ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
เชิญทุก ๆ ท่าน สนทนากับคุณ"Supareak Mulpong" เรื่องฌาน http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=8&t=26603 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 4 |
เจ้าของ: | มหาราชันย์ [ 30 ต.ค. 2009, 13:51 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | เชิญทุก ๆ ท่าน สนทนากับคุณ"Supareak Mulpong" เรื่องฌาน | ||
Supareak Mulpong เขียน: บำเพ็ญฌาน ได้ญาณ สมาธิ มีอิทธิ อภิญญา เป็นกุศล มีเป็นบาท ไว้สำหรับ ฝึกฝนตน จนได้ผล เป็นมรรค เป็นนิพพาน อันความนี้ ศาสดา หาได้กล่าว เป็นเรื่องราว เป็นความ ทำสับสน เพียงปัญญา ความว่า รู้จักตน ก็พาพ้น วัฏฏะ น่าอัศจรรย์ ปัญญาญาณ ในฌาน สมาบัติ ว่ากำจัด กิเลสกาม ถึงมรรคผล เป็นคำสอน ของพวกพราหมณ์ มาเจือปน ให้สับสน หาใช่ สัทธรรม สมาธิ กิจการ พาหลบทุกข์ หาเจอสุข ตลอดนาน ชั่วกาลไม่ ติดในฌาน สมาบัติ จักเป็นภัย เหมือนปลาใหญ่ คิดในข้อง ต้องพิษตน จักดินรน หากทางออก มานอกข้อง อันหาต้อง พาลพบ พระสบผล ติดตาข่าย ติดกับดัก เพราะใจตน พุทธองค์ เรียกว่า กับดักพรหม มรรคเบื้องสูง สำหรับ อริยะ ผู้หลุดพ้น วัฏฏะ อย่าสับสน ธรรมสำหรับ อริยะ ฝึกฝนตน จนหลุดพ้น ถึงนิพพาน ชาตินี้เอย ... ![]() ![]() ![]() มาลิขิต ![]() ![]() แต่งได้เพราะ ![]() ![]() ผมยินดี ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ของตัวท่าน ![]() ![]() มีรูปลักษณ์ ![]() ![]() โปรดบอกให้ ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() มีผลเหตุ ![]() ![]() จึงว่าฌาน ![]() ![]() ผมอยากชม ![]() ![]() Supareak Mulpong เขียน: บำเพ็ญฌาน ได้ญาณ สมาธิ มีอิทธิ อภิญญา เป็นกุศล มีเป็นบาท ไว้สำหรับ ฝึกฝนตน จนได้ผล เป็นมรรค เป็นนิพพาน อันความนี้ ศาสดา หาได้กล่าว เป็นเรื่องราว เป็นความ ทำสับสน เพียงปัญญา ความว่า รู้จักตน ก็พาพ้น วัฏฏะ น่าอัศจรรย์ ปัญญาญาณ ในฌาน สมาบัติ ว่ากำจัด กิเลสกาม ถึงมรรคผล เป็นคำสอน ของพวกพราหมณ์ มาเจือปน ให้สับสน หาใช่ สัทธรรม ![]() ![]() ![]() บอกผมว่า ![]() ![]() เป็นของพรามณ์ ![]() ![]() ผิดขั้นตอน ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ฌานไม่ใช่ ![]() ![]() ไม่ใช่บาท ![]() ![]() โปรดช่วยนำ ![]() ![]() Supareak Mulpong เขียน: สมาธิ กิจการ พาหลบทุกข์ หาเจอสุข ตลอดนาน ชั่วกาลไม่ ติดในฌาน สมาบัติ จักเป็นภัย เหมือนปลาใหญ่ คิดในข้อง ต้องพิษตน จักดินรน หากทางออก มานอกข้อง อันหาต้อง พาลพบ พระสบผล ติดตาข่าย ติดกับดัก เพราะใจตน พุทธองค์ เรียกว่า กับดักพรหม ![]() ![]() ![]() ท่านเชื่อถือ ![]() ![]() เป็นตาข่าย ![]() ![]() ท่านโปรดได้ ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ให้ผู้อ่าน ![]() ![]() คุณกล่าวถูก ![]() ![]() ขอความรู้ ![]() ![]() Supareak Mulpong เขียน: มรรคเบื้องสูง สำหรับ อริยะ ผู้หลุดพ้น วัฏฏะ อย่าสับสน ธรรมสำหรับ อริยะ ฝึกฝนตน จนหลุดพ้น ถึงนิพพาน ชาตินี้เอย ... ![]() ![]() ![]() ใช้อะไร ![]() ![]() ใช้อะไร ![]() ![]() โปรดช่วยค้น ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ผมจะได้ ![]() ![]() ความถูกผิด ![]() ![]() ขอสวัสดี ![]() ![]() เจริญในธรรมครับ
|
เจ้าของ: | Supareak Mulpong [ 30 ต.ค. 2009, 15:15 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เชิญทุก ๆ ท่าน สนทนากับคุณ"Supareak Mulpong" เรื่องฌาน |
สมาธิ และฌาน สมาบัติ เป็นข้อวัตร ของฤๅษี ใช่ของสงฆ์ พระคุณเจ้า ตรัสบอก ความจำนง ให้หลุดพ้น ด้วยปัญญา และความเพียร มุนีเจ้า ก็เป็น พราหมณ์ก่อนเก่า เล่าเรื่องราว ครั้นเป็น พระฤๅษี พระทรงฤทธิ์ ทรงรู้ อิทธิวิธี แต่หามี ทางไป พ้นจากกรรม พระทรงรู้ หนทาง ตามวิสัย ทรงรู้ได้ ด้วยบารมี ที่สั่งสม สัพพัญญู หาเป็นได้ แต่เพียงลม เพราะสะสม มาหลายกัป รับรู้ความ สมาธิ ใช่ทาง จะดับทุกข์ มีความสุข เพียงคราว จะเล่าขาน มีอิทธิ มีฌาน ปัญญาญาณ มิอาจหาญ ดับกิเลส ตัวเภทภัย พระทรงชี้ ทางไป มิให้หลง ทรงจำนง โปรดสัตว์ มิแบ่งฐาน ปุถุชน ฤๅษี ทุกวงการ วางรากฐาน การวิธี ให้สมกัน เป็นพระบวช เนกขัมมะ สมาธิ มีวิธี สร้างปัญญา ที่เหมาะสม ปุถุชน คนดิบ ก็มิตรม วางให้สม ให้เหมาะ ตรงหลักการ พวกนักบวช ฤๅษี อยู่ในป่า มีวิชา สมาบัติ มีอยู่มาก พระวางราก วางฐาน ไม่พาหลง ชี้ทางตรง บรรลุ ถึงนิพพาน บริกรรม ก็ใช้ สมาธิ ปกติ คนเรา มิสับสน กิจการ งานทำได้ ไม่วกวน เพราะคนมี สมาธิ อยู่ติดตัว ใครไม่มี สมาธิ ก็เป็นบ้า มิอาจมา ฟังธรรม เพราะฟุ้งซ่าน มิใช่กาล มิใช่กิจ คิดระราน เพราะเหตุกาล ผ่านมา ทำไม่ดี สมาธิ อัปปนา หามีกิจ ความสงบ เกินไปนิด หาใช่ที่ ดับปัญญา พิจารณา ก็ไม่ดี แต่ทางมี สำหรับฌาน ลาภีบุคคล สมาธิ เป็นนิสัย ที่ละเอียด เนียนละเมียด หาที่ติ ก็ใช่ที่ เป็นนิสัย เป็นปัจจัย ไม่ค่อยดี สงบนี้ เป็นตัว ดับปัญญา จะละเลิก อย่างไร ลองใคร่นึก ลองมาตรึก ว่าตัวเรา มีวิถี หาควบคุม ตัวเองได้ ใช่ว่าดี ก็เพราะมี นิสัย เป็นปัจจัย มีสงบ คอยพึ่งพา หาทุกข์สุข จะเดินลุก ก็สงบ พบหรรษา ไม่รับรู้ ไม่รู้สึก จำนรรจา ก็เพราะว่า ตัวสงบ มันพาไป ท่านเพ่งอยู่ ที่อารมณ์ ก็เพียงหนึ่ง จะนึกถึง สิ่งกระทบ อื่นบ้างไหม ก็เพราะฌาน มีอารมณ์ อยู่ในใจ ฝึกต่อไป เกิดเป็นพรหม ก็จบกัน สมาธิ ท่านบอกว่า เป็นของท่าน ความจริงนั้น ตัวท่าน เปรียบเหมือนผี ตัวสงบ ครอบงำ ทุกนาที ชีวิตนี้ สละออก หมดหนทาง ท่านอยากรู้ โสดา ปัตติมรรค เราก็จัก ชี้แจง เป็นแก่นสาร หากเวลา และบุญท่าน ถึงแก่กาล จะขับขาน เป็นกลอน ให้ท่านฟัง ![]() |
เจ้าของ: | Supareak Mulpong [ 30 ต.ค. 2009, 18:06 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เชิญทุก ๆ ท่าน สนทนากับคุณ"Supareak Mulpong" เรื่องฌาน |
รูปฌาน อรูปฌาน ก็มีเหตุ เป็นประเภท ที่เราเรียก ธรรมกุศล พยายาม มั่นเพียรฝึก สั่งสมจน อกุศล มิกำเริบ อหังการ แต่ด้วยตัว ของบุคคล เป็นคนดิบ เพียงนับหนึ่ง ถึงเลขสิบ อาขยาน จิตก็คิด อกุศล จนแก่กาล ปฏิญาณ อย่างไร จึงได้ฌาน ก็คือศีล ทั้งห้าข้อ ถึงที่สุด จะได้รุด ถึงความ ตามประสาน อยู่ในเมือง จะถือศีล ไห้ได้การ ก็พบพาล สิ่งล่อ ให้ท้อใจ อย่ากระนั้น ตัวเราจง ตรงเข้าป่า ขอเทวา ช่วยรักษา ด้วยมั่นหมาย จะถือศีล บริสุทธิ์ จนวันตาย เพื่อจะได้ มีไอ้ฌาน อภิญญา เราจักตั้ง หมายอารมณ์ ไว้เพียงหนึ่ง จะนึกถึง ได้มิห่าง มิหรรษา จะวางใจ ไม่ให้ทุกข์ สุขอุรา ทำจนกว่า จะได้ฌาน อย่างตั้งใจ พุทธองค์ ท่านบอกว่า มิใช่สุข เพียงหลบทุกข์ ใช่ความสุข เที่ยงแท้ไม่ ด้วยว่าฌาน ให้สงบ อย่างตั้งใจ แต่หาได้ ให้ปัญญา ฆ่าอุปทาน แต่เหตุกลับ ให้มายึด ความสงบ มิได้จบ อันวงจร น่าสงสาร กว่าจะฝึก สมาธิ จนได้ฌาน ก็พบพาน เพียงความสุข เพียงเดี๋ยวเดียว หากท่านสร้าง ตัวปัญญา เพื่อดับทุกข์ พบความสุข อันถาวร เป็นรากฐาน เจริญจิต ให้สงบ จนได้ฌาน จะพบพาล ธรรมชาติ แสนอัศจรรย์ พุทธองค์ ท่านสั่งสอน คนให้คิด ให้มีจิต รู้ฉันทา รู้สังสาร ไม่ศึกษา พระธรรม ควรแก่กาล จะพบพาล ความสุข ได้อย่างไร คำสอนท่าน ต้องศึกษา เอาให้จบ ใช่ว่าพบ เพียงบางส่วน ด่วนใจหมาย ก็เร่งรีบ ปฏิบัติ ให้ถึงปลาย หารู้ไม่ เดินผิด พิฆาตตน |
เจ้าของ: | มหาราชันย์ [ 30 ต.ค. 2009, 19:02 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เชิญทุก ๆ ท่าน สนทนากับคุณ"Supareak Mulpong" เรื่องฌาน |
สวัสดีครับคุณศุภฤกษ์ สรุปที่ผมถามคุณศุภฤกษ์ไปมีดังนี้ 1.คุณเข้าใจเรื่องฌานว่าฌานคืออะไร ? 2.ฌานที่คุณรู้จักในพระพุทธศาสนามีลักษณะอย่างไร ? 3.ฌานมีกี่ประเภท อะไรบ้าง ? 4.สมาธิกับฌานเหมือนกันหรือต่างกันอย่างไร ? 5.ฌานเกิดขึ้นได้อย่างไร ? 6.ที่คุณบอกว่าฌานไม่มีประโยชน์ต่อการบรรลุมัคคผลนั้นคุณเอามาจากตำราไหน หรือใครสอนคุณ ? 7.ยกหลักฐานอ้างอิงมาให้ดูด้วยว่ามาจากพระไตรปิฎกเล่มไหน ข้อความว่าอย่างไร ? 8.ที่คุณบอกว่าพระศาสดาพระสมณะโคดมไม่ได้สอนเรื่องฌาน แต่ฌานเป็นของพราหมณ์นั้นอยู่ไนพระไตรปิฎกเล่มไหน ข้อความว่าอย่างไรบ้าง ? 9.ที่คุณบอกว่าฌานเป็นภัยแก่มัคคผล เป็นตาข่ายดักพรหมนั้นอยู่ไนพระไตรปิฎกเล่มไหน ข้อความว่าอย่างไรบ้าง ? 10.ถ้าคุณไม่ปฏิบัติโดยทำจิตให้เป็นฌาน คุณปฏิบัติอย่างไรเพื่อทำจิตให้บรรลุมรรคผล หลักฐานอ้างอิงอยู่ในพระไตรปิฎกเล่มไหน ข้อความว่าอย่างไร? ตอบมา 2 คำตอบยังไม่เห็นตอบคำถามผมเลยนะครับ หลักฐานอ้างอิงใด ๆ ก็ไม่มี มีแต่ความคิดเห็นส่วนตัวของคุณเพียงอย่างเดียว ถ้าไม่ตอบ หรือตอบไม่ได้ หาหลักฐานมาให้เห็นไม่ได้.... ผมจะได้สรุปต่อไปว่า 1.คุณแสดงธรรมผิด รู้มาผิด ปฏิบัติผิด 2.ธรรมที่คุณแสดงผิดนี้เป็นการทำลายพระพุทธศาสนาโดยตรง ผมให้โอกาสคุณตอบคำถามอีกครั้งหนึ่งครับ เจริญในธรรมครับ |
เจ้าของ: | Supareak Mulpong [ 30 ต.ค. 2009, 20:05 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เชิญทุก ๆ ท่าน สนทนากับคุณ"Supareak Mulpong" เรื่องฌาน |
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงอย่าพูดถ้อยคำแก่งแย่งกันว่า ท่านไม่รู้ทั่วถึงธรรมวินัยนี้ เรารู้ทั่วถึงธรรมวินัยนี้ ท่านจักรู้ทั่วถึงธรรมวินัยนี้ได้อย่างไร ท่านปฏิบัติผิด เราปฏิบัติถูก สิ่งที่ควรพูดก่อน ท่านพูดเสียทีหลัง สิ่งที่ควรพูดทีหลัง ท่านพูดเสียก่อน เป็นประโยชน์แก่เรา ไม่เป็นประโยชน์แก่ท่าน ความเป็นไปอย่างอื่นที่คลาดเคลื่อน ท่านประพฤติแล้ว ท่านยกวาทะขึ้นแล้วเพื่อเปลื้องวาทะของผู้อื่น ท่านถูกข่มขี่แล้ว ท่านจงชำแรกออก ถ้าท่านอาจ ข้อนั้นเพราะเหตุไร? เพราะถ้อยคำนี้ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ไม่ใช่พรหมจรรย์เบื้องต้น ย่อมไม่เป็นไปเพื่อความหน่าย ... นิพพาน ก็เมื่อเธอทั้งหลายจะพูด พึงพูดว่า นี้ทุกข์ ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา ข้อนั้นเพราะเหตุไร? เพราะถ้อยคำนี้ประกอบด้วยประโยชน์ เป็นพรหมจรรย์เบื้องต้น ย่อมเป็นไปเพื่อความหน่าย ... นิพพาน ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะฉะนั้นแหละเธอทั้งหลายพึงกระทำความเพียรเพื่อรู้ตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา. ขอท่านอ่าน ในพระสูตร ให้จนจบ ให้ได้ครบ ให้ได้ความ ตามอรรถา จบเมื่อใหร่ ช่วยบอก จำนรรจา เราจักมา แก้สงสัย ให้สิ้นความ |
เจ้าของ: | มหาราชันย์ [ 30 ต.ค. 2009, 21:33 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เชิญทุก ๆ ท่าน สนทนากับคุณ"Supareak Mulpong" เรื่องฌาน |
Supareak Mulpong เขียน: ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงอย่าพูดถ้อยคำแก่งแย่งกันว่า ท่านไม่รู้ทั่วถึงธรรมวินัยนี้ เรารู้ทั่วถึงธรรมวินัยนี้ ท่านจักรู้ทั่วถึงธรรมวินัยนี้ได้อย่างไร ท่านปฏิบัติผิด เราปฏิบัติถูก สิ่งที่ควรพูดก่อน ท่านพูดเสียทีหลัง สิ่งที่ควรพูดทีหลัง ท่านพูดเสียก่อน เป็นประโยชน์แก่เรา ไม่เป็นประโยชน์แก่ท่าน ความเป็นไปอย่างอื่นที่คลาดเคลื่อน ท่านประพฤติแล้ว ท่านยกวาทะขึ้นแล้วเพื่อเปลื้องวาทะของผู้อื่น ท่านถูกข่มขี่แล้ว ท่านจงชำแรกออก ถ้าท่านอาจ ข้อนั้นเพราะเหตุไร? เพราะถ้อยคำนี้ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ไม่ใช่พรหมจรรย์เบื้องต้น ย่อมไม่เป็นไปเพื่อความหน่าย ... นิพพาน ก็เมื่อเธอทั้งหลายจะพูด พึงพูดว่า นี้ทุกข์ ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา ข้อนั้นเพราะเหตุไร? เพราะถ้อยคำนี้ประกอบด้วยประโยชน์ เป็นพรหมจรรย์เบื้องต้น ย่อมเป็นไปเพื่อความหน่าย ... นิพพาน ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะฉะนั้นแหละเธอทั้งหลายพึงกระทำความเพียรเพื่อรู้ตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา Supareak Mulpong เขียน: บำเพ็ญฌาน ได้ญาณ สมาธิ มีอิทธิ อภิญญา เป็นกุศล มีเป็นบาท ไว้สำหรับ ฝึกฝนตน จนได้ผล เป็นมรรค เป็นนิพพาน อันความนี้ ศาสดา หาได้กล่าว เป็นเรื่องราว เป็นความ ทำสับสน เพียงปัญญา ความว่า รู้จักตน ก็พาพ้น วัฏฏะ น่าอัศจรรย์ ปัญญาญาณ ในฌาน สมาบัติ ว่ากำจัด กิเลสกาม ถึงมรรคผล เป็นคำสอน ของพวกพราหมณ์ มาเจือปน ให้สับสน หาใช่ สัทธรรม Supareak Mulpong เขียน: สมาธิ ท่านบอกว่า เป็นของท่าน ความจริงนั้น ตัวท่าน เปรียบเหมือนผี ตัวสงบ ครอบงำ ทุกนาที ชีวิตนี้ สละออก หมดหนทาง ท่านอยากรู้ โสดา ปัตติมรรค เราก็จัก ชี้แจง เป็นแก่นสาร หากเวลา และบุญท่าน ถึงแก่กาล จะขับขาน เป็นกลอน ให้ท่านฟัง Supareak Mulpong เขียน: คำสอนท่าน ต้องศึกษา เอาให้จบ ใช่ว่าพบ เพียงบางส่วน ด่วนใจหมาย ก็เร่งรีบ ปฏิบัติ ให้ถึงปลาย หารู้ไม่ เดินผิด พิฆาตตน ![]() ![]() |
เจ้าของ: | มหาราชันย์ [ 30 ต.ค. 2009, 22:01 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เชิญทุก ๆ ท่าน สนทนากับคุณ"Supareak Mulpong" เรื่องฌาน |
มหาราชันย์ เขียน: ถ้าไม่ตอบ หรือตอบไม่ได้ หาหลักฐานมาให้เห็นไม่ได้.... ผมจะได้สรุปต่อไปว่า 1.คุณแสดงธรรมผิด รู้มาผิด ปฏิบัติผิด 2.ธรรมที่คุณแสดงผิดนี้เป็นการทำลายพระพุทธศาสนาโดยตรง ผมให้โอกาสคุณตอบคำถามอีกครั้งหนึ่งครับ คุณศุภฤกษ์ไม่ตอบแสดงว่าคุณรู้ผิดจริง และคุณไม่มีความรู้ที่ถูกต้องในพระพุทธศาสนาจริง ความรู้ที่คุณมีเป็นความรู้ผิด ปฏิบัติผิด นำสิ่งผิด ๆ มาเผยแพร่ คนอื่นย่อมรู้ผิด และปฏิบัติผิดตามไปด้วย เป็นการทำลายพระพุทธศาสนา ผมสรุปเป็นอย่างนี้นะครับ ปิดกระทู้ได้แล้วนะครับ เจริญในธรรมครับ |
เจ้าของ: | Supareak Mulpong [ 30 ต.ค. 2009, 22:30 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เชิญทุก ๆ ท่าน สนทนากับคุณ"Supareak Mulpong" เรื่องฌาน |
ไม่ได้อ่าน ศึกษาความ ตามปิฎก คิดไม่ตก เลยว่าความ ตามประสา สิ่งควรรู้ เลยไม่รู้ สุดระอา จะถามหา หลักฐาน อะไรกัน ก็คำตอบ มีอยู่ใน ไตรปิฎก ไม่โกหก นอกจากท่าน ไม่ศึกษา เรียนไม่จบ เรียนไม่ครบ ตามตำรา แล้วจะมา โวยวาย อะไรกัน ปล: สิกขา หมายถึง เรียนรู้และปฏิบัติด้วย |
เจ้าของ: | มหาราชันย์ [ 30 ต.ค. 2009, 23:07 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เชิญทุก ๆ ท่าน สนทนากับคุณ"Supareak Mulpong" เรื่องฌาน |
Supareak Mulpong เขียน: ก็คำตอบ มีอยู่ใน ไตรปิฎก ไม่โกหก นอกจากท่าน ไม่ศึกษา เรียนไม่จบ เรียนไม่ครบ ตามตำรา แล้วจะมา โวยวาย อะไรกัน ![]() ![]() ![]() ยกมาซี ![]() ![]() เป็นคนจริง ![]() ![]() ยกมากาง ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() นอกจากคุณ ![]() ![]() คนรู้จริง ![]() ![]() ยกมาได้ ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() แค่ทำล้อ ![]() ![]() ถ้าเก่งจริง ![]() ![]() คนสิ้นท่า ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | กระบี่ไร้เงา [ 31 ต.ค. 2009, 00:22 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: เชิญทุก ๆ ท่าน สนทนากับคุณ"Supareak Mulpong" เรื่องฌาน | ||
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() Supareak เขียน: ก็คำตอบ มีอยู่ใน ไตรปิฎก ไม่โกหก นอกจากท่าน ไม่ศึกษา เรียนไม่จบ เรียนไม่ครบ ตามตำรา แล้วจะมา โวยวาย อะไรกัน ![]() ตามครรลอง คนรอดู อยู่ตรงนี้ หวังความรู้ ระดับครู ที่ท่านมี อ้างอิงที่ แจ้งชัด ใช่เล่นคำ ![]() ทำอำพราง ไม่ชัดเจน เห็นน่าขำ กล่าวออกไป อ้างพุทธพจน์ ไม่ควรทำ เป็นการตู่ ในคำ องค์สัมมา ![]() ผู้บริสุทธิ์ สั่งสอนไว้ ให้สิกขา แม้ท่านกล่าว ว่าเป็น พุทธวาจา ต้องกล้านำ ออกมา เพื่อยืนคำ ![]() ว่ากำหนด สอนไว้ ในทางสัมม์ แล้วอ้างให้ ไปศึกษา ในสัทธรรม จากพระไตรฯ ไม่ควรทำ ใช่ของจริง ![]() หวังคงได้ คำตอบ คงไม่นิ่ง หวังเมตตา จากท่าน Supareak กล่าวคำจริง หวังอย่ายิ่ง ท่านคงไม่ ไร้น้ำใจ ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]()
|
เจ้าของ: | กระบี่ไร้เงา [ 31 ต.ค. 2009, 00:26 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: เชิญทุก ๆ ท่าน สนทนากับคุณ"Supareak Mulpong" เรื่องฌาน | ||
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() Supareak Mulpong เขียน: บำเพ็ญฌาน ได้ญาณ สมาธิ มีอิทธิ อภิญญา เป็นกุศล มีเป็นบาท ไว้สำหรับ ฝึกฝนตน จนได้ผล เป็นมรรค เป็นนิพพาน อันความนี้ ศาสดา หาได้กล่าว เป็นเรื่องราว เป็นความ ทำสับสน เพียงปัญญา ความว่า รู้จักตน ก็พาพ้น วัฏฏะ น่าอัศจรรย์ บำเพ็ญฌาน ได้ญาณ สมาธิ มีอิทธิ อภิญญา เป็นกุศล มีเป็นบาท ไว้สำหรับ ฝึกฝนตน จนได้ผล เป็นมรรค เป็นนิพพาน อันความนี้ ศาสดา หาได้กล่าว เป็นเรื่องราว เป็นความ ทำสับสน...Supareak กระบี่ฯ ขอร่วมวง ด้วยสักคน เพื่อให้หาย สับสน หายสงกา ![]() มากล่าวยก พร้อมถาม ความปุจฉา ขอให้ท่าน Supareak ช่วย วิสัชนา ตามคาถา ที่ยกมา ข้าฯ ขอบคุณ ![]() "อวิชชา" นั้น ไซร้ ได้ธรรมหนุน บรรลุพระโพธิญาณ ที่ทรงคุณ ธ ทรงเกื้อ การุณ ตรัสวาที ![]() ได้กล่าวถึง ตรัสรู้ของ พระทรงศรี อุปมา ออกจากไข่ ด้วยสวัสดี ข้าฯ กระบี่ ขอยกให้ ได้ทัศนา Quote Tipitaka: [๓] ดูกรพราหมณ์ เปรียบเหมือนฟองไข่ ๘ ฟอง ๑๐ ฟอง หรือ ๑๒ ฟอง ฟองไข่เหล่านั้น อันแม่ไก่พึงกกดีแล้ว อบดีแล้ว ฟักดีแล้ว บรรดาลูกไก่เหล่านั้น ลูกไก่ตัวใดทำลาย กระเปาะฟอง ด้วยปลายเล็บเท้า หรือด้วยจะงอยปาก ออกมาได้โดยสวัสดีก่อนกว่าเขา ลูกไก่ตัวนั้นควรเรียกว่ากระไร จะเรียกว่าพี่หรือน้อง. เวรัญชพราหมณ์ : ท่านพระโคดม ควรเรียกว่าพี่ เพราะมันแก่กว่าเขา. เราก็เหมือนอย่างนั้นแล พราหมณ์ เมื่อประชาชนผู้ตกอยู่ในอวิชชา เกิดในฟองอันกระเปาะฟองหุ้มห่อไว้ ผู้เดียวเท่านั้นในโลก ได้ทำลายกระเปาะฟอง คือ อวิชชา แล้ว ได้ตรัสรู้พระสัมมาสัมโพธิญาณอันยอดเยี่ยม เรานั้นเป็นผู้เจริญที่สุด ประเสริฐที่สุดของโลก เพราะความเพียรของเราที่ปรารภแล้วแล ไม่ย่อหย่อน สติดำรงมั่นไม่ฟั่นเฟือน กายสงบ ไม่กระสับกระส่าย จิตตั้งมั่น มีอารมณ์เป็นหนึ่ง เรานั้นแล สงัดแล้วจากกาม สงัดแล้วจากอกุศลธรรม ได้บรรลุปฐมฌาน มีวิตก มีวิจาร มีปีติและสุขซึ่งเกิดแต่วิเวกอยู่ เราได้บรรลุทุติยฌาน มีความผ่องใสแห่งจิต ณ ภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ไม่มีวิตกไม่มีวิจาร เพราะวิตก วิจาร สงบไป มีปีติและสุขซึ่งเกิดแต่สมาธิอยู่ เรามีอุเบกขาอยู่ มีสติ มีสัมปชัญญะ และเสวยสุขด้วยนามกาย เพราะปีติสิ้นไป ได้บรรลุตติยฌาน ที่พระอริยะทั้งหลายสรรเสริญว่า เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติ มีสุขอยู่ ดังนี้ อยู่ เราได้บรรลุจตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์และดับโสมนัส โทมนัส ก่อนๆ มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่ เรานั้น เมื่อจิตเป็นสมาธิ บริสุทธิ์ ผุดผ่อง ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลสอ่อน ควรแก่การงาน ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหว อย่างนี้แล้ว ได้น้อมจิตไปเพื่อบุพเพนิวาสานุสสติญาณ เรานั้นย่อมระลึกชาติก่อนได้เป็นอันมาก คือ ระลึกชาติได้หนึ่งชาติบ้าง สองชาติบ้าง สามชาติบ้าง สี่ชาติบ้าง ห้าชาติบ้าง สิบชาติบ้าง ยี่สิบชาติบ้าง สามสิบชาติบ้าง สี่สิบชาติบ้าง ห้าสิบชาติบ้าง ร้อยชาติบ้าง พันชาติบ้าง แสนชาติบ้าง ตลอดสังวัฏฏกัลป์เป็นอันมากบ้าง ตลอดวิวัฏฏกัลป์ เป็นอันมากบ้าง ตลอดสังวัฏฏวิวัฏฏกัลป์เป็นอันมากบ้าง ว่าในภพโน้นเราได้มีชื่ออย่างนั้น มีโคตรอย่างนั้น มีผิวพรรณอย่างนั้น มีอาหารอย่างนั้น เสวยสุขทุกข์อย่างนั้นๆ มีกำหนดอายุเพียงเท่านั้น ครั้นจุติจากภพนั้นแล้ว ได้ไปเกิดในภพโน้น แม้ในภพโน้นนั้น เราก็ได้มีชื่ออย่างนั้น มีโคตรอย่างนั้น มีผิวพรรณอย่างนั้น มีอาหารอย่างนั้น เสวยสุขทุกข์อย่างนั้นๆ มีกำหนดอายุเพียงเท่านั้น ครั้นจุติจากภพโน้นนั้นแล้ว ได้มาเกิดในภพนี้ เราย่อมระลึกถึงชาติก่อนได้เป็นอันมาก พร้อมทั้งอุเทส พร้อมทั้งอาการ ด้วยประการฉะนี้ พราหมณ์ วิชชาที่หนึ่งนี่แล เราได้บรรลุแล้วในปฐมยามแห่งราตรี อวิชชา เรากำจัดได้แล้ว วิชชาเกิดแก่เราแล้ว ความมืดเรากำจัดได้แล้ว แสงสว่างเกิดแก่เราแล้ว เหมือนที่เกิดแก่บุคคลผู้ไม่ประมาท มีความเพียรเผากิเลส ส่งจิตไปแล้วอยู่ฉะนั้น ความชำแรกออกครั้งที่หนึ่งของเรานี้แล ได้เป็นเหมือนการทำลายออกจากกระเปาะฟองแห่งลูกไก่ฉะนั้น. ![]() เป็นเรื่องราว ฌาน เป็นบาท ญาณหรือไม่ ท่าน Supareak จะวิสัชนา ว่าอย่างไร ข้าฯ กระบี่ฯ น้อมใจ น้อมรับฟัง ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]()
|
เจ้าของ: | กระบี่ไร้เงา [ 31 ต.ค. 2009, 01:27 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: เชิญทุก ๆ ท่าน สนทนากับคุณ"Supareak Mulpong" เรื่องฌาน | ||
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() Supareak Mulpong เขียน: สมาธิ และฌาน สมาบัติ เป็นข้อวัตร ของฤๅษี ใช่ของสงฆ์ พระคุณเจ้า ตรัสบอก ความจำนง ให้หลุดพ้น ด้วยปัญญา และความเพียร ![]() แทนคำพูด ให้ผู้อ่าน ได้สิกขา ได้ตรัสสอน ภิกษุ ด้วยพระวาจา ให้ทำลาย ดวงตา ของหมู่มาร ![]() พระสูตรนี้ จากพระไตรฯ ใช่ไหมท่าน ท่าน Supareak เมตตาด้วย ช่วยเจือจาน ช่วยกล่าวขาน ให้ผู้อ่าน ได้เข้าใจ Quote Tipitaka: จากพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๒ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๔ มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ นิวาปสูตร ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม บรรลุปฐมฌาน มีวิตก มีวิจาร มีปีติและสุข เกิดแต่วิเวกอยู่ ดูกรภิกษุทั้งหลายนี้ เรากล่าวว่า ภิกษุได้ทำมารให้ตาบอด คือทำลายจักษุของมาร ให้ไม่เห็นร่องรอยถึงความไม่เห็นของมารผู้มีบาปธรรม. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ยังอีกข้อหนึ่ง คือ ภิกษุบรรลุทุติยฌาน มีความผ่องใสแห่งจิตภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น เพราะวิตกวิจารสงบไป ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่สมาธิอยู่ ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรากล่าวว่า ภิกษุได้ทำมารให้ตาบอด คือทำลายจักษุของมาร ให้ไม่เห็นร่องรอยถึงความไม่เห็นของมารผู้มีบาปธรรม. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ยังอีกข้อหนึ่ง คือ ภิกษุมีอุเบกขา มีสติสัมปชัญญะเสวยสุขด้วยนามกาย เพราะปีติสิ้นไป บรรลุตติยฌานที่พระอริยะทั้งหลายสรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติอยู่เป็นสุข ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรากล่าวว่า ภิกษุได้ทำมารให้ตาบอด คือทำลายจักษุของมาร ให้ไม่เห็นร่องรอยถึงความไม่เห็นของมารผู้มีบาปธรรม. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ยังอีกข้อหนึ่ง คือ ภิกษุบรรลุจตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์ และดับโสมนัสโทมนัสก่อนๆ ได้ มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่ ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรากล่าวว่า ภิกษุได้ทำมารให้ตาบอด คือทำลายจักษุของมาร ให้ไม่เห็นร่องรอย ถึงความไม่เห็นของมารผู้มีบาปธรรม. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ยังอีกข้อหนึ่ง คือ ภิกษุได้บรรลุอากาสานัญจายตนฌาน ซึ่งมีบริกรรมว่า อากาศหาที่สุดมิได้อยู่ เพราะเพิกรูปสัญญาเสียทั้งสิ้น เพราะปฏิฆสัญญาไม่ตั้งอยู่ เพราะไม่มีมนสิการนานัตตสัญญาอยู่ ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรากล่าวว่า ภิกษุได้ทำมารให้ตาบอด คือทำลายจักษุของมาร ให้ไม่เห็นร่องรอยถึงความไม่เห็นของมารผู้มีบาปธรรม. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ยังอีกข้อหนึ่ง คือ ภิกษุล่วงอากาสานัญจายตนฌานโดยประการทั้งปวง เสียแล้ว ได้บรรลุวิญญาณัญจายตนฌาน ซึ่งมีบริกรรมว่า วิญญาณหาที่สุดมิได้อยู่ ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรากล่าวว่า ภิกษุได้ทำมารให้ตาบอด คือทำลายจักษุของมาร ให้ไม่เห็นร่องรอย ถึงความไม่เห็นของมารผู้มีบาปธรรม. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ยังอีกข้อหนึ่ง คือ ภิกษุล่วงวิญญาณัญจายตนฌานโดยประการทั้งปวงเสียแล้ว ได้บรรลุอากิญจัญญายตนฌาน ซึ่งมีบริกรรมว่า อะไรหน่อยหนึ่งไม่มีอยู่ ดูกรภิกษุทั้งหลายนี้เรากล่าวว่า ภิกษุได้ทำมารให้ตาบอด คือทำลายจักษุของมาร ให้ไม่เห็นร่องรอย ถึงความไม่เห็นของมารผู้มีบาปธรรม. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ยังอีกข้อหนึ่ง คือ ภิกษุล่วงอากิญจัญญายตนฌานโดยประการทั้งปวงเสียแล้ว ได้บรรลุเนวสัญญานาสัญญายตนฌานอยู่ ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรากล่าวว่า ภิกษุได้ทำมารให้ตาบอด คือทำลายจักษุของมาร ให้ไม่เห็นร่องรอย ถึงความไม่เห็นของมารผู้มีบาปธรรม. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ยังอีกข้อหนึ่ง คือ ภิกษุล่วงเนวสัญญานาสัญญายตนฌานโดยประการทั้งปวงเสียแล้ว ได้บรรลุสัญญาเวทยิตนิโรธอยู่ ก็และเพราะเห็นด้วยปัญญา เธอย่อมมีอาสวะสิ้นไป ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรากล่าวว่า ภิกษุได้ทำมารให้ตาบอด คือทำลายจักษุของมาร ให้ไม่เห็นร่องรอย ถึงความไม่เห็นของมารผู้มีบาปธรรม เป็นผู้ข้ามพ้นตัณหาอันข้องอยู่ในอารมณ์ต่างๆ ในโลกเสียได้. พระผู้มีพระภาคตรัสพระพุทธพจน์นี้จบลงแล้ว ภิกษุเหล่านั้นมีความยินดีชื่นชมภาษิตของพระผู้มีพระภาค ดังนี้แล. http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/item.php?book=12&item=311&items=1 ![]() ![]() แต่พอจะ กำหนด ยกมาได้ ยกมาด้วย ความเคารพ ทั้งหมดใจ ที่ถวายให้ แด่องค์ พระสัมมาฯ ![]() ในองค์ธรรม ที่ยกไว้ ให้สิกขา ว่าตรัสสอน หมู่ภิกษุ ของศาสดา หรือตรัสว่า ของฤาษี พวกชีไพร ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]()
|
เจ้าของ: | sasikarn [ 31 ต.ค. 2009, 01:46 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เชิญทุก ๆ ท่าน สนทนากับคุณ"Supareak Mulpong" เรื่องฌาน |
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | Supareak Mulpong [ 01 พ.ย. 2009, 01:16 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เชิญทุก ๆ ท่าน สนทนากับคุณ"Supareak Mulpong" เรื่องฌาน |
ท่านกระบี่ มีวาจา เป็นบัณฑิต รู้จักคิด รู้ใช้คำ ที่คมขำ ทั้งฉลาด ตั้งปัญหา ในทางธรรม วิญญูชน เสริญผู้ทำ ในความดี ขอได้โปรด พิจารณา ว่าวิเวก ว่าเป็นเหตุ บำบัดใจ กิเลสหนา จนบรรลุ สมาธิ มีวิชชา ถามท่านว่า อันวิเวก คืออะไร? |
เจ้าของ: | กระบี่ไร้เงา [ 01 พ.ย. 2009, 02:10 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: เชิญทุก ๆ ท่าน สนทนากับคุณ"Supareak Mulpong" เรื่องฌาน | ||
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() Supareak Mulpong เขียน: ท่านกระบี่ มีวาจา เป็นบัณฑิต รู้จักคิด รู้ใช้คำ ที่คมขำ ทั้งฉลาด ตั้งปัญหา ในทางธรรม วิญญูชน เสริญผู้ทำ ในความดี ขอได้โปรด พิจารณา ว่าวิเวก ว่าเป็นเหตุ บำบัดใจ กิเลสหนา จนบรรลุ สมาธิ มีวิชชา ถามท่านว่า อันวิเวก คืออะไร? ท่านกระบี่ มีวาจา เป็นบัณฑิต รู้จักคิด รู้ใช้คำ ที่คมขำ ทั้งฉลาด ตั้งปัญหา ในทางธรรม วิญญูชน เสริญผู้ทำ ในความดี ![]() เห็นน้ำใจ ท่านยื่นให้ กับกระบี่ฯ ถ้อยวาจา กล่าวมา มีไมตรี พาฤดี ชุ่มชื่นใจ ใคร่สนทนา ![]() ขอน้ำใจ ท่าน Supareak ตอบปุจฉา ในเรื่องฌาน ที่กระบี่ ได้ยกมา เพราะอาจเป็น วิสัชนา ต่อเรื่องไป ![]() เพื่อประเทือง ปัญญา กระบี่ฯได้ ขอท่านโปรด วิสัชนา ก่อนเป็นไร ข้าฯ กระบี่ เต็มใจ วิสัชนา ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]()
|
หน้า 1 จากทั้งหมด 4 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |