วันเวลาปัจจุบัน 22 ก.ค. 2025, 01:47  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2009, 14:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 มิ.ย. 2009, 13:54
โพสต์: 1


 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อก่อนไม่เคยเป็นเลย ตอนนี้กลายเป็นคนกลัวการนั่งเครื่องบิน ทั้งๆที่เมื่อก่อนไม่เป็น

อาจจะเพราะภาวะเครียดเกิดขึ้น บวกกับเจอเรื่องเสี่ยงเวลานั่งเครื่องหลายครั้ง

พอรู้สึกกลัวหรือกังวล จะเหมือนคนหายใจไม่ออก เหงื่อออก ใจสั่นๆ

คราวนี้เลยเหมือนวิตก กลัวไปหมด นี่ก็กลัวจะไปตายบนเครื่องเอา

ไม่ชอบเลยที่ตัวเองเป็นแบบนี้ เมื่อก่อนไม่เป็นเลย ไม่รู้จะแก้ยังไง ใครช่วยแนะนำทีคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2009, 14:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 มิ.ย. 2009, 13:42
โพสต์: 38

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


หวาน เขียน:
เมื่อก่อนไม่เคยเป็นเลย ตอนนี้กลายเป็นคนกลัวการนั่งเครื่องบิน ทั้งๆที่เมื่อก่อนไม่เป็น

อาจจะเพราะภาวะเครียดเกิดขึ้น บวกกับเจอเรื่องเสี่ยงเวลานั่งเครื่องหลายครั้ง

พอรู้สึกกลัวหรือกังวล จะเหมือนคนหายใจไม่ออก เหงื่อออก ใจสั่นๆ

คราวนี้เลยเหมือนวิตก กลัวไปหมด นี่ก็กลัวจะไปตายบนเครื่องเอา

ไม่ชอบเลยที่ตัวเองเป็นแบบนี้ เมื่อก่อนไม่เป็นเลย ไม่รู้จะแก้ยังไง ใครช่วยแนะนำทีคะ

อาจเป็นเพราะตัวเธอเอง ไปพบอะไรที่สะเทือนจิต เช่นภาพเครื่องบินตก ข่าวเครื่องบินตก เป็นต้น
แล้วกลัวว่าตัวเองต้องเป็นเช่นนั้นบ้าง เมื่อจิตรับรู้ความรู้สึกนั้นไว้ เมื่อเราต้องไปนั่งเครื่องบินจริงๆ
ก็อาจจทำให้จิตหวนถึงสิ่งที่เราสะเทือนใจมา ซึ่งเราไม่รู้ตัวแต่จิตก็ทำงานตามสภาพของมัน
ซึ่งเราไม่สามารถบัญชาได้ ว่าห้ามกลัว ห้ามรู้สึกเช่นนี้ เพราะมันเป็นไปตามเหตุปัจจัยของมันเอง
นี้แล พระพุทธองค์ จึงตรัสว่า เป็นอนัตตา มิใช่ตัวตน เพราะไม่อยู่ในบังคับบัญชาของเราได้
สิ่งที่เราทำได้ คือ ทำจิตให้หมดความรู้สึกกังวลนั้นเสีย
ทำอย่างไรเล่า?
เมื่อเธอนั่ง เธอทำความรู้สึกว่าอยากจะนั่ง ชอบที่นั่ง โดยนึกถึงข้อดีแห่งการนั่งเครื่องบิน
เมื่อนั่งแล้ว ก็มองวิวบ้าง หาสิ่งใดที่คิดว่าสนุก หรือน่าชอบใจ พอใจ ในเครื่องบินทำ
เพราะโดยธรรมดาของจิต จะชอบวิ่งไปหาอารมณ์น่าชอบใจเป็นธรรมดา
และจิตจะรับรู้สภาวะเดียวของอารมณ์ เมื่อเราพยายามทำอารมณ์ชอบ ให้เกิดขึ้นทุกขณะจิต
จิตกลัวการนั่งเครื่องบิน จะหายไป เมื่อทำจนจิตกลัวไม่ฝังติดในจิตแล้ว ความกลัวไม่ประกอบในจิตแล้ว
ความกลัวความวิตกการนั่งเครื่องบินจะหายไป
ข้อนี้ยังใช้ได้กับอีกหลายๆเหตุการณ์ แล้วแต่เธอจะปรับเปลี่ยนใช้ตามเหตุการณ์นั้นๆ

.....................................................
ทุกคนมี อายตนะ ทั้ง 6 ครบเช่นกัน แต่การจะใช้ไปในทิศทางใดนั้น เราเป็นผู้ตัดสินใจ
หากหลงไปกับกระแสแห่งตัณหา เราจักไม่มีหนทางหนีออกจากกระแสแห่งตัณหานั้นได้
จงออกมาจากแม่น้ำคือตัณหานั้น แล้วมายืนดูที่ฝั่ง แล้วเราจะพบว่า สิ่งต่างๆเหล่านั้น
หาใช่สุขที่แท้จริงไม่ ความยึดถือ ความปรุ่งแต่งแห่งจิต ทุกสิ่งล้วนเกิดจาก จิต
จิต ที่เราไม่สามารถที่จะควบคุมได้ จิต ที่คอยจมดิ่งไปสู่อารมณ์ที่ตนชอบใจ
การชนะใดๆ ก็หาใช่การชนะที่แท้จริงไม่ การชนะใจตัวเองนั่นแล คือการชนะที่ประเสริฐที่สุด


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มิ.ย. 2009, 20:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 มิ.ย. 2009, 21:25
โพสต์: 191


 ข้อมูลส่วนตัว


นั่งสมาธิ บ่อยๆ ตามสติให้ทันค่ะ

:b53: :b53: :b53: :b53:

.....................................................
ศัตรูของคนเราที่แท้จริงแล้ว คือ โลภ โกรธ หลง
ต้องแก้ด้วยมี ศีล สมาธิ ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ค. 2009, 07:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


เป็นเหมือนกันค่ะ เมื่อก่อนไม่เป็นแบบนี้
นั่งเครื่องบินจะหลับทุกที ถึงเวลาเขาเสริฟอาหารก็จะตื่น
ไม่คิดอะไรเลย พอมีครอบครัว มีลูกเล็กๆ พอขึ้นเครื่องบิน
ที่ไร จะฟุ้งซ่านมากๆ กลัวไปหมด บางทีแค่ตกหลุมอากาศ
นานหน่อยก็จะมีอาการ หายใจไม่ออกจริงๆค่ะ ตอนหลังเลย
ใช้วิธีเตรียมหนังสือไปอ่านบนเครื่อง และสวดมนต์ทุกครั้งที่เกิด
ความกลัว คิดว่าถ้าตายก็ขอตายแบบกุศลจิต จะได้ไปจุติที่ดีหน่อย ไม่อยาก
เกิดเป็นเดรัจฉาน เพราะถ้ากลัวจะทำให้จิตหมอง จะพาให้ไปเกิด
ในแดนเดรัจฉาน เดี๋ยวนี้ดีขึ้นมากแล้วค่ะ จะนำไปใช้ก็ได้นะค่ะ
วิธีนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ค่ะ
:b41: :b41: :b42: :b41: :b41:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ค. 2009, 12:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


แก้ได้ครับ....มีความทุกข์เกิดขึ้นก็ต้องมีความทุกข์ดับไปครับ

ความกลัวคือ ทุกข์ ที่ท่านประสบอยู่
ความคิดคือ สมุทัย สาเหตุแห่งความกลัว
หยุดคิดคือ นิโรธ สาเหตุให้ไม่มีความกลัว
ทำสมาธิคือ มรรค สิ่งที่ท่านแสวงหา

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ค. 2009, 12:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


คำสอนในพระพุทธศาสนานั้น ท่านสอนแต่ความเป็นจริง ดังนั้น เรื่องตายเป็นธรรมที่เปิดเผย เป็นความจริง เป็นธรรมที่ไม่ได้เร้นลับ ใกล้เราแค่ลมหายใจเข้าหรือออกเท่านั้น
หากหายใจเข้าแล้วไม่หายใจออก ก็เป็นชาติหน้าแล้ว ไปได้กำเนิดใหม่แล้ว..หรือหายใจออกแล้ว ไม่หายใจเข้า ก็เป็นชาติหน้าแล้ว
ดังนั้นความตายอยู่ใกล้พวกเรามากที่สุด แต่เพียงเราไม่รู้ว่าจะเป็นเมื่อไหร่ วันไหน อย่างไร ที่ไหนเท่านั้นเอง
สัตว์โลกทั้งหลายในทุกภูมิ โดยเฉพาะทุคติบุคคล และปุถุชนนั้น ย่อมกลัวตายมากเป็นที่สุด
สัตว์ในอบาย มีนรกเป็นต้น แม้กำลังต้องเสวยผลเป็นความทุกข์ถึงที่สุด กระนั้นก็ยังกลัวตาย เพราะนี้เป็นอำนาจของอนุสัยกิเลสที่นอนเนื่องในจิตใจมานานนับชาติไม่ถ้วน

การที่ท่านผู้ถามกลัวตายนั้น ก็เป็นเรื่องปกติ และคนอื่นๆ ก็ไม่ใช่ว่า พวกเขาไม่กลัวตาย เพราะพวกเขาก็ยังมีมรณสัญญา คือ ความกลัวตายด้วยกันทั้งนั้น

แต่ความตายก็เป็นหนึ่งในทุกข์ประจำโลก เป็นทุกขสัจจะ หนีไม่ได้...ตราบเท่าที่ยังเกิดอยู่ ตายก็หนีไม่พ้น..หากจะกลัวก็สมควรกลัวการเกิดจึงจะชื่อว่า สมควร ...เพราะอาศัยการเกิดนี่แหละ พาความตายมาด้วย
แต่พวกเรากลับชอบเกิด ทำบุญวัดไหน ก็ขอให้ได้เกิดใหม่ในที่ดีๆ ให้เกิดมาเป็นคู่กันทุกภพทุกชาติ ขอให้เกิดมาสวย รวยทรัพย์ มีความรู้ดีๆ ได้เป็นเจ้าคนนายคน.... อายุยืนนาน....
ไม่เห็นว่าจะกลัวเกิดกันเลย..แต่ก็กลัวตายทุกคน ไม่ชอบตายด้วยกันทั้งนั้น
ยิ่งได้กุศลวิบากดีๆ ก็กลัวตายมากกว่าคนอื่น.... ยิ่งมีทรัพย์มาก... มียศมาก... มีอำนาจมาก... มีชื่อเสียงดี..มีวรรณะงาม ...มีความสุขมาก ....ก็ยิ่งกลัวตายมาก เพราะกิเลสยึดสิ่งที่ดีๆเอาไว้มาก
แต่ความตายเป็นของจริงที่เราท่านต้องพบ เพราะลงได้เกิดมาแล้ว ก็ต้องตายสักวันหนึ่งนั่นแหละ

ทีนี้ จงอาศัยความกลัวตายนี้ เป็นอุปกรณ์พาตนให้พ้นจากการเกิด จึงจะชื่อว่า มีปัญญา เพราะเมื่อไม่อยากตาย ก็จำเป็นต้องไม่อยากเกิด...จึงจะถูก..

พระอริยะเบื้องต้นนั้น ท่านไม่กลัวตายเหมือนพวกปุถุชน... เพราะท่านขึ้นฝั่งที่ปลอดภัยแล้ว ปลอดภัยจากอบาย เป็นต้น
ทีนี้พวกเราชาวปุถุชนทั้งหลาย ก็สมควรเจริญกุศลให้มาก ...ยิ่งทำกุศลไว้มากเท่าไหร่ ความกลัวตายก็จะผ่อนลง น้อยลงเท่านั้น... เพราะความมั่นใจในบุญของตน

เปรียบเหมือนพวกเราทุกคน ถูกทหารกวาดต้อนไปสู่ลานพิพากษา แดนประหาร...ก็ในยามที่พระราชาจะพิพากษาบุคคลนั้น คนที่กระทำแต่กรรมชั่วย่อมหวาดหวั่นเป็นที่สุด เพราะใจตนนั้นรู้ดีว่า ที่ผ่านมานั้น ตนมากด้วยบาปกรรมอันลามก พวกเขาย่อมจับได้แน่นอน..ดังนั้น อาการกระสับกระส่ายกลัวตายย่อมมีมาก เพราะรู้ว่า ตัวไม่รอดแน่นอน...
ส่วนบุคคลในหมู่เหล่านั้น ปรากฏว่า มีบุรุษผู้หนึ่ง ตลอดเวลาเขาทำแต่ความดีมากมาย มีศีลดี มีทานดี มากด้วยเมตตา มีน้ำใจเอื้อเฟื้อ ทำประโยชน์ตนประโยชน์ท่านมากมาย...ก็ในยามนั้นแล เขาย่อมเป็นผู้สงบ เพราะไม่ว่าจะหวนระลึกย้อนไปในอดีตก็พบแต่ความดีของตนมากมาย เขาย่อมมั่นใจในบุญของตนอยู่นั่นเทียว... เขาก็ย่อมตระหนักว่า พวกผู้พิพากษาย่อมไม่อาจจะกล่าวโทษตนได้เลย เขาย่อมไม่กระสับกระส่าย เป็นผู้มีสุขสงบ......

หรือแม้รู้ว่า ตนจะต้องตายอย่าหลีกเลี่ยงไม่ได้...เขาก็ย่อมมีสุคติเป็นที่หวังแน่นอน เขาย่อมร่าเริงบันเทิงทั้งในโลกนี้ และในโลกหน้า
ดังนั้น จากอุปมานี้ ท่านผู้ถามจงพิจารณาว่า สมควรจะเป็นบุคคลเช่นไร หากใคร่อยากจะกลัวตายน้อยลง ก็ต้องเจริญกุศลให้มากๆขึ้น


และควรตัดเยื่อใยอะไรๆในชีวิตลงเสียบ้าง หมั่นระลึกถึงความดีของตน มีศีล เป็นต้น
รักให้น้อยๆลง ยึดให้ลดๆลง หวังให้น้อยๆลง... สละให้มากๆขึ้น ....อะไรที่ใจตนเกี่ยวข้องไว้มากมายไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สมบัติ บริวารสมบัติ ก็ให้สละใจ สละเยื่อใยออกไปในทุกวันๆ .... อะไรคืนไปได้ก็คืนไปเสียบ้าง ...ภาระการยึดจะได้น้อยลง ..เวลาจะตาย ใจย่อมโปร่งเบา พร้อมๆกับความมั่นใจในบุญแห่งตนมากมาย ก็ย่อมไปดีแน่นอน
คนที่รู้ตัวว่า จะได้ไปในที่ดีๆ ใครเล่าจะเดือดร้อน?... จริงไหม?

ทีนี้ ตัวการก็คือ ตัวรัก ตัวห่วงนี่แหละ ยึดเอาไว้ ทำให้ทุรนทุรายไม่อยากพราก ไม่อยากจากเลย ดังนั้น ต้องฝึก ฝึกละ ฝึกปลีกตัวออกไปบ้าง ไปวิเวกบ้าง

ลองเจริญมรณสติ บ่อยๆ ก่อนนอน เป็นต้น ... ปรารภว่า เวลานี้จักเป็นโอกาสสุดท้ายแห่งชีวิตเราแล้วหนอ.....ปรารภในใจอย่างนี้บ่อยๆ แต่หากใจหวั่นไหวมากก็อย่าทำ เพราะยิ่งเป็นโทสะ...ควรหันมาระลึกถึงศีลแทน หรือกุศลที่ตนได้ทำไปแล้วในแต่ละวัน ใช้เวลาไปอย่างนี้ อีกไม่นานก็จะผ่อนเบากับความรู้สึกที่กลัวตายมากมายอย่างนี้ลงไปได้..

Have a good flight !

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ค. 2009, 18:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 เม.ย. 2009, 19:25
โพสต์: 579

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สรุปว่า ที่คุณdd ร่ายยาวมาเนี่ย

คือจะบอกเจ้าของกระทู้เขาว่า เวลาขึ้นเครื่องบินก็ให้นึกถึงความตายเข้าไว้เหรอครับ

ผมอยากจะเติมความสมบูรณ์ของเนื้อหาให้อีกสักหน่อย คือ

ให้แกหายใจเข้าก็บริกรรมว่าตายหนอ หายใจออกก็บริกรรมว่าตายหนอ

หากจะมีจังหวะเผลอลืมการกำหนดบริกรรม ก็อาจใช้ช่วงนั้นนึกถึงพ่อแก้วแม่แก้วไปด้วย

ตายหนอตายหนอ ตายหนอ ฉันตายแน่หนอ บริกรรมไปเืรื่่อยๆจนกว่าเครื่องบินจะจอด

หากบริกรรมตั้งหลายครั้งแล้วยังไม่ยอมตาย รับประกันได้ว่า

เจ้าของกระทู้ต้องหายกลัวตายแน่นอน



:b12: :b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2009, 09:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.ค. 2008, 15:51
โพสต์: 334

งานอดิเรก: ชอบเรื่องพลังงาน
สิ่งที่ชื่นชอบ: มิลินทปัญหา
ชื่อเล่น: อมร
อายุ: 63
ที่อยู่: 138 หมู่ที่ 1 ต.โนนคูณ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ 36180

 ข้อมูลส่วนตัว www


ไม่มีอะไรจะแรงเท่าใจตัวเอง ไม่มีอะไรจะดีเท่าใจตัวเอง

และไม่มีอะไรจะชั่วเท่าใจตัวเอง ไม่มีอะไรจะอ่อนแอเท่ากับใจตัวเอง

ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงหรือต่ำอยู่ที่ทำตัวฮิฮิฮิ

.....................................................
ทำบุญตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ ดีกว่าตายแล้วให้เขาทำบุญอุทิศหา รักษาศีลตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ ดีกว่าตายแล้วให้เขาเคาะโลงลุกขึ่นมารักษาศีล เข้าวัดตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ ดีกว่าตายแล้วให้เขาหามเข้าแล้วเผาเลย ฮิฮิฮิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2009, 12:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:

หัวข้อกระทู้: Re: กลัวความคิดตัวเอง แก้ได้ไหม ตอบกลับพร้อมอ้างอิง
สรุปว่า ที่คุณdd ร่ายยาวมาเนี่ย

คือจะบอกเจ้าของกระทู้เขาว่า เวลาขึ้นเครื่องบินก็ให้นึกถึงความตายเข้าไว้เหรอครับ


เอ๊ะ ! ตาบัวฯหาเรื่อง! รีบไปขึ้นเครื่องซะ!! เด๋ว"ตกไฟลท์"จะต้องมาเพ่นพ่านแถวนี้อีก ผมยังไม่มีตั๋ว เลยล่องลอยไปทั่ว อิอิ !!:b22: :b22: :b28: :b5: :b2:

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร