม่ค่อยหลับ ผสมน้ำผึ้งกับน้ำผุ่นหรือนมร้อนจะช่วยให้คุณหลับสบาย
แต่ถ้าได้ร่วมกับการนั่งสมาธิซัก 5 นาทีก่อนนอน เพื่อให้ท่านได้หยุดพักความคิดและปล่อยวางลงบ้าง จะยิ่งทำให้คืนนั้นเป็นคืนที่คุณได้พักผ่อนเต็มที่

บำรุงผิวหน้าให้สดใส
ผู้ที่มีปัญหาสิวเสี้ยนหรือต้องการบำรุงผิวหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ มีวิธีง่าย ๆ ดังนี้ หลังจากล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นและเช็ดให้แห้งแล้ว นำกล้วยหอม 1/2 ลูก นำมาบดผสมกับน้ำผึ้งไม่ผ่านความร้อน แล้วนำมาทาบนหน้า ทิ้งไว้ซัก 10-15 นาที แล้วล้างออก น้ำผึ้งไม่ผ่านความร้อนจะมีเอ็นไซน์ ซึ่งทำให้หน้าคุณชุ่มชื่นและนุ่มนวลขึ้น

เพื่อผมเงางาม
หลังสระผมเสร็จนำน้ำผึ้งไม่ผ่านความร้อนผสมกับน้ำมะกอกอย่างละ 3 ช้อนโต๊ะ
นำมาชโลมผมแล้วทิ้งไว้ซัก 3-5 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด
ผมคุณจะนิ่มและเงางามตามธรรมชาติปราศจากสารเคมีใด ๆ

รักษาอาการท้องผูก
ดื่มน้ำผึ้งผสมน้ำอุ่นนอกจากจะมีคุณสมบัติเป็นยาระบายอ่อนๆแล้ว ยังมีคุณค่าช่วยล้างพิษในร่างกายด้วย

น้ำผึ้งแท้ๆนั้นมีความเข้มข้นกว่าน้ำตาลจากโรงงานอุตสาหกรรมถึง 25 เปอร์เซ็นต์ จึงเป็นสารที่อุดมด้วยวิตามินและแร่ธาตุแถมยังไม่เพิ่มไขมันให้เป็นภาระต่อร่างกายมีคุณสมบัติในการซึมซับความชื้นรายรอบได้เป็นพิเศษ
จนกระทั่งใช้เป็นยาทาป้องกันแผลติดเชื้อได้เป็นทั้งยารับประทานบรรเทาอาการเจ็บคอและใช้ทาแผลสดป้องกันการอักเสบในกรณีฉุกเฉินก่อนถึงมือหมอได้ด้วย

จะเห็นได้ว่า "น้ำผึ้ง" มีคุณประโยชน์มากมายต่อร่างกายอย่างมาก ซึ่งตั้งแต่สมัยโบราณหมอชาวบ้านหรือแพทย์แผนโบราณจะนำน้ำผึ้งเดือน 5 หรือน้ำผึ้งแท้มาเป็นส่วนผสมในการปรุงยา หรือเป็นตัวประสานในยา

เช่น นำมาปั่นเป็นลูกกลอน เป็นน้ำกระสายละลายผงยา และน้ำผึ้งจัดเป็นตัวยาสมุนไพรสำคัญอย่างหนึ่งทีเดียวในการเอามาทำยาอายุวัฒนะในทุก ๆ ครั้ง
นั่นก็เป็นเพราะคุณค่าอันมีประโยชน์อย่างมากมายที่ทำให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงอายุยืนยาวมากกว่าปกติ

รู้คุณค่าอย่างนี้แล้ว เราน่าจะหาน้ำผึ้งป่าแท้ ๆ ไว้รับประทานเป็นประจำที่บ้านสักขวด เพื่อสุขภาพอนามัยที่ดีของตัวเราเองและคนใกล้ชิด


เรียบเรียงข้อมูลจากเว็บไซท์ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
และคอลัมน์ up to date ในนิตยสารเปรียว

คัดลอกบทความจาก http://www.arunsawat.com/board/index...=4619.msg35456

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ส.ค. 2009, 23:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




untitled50.bmp
untitled50.bmp [ 368.87 KiB | เปิดดู 3871 ครั้ง ]
Black Berry ปั่นแบล็คเบอรี่แช่แข็ง

น้ำเชื่อม 2.5ออนซ์
น้ำต้มสุก 2.5 ออนซ์
น้ำแข็ง

ใส่โถปั่น 500 วัตต์ ……….. ปั่นสองนาที แล้วเทใส่แก้ว เหมือนในภาพละ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ส.ค. 2009, 14:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




untitled99.bmp
untitled99.bmp [ 446.32 KiB | เปิดดู 3851 ครั้ง ]
น้ำลูกเดือย + งาดำ (เจ)

น้ำลูกเดือย + งาดำ สูตรนี้ทำได้ประมาณ 4.5 ลิตร แช่ตู้เย็นไว้ รับประทาน วันละแก้ว ได้ประมาณ 1 อาทิตย์

วัตถุดิบ



ลูกเดือย(เม็ดเล็ก) 250 กรัม
งาดำ 2 ทัพพี
น้ำตาลทราย 1/2 โล
น้ำ 4.5 ลิตร

วิธีทำ



1.คั่วลูกเดือย ให้หอม ตำให้ละเอียด หรือบดปั่น

2.คั่วงาดำให้หอม ตำให้ละเอียด หรือบดปั่น

3.นำใส่หม้อ เติมน้ำสะอาดลงไป ต้มให้เดือด

4.เติมน้ำตาลลงไป หวานมากน้อยตามชอบ

5.กรองด้วยตะแกรงละเอียด หรือผ้าขาวบาง
เก็บรักษาได้โดยแช่เย็น ดื่มได้บ่อยเท่าที่ต้องการ



ปล. การบดหรือการตำต้องละเอียดจริงๆ ให้ได้แบบผงแป้ง มิเช่นนั้นจะมีเนื้อและตะกอนมาก

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ส.ค. 2009, 14:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.ย. 2007, 23:29
โพสต์: 1065


 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
Black Berry ปั่นแบล็คเบอรี่แช่แข็ง

น้ำเชื่อม 2.5ออนซ์
น้ำต้มสุก 2.5 ออนซ์
น้ำแข็ง

ใส่โถปั่น 500 วัตต์ ……….. ปั่นสองนาที แล้วเทใส่แก้ว เหมือนในภาพละ



:b43: :b43: :b43:

ของโปรดของข้าพเจ้าเลยล่ะเจ้าค่ะ
อุดมไปด้วยวิตามิน C
intrend ดี ไว้สู้กับไข้หวัด

ขอบคุณ คุณน้ำ สำหรับเมนูโปรดนี้ด้วยค่ะ

:b8: :b4: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ส.ค. 2009, 14:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


ที่บ้านปลูก Black Berry ไว้ ได้แต่เก็บลูกกิน เพิ่งได้สูตรน้ำปั่น จะลองทำดูครับ ขอบคุณมากครับคุณน้ำ :b48: :b47: :b48:

แล้วน้ำเชื่อมนี่ทำยังไงครับ???! :b1: :b7:

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ส.ค. 2009, 20:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว



วิธีทำน้ำเชื่อม มี 2 แบบค่ะ

แบบที่ 1 ทำครั้งละน้อยๆ ใช้น้ำตาลทราย 1 ส่วน ต่อ น้ำ 1 ส่วน ตั้งไฟเคี่ยวไปเรื่อยๆค่ะ

พอละลาย กะว่าความเข้มข้นระดับนี้พอแล้ว ก็ปล่อยไห้เย็น เวลาเก็บ เก็บเข้าตู้เย็นค่ะ

แบบที่ 2 น้ำตาลทราย 2 กิโลกรัม ต่อน้ำ 1 ลิตร นำไปตั้งไฟ เคี่ยวด้วยไฟอ่อนๆ

ความเข้มข้นก็กะเอาเองได้ค่ะ ตักน้ำเชื่อมยกขึ้นมา แล้วหยดลงดูในถ้วย

หมายเหตุ ถ้าจะให้มีกลิ่นหอมของดอกมะลิ

วิธี่ทำน้ำลอยดอกมะลิ

ส่วนผสม

น้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวง
น้ำลอยดอกมะลิ 2 ถ้วยตวง

วิธีทำ

ผสมน้ำตาลทรายกับน้ำลอยดอกมะลิ นำไปตั้งไฟพอเดือดยกลง กรองด้วยผ้าขาวบาง จากนั้นนำไปตั้งไฟใหม่เคี่ยวน้ำเชื่อมพอข้น ยกลงทิ้งไว้ให้เย็น

หมายเหตุ

1. ถ้าต้องการทำน้ำเชื่อมให้มากให้เพิ่มอัตราส่วนมากขึ้น
2. ดอกไม้ที่ใช้ลอยได้แก่
- ดอกกระดังงาไทย ก่อนที่จะนำมาลอยต้องลนด้วยเทียนอบ บีบกระเปาะให้กลีบร่วงเอง(ห้ามเด็ด) กลีบหนึ่งฉีก 2-3 ชิ้น ควรเลือกดอกกระดังงาที่มีสีเหลืองถ้าสีเขียวกลิ่นจะไม่หอม
- เก็บจากต้นในตอนเย็น ถ้าเป็นดอกมะลิซื้อ ควรซื้อตอนเช้ามาห่อใบตองไว้ ถ้าซื้อตอนเย็นจะได้ดอกมะลิสำลักน้ำ เด็ดก้านดอกมะลิ ล้างน้ำ

วิธีลอยดอกไม้สด

1. ล้างภาชนะที่จะใช้ลอย จะเป็นขวดโหล หรือโถที่มีฝาปิดให้สะอาด
2. เทน้ำต้ม น้ำฝนหรือน้ำประปาที่ค้างหลายๆวัน (เพราะถ้าใช้น้ำก๊อกใหม่ๆจะทำให้มีกลิ่นคลอรีน)
3. เวลาเย็นประมาณ 18.00 น. หยิบดอกมะลิ วางทางก้านลงและดอกกระดังงาที่ฉีกไว้ อย่าให้แน่นภาชนะ ต้องเหลือที่ว่างไว้ สำหรับให้น้ำเก็บกลิ่นหอมไว้ได้ (ถ้าไม่มีดอกกระดังงาอาจใช้ดอกมะลิอย่างเดียวก็ได้)
4. พอรุ่งเช้าประมาณ 6.00 น. เก็บดอกไม้ขึ้นจากน้ำให้หมด ถ้าทิ้งไว้นานเกินไป กลีบดอกไม้จะช้ำทำให้น้ำมีกลิ่นเหม็น

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ส.ค. 2009, 20:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




คำอธิบาย: ................

3. ใช้ตะแกรงช้อนเอาเนื้อสตรอเบอรี่ออกมาพักไว้ก่อนค่ะ



4. คราวนี้เอาส่วนของน้ำเชื่อมขึ้นตั้งไฟกลางค่ะ



ระหว่างนี้เราก็ไปผสมแป้งกวนไส้กับน้ำส่วนที่ 2 ค่ะ



5. เหลือบมาดูหม้อน้ำเชื่อมค่ะ อ่ะ! เดือดแล้ว



นำส่วนผสมของแป้งกวนไส้ที่เราผสมไว้แล้วเทลงในหม้อน้ำเชื่อมค่ะ



เบาไฟให้อ่อนลงด้วยนะค่ะ แล้วก็ใช้พายคนตลอด จนเป้งสุกใส ข้นๆ เป็นเงาค่ะ

untitled7..bmp
untitled7..bmp [ 351.62 KiB | เปิดดู 3817 ครั้ง ]
คำอธิบาย: ...............

6. พอซอสได้ที่ ก็ใส่เนื้อสตอรเบอรี่ลงไป คนสัก 2-3 รอบ ปิดไฟ แล้วก็ยกลงจากเตาค่ะ

untitled7.1.bmp
untitled7.1.bmp [ 351.62 KiB | เปิดดู 3816 ครั้ง ]
คำอธิบาย: .....................

คราวนี้ก็เลยจัดสีแดงหยดไปด้วย 1 หยด เพิ่มสีสัน หุหุ



แล้วก็ใส่กล่องเก็บไว้ค่ะ หวานหยาดเยิ้มเลย

untitled7.0.bmp
untitled7.0.bmp [ 351.62 KiB | เปิดดู 3814 ครั้ง ]
ซอสสตรอเบอรี่

จะใช้สตรอเบอรี่แช่แข็ง หรือ ใช้สตรอเบอรี่สด ก็ได้ค่ะ



ส่วนผสม



สตรอเบอรี่สด 210 กรัม



น้ำ (1) 120 กรัม



แป้งกวนไส้ 30 กรัม



น้ำตาลทราย 220 กรัม



น้ำ (2) 90 กรัม



วิธีทำ



1. ต้มน้ำส่วนที่ 1 กับน้ำตาลทราย จนกระทั่งน้ำตาลละลายจนหมด



เสร็จแล้วก็ทิ้งไว้จนเย็นค่ะ



2. แช่สตรอเบอรี่แดงฉ่ำของเราในน้ำเชื่อมในข้อ 1 ที่ทิ้งไว้จนเย็นสนิทแล้วนะค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ส.ค. 2009, 14:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


เอ๊ะ ไม่ยากแฮะ สูตรทำน้ำเชื่อม ขอบคุณมากๆๆครับ จะลองทำดูครับ :b4: :b22:
:b47: :b48: :b47: :b48: :b47: :b48: :b47:

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ส.ค. 2009, 20:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


-dd- เขียน:
เอ๊ะ ไม่ยากแฮะ สูตรทำน้ำเชื่อม ขอบคุณมากๆๆครับ จะลองทำดูครับ :b4: :b22:
:b47: :b48: :b47: :b48: :b47: :b48: :b47:




ดีใจค่ะ ที่ทำให้คุณ dd เข้าครัวได้ :b32:

จริงๆแล้ว ไม่ว่าจะการทำอาหาร หรือไม่ว่าจะทำอะไรก็แล้วแต่ เพียงเราหาแหล่งข้อมูล

แล้วเราลองทำดู จากไม่อร่อย หรืออาจจะถูกหรือผิดก็ได้ เรื่องธรรมดามากๆเลยค่ะ

แต่ณ . วันหนึ่ง สิ่งที่เราเคยคิดว่า ทำเดิมๆซ้ำ ย่อมก่อให้เกิดความชำนาญมากยิ่งขึ้น

เช่นเดียวกับการทำอาหาร พอได้ทำบ่อยๆเข้า เลยทำให้เกิดความชำนาญ

รสชาตินี่ไม่ต้องพูดถึง เพราะกว่าจะชำนาญ กว่าจะทำให้อาหารมีรสชาติที่ถูกปากสำหรับทุกคนได้นี่
ไม่รู้ว่ากี่ปากต่อกี่ปากที่แสดงความคิดเห็นมา ...

เมื่อก่อนทำไม่เป็นหรอกค่ะ แม่ไม่เคยให้ทำอะไรเลย ให้เรียนหนังสืออย่างเดียว หุงข้าวยังไม่เป็นเลย
ขนาดหุงหม้อไฟฟ้าแท้ๆ ยังกะขนาดของน้ำไม่ถูก ไม่แฉะก็แข็ง :b32:

นี่ยังดีนะคะ เมื่อตอนอายุได้ 12 ขวบมั๊ง ไปบ้านญาติที่จันทบุรี ที่นี่จะหุงข้าวด้วยเตาถ่าน
แล้วป้าใช้ให้หุงข้าว จะบอกเขาว่าหุงไม่เป็นก็กลัวเขาจะว่าถึงพ่อแม่เรา ก็เลยลองหุง
ตจว. ลมจะเย้นมากๆ นั่งเฝ้าหม้อข้าวไปมา ก็หลับสิคะ หลับหน้าเตาไฟ ตื่นมาเพราะได้กลิ่นเหม็นไหม้
ข้าวค่ะ ข้าวไหม้ ก็ไม่รู้จะทำยังไง ป้าน่ะว่าไปถึงพ่อแม่เลย แต่ลุงออกรับแทนว่าพ่อแม่เขาไม่เคย
ให้ลูกเขาทำอะไรนี่ อย่าไปว่าเด็กมัน แล้วเขาก็คุ้ยๆข้าวออกมาจากหม้อ ข้างล่างน่ะไหม้หมดเลย
ข้าวน่ะทั้งไหม้ ทั้งแฉะ ทั้งดิบ ทั้งสุก กลิ่นไหม้งี้หึ่งเลย ลุงเลยเอามาทำข้าวต้ม
ไปบ้านงานกลางคืนก็อายเขา คือเขาจะมีการลงแขกช่วยกันทำงานกลางคืน เช่น เขาเรียกอะไรนะ
ที่ทำแล้วนำมาเป้นหลังคามุงจากน่ะค่ะ เรียกไม่เป็น มีคนมาเยอะมาก ก็จะมีอาหารเลี้ยงทั้งคืน
น้ำน่ะไม่ต้องพูดถึง กินเสร็จก็นอนข้างๆตับจาก ตื่นมาก็กินอีก ก็ทำกับเขาไม่เป็น ลองทำแล้ว
มันมัดไม่ได้แน่นเหมือนที่เขาทำ สรุปคือ ไปกินแล้วก็นอน ไม่ได้ช่วยอะไรเขาเลย

กลับมาเล่าให้พ่อกับแม่ฟัง ตอนแรกแม่ไม่ยอมบอกว่า ไว้ให้โตกว่านี้ก่อน ค่อยหัด
ก็อ้างสิคะว่า หนูอายเค้านะแม่ ไปบ้านไหน กินอย่างเดียว ชามก็ล้างไม่เกลี้ยง
เชื่อมั๊ยคะ ขนาดชามยังต้องหัดล้าง ผ้าก็ซักไม่เป็น ตากผ้า โอ๊ย!!! ..
งานบ้านไม่เป็นสักอย่าง ก็หัดทำไปเรื่อยๆ หุงข้าวใหม่ๆ ยังกะไม่ถูก ช่วงนั้นที่บ้านกินข้าวต้มบ่อยมากๆ
เพราะชอบหลับหน้าเตา คือ เฝ้าไปเฝ้ามาหลับไปตอนไหนไม่รู้ค่ะ เลยต้องลำบากแม่ ต้องมาคอยมอง
ถ้าเห็นลูกสาวหลับนี่ บางทีแม่ปล่อยให้หลับไม่เรียก พอตื่นมาก็เลยต่อว่าแม่อีก ว่าแม่ทำแบบนี้
เมื่อไหร่จะหุงข้าวเป็นสักที ช่วยปลุกหนูด้วย ก็เริ่มหุงข้าวเป็น เริ่มซักผ้าเองได้ ตากผ้านี่ก็มีเทคนิค
ไม่ใช่ซักแล้วสะบัดๆตากแบบนั้น แม่จะให้กลับผ้า นำด้านในออกตากแดด เพื่อสีของผ้าจะไม่เก่าเร็ว
ทีนี้พอเริ่มทำได้ เวลาไปบ้านเพื่อนๆก็จะขอแม่เพื่อนเข้าครัว ให้เพื่อนช่วย แต่เพื่อนไม่ชอบ
เลยให้เขาล้างชามแทน ทีนี้พอทำบ่อยๆเข้า มันก็เลยเหมือนซึมเข้ากระแสเลือด
พอไปทานอาหารที่ไหนอร่อยๆ ก้ตีท้ายครัวแม่ครัว แอบย่องหาถึงครัว แล้วไปนั่งประจบเขา
เพื่อให้เขาบอกสูตรอาหารให้ ก็เลยทำให้ทำอาหารได้หลากหลายเพราะเรื่องนี้แหละค่ะ

โดนเพื่อนแซวประจำแหละค่ะ เวลาไปงานบ้านใครนี่ ที่โต๊ะแม่ครัวจะจัดให้พิเศษ
เพราะแทนที่น้ำจะอยู่ที่โต๊ะ โน่นไปขลุกอยู่ในครัว เพื่อนๆบอกว่า น้ำเป็นตัวนำโชค
ไปไหนได้ทานของอร่อยๆ แถมได้หอบกลับบ้านกันอีก ..

อ้อ .. แล้วมาตอนหลังนี้ไปเรียนเบเกอร์รี่เพิ่มอีก ก็เลยทำพวกเค้ก ขนมปังได้
แต่ยังไม่ค่อยชำนาญเท่าไหร่ เพราะไม่ชอบอะไรที่เป็นครีมๆ แต่ก็ได้อย่างอื่นมาแทน
เช่นกระหรี่ป๊าบ ของรร.จะขึ้นชื่อมากๆ กรอบนอกนุ่มใน เก็บเข้าตู้เย็นไว้ได้เป็นอาทิตย์
นำมาอุ่นทานใหม่ รสชาติเหมือนเดิมทุกอย่าง โดยเฉพาะไส้ไก่นี่ คนจะชอบมาก มีสูตรเฉพาะตัวค่ะ :b12:

ย้อนรอยสาเหตุที่ทำอาหารต่างๆได้ค่ะ :b32:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ส.ค. 2009, 00:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




untitled99.bmp
untitled99.bmp [ 311.77 KiB | เปิดดู 3807 ครั้ง ]

ซุปเห็ดหอม

เครื่องปรุง :

เห็ดหอมสด 500 กรัม
เนย 6 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืช 1/4 ถ้วยตวง
แป้งสาลี 8 - 10 ช้อนโต๊ะ
น้ำซุปไก่ 10 ถ้วยตวง
นมข้นจืดตราเรือใบ 2 ถ้วยตวง
เนย 4 ช้อนโต๊ะ
เกลือ พอประมาณ
พริกไทย พอประมาณ



วิธีทำ :

1.แยกเห็ดหอมดอกเล็ก ๆ ออกมาไว้สำหรับทอดแต่งหน้าซุปประมาณ 1 ถ้วยตวง แล้วนำ ไปโรยเกลือ และพริกไทย ทอดในน้ำมันให้เหลืองแล้วตักออก พักไว้

2.สับเห็ดที่เหลือให้หมด นำหม้อตั้งไฟ (ต้องใช้หม้อก้นหนา) ใส่น้ำมันพืชและเนยลงไปเมื่อ ร้อนจัด
นำเห็ดที่สับไว้ลงไปผัดให้สลด

3.เทแป้งสาลีลงไปผสมกับเห็ด แล้วผัดแป้งให้สุกแต่ไม่เหลือง เนยอาจจะไม่พอ เพราะแป้ง
จะเป็นก้อน เพราะได้ไปผสมกับน้ำที่ออกมาจากเห็ดจึงต้องเติมเนยอีกหน่อยเพื่อให้ผัดได้
4.เทน้ำซุปไก่ลงไปในหม้อ 3/4 ของปริมาณที่ระบุไว้ อย่าเพิ่งคน ทิ้งไว้สักครู่หนึ่ง 1 นาที่แล้ว
เอาไม้ตีไข่ตีให้แป้งกระจายไปทั่ว คนไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งซุปจะร้อนแล้วข้นถ้าข้นเกินไปก็
เติมน้ำซุปไก่ แล้วตีต่อด้วยไม้ตีไข่

5.ใช้ไม้พายขูดก้นหม้อเอาแป้งออกให้หมดแล้วต้มจนเดือด ลดไฟและเคี่ยวต่อประมาณ 40 นาที ระวังอย่าให้ก้นไหม้มิฉะนั้นน้ำซุปจะมีกลิ่นรมควัน กลิ่นไหม้

6.เมื่อเคี่ยวจนน้ำซุปมีกลิ่นเห็ดแล้วจึงยกออกจากเตาน้ำซุปนี้ไปปั่นในเครื่องปั่นให้เห็ดสับเป็น
ชิ้นเล็ก ๆ มาก ๆ กรองซุป เอาแต่น้ำซุป ข้น ๆ แล้วเอาน้ำซุปที่ปั่นและกรองแล้วไปตั้งไฟ
(ถ้าอยากจะให้ซุปยังมีเนื้อเห็ดอยู่ด้วยก็ใส่เนื้อซุปที่กรองแยกไว้ลงไปหน่อยหนึ่งก็ได้)

7.เมื่อซุปเดือด เติมนมข้นจืดตามต้องการปรุงรสด้วยเนย พริกไทย และเกลือ และ TABASCO
ตักใส่ถ้วย แต่งหน้าด้วยเห็ดหอมทอดกรอบ ยกเสิร์ฟร้อน ๆ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 231 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 5, 6, 7, 8, 9, 10, 11 ... 16  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร