ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
ประเพณีการขอขมาคารวะ : ธรรมเนียมปฏิบัติสำหรับพระสงฆ์ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=82&t=57144 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | วรานนท์ [ 16 มี.ค. 2010, 20:38 ] |
หัวข้อกระทู้: | ประเพณีการขอขมาคารวะ : ธรรมเนียมปฏิบัติสำหรับพระสงฆ์ |
ประเพณีการขอขมาคารวะ ธรรมเนียมปฏิบัติสำหรับพระสงฆ์ ![]() คณะสงฆ์กราบขอขมาคารวะสมเด็จพระมหามุนีวงศ์ (อัมพร อัมพโร) ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร ![]() ![]() มีธรรมเนียมปฏิบัติสำหรับพระสงฆ์อย่างหนึ่งใน “เทศกาลเข้าพรรษา” คือพระสงฆ์จะไปกราบขอขมาคารวะต่อพระเถระ ที่อาจจะพลั้งเผลอล่วงเกินด้วยกาย วาจา ใจ ในรอบปีที่ผ่านมา ซึ่งเกิดขึ้นได้ทุกเวลาหากมีความประมาท ก่อนอธิษฐานเข้าพรรษาจึงมีธรรมเนียมปฏิบัติ คือการกราบขอขมาคารวะต่อพระรัตนตรัย จากนั้นก็จะมากราบขอขมาคารวะต่อพระเถระในอารามที่พระสงฆ์จะอยู่จำพรรษา หลังเข้าพรรษาก็จะนิยมเดินทางไปกราบขอขมาคารวะต่อพระเถระทั้งหลายตามวัดต่างๆ ขอให้ท่านอดโทษ ยกโทษให้ ดังนั้น หลังวันเข้าพรรษาตามอารามต่างๆ ที่มีพระเถระผู้มีตำแหน่งในการปกครองคณะสงฆ์อยู่ จึงมีพระภิกษุสามเณรจากวัดต่างๆ เดินทางมากราบขอขมาคารวะต่อพระเถระ ณ อารามทั้งหลาย สำหรับธรรมเนียมการกราบขอขมาคารวะ หรือบางครั้งเรียกว่า “ทำวัตร” ของพระวัดป่าปฏิบัติสายท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต นั้น นิยมกระทำกันในช่วงก่อนหรือระหว่างเข้าพรรษา (และช่วงเวลาอื่นๆ ตามโอกาสอันเหมาะสมด้วย) ปกติก่อนจะถึงวันเข้าพรรษา พระภิกษุสามเณรจากหลายวัดที่อยู่ใกล้เคียงกันมักจะมารวมตัวกันที่วัดใดวัดหนึ่งในเขตพื้นที่นั้น ซึ่งเป็นวัดที่มีพระเถระผู้มีอายุพรรษามากและปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เป็นที่เคารพเลื่อมใสในหมู่พระภิกษุสามเณร เพื่อกราบขอขมาคารวะและรับฟังโอวาทธรรม อันเป็นการสร้างความสามัคคีในหมู่คณะสงฆ์ และยังเป็นการกระตุ้นเตือนจิตใจให้ตั้งใจปฏิบัติธรรมกำจัดกิเลสในช่วงฤดูเข้าพรรษาอย่างเต็มที่ ส่วนวันที่พระภิกษุสามเณรท่านจะมารวมตัวกัน มักนิยมวันอาสาฬหบูชา (วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘) คือก่อนเข้าพรรษา ๑ วัน แต่บางแห่งโดยเฉพาะพื้นที่ที่การคมนาคมไม่ค่อยสะดวก อาจจะกำหนดวันก่อนหน้านั้นก็ได้ อย่างเช่น วันอาสาฬหบูชาของทุกปี พระภิกษุสามเณรจำนวนเกือบ ๔๐๐ รูป จากเกือบ ๑๐๐ วัด ในเขตจังหวัดสกลนคร จังหวัดมุกดาหาร และพื้นที่ใกล้เคียง จะเดินทางมารวมตัวกันที่วัดดอยธรรมเจดีย์ อำเภอโคกศรีสุพรรณ จังหวัดสกลนคร เพื่อลงอุโบสถฟังปาฏิโมกข์ กราบขอขมาคารวะและรับฟังโอวาทธรรมจากท่านพระอาจารย์แบน ธนากโร เป็นต้น ธรรมเนียมการกราบขอขมาคารวะและรับฟังโอวาทธรรมนี้ ไม่เพียงแต่จะทำกันในช่วงก่อนเข้าพรรษาอย่างเดียว ในช่วงระหว่างเข้าพรรษา ๓ เดือน พระภิกษุสามเณรท่านก็นิยมที่จะเดินทางไปกราบขอขมาคารวะต่อพระเถระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบในพื้นที่อื่น ซึ่งอาจจะไกลจากวัดที่จำพรรษาด้วย โดยมักจะเดินทางไปเป็นขบวนใหญ่ ทั้งพระภิกษุสามเณรและฆราวาสญาติโยม เพื่อให้ได้มีโอกาสทำบุญและฟังธรรมกับพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบด้วยกัน โดยเมื่อเดินทางไปถึงวัดเป้าหมาย หมู่คณะที่เดินทางไปทั้งหมดก็จะได้รับการต้อนรับให้พักผ่อนเสียก่อน เมื่อพร้อมแล้ว พระผู้เป็นผู้นำหมู่คณะจะถือพานดอกไม้ธูปเทียนนำขอขมาคารวะ โดยการกราบ ๓ ครั้ง และนำกล่าว “นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ” ๓ จบก่อน จากนั้นจะนำกล่าวคำขอขมาคารวะเป็นภาษาบาลีว่า “มหาเถเร ปะมาเทนะ, ทะวารัตตะเยนะ กะตัง, สัพพัง อะปะราธัง ขะมะตุ โน ภันเต” (กล่าว ๓ ครั้ง) แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า : “ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ขอพระเถระจงอดโทษซึ่งความผิดทั้งปวงที่พวกข้าพเจ้าได้กระทำล่วงเกินด้วยความประมาทในพระเถระ ด้วยไตรทวาร” เสร็จแล้วผู้ขอขมาทั้งหมดจะหมอบกราบลงกับพื้นโดยยังไม่เงยหน้าขึ้น พระเถระผู้รับขมาจะกล่าวคำว่า “อะหัง ขะมามิ ตุมเหหิปิ ขะมิตัพพัง” แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า : “ข้าพเจ้ายกโทษให้ และขอให้พวกท่านพึงยกโทษให้แก่ข้าพเจ้าด้วย” ผู้ขอขมาทั้งหมดจะกล่าวรับว่า “ขะมามะ ภันเต” จากนั้นพระเถระผู้รับขมาจะกล่าวให้พร เมื่อจบแล้ว ผู้ขอขมาทั้งหมดจะกล่าวรับพรว่า “สาธุ ภันเต” แล้วจึงเงยหน้าขึ้นจากพื้น และกราบอีก ๓ ครั้ง ก็เป็นอันว่าเสร็จพิธี จากนั้นก็อาจจะมีการแสดงพระธรรมเทศนาต่อไป ในการกล่าวคำขอขมาคารวะนั้น ถ้าผู้รับขมาเป็นพระมหาเถระผู้มีอาวุโสมาก ให้ใช้คำว่า “มหาเถเร” มีอาวุโสรองจากนั้นให้ใช้คำว่า “เถเร” แทน หรือถ้ามีอาวุโสรองลงมาอีกให้ใช้คำว่า “อาจริเย” แทน ซึ่งผู้ขอขมาควรจะต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมกับบุคคลผู้รับขมา สำหรับพระเถระผู้รับขมาที่กล่าวให้พรนั้น ก็จะให้พรในทำนองว่าสิ่งที่ทำผิดมาแล้วก็ขอให้แล้วไป ให้กลับตัวกลับใจเสียใหม่เริ่มต้นกันใหม่ ภาษิตที่นิยมนำมาแสดงมาจาก อังคุลิมาลสูตร มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ (๑๓/๕๓๔/๓๙๖) ความว่า ครั้งหนึ่งพระองคุลิมาลไปในที่ลับเร้นอยู่ เสวยวิมุติสุข ได้เปล่งอุทานในเวลานั้นว่า โย จ ปุพฺเพ ปมชฺชิตฺวา ปจฺฉา โส นปฺปมชฺชติ โสมํ โลกํ ปภาเสติ อพฺภามุตฺโตว จนฺทิมา ยสฺส ปาปํ กตํ กมฺมํ กุสเลน ปหียติ โสมํ โลกํ ปภาเสติ อพฺภามุตฺโตว จนฺทิมาฯ แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า : “ก็ผู้ใด เมื่อก่อนประมาท ภายหลังผู้นั้นไม่ประมาท เขาย่อมยังโลกนี้ให้สว่าง ดังพระจันทร์ซึ่งพ้นแล้วจากเมฆฉะนั้น ผู้ใดทำกรรมอันเป็นบาปแล้ว ย่อมปิดเสียได้ด้วยกุศล ผู้นั้นย่อมยังโลกนี้ให้สว่าง ดุจพระจันทร์ซึ่งพ้นแล้วจากเมฆ” พระองคุลิมาลคืออดีตมหาโจรที่มีชื่อเสียงโด่งดัง มีคำบรรยายในพระสูตรว่า “โจรองคุลิมาลเป็นคนหยาบช้า มีฝ่ามือเปื้อนเลือด ปักใจในการฆ่าตี ไม่มีความกรุณาในสัตว์ทั้งหลาย เขาเข่นฆ่าพวกมนุษย์แล้วเอานิ้วมือร้อยเป็นพวงทรงไว้” พระพุทธเจ้าเสด็จเดินผ่านทางที่องคุลิมาลอาศัยอยู่ องคุลิมาลก็ถือดาบผูกสอดแล่งธนูเดินตามหลังพระพุทธเจ้าไปด้วยเจตนาจะปล้นและฆ่า แต่เดินอย่างไรก็ตามไม่ทัน แม้จะวิ่งก็ยังตามไม่ทันอีก เพราะพระพุทธเจ้าทรงใช้อิทธาภิสังขารที่แม้องคุลิมาลจะวิ่งเต็มกำลังก็ไม่อาจจะตามทันพระพุทธเจ้าผู้เสด็จไปตามปรกติได้ องคุลิมาลวิ่งจนเหนื่อยจึงกล่าวขึ้นว่า “จงหยุดก่อนสมณะ จงหยุดก่อนสมณะ” พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า “เราหยุดแล้ว องคุลิมาล ท่านเล่าจงหยุดเถิด” คำว่า “หยุด” ในอังคุลิมาลสูตร (๑๓/๕๒๕/๓๙๑) พระพุทธเจ้าอธิบายไว้ว่า “ดูกร องคุลิมาล เราวางอาชญาในสัตว์ได้แล้ว จึงชื่อว่าหยุดแล้วในกาลทุกเมื่อ ส่วนท่านไม่สำรวมในสัตว์ทั้งหลาย เพราะฉะนั้นเราจึงหยุดแล้ว ท่านยังไม่หยุด” ภายหลังองคุลิมาลได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนาจนบรรลุเป็นพระอรหันต์ จึงนิยมเรียกกันว่าโจรกลับใจ จากผู้ร้ายกลายเป็นพระอรหันต์ ในการกราบขอขมาคารวะต่อพระเถระจึงนิยมนำคำเปล่งอุทานที่พระองคุลิมาลแสดงไว้มาเป็นอุทาหรณ์ว่า แม้ผู้ที่ได้ชื่อว่าทำผิดมามาก แต่ภายหลังก็สามารถกลับตัวเป็นคนดีได้ ธรรมเนียมการกราบขอขมาคารวะนี้ เกิดจากธรรมเนียมนิยมของพระพุทธศาสนาที่ว่า ผู้ใดกระทำการล่วงเกินใดๆ ต่อผู้อื่นไว้ ผู้นั้นไม่ควรปล่อยให้ล่วงเลยผ่านไป หากแต่ควรจะขอโทษคือการขอขมา และผู้ที่ถูกล่วงเกินเมื่อได้รับการขอขมา ก็ไม่ควรผูกอาฆาตพยาบาทโกรธไม่หาย ควรจะรับขมาและยกโทษให้ คนเราอาจจะพลั้งเผลอด้วยความประมาทจนทำผิด พูดผิด คิดผิด บางครั้งอาจจะแอบนินทาว่าร้ายต่อพระเถรานุเถระทั้งหลาย เมื่อถึงเทศกาลเข้าพรรษาในแต่ละปีจึงต้องกราบขอขมาคารวะต่อพระเถระเหล่านั้น ขอให้ท่านอดโทษ ยกโทษให้ ไม่เอาผิดไม่ถือโทษโกรธเคือง ปุถุชนผิดพลาดกันได้ แต่ทำผิดแล้วยอมรับผิดและพร้อมที่จะแก้ไข ก็มีแนวโน้มจะเป็นคนดีได้ อีกอย่างหนึ่ง พระผู้น้อยก็มีโอกาสได้เข้ากราบถวายเครื่องสักการะแด่พระมหาเถระอันแสดงออกถึงความเป็นผู้อ่อนน้อมถ่อมตน เคารพรักนับถือกันตามสมควรแก่ฐานะและอายุพรรษา ใครอุปสมบทก่อนพรรษามากกว่า พระผู้อุปสมบททีหลังก็ต้องให้ความเคารพกันตามธรรมเนียมปฏิบัติ พระสงฆ์ไม่ได้เคารพนับถือกันที่อายุขัย แต่เคารพนับถือกันที่อายุพรรษา ใครอุปสมบทก่อนแม้อายุจะน้อยกว่าก็ต้องกราบไหว้ นี่เป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่มีมาตั้งแต่ครั้งโบราณกาล การกราบขอขมาคารวะจึงนับเป็นธรรมเนียมที่ปฏิบัติสืบกันมา เป็นกิจที่ผู้น้อยควรทำแก่ผู้ใหญ่ แม้ไม่ได้กระทำการล่วงเกินกันมาก่อน ก็ควรกระทำอยู่เพื่อแสดงถึงการเคารพนับถือกัน ซึ่งธรรมเนียมการเคารพนับถือกันตามอาวุโสนี้ ถ้าหากได้นำไปใช้ในชีวิตประจำวันย่อมจะเป็นการสร้างเสน่ห์และความเจริญให้แก่ตนเอง และเป็นการรักษาไว้ซึ่งประเพณีไทยอันดีงามให้คนรุ่นหลังได้รู้จักและปฏิบัติตามอย่างถูกต้องสืบต่อไป ![]() คณะสงฆ์กราบขอขมาคารวะสมเด็จพระวันรัต (จุนท์ พฺรหฺมคุตฺโต) ณ วัดบวรนิเวศวิหาร (วัดบวรนิเวศ ราชวรวิหาร) กรุงเทพมหานคร ![]() คณะสงฆ์กราบขอขมาคารวะสมเด็จพระธีรญาณมุนี (สมชาย วรชาโย) ณ วัดเทพศิรินทราวาส ราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร ![]() ![]() พระอาจารย์บุญเลิศ สุจิตโต ถือพานดอกไม้ นำกล่าวกราบขอขมาคารวะ สมเด็จพระวันรัต (จุนท์ พฺรหฺมคุตฺโต) เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่ พระพรหมมุนี ในคราวที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ เดินทางมาเยี่ยมวัดบอสตันพุทธวราราม เมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซ็ทส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อปี พ.ศ.๒๕๕๑ ![]() ![]() พระอาจารย์ไพโรจน์ วิโรจโน นำคณะสงฆ์วัดบอสตันพุทธวราราม เมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซ็ทส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา กราบขอขมาคารวะพระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป เมื่อปี พ.ศ.๒๕๕๐ ![]() (๑) เรื่องถวายสักการะขอขมาพระเถระในเทศกาลเข้าพรรษา เขียนโดย พระมหาบุญไทย ปุญญมโน ๐๘/๐๘/๒๕๕๕ http://www.cybervanaram.net/index.php?o ... &Itemid=14 (๒) เรื่องประเพณีการขอขมา เขียนโดย คุณภิเนษกรมณ์ (อาจารย์ Pakorn Kengpol) https://www.facebook.com/notes/pakorn-k ... 1699995199 = การขอนิสัย การขอขมา = http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=23&t=48418 ![]() http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=23&t=45499 ![]() http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=23&t=45498 |
เจ้าของ: | ภัทร์ไพบูลย์ [ 02 เม.ย. 2010, 15:34 ] |
หัวข้อกระทู้: | |
อนุโมทนาในความเพียรเผยแผ่ธรรมกับท่านครับ ท่านสาธุๆๆๆๆ ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | Supatorn [ 21 ส.ค. 2011, 10:56 ] |
หัวข้อกระทู้: | |
![]() ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | ร่มเย็นเป็นสุข [ 15 พ.ค. 2014, 19:44 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ประเพณีการขอขมาคารวะ |
ขออนุโมทนาสาธุกับบทความนี้ค่ะ |
เจ้าของ: | น้องพลอย [ 02 ก.ค. 2018, 12:00 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ประเพณีการขอขมาคารวะ |
ขออนุโมทนาสาธุการค่ะ ![]() ![]() ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |