ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
พระพุทธเจ้าในสายตานักปราชญ์โลก http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=87&t=58867 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | สาวิกาน้อย [ 16 พ.ค. 2010, 16:57 ] |
หัวข้อกระทู้: | พระพุทธเจ้าในสายตานักปราชญ์โลก |
พระพุทธเจ้าในสายตานักปราชญ์โลก พระคุณสุดพรรณนา ข้าแต่ภควันต์ : พระองค์เป็นผู้ทรงพระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณ พระกรุณาคุณ เป็นปฐมาจารย์ก่อนใครในการบำเพ็ญเพียรเผากิเลส ข้าแต่ภควันต์ : พระองค์ได้ทำลายความชั่วบาป และขจัดความโกรธแล้ว พระองค์ทรงเป็นพระสัพพัญญู ข้าแต่ภควันต์ : พระองค์ทรงชนะมารหมู่มาร พระองค์เสวยวิมุตติสุข และทรงตำหนิปฏิปทาแบบชาวบ้าน และหนทางที่ผิดพลาดทั้งหลาย ข้าแต่ภควันต์ : พระองค์ผู้มีพระบาทประดับด้วยจักร มีซี่ตั้งพัน ข้าพระองค์หาได้มีลิ้นเป็นพันไม่ ไฉนเลยจะกล่าวสรรเสริญพระคุณขององค์ได้หมดสิ้น สีตไล สัตตนา มหากวีพุทธชาวทมิฬ (ศตวรรษที่ 2) ในวรรณกรรมพุทธภาษาทมิฬชื่อ “มณีเมขไล” หาผู้ใดเสมอเหมือนมิได้ พระบรมศาสดาผู้รื้อขนสรรพสัตว์ออกจากทุกข์ เจ้าฟ้าชายสิทธารถเยื้องย่างสง่างามบนพื้นดิน ทั้งในโลกนี้ เทวโลก และนรกทั้งหลาย พระบรมศาสดาของพวกเรา หาผู้ใดเสมอเหมือนมิได้ พระองค์เป็นผู้ได้รับเกียรติจากมหาชน ทรงเป็นผู้มีความปราถนาดีที่สุด องอาจที่สุด และเมตตาที่สุด ทรงเป็นบรมครูผู้สอนธรรม และพระนิพพาน เซอร์ แอ็ดวิน อาร์โนลด์ ใน “ประทีปแห่งเอเชีย” บรมครูผู้ยิ่งใหญ่ เพราะค่าที่พวกเราได้นำเอาหลักคำสอนของพระองค์มาใช้ในชีวิตจริง พวกเราจึงควรถวายการอภิวาทสดุดีแต่พระองค์ว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระบรมครูของมวลมนุษย์ ตลอดเวลาที่โลกนี้ยังดำรงอยู่ ข้าพเจ้ามั่นใจอย่างไม่หลงเหลือความเคลือบแคลงเลยแม้แต่น้อยว่า พระองค์จะทรงดำรงฐานะปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดของมวลมนุษยชาติ มหาตมะ คานธี ใน “สุนทรพจน์ในพิธีพุทธชยันตี” ปี พ.ศ. 2496 เมืองกัลกัตตา อินเดีย พระมหาบุรุษผู้สูงสุด ในวันเพ็ญพระจันทร์เสวยวิสาขฤกษ์นี้ ข้าพเจ้าได้มาร่วมเฉลิมฉลองวันคล้ายวันประสูตของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ถวายภิวาทด้วยเศียรเกล้า แต่พระองค์ผู้ที่ข้าเจ้ายอมรับนับถือด้วยใจจริงในฐานะมหาบุรุษ ซึ่งยากหนักหนาจะอุบัติขึ้นในโลกนี้...ในนานาประเทศที่ไกลโพ้น ชนทั้งหลายต่างยินดีปรีดาว่าร่วมฉลองการเสด็จมาของพระองค์ พวกเขาประกาศยืนยันว่า เพิ่งได้เคยพบเคยเห็นอุดมบุรุษผู้รุ่งเรืองสว่างไสว ดั่งดวงอาทิตย์ ซึ่งอุทัยขึ้นมาขับม่านเมฆแห่งความมือมนให้วินาศการไป ฉะนั้น รพินทรนาธ ฐากุร ใน “วารสารมหาโพธิ” ฉบับ พ.ย.-ส.ค. 2504 อภิชาตบุตรผู้รุ่งโรจน์ พระพุทธเจ้า โอรสแห่งภารตประเทศ เป็นผู้รุ่งโรจน์ที่สุด ยิ่งใหญ่ที่สุดและชาญฉลาดที่สุดในโลกแห่งความขัดแย้ง เกลียด และเบียดเบียนกันนี้ พระธรรมคำสอนของพระองค์จึงเปล่งรัศมีเป็นประกาย ดั่งพระอาทิตย์ทรงกลด ฉะนั้น ฯพณฯ ยวาหรลาล เนห์รู อดีตนายกรัฐมนตรีคนแรกของอินเดีย พระผู้ทรงมหากรุณา ไม่มีสิ้นสุด คือ พระปัญญาคุณของพระพุทธเจ้า ไม่มีพรมแดน คือ พระเมตตาของพระพุทธเจ้า ที่ทรงมีต่อสรรพสัตว์ ดังนั้น พระองค์จึงมีพระนิมิตนามว่า “มหากรุณิยะ” หมายถึง “พระผู้ทรงมหากรุณาต่อสรรพสัตว์” พระปัญญาญาณ และพระเมตตาของพระพุทธเจ้านั้นยากนักที่สติปัญญาสามัญของมนุษย์จะเข้าใจได้ อนาคาริกะ ธัมมปาละ, ผู้บุกเบิกการรื้อพระพุทธศาสนา และก่อตั้งสมาคมมหาโพธิในอินเดีย ใน “โลกเป็นหนี้พระพุทธเจ้า” กลุ่มก้อนแห่งคุณงามความดี พระพุทธเจ้า คือ กลุ่มก้อนแห่งคุณงามความดีทั้งหมด ซึ่งพระองค์เองได้เทศนาสั่งสอนตลอดช่วงเวลา 45 พรรษา แห่งการประการพรหมจรรย์อย่างสัมฤทธิ์ผล และน่าสังเกตนั้น พระพุทธองค์ได้ทรงนำเอาพระดำรัสทั้งหมดปรับปรุงไปสู่การกระทำจริงไม่มีที่ใดเลย ที่พระพุทธองค์จะเปิดช่องให้กับความอ่อนแอ หรือกิเลสของมนุษย์ ดังนั้น หลักการทางศีลธรรมของพระพุทธเจ้าจึงสมบูรณ์ที่สุด เท่าที่ชาวโลกเคยประสบมา ศาสตราจารย์ แมกซ์ มีลเลอร์, นักภารตวิทยาคนสำคัญชาวเยอรมัน เผ่าพันธุ์ใหม่ พระพุทธเจ้าได้ทรงสร้างมนุษย์เผ่าพันธุ์ใหม่ขึ้นมา เผ่าพันธุ์แห่งผู้กล้าหาญทางศีลธรรม เผ่าพันธุ์แห่งผู้พากเพียรเพื่อความพ้นทุกข์ เผ่าพันธุ์แห่งพุทธะ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน มันมะฐะ นาถ ศาสตรี มนุษย์มหัศจรรย์ พระองค์ทรงเป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่ง ไม่เกี่ยวข้องกับพระเจ้า หรือภาวะเหนือธรรมชาติอื่นใด พระองค์เองมิใช่ทั้งพระเจ้า องค์อวตารของพระเจ้า หรือองค์ในเทพนิยายใดๆ พระองค์ทรงเป็นเพียงมนุษย์แต่เป็นมนุษย์ที่ยอดเยี่ยม มนุษย์มหัศจรรย์ พระองค์อยู่ภาวะมนุษย์ธรรมดาในภายใน แม้จะดำรงชีพอยู่มนุษย์สามัญในภายนอก เพราะเหตุผลนี้ พระองค์จึงได้รับการขนานพระนามว่า มนุษย์ผู้มีเอกลักษณ์พิเศษ บุรุษผู้สูงสุด พระพุทธเจ้า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง พระปิยทัสสีมหาเถร ใน “พระพุทธศาสนาอมฤตเทศนา” ยิ่งรู้จักยิ่งรักมาก เฟาส์โฟล กล่าวว่า ข้าพเจ้ารู้จักพระองค์มากขึ้นเท่าไร ก็รักพระองค์มากขึ้นเท่านั้น ส่วนพุทธสาวกผู้ต่ำต้อยของพระองค์ขอกล่าวว่า ข้าพเจ้ารู้จักพระองค์มากขึ้นเท่าไร ก็รักพระองค์มากขึ้นเท่านั้น และข้าพเจ้ารักพระองค์มากขึ้นเท่าไร ก็รู้จักพระองค์มากขึ้นเท่านั้น พระนารทมหาเถร ใน “พระพุทธศาสนาโดยสังเขป” มหาสักการะแต่พระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าอาจได้รับการชี้วัดได้ง่ายๆ ว่า ได้แก่ผู้ที่ได้รับการสักการบูชาจากมวลมนุษย์จำนวนมากที่สุด ศาสตราจารย์ เสานเดอรส์ เลขานุการสมาคม วาย.เอ็ม.ซี.เอ. อินเดีย พม่า ศรีลังกา พระพุทธเจ้าคือสมบัติของมนุษยชาติทั้งมวล พระพุทธเจ้ามิใช่สมบัติของชาวพุทธเท่านั้น แต่เป็นสมบัติของมนุษยชาติทั้งมวล พระธรรมคำสั่งสอนของพระองค์ ก็เป็นสมบัติร่วมของทุกคน ทุกศาสนาที่เกิดหลังพระพุทธองค์ ต่างก็ได้ยืมเอาแนวความคิดดีๆ ไปจากพระพุทธเจ้าทั้งนั้น นักปราชญ์มุสลิม พระพุทธเจ้าอุปมาด้วยนายแพทย์ พระพุทธเจ้าเป็นเสมือนนายแพทย์ เช่นคุณหมอที่ต้องทราบอาการของโรคต่างๆ รวมทั้งสมุฏฐานของใคร แม้ยาแก้และวิธีการเยี่ยวยา และสามารถประยุกต์ใช้ได้ด้วยฉันใด พระพุทธเจ้าก็ฉันนั้น เหมือนกัน ทรงแสดงอริยสัจ 4 ซึ่งชี้ถึงขอบเขตแห่งความทุกข์ เหตุเกิดแห่งความทุกข์ ความดับทุกข์ และมรรค หนทางนำไปสู่ความดับทุกข์ ดร.เอ็ดเวิร์ด คอนซ์ ใน “พระพุทธศาสนา” บิดาผู้ชาญฉลาด พระพุทธเจ้า คือ บิดาผู้เมื่อเห็นบุตรของท่านกำลังเล่นกับไฟโลกีย์อยู่ จึงใช้วิธีการต่างๆ เพื่อนำพวกเขาออกไปให้พ้นบ้านที่กำลังถูกไฟไหม้ และพาไปสู่สถานที่ปลอดภัย คือ พระนิพพาน ศาสตราจารย์ พี. ลักษมี นราสุ ใน “สารัตถะของพระพุทธศาสนา” พระพุทธเจ้าคือวิถีชีวิต ข้าพเจ้ารู้สึกมากขึ้นๆ ตามลำดับว่า พระพุทธเจ้าศากยมุนีนั้น โดยบุคคลิกภาพแล้วทรงประทับอยู่ใกล้ชิดกับข้าพเจ้าที่สุด โดยความรักที่มีต่อพระองค์แล้ว พระพุทธเจ้าทรงเป็นทั้งมรรควิถี สัจธรรมความจริง และชีวิต บิชอพ มิลแมน สมองเหตุผลกับกมลเมตตา ด้วยความสงบเย็น ณ ภายในและพระเมตตาต่อสรรพสัตว์ ที่พระพุทธองค์ทรงมีอยู่อย่างเปี่ยมล้นนั้น พระองค์จึงไม่เคยตรัสถึงบาปดั้งเดิมเลย ตรัสถึงเพียงแต่อวิชชาคือ ความไม่รู้ความจริง และความโง่งมงาย ซึ่งสามารถแก้ไขได้ด้วยความรู้แจ้ง และความเห็นอกเห็นใจกัน ดร.เอส. ราธกฤษณัน ใน “พระโคดมพุทธเจ้า” |
เจ้าของ: | สาวิกาน้อย [ 16 พ.ค. 2010, 17:11 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระพุทธเจ้าในสายตานักปราชญ์โลก |
พุทธธรรมในหัวใจซุปเปอร์สตาร์ระดับโลก ในขณะที่กระแสเห่อและคลั่งไคล้ตะวันตกกำลังถาโถมเข้าสู่คนไทย จนวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามกำลังจะเลือนหายไปจากสังคมไทย พร้อมๆ กับการนับถือพุทธศาสนาเป็นหลักครองใจในการดำเนินชีวิต ก็กำลังจะกลายเป็นเพียงนับถือพุทธตามสำเนาทะเบียนบ้านเท่านั้น !! หากจะตั้งคำถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับศาสนาพุทธ ก็คงจะไม่ถูกนัก เพราะแม้แต่นักปราชญ์ชาติต่างๆ ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในยุโรป และสหรัฐอเมริกา อาทิ เบอร์ทรันด์ รัสเซล, อัลเบิร์ต ไอนสไตน์, อาร์เธอร์ โชเพนเฮาว์ ฯลฯ รวมทั้งซุปเปอร์สตาร์ระดับโลก เช่น ริชาร์ด เกียร์, โรเแบร์โต บาจโจ ฯลฯ ก็ยังได้กล่าวคำสดุดีและยอมรับนับถือพระพุทธศาสนาเป็นหลักในการดำเนินชีวิต พุทธศาสนาเริ่มเป็นที่รู้จักกันในตะวันตกเมื่อประมาณ 150 ปีที่แล้ว โดยในระยะแรกนั้นเป็นเพียงการศึกษาทางวิชาการเท่านั้น แต่เมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมาจากความนิยมทางหลักวิชาการ ก็กลายมาเป็นที่นิยมในแง่ของการปฏิบัติมากขึ้นเรื่อยๆ สิ่งหนึ่งที่ทำให้ชาวตะวันตกหันมาสนใจปฏิบัติธรรมในศาสนาพุทธมากขึ้นนั้นเป็นเพราะความน่าเลื่อมใสศรัทธาของพระหรือครูผู้สอนที่ทำตนเป็นแบบอย่างที่ดี และมีความรู้ความสามารถในการทำให้ผู้ที่เข้ามาปฏิบัติได้เข้าใจหลักธรรมและวิธีการปฏิบัติจนประสบผลสำเร็จในสิ่งที่ต้องการ ประเด็นสำคัญที่น่าคิดก็คือทำไมที่ผ่านมาชาวตะวันตกจำนวนมากจึงหันมาหาพุทธศาสนา คำตอบก็คือพวกเขาคิดว่า ศาสนาพุทธแตกต่างจากศาสนาอื่นมาก ในแง่ที่ว่าชาวพุทธเป็นผู้รักสงบและไม่ใช้ความรุนแรง พระเขมธัมโม พระไทยชาวอังกฤษ ท่านได้อุทิศชีวิตบำเพ็ญประโยชน์ ให้กับชาวอังกฤษกว่า 27 ปี จนเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ.2546 สมเด็จพระราชินีแห่งสหราชอาณาจักร ได้ทรงพระราชทาน “เครื่องราชอิสริยาภรณ์ โอ.บี.อี.” (Officer of the Most Excellent Order of the British Empire) แก่ท่าน ซึ่งเป็นรางวัลเกียรติยศสูงสุด ในประเทศอังกฤษเองนั้น เป็นที่ทราบกันดีแล้วจากข่าวของพระเขมธัมโม พระไทยชาวอังกฤษ ศิษย์ของหลวงพ่อชา สุภัทโท ซึ่งได้เข้าไปสอนปฏิบัติธรรมให้แก่นักโทษในเรือนจำของอังกฤษกว่า 26 ปี จนเกิดผลดีช่วยลดปัญหาของเรือนจำได้มาก กระทั่งได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จากสมเด็จพระราชินีอลิซาเบ็ธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร ไม่เพียงแต่เท่านั้นยังมีนักโทษจำนวนมากมายที่หันมานับถือพุทธศาสนา บางรายที่พ้นโทษออกมาก็ได้มาเป็นอาสาสมัครในการเผยแผ่พุทธธรรมด้วย พุทธศาสนิกชนชาวอังกฤษเชื่อว่าศาสนาพุทธจะขยายตัวออกไปเรื่อยๆ และจะเป็นศาสนาที่สำคัญที่สุดในตะวันตก หากไม่เชื่อ ลองอ่านคำสดุดีที่นักคิดนักเขียน นักปราชญ์ชาวตะวันตกกล่าวไว้ ดังนี้ อาร์เธอร์ โชเพนเฮาว์ (ค.ศ.1788-1860) นักปรัชญาชาวเยอรมัน กล่าวว่า “ถ้าข้าพเจ้าจะถือเอาผลแห่งปรัชญาของข้าพเจ้าว่าเป็นมาตรฐานแห่งความจริง ข้าพเจ้าก็ควรมีข้อผูกพันที่ต้องยอมรับพระพุทธศาสนาว่าเด่นเป็นพิเศษเหนือศาสนาที่เหลือ อย่างไรก็ตาม ก็จะต้องเป็นที่น่ายินดีสำหรับข้าพเจ้าที่ได้พบว่า คำสอนของข้าพเจ้าเข้ากันได้อย่างใกล้ชิดกับศาสนาซึ่งมนุษย์ส่วนมากนับถือ การเข้ากันได้นี้ต้องเป็นที่น่าพอใจมาก เพราะในการคิดปรัชญานั้น ข้าพเจ้ามิได้ตกอยู่ใต้อิทธิพลของศาสนานั้น (พระพุทธศาสนา) อย่างแน่นอน” แมกซมึลเลอร์ (ค.ศ.1823-1900) ศาสตราจารย์ทางนิรุกติศาสตร์ชาวเยอรมัน ผู้นำในการศึกษาความรู้เกี่ยวกับตะวันออก กล่าวว่า “ประมวลศีลธรรมของพระพุทธเจ้าสมบูรณ์มากที่สุดที่โลกเคยรู้จักมา” เอช. จี. เวลส์ (ค.ศ.1866-1946) นักประพันธ์ นักหนังสือพิมพ์ และนักประวัติศาสตร์ชาวอังกฤษ ผู้ริเริ่มการเขียนนวนิยายทางวิทยาศาสตร์ กล่าวว่า “พระพุทธศาสนาได้กระทำไว้มากยิ่งกว่าอิทธิพลอื่นใดที่ปรากฏในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ เพื่อความก้าวหน้าแห่งอารยธรรมของโลก และวัฒนธรรมที่แท้จริง” เบอร์ทรันด์ รัสเซล (ค.ศ.1872-1970) นักปรัชญา นักเขียน นักคณิตศาสตร์ และนักต่อสู้คัดค้านอาวุธนิวเคลียร์ ชาวอังกฤษ ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม ในปี 1950 กล่าวว่า “พระพุทธศาสนาเป็นการรวมกันของปรัชญาแบบพินิจความจริง กับวิทยาศาสตร์ ศาสนานั้นสนับสนุนวิธีการทางวิทยาศาสตร์ และติดตามวิธีการนั้นจนถึงที่สุด ซึ่งอาจเรียกได้ว่า เป็นศาสนาแห่งเหตุผล ในพระพุทธศาสนาเราจะได้พบคำตอบที่น่าสนใจ เช่น จิตใจกับวัตถุคืออะไร ? ระหว่างจิตใจกับวัตถุนั้นอย่างไหนสำคัญมากกว่ากัน ? เอกภพเคลื่อนไปหาจุดหมายปลายทางหรือไม่ ? พระพุทธศาสนาพูดถึงเรื่องที่วิทยาศาสตร์ยังหานำทางไปได้ไม่ เพราะความจำกัดแห่งเครื่องมือของวิทยาศาสตร์ ชัยชนะของพระพุทธศาสนาเป็นชัยชนะทางจิตใจ” ศาสตราจารย์คาร์ล กุสตาฟ จุง (ค.ศ.1875-1961) นักจิตวิทยาชาวสวิสส์ กล่าวว่า “ในฐานะเป็นนักศึกษาศาสนาเปรียบเทียบ ข้าพเจ้าเชื่อว่าพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่สมบูรณ์มากที่สุดที่โลกเคยพบเห็นมา ปรัชญาของพระพุทธเจ้า ทฤษฎีวิวัฒนาการและกฎแห่งกรรม (ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว) ยิ่งใหญ่เหนือลัทธิอื่นอย่างห่างไกล” อัลแบร์ต ชไวเซอร (ค.ศ.1875-1965) แพทย์นักสอนศาสนาชาวฝรั่งเศส นักเทววิทยา และนักดนตรี ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ในปี 1952 (พ.ศ.2495) บอกว่า “พระองค์ (พระพุทธเจ้า) ได้ทรงแสดงออกซึ่งสัจธรรมอันมีคุณค่าเป็นนิรันดร และได้ทำให้จริยธรรมมิใช่ของอินเดียเท่านั้น แต่ของมนุษยชาติก้าวหน้าไป พระพุทธเจ้าเป็นผู้หนึ่งในบรรดาอัจฉริยมนุษย์ทางศีลธรรมที่โลกเคยได้มา” อัลเบิร์ต ไอนสไตน์ (ค.ศ.1879-1955) นักฟิสิกส์ชาวเยอรมัน ผู้เสนอทฤษฎีสัมพัทธภาพ กล่าวว่า “ศาสนาในอนาคตจะต้องเป็นศาสนาสากล ศาสนานั้นควรอยู่เหนือพระเจ้าที่มีตัวตน และควรจะเว้นคำสอนแบบสิทธันต์ (คือเป็นแบบสำเร็จรูปที่ให้เชื่อตามเพียงอย่างเดียว) และแบบเทววิทยา (คืออ้างเทวดา เป็นหลักใหญ่) ศาสนานั้นเมื่อครอบคลุมทั้งธรรมชาติและจิตใจ จึงควรมีรากฐานอยู่บนความสำนึกทางศาสนาที่เกิดขึ้นจากประสบการณ์ต่อสิ่งทั้งปวง คือ ทั้งธรรมชาติและจิตใจ อย่างเป็นหน่วยรวมที่มีความหมาย พระพุทธศาสนาตอบข้อกำหนดนี้ได้ ถ้าจะมีศาสนาใดที่รับมือได้กับความต้องการทางวิทยาศาสตร์สมัยปัจจุบัน ศาสนานั้นก็ควรเป็นพระพุทธศาสนา” อัลดัส ฮักซลี่ย (ค.ศ.1894-1963) นักเขียนนวนิยายชาวอังกฤษ กล่าวว่า “ในบรรดาศาสนาที่ยิ่งใหญ่ของโลกทั้งหมด พระพุทธศาสนาเพียงศาสนาเดียวที่ดำเนินไปโดยปราศจากการเบียดเบียนทางศาสนา การตรวจควบคุม และการซักถามสอบสวน (ซึ่งมีลูกขุนหรือเจ้าหน้าที่ดำเนินการเพื่อจะเอาผิด หรือควบคุมผู้ไม่นับถือ) ในแง่เหล่านี้ทั้งหมด ประวัติของพระพุทธศาสนายิ่งใหญ่มากเหนือศาสนาอื่นซึ่งดำเนินไปในระหว่างประชาชนผู้ติดอยู่กับระบบทหาร” เจ.โรเบิร์ต ออพเพนไฮเมอร (ค.ศ.1904-1976) นักฟิสิกส์ชาวอเมริกัน ผู้นำในการพัฒนาระเบิดปรมาณู กล่าวว่า “ขอยกตัวอย่าง เช่นเราถามว่า ฐานะของอิเล็กตรอนเป็นอันเดียวกันใช่หรือไม่ ? เราจะต้องตอบว่าไม่ ถ้าเราถามว่า ฐานะของอิเล็กตรอนเปลี่ยนไปพร้อมกับกาลเวลาใช่หรือไม่ ? เราจะต้องตอบ ว่าไม่ ถ้าถามว่า อิเล็กตรอนหยุดพักใช่หรือไม่ ? เราจะต้องตอบว่าไม่ ถ้าเราถามว่ามันเคลื่อนไหวใช่หรือไม่ ? เราจะต้องตอบว่าไม่ พระพุทธเจ้าก็ได้ประทานคำตอบเช่นเดียวกัน เมื่อทรงได้รับคำถามเกี่ยวกับสถานการณ์ของตัวตนของมนุษย์ภายหลังความตาย แต่คำตอบเหล่านั้นมิใช่คำตอบที่คุ้นกับจารีตประเพณีของวิทยาศาสตร์ สมัยศตวรรษที่ 17 และ 18” สำหรับซุปเปอร์สตาร์ที่คนทั่วโลกชื่นชอบและคลั่งไคล้กันนั้น การที่เขาสนใจและบางรายถึงกับเปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธ พร้อมอุทิศตนทำงานเพื่อช่วยจรรโลงพุทธศาสนานั้น ย่อมแสดงให้เห็นว่าหลักธรรมคำสอนของพระพุทธองค์เป็นที่พึ่งที่ระลึกของพวกเขาได้อย่างแท้จริง ทอม ครูซ (Tom Cruise) ชาวอเมริกัน พระเอกหนุ่มเนื้อหอมผู้มีชื่อเสียงโด่งดังจากภาพยนต์เรื่อง “Misson Impossible” ได้กล่าวยกย่องพุทธศาสนา ในการแถลงข่าวงานเปิดรอบปฐมทัศน์ของหนังเรื่องใหม่ที่เขาแสดงนำ คือ “The Last Samurai” ณ โรงแรมริซท์ กลางใจกรุงปารีส ว่า หลังจากที่ตนได้ศึกษาบทนำจากหนังเรื่องดังกล่าว ซึ่งจะต้องทำความเข้าใจในปรัชญาตะวันออก ทั้งพุทธศาสนาและศิลปะบูชิโดของญี่ปุ่น ทำให้ตนได้เรียนรู้หลักการดำเนินชีวิตที่เรียบง่าย และยืดหยุ่น ซึ่งสามารถนำมาปรับใช้กับชีวิตประจำวันได้อย่างน่าเหลือเชื่อ นอกจากนี้เขายังได้กล่าวยกย่องศาสนาพุทธว่าเป็นศาสนาที่เป็นรากฐานของวิทยาศาสตร์ทั้งหมด ซึ่งสอนให้คนรู้จักตนเองและมอบความรักเผื่อแผ่ให้ผู้อื่นได้ และถือว่าการได้สัมผัสกับพุทธศาสนาเป็นประสบการณ์ที่มีค่ายิ่งในชีวิตของเขา ริชาร์ด เกียร์ (Richard Gere) ดาราชื่อก้องชาวอเมริกัน ได้ชื่อว่าเป็นดาราหนุ่มที่ประสบความสำเร็จที่สุดคนหนึ่งในปี 1980-1990 ภาพยนต์ที่สร้างชื่อเสียงให้กับเขามากก็คือ Pretty Woman (1990) และเมื่อปี 2546 ที่ผ่านมา เขาก็คว้ารางวัลลูกโลกทองคำ ครั้งที่ 60 ในฐานะดารานำชายยอดเยี่ยมจากภาพยนต์เรื่องชิคาโก ริชาร์ด เกียร์ หันมาสนใจศึกษาพุทธศาสนาอย่างจริงจัง จนพบว่าศาสนาพุทธให้คำตอบกับชีวิตของเขาได้ ด้วยเหตุนี้เองเขาจึงเปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธ และใช้เวลานอกจอช่วยเหลืองานขององค์ทะไลลามะในการเผยแผ่ศาสนา และเมื่อครั้งที่มีการประกาศรางวัลออสการ์ปี 1993 ท่ามกลางสายตาของผู้ชมนับล้านๆ คู่ ริชาร์ด เกียร์ ก็ใช้เวทีนี้เรียกร้องความรักและสัจธรรมให้กับมวลมนุษย์ และในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ถล่มตึกเวิลด์เทรด เซ็นเตอร์ เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2545 นั้น ริชาร์ด เกียร์ ให้สัมภาษณ์ว่า เขากำลังศึกษาและปฏิบัติธรรมอยู่ที่รัฐแมสซาชูเซตส์ เกียร์เคยพูดว่า เราต้องคิดว่าบรรดาผู้ก่อการร้ายนั้นได้ก่อความเลวร้ายให้กับชีวิตภายหน้าของพวกเขาไว้แล้ว เรียกว่าสร้างกรรมชั่ว และเราจะต้องมองให้กว้างไกลว่าเราทุกคนต่างเกี่ยวโยงกับการกระทำครั้งนี้เช่นกัน เขาย้ำว่า เราต้องให้ความรักและเมตตากับทุกคน ไม่เว้นแม้พวกที่ก่อการร้าย ถ้าเราทั้งหลายสามารถที่จะมองพวกผู้ก่อการร้าย ด้วยความคิดว่าเขาเหล่านั้นคือผู้ป่วยที่ต้องได้รับการบำบัดรักษา ยาที่จะรักษาพวกเขาได้ก็คือ ความรักและเมตตานั้นเอง ไม่มีอะไรจะดีกว่านั้นอีกแล้ว สตีเว่น ซีกัล (Steven Seagal) พระเอกนักบู๊ชื่อดังของฮอลลีวู้ดชาวอเมริกัน โด่งดังขึ้นมาในฮอลลีวู้ดในฐานะพระเอกหนังแอ๊คชั่น หนังเรื่องล่าสุดของเขา คือ Exit Wounds ซีกัลได้ศึกษาและปฏิบัติตามหลักธรรมคำสอนในพุทธศาสนาอย่างเคร่งครัด จนกระทั่งมีลามะในทิเบตบางรูปพูดถึงเขาว่า เขาเป็นอดีตลามะองค์สำคัญที่กลับชาติมาเกิดทีเดียว โรเแบร์โต บาจโจ (Roberto Baggio) นักฟุตบอลชื่อดังชาวอิตาลี หันมาสนใจพุทธศาสนาหลังผ่าตัดเข่าข้างขวา และต้องหยุดเล่นนานถึง 2 ปี ช่วงนี้เขาต้องฝึกกายภาพด้วยความหวังที่เลือนลาง และไม่มีความสุข หงุดหงิด อารมณ์เสียบ่อยครั้ง เมาริซิโอ โบลดรินี เจ้าของร้านขายแผ่นซีดี ซึ่งโรเบอโต้เป็นลูกค้าประจำที่ร้าน จึงได้แนะนำให้เขาสวดมนต์ บาจโจรู้สึกดีขึ้นมาก และหันมาสนใจศึกษาพุทธศาสนา จนนำไปสู่การปฏิบัติอย่างจริงจัง กระทั่งอาการบาดเจ็บที่เข่าของเขาค่อยทุเลาลง และสามารถกลับมาเล่นฟุตบอลได้อีกครั้ง บาจโจ บอกไว้เมื่อ พ.ศ.2539 ว่า แม้จะปฏิบัติธรรมได้เพียง 8 ปีเท่านั้น แต่บุญกุศลที่ได้รับนั้นมากมายเกินกว่าจะกล่าวได้หมด อย่างไรก็ตามสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาก็คือได้เปลี่ยนแปลงทัศนคติของตนเอง เพราะก่อนหน้าที่จะหันมาปฏิบัติธรรมนั้น เขาเป็นคนที่จะต้องคิดในรูปแบบที่ตัวเองวางกรอบหรือกำหนดไว้แล้ว หรือไม่ก็ตัดสินสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นโดยใช้ความคิดของตนเองเป็นหลัก และคิดว่าการกระทำเช่นนี้ของตนถูกต้องเสมอ แต่หลังการปฏิบัติธรรมแล้ว มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างมากมายในชีวิตจิตวิญญาณของตัวเอง ซึ่งต้องใช้สติปัญญาในการตัดสินใจ แม้จะเป็นเรื่องที่ยากเพราะบางครั้งจิตใจก็ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลทางกาย บาจโจบอกว่าสำหรับชาวอิตาเลียนแล้ว พุทธศาสนานั้นอยู่ห่างไกลและไม่เกี่ยวข้องอะไรกับปัญหาต่างๆ ในชีวิตประจำวัน และชาวอิตาเลียนจะมีความเชื่อในความคิดเห็นของตนเองมากและไม่ต้องการศึกษาเรียนรู้ หรือเข้าใจปรัชญาอื่นๆ ที่แตกต่างไปจากที่พวกเขาเคยรับรู้มา แต่จะตัดสินสิ่งต่างๆ ตามความคิดเห็นของตนเอง สำหรับเขาแล้วการตัดสินใจหันมานับถือพุทธศาสนา ไม่รู้สึกว่าขาดความเชื่อมั่น และไม่แคร์ว่าใครจะพูดว่าอย่างไร เพราะเป้าหมายของตนคือต้องการจะเป็นบุคคลที่มีความสุขที่สุด ........................................................ ไม่เพียงแต่คนดังเหล่านี้ที่หันมาสนใจและประพฤติปฏิบัติตามหลักพุทธธรรมเท่านั้น ยังมีชาวตะวันตกอีกมากมายที่มุ่งหน้าค้นหาสัจธรรมของชีวิต เดินทางเข้าสู่ดินแดนแห่งพุทธศาสนา ไม่ว่าจะเป็นทิเบต ภูฐาน ศรีลังกา พม่า หรือประเทศไทย เพื่อการศึกษาหลักธรรมคำสอนและปฏิบัติกันอย่างจริงจัง คอร์สอบรมวิปัสสนาที่วัดหรือหน่วยงานบางแห่งในบ้านเราจัดขึ้นสำหรับชาวต่างชาตินั้นได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม ขณะที่ชาวตะวันตกกำลังมุ่งสู่ตะวันออกตามวิถีแห่งพุทธธรรมอันล้ำค่า หากจะตั้งคำถามว่า ชาวพุทธไทยบางส่วนนั้นเข้าตำรา “ใกล้เกลือกินด่าง” จะถูกต้องไหม ใครช่วยตอบที ? ........................................................ โดย ผู้จัดการออนไลน์ 30 มกราคม 2547 11:35 น. บรมศาสดา (บรมครูของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย) :: สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ.ปยุตฺโต) http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=26&t=28668 |
เจ้าของ: | ธรรมบุตร [ 16 พ.ค. 2010, 19:57 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระพุทธเจ้าในสายตานักปราชญ์โลก |
อนุโมทนา..สาธุ..ครับ..ท่านสาวิกาน้อย |
เจ้าของ: | ภัทรพงศ์ [ 17 พ.ค. 2010, 01:59 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระพุทธเจ้าในสายตานักปราชญ์โลก |
อนุโมทนา สาธุ ด้วยคนครับ |
เจ้าของ: | ทักทาย [ 17 พ.ค. 2010, 04:05 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระพุทธเจ้าในสายตานักปราชญ์โลก |
มีมากมายที่ฝรั่งตาน้ำข้าว เขาหันมาศึกษา และปฏิบัติธรรมกันอย่างเอาจริงเอาจัง....แต่คนไทยเราปากก็บอกว่า นับถือศาสนาพุทธ....กลับพูดจาอะไรๆ เข้าใจได้ยากกว่าฝรั่งมังค่าเสียอีก เศร้าใจจังค่ะ....อยู่ใต้ร่มบวรพระพุทธศาสนาแท้ๆ....แต่กลับละทิ้ง สิ่งที่ประเสริฐ...ไปไขว่คว้าหาสิ่งจอมปลอม.... อนุโมทนาค่ะคุณสาวิกาฯ |
เจ้าของ: | ศิษย์หลวงปู่ทา [ 21 ส.ค. 2015, 06:13 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระพุทธเจ้าในสายตานักปราชญ์โลก |
เจ้าของ: | ฟ้าใสใส [ 29 ธ.ค. 2015, 22:46 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: พระพุทธเจ้าในสายตานักปราชญ์โลก | ||
(♡✿◕‿◕✿♡) กราบอนุโมทนาบุญกับท่านผู้เจริญในธรรมและกัลยาณมิตรทุกท่าน มีดวงตาเห็นธรรม มีความสว่างทั้งทางโลกและทางธรรม รู้แจ้งเห็นจริง มีความสุขความเจริญ อยู่เย็นเป็นสุข ท่านใดมีความทุกข์ขอให้พ้นทุกข์ ท่านมีความสุขขอให้มีความสุขยิ่ง ๆ ขึ้นไป ธรรมรักษา เทวดาคุ้มครอง สุขกายเจริญวัย สุขใจเจริญธรรม ขอให้ท่านเจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไปนะเจ้าค่ะ (♡✿◕‿◕✿♡)
|
เจ้าของ: | sirinpho [ 20 มี.ค. 2016, 11:03 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระพุทธเจ้าในสายตานักปราชญ์โลก |
พระผู้ทรงคุณอันยิ่งยวดของโลก น้อมถวายสักการะเจ้าค่ะ |
เจ้าของ: | AAAA [ 03 พ.ค. 2020, 13:54 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระพุทธเจ้าในสายตานักปราชญ์โลก |
4Aขออนุโมทนาสาธุการค่ะ |
เจ้าของ: | Duangtip [ 27 มิ.ย. 2020, 09:38 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระพุทธเจ้าในสายตานักปราชญ์โลก |
ขออนุโมทนา สาธุๆๆ ค่ะ พระพุทธเจ้าของเรานั้นพระองค์ท่านทรงเลิศล้ำจริงๆ ค่ะ |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |